ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

:01 ขอบคุณค่ะ คุณginger, ขอบคุณค่ะ คุณบาส

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุณค่ะ คุณginger, ขอบคุณค่ะ คุณบาส

ดีค่ะ

วิข่าวร้อน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฟดส่อลุย คิวอี3 ต่อ เสี่ยงกระทบบอนด์เชื่อมั่นพัง

  • 22 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:53 น. |

 

C49432935AC44B96808B356D5E473B69.jpg

 

 

โดย...นงลักษณ์ อัจนปัญญา

 

ตกอยู่ในอาการระส่ำระสายหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน เมื่อ ชาร์ลส อีแวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ออกมาส่งสัญญาณเป็นนัยว่า เฟด อาจจะยุติการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รอบล่าสุดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยมีแววว่าอาจจะหยุดใช้คิวอีทันทีภายในฤดูใบไม้ร่วง หรือช่วงประมาณเดือน ต.ค.นี้

เห็นได้จากปฏิกิริยาตอบสนองในตลาดพันธบัตรสหรัฐเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังจากที่อีแวนซ์แสดงความเห็นออกมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับเกือบสูงที่สุดในรอบ 2 เดือน หรืออยู่ที่ 1.972%

และกลายเป็นคำถามสำคัญที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจทั่วโลกต่างหันมาจับตามองสถานการณ์และทีท่าของเฟดอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถคาดเดาคาดการณ์แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดที่พอจะเป็นไปได้และใกล้เคียงมากที่สุด

ระหว่างการที่เฟดจะคงการใช้นโยบายคิวอีต่อไปกับการเลือกยุติการใช้นโยบายดังกล่าวตามที่ผู้ว่าการเฟดสาขาชิคาโกส่งสัญญาณมา

ต้องยอมรับว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปัจจุบันที่ฟื้นตัวได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการว่างงานที่ลดลงเหลือระดับ 7.5% หรือต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี หรือการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่าอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่เพียง 0.4% และการลงทุนในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 12.6% และปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น 3.2%

เรียกได้ว่า สถานการณ์ค่อนข้างเป็นใจให้เฟดสามารถยุติมาตรการคิวอี 3 ที่รวมถึงการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลและตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง (เอ็มบีเอส) รวมเดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่ได้เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวจนกว่าตัวเลขการว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5%

สำหรับสาเหตุที่ต้องลดหรือเลิกคิวอีเป็นเพราะคณะกรรมการเฟดหลายราย รวมถึงริชาร์ด ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการเฟดประจำดัลลัสเห็นว่า ขณะที่มาตรการคิวอี3 ช่วยให้ตลาดหุ้นคึกคัก และเสริมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภค และบริษัทเกิดสภาพคล่อง แต่ผลลัพธ์ที่มีต่อการจ้างงานและการฟื้นของเศรษฐกิจในวงกว้างยังไม่ชัดเจนเท่ากับผลเสียของการใช้มาตรการคิวอีที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐแบกรับภาระหนี้มากขึ้น และเสี่ยงกับภาวะเงินเฟ้อซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจแดนลุงแซมในอนาคต

อย่างไรก็ตาม แม้กระแสความเห็นที่ออกมาจากบรรดาคณะกรรมการเฟดจะชี้ให้เห็นว่าสนับสนุนการเลิกใช้สารพัดนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณต่างๆ เพื่อไม่ให้เฟดต้องรับภาระหนักหนาสาหัสเกินไป แต่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งยังคงเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่น่าจะเลือกแนวทางดังกล่าวในขณะนี้ หรือภายในปีนี้อย่างแน่นอน และตัวเลขการจ้างงานก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวตัดสินให้เฟดยกเลิกคิวอี 3 ในเมื่อสหรัฐยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องคำนึงอย่างเรื่องการขาดดุลงบประมาณ และผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร

ทั้งนี้ แม้รายงานจากสำนักงบประมาณสภาคองเกรส (ซีบีโอ) แสดงให้เห็นว่าการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐลดลงมาอยู่ที่ 6.42 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเพียงแค่ 4% ของจีดีพี แต่การลดลงดังกล่าวเป็นผลจากมาตรการซีเควสเตรชั่นมูลค่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.46 ล้านล้านบาท) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่รวมถึงการตัดลดรายจ่ายของภาครัฐและการขึ้นภาษี มากกว่าจะเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

บรรดานักวิเคราะห์จากดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ รวมถึง เดวิด คาร์บอน ในสิงคโปร์ อธิบายว่า มาตรการดังกล่าวมีแนวโน้มจะกลายเป็นสาเหตุที่ฉุดรั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในอนาคต เนื่องจากภาครัฐลดการใช้จ่าย โดยงบประมาณของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในไตรมาสแรกตัดลดลงไปแล้ว 8.4% ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐโดนตัดงบประมาณมากที่สุด โดยรัฐบาลสหรัฐหั่นไปแล้ว 11.5%

ด้าน มูดี้ อินเวสเตอร์ แจกแจงว่าสหรัฐไม่อาจอาศัยมาตรการรัดเข็มขัดแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และการที่สหรัฐจะเติบโตได้ สหรัฐจะต้องหันมาปรับขยายเพดานหนี้เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายที่จะทำให้เศรษฐกิจขยับขับเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง

ไม่เช่นนั้น สหรัฐอเมริกาอาจต้องเผชิญกับการโดนหั่นลดอันดับสถานะความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของตนเอง เมื่อไม่อาจแสดงให้เห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนได้

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าเมื่อตลาดพันธบัตรเกี่ยวข้องกับความสามารถในการระดมทุนของธุรกิจองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้น ปัจจัยใดก็ตามที่จะกระเทือนความเชื่อมั่นจนทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นกลายเป็นภาระในการกู้ยืม ย่อมกระทบต่อการบริหารจัดการขององค์กร จนส่งผลต่อการจ้างงานในที่สุด

ร็อบเบิร์ต แวน บาเต็นเบิร์ก ผู้อำนวยการกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท นิวเอ็ดจ์ แอลแอลซีในนิวยอร์ก กล่าวว่า เพียงแค่มีกระแสข่าวระบุว่าเฟดจะเลิกซื้อพันธบัตรก็เกิดปฏิกิริยาทางลบตอบสนองจากตลาดแทบจะในทันที เห็นได้จากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนแทบจะทันที

ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นต่อตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงยังทำให้นักลงทุนเลือกที่จะกระจายความเสี่ยงในการลงทุนของตนเอง ซึ่งหมายถึงการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลง โดยข้อมูลจากไฟแนนเชียลไทมส์ระบุว่า นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดพันธบัตรสหรัฐเริ่มลดการถือครองพันธบัตรแล้ว ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ จีน

จีน ซึ่งอยู่ในสถานะเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐได้ลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐแล้วจากเดิมที่เคยอยู่ในระดับสูงสุดถึง 1.31 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 แต่เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จีนลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐลงมาอยู่ที่ 1.25 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเริ่มหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ เพื่อกระจายความหลากหลายของสินทรัพย์ของตนเองมากขึ้น

ความเคลื่อนไหวข้างต้นยังสอดคล้องกับรายงานดัชนีพันธบัตรของแบงก์ออฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ที่ระบุว่านักลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในเดือนนี้ ต้องเผชิญหน้ากับการขาดทุนไปแล้ว 1.1%

ดังนั้น นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งจึงเริ่มคาดการณ์ว่า การยุติคิวอี 3 ของเฟดย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนวุ่นวายในสหรัฐ รวมถึงในตลาดทั่วโลกได้แน่นอน

ทั้งนี้ ตราบใดที่สถานการณ์เศรษฐกิจภายในสหรัฐยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งยั่งยืน ตราบนั้นเฟดย่อมไม่อาจเลือกเสี่ยงกับแนวทางใดๆ ก็ตามที่จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักธุรกิจจนกระเทือนต่อการฟื้นฟูโดยรวมได้ ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่ว่า ย่อมรวมถึงการคงการใช้มาตรการคิวอี 3 ต่อไปด้วยเช่นกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พบสัญญาณต่างชาติโยกเม็ดเงินออกจากตลาดบอนด์ 1.48 หมื่นล้าน คาดหาจังหวะไหลเข้าตลาดหุ้น

 

blank.gif

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

22 พฤษภาคม 2556 11:05 น.

 

blank.gif TabOver.gif คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น 556000006386501.JPEG

blank.gif blank.gif โบรกฯ ชี้ ตลาดหุ้นไทยเด่นกว่าภูมิภาค โดยมีปัจจัยเด่นจากการปรับอัตราการขยายตัวกำไรสุทธิ ลุ้นดัชนีเดินหน้าแตะที่ระดับ 1,660 จุด เผยเห็นสัญญาณการโยกเงิน "ต่างชาติ" ออกจากตลาดพันธบัตรมายังตลาดหุ้น ยังคงมีต่อเนื่อง โดยมีการขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3 วันซ้อน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.48 หมื่นล้าน ส่วนดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งบวกสลับแดนลบ

 

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (22 พ.ค.) โดยมองว่า การขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค แย่ลงเล็กน้อย สะท้อนมาจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิในปี 2556 ซึ่งสอดคล้องกับกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเพียง 416 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมองว่ายังเป็นจุดเด่นที่สามารถทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีประสิทธิภาพสูงกว่าภูมิภาค

 

ทั้งนี้ สัญญาณการปรับเปลี่ยนของนักลงทุนต่างชาติ ออกจากตลาดพันธบัตรมายังตลาดหุ้น ยังคงต่อเนื่อง สาเหตุจากต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3 วันติดต่อกัน คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1.48 หมื่นล้านบาท ขณะที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.32 พันล้านบาท ดังนั้นในเชิงแนวโน้ม ตราบใดก็ตามที่ดัชนีไม่ลงไปปิดต่ำกว่า 1,620 จุด นักวิเคราะห์ยังคงเป้าการพลิกกลับไว้ที่ 1,660 จุด

 

สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีภาคเช้าแกว่งผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ โดยเมื่อเวลา 10.30 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,641.95 จุด ปรับลดลง 1.48 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.09% มูลค่าการซื้อขาย 16,297.17 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเวลา 11.01 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,644.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.38 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.08% มูลค่าการซื้อขาย 24,645.49 ล้านบาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
สอท.ถามหาคนรับผิดชอบไฟดับภาคใต้ สอท.ถามหาคนรับผิดชอบ 14 จังหวัดภาคใต้ กระทบการผลิต-ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เตรียมแถลงสรุปความเสียหาย 27 พ.ค.นี้ ตัวเงินตัวทองบุกสภา! หวั่นลางร้าย ตัวเงินตัวทองบุกสภา เจ้าหน้าที่ไล่จับวุ่น หวั่นเป็นลางร้าย ก่อนเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญสัปดาห์หน้า 'สาธิต'จี้แสดงความชัดเจนกม.นิรโทษ-ปรองดอง "สาธิต"บุกทำเนียบฯ ร้องนายกฯแสดงความชัดเจนในนโยบายร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม-ปรองดอง หุ้นไทยปิดบวก4.34จุดจับตาถ้อยแถลงเฟด 2ผู้ว่าเฟดดับฝันยุติคิวอี ศก.มะกันยังไม่ฟื้น เทมาเส็กกวาดซื้อหุ้นไอซีบีซี สรุปภาวะซื้อขายหุ้นไทยภาคเช้า 22 พ.ค.56 vdo.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 22 พฤษภาคม 2556 13:00

 

2ผู้ว่าเฟดดับฝันยุติคิวอี ศก.มะกันยังไม่ฟื้น

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

news_img_506984_1.jpg

 

เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดับฝันโอกาสที่เฟดจะส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการลดการเข้าซื้อพันธบัตร ในการประชุมเดือนหน้า

 

นายวิลเลียม ดัดลีย์ ผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์ก และนายเจมส์ บัลลาร์ด ผู้ว่าเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งมีสิทธิออกเสียในการประชุมเฟดครั้งต่อไปวันที่ 18-19 มิ.ย. พูดชัดเจนว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้ามากพอที่เฟดจะบรรเทาการเข้าซื้อพันธบัตร

นายบัลลาร์ดกล่าวว่าเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับค่ำค่อนข้างต่ำในสหรัฐ ทำให้เขามองไม่เห็นโอกาสที่จะผ่อนคลายการเข้าซื้อพันธบัตร เว้นแต่สถานการณ์เงินเฟ้อจะสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้เขามั่นใจว่าเงินเฟ้อจะยังไม่เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้

เงินเฟ้อเดือนมี.ค. อยู่ที่ระดับเพียง 1.1% ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2% ส่วนอัตราว่างงานอยู่ที่ 7.5%

ด้านนายดัดลีย์ ซึ่งเป็นพันธบัตรคนสำคัญของนายเบน เบอร์นันเก ประธานเฟด กล่าวว่าเขาคิดว่าเฟดควรพร้อมเปลี่ยนแปลงแผนการเข้าซื้อพันธบัตรเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่เขาคิดว่าเวลาในช่วงนี้ยังไม่เหมาะสม

นายดัดลีย์กล่าวว่าเขาไม่แน่ใจว่าผู้กำหนดนโยบายของเฟดจะลดหรือเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตร เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน พร้อมระบุว่าเฟดอาจปรับการเข้าซื้อพันธบัตรหากแนวโน้มเงินเฟ้อและตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างเป็นรูปธรรม

Tags : เฟดธนาคารกลางสหรัฐคิวอี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ Gold Futures Glitter Gold ช่วงเย็นวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ มาแล้วค่ะ

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่

http://classicgoldfutures.co.th/image/strategy_analysis/filestrategy220520131652241107.pdf

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

264696_209877965722942_1064031_n.jpg

 

เป็ดน้อยหัดว่าย

 

ราคาทองคำฮ่องกงปิดตลาดวันนี้ ปรับตัวลงแตะ 12,900 HKD/tael

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 17:43:40 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวลง 30 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 12,900 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,395.43 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 3.25 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

นักเศรษฐศาสตร์ขานรับเงินเฟ้ออังกฤษลดในเดือนเม.ย. บ่งชี้นโยบายมาถูกทาง

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 17:35:00 น.

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษที่ลดลงเหลือ 2.4% ในเดือนเมษายน จาก 2.8% ในเดือนมีนาคม เป็นเรื่องที่ “น่ายินดีอย่างยิ่ง"

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) เปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก ลดลงแตะที่ 2.4% ในเดือนเมษายน โดยลดจาก 2.8% ในเดือนมีนาคม

emnb_18_18900.gif?239598662

นายจอร์จ บัคลีย์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่อัตราเงินเฟ้อลดลง"

นายบัคลีย์กล่าวว่าตัวเลขที่มีการเปิดเผยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงตัวเลขจีดีพี ข้อมูลผลสำรวจและดัชนี CPI บ่งชี้ว่าธนาคารกลางของอังกฤษ (BOE) กำลังดำเนินการในทิศทางที่เหมาะสม

นายบัคลีย์เสริมว่า “เรากำลังมองภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งสวนทางกับสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อช่วงก่อนหน้านี้"

นายบัคลีย์กล่าวว่าประเด็นคำถามในขณะนี้ก็คือ การที่อัตราเงินเฟ้อลดลงครั้งนี้ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่

อย่างไรก็ดี นายบัคลีย์ไม่เห็นด้วยว่าธนาคารกลางควรใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในเวลานี้

ส่วนนายซามูเอล ทูมบ์ส จากแคปปิตอล อิโคโนมิคส์ในลอนดอน กล่าวว่า “อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มจะไต่ระดับขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากถึงช่วงครบรอบปีของการปรับตัวลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและการลดราคาสินค้าอย่างหนักในถนนย่านธุรกิจ"

นายทูมบ์สคาดว่าตัวเลข CPI อาจแตะระดับสูงสุดmuj 3% ในเดือนมิถุนายน แต่คงไม่สูงถึง 3.5% ตามที่นักเศรษฐศาสตร์บางรายได้คาดการณ์ไว้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 22 พฤษภาคม 2556

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 17:00:00 น.

นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมแห่งหนึ่งที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีว่า เฟดควรจะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

-- นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวที่สมาคมญี่ปุ่นในเมืองแมนแฮตตัน ว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกในปัจจุบันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งได้ส่งผลให้เงินเยนร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆนั้น ถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพจนถึงขณะนี้

emnb_18_18900.gif?163262290emnb_1_370236.gif

 

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจคงนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุกในปัจจุบันต่อไปเพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืด ขณะที่การบริโภคและการส่งออกของประเทศได้เริ่มฟื้นตัว ท่ามกลางเยนที่อ่อนค่าและราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น

-- นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวที่สมาคมญี่ปุ่นว่า เฟดอาจปรับเพิ่มหรือลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ ขณะที่แนวโน้มตลาดแรงงานและเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่มีนัยสำคัญ

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เผยราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว และยังปรับตัวสูงขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า

-- บริษัทเสิ่นหยิน วันกั๋ว ซิเคียวริตี้ส์ ประเมินว่ายอดการปล่อยกู้ล็อตใหม่ของธนาคารรายใหญ่ 4 แห่งของจีนที่ระดับ 1.53 แสนล้านหยวนในระหว่างวันที่ 1-19 พ.ค.

-- ฮ่องกงได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักเมื่อเช้านี้ โดยมีรายงานเหตุน้ำท่วมในพื้นที่มากกว่า 20 แห่ง โรงเรียนและบริการสาธารณะต่างๆได้ปิดทำการ

สถานีอุตุนิยมวิทยาของฮ่องกงเตือนว่าจะเกิดพายุฝนเมื่อประมาณ 4.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้ฝนตกนานกว่า 5 ชั่วโมง โดยวัดปริมาณน้ำฝนได้กว่า 150 มิลลิเมตรในหลายพื้นที่ และมีรายงานว่าเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 24 แห่งและเกิดดินถล่มหลายแห่ง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th-

 

IMF คาดราคาน้ำมันร่วงถ่วงเศรษฐกิจปท.ส่งออกน้ำมันในตอ.กลาง-แอฟริกาเหนือ

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 16:48:00 น.

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รายงานว่า ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันส่วนใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) เสี่ยงต่อการขาดดุลการคลังตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป

นายมาซูด อาห์เหม็ด ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟประจำภูมิภาค MENA เปิดเผยว่า ปี 2555 ถือเป็นปีที่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในภูมิภาคขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แตะที่ 5.7% เมื่อเทียบรายปีemnb_1_370236.gif

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการขยายตัวของจีดีพีจะลดลงสู่ระดับ 3% ในปี 2556 เนื่องจากความต้องการน้ำมันโลกลงชะลอตัว และการส่งออกในไตรมาสแรกของปีนี้ก็ลดลง" นายอาห์เหม็ดระบุในแถลงการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาค MENA

นายอาห์เหม็ดระบุว่า การก่อวินาศกรรมหลายครั้งจากลุ่มต่างๆ ซึ่งโจมตีท่อส่งน้ำมันและโรงผลิตน้ำมันในลิเบีย อียิปต์ อิรัก และเยเมน จะทำให้สถานการณ์มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ วิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ยืดเยื้อจะทำให้จีดีพีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในภูมิภาค MENA ลดลงราว 0.5% ในปี 2556 และ 2557 สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 13:49:58 น.

แกลลัพโพลระบุว่า ชาวอเมริกันแสดงความมั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐฯสูงสุด นับตั้งแต่แกลลัพเริ่มทำโพลล์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจรายวันในปี 2551

ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของแกลลัพทะยานขึ้นสู่ระดับ -5 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ -11 เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมากกว่าระดับสูงสุดล่าสุดที่ -8 ในช่วงสองสัปดาห์ก่อนemnb_1_370236.gif

ตัวเลขความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจพุ่งสู่จุดสูงสุด เนื่องจากราคาสต็อกสินค้าของสหรัฐฯ แตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอัตราการว่างงานในเดือนเมษายนลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551

ทั้งนี้ แกลลัพพบว่า ราคาที่อยู่อาศัยซึ่งพุ่งขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังซบเซา และราคาน้ำมันซึ่งค่อยๆ ปรับตัวลดลงจากปีที่แล้วมีแนวโน้มว่า จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ

ชาวอเมริกัน 49% กล่าวว่า เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น แต่อีก 47% บอกว่าเศรษฐกิจแย่ลง

อย่างไรก็ดี การประเมินสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันของชาวอเมริกันยังคงเป็นไปในแง่ลบมากกว่าแง่บวก โดย 20% มองว่า สภาพเศรษฐกิจดีเยี่ยมหรือดี และอีก 32% บอกว่า สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In Focus: Yahoo ทุ่มซื้อ Tumblr ท่ามกลางข้อกังขาเรื่องการพลิกเปลี่ยนโอกาสเป็นรายได้

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 16:19:33 น.

หลังจากที่ตกเป็นกระแสข่าวลือและการคาดการณ์โดยสื่อชื่อดังทั่วโลกติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในที่สุด ยาฮู ก็ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเข้าซื้อกิจการของ Tumblr ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นในสหรัฐ ด้วยเงินสดในวงเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นการเข้าซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกของมาริสสา เมเยอร์ นับตั้งแต่ย้ายจากกูเกิลมาทำหน้าที่ซีอีโอของหนึ่งในบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในโลก และหลังจากที่ได้ไล่ซื้อธุรกิจขนาดเล็กมาแล้วหลายบริษัท

 

emnb_1_370236.gif

เมเยอร์ระบุว่า Tumblr จะมาเป็นส่วนที่เติมเต็มให้กับยาฮูในส่วนของสังคมออนไลน์ แต่อย่างไรดี การซื้อธุรกิจที่มีอายุย่างเข้าสู่ปีที่ 6 ที่มีรายได้เพียง 13 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับเมเยอร์ในเรื่องการสร้างผลตอบแทนจากการซื้อกิจการ ในขณะที่ยาฮูเองมีประวัติการซื้อกิจการที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก

นักวิเคราะห์หลายคนได้กล่าวปรามาสไว้ว่า การซื้อ Tumblr อาจจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดียวกับจีโอซิตี้ส์ ซึ่งได้กลายเป็นกรณีศึกษาสุดคลาสสิคของโลกอินเทอร์เน็ตไปเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากที่มีการรายงานข่าวที่ยังไม่เป็นทางการ ผู้ใช้ Tumblr หลายพันรายได้แสดงความไม่พอใจพร้อมกับขู่ว่า จะย้ายข้อมูลไปยังเวิร์ดเพรสซึ่งเป็นคู่แข่งของ Tumblr แทน

แมทท์ มุลเลนเวก ซีอีโอของเวิร์ดเพรส ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกเขียนลงในบล็อกว่า ยอดการโพสต์ข้อความในเวิร์ดเพรสที่อิมพอร์ทมาจาก Tumblr ได้เพิ่มขึ้นเป็น 72,000 โพสต์ต่อชั่วโมง จากปกติ 400-600 โพสต์ต่อชั่วโมง ในระยะนี้

ถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะไม่สูงนักเมื่อเทียบกับจำนวนหลายสิบล้านโพสต์ต่อวันของ Tumblr แต่ก็เป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นถึงการต่อต้านการซื้อกิจการโดยยาฮู

mashable.com ซึ่งเป็นหนึ่งในบล็อกเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มียอดผู้อ่านมากที่สุดในโลกได้เขียนคู่มือแนะนำอย่างละเอียดสำหรับการย้ายคอนเทนท์จาก Tumblr ไปยังเวิร์ดเพรส นอกจากนี้ ยังมีการก่อตั้งเว็บไซต์ tumblrtowordpress.com ขึ้นมาเพื่อสอนวิธีการย้ายแพลตฟอร์มอย่างละเอียดโดยเฉพาะ

ผู้ก่อตั้งลั่น Tumblr จะยังคงเป็นอิสระ

เมเยอร์ และเดวิด คาร์พ ผู้ก่อตั้งวัย 26 ปีของ Tumblr รับประกันกับผู้ใช้ที่วิตกกังวลว่า ข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ Tumblr โดยยาฮูในวงเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์ จะช่วยให้ Tumblr ยังสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ พร้อมกับระบุว่า “พนักงานทุกคนจะยังคงทำงานที่นิวยอร์กและคาร์พจะยังดำรงตำแหน่งซีอีโอเช่นเดิม"

คาร์พกล่าวว่า “มาริสสาได้นำทางผมไปสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น เธอช่วยให้ผมมองเห็นโอกาสสำหรับ Tumblr ที่จะยังคงเป็นบริษัทอิสระ และต่อจากนี้เราจะสามารถดำเนินการตามพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัทโดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากยาฮู"

ทั้งนี้ ผู้ใช้ Tumblr ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นกังวลว่า ยาฮูอาจจะนำเสนอโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Tumblr ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ความเป็น Minimalistic มาตั้งแต่ต้น ในขณะที่ยาฮูก็มีแรงจูงใจในเรื่องดังกล่าว หลังจากที่สูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดโฆษณาให้กับกูเกิลและเฟซบุ๊กไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เมเยอร์กล่าวอย่างมั่นใจว่า “หากคุณมองย้อนกลับไปยังอดีต การซื้อธุรกิจในวงเงินพันล้านดอลลาร์ที่ประสบความสำเร็จ เช่น เพย์พัล และ ยูทูบ ต่างก็มีธีมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ คุณอยากเห็นธุรกิจเหล่านั้นเดินหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หน้าที่ของคุณก็คือทำให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นและไม่ทำตัวเป็นอุปสรรค"

คาร์พกล่าวเสริมว่า Tumblr ได้กำหนดเป้าหมายล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะขายโฆษณาผ่านคอนเทนท์ ไม่ใช่การติดตั้งแบนเนอร์ “เราได้พิสูจน์มาแล้วว่าระบบโฆษณาของเราทำงานอย่างได้ผล" เขากล่าว พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า Tumblr ได้ขายโฆษณามาแล้วอย่างต่อเนื่อง

เมเยอร์เห็นดัวยกับคาร์พโดยระบุว่า นิตยสารโว้กและซูเปอร์โบว์ลได้ซื้อโฆษณาบน Tumblr พร้อมกับเสริมว่าอยากเห็นโฆษณามีความลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติกับเนื้อหาในบล็อก และอยากเห็นผู้คนกล่าวว่า “ฉันดูซูเปอร์โบว์ลเพราะว่าโฆษณามันน่าตื่นเต้น"

คาร์พกล่าวว่า ผู้บริหารของทั้งสองบริษัทได้ประชุมร่วมกันในช่วงวันหยุดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในเรื่องโอกาสด้านโฆษณา พร้อมกับยอมรับว่า หลายครั้งที่การเจรจาเปลี่ยนไปเป็นข้อเสนอซื้อกิจการแทน

เคน โกล์ดแมน ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของยาฮู กล่าวว่า การตัดสินใจเสนอซื้อ Tumblr ในวงเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์มาจากการเปรียบเทียบกับข้อเสนอซื้อกิจการของอินสตาแกรมในวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์โดยเฟซบุ๊ก และข้อเสนอซื้อกิจการแยมเมอร์ 1.2 พันล้านดอลลาร์โดยไมโครซอฟท์ในปีที่แล้ว

การซื้อกิจการของ Tumblr ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของยาฮูในปัจจุบัน และเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อพิจารณาจากแผนการสร้างรายได้ที่ยังไม่สมบูรณ์ โดย Tumblr ได้ลงทุนประมาณ 25 ล้านดอลลาร์และมีรายได้เพียง 13 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ Tumblr ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์อื่นๆ อีกทั้งยังไม่ได้เก็บรายละเอียดส่วนตัวของผู้ใช้เช่นเดียวกับเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม

คาร์พยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่ Tumblr ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เหมือนกับเฟซบุ๊กและยืนยันว่าจะไม่ทำในเรื่องดังกล่าว โดย Tumblr เป็นหนึ่งในเครือข่ายคอนเทนท์ที่แข็งแกร่งและดึงดูดผู้ใช้ที่มองหาคอนเทนท์ให้อยู่กับเว็บไซต์ได้ยาวนานที่สุด ซึ่งหมายความว่า นักการตลาดที่สร้างสรรค์และสามารถผสมผสานโฆษณาเข้ากับคอนเทนท์ได้อย่างเป็นธรรมชาติมีโอกาสที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่โดนใจได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งวิธีโฆษณาอื่นๆไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

คอมสกอร์ระบุว่า Tumblr เป็นสังคมออนไลน์ที่ผู้ใช้ใช้เวลาเฉลี่ยในการเยี่ยมชมนานที่สุดในสหรัฐโดยอยู่ที่ 14.7 นาทีในเดือนมีนาคม สูงกว่าเฟซบุ๊กซึ่งเป็นสังคมออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในโลกที่เฉลี่ย 10.9 นาที

ข้อเสนอซื้อกิจการของยาฮูยังส่งผลให้ คาร์พ ซึ่งเรียนไม่จบชั้นมัธยมกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในแวดวงไอทีในปีนี้ โดยเขาระบุว่าจะนำส่วนแบ่งจากการขายกิจการซึ่งคาดว่า จะอยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ไปใช้เพื่อการกุศลและเป็นทุนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในอนาคต

ประวัติการซื้อกิจการของยาฮูในอดีต

Broadcast.com (2542) ในขณะที่ยุคดอทคอมกำลังเฟื่องฟู ยาฮูได้ทุ่มซื้อกิจการก่อตั้งใหม่เกี่ยวกับสถานีวิทยุผ่านทางอินเตอร์เน็ตในวงเงินสูงถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์ สร้างความฮือฮาให้กับวงการอินเทอร์เน็ตได้มากที่สุดในยุคดังกล่าว และส่งผลให้มาร์ค คูแบน ผู้ก่อตั้งกลายเป็นมหาเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน แต่อย่างไรก็ดี บริการดังกล่าวกลับไม่ประสบความสำเร็จและได้เปลี่ยนชื่อเป็น Launchcast ในช่วงต่อมา ในขณะที่คู่แข่งหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดอย่าง Napster และ Spotify ทำให้แนวความคิดในเรื่องการออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไป

Geocities (2542) ยาฮูซื้อจีโอซิตี้ส์ในปี 2542 ในวงเงิน 3.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในยุค 90s แต่อย่างไรก็ดี บริการบล็อกของจีโอซิตี้ส์ได้ปิดตัวลงในอีก 10 ปีต่อมา

eGroups (2543) นับเป็นหนึ่งในการซื้อกิจการที่สดใสที่สุดในประวัติศาสตร์การซื้อกิจการของยาฮู ในวงเงิน 432 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยวางรากฐานให้กับยาฮู กรุ๊ป ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงต่อมา แต่อย่างไรก็ดี ความนิยมดังกล่าวกลับเป็นความท้าทายอันดับต้นๆของยาฮูในเรื่องการเปลี่ยนความนิยมให้กลายเป็นรายได้ ซึ่งยาฮูไม่เคยทำได้ดี และจะยังคงเป็นความท้าทายอันดับต้นๆ ภายหลังการเข้าซื้อกิจการของ Tumblr หากไม่อยากมีประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยเดียวกับจีโอซิตี้ส์

Hotjobs.com (2545) ในความพยายามเพื่อแข่งขันด้านการสืบค้นหาตำแหน่งงานว่างกับมอนสเตอร์ เวิลด์ไวด์ ยาฮูได้เสนอซื้อกิจการของฮ็อตจ๊อบส์ในวงเงิน 436 ล้านดอลลาร์ และได้ขายกิจการในอีก 10 ปีต่อมาที่ราคา 225 ล้านดอลลาร์

Overture Services (2546) ยาฮูจ่ายเช็คให้กับโอเวอร์ทัวร์กว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาต่อสู้กับบริการ AdWords ของ Google ที่เข้ามาแย่งตลาดโฆษณาของบริษัท แต่อย่างไรก็ดี ยาฮูต้องเผชิญกับปัญหาในการทำรายได้ให้เท่ากับกูเกิล อีกทั้งยังเผชิญกับความไม่พอใจของกลุ่มผู้ซื้อโฆษณาเนื่องจากมีค่าบริการที่สูงเกินไป

Alibaba (2548) การถือหุ้นใน Alibaba ซึ่งเป็นธุรกิจอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน นับเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของยาฮูเมื่อประเมินผลในทางการเงิน แต่อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ของทั้งสองบริษัทไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น จึงระบุไม่ได้ว่าเป็นความสำเร็จของยาฮูอย่างแท้จริง โดยยาฮูได้รับเงินสดเป็นจำนวน 4.3 พันล้านดอลลาร์ หลัง Alibaba เสนอซื้อหุ้นคืนครึ่งหนึ่งจากจำนวนที่ยาฮูถือครองในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยาฮูลงทุนในบริษัทในวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2548

ทั้งนี้ ยาฮูยังคงเป็นผู้ถือหุ้น 24% ในอาลีบาบา และยังมีโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนในอนาคต ขณะที่อาลีบาบาเตรียมที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีน

Flickr (2548) Flickr ซึ่งเป็นเว็บไซต์แบ่งปันรูปภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นหนึ่งในความท้าทายอันดับแรกๆของเมเยอร์นับตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ซีอีโอของยาฮู ในเรื่องการปรับปรุงเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยในส่วนของอุปกรณ์พกพา Flickr สามารถแย่งชิงผู้ใช้มาจากอินสตาแกรมได้เป็นจำนวนมาก ด้วยการเพิ่มบริการใหม่ๆเช่นฟิลเตอร์ในปีที่แล้ว ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่มีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นประมาณ 25%

ทั้งนี้ การซื้อกิจการของ Flickr ซึ่งมีฐานในเมืองแวนคูเวอร์โดยยาฮูในปี 2548 ไม่มีการเปิดเผยวงเงินแต่อย่างใด

Delicious (2548) ยาฮูซื้อดีลิเชียส ซึ่งเป็นเว็บไซต์สังคมออนไลน์ด้านบุ๊กมาร์กในปี 2548 และขายให้กับผู้ก่อตั้งยูทู้บในปี 2554 ในวงเงินที่ขาดทุนเป็นจำนวนมาก จากความพยายามในการระบายบริการที่มีผลประกอบการที่ไม่สดใสและไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป ซึ่งเริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2553

Right Media (2550) เพื่อต่อกรกับกูเกิล ยาฮูได้ทุ่มเงินจำนวน 680 ล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อบริการประมูลขายโฆษณาของไรท์มีเดียในปี 2550 แต่ขายออกไปในที่สุดในวงเงินเพียง 1 ใน 4 ของราคาซื้อ

Dailymotion (2556) เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ยาฮูได้ยื่นข้อเสนอซื้อเดลี่โมชั่น ซึ่งเป็นเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์รายใหญ่อันที่ 12 ของโลกจากฟรานซ์ เทเลคอม เอสเอ ของฝรั่งเศสในวงเงินประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมเยอร์ระบุว่า การลงทุนในตลาดต่างประเทศจะช่วยให้ยาฮูเติบโตในอนาคต ส่งผลให้หุ้นฟรานซ์เทเลคอมพุ่งขึ้น 0.77% หลังออกมาเปิดเผยว่าบริษัทตั้งตารอที่จะเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ

มาริสสา เมเยอร์ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงแถวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดในแวดวงไอทีนั้น จะสามารถลบคำปรามาสที่ว่า ยาฮูอาจจะต้องปิดบริการของ Tumblr เช่นเดียวกับจีโอซิตี้ส์ หรือไม่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความนิยมให้กลายเป็นเงินได้ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่อย่างไรก็ดี ทางทีมงาน In Focus ขอเป็นกำลังใจให้กับยาฮูในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆออกมาให้ใช้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

อินโฟเควสท์ โดย เกตุ โนนทิง/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Analysis: ผู้เชี่ยวชาญชี้จีนยังต้องใช้มาตรการเพื่อสกัดช่วงขาขึ้นของราคาอสังหาฯ

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 14:49:40 น.

ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้จะมีมาตรการควบคุมโครงการที่อยู่อาศัยของทางรัฐบาลกลาง ผู้เชี่ยวชาญออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการแก้ปัญหาในภาคอสังหาฯของจีน จะต้องใช้มาตรการที่อิงกับตลาด

จีนได้ปรับปรุงกฏข้อบังคับเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2546 แต่ราคาบ้านโดยเฉลี่ยทั่วประเทศก็ยังเพิ่มสูงขึ้นกว่า 3 เท่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยราคาบ้านในบางพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่าจากราคาเดิม

emnb_18_18900.gif?212323093emnb_1_370236.gif

การดำเนินการเพื่อควบคุมราคาบ้านครั้งล่าสุดของรัฐบาลนั้น เป็นการเสนอแนวทางเพื่อผลักดันหน่วยงานท้องถิ่นให้ปรับใช้มาตรการต่างๆ อาทิ การเรียกเก็บภาษีกำไรส่วนทุน 20% จากยอดขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในกลุ่มของผู้ที่สนใจจะซื้อและขายบ้าน และทำให้มีการซื้อขายบ้านมือสองกันอย่างคึกคักในหลายเมือง

ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า แค่เดือนมีนาคม 2556 เพียงเดือนเดียว ยอดขายบ้านมือสองในปักกิ่งก็สูงกว่า 40,000 หลัง เพิ่มขึ้น 300% จากเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ราคายอดขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 2% จากสถิติในเดือนกุมภาพันธ์

ตัวเลขสถิติอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2556 ยังคงไม่มีทีท่าที่ดีขึ้น การเก็บตัวอย่างจากมณฑลในจีน 70 แห่งระบุได้ว่า ราคาบ้านใน 67 มณฑลสูงขึ้นกว่าเดือนมีนาคม ขณะที่ราคาบ้านในเซี่ยงไฮ้ กวางเจา และเสิ่นเจิ้น เพิ่มขึ้น 2.0%, 2.1% และ 1.8% ตามลำดับ

ผลการศึกษาวิจัยโดยสถาบันสังคมศาสตร์จีน (CASS) ที่เปิดเผยไปเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน เตือนว่า ภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนขาดสเถียรภาพ รัฐบาลจะต้องเปลี่ยนแปลง และใช้มาตรการควบคุมตลาด มิฉะนั้นอาจจะไม่สามารถควบคุมราคาบ้านโดยรวมไว้ได้

หลี่ เอินปิง นักวิจัยจากสถาบันศึกษาวิจัยสภาพแวดล้อม และชุมชนเมืองแห่ง CASS ระบุ "การที่อุปสงค์มีมากกว่าอุปทานเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้น"

หลี่ เอินปิง กล่าวว่า "หากมีการใช้มาตรการเก็บภาษีกำไรส่วนทุน 20% อย่างเข้มงวด ราคาบ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าเดิม เนื่องจากภาษีจะเป็นปัจจัยที่กดดันอุปทาน ในอีกมุมหนึ่ง ภาษีจะเป็นภาระสำหรับผู้ที่ซื้อบ้าน หรือ ผู้ที่ไม่สามารถหาซื้อบ้านมือสองได้ก็จะหันมาซื้อบ้านใหม่ ซึ่งจะทำให้ราคาบ้านใหม่มีราคาสูงขึ้น"

นอกจากนี้ ความพยายามของรัฐบาลกลางเพื่อชะลอความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯหลักของจีนกำลังได้รับผลกระทบจากหน่วยงานระดับท้องถิ่น ซึ่งไม่ต้องการให้เกิดการชะลอความร้อนแรงของตลาด เนื่องจากเงินที่ได้จากการขายที่ดินเป็นรายได้หลักของรายได้การคลังของประเทศ และการเติบโตของ GDP

การจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเปรียบเสมือนวิธีแก้ปัญหาราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นที่ใช้ได้จริง โดยมาตรการดังกล่าวถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมการซื้อบ้านที่มีเป้าหมายเพื่อการลงทุน

โครงการนำร่องจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ของจีนเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2554 ในเซี่ยงไฮ้ และเขตฉงชิ่ง

เซี่ยงไฮ้ได้เรียกเก็บภาษีซื้อบ้านตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2554 ในอัตราภาษี 0.4% และ 0.6% ขณะที่ยกเว้นภาษีสำหรับบ้านที่มีขนาด 60 ตร.ม. สำหรับทุกครัวเรือนที่ได้มีการลงทะเบียน

การจัดเก็บภาษีอสังหาฯในฉงชิ่งจะเรียกเก็บจากบ้านที่มีการซื้อขายทั้งก่อน และหลังโครงการนำร่อง ที่อัตราภาษี 0.5% และ 1.2% โดยการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่ฉงชิ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ซื้อบ้านหรู

มาตรการภาษีดังกล่าวถือว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมการซื้ออสังหาฯเพื่อเก็งกำไรในเซี่ยงไฮ้ และเขตปกครองตนเองฉงชิ่ง โดยทั้ง 2 เมืองจะปรับเพดานภาษีเพิ่มขึ้นภายในปีนี้ เนื่องจากราคาบ้านในพื้นที่อื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน

หนังสือพิมพ์ไชน่า ซีเคียวริตีส์ เจอร์นัล รายงานว่า วาระการปฏิบัติงานของรัฐบาลในปีนี้ มีการเสนอรายชื่อมณฑลที่จะใช้มาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์นำร่องเพิ่มอีก

เหลียว หยิงมิน นักวิจัยประจำศูนย์วิจัยการพัฒนาแห่งสภารัฐมนตรี กล่าวว่า การขยายพื้นที่เพื่อบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีอสังหาฯนำร่อง จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน เนื่องจากการกำกับดูแลจะอ่อนตัวลงในช่วงดังกล่าว

เหลียว หยิงมิน "ภาษีอสังหาฯช่วยสกัดกั้นการซื้อบ้านเพื่อการลงทุน ลดช่องว่างในการหารายได้ และช่วยลดภาระทางการคลังบางส่วนของรัฐบาลท้องถิ่นด้วยรายได้จากภาษี"

ลุย ฮงหยู รองคณะบดี คณะวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยชิงหัว ออกมาเตือนว่า ภาษีอสังหาฯ ไม่สามารถควบคุมภาวะร้อนแรงในตลาดอสังหาฯของจีนได้ภายในคืนเดียว มาตรการดังกล่าวต้องใช้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ หน่วยงานด้านการเงิน ระบบการจัดเก็บภาษี ที่ดิน และบ้าน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ศศิประภา อัครภูติ/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MTS Gold Night Report 22/5/56

 

- อย่าลืมนะคะท่านนักลงทุน ว่าวันนี้เรามีนัดกับพี่เบอนันเก้ 21.00 น. และสามารถติดตามการแถลงของนายเบอนันเก้ได้ทาง Facebook ของ MTS Gold นะคะ ^^

 

- เนื่องจากตลาดเค้าคาดกันว่า พี่เบอนันเก้จะแถลงคงนโยบาย QE ต่อไป ก็เลยมีการเก็งกำไรกัน ทำให้ราคาดีดตัวในช่วงบ่าย

 

- MTS Gold แนะนำให้นักลงทุนเล่นในกรอบ แนวรับ 1,350 เหรียญ แนวต้าน 1,395 เหรียญ รอการแถลงของนายเบอนันเก้

 

ส่วนคำแนะนำการลงทุนส่วนอื่นๆจะเป็นอย่างไร ติดตามจากคลิป Night Report ด้านล่างได้เลยค่ะ ^^

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

264696_209877965722942_1064031_n.jpg

 

:P อึ๊บ !!!!!...อีกนิดนึ่ง....อีกนิดนึง ก็ดีดสู่ 1400 ได้แล้ว...อิ อิ

 

:D -ขอบคุณค่ะ คุณginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...