ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าบวก 4.78 จุด ตอบรับล่วงหน้าผลเจรจา Fiscal Cliff,แรงซื้อ LTF-RMF

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 ธันวาคม 2555 12:43:58 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,383.10 จุด เพิ่มขึ้น 4.78 จุด(+0.35) มูลค่าการซื้อขาย 13,210 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,383.72 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,378.43 จุด

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบวกได้จากปัจจัยที่นักลงทุนน่าจะมีการเข้าเก็งกำไรเชิงบวกล่วงหน้าต่อประเด็นเรื่องความชัดเจนการแก้ปัญหา fiscal cliff ของสหรัฐว่าสุดท้ายแล้วคงจะผ่านพ้นประเด็นปัญหาไปได้ด้วยดีemnb_18_18900.gif?139001446emnb_1_370235.gif

ส่วนประเด็นอื่นที่เป็นตัวแปรเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังมองแข็งแกร่งปีหน้า รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

ทิศทางตลาดช่วงบ่ายดัชนีน่าจะยังบวกได้ต่อ ให้กรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันที่ 1,375-1,385 จุด สำหรับวันนนี้

"ในภาคต่างประเทศให้น้ำหนักที่ fiscal cliff เป็นหลัก เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายเล็กน้อยไม่มีผลเพราะช่วงนี้ให้น้ำหนักไปที่กองทุนในประเทศที่เชื่อว่ามีเม็ดเงินของกองทุน LTF-RMF ที่รอซื้ออยู่" นายปริญทร์ กล่าว

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

UV มูลค่าการซื้อขาย 1,496.06 ล้านบาท ปิดที่ 9.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,226.34 ล้านบาท ปิดที่ 69.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 886.05 ล้านบาท ปิดที่ 5.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

BTS มูลค่าการซื้อขาย 566.19 ล้านบาท ปิดที่ 7.05 บาท ลดลง 0.05 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 415.88 ล้านบาท ปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th-

ข่าวด่วนธุรกิจ :

 

  • หุ้นไทยภาคเช้าปิดตลาด 1,383.10 จุด บวก 4.78 จุด มูลค่าการซื้อ-ขาย 13,210.01 ล้านบาท
  • ดัชนี BSE SENSEX 30 หุ้นอินเดีย เปิดตลาด 19,302.47 บวก 47.38 จุด
  • ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดตลาดภาคเช้า 10,122.82 บวก 42.70 จุด
  • (เวลา09.33น.)ทองคำแท่งซื้อ 24,000 ขาย 24,100 บ. /ทองรูปพรรณ ซื้อ 23,649.60 ขาย 24,500 บ.
  • (ธปท.) อัตราแลกเปลี่ยนกลาง 40.6671 บาท/ยูโร
  • (ธปท.) อัตราแลกเปลี่ยนกลาง 30.628 บาท/ดอลลาร์
  • (หุ้นไทย) ณ เวลา 10.01 น. ดัชนีตลาดอยู่ที่ 1,381.16 จุด บวก 2.84 จุด มูลค่าการซื้อ-ขาย 1,317.46 ล้านบาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

:57 ginger..ขอต่ายกอดทีนะ..คิดถึง..ปีใหม่ใกล้มาถึงแล้ว..มีความสุขนะ.. :32

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

577925_338067566300163_1141168968_n.jpg

สวัสดีปีใหม่

สุขกาย ใจแข็งแรง

สมใจ ปลอดภัย

ค้าขายดี ลงทุนมีกำใร

โชคดี มีเงินทอง ดีเพิ่มเติมเต็ม

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2555

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 ธันวาคม 2555 17:00:00 น.

ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ จะยกเลิกวันหยุดพักผ่อนที่ฮาวาย โดยจะเดินทางกลับมายังกรุงวอชิงตันในวันพุธนี้ตามเวลาในสหรัฐ เพื่อหาทางแก้ภาวะหน้าผาการคลังกับสภาคองเกรสemnb_18_18900.gif?1102125777

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ท่ามกลางความวิตกต่อเนื่องเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

-- สภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่นมีมติเลือกนายชินโสะ อาเบะ ผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นในวันนี้

สภาผู้แทนฯมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากให้นายอาเบะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ในรอบ 6 ปีของญี่ปุ่น หลังนายอาเบะได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.

-- โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยในวันนี้ว่า ทางบริษัทกำหนดเป้าหมายยอดขายทั่วโลกในปี 2556 ไว้ที่ 9.91 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2% จากปีนี้

โตโยต้าเปิดเผยว่า ทางกลุ่มบริษัทวางแผนผลิตรถยนต์ 9.94 ล้านคันทั่วโลกในปีหน้า ซึ่งเกือบเท่ากับยอดผลิตในปีนี้

-- ยามชายฝั่งฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า เมื่อวันพุธ เวลา 7.00 น. ผู้โดยสารจำนวน 5,748 คนยังไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ท่าเรือ 12 แห่งในตอนกลางของประเทศ เนื่องจากผลกระทบจากพายุโซนร้อนอู้คง (ชื่อท้องถิ่นคือ ควินตา) โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่ประมาณ 2,550 คนติดอยู่ที่ท่าเรือในเมืองมะนิลา 939 คนในเมืองเซบูและ 454 คน ติดอยู่ในเมืองมาซิน เกาะเลย์เต เป็นต้น

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th

 

TISCO แนะเก็บสินทรัพย์เสี่ยง หุ้นเอเชีย-ทองคำยังน่าสนใจ

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 ธันวาคม 2555 09:59 น.

blank.gif blank.gif 555000016475101.JPEG blank.gif ทิสโก้เผย ปีนี้ AUM ทะลุเป้า ตั้งเป้าปีหน้าเติบโตอีก 15-20% แนะเพิ่มน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยงในหุ้นจีน เอเชียแปซิฟิก และทองคำ ที่ยังไปต่อในปีหน้า คาดที่ระดับ 1,950 เหรียญ

 

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัดกล่าวถึงภาพรวมของบริษัทในปีนี้ว่า บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เติบโตทะลุเป้าที่ตั้งไว้ ณ วันที่ 21 ธ.ค. 2555 อยู่ที่ 23,856.21 ล้านบาท จากสิ้นปี 2554 ที่ 14,110.31 ล้านบาท เพิ่ม 69.07% และคาดว่าในปีหน้าจะเติบโตอีก 15-20% ขณะที่บัญชีผู้ถือหน่วยกองทุนรวมปัจจุบันเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 35,000 บัญชี จากสาขาบริษัทที่เพิ่มขึ้นประมาณ 50 สาขา โดยมียอดขายกองทุนรวมผ่านธนาคารคิดเป็น 1 ใน 3

 

ทั้งนี้ ภาพของการลงทุนเศรษฐกิจโลกมีความกังวลจากปัญหายุโรปลดลง จึงแนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตการลงทุนโดยเน้นสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมาลงทุนในตราสารหนี้จำนวนมากและเริ่มให้ผลตอบแทนน้อยลง คาดว่าในปีหน้าบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ประมาณ 15-18%

 

“มุมมองการลงทุนของ บลจ.ทิสโก้ยังแนะนำลงทุนในหุ้นจีน เอเชียแปซิฟิก ซึ่งมองว่าหลังจากที่จีนได้ผู้นำคนใหม่แล้ว นโยบายทางเศรษฐกิจก็จะมีการเดินหน้ากระตุ้นการลงทุน ขณะที่ราคาหุ้นของจีนถือว่าถูกกว่าในอดีตมาก ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ประมาณ 9 เท่า จากในอดีตซึ่งอยู่ที่ประมาณ 14 เท่า ซึ่งนักลงทุนต่างชาติได้เข้าไปลงทุนจำนวนมากแล้วในตลาด H-Share เมื่อเทียบกับตลาด A-Share”

 

ส่วนการลงทุนในทองคำยังคงไปต่อได้ มองว่าหากราคาลดลงมาที่ระดับประมาณ 1,700 เหรียญก็สามารถเข้าลงทุนได้ มองราคาทองปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,950 เหรียญ ขณะที่ราคาน้ำมันมองในปีหน้ายังนิ่งอยูที่ระดับ 80-90 เหรียญ จากดีมานด์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มาก แนะนำลงทุนในช่วงสั้นๆ ได้ เช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างสินค้าเกษตรที่ยังไม่มีการขยับตัวมากเพราะดีมานด์ในน้ำมันยังไม่มาก ดังนั้นสินค้าเกษตรจึงยังไม่ถูกเก็งกำไรในฐานะสินค้าพลังงานทดแทน

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:57 ginger..ขอต่ายกอดทีนะ..คิดถึง..ปีใหม่ใกล้มาถึงแล้ว..มีความสุขนะ.. :32

 

3207345c905_n.jpgมีความสุขนะ

บายใจ

 

ลงทุนกำไรๆๆๆๆ

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Precious Metals Futures By GT Wealth Management 26 ธ.ค. 55 (ภาคบ่าย)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 26 ธันวาคม 2555 17:41:08 น.

กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่างวันใกล้ระดับ US$ 1,660 หลังเทศกาลวันหยุดคริสต์มาสสิ้นสุดลง โดยผู้นำสหรัฐฯจะเดินทางกลับสู่ทำเนียบขาววันนี้เพื่อหารือกับสภาคองเกรสอย่างเร่งด่วน ด้านนายชินโซ อาเบะ ผู้นำพรรค LDP ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกอย่างเป็นทางการ โดยเขามีเป้าหมายที่จะปกป้องค่าเงินเยนและผ่อนคลายนโยบายการเงิน กดดันให้ค่าเงินเยนเทียบดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องใกล้ระดับ 85.40 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ SPDR รายงานการถือครองทองคำที่ระดับ 1,350.82 ตัน คงที่emnb_18_18900.gif?1608244962emnb_1_370232.gif

โกลด์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 (GFZ12) ปิดที่ระดับ 24,140 บาท ปริมาณการซื้อขาย 984 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2556 (GFG13) ปิดที่ระดับ 24,320 บาท ปริมาณการซื้อขาย 613 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 (GFJ13) ปิดที่ระดับ 24,460 บาท ปริมาณการซื้อขาย 184 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 ขนาด 10 บาท (GF10Z12) ปิดที่ระดับ 24,140 ปริมาณการซื้อขาย 2,282 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ขนาด 10 บาท (GF10G13) ปิดที่ระดับ 24,320 ปริมาณการซื้อขาย 1,456 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 ขนาด 10 บาท (GF10J13) ปิดที่ระดับ 24,460 ปริมาณการซื้อขาย 604 สัญญา

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 (SVZ12) ปิดที่ระดับ 918ปริมาณการซื้อขาย 1 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2556 (SVG13) ไม่มีการซื้อขาย

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 (SVJ13) ปิดที่ระดับ 939 ปริมาณการซื้อขาย 3 สัญญา

ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 6,127 สัญญา

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า หลังช่วงวันหยุดคริสต์มาสการประชุมหารือประเด็น Fiscal Cliff จะกลับมามีความเข้นข้นมากขึ้นเนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ทำให้ช่วงนี้ตลาดจะกลับมามีความผันผวนอีกครั้งหลัง หากสหรัฐฯไม่สามารถเลี่ยงการเกิดภาวะหน้าผาทางการคลังจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังฟื้นตัว จับตานโยบายการเงินญี่ปุ่นหลังว่าที่นายกกดดัน BOJ มากขึ้นในการผ่อนคลายนโยบายการเงินพร้อมปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อของประเทศ

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 26 ธันวาคม 2555 โดย YLG

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 26 ธันวาคม 2555 17:21:38 น.

กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,659.00 — 1,650.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ12 อยู่ที่ 24,050 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 24,030 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVZ12 อยู่ที่ 917 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 917 บาทemnb_18_18900.gif?1926368731emnb_1_370232.gif

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.02 น.ของวันที่ 26/12/12)ออกมา คือ ออกมา คือ

แนวโน้มวันที่ 27 ธันวาคม 2555

เนื่องจากเหลือวันที่ตลาดทองคำจะเปิดทำการซื้อขายเพียงไม่มีกี่วัน เพราะกำลังจะถึงเทศกาลปีใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ อีกทั้งกองทุนต่างๆ ได้ทยอยปิดการลงทุนไปเรียบร้อยในช่วงก่อนหน้านี้หนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำจึงมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง อย่างไรก็ตามวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยนักลงทุนยังจับตาดูว่านักการเมืองสหรัฐจะสามารถตกลงกันได้หรือไม่ในเรื่องวิธีการหลีกเลี่ยงภาวะ fiscal cliff ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงวิตกกังวลจากความยืดเยื้อที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคยังคงยืนกรานในข้อเสนอที่เป็นประโยชน์กับพรรคของตน ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ จะยกเลิกวันหยุดพักผ่อนที่ฮาวาย โดยจะเดินทางกลับมายังกรุงวอชิงตัน เพื่อหาทางแก้ภาวะหน้าผาการคลังกับสภาคองเกรส ซึ่งนักลงทุนยังคงติดตามดูความคืบหน้าในช่วงปลายสัปดาห์ว่าสหรัฐจะมีแนวทางที่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะวิกฤตได้หรือไม่ เบื้องต้นวายแอลจีแนะนำว่านักลงทุนอาจชะลอการลงทุน หรือ พยายามลดขนาดของพร์อตลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง และความผันผวนของราคาจากปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบระหว่างวันหรือหากไม่อยากกังวลมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนออกไปก่อน และกลับเข้ามาลงทุนใหม่ในช่วงต้นปี 2013 ก็สามารถทำได้

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือและไม่มีสถานะฟิวเจอร์ส สามารถรับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้ชะลอการลงทุน แต่สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ หากราคาทองคำมีการปรับลดลงทดสอบแนวรับและไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้น โดยรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,650 หรือ 1,645 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือหรือมีสถานะซื้อในตลาดฟิวเจอร์ส ทยอยขายหรือปิดสถานะทำกำไรตามบริเวณแนวต้าน 1,665 หรือ 1,671 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าราคาหลุดโซน 1,635 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายตัดขาดทุนทันที

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,650 (23,930บาท) 1,646 (23,870บาท) 1,635 (23,710บาท)

แนวต้าน 1,665 (24,150บาท) 1,671 (24,240บาท) 1,678 (24,440บาท)

GOLD FUTURES (GFZ12)

แนวรับ 1,650 (24,020บาท) 1,646 (23,960บาท) 1,635 (23,800บาท)

แนวต้าน 1,665 (24,230บาท) 1,671 (24,320บาท) 1,678 (24,420บาท)

SILVER FUTURES (SVZ12)

แนวรับ 29.65 (909บาท) 29.30 (899บาท) 28.75 (882บาท)

แนวต้าน 30.45 (934บาท) 30.70 (942บาท) 30.95 (949บาท)

 

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เผยขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต้นปี 56 เร่งเงินเฟ้อพุ่ง-ดันอัตราว่างงานเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 ธันวาคม 2555 17:07:49 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาท ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.56 แม้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับแรงงาน แต่ยังต้องติดตามผลกระทบที่มีต่อจีดีพีและอัตราเงินเฟ้อ

โดยการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้จะช่วยให้แรงงานใน 70 จังหวัด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของแรงงานฐานค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ มีรายได้เพิ่มมากขึ้นโดยรวมคิดเป็น 0.6% ของจีดีพีในปี 2556 แต่แรงหนุนจากการขึ้นค่าแรงที่จะส่งผ่านการบริโภคภาคเอกชนมายังจีดีพีอาจอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราดังกล่าว เนื่องจากผลของรายได้ที่เพิ่มขึ้นอาจถูกลดทอนลงโดยหลายปัจจัย อาทิ ระดับค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นตามราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการผลักภาระต้นทุนการผลิตมายังผู้บริโภค ขณะเดียวกันหากแรงงานยังมีภาระหนี้สินในครัวเรือนที่ต้องผ่อนชำระก็อาจต้องนำรายได้ส่วนเพิ่มนี้ไปชำระหนี้ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังซื้อของแรงงานและการบริโภคภาคเอกชนไม่เพิ่มระดับขึ้นจากเดิมemnb_18_18900.gif?885385458emnb_1_370232.gif

นอกจากนี้ ราคาปัจจัยการผลิตหลายชนิดที่มีกำหนดปรับเพิ่มขึ้นในปี 2556 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และอาจทำให้แรงงานบางส่วนต้องตกงานและประสบภาวะที่ยากลำบากมากขึ้นในการหางานใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่อาจฉุดรั้งให้ผลของการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศที่มีต่อการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนและจีดีพีอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้แรงงานเช่นกัน

สำหรับผลต่ออัตราเงินเฟ้อนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ราคาพลังงานในตลาดโลกที่มีแนวโน้มทรงตัวและทิศทางการชะลอตัวของการบริโภคจะเป็นปัจจัยที่ช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อลงได้บางส่วน และช่วยให้อัตราเงินเฟ้อในปี 2556 อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่เงินเฟ้อก็ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลพวงของการปรับราคาปัจจัยการผลิต(Cost-push Inflation) ทั้งการทยอยลดการอุดหนุนราคาพลังงานของรัฐบาล การปรับเพิ่มค่า Ft ไฟฟ้ารอบใหม่ และต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้นตามอัตราค่าแรงใหม่

"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2556 อาจเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.3% โดยคาดว่าการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันทั่วประเทศ จะมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าราว 0.4%" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

โดยผลกระทบของการปรับค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวต่อภาคธุรกิจมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันตามที่ตั้ง ขนาด และประเภทกิจการ รวมไปถึงความสามารถในการปรับตัว การปรับค่าจ้างขั้นต่ำในช่วงต้นปี 2556 จะทำให้อัตราค่าจ้างมาตรฐานของไทยขยับขึ้นร้อยละ 31.7 จากค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยในปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 227.8 บาท/วัน โดยจังหวัดพะเยาซึ่งมีฐานค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยต่ำที่สุดของประเทศที่ 206.3 บาท/วัน จะมีการปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45.5 และลดหลั่นกันไปตามช่องว่างระหว่างอัตราค่าจ้างฐานในปัจจุบันและค่าจ้างใหม่ ขณะที่ 7 จังหวัดนำร่องที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างไปแล้วในเดือน เม.ย.55 จะคงอยู่ที่ 300 บาท/วัน

"การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำย่อมส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการปรับขึ้นค่าจ้าง แต่ทุกภาคส่วนธุรกิจก็คงไม่สามารถหลีกหนีจากผลกระทบที่เกิดจากการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำไปได้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

ขนาดและประเภทธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าจ้างมากที่สุดคงไม่พ้นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง(SMEs) ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมดในประเทศ หรือราว 2.3 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาแรงงานที่รับค่าจ้างในอัตราขั้นต่ำเพื่อทำงานที่ไม่ต้องอาศัยความชำนาญ ซึ่งหากเป็นกลุ่มที่เน้นตลาดส่งออกที่กำลังตกอยู่ในภาวะซบเซาเป็นหลักด้วยแล้ว ก็น่าจะทำให้ผลกระทบอยู่ในระดับที่รุนแรงเมื่อเทียบกับธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรในระดับต่ำ และธุรกิจที่กำลังเผชิญภาวะการแข่งขันสูงที่ทำให้การส่งผ่านภาระต้นทุนการผลิตไปยังผู้บริโภคเป็นไปได้ยาก ซึ่งก็คงจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงด้วยเช่นกัน

"ไม่ว่าผลกระทบที่เกิดจากต้นทุนค่าแรงจะมากน้อยเพียงใด หากผู้ประกอบการมีความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัวที่ดี อาทิ ผู้ประกอบการมีศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการที่เป็นที่ต้องการในตลาด มีความสามารถในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถปรับตัวโดยนำเอาเทคโนโลยีและระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเสริมในการผลิตและการบริหารงานเพื่อลดต้นทุน ก็อาจช่วยบรรเทาผลกระทบของต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้นและสามารถประคับประคองให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

ผลที่ตามมาส่วนหนึ่งคือการว่างงานในระยะสั้นอาจเพิ่มขึ้นบ้างแต่ไม่รุนแรงนักเนื่องจากตลาดแรงงานยังตึงตัว คงต้องยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำที่เกิดขึ้น นอกจากจะทำให้ภาคธุรกิจบางส่วนต้องปรับตัว โดยอาจต้องปรับลดจำนวนแรงงาน ลดขนาดกิจการ หรืออาจต้องปิดการลงในท้ายที่สุด ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคการจ้างงานของไทยด้วยเช่นกัน

"การเพิ่มค่าจ้างเป็น 300 บาทต่อวันเป็นมาตรการที่รัฐบาลได้ประกาศและวางแนวทางไว้ระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่ภาคธุรกิจส่วนหนึ่งน่าจะมีการเตรียมรับมือกับแนวโน้มต้นทุนค่าแรงที่จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดดังกล่าวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อผนวกเข้ากับแนวโน้มของตลาดแรงงานไทยที่อยู่ในภาวะค่อนข้างตึงตัวซึ่งส่งผลให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะรักษาแรงงานที่มีทักษะไว้ รวมทั้งหลายธุรกิจยังคงมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะช่วยดูดซับแรงงานที่ต้องประสบภาวะว่างงานจากผลกระทบของภาวะแวดล้อมการดำเนินธุรกิจที่บีบคั้นได้ระดับหนึ่ง ก็น่าจะส่งผลเชื่อมโยงทำให้การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ว่างงานในตลาดแรงงานไทยในระยะสั้นยังไม่เข้าสู่ระดับที่เป็นอันตราย" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนผู้ว่างงานในปี 2556 จะอยู่ที่ 3.0 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.8% (กรอบคาดการณ์ 2.6-3.4 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.7-0.9%) เพิ่มขึ้นจากจำนวน 2.65 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.7% ในปี 2555

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีและขอบคุณมากค่ะ ginger news chez bas+trader+น้องบีม ต่ายทอง ย่าหยา พี่มดแดง พี่แสงแดด และทุกๆคนค่ะ

โชคดี สุขกาย สบายใจค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีและขอบคุณมากค่ะ ginger news chez bas+trader+น้องบีม ต่ายทอง ย่าหยา พี่มดแดง พี่แสงแดด และทุกๆคนค่ะ

โชคดี สุขกาย สบายใจค่ะ

เช่นกันนะคะ

 

MTS

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...