ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

ธ.ก.ส.เผยเกษตรกรแห่ใช้บัตรสินเชื่อ เตรียมหนุนร้านค้าทำ Q-Shop สร้างความมั่นใจ

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 13:39:59 น.

กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--ธ.ก.ส.

ธ.ก.ส. เผยผลการดำเนินงานบัตรสินเชื่อเกษตรกรทะลุเป้า 4,081,201 ใบ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจำนวน 28,097ล้านบาท สนับสนุนร้านค้าที่เข้าสู่มาตรฐาน Q Shop เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ ราคายุติธรรมและบริการที่ดี พร้อมจัดโปรโมชั่นมอบโชค 2 ชั้น มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท ให้กับผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรและชำระหนี้ตรงเวลา เพื่อสร้างวินัยทางการเงินในระบบในวันที่ 16 พ.ค.นี้

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ธ.ก.ส.ได้จัดทำโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อปัจจัยการผลิตที่จำเป็นทางการเกษตร ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ธ.ก.ส. ได้จัดทำบัตรครอบคลุมเกษตรกรลูกค้าทุกกลุ่มอาชีพ พร้อมส่งเสริมร้านค้าให้ขายสินค้าอย่างมีคุณภาพ ราคายุติธรรม ทำให้เกษตรกรใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและรอบการใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่ง ณ 31 มีนาคม 2557 ธนาคารได้ดำเนินการเปิดใช้งานบัตรสินเชื่อเกษตรกรไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 4,081,201 ใบ มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร จำนวน 28,097 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 20,000 ล้านบาท ถึง 40.48 % ซึ่งสินค้าที่เกษตรกรนิยมใช้จ่ายผ่านบัตร คือ ปุ๋ย ร้อยละ 66 รองลงมา คือ น้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 15 เคมีภัณฑ์ ร้อยละ 10 ที่เหลือเป็นเมล็ดพันธุ์และเครื่องมือทางการเกษตร โดยร้อยละ 50 นิยมใช้จ่ายผ่านร้านค้าเอกชน เนื่องจากมีความสะดวก ความคุ้นเคย และการบริหารจัดการมีความคล่องตัว รองลงมาร้อยละ 32 เป็นการใช้จ่ายผ่านสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ที่เหลือเป็นปั๊มน้ำมันและร้านค้าสหกรณ์ทั่วไป โดยมีรายได้จากการดำเนินงานบัตรสินเชื่อในรูปของค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนเงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตร จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคิดเป็นค่าธรรมเนียมสะสมรวม 294 ล้านบาท มีจำนวนลูกหนี้ NPL 8,791 ราย จำนวนเงิน 117.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.46 ทั้งนี้ เนื่องจากเกษตรกรเจ้าของบัตรบางส่วนได้รับผลกระทบจากการที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว และผลกระทบจากอุทกภัยปี 2556

ในส่วนของร้านค้า ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนร้านค้าเพื่อรองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรของเกษตรกรที่เพิ่มมากขึ้นจำนวน 12,023 ร้านค้า คิดเป็นร้อยละ 120.3 ของเป้าหมาย 10,000 ร้านค้า และได้เร่งรัดการติดตั้งเครื่อง EDC ให้กับร้านค้าแล้วจำนวน 10,000 ร้านค้า เพื่อให้ร้านที่ธนาคารรับขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการเป็นร้านที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ในการให้บริการเกษตรกร ธ.ก.ส.ได้ประสานงานกับกรมวิชาการเกษตรร่วมจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดร้านตามมาตรฐาน Q Shop เพื่อให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมีการบริหารจัดการที่ดีตามมาตรฐานสากล เช่น มีการปฏิบัติตามกฎหมายในการจำหน่ายปุ๋ยเคมี เมล็ดพันธุ์และวัตถุอันตรายทางการเกษตร โดยกรมวิชาการเกษตรจะเข้าไปแนะนำวิธีการบริหารจัดการร้านค้าที่ถูกสุขลักษณะ และมีการจัดจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน พร้อมการกำกับควบคุมดูแลและให้คำแนะนำโดยสารวัตรเกษตร ซึ่งนอกจากช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรว่าจะได้รับสินค้าที่มีมาตรฐาน ราคายุติธรรมและบริการที่ดีแล้ว ยังเป็นการยกระดับร้านค้าให้มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถืออีกด้วย ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้ส่งเสริมให้ร้านค้าปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐาน Q Shop ตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดแล้ว จำนวน 534 ร้านค้า

นอกจากนี้บัตรสินเชื่อเกษตรกร ยังมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าวล่าช้า โดยเกษตรกรที่เป็นชาวนากลุ่มดังกล่าวได้นำบัตรไปใช้เพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตเพื่อใช้ในฤดูการผลิตใหม่ รวมทั้งจัดหาข้าวสารเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ไปแล้วเป็นจำนวน 569,988 ราย คิดเป็นมูลค่าสินค้าผ่านบัตร จำนวน 9,653 ล้านบาท

นายลักษณ์กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการคืนกำไรให้เกษตรกรที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสินเชื่อ และเป็นกำลังใจกับผู้ที่รักษาวินัยทางการเงิน โดยการชำระหนี้ตรงเวลา ธ.ก.ส. ได้จัดกิจกรรมโปรโมชั่น “โชค 2 ต่อ” โดยจัดทำคูปองเพื่อมอบให้กับเกษตรกรที่ใช้บัตรซื้อสินค้าจาก สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส (สกต.) หรือร้านค้าเครือข่าย ครบทุก 1,000 บาท จะได้คูปองชิงโชค 1 ใบหรือชำระหนี้ได้ตามกำหนดทุก 5,000 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ ในการเข้าไปร่วมลุ้นรางวัล (ซึ่งสิ้นสุดการเข้าร่วมชิงรางวัลไปแล้วเมื่อ 31 มีนาคม 2557) จำนวน 217 รางวัล รวมมูลค่า 12,806,300 บาท กำหนดจับรางวัลในวันที่16 พฤษภาคม 2557 ณ ชั้น 11 ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน โดยรางวัลประกอบไปด้วยรถยนต์ Toyota Fortuner3 รางวัล รถยนต์Toyota Hilux VIGO Double Cab 9 รางวัล รถแทรกเตอร์คูโบต้า 5 รางวัล รถมอเตอร์ไซด์ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท เป็นต้น ทั้งนี้จะประกาศรางวัลทางเว็บไซต์ธนาคาร www.baac.or.th หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และป้ายประชาสัมพันธ์ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ

สำหรับในปีบัญชี 2557 นี้ ธ.ก.ส.มีแผนการจัดทำบัตรให้แก่เกษตรกรนอกกลุ่มลูกค้าธนาคาร ส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งจำนวนบัตรและรอบการใช้ เพิ่มจำนวนร้านค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ดูแลร้านค้าให้ขายสินค้าผ่านบัตรที่มีคุณภาพและราคายุติธรรม และพัฒนาเพื่อต่อยอดบัตรสินเชื่อเกษตรกรให้เป็นบัตรเครดิตเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าระดับดีเยี่ยมของธนาคารได้เข้าถึงบริการทางการเงินที่ทันสมัยต่อไป

 

 

นักวิเคราะห์คาดดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนปรับตัวดีขึ้นในเดือนเม.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 13:40:36 น.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจีน ซึ่งจะรายงานโดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) ในวันพรุ่งนี้นั้น จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในเดือนเม.ย.

สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนมี.ค. ซึ่งเปิดเผยโดย CFLP และ NBS นั้น ขยับขึ้นแตะ 50.3 จากระดับ 50.2 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า

ทั้งนี้ CFLP และ NBS จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนเม.ย.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 8.00 น. ตามเวลาในไทย

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

In Focus: ไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของโลก กับข้อเสนอซื้อกิจการที่สั่นสะเทือนไปทั้งวงการ

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 11:39:25 น.

หลังจากที่ปล่อยให้เป็นกระแสข่าวลือนานเป็นแรมเดือน ล่าสุด ไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้ออกมายืนยันทางเว็บไซต์ pfizer.com ถึงการหารือก่อนหน้านี้กับบริษัท แอสทราเซเนกา (AstraZeneca) แล้วว่า ไฟเซอร์สนใจเข้าซื้อกิจการของแอสทราเซเนกา เป็นวงเงินเกือบหนึ่งแสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ทางแอสทราเซเนกาได้ออกมาปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยชี้ว่าข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าน้อยเกินไป อย่างไรก็ตามทางไฟเซอร์ยังไม่ลดละความพยายามที่จะเปิดการเจรจาต่อไป ซึ่งแถลงการณ์จากไฟเซอร์ในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้ทั้งตลาดยุโรป ลอนดอน และนิวยอร์ก ตอบรับด้วยการปิดในแดนบวกทั่วกัน

*ทำความรู้จักกับสองบริษัทยายักษ์ใหญ่ของโลก

ไฟเซอร์ อิงค์ (Pfizer, Inc.) บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มหานครนิวยอร์ก และสำนักงานวิจัยหลักอยู่ที่เมืองโกรตัน รัฐคอนเคทิคัต เป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในแง่ของรายได้ ด้วยเครือข่ายสำนักงานที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ไฟเซอร์เป็นผู้ผลิต/พัฒนายาและวัคซีนในหลายๆแขนงด้วยกัน และยังเป็นผู้คิดค้นยาไวอะกร้า (Viagra) ยาที่ใช้รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อันโด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง

ด้านแอสทราเซเนกาเองก็มีผลงานไม่น้อยหน้าใคร โดยแอสทราเซเนกา พีแอลซี (AstraZeneca plc) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2542 จากการควบรวมบริษัทแอสทรา เอบี ของสวีเดน และบริษัทเซเนกา กรุ๊ป ของอังกฤษ เป็นบริษัทเวชภัณฑ์และชีวภาพสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับเจ็ดของโลก แอสทราเซเนกาดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ รวมถึงไทยด้วยเช่นกัน และนำเสนอผลิตภัณฑ์รักษาโรคในหลากหลายแขนง เช่น มะเร็ง หัวใจและหลอดเลือด ทางเดินอาหาร การติดเชื้อ ประสาทวิทยา การหายใจ และการอักเสบ

*ทำไมต้องเป็นแอสทราเซเนกา

แม้ว่า ไฟเซอร์เคยถูกปฏิเสธข้อเสนอไปแล้ว อีกทั้งทางแอสทราเซเนกาก็ไม่ได้แสดงความสนใจที่จะเปิดการเจรจาเพิ่มเติม แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้ไฟเซอร์ลดละความพยายาม ทั้งๆที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไฟเซอร์ได้ยกเลิกการว่าจ้าง ตัดงบประมาณการวิจัย อีกทั้งสั่งยุติธุรกิจที่ดูจะไม่มีศักยภาพเป็นจำนวนมากเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน อันเป็นผลจากการทุ่มซื้อกิจการต่างๆในอดีต

ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้แจงถึงเหตุผลเบื้องหลังของความสนใจที่จะซื้อกิจการว่า ไฟเซอร์มีความสนใจเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนายาระยะเริ่มแรก ในส่วนของการรักษาโรคมะเร็ง โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฝ่าย R&D ของแอสทราเซเนกาได้ประกาศข้อตกลงร่วมกับอิมมูโนคอร์ ลิมิเต็ด (Immunocore Limited) เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนาวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่ ผ่านเทคโนโลยี ImmTAC อันเป็นตัวยาที่ใช้เซลล์คุ้มกันในร่างกายเพื่อตรวจหาและกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไป หากตัวยาประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงแล้ว นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเป็นการเปิดตลาดใหม่ที่มีมูลค่าสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก็น่าจะเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมได้อย่างไร้ข้อกังขา

นอกจากนี้ แอสทราเซเนกายังเป็นผู้คิดค้นยา Crestor ลดคอเลสเตอรอลที่มียอดขายสูงถึง 5.62 ล้านดอลลาร์ รวมถึงยา Symbicort รักษาโรคหืดที่มียอดขายกว่า 3.48 พันล้าน และยา Nexium ลดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกที่มียอดขาย 3.88 พันล้าน ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การครอบครองของไฟเซอร์ หากการซื้อกิจการเกิดขึ้นจริง

ด้วยเหตุผลนี้เองที่น่าจะทำให้ไฟเซอร์ออกมาทุ่มทุนอย่างหนัก เมื่อดูในส่วนของข้อเสนอแล้วมีมูลค่ารวมกันราว 9.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นข้อเสนอซื้อกิจการที่ถูกมองว่ามีมูลค่าสูงที่สุดในบรรดาบริษัทอังกฤษ อีกทั้งสูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในวงการ (แต่ทว่าแอสทราเซเนกามองว่าน้อยไป) โดยในการประชุมระหว่างไฟเซอร์และแอสทราเซเนกา เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2557 ณ มหานครนิวยอร์ก ทางไฟเซอร์ได้ยื่นข้อเสนอเบื้องต้นอันประกอบไปด้วยเงินสดและหุ้น แยกเป็นเงินสดจำนวน 13.98 ปอนด์ (30%) และหุ้นไฟเซอร์ 1.758 หุ้น (70%) ต่อหุ้นของแอสทราเซเนกา ซึ่งคิดมูลค่าหุ้นของแอสทราเซเนกาได้ที่ 46.61 ปอนด์/หุ้น

อย่างไรก็ตาม แอสทราเซเนกาได้ปัดข้อเสนอดังกล่าวลง พร้อมชี้ว่าข้อเสนอที่ได้รับนั้นมีมูลค่าต่ำเกินควร อีกทั้งยังได้แสดงความวิตกต่อท่าทีของไฟเซอร์ ที่ต้องการเสนอซื้อกิจการด้วยหุ้นแทนเงินสดเป็นสัดส่วนถึง 70% ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนชี้ว่า หากไฟเซอร์ต้องการแอสทราเซเนกาจริงๆ ก็จำเป็นต้องเพิ่มราคาหุ้นอย่างน้อยให้มากกว่า 50 ปอนด์ขึ้นไป และมองว่าการที่ไฟเซอร์ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันข่าวลือดังกล่าว ก็เหมือนกับเป็นการบังคับกลายๆให้แอสทราเซเนกาออกมาตอบรับข้อเสนอในที่สุด

*ผลพลอยได้ด้านภาษี

นอกเหนือจากผลประโยชน์ในสายผลิตภัณฑ์ขององค์กรแล้ว ไฟเซอร์ยังถูกสื่อต่างประเทศวิเคราะห์และมองว่ามีเจตนาเลี่ยงภาษีอีกด้วย ทั้งนี้หากข้อเสนอข้างต้นประสบความสำเร็จ คาดว่า ไฟเซอร์จะย้ายที่อยู่ตามกฎหมายไปยังต่างประเทศที่บังคับจ่ายภาษีในระดับที่ต่ำกว่า ขณะที่คณะผู้บริหารระดับสูงจะยังคงประจำการอยู่ในสหรัฐ

เมื่อพิจารณาถึงอัตราภาษีของสหราชอาณาจักรแล้ว อัตราภาษีนิติบุคคลปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 21% และจะถูกปรับลดลงเหลือ 20% ในปีนี้ โดยไม่มีการคิดภาษีในส่วนของธุรกิจนอกประเทศ

นอกจากนี้ยังมีนโยบาย Patent Box ที่จะนำรายได้ส่วนที่มาจากสิทธิบัตรมาคิดภาษีเพียง 10% เท่านั้น เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆในประเทศ ซึ่งทางไฟเซอร์เองก็น่าจะให้ความสนใจในปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน

ในทางกลับกัน อัตราภาษีนิติบุคคลของสหรัฐนั้นสูงถึง 35% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมด และยังคิดภาษีจากผลกำไรของบริษัทในต่างประเทศที่ส่งกลับสหรัฐอีกด้วย

*ฤดูซื้อขายแลกเปลี่ยนครั้งสำคัญแห่งวงการเภสัชกรรม

ปัจจุบันอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพกำลังอยู่ในช่วงของการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ ที่เรียกได้ว่าคึกคักที่สุดในรอบหลายปี นอกจากไฟเซอร์เองแล้วบรรดาคู่แข่งรายอื่นๆก็ไม่น้อยหน้า โดยเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเภสัชกรรมโลกอย่างวาเลียนท์ ฟาร์มาซูติคอลส์ โนวาร์ทิส และไมแลน ก็อยู่ระหว่างการเสนอซื้อกิจการครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน ภายหลังจากที่สินค้าทำเงินของบริษัทบางตัวสูญเสียการคุ้มครองด้านสิทธิบัตร ประกอบกับงบประมาณพัฒนายาตัวใหม่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วาเลียนท์ ฟาร์มาซูติคอลส์ (Valeant Pharmaceuticals) บริษัทเภสัชภัณฑ์ผิวหนังจากแคนาดา ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อกิจการของอัลเลอแกน (Allergan) ผู้ผลิตโบท็อกซ์รายใหญ่ของโลก ด้วยเงินสดและหุ้นในลักษณะเดียวกับไฟเซอร์ โดยคิดเป็นมูลค่ารวมกันราว 4.57 หมื่นล้านดอลลาร์

ในขณะเดียวกัน โนวาร์ทิส (Novartis) ของสวิตเซอร์แลนด์ ยังมีมติซื้อธุรกิจยารักษาโรคมะเร็งของแกล็กโซสมิธไคลน์ (GlaxoSmithKline) ของอังกฤษ เป็นวงเงินราว 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกับขายธุรกิจวัคซีนเกือบทั้งหมดแก่ทางแกล็กโซในวงเงิน 7.1 พันล้าน

ด้านไมแลน (Mylan) ผู้ผลิตยาสามัญรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการของเมด้า เอบี (Meda AB) จากสวีเดน อีกหลังจากที่ถูกปฏิเสธก่อนหน้า โดยในครั้งนี้ได้เพิ่มมูลค่าข้อเสนอเป็น 6.7 พันล้านดอลลาร์

*อนาคตอันสดใสหลังควบรวมกิจการ

ท่ามกลางโอกาสทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมยา ที่ทุกฝ่ายสามารถก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่ง หรือตกอันดับลงแบบกู่ไม่กลับ หากข้อเสนอของไฟเซอร์ได้รับการตอบรับ และมีการซื้อกิจการขึ้นในที่สุด บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า ไฟเซอร์จะสามารถขึ้นแท่นผู้ผลิตยาอันดับหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง

ในส่วนของการพัฒนายารักษาโรคมะเร็งที่ไฟเซอร์ให้ความสนใจแล้ว ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการแพทย์เชื่อว่า เมื่อไฟเซอร์และแอสทราเซเนการ่วมงานกัน ทั้งสองก็มีศักยภาพก้าวขึ้นทำเนียบผู้นำในวงการรักษามะเร็งในระดับโลก โดยทางแอสทราเซเนกา ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายงานการทดสอบตัวยาขั้นทดลองเบื้องต้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ได้ประกาศว่าทางองค์กรมีแผนจัดการทดสอบยาขั้นสุดท้ายแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดในเร็วๆนี้

แม้ว่าการพัฒนายาในขั้นทดลองนั้นอาจแลดูมีความเสี่ยงสูง ในแง่ของผลลัพธ์ที่อาจประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายหรือล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็นับว่าเป็นความเสี่ยงที่น่าลงทุนเพื่อคว้าชัยชนะเหนือบรรดาคู่แข่งในตลาดยาที่มีการแข่งขันสูง ทั้งนี้ทางแอสทราเซเนกา จะตอบรับข้อเสนอครั้งยิ่งใหญ่เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำร่วมกับไฟเซอร์ หรือบอกปัดโอกาสดังกล่าวอีกครั้ง และหากมีการซื้อกิจการเกิดขึ้นจริงแล้ว ทั้งสองจะสามารถพัฒนาตัวยาที่อาจพลิกโฉมวิธีการรักษาโรคจนประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ และทำรายได้อย่างล้นหลามตามความมุ่งหวังหรือไม่ ย่อมเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าติดตามต่อไป

อินโฟเควสท์ โดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

แบงก์ชาติญี่ปุ่นคาดเงินเฟ้อขยายตัว 1.9% ในปีงบประมาณ 2558

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 13:43:19 น.

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น 1.9% ในปีงบประมาณ 2558 เมื่อบีโอเจตั้งเป้าที่จะบรรลุอัตราเงินเฟ้อที่ 2% เพื่อขจัดภาวะเงินฝืด โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวอ้างอิงจากการที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของบีโอเจ

นอกจากนี้ บีโอเจยังคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด จะเพิ่มขึ้น 1.3% ในปีงบประมาณ 2557 และเพิ่มขึ้น 2.1% ในปีงบประมาณ 2559 เมื่อไม่ได้พิจารณาผลกระทบจากการขึ้นภาษีการบริโภค

ขณะเดียวกันบีโอเจคาดว่าเศรษฐิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มเติบโต 1.1% ในปีงบประมาณ 2557 ซึ่งเริ่มในเดือนเม.ย. ในแง่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง และคาดว่าจะขยายตัว 1.5% ในปีงบประมาณ 2558 สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดทองเอเชีย: ทองฟิวเจอร์ลบ $2.3 ก่อนทราบผลประชุมเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 11:45:52 น.

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลงในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนปลีกตัวออกจากตลาด ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในคืนนี้ และก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะทราบผลในเช้าวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาด COMEX ลดลง 2.3 ดอลลาร์ แตะที่ 1,294 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่ปิดปรับลง 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ที่ระดับ 1,296.30 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวานนี้

ดอลลาร์ที่ยังคงแข็งค่าแม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงนั้น ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดราคาทองให้อ่อนแรงลง โดยเมื่อคืนนี้ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนเม.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 82.3 จากระดับ 83.9 ในเดือนมี.ค. เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองบวกลดน้อยลงเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ส่วนในคืนนี้ สหรัฐจะมีการรายงานประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 1/2557 ในเวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็ให้ความสนใจกับการประชุมนโยบายการเงินของเฟดที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29-30 เม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังคงลดวงเงินในการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลงอีก 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดอัตราว่างงานปี 57 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามสัญญาณศก.ซบเซา

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 11:41:26 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า อัตราการว่างงานในปี 2557 มีโอกาสขยับขึ้นมาที่ร้อยละ 0.8 (กรอบคาดการณ์ร้อยละ 0.7-1.0) จากร้อยละ 0.7 ในปี 2556 โดยจำนวนผู้ว่างงานอาจเพิ่มขึ้นมามีค่าเฉลี่ยประมาณ 3.20 แสนคนต่อเดือน คน (กรอบคาดการณ์ 2.90-3.80 แสนคน) จากระดับ 2.82 แสนคนในปี 2556 โดยหากพิจารณารวมจำนวนผู้ทำงานต่ำกว่าระดับที่น่าจะเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ (สะท้อนถึงภาวะการว่างงานแฝงที่น่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น) ก็อาจทำให้อัตราการว่างงานรวมผู้ทำงานต่ำระดับขยับสูงขึ้นมาที่ร้อยละ 1.5 เทียบกับร้อยละ 1.3 ในปี 2556

"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมาที่ร้อยละ 1.8 ในปีนี้ อาจกดดันให้ตลาดแรงงานในภาพรวมมีภาพที่ซบเซาลง"

ทั้งนี้ แม้อัตราการว่างงานของไทยในปี 57 จะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ยังเป็นระดับที่ต่ำมาก และบ่งชี้ถึงสภาพความตึงตัวของตลาดแรงงานไทยที่ยังคงอยู่ และสะท้อนว่า ยังคงมีภาวะการขาดแคลนแรงงานเกิดขึ้นในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะแรงงานพื้นฐานที่ยังคงมีความต้องการสูงในหลายๆ สาขาการผลิต

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัญหาการว่างงานที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้ น่าจะคลี่คลายลงในช่วงที่เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวขึ้นในระยะข้างหน้า ซึ่งทำให้โจทย์ที่ท้าทายในระยะยาวของตลาดแรงงานไทย ยังคงเป็นปัญหาการขาดแคลนแรงงาน (โดยเฉพาะแรงงานขั้นพื้นฐาน และแรงงานกึ่งทักษะ) ความไม่สมดุลของจำนวนแรงงานและความต้องการในแต่ละภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนการชะลอตัวลงของผลิตภาพแรงงาน ประเด็นดังกล่าวอาจฉุดรั้งความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และบดบังจุดเด่นของแรงงานไทยที่มีความได้เปรียบด้านความคิดสร้างสรรค์ และมีความละเอียดประณีต เมื่อเทียบกับแรงงานเพื่อนบ้านในอาเซียน

ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ นายจ้าง/ภาคธุรกิจ และตัวแทนภาคแรงงาน ควรร่วมมือกันวางแนวทางเพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะภาครัฐที่อาจต้องเป็นแกนหลักในการวางแผนการพัฒนาแรงงานแบบบูรณาการ ด้วยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ปฏิรูประบบการศึกษา และกำหนดแนวทางการเพิ่มผลิตภาพแรงงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาคเอกชนนั้น อาจสร้างแรงจูงใจในการทำงานด้วยทัศนคติเชิงบวก และให้ความสำคัญมากขึ้นต่อการพัฒนาทักษะ/คุณลักษะที่จำเป็นต่อการปฎิบัติงาน ทั้งในส่วน On-the-job training และการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม/สัมมนา/ดูงาน ซึ่งแนวทางดังกล่าวสามารถทำได้ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อช่วยให้แรงงานสามารถทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะต้องเร่งวางแนวทางรับมือกับ 2 โจทย์ใหญ่ที่รออยู่ในระยะข้างหน้า เพราะปัญหาการขาดแคลนแรงงานไทยยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและอัตราการเกิดที่ลดต่ำประกอบกับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่นิยมศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาและประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมในกำลังแรงงานทยอยปรับตัวลดลง ซึ่งเมื่อรวมกับการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวกลับประเทศที่น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าเมื่อมีการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และเศรษฐกิจไทยทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงปีข้างหน้า (ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นในทุกสาขาการผลิต) ก็คงจะทำให้ภาวะความตึงตัวของตลาดแรงงานไทยกลายเป็นประเด็นที่น่ากังวลมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานทักษะระดับล่างที่คงจะประสบภาวะตึงตัวในระดับรุนแรง และกลุ่มแรงงานกึ่งทักษะที่มีความรู้ในสาขาวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี รวมทั้งกลุ่มแรงงานทักษะสาขาวิชาชีพเฉพาะที่น่าจะต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

อีกทั้งอัตราการขยายตัวของผลิตภาพแรงงานไทยชะลอลงอย่างต่อเนื่องหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพตลาดแรงงานใกล้เคียงกัน โดยนอกจากจะเป็นผลมาจากความอ่อนด้อยด้านทักษะที่จำเป็นสำหรับแรงงาน อาทิ ภาษาต่างประเทศ การใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศที่จำเป็นต่อการทำงานแล้ว สภาพแวดล้อมที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ก็ส่งผลทำให้การพัฒนาทักษะแรงงาน/เทคโนโลยีในหลายๆ สาขาอุตสาหกรรมไม่มีความต่อเนื่องภายใต้ข้อจำกัดทางด้านการเงินที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ สภาวะดังกล่าวอาจส่งผลกดดันทางอ้อมให้แรงงานบางส่วนปรับตัว โดยอาจยอมทำงานที่ใช้ทักษะต่ำกว่าระดับความสามารถ หรือไม่ตรงกับคุณสมบัติของตน ซึ่งทำให้ผลิตภาพแรงงานของไทยในภาพรวมอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเมื่อประกอบกับประเด็นค่าจ้างแรงงานที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ก็อาจส่งผลต่อการรักษาจุดยืนในการเป็นฐานการผลิต และการคงไว้ซึ่งระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาวอย่างยากจะหลีกเลี่ยง

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th-

 

คลังเผยฐานะการคลังช่วงครึ่งแรกปีงบ 57 ยังแกร่ง แม้รายได้ต่ำกว่าเป้า

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 11:50:01 น.

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2557(ต.ค.56-มี.ค.57) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 923,782 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 55,101 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เพราะอุปสงค์รถยนต์ในประเทศที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจและการส่งมอบรถยนต์สำหรับโครงการรถยนต์คันแรกได้เกือบครบทั้งโครงการแล้วในปีงบประมาณก่อนหน้า และในปีที่แล้วมีการนำส่งรายได้จากการประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 3G ย่าน 2.1 GHz จำนวน 20,843 ล้านบาท

"ถึงแม้การนำส่งรายได้รัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกจะเริ่มได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่เงินคงคลังที่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 แสนล้านบาท จะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจผ่านการเบิกจ่ายตลอดช่วงที่เหลือของปี" นายสมชัย กล่าว

ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจำนวนทั้งสิ้น 1,384,103 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12,525 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.9 ทำให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 460,321 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 60,096 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 520,417 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 130,160 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 390,257 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 213,667 ล้านบาท

อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

 

กู้ภัยเรือเซวอล พบศพแล้ว 203 ราย สูญหายอีก 99

ข่าวต่างประเทศ RYT9.COM -- พุธที่ 30 เมษายน 2557 11:49:55 น.

iq58cc298e40ebcd0ab02d0cc85ef1c344.jpg

ดูรูปทั้งหมด

คืบหน้าโศกนาฏกรรมเซวอล พบเพิ่ม 10 ศพ ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิต 203 ราย สูญหาย 99 ราย รัฐบาลเร่งค้นหาต่อท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย ขณะที่กองทัพเรืออเมริกัน ได้ส่งเรือและอุปกรณ์ดำน้ำช่วยค้นหา

ความคืบหน้าล่าสุดของการค้นหาผู้สูญหายจากอุบัติเหตุ เรือเซวอล จมกลางทะเลเหลือง เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยพบเพิ่มอีก 10 ศพ รวมขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 203 ราย สูญหายอีก 99 ราย การค้นหาผู้สูญหายเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากพบอุปสรรคในการเข้าถึงตัวเรือด้านขวาของชั้น 4 เนื่องจากจมใต้พื้นทะเล อีกทั้งยังต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย กระแสน้ำที่พัดแรงในฤดูใบไม้ผลิ ระดับน้ำขึ้นน้ำลงมีความแตกต่างกันมากที่สุดถึง 40% ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ส่งเรือกู้ภัยยูเอสเอ็นเอส พร้อมอุปกรณ์ดำน้ำ เข้าช่วยเหลือ

ด้าน ปาร์ก กึน เฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้กล่าวแสดงความเสียใจและขอโทษต่อสาธารณชน ในการประชุมคณะรัฐมนตรี และเดินทางไปร่วมพิธีไว้อาลัยนักเรียนและครูของโรงเรียนดันวอน เมืองอานซาน ด้วย

นายชุง ฮอง วอน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมเซวอล ไปก่อนหน้านี้ โดยจะมีผลเมื่อปฎิบัติการกู้ภัยเสร็จเรียบร้อย ได้นัดประชุมเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาสมุทรและการประมง เกี่ยวกับการกู้ภัยเรือเซวอล

อินโฟเควสท์ โดย ณัฐชญา อัครยรรยง/สุดทีวัล สุขใส โทร.02-2535000 ต่อ 360 อีเมล์: sudteewan@infoquest.co.th--

 

 

 

ศาลปกครอง สั่งทายาท "สมัคร" ชดใช้ กทม. 587,580,000 ล้านบาทคดีรถ-เรือดับเพลิง ส่วน "วัฒนา" ไม่ต้องชดใช้เพราะไม่เกี่ยวข้องโดยตรง http://bit.ly/1fOTd1T

 

 

 

 

10152467_10152435734074835_5409996046826183834_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มอเตอร์โชว์จีนใช้นายแบบขายรถ "มอเตอร์โชว์จีน" ใช้นายแบบชายขายรถ หลังผู้หญิงจีนซื้อรถมากขึ้น ศอ.รส.ส่งสำนวนอัยการคดีกปปส.ขวางเลือกตั้ง ศอ.รส.เตรียมส่งสำนวนให้อัยการ 1 พ.ค.นี้ดำเนินคดี กปปส.กระทำความผิดฐานขัดขวางเลือกตั้ง 316 ราย 'อภิสิทธิ์'พบ'สนธยา'หาทางออกปท.ก่อนเลือกตั้ง "อภิสิทธิ์"พบ"พลังชล"ปิดจ๊อบถกทางออกประเทศ ก่อนเสนอพิมพ์เขียวแก้วิกฤติภายใน 2 วัน เชื่อทันกรอบเวลาเงื่อนไข ด้าน"สนธยา"ยังแทงกั๊กทาที ทวิตเตอร์ขาดทุนเพิ่ม27ล้านดอลลาร์ สรุปภาวะซื้อขายหุ้นไทยภาคเช้า 30-4-57 vdo.gif หุ้นเช้าปิดบวก4.95จุดรอผลประชุมเฟด โนเกียตั้งผู้นำกลุ่มเน็ตเวิร์คส์นั่งซีอีโอใหม่

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

L0_news_img_579054_1.jpg

ให้สุเทพ

 

 

ผู้บริหารบริษัทไปรษณีย์ไทย มอบหมวก เสื้อ แสตมป์ ให้"สุเทพ" #nna #NOW26 @olan_nna

บุกทีโอที

 

 

"สุเทพ" ถึงทีโอทีแล้ว พนักงานทีโอที ต้อนรับคึกคัก ตะโกนลุงกำนัน สู้ๆ @olan_nna สรุปภาวะซื้อขายหุ้นไทยภาคเช้า 30-4-57 vdo.gif สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคเช้า 30-4-57 หุ้นตัวไหนร้อน ติดตามได้ใน Money Wise "NOW26" หุ้นเช้าปิดบวก4.95จุดรอผลประชุมเฟด หุ้นเช้าปิดบวก 4.95 จุด อยู่ที่ 1,417.28 จุด ผันผวน รอดูผลประชุมเฟด-การเมือง เตือนแรงขายทำกำไรภาคบ่าย กรอบ 1,414-1,420 จุด Take Off ความเคลื่อนไหวค่าเงิน 30-4-57 vdo.gif Money Wise ช่วง ความเคลื่อนไหวค่าเงิน สดตรงจากนักวิเคราะห์ "NOW26" 30-4-57 โบรกคาดกำไรอุตฯยานยนต์ซึมยาว Take Off ตลาดหุ้นไทย 30-4-57 vdo.gif ทิศทางตลาดอนุพันธ์ภาคเช้า 30-4-57 vdo.gif ทิศทางตลาดหุ้นภาคเช้า 30-4-57 vdo.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัสเซียตอกกลับอียู-ญี่ปุ่นหลังเจอคว่ำบาตร รัสเซีย วิจารณ์อย่างรุนแรง กรณีอียูและญี่ปุ่น ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซีย ตามหลังสหรัฐ มาเลย์เปิดสนามบินใหม่รับบินต้นทุนต่ำ มาเลเซียเตรียมเปิดสนามบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ โครงการนี้ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวแบบประหยัดที่เติบโตขึ้นมาก 'ชวนนท์'อัด'สุรพงษ์'ตัวตลกอาเซียน "ชวนนท์"ซัด"สุรพงษ์"ตัวตลกอาเซียน ชี้เอาเวทีอาเซียนซัมมิท ไปสู่กระบวนการสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง มอเตอร์โชว์จีนใช้นายแบบขายรถ ศอ.รส.ส่งสำนวนอัยการคดีกปปส.ขวางเลือกตั้ง 'อภิสิทธิ์'พบ'สนธยา'หาทางออกปท.ก่อนเลือกตั้ง

L0_news_img_579038_1.jpg

 

พายุถล่มเวทีนปช.อุตรดิตถ์

พายุถล่มเวทีนปช.อุตรดิตถ์ ต้นไม้-เสาไฟโค่น เต้นพังยับ เร่งเคลียร์ให้ทันชุมนุมใหญ่เย็นนี้ @supee_nnanorth

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวโน้มราคาทอง vdo.gif ตรงประเด็นข่าวค่ำ : แนวโน้มราคาทองคำสดตรงจากนักวิเคราะห์คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส "NOW26" 30-4-57 พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ1.8พันลบ. พอร์ตลงทุนหุ้นวันที่ 30 เม.ย. ต่างชาติซื้อ 1.8 พันล้าน รายย่อยขาย 1.3 พันล้าน สถาบันซื้อ 233 ล้าน บัญชีบล.ขาย 740 ล้าน เงินบาทปิด32.35/37อ่อนค่า ค่าเงินบาทปิดตลาดเย็นที่ 32.35-32.37 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า คาดวันศุกร์เคลื่อนไหวกรอบ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์ หุ้นไทยปิดบวก2.61จุด Money Wise COMMODITIES 30-4-57 vdo.gif กลยุทธ์ลงทุนตลาดหุ้นภาคบ่าย 30-4-57 vdo.gif ธปท.หวังเศรษฐกิจไตรมาส4ฟื้นตัว

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

  • 'อุกฤษ'แนะศาลรธน.หยุด!ก่อนเลือดนองแผ่นดิน
  • 'สุเทพ'ประกาศระดมมวลชน5พ.ค.
  • ดวงพยากรณ์วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
  • ส.ส.สหรัฐกดดันลงโทษประเทศค้ามนุษย์
  • หรือเราไม่ต้องมี "รัฐบาล" ก็ได้?

  •  
    การเมือง

    วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 03:00
     
    'สุเทพ'ประกาศระดมมวลชน5พ.ค.

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




    news_img_579264_1.jpg

    "สุเทพ" ถือฤกษ์วันฉัตรมงคล 5 พ.ค. ประกาศระดมมวลชน พร้อมนัดทำบุญขจัดเสนียดประเทศ 13 พ.ค. ดีเดย์ 14 พ.ค.เรียกคืนอำนาจปชช.



    "สุเทพ" ถือฤกษ์วันฉัตรมงคลระดมมวลมหาประชาชนร่วมชุมนุม 5 พ.ค. ถวายพระพรชัยมงคล ประกาศสัตยาธิษฐานปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง ก่อนยึดวันพระใหญ่ 13 พ.ค.วิสาขบูชา ทำบุญครั้งใหญ่ขจัดเสนียดประเทศ ดีเดย์ 14 พ.ค. 10โมงเช้า เรียกคืนอำนาจอธิปไตยสู่ประชาชน อุบสถานที่ชุมนุม หวั่น ศอ.รส.รู้ไต๋
    นายสุเทพ เทือกสุบรรณเลขาธิการ กปปส. ประกาศบนเวทีสวนลุมฯ ถึงการต่อสู้ขั้นสุดท้ายของมวลมหาประชาชน และได้รายงานสถานการณ์การต่อสู้ว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 56 มวลมหาประชาชนได้รวมตัวขึ้นครั้งแรกเพื่อต่อต้าน รบ.ที่สมคบกับสมาชิกรัฐสภาที่เป็นสมุนบริวารกระทำการขัดขืนใจประชาชนด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้นักโทษที่หลบหนีคำพิพากษาของศาล ที่กระทำทุจริตต่อชาติ ออกกฎหมายล้างผิดให้อาชญากรที่ฆ่าทหาร ประชาชนในปี 2553 และล้างผิดให้คนวางเพลิง เผาเมือง ปล้นทรัพย์จากเหตุการณ์เดียวกัน นอกจากนั้นยังคืนทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยที่ศาลได้พิพากษาให้ยึดเป็นของแผ่นดิน ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบของทักษิณ ชินวัตร การออกกฎหมายนิรโทษฉบับนั้นกระทำโดยฉ้อฉลกลางสภา มีการร่วมรัดปิดปากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และข่มขืนใจสภาให้ยอมรับกฎหมายฉบับนี้ตอนตี4 เมื่อเราออกมาต่อต้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ใช้วิธีให้วุฒิสภายับยั้งกฎหมายนิรโทษ ซึ่งเมื่อครบ 180 วันก็สามารถให้ส.ส.ของเขาเสนอให้สภาหยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ ยืนยัน และประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันที พฤติกรรมของรัฐบาลแสดงให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นชัดถึงการทรยศต่อประชาชน ไม่ฟังเสียงประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง เป็นพฤติกรรมของคนบ้าอำนาจ ประชาชนได้เห็นประจักษ์ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นทรราชย์ จึงเห็นว่าจำเป็นต้องต่อต้านโค่นล้มรัฐบาลทรราชย์เพื่อรักษาประเทศชาติเอาไว้ และขยายไปทั่วทั้งประเทศ ตั้งแต่นักศึกษา บุคลากรทางการแพทย์ นักวิศวกรนักบัญชี นักธุรกิจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ศิลปิน ดารา เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา และราษฎรทั่วไป จึงเกิดการรวมตัวเป็นมวลมหาประชาชน
    นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ประชาชนเห็นว่าระบอบทักษิณได้ทำร้ายประเทศชาติ ประชาชนคนไทยอย่างแสนสาหัสมานับสิบปีใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ข่มเหงข้าราชการ แผ่อิทธิพลครอบงำองค์กรอิสระ แสดงอิทธิพลเหนือสื่อมวลชน นักธุรกิจนอกจากนั้น กลุ่มบุคคลในระบอบทักษิณได้แสดงการปฏิเสธขัดขืนไม่ยอมรับอำนาจฝ่ายตุลาการ ปปช. และใช้อำนาจ อาวุธข่มขู่ตุลาการ และปปช. พร้อมกับใช้ นปช.ไปปลุกระดมยุยงให้ออกมาข่มขู่ด้วยความรุนแรง ทั้งยังใช้สื่อที่อยู่ในอำนาจอิทธิพล และช่อง 11 คอลัมน์นิสต์ พิธีกร ใส่ร้ายกล่าวหาว่า ปปช.สมคบกับฝ่ายอื่นๆ ล้มล้างรัฐบาล ถึงขนาดประกาศว่าจะแยกราชอาณาจักร แยกดินแดน ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ย้ายเมืองหลวง และใช้อาวุธก่อสงครามกลางเมืองขึ้น หลังจากประชาชนได้รวมตัวเป็นมวลมหาประชาชนเมื่อ 24 พ.ย.56 ตนได้ยื่นข้อเสนอต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และผบ. 3 เหล่าทัพขอให้ลาออกจากตำแหน่ง และลาออกทั้งคณะ เพราะหมดความชอบธรรมทั้งด้านกฎหมาย ทางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ปลอดนักการเมือง และปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ดื้อดึงไม่ยอมลาออก อ้างว่าไม่มีกฎหมายรองรับ พวกเราจึงได้นัดชุมนุมใหญ่เมื่อ 9 ธ.ค. 56 โดยมีผู้เข้าร่วมหลายล้านคน นอกจากนี้ รัฐบาลยังหวังฟอกตัวเองโดยเข้าสู่การเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ. 57 ซึ่งมวลมหาประชาชนไม่ยอมรับและประกาศเจตนารมณ์ว่าต้องปฏิรูปก่อนที่จะเลือกตั้ง ในที่สุดเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะเพราะประชาชนไม่เอาด้วย แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ยอมลาออก อ้างว่าไม่ได้ทำอะไรผิดจะรักษาการณ์จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ และบอกว่าการปฏิรูปประเทศจะเกิดขึ้นภายหลังเลือกตั้ง
    นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อเวลาผ่านพ้นมาจนถึงบัดนี้ เราขอยืนยันว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสมุนบริวารไม่ใช่รัฐบาลของประชาชนอีกต่อไป แอบอ้างระบอบประชาธิปไตย ดื้อด้านอยู่ในอำนาจ แท้จริงวันนี้ไม่มีสภาพเป็นรัฐบาล ไม่สามารถบริหารได้ เพราะข้าราชการ ประชาชนไม่รว่มมือ แต่ด้านที่จะอยู่เพื่อมีอำนาจอยู่ต่อไป เพราะฉะนั้น เรามวลมหาประชาชนจึงขอประกาศว่า ต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ขั้นสุดท้าย ขั้นที่ 1 เราจะตั้งสัตยาธิษฐานเพื่อทำความดีให้แผ่นดิน ทุ่มเทชีวิตจิตใจต่อสู้เพื่อแผ่นดินให้เป็นผลสำเร็จให้ได้ 2.จะจัดทำบุญประเทศครั้งใหญ่ ขจัดเสนียดจัญไรให้หมดไปและ3.ปฏิบัติการร่วมกันในการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของประชาชน
    " การตั้งสัตยาธิษฐานจะทำในวันที่ 5 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล วันนี้คนไทยทั้งแผ่นดินดินจะเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เป็นไปโดยธรรม นิติธรรม และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งประเทศ โดยเราจะชุมนุมใหญ่โดยใส่เสื้อสีเหลืองและแขวนนกหวีด ไปแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หน้าวัดพระแก้ว สนามหลวง ในเวลา 17.00น. จะทำพิธีถวายพระพรชัยมงคล ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยจะนำพานพุ่มมาวางต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเราทั้งหลายมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเมื่อเสร็จพิธีแล้ว เราจะทำพิธีตั้งสัตยาธิษฐานว่าเราทั้งหลายจะดำเนินการด้วยความสันติ อหิงสา เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย และเราจะร่วมกันสรรหาคนดี ซื่อสัตย์สุจริต พร้อมทำประโยชน์ให้ประชาชนมาเป็นรัฐบาล นำประเทศไทยสู่การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง " นายสุเทพ กล่าว
    นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า พิธีในวันที่ 5 พ.ค. ตนทราบว่าประชาชนในต่างจังหวัดอาจจะมาร่วมที่บริเวณสนามหลวงไม่ครบทุกท่าน ก็ขอให้ กปปส.จังหวัด หรือ กปปส.ในชุมชน องค์กรต่างๆ ได้ทำพิธีถวายชัยมงคล และตั้งสัตยาธิษฐานพร้อมกับพี่น้องกรุงเทพฯในวันดังกล่าว ความพร้อมเพรียงจะดูได้จากรายการสถานีโทรทัศน์ของพวกเรา หลังจากเสร็จสิ้นจากพิธีตั้งสัตยาธิษฐานแล้ว เราจะเดินหน้าทำความเพียรด้วยสันติ สงบต่อไป จนถึงวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา เราจะทำบุญประเทศครั้งใหญ่ด้วยการขจัดเสนียดจัญไรของประเทศ และในวันที่ 14 พ.ค.เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป มวลมหาประชาชนก็จะปฏิบัติการใหญ่เรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของประชาชน ส่วนสถานที่จะเปิดเผยอีกครั้ง เพราะกลัว ศอ.รส.จะรู้ และเมื่อได้อำนาจคืนแล้ว จะจัดตั้งรัฐบาลและนายกฯที่ได้รับการยอมรับนับถือ ซื่อสัตย์สุจริต ภักดีต่อแผ่นดิน ตั้งใจจริงแก้ปัญหา และรัฐบาลจะปลอดจากนักการเมืองโดยสิ้นเชิง และไม่มีแม้แต่คนของ กปปส.ร่วมอยู่ในรัฐบาลโดยจะดำเนินการให้มีสภานิติบัญญัติของประชาชนเพื่อตรากฎหมาย แก้ไขกฎหมาย ร่วมมือกับรัฐบาลประชาชนเร่งรัดปฏิรูปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน นอกจากนี้ จะต้องจ่ายเงินให้ชาวนาให้ครบหลังจากเป็นรัฐบาล 30 วัน รวมทั้งจะปฏิรูปพร้อมๆ กับฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรียกความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกโดยใช้เวลาไม่เกิน 18 เดือน ที่สำคัญระหว่างที่ดำเนินการปฏิรูป เยียวยาประเทศ รัฐบาลของประชาชนจะไม่มีการสมยอมตามข้อเรียกร้องของทรราชย์ที่ให้นิรโทษ และคืนทรัพย์สินที่ถูกยึด ทั้งนี้เมื่อมีรัฐบาล สภานิติบัญญัติ แล้ว พวกเราก็จะกลับบ้านไปคอยจับตาดูการทำงานว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนหรือไม่

    Tags : สุเทพ เทือกสุบรรณวันฉัตรมงคลชุมนุมใหญ่ทำบุญ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"สุเทพ" ถือฤกษ์วันฉัตรมงคล 5 พ.ค. ประกาศระดมมวลชน พร้อมนัดทำบุญขจัดเสนียดประเทศ 13 พ.ค. ดีเดย์ 14 พ.ค.เรียกคืนอำนาจปชช.

"สุเทพ" ถือฤกษ์วันฉัตรมงคลระดมมวลมหาประชาชนร่วมชุมนุม 5 พ.ค. ถวายพระพรชัยมงคล ประกาศสัตยาธิษฐานปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง ก่อนยึดวันพระใหญ่ 13 พ.ค.วิสาขบูชา ทำบุญครั้งใหญ่ขจัดเสนียดประเทศ ดีเดย์ 14 พ.ค. 10โมงเช้า เรียกคืนอำนาจอธิปไตยสู่ประชาชน อุบสถานที่ชุมนุม หวั่น ศอ.รส.รู้ไต๋

นายสุเทพ เทือกสุบรรณเลขาธิการ กปปส. ประกาศบนเวทีสวนลุมฯ ถึงการต่อสู้ขั้นสุดท้ายของมวลมหาประชาชน และได้รายงานสถานการณ์การต่อสู้ว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 56 มวลมหาประชาชนได้รวมตัวขึ้นครั้งแรกเพื่อต่อต้าน รบ.ที่สมคบกับสมาชิกรัฐสภาที่เป็นสมุนบริวารกระทำการขัดขืนใจประชาชนด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้นักโทษที่หลบหนีคำพิพากษาของศาล ที่กระทำทุจริตต่อชาติ ออกกฎหมายล้างผิดให้อาชญากรที่ฆ่าทหาร ประชาชนในปี 2553 และล้างผิดให้คนวางเพลิง เผาเมือง ปล้นทรัพย์จากเหตุการณ์เดียวกัน นอกจากนั้นยังคืนทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยที่ศาลได้พิพากษาให้ยึดเป็นของแผ่นดิน ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบของทักษิณ ชินวัตร การออกกฎหมายนิรโทษฉบับนั้นกระทำโดยฉ้อฉลกลางสภา มีการร่วมรัดปิดปากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และข่มขืนใจสภาให้ยอมรับกฎหมายฉบับนี้ตอนตี4 เมื่อเราออกมาต่อต้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ใช้วิธีให้วุฒิสภายับยั้งกฎหมายนิรโทษ ซึ่งเมื่อครบ 180 วันก็สามารถให้ส.ส.ของเขาเสนอให้สภาหยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ ยืนยัน และประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันที พฤติกรรมของรัฐบาลแสดงให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นชัดถึงการทรยศต่อประชาชน ไม่ฟังเสียงประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง เป็นพฤติกรรมของคนบ้าอำนาจ ประชาชนได้เห็นประจักษ์ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นทรราชย์ จึงเห็นว่าจำเป็นต้องต่อต้านโค่นล้มรัฐบาลทรราชย์เพื่อรักษาประเทศชาติเอาไว้ และขยายไปทั่วทั้งประเทศ ตั้งแต่นักศึกษา บุคลากรทางการแพทย์ นักวิศวกรนักบัญชี นักธุรกิจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ศิลปิน ดารา เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา และราษฎรทั่วไป จึงเกิดการรวมตัวเป็นมวลมหาประชาชน

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ประชาชนเห็นว่าระบอบทักษิณได้ทำร้ายประเทศชาติ ประชาชนคนไทยอย่างแสนสาหัสมานับสิบปีใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ข่มเหงข้าราชการ แผ่อิทธิพลครอบงำองค์กรอิสระ แสดงอิทธิพลเหนือสื่อมวลชน นักธุรกิจนอกจากนั้น กลุ่มบุคคลในระบอบทักษิณได้แสดงการปฏิเสธขัดขืนไม่ยอมรับอำนาจฝ่ายตุลาการ ปปช. และใช้อำนาจ อาวุธข่มขู่ตุลาการ และปปช. พร้อมกับใช้ นปช.ไปปลุกระดมยุยงให้ออกมาข่มขู่ด้วยความรุนแรง ทั้งยังใช้สื่อที่อยู่ในอำนาจอิทธิพล และช่อง 11 คอลัมน์นิสต์ พิธีกร ใส่ร้ายกล่าวหาว่า ปปช.สมคบกับฝ่ายอื่นๆ ล้มล้างรัฐบาล ถึงขนาดประกาศว่าจะแยกราชอาณาจักร แยกดินแดน ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ย้ายเมืองหลวง และใช้อาวุธก่อสงครามกลางเมืองขึ้น หลังจากประชาชนได้รวมตัวเป็นมวลมหาประชาชนเมื่อ 24 พ.ย.56 ตนได้ยื่นข้อเสนอต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และผบ. 3 เหล่าทัพขอให้ลาออกจากตำแหน่ง และลาออกทั้งคณะ เพราะหมดความชอบธรรมทั้งด้านกฎหมาย ทางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ปลอดนักการเมือง และปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ดื้อดึงไม่ยอมลาออก อ้างว่าไม่มีกฎหมายรองรับ พวกเราจึงได้นัดชุมนุมใหญ่เมื่อ 9 ธ.ค. 56 โดยมีผู้เข้าร่วมหลายล้านคน นอกจากนี้ รัฐบาลยังหวังฟอกตัวเองโดยเข้าสู่การเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ. 57 ซึ่งมวลมหาประชาชนไม่ยอมรับและประกาศเจตนารมณ์ว่าต้องปฏิรูปก่อนที่จะเลือกตั้ง ในที่สุดเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะเพราะประชาชนไม่เอาด้วย แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ยอมลาออก อ้างว่าไม่ได้ทำอะไรผิดจะรักษาการณ์จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ และบอกว่าการปฏิรูปประเทศจะเกิดขึ้นภายหลังเลือกตั้ง

นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อเวลาผ่านพ้นมาจนถึงบัดนี้ เราขอยืนยันว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสมุนบริวารไม่ใช่รัฐบาลของประชาชนอีกต่อไป แอบอ้างระบอบประชาธิปไตย ดื้อด้านอยู่ในอำนาจ แท้จริงวันนี้ไม่มีสภาพเป็นรัฐบาล ไม่สามารถบริหารได้ เพราะข้าราชการ ประชาชนไม่รว่มมือ แต่ด้านที่จะอยู่เพื่อมีอำนาจอยู่ต่อไป เพราะฉะนั้น เรามวลมหาประชาชนจึงขอประกาศว่า ต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ขั้นสุดท้าย ขั้นที่ 1 เราจะตั้งสัตยาธิษฐานเพื่อทำความดีให้แผ่นดิน ทุ่มเทชีวิตจิตใจต่อสู้เพื่อแผ่นดินให้เป็นผลสำเร็จให้ได้ 2.จะจัดทำบุญประเทศครั้งใหญ่ ขจัดเสนียดจัญไรให้หมดไปและ3.ปฏิบัติการร่วมกันในการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของประชาชน

" การตั้งสัตยาธิษฐานจะทำในวันที่ 5 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล วันนี้คนไทยทั้งแผ่นดินดินจะเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เป็นไปโดยธรรม นิติธรรม และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งประเทศ โดยเราจะชุมนุมใหญ่โดยใส่เสื้อสีเหลืองและแขวนนกหวีด ไปแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หน้าวัดพระแก้ว สนามหลวง ในเวลา 17.00น. จะทำพิธีถวายพระพรชัยมงคล ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยจะนำพานพุ่มมาวางต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเราทั้งหลายมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเมื่อเสร็จพิธีแล้ว เราจะทำพิธีตั้งสัตยาธิษฐานว่าเราทั้งหลายจะดำเนินการด้วยความสันติ อหิงสา เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย และเราจะร่วมกันสรรหาคนดี ซื่อสัตย์สุจริต พร้อมทำประโยชน์ให้ประชาชนมาเป็นรัฐบาล นำประเทศไทยสู่การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง " นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า พิธีในวันที่ 5 พ.ค. ตนทราบว่าประชาชนในต่างจังหวัดอาจจะมาร่วมที่บริเวณสนามหลวงไม่ครบทุกท่าน ก็ขอให้ กปปส.จังหวัด หรือ กปปส.ในชุมชน องค์กรต่างๆ ได้ทำพิธีถวายชัยมงคล และตั้งสัตยาธิษฐานพร้อมกับพี่น้องกรุงเทพฯในวันดังกล่าว ความพร้อมเพรียงจะดูได้จากรายการสถานีโทรทัศน์ของพวกเรา หลังจากเสร็จสิ้นจากพิธีตั้งสัตยาธิษฐานแล้ว เราจะเดินหน้าทำความเพียรด้วยสันติ สงบต่อไป จนถึงวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา เราจะทำบุญประเทศครั้งใหญ่ด้วยการขจัดเสนียดจัญไรของประเทศ และในวันที่ 14 พ.ค.เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป มวลมหาประชาชนก็จะปฏิบัติการใหญ่เรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของประชาชน ส่วนสถานที่จะเปิดเผยอีกครั้ง เพราะกลัว ศอ.รส.จะรู้ และเมื่อได้อำนาจคืนแล้ว จะจัดตั้งรัฐบาลและนายกฯที่ได้รับการยอมรับนับถือ ซื่อสัตย์สุจริต ภักดีต่อแผ่นดิน ตั้งใจจริงแก้ปัญหา และรัฐบาลจะปลอดจากนักการเมืองโดยสิ้นเชิง และไม่มีแม้แต่คนของ กปปส.ร่วมอยู่ในรัฐบาลโดยจะดำเนินการให้มีสภานิติบัญญัติของประชาชนเพื่อตรากฎหมาย แก้ไขกฎหมาย ร่วมมือกับรัฐบาลประชาชนเร่งรัดปฏิรูปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน นอกจากนี้ จะต้องจ่ายเงินให้ชาวนาให้ครบหลังจากเป็นรัฐบาล 30 วัน รวมทั้งจะปฏิรูปพร้อมๆ กับฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรียกความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกโดยใช้เวลาไม่เกิน 18 เดือน ที่สำคัญระหว่างที่ดำเนินการปฏิรูป เยียวยาประเทศ รัฐบาลของประชาชนจะไม่มีการสมยอมตามข้อเรียกร้องของทรราชย์ที่ให้นิรโทษ และคืนทรัพย์สินที่ถูกยึด ทั้งนี้เมื่อมีรัฐบาล สภานิติบัญญัติ แล้ว พวกเราก็จะกลับบ้านไปคอยจับตาดูการทำงานว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนหรือไม่

Tags : สุเทพ เทือกสุบรรณวันฉัตรมงคลชุมนุมใหญ่ทำบุญ

วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 02:00

 

ญาติเหยื่อเซวอลอยากให้ปธน.ขอโทษซ้ำ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_579263_1.jpg

ครอบครัวเหยื่อเรือล่มในเกาหลีใต้ ไม่รับคำขอโทษจากประธานาธิบดีเมื่อวันอังคาร และต้องการให้ขอโทษอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร และกล่าวแสดงความเสียใจที่รัฐบาลไม่สามารถป้องกันและรับมืออุบัติเหตุเรือโดยสารเซวอลอับปาง รวมทั้งบอกว่าไม่รู้ว่าจะกล่าวขอโทษอย่างไรเพื่อคลายความเจ็บปวดของครอบครัวผู้เคราะห์ร้าย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ผู้แทนของรอบครัวเหยื่อเรือล่มบอกว่า พวกเขาเห็นพ้องกันว่าไม่อาจรับคำขอโทษนั้นได้ โดยบอกว่าการขอโทษในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการขอโทษอย่างไม่เป็นทางการ และต้องการให้เธอขอโทษอีกครั้ง นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า การที่ประธานาธิบดีไปไว้อาลัยที่แท่นบูชาที่มีภาพถ่ายของผู้เสียชีวิตวางเรียงรายอยู่ภายในโรงยิมในเมืองอันซาน ราว 20 นาทีก่อนไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นเพียงการแสดงละครทางการเมืองเท่านั้น รวมทั้งบอกว่า การขอโทษอย่างไม่เป็นทางการไม่ใช่การขอโทษอย่างแท้จริง ผู้นำทางการเมืองไม่ควรไปแค่ดูป้ายแท่นบูชาและรีบออกไปโดยมีบอดี้การ์ดล้อมรอบ

นักวิจารณ์คนหนึ่งบอกด้วยว่า ประธานาธิบดีปาร์คเคยกล่าวขอโทษในกรณีอื่นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งนั้นเป็นเรื่องงานราชการทั่วไป แต่เธอควรตระหนักว่าอุบัติเหตุเรือล่มครั้งนี้ต่างกัน จึงเป็นเหตุผลที่ญาติเหยื่อรู้สึกโกรธเคือง

Tags : เรือล่มเกาหลีใต้ประธานาธิบดีขอโทษ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 45.47 จุด ขานรับเฟดลด QE

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2557 07:35:16 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สอดคล้องกับการคาดการณ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับกับแถลงการณ์นโยบาย

ดัชนีดาวโจนส์บวก 45.47 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 16,580.84 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 5.62 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 1,883.95 จุด ดัชนี NASDAQ ปิดเพิ่มขึ้น 11.02 จุด หรือ 0.27% ที่ 4,114.56 จุด

เฟดประกาศลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวลงอย่างหนักในช่วงฤดูหนาวที่สภาพอากาศหนาวเย็นอย่างรุนแรง

แถลงการณ์ดังกล่าวช่วยให้ตลาดคลายความกังวล ภายหลังจากที่ได้มีการรายงานข้อมูลประมาณการครั้งแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าคาดการณ์ในช่วงก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2557 โดยระบุว่าขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2555 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 1.1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทางธุรกิจ ขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาก็กระทบต่อภาคการส่งออก

สำหรับข่าวในแวงวงบริษัทเอกชนนั้น ทวิตเตอร์และอีเบย์ ได้รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงกว่าคาดการณ์

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดอ่อนตัว 40 เซนต์ หลังเฟดหั่น QE

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2557 08:41:26 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐว่าจะฟื้นตัวขึ้นต่อไปอีก

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ขยับลง 40 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,295.90ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 36.4 เซนต์ ปิดที่ 19.174 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 11.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดที่ 1,431.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.บวก 7.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 807.90 ดอลลาร์/ออนซ์

นักวิเคราะห์ในตลาดคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งผลการประชุมก็ออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ และยังสร้างแรงกดดันให้กับการซื้อขายทองคำ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2557 โดยระบุว่าขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2555 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 1.1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทางธุรกิจ ขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาก็กระทบต่อภาคการส่งออก

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง 1.54 ดอลล์ หลังสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2557 07:55:59 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยลบจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าคาดการณ์

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.74 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 91 เซนต์ ปิดที่ 108.07 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 เม.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะ 399.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 2.2 ล้านบาร์เรล

ด้านสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 114.4 ล้านบาร์เรล จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 600,000 บาร์เรล

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยข้อมูลประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าคาดการณ์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2557 โดยระบุว่าขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2555 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 1.1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทางธุรกิจ ขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาก็กระทบต่อภาคการส่งออก

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

ธนาคารกลางสหรัฐมีมติลดวงเงินโครงการซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลล์ตามคาด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2557 07:03:49 น.

คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้มีมติให้ลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับการคาดการณ์ในตลาด และระบุว่า เฟดจะยังคงลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรต่อไปในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น

 

(เพิ่มเติม) ธนาคารกลางสหรัฐมีมติลดวงเงินโครงการซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลล์ตามคาด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2557 07:47:22 น.

คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้มีมติให้ลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับการคาดการณ์ในตลาด และระบุว่า เฟดจะยังคงลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรต่อไปในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น

แถลงการณ์ระบุว่า การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้น ฟื้นตัวขึ้น ภายหลังจากที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงฤดูหนาว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศที่เลวร้าย

คณะกรรมการฯยังมองว่า ความเสี่ยงที่มีต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานนั้น เกือบจะอยู่ในภาวะที่สมดุล นอกจากนี้ เศรษฐกิจในวงกว้างยังมีความแข็งแกร่งพอที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯยังได้ตอกย้ำว่า จุดยืนของนโยบายเงินตรานั้นยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการจัดทำให้นโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเช่นนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงน่าจะขยายตัวต่อไปได้ในระดับปานกลาง และสภาพแวดล้อมในตลาดแรงงานของประเทศก็จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

 

“เทือก”เปิดแผน3ขั้นไล่รบ. ดีเดย์5พค. ชุมนุมใหญ่ตั้งสัตยาธิษฐาน ทำบุญปท.ขจัดเสนียดจัญไร

ข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2557 06:00:00 น.

“เทือก”เปิดแผน3ขั้นไล่รบ.

ดีเดย์5พค.

ชุมนุมใหญ่ตั้งสัตยาธิษฐาน

ทำบุญปท.ขจัดเสนียดจัญไร

เรียกคืนอำนาจอธิปไตยปชช.

สรรหาคนดีบริหารประเทศ

ย้ำต้องปฎิรูปก่อนจัดเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 เมษายน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนด้วยรถยนตร์ออกจากสวนลุมพินีขึ้นทางด่วนพระราม 4 ไปยังบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถ.แจ้งวัฒนะเพื่อชวนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจออกมาร่วมต่อสู้ในวันเผด็จศึกชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้าย

เมื่อขบวนของนายสุเทพเคลื่อนมาถึงบริษัททีโอที จำกัด(มหาชน) บรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก มีพนักงานของบริษัท ทีโอที พร้อมใจกันสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มสีประจำหน่วยงาน ออกมาเป่านกหวีดรอต้อนรับ มอบดอกกุหลาบพร้อมกับตะโกนให้กำลังใจ และมอบธนบัตรที่เย็บติดกับร่มและเย็บต่อเป็นพัดมูลค่ากว่า 2หมื่น มอบให้ นายสุเทพ เพื่อใช้ในการดำเนินภารกิจปฏิรูปก่อนเลือกตั้งด้วย

ชาวทีโอทีแห่ต้อนรับ”กำนัน”

จากนั้นนายสุเทพ พร้อมแกนนำได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์ประจำบริษัท ทีโอที โดยมี นายพงศ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี รักษาการประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นายสัจจา เมืองทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายสมโชค ศิธรกุล รองประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจ ให้การต้อนรับภายในห้องรับรองที่เตรียมไว้ พร้อมกับมอบผ้าพันคอและหมวก สัญลักษณ์ทีโอทีให้กับนายสุเทพด้ว

เทือกลั่นทวงคืนกลับมาให้ปชช.

ภายหลังการหารือเสร็จสิ้นลง นายสุเทพ ได้ปราศรัยเชิญชวนให้พนักงานทีโอที ออกมาร่วมเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งในวันเผด็จศึก เพื่อให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และระบุว่าระบอบทักษิณ เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากบ.ทีโอที ดังนั้นต้องทวงคืนให้ทีโอที กลับมาเป็นองค์การโทรศัพท์ของประชาชน

เคลื่อนเชิญชวนบ.ไปรษณีย์ไทย

จากนั้นเวลา 11.40 น.นายสุเทพได้นำขบวนเดินเท้าจาก บริษัททีโอที มายังบริษัท ไปรษณีย์ไทย โดยเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หน้าบริษัท โดยมี นายมานพ สอนวิบูลย์ศักดิ์ นายกาหลง ทรัพย์สะอาด รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ให้การต้อนรับ พร้อมพนักงานไปรษณีย์ จำนวนมากที่ต่างมามอบดอกไม้ มอบเงิน เป่านกหวีด ให้กำลังใจ โดยตัวแทนประธานสหภาพไปรษณีย์ไทย ได้มอบหมวก เสื้อและแสตมป์ ของบริษัทให้นายสุเทพ เป็นที่ระลึก

“แคทเทเลคอม”เป้าหมายที่สาม

ต่อมานายสุเทพ ได้นำมวลชนเดินเท้ามาที่บริษัท กสท โทรคมนาคม โดยมีนายขจรศักดิ์ สิงหเสนีย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานอำนวยการ และสหภาพให้การต้อนรับ พร้อมมอบเสื้อ หมวก ช่อดอกไม้เป็นกำลังใจ พร้อมมอบเงินบริจาค ซึ่งมีพนักงาน กสท ออกมาต้อนรับอย่างคึกคัก

อัดทักษิณผูกขาดทางธุรกิจ

นายสุเทพ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการคมนาคม ได้อนุมัติคลื่นความถี่พิเศษให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ทำระบบ 3 จี เพื่อให้รัฐวิสาหกิจของไทยทำเป็นแห่งแรก แต่หลังการเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งได้ยุติโครงการไว้ เพื่อปิดช่องทางการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อไม่ให้แข่งขันกับบริษัทเอกชน ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสเดียวที่จะปฏิรูปประเทศ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

ประกาศใช้แผนรบพระเจ้าตาก

"เวลา 19.00 น. ผมจะขึ้นเวทีประกาศวันเผด็จศึกให้ประชาชนได้ทราบทั่วประเทศ ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ ต้องใช้เวลาหลายวัน อยากให้เตรียม เสื้อผ้า เต็นท์ เสบียง ให้ดี เตรียมนอนกลางดินกินกลางถนน เอาให้รู้แพ้รู้ชนะ สู้แบบนักรบ เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เที่ยวนี้สู้แบบพระเจ้าตากสินตีเมืองจันทร์"นายสุเทพกล่าว

จากนั้นนายสุเทพและแกนนำก็ได้ร่วมรับประทานกลางวันกับผู้บริหารและพนักงานแคทเทเลคอม กระทั่งเวลา14.15น.นายสุเทพได้พามวลชนเดินทางกลับสวนลุมเพื่อเตรียมประกาศนัดวันชุมนุมใหญ่และขั้นตอนวิธีการเผด็จศึกรัฐบาล โดยเลขาธิการกปปส.และคณะกรรมการแกนนำทั้งหมดจะขึ้นเวทีในเวลา 19.00 น.

หลวงปู่ฯไปกฟผ.รณรงค์มาตรา3

ขณะเดียวกันเวลา 09.00น.หลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำกปปส.ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ได้นำมวลชนจากเวทีแจ้งวัฒนะ เดินทางไปยังสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ถนนพระราม7 อ.บากรวย จ.นนทบุรีเพื่อไปแจกเอกสารรณรงค์มวลชนให้เดินทางไปถวายคืนพระราชอำนาจ โดยนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) นำพนักงานกฟผ.มาให้การต้อนรับจำนวนมาก

“เหลิม”เย้ยเทือกกลับราชดำเนิน

ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มกปปส.เตรียมจะย้ายเวทีชุมนุมจากสวนลุมพินีกลับไปถนนราชดำเนินว่า น่าจะมีหลายปัจจัย อาทิ พรรคพวกน้อยลง หากอยู่สวนลุมพินีต่อไปโรงแรมดุสิตธานีจะเจ๊ง ไม่มีคนพัก มีการร้องขอจากใครหรือไม่เพราะถ้าไม่มีเบื้องหลังนายสุเทพเรียบร้อยไปนานแล้ว

รับลูกผบ.ทบ.จับตาฝึกกองกำลัง

ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้ ศอ.รส.ไปดูเรื่องตั้งกองกำลังต่างๆนั้น ตนให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ประสานกับกองทัพ ซึ่งการที่ผบ.ทบ.ให้ข้อแนะนำมาถือเป็นเรื่องที่ดี จะต้องระมัดระวังและช่วยดูแล การประสานกันระหว่างทหารกับตำรวจวันนี้ราบรื่นดีมาก พร้อมเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วคนไทยไม่ออกมาฆ่ากันกลางเมืองหรอก

“ปึ้ง’พร้อมปรับแผนดูแลกปปส.

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศอ.รส. กล่าวว่า หากนายสุเทพนำมสลชนกปปส.ย้ายกลับไปชุมนุมที่ถนนราชดำเนินจริง ทางศอ.รส.ก็คงต้องมีการปรับกำลังเจ้าหน้าที่ในการควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย

ตามไปด้วย ดังนั้นจึงอยากให้แกนนำประสานมาทางศอ.รส.ด้วยว่าจะย้ายเมื่อไหร่เพื่อจะได้ย้ายจุดเฝ้าระวังป้องกันได้ทัน

อย่างไรก็ตามศอ.รส.ไม่กังวลว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเหมือนเหตุการณ์ปี2553 เพราะนายกฯ ได้กำชับอยู่แล้วว่าจะไม่ใช้วิธีสลายการชุมนุม โดย 6เดือนที่ผ่านมาเราใช้วิธีการพูดคุยยอมทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง

ส่งสำนวนคดีแกนนำให้อัยการ1พค.

น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศอ.รส. แถลงผลการประชุมศอ.รส.ว่า ทางพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จะสรุปสำนวนการดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำกปปส.ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมทั้งความผิดขัดขวางการเลือกตั้ง จำนวนผู้ต้องหา ทิ้งสิ้น 316 ราย ส่งให้กับอัยการในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้

ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องทุกคนทุกข้อหาตามฐานความผิด คาดว่าพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษจะได้มีคำสั่งทางคดีและฟ้องผู้กระทำผิดได้ในวันที่ 8 พ.ค.นี้

พายุถล่มเวทีนปช.พังเรียบ

ที่สนามกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์ หมอนไม้ ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ นายชลิต ธนวัฒน์ รองนายก อบจ.อุตรดิตถ์ พร้อม นายปัณณวัฒน์ นาคมูล ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อุตรดิตถ์ เข้าตรวจสอบความเสียหายสถานที่จัดชุมนุมของคนเสื้อแดงภาคเหนือหลังถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อคืนที่ผ่านมาจนเต้นพังเสียหาย จึงต้องเปลี่ยนสถานที่ใหม่เพื่อทันจัดชุมนุมเตรียมมวลชนขั้นสูงสุดก่อนที่จะมีการชุมใหญ่ที่ถนนอักษะในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้

เทือกสรุปสถานการณ์เผด็จศึก

เมื่อเวลา 19.00 น. ที่เวที กปปส. สวนลุมพินี กลุ่มแนวร่วม กปปส. หลายกลุ่มจากทั่วประเทศ ได้ร่วมขึ้นเวทีอย่างคับคั่งจนแน่นขนัดเวที ก่อนที่จะมีการประกาศถึงขั้นตอนการเคลื่อนไหวในวันเผด็จศึกระบอบทักษิณ

ต่อมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลชาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางเสียงต้อนรับดังสนั่น โดยนายสุเทพได้กล่าวสรุปสถานการณ์การชุมนุมที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มชุมนุมที่สถานีรถไฟสามเสนเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 เพื่อต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คนโกง จนกระทั่งยกระดับการชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน โดยประชาชนทั้งประเทศได้ตื่นรู้ และตระหนักถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่ไว้ใจให้รัฐบาลทรทราชซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณปกครองประเทศได้อีกต่อไป รวมทั้งรัฐบาลนี้ก็หมดความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งมานานแล้ว แต่ก็ยังดื้อดึงไม่ยอมทิ้งอำนาจ มวลมหาประชาชนจึงต้องรวมพลังขับไล่อย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้

ประกาศ3ขั้นตอนการต่อสู้

จากนั้น นายสุเทพได้ประกาศถึงขั้นตอนในการต่อสู้ขั้นสุดท้ายว่า ได้กำหนดเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1.ทำพิธีตั้งสัตยาธิษฐาน ทำความดีเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินให้สำเร็จให้ได้ 2.จัดทำบุญประเทศครั้งใหญ่ขับไล่เสนียดจัญไรให้พ้นจากประเทศไทย 3.การปฏิบัติการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชน

ดีเดย์5พค.ถวายพระพรที่วัดพระแก้ว

นายสุเทพ ได้อธิบายว่า พิธีตั้งสัตยาธิษฐานจะทำในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคล ซึ่งเป็นวันมหามิ่งมงคลของคนไทย จึงประกาศเชิญชวนพี่น้องทั้งประเทศให้มาชุมนุมใหญ่ โดยใส่เสื้อสีเหลือง ติดธงชาติ แขวนนกหวีด เดินทางไปแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงที่บริเวณวัดพระแก้ว สนามหลวง ในเวลา 17.00 น. โดยจะทำพิธีถวายพระพรชัยมงคล นำพานพุ่มมาวาง ณ พระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเรามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเสร็จแล้วก็จะทำพิธีตั้งสัตยาธิษฐานว่าเราจะดำเนินการอย่างสันติ อหิงสา เพื่อปฏิรูปบ้านเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

d51e7f2.jpg

 

f5734.jpg

 

 

93921.jpg

kumkorn-600x394.jpg

 

4377794.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

tnews_1398860257_7759.jpg

คลิป "โจรฝรั่งตกอับ" ปิดร้านสะดวกปล้น กวาดเรียบเกือบ 2 แสน. !!! icon_hot.gif

รับแจ้งเหตุมีคนร้ายเป็นชาวตะวันตก พกปืนชิงทรัพย์ร้านแฟมิลี่มาร์ทที่เกาะสมุย ชิงเงินสดเกือบ 2 แสนพร้อมทีวี ก่อนขับรถวีออสหลบหนีไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...