ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณครับ คุณginger

สวัสดี เช้าวันจันทร์ โชคดีมีกำไร สบายใจทุกวันนะคับ

 

1460001_517596111669881_464324378_n.jpg

สวัสดี news bas เพื่อนๆ พี่น้อง คุณๆทุกท่าน

 

เมื่อคืนพระจันทร์ทรงกรด ฟ้าที่บ้านใสงาม

 

(ภาพนี้ขอยืมน้องทีราชรีมาให้ดูกัน)

 

สบายใจ โชคดี กระฉับกระเฉง แจ่มใสนะคะ

 

 

สวัสดีครับคุณ..Ginger TraderJunior Alan Gejen Wann ตู้เย็น Pasaya OKorNO เด็กสยาม MegaGold meng166 deb99 เต้าหู้ ปุยเมฆ tuktaaaa Lekk Espresso’(S) และทุกท่านครับ

กราฟรายวันตอนนี้เป็นเขียวแท่งสามครั:17

ระยะกลางเป้าบน 1305-1338-1403

เป้าล่างถึงแล้ว 1260*-1240-1207 เบรคราคาที่1261รอดูครับว่าแหย่ลงอีกขาปะ

ล่าสุดราคาต่ำสุด 1280 ราคาสูงสุด1291

ราคาขณะนี้อยู่ที่ 1289.x ครับ

 

แนวต้าน 1296 1305 1315 1323

แนวรับ 1284 1277 1260 1251

ภาพรวมๆจากสัญญานราคาsideway ครั

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 06:48:21 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,961.70 จุด เพิ่มขึ้น 85.48 จุด +0.54%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,985.97 จุด เพิ่มขึ้น 13.23 จุด +0.33%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,798.18 จุด เพิ่มขึ้น 7.56 จุด +0.42%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,292.23 จุด เพิ่มขึ้น 8.32 จุด +0.19%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,168.69 จุด เพิ่มขึ้น 19.03 จุด +0.21%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,693.44 จุด เพิ่มขึ้น 27.31 จุด +0.41%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,335.45 จุด ลดลง 31.92 จุด -0.73%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,201.27 จุด เพิ่มขึ้น 10.19 จุด +0.32%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,789.87 จุด เพิ่มขึ้น 5.67 จุด +0.32%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,032.15 จุด เพิ่มขึ้น 383.00 จุด +1.69%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,346.40 จุด เพิ่มขึ้น 18.52 จุด +0.29%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,135.83 จุด เพิ่มขึ้น 35.32 จุด +1.68%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,005.64 จุด เพิ่มขึ้น 38.08 จุด +1.94%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,165.92 จุด เพิ่มขึ้น 289.51 จุด +1.95%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,177.12 จุด เพิ่มขึ้น 42.21 จุด +0.51%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,401.70 จุด เพิ่มขึ้น 46.30 จุด +0.86%

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 85.48 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 15,961.70 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.56 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 1,798.18 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 13.23 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 3,985.97 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวยืนยันว่าเฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 93.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 108.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,287.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5 เซนต์ ปิดที่ 20.727 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 5.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,438.9 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 7.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 732.65 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 100.23 เยน จากระดับ 100.04 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9152 ฟรังค์ จากระดับ 0.9163 ฟรังค์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3490 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3456 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6112 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6056 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9361 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9318 ดอลลาร์สหรัฐ

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสามารถสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,693.44 จุด เพิ่มขึ้น 27.31 จุด หรือ +0.41%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 323 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,292.23 จุด เพิ่มขึ้น 8.32 จุด หรือ 0.19% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,168.69 จุด เพิ่มขึ้น 19.03 จุด หรือ 0.21% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,693.44 จุด เพิ่มขึ้น 27.31 จุด หรือ 0.41%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT: ถั่วเหลืองปิดลบ คาดพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 08:06:13 น.

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 พ.ย.) สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรปรับตัวลงทั้งกระดาน โดยสัญญาถั่วเหลืองร่วงลงหนักสุด

สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.5 เซนต์ หรือ 1.06% ปิดที่ 4.22 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.25 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 6.445 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 33 เซนต์ หรือ 2.51% ปิดที่ 12.805 ดอลลาร์/บุชเชล

ข้าวโพดปรับตัวลดลงจากแรงเทขายของกองทุน ในขณะที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโอบามาได้อนุมติการเลื่อนปรับลดเป้าหมายการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในปี 2557 ลงมาอยู่ที่ 1.521 หมื่นล้านแกลลอนจาก 1.815 หมื่นล้านแกลลอน ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายเมื่อปี 2550

ตลาดวิตกว่า สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอาจจะควบคุมการผลิตเอทธานอลในเร็วๆนี้

ยอดส่งออกข้าวโพดประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 พ.ย. อยู่ที่ 1.203 ล้านตัน และยอดส่งออกสะสมอยู่ที่ 66% ของประมาณการณ์สำหรับปี 2556-2557 ของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ 47.2%

ข้าวสาลีปรับตัวลงเล็กน้อยจากจากการปรับตัวลงของตลาดข้าวโพดและตลาดถั่วเหลือง ขณะที่ยอดส่งออกข้าวสาลีประจำสัปดาห์อยู่ที่ 287,800 ตัน สำหรับปีการตลาดปัจจุบันและ 900 ตันสำหรับปีการตลาดหน้า คิดเป็นยอดรวม 288,700 ตัน ณ วันที่ 7 พ.ย. ยอดขายข้าวสาลีสะสมอยู่ที่ 70.8% ของตัวเลขคาดการณ์ของ USDA เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ 60.1%

ถั่วเหลืองปรับตัวลงจากการระบายสัญญาเป็นจำนวนมาก ในขณะที่การพยากรณ์สภาพอากาศคาดกว่าภูมิภาคอเมริกาใต้จะมีสภาพอากาศที่ดีและสหรัฐมีปริมาณถั่วเหลืองสำหรับป้อนตลาดอย่างเพียงพอในช่วงอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

บริษัทวิจัยแห่งหนึ่งคาดว่าพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองอาจแตะสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 83.8 ล้านเอเคอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อถั่วเหลือง

ยอดขายถั่วเหลืองประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 พ.ย. อยู่ที่ 848,500 ตัน สำหรับปีการตลาดปัจจุบันและ 60,600 ตันสำหรับปีการตลาดหน้า คิดเป็นยอดรวม 909,100 ตัน ณ วันที่ 7 พ.ย. ยอดขายข้าวสาลีสะสมอยู่ที่ 86.4% ของตัวเลขคาดการณ์ของ USDA เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ 61.5% สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดพุ่ง 87.32 จุด หลังดาวโจนส์บวก

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 07:53:27 น.

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดวันนี้ที่ 15,253.24 จุด เพิ่มขึ้น 87.32 จุด หรือ +0.58% เพราะได้แรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เครื่องบินรัสเซียตกกระแทกพื้น ตายยกลำ เครื่องบินรัสเซียตกกระแทกพื้น ระเบิดไฟลุกไหม้ ตายยกลำ 50 ศพ พลังโซเชียลมีเดียปลุกกระแสม็อบ โซเชียลมีเดียฟีเวอร์ปลุกกระแส คนไทยร่วมเกาะติดม็อบการเมือง ต้านนิรโทษกรรม-โค่นระบอบทักษิณ เนชั่นกรุ๊ปคว้าเบอร์1โชเชียลมีเดียเอเชีย "เนชั่นกรุ๊ป" คว้ารางวัลยอดเยี่ยม เหรียญทอง จากงาน Asian Digital Media Awards 2013 ประจำภูมิภาคเอเชีย สาขา Best in Social Media 'ชาญวิทย์'ชี้ปมพระวิหาร กึ่งเจ๊า-กึ่งเจ๊ง ศาลรธน.ชี้ชะตาที่มาส.ว.ระเบิดเวลาการเมือง แมคโดนัลด์ทุ่ม3พันล้านดอลล์เปิดสาขาใหม่ วราเทพย้ำซักฟอกไม่ได้ ปชป.ไม่ยื่นถอดถอน

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธปท.เผยมาตรการคิวอีกระทบเศรษฐกิจไทยน้อยกว่าการเมือง เผยการบริโภค-การลงทุนเอกชน พักฐานเร็วและใช้เวลานานกว่าคาด

สถาบันวิจัยตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ จัดงานเสวนาแคปปิตอล มาร์เก็ต รีเสิร์ช ฟอรัม ครั้งที่ 7 เรื่อง "QE และวิกฤติเพดานหนี้สาธารณะ : ภาพลวงและความจริงที่ควรรู้" วานนี้ (15 พ.ย.) โดย นางสาวณชา อนันต์โชติกุล ผู้บริหารทีมกลยุทธ์นโยบายการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มาตรการคิวอีกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงของไทยน้อย แต่นักลงทุนไทยจะมองเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้เกิดการตื่นตระหนก และหากสถานการณ์การเมืองรุนแรงในระดับหนึ่ง จะส่งผลกระทบในตลาดหุ้นมากกว่ามาตรการคิวอี เห็นได้จากช่วงที่มีการประกาศใช้คิวอี 1 ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงสวนทาง เพราะมีการปิดสนามบิน

เศรษฐกิจไทยปัจจุบัน มีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยการบริโภคในประเทศและการลงทุนภาคเอกชนอยู่ในช่วงพักฐาน เพื่อรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และความชัดเจนของสถานการณ์ภายในประเทศ แม้ ธปท. จะคาดการณ์ไว้แล้วว่าการบริโภคในประเทศจะพักฐาน หลังจากหมดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การพักฐานเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด และกินเวลายาวกว่าที่มองไว้

"สถานการณ์ทางการเมืองมีความสำคัญ และกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยมากกว่ามาตรการคิวอี เพราะเป็นสิ่งที่กระทบต่อความน่าเชื่อถือ และทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป โดยสิ่งที่นักลงทุนกลัวคือความไม่แน่นอน ทำให้เกิดการชะลอการลงทุนออกไป"

คิวอี ส่งผลกระทบไทย 3 ช่องทาง

จากการศึกษา พบว่า มาตรการคิวอี ส่งผลกระทบต่อไทย 3 ช่องทาง คือ 1.การปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ 2.การส่งสัญญาณเรื่องอัตราดอกเบี้ยของตลาดหลักว่าจะอยู่ในระดับต่ำอีกนาน ทำให้เม็ดเงินไหลไปหาผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งในเอเชียมีแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจ ทำให้เงินไหลเข้า และ 3.อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินดอลลาร์ คงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนในเอเชีย

"การที่นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ ส่งสัญญาณว่าจะใช้คิวอีต่อไป จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเป็นที่น่าพอใจ ก็ช่วยลดความตื่นตระหนกของนักลงทุนในตลาดเงินได้ ส่วนเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลออกไม่ได้มาจากความกังวลเรื่องการลดคิวอีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นจังหวะที่เศรษฐกิจในประเทศเริ่มอ่อนแอในช่วงที่จะมีการลดคิวอี ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค "

ทั้งนี้ ธปท.ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะว่ามาตรการคิวอี ได้สร้างความบิดเบือนในตลาดการเงิน สะสมความเปราะบางของตลาดการเงินในต่างประเทศ เพราะดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีต้นทุนการกู้ยืมเงินต่ำมาก ทำให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงผิดจากความเป็นจริง สำหรับตลาดการเงินในประเทศไทย ธปท.ก็เฝ้าระวัง แม้ยังไม่เห็นสัญญาณ ปัญหา เพราะไม่อยากให้ภาคการเงินไทยสะสมความเปราะบาง

ไทยพาณิชย์ ชี้ คิวอี กระทบน้อย

ด้าน นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการคิวอีกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทยโดยตรงน้อย จะกระทบในเชิงจิตวิทยามากกว่า สำหรับสถานการณ์ทางการเมือง มองว่ากระทบตลาดหุ้นในระยะสั้น เพราะนักลงทุนต่างชาติมีความเข้าใจ และเคยชินกับสถานการณ์การเมืองของไทยเป็นอย่างดี

"การชะลอตัวของเศรษฐกิจปีนี้ เกิดขึ้นจากภาคการบริโภคในประเทศมากกว่า โดยมองว่าภาพรวมต่างๆ จะเริ่มดีขึ้นในปีหน้าและจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ประเมินเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเติบโต 4.5% แต่หากไม่มีการลงทุน 2 ล้านล้านบาท การเติบโตจะเหลือ 3.5%"

กสิกรไทยหั่นจีดีพี ครั้งที่ 4

ขณะที่วานนี้ ธนาคารกสิกรไทย จัดงานสัมมนา Meet The Expert โดยนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกปี 2557 น่าจะเติบโต 3% เป็นผลมาจากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ กลุ่มประเทศยุโรป และจีน ที่เริ่มมีทิศทางดีขึ้น

"เศรษฐกิจสหรัฐชัดเจนว่า เติบโตต่อเนื่อง แต่ยังคงเสี่ยงในเรื่องเพดานหนี้ ขณะที่มาตรการคิวอีของสหรัฐ ก็ถูกคาดการณ์ว่า จะเริ่มลดลงช่วงต้นปีหน้า ขณะที่ยุโรปยังฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ท่ามกลางปัญหาการว่างงานในระดับสูง เงินเฟ้อในระดับต่ำ แต่ยังถือว่าเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่อยู่"

ขณะที่เศรษฐกิจไทย ยังคงมีความเสี่ยงในหลายด้าน ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย อาจปรับการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจใหม่เป็นครั้งที่ 4 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.7% อาจปรับเหลือ 3.5% ซึ่งต้องรอความชัดเจนอีกครั้งในการประกาศตัวเลขจีดีพีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ โดยปัจจัยที่จะทำให้มีการปรับตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ คือ ตัวเลขการส่งออก ซึ่งออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.5 %

อีกทั้งยังคงมีปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองเข้ามากระทบ หากสถานการณ์ไม่มีความรุนแรง คาดว่าจะกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยประมาณ 0.1 % แต่หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น อาจส่งผลให้กระทบต่อเศรษฐกิจไทย ประมาณ 0.5 %

ชี้ภาครัฐลงทุนปี 2557 แค่ 5 หมื่นล้าน

สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีหน้า มองว่า จะเติบโต 4.5% จากอานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกปรับตัวดีขึ้น โดยมองการส่งออกน่าจะเติบโต 5% ขณะที่การลงทุนของภาครัฐบาล ยังคงไม่ให้น้ำหนักมากนัก เพราะอาจประสบปัญหาความล่าช้าในการดำเนินโครงการ โดยนำการลงทุนภาครัฐใส่ในตัวเลขประมาณการจีดีพี 5 หมื่นล้านบาท

ส่วน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย เปิดเผยในการเสวนา หัวข้อ มองเศรษฐกิจแบบเซียน ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีหน้า จะเติบโตในระดับ 3% ซึ่งถือว่าไม่เยอะ ทำให้เอกชนต้องมาดูว่าจะรับมืออย่างไร

สำหรับการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว เพราะการส่งออกไปยังหลายประเทศลดลง จากภาวการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้เอกชนควรตั้งรับด้วยการพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่ามากขึ้น และลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้การส่งออกมีมูลค่าสูงขึ้น

"ผมมองว่า ข้อได้เปรียบของเอกชนไทย คือมีสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการในทุกระดับ รวมทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) แต่ปัญหาสำคัญของเอกชนไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ส่วนใหญ่ไม่มีการจัดทำบัญชีที่ถูกต้อง ทำให้สถาบันการเงินกล้าที่จะปล่อยกู้ และทำให้เอสเอ็มอีต้องหันไปกู้เงินนอกระบบ ที่มีต้นทุนทางการเงินที่สูงมาก"

อีกทั้ง เอสเอ็มอี ยังไม่กล้าที่จะไปบุกตลาดต่างประเทศ เพราะมีความคุ้นเคยและคุ้นชินที่จะอยู่ในประเทศ การออกไปหาลูกค้าต่างประเทศจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการรู้จักตลาดมากขึ้น เข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น หากแก้ปัญหาตรงนี้ได้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพของเอสเอเอ็มอีได้ในอนาคต

คาดอสังหาฯ ราคาปรับขึ้น 5-7%

นายณรงค์ เจียรวนนท์ กรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนสินค้าในท้องตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภคมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องหาวิธีการสร้างข้อแตกต่างของสินค้าตนเอง และสินค้าในตลาดมากขึ้น โดยผู้ประกอบการต้องสร้างสินค้าที่มีความต้องการในรูปแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพราะผู้บริโภคมีความหลากหลาย การทำรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้สินค้าของตนมีความแตกต่างจากคู่แข่ง และเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของตัวเองได้

สำหรับตลาดต่างประเทศ กลุ่มซีพีมองว่า ประเทศจีนมีความน่าสนใจมากในการลงทุน แม้จะมีภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่เป็นการชะลอเพื่อก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งมีความน่าสนใจ เพราะปัจจุบันประชากรชาวจีนนั้น มีจำนวนมาก มีรายได้ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในจีน ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไทย ยังคงเติบโตได้ในระดับที่ดี โดยมองการเติบโตหลังจากนี้ จะเติบโต 5-7% ใน 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ในระดับที่ 5-7% ต่อปีเช่นกัน

"สิ่งที่ต้องการแนะนำผู้ประกอบการ คือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญมาก ลูกค้าในแต่ละระดับมีความต้องการหลากหลาย ไม่เหมือนกัน การที่ตั้งหน่วยธุรกิจเพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มนั้นๆ โดยเฉพาะ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะทำ เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจได้"

 

Tags : ธปท.เศรษฐกิจการเมืองคิวอีการบริโภคลงทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โบอิ้ง 737 ของรัสเซียตกตายยกลำ http://bit.ly/1gWX4ON

#เครื่องบินตก #Posttoday #โพสต์ทูเดย์

 

 

1234894_10152025607794835_626656000_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคับเพื่อนทุกท่่าน :Announce หายไปหลายวันกลับมางานก็เยอะเหมือนเดิม :_02มาดูกราฟกัน18-11-56-01.gifกราฟราย15นาที จากกราฟจะเห็นว่าทองขึ้นมาติดแนวต้านเทรนลงพอดียังไม่ผ่านและทำคลื่นย่อยๆคล้ายจะทำABตอนนี้กำลังทำC แต่มองอีกมุมจะเห็นคลื่นย่อยเล็กๆที่ทำABCจบแล้วและตอนนี้กำลังทำคลื่นย่อยชุดที่3ของราย15นาทีเช่นกัน มองดูแล้วออกได้2หน้าเลย คือ หน้าที่1 จบแล้ว ทำการเบรคแนวต้านสีเขียวและแนวต้าน1293ขึ้นไป เป้าหมายหากทำ5คลื่นจะขึ้นได้อย่างน้อย1326-1335-1347 แต่ถ้าทำ3คลื่นอาจจะขึ้นได้ไม่สูงมากนักไม่เกิน1314 ส่วนหน้าที่ 2 คือ กรณียังไม่จบ ทองลงต่ำกว่าโลววันศุกร์หรือต่ำกว่า1280 เป้าหมายการลงวัดได้3จุดในกรอบสีชมพู หรือ 1277-1273-1268 แต่จะไม่ต่ำกว่่า1260 แน่นอน วันนี้คงได้ลุ้นกันจะออกหน้าที่1 ที่มีเบรคเทรนลงเขียวและ1293 แล้วไปวัดดวงให้เลือกจบไฮที่1326-1347 หรือ จบไฮที่ต่ำกว่า1314 หรือจะออกหน้าที่2 ลงไป1277-1268ก่อนแล้วค่อยขึ้นเบรคแนวต้านเทรนเขียวหรือ1293ต่อไป ส่วนเป้าหมายคล้ายๆหน้าที่1ที่จะต้องเลือกภายหลังอีก2แบบ

18-11-56-02.gifดูกราฟต่อไปกราฟราย1ชม จะเห็นว่า การรีบาวกลับคลื่นชุดที่1 รายชม(1h1หรือ1hA?) เวลารีบาวกลับวัดด้วยฟิโบจะได้ราคาในกรอบสีส้ม (1301-1343) นั่นหมายความว่าไม่่ว่าจะทำ1h1หรือ1hAเราจะได้เห็นราคาไม่ต่ำกว่า1301 แน่นอน เพียงแต่จะเป็น1h1หรือ1hA นั้นจะต้องดูว่าราย15นาทีทำ3คลื่นหรือ5คลื่น แค่นั้นเอง กรณีราย15นาทีทำ5คลื่น ฟันธงได้เลยว่าคลื่นชุดแรกราย1ชม เป้น1hA แต่ถ้าทำ5คลื่นต้องมาวัดใจภายหลังอีกว่าจะเป็น1h1หรือ1hA

มุมมองการเล่นวันนี้สำหรับคนซื้อ

1 รอซื้อเมื่อทะลุ buy stop 1294 cut 1289 เป้า 1314

2 รอซื้อbuy limit 1273 cut 1267 เป้า 1335

3 รอซื้อ buy limit 1268 cut 1260 เป้า 1347

4 หากแมทข้อ1 ให้คงข้อ2&3ไว้ แต่ถ้าแมทข้อ 2&3 ให้ยกเลิกข้อ1 ส่วนข้อ2&3 ให้เลือกเล่นข้อใดข้อ1 หรือจะตั้งทั้ง2ข้อก็ได้ แต่ถ้าถูกกินcutให้รอดูสถานการณ์ต่อไป

สำหรับคนขาย

1 รอขาย sell limit 1347cut 1353 เป้า 1303

2.หากถูกกินcutให้รอดูสถานการณ์ต่อไป

ปล.ส่วนตัวผมปิดbuy 1268ไปแล้วที่1289.1 และกดsellสด1287 cut 1293 เป้าปิด 1278 และตั้งรอซื้อขายตามข้อ123 ตามลำดับ ส่วนทองแท่งมีครบเต็มมือแล้ว แต่มีเงินสดเหลืออีกนิดหน่อยพอจะซื้อได้สัก5บาท อาจจะพิจารณาเก็บที่ต่ำกว่า1260 และถ้าราคาต่ำกว่า1251จะคัตแท่งออก2ก้อน ไปรอซื้อที่1200ต้นๆ ส่วนเป้าขายรอความชัดเจนของคลื่นราย1ชมก่อนค่อยปรระเมินอีกทีแต่ถ้าดูจากรายวันก็เหมือนวันพุธ ที่1400ขึ้นไป18-11-56-03.gif

ปล2. ขอให้เพื่อนๆโชคดีในการลงทุน :bye

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ylg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ Derivative Daily Comment ประจำเช้าวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 ให้เพื่อนๆ ติดตามมาแล้วค่ะ

 

โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

- Gold ราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,295 ได้ทำให้อ่อนตัวลงมา วันนี้มีแนวรับบริเวณ 1,280/1,272 แนวต้านบริเวณ 1,290/1,295 แนะนำ Trading ในกรอบ SET50 GDP ไทยยังน่าห่วง หลังส่งออกขยายตัวต่ำ กดดันเศรษฐกิจไทย ด้านการเมืองยังคงไม่รุนแรง แต่ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เป็นประเด็นสำคัญในวันนี้ อย่างไรก็ตาม หากผ่าน 973 จุด แนะ trading long

 

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://classicgoldfutures.co.th/image/strategy_analysis/filestrategy18112013921181407.pdf

 

Exclusive News ประจำเช้าวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 ให้เพื่อนๆ ติดตามมาแล้วค่ะ

 

โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

- เศรษฐกิจโลก: ประเมินธุรกรรมในปีที่แล้วของธนาคารเงาจากทั่วโลก ขยายตัว 5 ล้านล้านดอลลาร์ รวมมูลค่า 71 ล้านล้านดอลลาร์

 

- เศรษฐกิจสหรัฐ: ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม(Empire State Index) เดือน พ.ย.ร่วงลงมาอยู่ที่ -2.21 และเจพี มอร์แกน เชส ยอมจ่าย 4,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อไกล่เกลี่ยคดีกับ 21 บริษัทด้านการลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์จดจำนองค้ำประกันที่ออกโดย เจพี มอร์แกน เชส และ แบร์ สเติร์นส์ ในช่วงเกิดวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ

 

- เศรษฐกิจยุโรป: สหภาพยุโรป(EU) เตือนว่า ร่างงบประมาณปี 2557 ของอิตาลี อาจไม่เป็นไปตามกฎ

 

- เศรษฐกิจเอเชีย: จีนจัดเก็บเงินทุนของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 30% ภายในปี 2563 จากปัจจุบันที่เก็บ 0-15% โดยเงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อปรับปรุงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

 

- ตลาดทองคำ: จีนยังคงครองตำแหน่งผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกในไตรมาส 3 ของปีนี้ ในปริมาณ 210 ตัน ทั้งนี้ รายงานของ WGC

1463129_729820813712938_253839622_n.jpg

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 มาแล้ว ดังนี้ค่ะ

 

1.ดุลบัญชีเดินสะพัด เดือน ก.ย. (EU)

- ประกาศเวลา 16:00 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับต่ำ

- ตัวเลขที่ประกาศที่คาดว่าจะประกาศ 18.3 B

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า 17.4 B

 

2.ดุลการค้า เดือน ต.ค. (EU)

- ประกาศเวลา 17:00 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับต่ำ

- ตัวเลขที่ประกาศที่คาดว่าจะประกาศ 14.3 B

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า 12.3 B

 

3.ยอดสุทธิเงินลงทุนระยะยาวของต่างขาติ เดือน ต.ค. (US)

- ประกาศเวลา 21:00 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับต่ำ

- ตัวเลขที่ประกาศที่คาดว่าจะประกาศ -21.3 B

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า -8.9 B

 

4.ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือน พ.ย. (US)

- ประกาศเวลา 22:00 น.

- การประกาศตัวเลขสร้างผลกระทบในระดับปานกลาง

- ตัวเลขที่ประกาศที่คาดว่าจะประกาศ 56

- ตัวเลขที่ประกาศครั้งก่อนหน้า 55

 

 

1422352_729830313711988_1682769207_n.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความเคลื่อนไหวค่าเงินภาคเช้า 18-11-56 vdo.gif Market Wise ช่วงทิศทางความเคลื่อนไหวค่าเงินภาคเช้า สดตรงจากนักวิเคราะห์ "กรุงเทพธุรกิจทีวี" 18-11-56 เจาะหุ้นเด่นภาคเช้า 18-11-56 vdo.gif Market Wise ช่วง เจาะหุ้นเด่นภาคเช้า สดตรงจากนักวิเคราะห์ "กรุงเทพธุรกิจทีวี" 18-11-56 หุ้นไทยเปิดบวก8จุดจับรอคำตัดสินศาลรธน. หุ้นไทยเปิดบวกเกือบ 8 จุด แนะทยอยสะสม-ซื้อเก็งกำไร จับตารอคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ 20 พ.ย.นี้ กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยภาคเช้า 18-11-56 vdo.gif กลยุทธ์ลงทุนทอง-อนุพันธ์ภาคเช้า 18-11-56 vdo.gif Market Warm Up 18-11-56 vdo.gif โซลาร์ตรอนชู'รูฟท็อป'ดันรายได้พุ่ง50%

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินฝืด ทำให้ธนาคารกลางยุโรปลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ แต่ราคาสินค้าที่ลดลงกลับกระทบต่อประเทศนอกเขตยูโรโซน

เห็นได้จากประเทศในยุโรปตะวันออก รวมถึงสวีเดนและอังกฤษ ที่ล้วนรายงานเงินเฟ้อลดลงเมื่อเดือนต.ค. อันสะท้อนถึงแนวโน้มว่าราคาสินค้าต่างๆ น่าจะลดลงทั่วทวีปยุโรป

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าอันตรายของเงินฝืดในภูมิภาคเหล่านี้ค่อนข้างห่างไกลมากกว่าประเทศในเขตยูโรโซน

ความวิตกของการตกเข้าสู่วงจรเงินฝืด ถือเป็นจุดพลิกผันล่าสุดของวิกฤติหนี้ยูโรโซน และสร้างความวิตกแก่นักเศรษฐศาสตร์ที่เตือนว่ายูโรโซนอาจเดินไปสู่กับดักเดียวกับที่ทำให้ญี่ปุ่นจมอยู่กับ "ทศวรรษที่หายไป" และเพิ่งเริ่มหลุดออกมาได้เมื่อไม่นานมานี้

เงินฝืดเป็นเหมือนวงจรอุบาทว์ ที่การคาดหมายว่าราคาสินค้าจะถูกลง ทำให้ผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ ชะลอการซื้อของออกไป ทำให้ความต้องการไม่ขยับขึ้น และดึงราคาสินค้าให้ต่ำลงไปอีก เช่นเดียวกับฉุดลากเศรษฐกิจให้จมดิ่งลงไปด้วย

เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน โปแลนด์ ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในยุโรปตะวันออก รายงานเงินเฟ้อ 0.8% ในเดือนต.ค. จากตัวเลขที่ 1% เดือนก.ย. และ 1.1% เดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าระดับของปีที่แล้วที่เฉลี่ย 3.7% อยู่มาก

ส่วนบัลแกเรียก็เผชิญเงินฝืดเต็มรูปแบบ เพราะราคาสินค้าลดลง 1.4% เมื่อเดือนต.ค. ด้านเงินเฟ้อของฮังการีต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0.9% เช่นเดียวกับเงินเฟ้อของสาธารณรัฐเช็ก จนทำให้ธนาคารกลางต้องจัดทำแผนเข้าแทรกแซงในตลาดเงินตราต่างประเทศ เพื่อสกัดราคาสินค้าไม่ให้ลดลงมาก ด้วยการเข้าพยุงค่าเงินของประเทศ

ด้านเพื่อนบ้านอย่างสโลวาเกียก็มีเงินเฟ้อต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่งที่ 0.6%

แต่นักวิเคราะห์แห่งบีเอ็นพี พาริบาส์ มองว่าประเทศยุโรปตะวันออกไม่น่าตกสู่วงจรเงินฝืดเพราะเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับเยอรมนีมากและได้ประโยชน์จากพลวัตของเยอรมนี อันมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซนด้วย

นักวิเคราะห์ธนาคารไรฟเฟเซนของออสเตรีย เห็นด้วยว่ายูโรโซนกำลังเสี่ยงที่จะเผชิญเงินฝืด แต่ยุโรปตะวันออกคงไม่เผชิญสภาพดังกล่าว เพราะเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้กำลังขยายตัวโดยได้แรงหนุนจากการส่งออก และอัตราว่างงานน่าจะลดลงในปี 2557 และ 2558 โดยความต้องการในประเทศที่ฟื้นตัวจะกระตุ้นราคาสินค้าให้สูงขึ้น กระนั้นเงินเฟ้อจะไม่สูงมากนัก

บางประเทศ โดยเฉพาะฮังการี มีหนี้สกุลต่างประเทศในระดับสูงและค่อนข้างอ่อนไหวกับการแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศมากกว่าที่จะวิตกเรื่องเงินฝืด

นอกจากนั้น เงินเฟ้อต่ำยังมักหมายถึงค่าเงินที่แข็งขึ้น ซึ่งทำให้หนี้ลดลงหากอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ

นอกจากประเทศแถบยุโรปตะวันออกแล้ว ชาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกยูโรโซนก็เผชิญราคาสินค้าที่ลดลงเช่นกัน อย่างสวีเดนที่ราคาสินค้าลดลง 0.1% ในเดือนต.ค. อันสร้างความประหลาดใจให้แม้แต่ธนาคารกลาง

ส่วนอังกฤษก็รายงานเงินเฟ้อที่ 2.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าเพื่อนบ้านในยุโรป แต่ต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน และลดลงจากเดือนก่อนที่ 2.7%

Tags : เงินฝืดยูโรโซน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาน้ำมัน WTI ลดลง 34 เซนต์ จากข่าวซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 10:22:07 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนธ.ค.ปรับตัวลง 34 เซนต์ แตะที่ 93.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบมากที่สุดในรอบ 8 ปี

ข้อมูลจาก Joint Organisations Data Initiative ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียติดอันดับผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่สุดของโลกในเดือนก.ย.และส่งออกน้ำมันในเดือนก.ย.มากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2548

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

 

 

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 18 พ.ย. 56 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2556 10:34:17 น.

กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น US$ 2.65 ต่อออนซ์ ปิดที่ระดับ US$1,289.66 ต่อออนซ์ (Gold spot) ราคาทองเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนของคำแถลงของว่าที่ประธาน FED คนใหม่นางเจเน็ต เยลเลนที่สนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่า FED จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวอย่างมั่นคง โดยสัปดาห์นี้ตลาดกลับมาให้ความสนใจรายงานการประชุม FOMC ช่วงวันที่ 29-30 ต.ค.ที่ผ่านมาซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสฯเวลา 02.00 น. การรายงานตัวเลขบ้าน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยอยู่ใกล้ระดับ 80.7 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเช้านี้ใกล้ระดับ 31.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ SPDR รายงานการถือครองทองคำลดลงคงที่ระดับ 865.71 ตัน

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวเหนือระดับ US$1,280 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2556 (GFZ13) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 19,380 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 19,200 บาท ราคาเสนอขาย 19,300 บาท ลดลง 50 บาท

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า คำปราศรัยของว่าที่ประธาน FED คนใหม่ค่อนข้างหนุนการคาดการณ์ว่า FED น่าจะยังคงมาตรการ QE ต่อไปอีกระยะอย่างน้อยน่าจะหลังจากผ่านพ้นวิกฤติเพดานหนี้และร่างกฏหมายเงินทุนหน่วยงานรัฐที่จะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า อย่างไรก็ตามในระยะสัน้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงกระทบต่อราคาทองคำต่อไป โดยในสัปดาห์นี้ติดตามรายงานการประชุม FOMC ครั้งที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นการสะท้อนมุมมองของ FED ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ การประกาศตัวเลขตลาดบ้านสหรัฐฯ ดัชนีเงินเฟ้อ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ทางเทคนิค ยืนเหนือ US$1,275-80 ได้ลุ้นทดสอบแนวต้าน US$1,293-1,300 ยังคงกรอบแนวรับ US$1,275-1,250

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขำขำนะครับ

945800_613191272050486_1947240276_n.jpg

1425772_613191305383816_657399879_n.jpg"ลอยโคมวันลอยกระทง"

1000627_613032348733045_2086518618_n.jpg1374893_613032382066375_201467421_n.jpg

"แอ่วพะเยา ทำไมมีแกะว้า"

1464115_612160578820222_1436106567_n.jpg

"หลับเอาแรงก่อน ลุยต่อ"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...