ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ราคาทองในปท.ภาคบ่ายร่วงต่ำสุดรอบ 8 เดือน ขณะวิกฤติยูเครนยังไม่ชัดเจน

กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--รอยเตอร์

ราคาทองคำแท่งในประเทศ ในภาคบ่าย ร่วงทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ

8 เดือน หลังมีสัญญาณว่าสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน อาจจะผ่อนคลาย

ลงได้ ขณะที่ราคาทองยังถูกกดดัน จากแนวโน้มที่มีมากขึ้นว่าธนาคารกลางยุโรป

(อีซีบี) อาจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ถ่วงยูโร

แต่หนุนดอลลาร์ และเป็นแรงกดดันต่อราคาทองคำเพิ่มขึ้นอีก

"ปัจจัยเรื่องยูเครนที่มีข่าวเข้ามาในช่วงบ่าย น่าจะเป็นเหตุผลเพิ่มเติม

ให้มีแรงขายออกมา แต่ปัจจัยหลักอยู่ที่การประชุมอีซีบีวันพรุ่งนี้ ถ้าหากมีการใช้

QE ก็จะถ่วงยูโร และหนุนดอลลาร์ และกดดันราคาทองคำได้" นายจรณเวท

ศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายผู้แนะนำการลงทุน บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าว

เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ สำนักงานสื่อของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก

ของยูเครน เผยว่า ประธานาธิบดีโปโรเชนโก ได้บรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดี

วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงแบบถาวร ในแคว้น

ดอนบาสส์ทางภาคตะวันออกของยูเครนแล้ว

ปัจจัยดังกล่าว กดดันราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงบ่าย ปรับตัวลง

ทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ที่ 1,261.19 ดอลลาร์/ออนซ์ ต่อเนื่องจาก

ที่ร่วงลงแรงตั้งแต่เมื่อวานนี้ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก

ข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวกของสหรัฐ และความเป็นไปในการผ่อนคลายนโยบาย

การเงินของอีซีบี

ขณะที่ ราคาทองคำแท่งในประเทศ ช่วงบ่ายวันนี้ ปรับตัวลงไปต่ำสุด

ที่บาทละ 19,200 บาท ลดลง 250 บาท จากวันก่อนหน้า และเป็นระดับ

ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดโฆษกของประธานาธิบดีปูติน ระบุว่า ผู้นำรัสเซีย

และยูเครน ยังไม่ได้เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง เพราะรัสเซียไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ส่งผลให้

ราคาทองโลกเริ่มฟื้นตัวกลับมาที่ 1,265.70 ดอลลาร์ และราคาทองคำแท่งใน

ประเทศ ฟื้นกลับมา 50 บาท อยู่ที่ 19,250 บาท

นายจรณเวท กล่าวว่า ปัจจัยที่ตลาดยังให้น้ำหนักในขณะนี้ คือการประชุม

อีซีบีในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหากมีการใช้ QE หรือการผ่อนคลายนโยบายการเงิน จนกระทบ

ต่อยูโร และหนุนดอลลาร์มากๆ ราคาทองจะมีแนวรับรออยู่ที่ 1,240 ดอลลาร์ และ

ถัดไปที่ 1,185 ดอลลาร์

เขาแนะนำให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไรโกลด์ฟิวเจอร์ส ในสถานะขาย(short)

โดยจับตาแนวรับที่ 1,240 ดอลลาร์ หากสามารถยืนได้ ให้ปิดสถานะ short

เพื่อทำกำไร หรือเข้าซื้อทองคำแท่งได้--จบ--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Gold spot update 3.09.14 ออ.นัน

*ราคาทองคำล่าสุดเมื่อวานนี้ ได้หลุดแนวรับสำคัญ ในรูปแบบสามเหลี่ยมTriangle ขนาดใหญ่ แถวเขต 1270+/- ลงมาแล้ว โดยล่าสุดราคาทองคำได้ลงไปทำจุดต่ำสุดแถวเขต 1260+/-

*หากพิจารณาเหตุผลทางเทคนิคอลแล้ว คาดว่าแถวเขต 1260+/- นี้น่าจะเป็นเขตแนวรับที่ราคาทองคำน่าจะเริ่มทำการ consolidate ดีดสลับกลับขึ้นมาได้บ้าง โดยมีเหตุผลที่น่าจะสนับสนุนข้อสันนิฐานดีงกล่าวตามนี้

 

*ในเรื่องคลื่น จะเห็นว่าตอนนี้ ราคาทองคำยังอยู่ในคลื่นหลัก iii สีฟ้า แต่ในคลื่นย่อยราคาทองน่าจะพบกับจุดจบของคลื่น i ย่อยสีเหลือง เพราะราคาทองได้ทำรูปแบบคลื่นย่อยครบคลื่น impulse 1-2-3-4-5 สีส้มแล้ว นั่นเอง

*หากพิจารณาในส่วนของ indicator ช่วยประกอบการตัดสินใจ ก็จะพบว่า indi อย่าง stochastic ก็บอกถึงภาวะ oversold ในTF h4 และยังเกิดรูปแบบ bullish divergence ใน indi RSI ดังนั่นจึงคาดว่าแถวเขตราคา 1260+/- นี้ น่าจะมีโอกาสเป็นจุดจบของคลื่นย่อยi สีเหลือง และราคาทองมีโอกาส ดีดขึ้นกลับไป retrace แนวต้านกรอบ1270-1275 ซึ่งเคยเป็นกรอบแนวรับรูปสามเหลี่ยมtriangle และไปทำจุดจบของคลื่น ii สีเหลือง ก่อนจะปรับตัวลงทำ new low อีกครั้งในคลื่นiii สีเหลืองนั่นเอง

***สรุปคือ เดาว่าระยะมีโอกาสดีดสลับขึ้นไปทดสอบอนวต้านกรอบ 1270-1275 และค่อยปรับตัวลงทำnew low ทีต่ำกว่า1260+/- ต่อไป

***การลงทุนในทุกเรื่องย่อมมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดว่าะได้รับ ถ้าท่านประเมิณความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับกลับแล้ว เห็นว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงก็ลุยครับ...

***พี่แด๊ก วงบิ๊กแอส ฝากผมมาบอกว่า "รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเสี่ยงถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง ยังไง จะขอลองดูสักที"

 

 

 

10612746_948269415199408_3732818404273382364_n.jpg?oh=1796c9d46c886555e4919832b9c280c6&oe=54792AC5

ถูกแก้ไข โดย wann

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10584070_10153181134452575_1515940755642957924_n.jpg?oh=e3c90e123193375c3d23c44021f04ca4&oe=54637CD5

 

สวัสดียามเช้า ตื่นขยับตัวออกกำลัง กินอิ่ม สบาย อย่าลืมทานช้าวเช้านะคะ

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนทองคำปิดบวก 5.3 ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 06:58:37 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อชดเชยการทำชอร์ตเซล หลังจากสัญญาทองคำร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,270.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.7 เซนต์ ปิดที่ 19.189 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,412.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 7.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 875.95 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำเปิดตลาดดีดตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียจะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการสู้รบในยูเครนภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่ยูเครนได้ออกมาปฏิเสธแถลงการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 10.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.0% โดยยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. นำโดยยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ขนส่งที่พุ่งขึ้นถึง 74.1%

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งหากตัวเลขจ้างงานปรับตัวสูงขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้สัญญาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนมักจะเข้าซื้อเพื่อความปลอดภัยในยามที่ตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจซบเซา

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

06:58 ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนทองคำปิดบวก 5.3 ดอลลาร์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อชดเช…

06:45 ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับสถานการณ์ยูเครนเริ่มคลี่คลาย ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) ขานรับรายงานที่ว่าประธานาธิบดีข…

06:22 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 10.72 จุด หลังเฟดชี้ศก.สหรัฐยังสดใส ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) หลังจากรายงา…

23:02 ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดในแดนบวก จากความหวังหยุดยิงในยูเครน ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการหยุดยิงใน…

22:38 ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐเดือนก.ค.พุ่ง 10.5% นำโดยยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ขนส่ง ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์…

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 10.72 จุด หลังเฟดชี้ศก.สหรัฐยังสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 06:22:19 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) หลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนลบเพราะได้รับแรงกดดันจากหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลงอย่างหนัก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,078.28 จุด เพิ่มขึ้น 10.72 จุด หรือ +0.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,572.57 จุด ลดลง 25.62 จุด หรือ -0.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,000.72 จุด ลดลง 1.56 จุด หรือ -0.08%

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นหลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่ที่เฟดเปิดเผยรายงานครั้งก่อนเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มตลาดแรงงาน ค่าแรง และราคาผู้บริโภค ยังคงทรงตัว

ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 10.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.0% ขณะที่ยอดสั่งซื้อเดือนมิ.ย.ถูกปรับทบทวนเป็นเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.1%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า สถานการณ์ยูเครนจะคลี่คลายลงหลังจากที่ประธานาธิบดีของรัสเซียและยูเครนได้หารือถึงขั้นตอนต่างๆ อันจะนำไปสู่การหยุดยิงในภาคตะวันออกของยูเครน

อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นแอปเปิลร่วงลง 4.22% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ ภายหลังจากบริษัทซัมซุง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของแอปเปิล ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ 2 รุ่น นอกจากนี้ แอปเปิลยังได้รับแรงกดดันจากกระแสข่าวในด้านลบเกี่ยวกับภาพหลุดของบรรดาคนดัง

หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3

ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวลงเช่นกัน โดยพัลท์ กรุ๊ป ปรับตัวลง 3.8% หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ดิ่งลง 4.7% และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ร่วงลง 2.2%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $2.66 รับยอดสั่งซื้อโรงงานสหรัฐแข็งแกร่ง

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 07:17:55 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งข่าวที่ว่าประธานาธิบดีของรัสเซียและยูเครนได้หารือถึงขั้นตอนต่างๆที่จำเป็น อันจะนำไปสู่การหยุดยิงในภาคตะวันออกของยูเครน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.77 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 10.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.0% โดยยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. นำโดยยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ขนส่งที่พุ่งขึ้นถึง 74.1%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ประธานาธิบดีของรัสเซียและยูเครนได้หารือถึงขั้นตอนต่างๆที่จำเป็น อันจะนำไปสู่การหยุดยิงในภาคตะวันออกของยูเครน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงเรื่องการหยุดยิงในขณะนี้

ทั้งนี้ นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุแห่งหนึ่งของรัสเซียว่า มุมมองของผู้นำรัสเซียและยูเครนเกี่ยวกับหนทางที่เป็นไปได้ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น "สอดคล้องกันอย่างมาก" ขณะที่นายมิโรสลาฟ รูเดนโก ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ในภาคตะวันออกของยูเครน เผยว่า ทางกลุ่มเปิดกว้างสำหรับการคลี่คลายวิกฤตการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วยวิธีทางการเมือง

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้เวลา 19.15 น.ตามเวลาไทย ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศของสหรัฐเดือนส.ค. และในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ส่วนในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกาะติดหุ้นโลก 4-9-57 vdo.gif Morning News : เกาะติดหุ้นรอบโลก "NOW26" 4-9-57 สรุปภาพรวมตลาดหุ้น 3-9-57 vdo.gif สรุปภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้น ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 3-9-57 แนวโน้มราคาทอง vdo.gif แนวโน้มราคาทองคำ สดตรงจากนักวิเคราะห์ ช่วงตรงประเด็นข่าวค่ำ "NOW26" 3-9-57 กสิกรมั่นใจECBกระตุ้นศก.ไม่กระทบ พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ1.8พันลบ. หุ้นไทยปิดบวก14.67จุด สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้น 3-9-57 vdo.gif

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

 

การเงิน - การลงทุน

วันที่ 20 สิงหาคม 2557 10:00

 

รื้อกม.คุมเข้ม'บริษัทลูก'รัฐวิสาหกิจ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_599666_1.jpg

รื้อกม.คุมเข้ม'บริษัทลูก'รัฐวิสาหกิจ สั่งแจงฐานะลงทุน-สกัดไซฟ่อนเงิน เผยบริษัทลูกกว่า300แห่งเป็นปตท.เกินครึ่ง

สคร. กำชับเข้ม "รสก." ส่งรายงานธุรกิจบริษัทลูกให้ครบกันไซฟ่อนเงิน พร้อมเตรียมแก้กฎหมาย ทั้งมติ"ครม.-พรบ.การจัดตั้งรัฐวิสาหกิจ" เพื่อเอื้อต่อการตั้งบริษัทลูก-ร่วมทุน รองรับการเปิดเออีซี ระบุ แม้"ปตท." ได้รับยกเว้น ไม่ต้องรายงาน"ตั้งบริษัทลูก-ผลการดำเนินงาน" แต่เพื่อความโปร่งใสควรเปิดเผยต่อสคร. ด้านนักวิเคราะห์ชี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้รัฐวิสาหกิจไทย

วานนี้ (19 ส.ค.) มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ จัดสัมมนาเรื่อง “การจัดตั้งและการกำกับดูแลบริษัทลูก และบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจไทย” เพื่อนำเสนอข้อมูลการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และประสบการณ์การจัดตั้งบริษัทลูก และบริษัทร่วมทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทั้ง บริษัทปตท. (PTT) บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ไปรษณีย์ไทย และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

นางญาใจ พัฒนสุขวสันต์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สคร. กล่าวว่าสคร.อยู่ระหว่างการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฎหมายในการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2550 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ เพื่อเอื้อให้รัฐวิสาหกิจสามารถจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

สคร.พร้อมจะรับฟังและนำข้อเสนอแนะของรัฐวิสาหกิจต่างๆ มาพิจารณาในการปรับแก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ นอกจากมติครม.ปี 2550 แล้ว เห็นว่าควรจะมีการพิจารณาแก้ไขพ.ร.บ.ในการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งด้วย เพื่อให้สามารถจัดตั้งบริษัทลูกได้ เห็นควรว่าเรื่องนี้ควรจะแล้วเสร็จก่อนการเปิดเออีซี

หวังป้องกันการไซฟ่อนเงิน

สำหรับเกณฑ์การกำกับดูแลบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ สคร.จะกำกับดูแลผ่านตัวรัฐวิสาหกิจ โดยรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ต้องรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทลูกมาให้ สคร.จะเป็นในรูปแบบงบการเงิน หรือการสรุปแบบคร่าวๆ มาก็ได้ ที่ผ่านมา มีทั้งที่ส่งรายงานและไม่ส่งรายงานบริษัทลูกมา หลังจากนี้ สคร.ต้องกำชับให้ส่งรายงานมาให้ครบ เพื่อดูว่าบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีสถานะ และผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร

สคร.ไม่ได้กำกับบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจโดยตรง เพราะบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจมีจำนวนมากกว่า 300 บริษัท กว่า 200 บริษัท เป็นบริษัทลูกของบริษัท ปตท.แค่ขอให้รายงานสถานะ และผลการดำเนินงานให้รู้ หลังจากนี้ ต้องสื่อออกไปให้มีการรายงานมากขึ้น เผื่อว่าจะมีกรณีที่มีการไซฟ่อนเงินออกไปหรือไม่”

จี้ปตท.รายงานฐานะ-การตั้งบ.ลูก

ส่วนของบริษัทปตท. ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้ระบุไว้ในกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.การจัดตั้งบริษัท ปตท.เมื่อปี 2544 ทำให้ปตท.ไม่ต้องรายงาน หรือขออนุมัติจากสคร.ในการจัดตั้งบริษัทลูก รวมทั้งไม่ต้องรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทลูกให้สคร.รับทราบด้วย ดังนั้นเพื่อความโปร่งใส เห็นว่า ควรจะมีการรายงานผลการดำเนินงาน หรือการจัดตั้งบริษัทย่อยให้สคร.รับทราบ แต่ต้องไม่ขัดกับกฎเกณฑ์ของการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจ

ปตท.ได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำตามมติครม.ตั้งแต่แรก ทั้งการจัดตั้ง การพิจารณาเรื่องผลตอบแทนต่างๆ สามารถดำเนินการตามเกณฑ์ของปตท.ได้เลย แต่เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใส อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่หลังจากนี้ หากปตท.จะต้องบริษัทลูกก็ควรจะแจ้งให้เราทราบบ้าง หากดูแล้วไม่ขัดกับหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ และไม่กระทบกับการทำธุรกิจ”

ส่วนการแยกท่อก๊าซฯ จากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) และจะให้กระทรวงการคลังเข้าไปถือหุ้นด้วยนั้น สคร.ยังไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียด ซึ่งทราบมาว่าทาง ปตท.กำลังดำเนินการอยู่

รอมติกพช.กำหนดผลตอบแทนแยกท่อก๊าซ

นายสุพจน์ เหล่าสุอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักงานกฎหมาย บริษัท ปตท. กล่าวว่า ในการพิจารณาเรื่องผลตอบแทน หรือผลประโยชน์ของบริษัทลูกนั้น บางส่วนปตท.ก็ใช้เกณฑ์ของสคร.ในการพิจารณา แต่บางส่วนที่เป็นบริษัทร่วมทุนนั้น ก็ต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์ หรือข้อตกลงการร่วมทุนด้วย ในส่วนของการแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกมาเป็นบริษัท ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) นั้น ปตท.ได้เตรียมการมาหลายเดือนแล้ว และรอดูมติ กพช. ฉบับเต็มว่า จะให้ปตท.ดำเนินการอย่างไร

ทั้งนี้ปัจจุบัน ปตท.มีบริษัทลูกที่มีสถานะบริษัทรัฐวิสาหกิจอยู่ 43 บริษัท และมีบริษัทร่วมทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกประมาณ 280 แห่ง การกำกับดูแล หรือหลักปฏิบัติต่างๆ ของบริษัทลูกจะมาจากมติคณะกรรมการปตท. หลักใหญ่จะมีใน 3 เรื่อง คือ 1. การจัดวัสดุ 2.การบริหารการเงิน และ 3.การบริหารบุคคล

ส่วนใหญ่บริษัทลูกหรือบริษัทร่วมทุนในประเทศไม่ค่อยมีประเด็น แต่จะมีประเด็นปัญหาในต่างประเทศ เพราะหากปตท.ถือหุ้นเกิน 50% ถือเป็นรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารและกรรมการจะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากเป็นต่างชาติ ก็ยากที่จะให้เขารายงานบัญชีทรัพย์สิน ขณะนี้ปตท.ก็อยู่ระหว่างประสานงานกับทางป.ป.ช.อยู่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาส่วนนี้อย่างไร

ด้านผู้บริหารจากบริษัท กฟผ.อินเตอร์ฯ กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทกฟผ.อินเตอร์ฯ มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และใช้เวลานาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องส่งเรื่องให้พิจารณาถึง 12 หน่วยงาน ใช้เวลากว่า 18 เดือน ทั้งแต่บอร์ดกฟผ. กระทรวงพลังงาน สำนักงานกฤษฎีกา สำนักงานอัยการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) ครม. เป็นต้น และเมื่อจัดตั้งแล้ว หากจะมีการลงทุนเพิ่มก็ต้องขออนุมัติ เป็นอุปสรรค และเสียโอกาสต่อการทำธุรกิจ

รฟท.เล็งตั้งบ.ลูกทำอสังหาฯหาเพิ่มรายได้

ด้านผู้บริหารจากรฟม. กล่าวว่ารฟม.มีแนวคิดจะจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้สามารถเป็นองค์กรที่มีกำไรได้ เหมือนกับกิจการรถไฟฟ้าในต่างประเทศ อยู่ระหว่างการศึกษาในข้อกฎหมายต่างๆ ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่

นายเสรี นนทสูติ รองกรรมการผู้จัดการ มูลนิธิสถาบันวิจัย และพัฒนาองค์กรภาครัฐ(ไออาร์ดีพี) เปิดเผยว่า ในปี 2558 ที่ไทยกำลังจะก้าวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) รัฐวิสาหกิจของไทยทั้ง 56 แห่งต้องปรับตัวรองรับการแข่งขันทั้งในประเทศ และต้องสามารถรับมือกับต่างชาติที่จะไหลเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจไทยต้องออกไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง แต่การที่รัฐวิสาหกิจจะไปลงทุนในต่างประเทศมีข้อจำกัดหลายอย่าง ดังนั้นการจัดตั้ง บริษัทลูกขึ้นมาดำเนินการแทนจะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ถูกนำใช้ได้

ในการแต่งตั้งบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจนั้น มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2550 ที่กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดต้องบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจควบคุมดูแลอยู่ ซึ่งยังมีข้อจำกัดในหลาย ดังนั้นการสัมมนาจะเป็นการระดมความเห็นจากตัวแทนรัฐวิสาหกิจต่าง และนำเสนอไปยังกระทรวงการคลัง ที่กำลังพิจารณาแก้ไขมติครม.ดังกล่าวเพื่อสนับสนุนรัฐวิสาหกิจไทยให้ไปลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น

โบรกชี้ส่งผลดี-สร้างความโปร่งใส

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า การที่มีแนวทางให้รัฐวิสาหกิจเปิดเผยผลการดำเนินงานและการจัดตั้งบริษัทลูกนั้น เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเพิ่มความโปร่งใส่ และความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจไทย โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการเปิดเผยอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยอย่างละเอียด และการเปิดเผยก็สามารถทำได้ทันที เนื่องจากรัฐวิสาหกิจต้องส่งงบการเงินกับกระทรวงพาณิชย์

ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามกรณีที่อาจจะมีการไซฟ่อนเกิดขึ้นได้ในบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ ก็มีความเป็นไปได้ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้

"เคยสอบถามกลุ่มบริษัทปตท.ว่าเหตุผลของการจัดตั้งบริษัทลูกจำนวนมากเพราะอะไร ผู้บริหารปตท.บอกว่าเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทปตท.สผ.การสำรวจโครงการแหล่งก๊าซแต่ละแห่งเมื่อมีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาและเมื่อการขุดเจาะไม่พบก็ต้องปิดบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หรือการลงทุนในประเทศที่มีความยุ่งยากในเรื่องกฎหมาย และกระบวนการจัดตั้งที่ซับซ้อนใช้เวลามาก ก็ต้องเลือกไปตั้งบริษัทในประเทศหมู่เกาะต่างๆ"นักวิเคราะห์กล่าว

ปตท.สนซื้อหุ้น30%บริษัทผลิตไฟฟ้าออสเตรเลีย

สำนักข่าวต่างประเทศอ้างคำกล่าวของบุคคลวงในใกล้ชิดกับการเจรจา ให้ข้อมูลว่าบริษัทต่างชาติหลายแห่งในจำนวนนี้รวมถึงบริษัทปตท.ของไทย และบริษัทเคปเปล อินฟราสตรัคเจอร์ ทรัสต์ของสิงคโปร์ สนใจเข้าซื้อหุ้น 30%ที่บริษัทจีดีเอฟ ซูเอซ เอสเอ บริษัทผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่สุดของฝรั่งเศส ถือหุ้นอยู่ใน บริษัทผลิตไฟฟ้าของออสเตรเลีย ภายใต้แบรนด์ "ซิมพลี เอนเนอร์จี้" โดยตั้งมูลค่าหุ้นต้องการขายไว้กว่า 374 ล้านดอลลาร์

จากเว็บไซต์ของจีดีเอฟ ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันจีดีเอฟซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าของออสเตรเลีย ได้ดำเนินธุรกิจผลิตไฟจากโรงไฟฟ้าทั้งหมด 6 แห่ง รวมถึงโรงไฟฟ้าใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในฮาเซลวู๊ด และโรงงานไฟฟ้าที่ลอย หยาง บี ในแคว้นวิคตอเรีย ซึ่งโรงงานผลิตไฟฟ้าทั้งหมด มีกำลังการผลิตรวมกัน 3,538 เมกะวัตต์

ทั้งนี้นายเทรเวอร์ โรวี่ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของจีดีเอฟ ซูเอซ ออสเตรเลีย ปฏิเสธให้ความเห็น ส่วนเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของเคปเปล อินฟราสตรัคเจอร์ กล่าวว่าบริษัทมองหาโอกาสสร้างมูลค่าให้ธุรกิจอยู่เสมอ

Tags : สคร.บริษัทลูกปตท.กฟผ.ไปรษณีย์ไทยรฟม.ญาใจ พัฒนสุขวสันต์ไซฟ่อนเงินแยกท่อก๊าซ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คาดหุ้นเช้าแกว่งขึ้น โบรกฯ คาดหุ้นเช้าแกว่งขึ้นเล็กน้อย อาจเผชิญแรงขายทำกำไร หลังวานนี้ตลาดภูมิภาคขึ้นมากเกินไป เกาะติดหุ้นโลก 4-9-57 vdo.gif สรุปภาพรวมตลาดหุ้น 3-9-57 vdo.gif แนวโน้มราคาทอง vdo.gif

 

 

10592854_10152746757014835_4013500448514591758_n.jpg?oh=79a0b0e099f918c17abd15cbc48a433c&oe=546F14C7&__gda__=1416051106_b0af81ac4f9bfb103b1fe70a94bd6b34

หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ "โพสต์ทูเดย์" วันที่ 4 กันยายน 2556

 

เลิกอัยการศึก นำร่องพื้นที่ท่องเที่ยวเศรษฐกิจ

 

อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับออนไลน์ (E-Newspaper) คลิกhttp://bit.ly/96hK9d

#Posttoday #โพสต์ทูเดย์

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งขึ้นได้เล็กน้อย-อาจเผชิญแรงขายทำกำไรหลังขึ้นมากไป

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 09:40:17 น.

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย ในลักษณะค่อย ๆ ขึ้นไป เนื่องจากมองว่าวันนี้ตลาดฯน่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้างหลังจากที่เมื่อวานนี้ตลาดฯได้ขึ้นไปตามตลาดภูมิภาคซึ่งขึ้นมากเกินไป

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัว-แกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก โดยตลาดฯให้ความสำคัญกับการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในวันนี้ ซึ่งมองว่าคงจะไม่มีอะไรออกมา นอกจากนี้ก็ให้ความสำคัญกับปัจจัยในประเทศในเรื่องที่พรุ่งนี้จะมีการเสนอทบทวนการใช้กฎอัยการศึก ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้มองเป็นกลางและบวกได้ ซึ่งต้องรอติดตามดูต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(3 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,078.28 จุด เพิ่มขึ้น 10.72 จุด (+0.06%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,572.57 จุด ลดลง 25.62 จุด (-0.56%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,000.72 จุด ลดลง 1.56 จุด (-0.08%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 26.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 49.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 10.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.85 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 7.63 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.79 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(3 ก.ย.)1,583.27 จุด เพิ่มขึ้น 14.67 จุด(+0.94%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,859.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ก.ย.57

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(3 ก.ย.)ที่ 95.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

เพิ่มขึ้น 2.66 ดอลลาร์

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(3 ก.ย.)ที่ 5.78 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 31.97/99 แนวโน้มแกว่งแคบ ตลาดรอผลประชุม ECB วันนี้

- แม่ทัพภาค 1 เล็งชง คสช.ยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ท่องเที่ยว พรุ่งนี้ หากไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนใดๆ ที่น่าวิตก ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวขานรับ แจงปลดล็อกฟื้นสถานการณ์ท่องเที่ยว ต่อเนื่องจากมาตรการลดหย่อนภาษี ท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงไฮซีซัน ประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลกลับ จาก 54 ประเทศที่จะทยอยยกเลิกคำเตือนพลเมืองเดินทางมาไทย

- สำนักงบฯ เรียกส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจแจง เร่งเบิกงบปี 2558 ตั้งเป้าต้องได้ 96% ของงบรวม หวังหนุนเศรษฐกิจปีหน้าโตได้ 4.5% ชี้ต้องส่งแผน ภายใน 9 ก.ย. นี้ พร้อมรายงานเบิกจ่ายทุกไตรมาสเดินหน้าจัดซื้อจัดจ้างทันทีหลังร่างกฎหมายผ่าน สนช. วันที่ 17 ก.ย. นี้

- นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ กสทช.ดำเนินแจกคูปองทีวีดิจิทัลในราคา 690 บาทแก่ประชาชน วงเงิน 16,165 ล้านบาท

- น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้กระทรวงพาณิชย์จะประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกในปีนี้ใหม่ เพราะเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.5% เป็นเป้าหมายในการทำงาน แต่เมื่อมีปัจจัยมากระทบก็ต้องทบทวนใหม่ ส่วนจะลดลงเหลือเท่าไหร่ ยังไม่สามารถระบุได้

- "อุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย" เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันที่ 9 ก.ย. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมบอร์ดบีโอไอเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ที่มีเรื่องเข้าสู่การพิจารณา10 โครงการ มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท

- ก.ล.ต.เผย "คสช." ไฟเขียวร่างแก้ไข พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้อำนาจหากพบผิด "ปั่นหุ้น-ซื้อขายไม่เป็นธรรม" สั่งหยุดเทรดนาน 5 ปี พร้อมเพิ่มโทษสั่งเปรียบเทียบปรับ หวังช่วยลดความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้น หลังดำเนินอาญาด้านเดียวทำให้ขบวนการเอาผิดล่าช้า บล.เมย์แบงก์ เตือนเก็บภาษีกำไรจากหุ้น อาจกระทบความเชื่อมั่น แนะทบทวนผลกระทบก่อนเดินหน้า

- ธปท.เผย World Economic Forum ประกาศจัดอันดับไทยดีขึ้นในหลายเครื่องชี้อย่างมีนัยสำคัญ ยืนยันพื้นฐานเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย มั่นใจการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ จะช่วยสนับสนุนไทยให้สามารถรักษาหรือพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นในระยะต่อไป ส่วนการขยับขึ้นด้านสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาค สะท้อนชัดเจนถึงความมั่นใจในนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของไทยที่ปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

- นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณได้สั่งให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี2558 โดยตั้งเป้าเบิกจ่ายภาพรวม 2.47 ล้านล้านบาท หรือ 96% ของวงเงินงบประมาณ 2.57 ล้านล้านบาท และเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ 3.93 แสนล้านบาท หรือ 87% ของวงเงิน 4.5 แสนล้านบาทเพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจ ปี2557 ขยายตัวได้ 1.5-2.0% และเศรษฐกิจปี 2558 ขยายตัวได้ 3.5-4.5% ต่อปี

*หุ้นเด่นวันนี้

- KSL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 16.10 บาท คาดกำไรปกติ 3Q14 (พ.ค.-ก.ค.) โตสูง 15% Y-Y จากราคาขายเอทานอลที่สูงขึ้น แต่ลดลง 14% Q-Q ตามการผลิตไฟฟ้าที่ลดลงตามฤดูกาล เราคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 24% Y-Y ส่วนปี 2015 โตต่อ 11% Y-Y จากราคาน้ำตาลที่มีทิศทางขาขึ้นเพราะภาวะขาดดุลน้ำตาลเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี และรับรู้กำลังการผลิตของโรงงานจ.เลยเต็มปี และกำลังผลิตใหม่จากโรงงานที่จ.ขอนแก่น

- PS(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 42 บาท ยอด presales 2 เดือนแรกของ 3Q14 เพิ่มขึ้นถึง 48% Y-Y เติบโตในทุกสินค้า ทำให้ยอด presales 8M12 อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 63% ของเป้าทั้งปี ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะทำได้ตามเป้า แนวโน้มกำไรใน 2H14 น่าจะดีขึ้นจากการโอนที่เพิ่มขึ้น

- PTT,PTTEP,BANPU(เคทีบี)"เก็งกำไร"เนื่องจากการย่างเข้าสู่ไตรมาส 4 ของทุกปี จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2 ไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้น PTT และ PTTEP อีกทั้งล่าสุด PTT ประกาศจ่ายเงินปันผล 1H57 เท่ากับ 6 บาท/หุ้น (XD: 15 ก.ย.57) ขณะที่แผนพัฒนาพลังงาน (PDP) ไทยมีแนวโน้มจะหันไปใช้ถ่านหินมากขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อ BANPU ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายถ่านหินรายใหญ่ของไทย โดยให้ราคาเป้าหมาย PTT-PTTEP-BANPU เท่ากับ 420, 204 และ 36 (ต้านระยะสั้น)บาท ตามลำดับ

- ERW(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 5.80 บาท คาดว่าธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วใน 2Q57 โดยใน 1H57 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 80 ล้านบาท แต่คาดว่าผลประกอบการจะพลิกฟื้นดีขึ้นใน 2H57 ภายหลังจากปัญหาการเมืองคลี่คลาย ความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับคืนมา และมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐเข้ามาช่วย รวมถึงปัจจัยด้านฤดูกาลช่วยหนุนธุรกิจในไตรมาส 4 ด้วย เบื้องต้นบริษัทจะสามารถทำกำไรเป็นบวกได้ใน 4Q57 และเติบโตก้าวกระโดดเป็นประมาณ 350 ล้านบาทในปี 58 บริษัทเดินหน้าเปิดโรงแรมใหม่ตามแผน โดยได้เปิด Holiday Inn Extension ไปแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีอัตราการเข้าพักเกินกว่า 70% และจะเปิดโรงแรมใหม่อีก 8 แห่ง ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 28 แห่ง ส่วนปี 58 มีแผนจะเปิด Hop Inn 15 แห่ง นับว่า ERW เป็นหุ้น Turnaround หนึ่งที่น่าสนใจ

อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

เงินบาทเปิด 31.97/99 แนวโน้มแกว่งแคบ ตลาดรอผลประชุม ECB วันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 09:33:19 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.97/99 บาท/ดอลลาร์ ขยับแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้เล็กน้อย โดยวานนี้เงินบาทปิดอยู่ที่ระดับ 32.04/05 บาท/ดอลลาร์

"หลังมีข่าวรัสเซียกับยูเครนลงมติหยุดยิง ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงมา ไทยบาทแข็งค่า แต่สักพักเงินบาทก็ปรับตัวอ่อนค่ากลับขึ้นมาอีกครั้งตามสินทรัพย์เสี่ยง" นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับทิศทางวันนี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรปค่ำวันนี้

โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทระหว่าง 31.90-32.10 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.90 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 105.06 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3145 ดอลลาร์/ยูโร เท่ากับเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.3145 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.1030 บาท/ดอลลาร์

- ดัชนีหุ้นไทยทำจุดสูงสุดในรอบ 15 เดือน จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้าซื้อสุทธิหนาแน่นอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังรอจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่อาจส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ในระยะต่อไป

- นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังลุ้นขึ้นได้เล็กน้อยในลักษณะค่อย ๆ ขึ้นไป โดยอาจเผชิญแรงขายทำกำไรบ้าง หลังวานนี้ขึ้นตามภูมิภาคมากไป ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเช้านี้ทรงตัว-แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก โดยตลาดฯจับตาการประชุม ECB วันนี้ และการทบทวนการใช้กฎอัยการศึกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมองเป็นกลางถึงบวกได้ พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,575 แนวต้าน 1,590 จุด

- สำนักงบประมาณได้สั่งให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 58 โดยตั้งเป้าหมายเบิกจ่ายภาพรวม 2.47 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 96% ของวงเงินงบประมาณ 2.57 ล้านล้านบาท และเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ 393,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87% ของวงเงิน 450,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เศรษฐกิจปี 57 ขยายตัวได้ 1.5-2% และเศรษฐกิจปี 58 ขยายตัวได้ 3.5-4.5% ต่อปี

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า สภาพคล่องในตลาดเงินเริ่มมีแนวโน้มตึงตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เห็นได้จากปริมาณสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ลดลงจำนวน 3.7 แสนล้านบาทมาอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท เป็นผลมาจากการที่ธนาคารพาณิชย์ดึงสภาพคล่องบางส่วนกลับไปใช้รองรับความต้องการของสินเชื่อที่ปรับเพิ่มขึ้นใน เดือนมิ.ย.

- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวในทุกภูมิภาคในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) ขณะที่มีการคาดการณ์เกี่ยวกับการหยุดยิงที่มีความเป็นไปได้ในภาคตะวันออกของยูเครน

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อชดเชยการทำชอร์ตเซล หลังจากสัญญาทองคำร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 30 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,740 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,271.58 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.25 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า บริษัทกำลังทบทวนการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือให้กับหนี้สินในระยะยาวของธนาคารแบงก์ ออฟ ไซปรัส ซึ่งเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวในโลกที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยเงินทุนของผู้ฝากเงิน โดยปัจจุบันอันดับความน่าเชื่อถือของแบงก์ ออฟ ไซปรัส อยู่ที่ระดับ Ca

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

13:30 เกาหลีใต้คาดการประชุม FTA กับจีนจะได้ข้อสรุปก่อนการประชุมสุดยอดเอเปก สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า นายยุน ซุง จิค รัฐมนตรีที่รับผิดชอบในเรื่องการเจร…

13:28 ภาวะตลาดหุ้นออสเตรเลีย: S&P/ASX 200 ปิดลบ 24.80 จุด จับตาประชุมอีซีบี ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลงท่ามกลางการซื…

13:24 กรมชลฯ เผยน้ำยมล้นตลิ่งเข้าท่วมจ.สุโขทัย เร่งผันน้ำออก-เฝ้าระวังลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง เจ้าหน้าที่ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประท

 

 

ยูเครนประกาศหยุดยิงถาวร หลังผู้นำเจรจากับปูตินผ่านทางโทรศัพท์

ข่าวต่างประเทศ RYT9.COM -- พุธที่ 3 กันยายน 2557 17:10:59 น.

ยูเครน ออกแถลงการณ์ระบุ นายเปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน และ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย บรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นการถาวรในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครนแล้ว

แถลงการณ์ดังกล่าวออกเผยแพร่หลังจากที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้เจรจากันผ่านทางโทรศัพท์ ขณะที่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนสนับสนุนรัสเซียที่ต่อสู้กับทหารยูเครนมาตั้งแต่เดือนเมษายน ยังไม่มีปฏิกริยาใดๆ

หลังมีการเผยแพร่ข่าวการหยุดยิงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นรัสเซียปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 นอกจากนี้ค่าเงินรูเบิลรัสเซียก็แข็งค่าขึ้นทันทีร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม นายดมิทตรี เปสคอฟ โฆษกส่วนตัวของนายปูติน ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อท้องถิ่นรัสเซียว่า รัสเซียและยูเครนไม่ได้บรรลุข้อตลงหยุดยิง แต่ยอมรับว่ามีการหารือเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนผ่านทางโทรศัพท์จริง เพาะต้องการช่วยคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในยูเครน ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัสเซียก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครน

อินโฟเควสท์ โดย ณัฐชญา อัครยรรยง/สุดทีวัล สุขใส โทร.02-2535000 ต่อ 360 อีเมล์: sudteewan@infoquest.co.th--

 

กลุ่มทรอยก้าเตรียมเยือนโปรตุเกสเพื่อประเมินสถานภาพหลังโครงการช่วยเหลือสิ้นสุด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 13:43:00 น.

กระทรวงคลังโปรตุเกส เปิดเผยว่า กลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเดินทางเยือนประเทศโปรตุเกส ภายหลังจากที่โปรตุเกสสามารถดำเนินการตามเงื่อนไขของโครงการรับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มทรอยก้าและโครงการให้เงินช่วยเหลือดังกล่าวไดสิ้นสุดลงแล้ว

โดยการเดินทางเยือนครั้งนี้ จะเป็นการประเมินครั้งแรกภายหลังจากที่โครงการให้เงินช่วยเหลือสิ้นสุดลง โดยการประเมินภายหลังจากที่โครงการให้เงินช่วยเหลือสิ้นสุดลงนี้ จะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนต.ค. 2557 ภายหลังจากที่ได้มีการส่งงบประมาณรัฐบาลปี 2558 ไปยังรัฐสภา โดยจะมีการเปิดเผยวันที่ทางกลุ่มทรอยก้าเดินทางเยือนต่อไป

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โปรตุเกสพยายามที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณจากระดับ 4.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ปั 2556 ลงเหลือ 4% ในปีนี้ และลดลงเหลือ 2.5% ในปี 2558 นอกจากนี้ โปรตุเกสยังต้องเดินหน้ามาตรการคุมเข้มต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นภาษี การลดการใช้จ่าย เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ทางกลุ่มทรอยก้าได้กำหนดไว้

รัฐบาลผสมชุดปัจจุบันของโปรตุเกสต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านได้กล่าวโทษว่า กลุ่มทรอยก้าและรัฐบาลเป็นต้นเหตุที่ทำให้โปรตุเกสต้องได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ การทบทวนภารกิจของกลุ่มทรอยก้าคาดว่า จะแล้วเสร็จจนกว่าจะถึงปี 2573

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ม.หอการค้า ลด GDP ปีนี้เหลือโต 1.5-2% จาก 2-2.5%, ปี 58 โต 4-5%

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 12:42:45 น.

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับประมาณการณ์อัตราการยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ลงมาเหลือเติบโต 1.5-2% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 2-2.5% ส่วนปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเติบโตได้ถึง 4-5%

"ถ้าการเบิกจ่ายของภาครัฐไม่เร่งพอ เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวใกล้เคียง 1.5% แต่ถ้าเร่งเบิกจ่ายเงินตามแผน ก็มีโอกาสโตได้ 2.5%" นายธนวรรธน์ กล่าว

ศูนย์พยากรณ์ฯ ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3/57 คาดว่าจะเติบโต 3% และไตรมาส 4/57 คาดว่าจะเติบโต 5% โดยเฉพาะหากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ เช่น จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญก็จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นให้กลับมาคึกคักในช่วงปลายปีนี้ และส่งผลดีต่อภาพรวมของทั้งประเทศได้ รวมทั้งน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นจากภาครัฐในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้ภาคเอกชนเกิดความมั่นใจที่จะลงทุนต่อเนื่อง

ขณะที่ภาคการส่งออกน่าทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงนี้เช่นกัน ภายใต้การบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ให้เงินบาทอยู่ที่ประมาณ 32 บาท/ดอลลาร์ ถือว่าพอจะพยุงเศรษฐกิจในปีนี้ได้ อย่างไรก็ดี มองว่าการส่งออกปีนี้คงเติบโตได้เพียง 1-1.5% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญยังไม่ค่อยดีนัก ทั้งสหภาพยุโรปและ จีน รวมถึงญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีบริโภค ดังนั้น จึงทำให้การส่งออกไปยังประเทศในอาเซียน รวมทั้งจีนและญี่ปุ่นจะยังไม่โดดเด่นนักในปีนี้

นายธนวรรธน์ คาดว่า การบริโภคของภาคประชาชนจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะปรับตัวดีขึ้นอย่างเด่นชัดเมื่อรัฐบาลใหม่ได้เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายงบประมาณ โดยการบริโภคจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภายใต้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ในระดับ 1.5-2.0%

“การบริโภคน่าจะผ่านจุดต่ำสุดและเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่อาจจะไม่หวือหวาอย่างที่คิด ดังนั้นตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป จึงเป็นภารกิจสำคัญของ ครม.ชุดใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจน เพราะไม่เช่นนั้นโมเมนตัมของเศรษฐกิจจะฟื้นไม่เด่น และบรรยากาศความเชื่อมั่นอาจจะไม่คึกคักแบบที่ควรจะเป็น" นายธนวรรธน์ กล่าว

พร้อมมองว่า พื้นฐานของความเชื่อมั่นที่น่าสนใจและจะทำให้ภาคเศรษฐกิจไทยในระยะยาวเติบโตได้ดีในอนาคต คือความเชื่อมั่นด้านการเมือง ซึ่งในเดือนส.ค.นี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางด้านการเมืองปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 87.5 ซึ่งถือว่าสูงสุดทำลายสถิติในรอบ 88 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนพ.ค.49

“สถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี ความเชื่อมั่นทางการเมืองในปีนี้ เราเชื่อว่าดัชนีเกิน 100 จุดแน่นอน เพราะคนหวังว่าการเมืองในอนาคตจะมีเสถียรภาพสูงหลังจากมีครม.ใหม่ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้คนไทยและต่างประเทศมาลงทุนและมีการบริโภคอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเข้าใกล้ระดับ 90 จุดแล้ว ซึ่งบรรยากาศเช่นนี้จะมีผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในปี 58 สามารถขยายตัวได้ถึง 4-5% “ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ระบุ

นายธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญในขณะนี้คือ ถ้าเศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นจะกลายเป็นแรงกดดันทางการเมืองในระดับสูง โดยไตรมาส 4 ปีนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในเชิงเศรษฐกิจและการเมือง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวน่าจะเป็นความหวังที่สำคัญ ดังนั้น จึงต้องดูว่า คสช.จะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกเพื่อให้เป็นปัจจัยบวกสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวหรือไม่ ซึ่งจุดนี้จะทำให้มีเม็ดเงินกระจายลงไปในแต่ละพื้นที่

แต่สิ่งที่น่ากังวลคือราคาพืชผลทางการเกษตรอาจจะยังไม่กลับมาดีได้ในระยะนี้ ดังนั้น ภาครัฐต้องช่วยประคองกำลังซื้อในต่างจังหวัด แต่หากกำลังซื้อยังไม่กลับมา เม็ดเงินของภาครัฐจะยิ่งต้องเป็นแรงสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

“เม็ดเงินของภาครัฐจะเป็นกำลังสำคัญ ถ้าไม่เข้าไปหมุน ถ้าเศรษฐกิจแผ่วจะกลายเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทยที่กำลังซื้อแผ่ว คนจะไปก่อหนี้มากขึ้นและกลายเป็นประเด็นให้กำลังซื้อหดหายไปถึงปีหน้า และจะเป็นประเด็นกดดันทางการเมืองสูง เพราะคนจะเริ่มรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดีสักที ความหวังสำคัญคือการให้ภาครัฐเร่งเบิกจ่ายโดยเร็ว" นายธนวรรธน์ กล่าว

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

ปิดตลาดซื้อขายหุ้นภาคเช้า แตะระดับ1,582.88จุดลดลง-0.39จุด

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 13:07:00 น.

4 ก.ย.57 สรุปภาพรวมตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ หลังปิดตลาดภาคเช้า ที่ระดับ 1,582.88 จุด ลดลง -0.39 จุด หรือ -0.02 ดัชนีปรับตัวสูงสุด 1,586.93 จุด ต่ำสุด 1,578.29 จุด มูลค่าซื้อขาย รวม 29,519.20 ล้านบาท

มูลค่า การซื้อขาย 5 อันดับ สูงสุด

KTB ปิดที่ 24.00 บาท +0.20 บาท (+0.84%)

BANPU ปิดที่ 34.50 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

SAWAD ปิดที่ 22.20 บาท +0.30 บาท (+1.37%)

PTT ปิดที่ 329.00 บาท +2.00 บาท (+0.61%)

KBANK ปิดที่ 234.00 บาท +4.00 บาท (+1.74%)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดอ่อนตัว จับตาผลการประชุมอีซีบี-ธ.กลางอังกฤษ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 13:49:44 น.

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดอ่อนตัวลงในวันนี้ ในขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางประเทศต่างๆที่จะสิ้นสุดลงในวันนี้ ได้แก่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ

ดัชนี Euro Stoxx 50 อ่อนตัว 0.2% เมื่อเวลา 7.19 น.ตามเวลาลอนดอน

ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจภายในประเทศมีการฟื้นตัวขึ้น แม้มีภาวะอ่อนแรงอยู่บ้างอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นภาษีการบริโภคเมื่อเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินทั้ง 9 คนของบีโอเจมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า บีโอเจจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่จากสถาบันการเงินต่าง เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และเพื่อหนุนอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงบ่ายนี้ จับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2557 12:13:39 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงบ่ายวันนี้ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในช่วงเย็นวันนี้ ตามเวลาไทย

ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% เมื่อเวลา 12.21 น.ตามเวลาโตเกียว

หุ้นซัมซุง ดีดตัว 2% ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ 2 รุ่น แซงหน้าแอปเปิลที่มีแผนจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ในสัปดาห์หน้า

ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจภายในประเทศมีการฟื้นตัวขึ้น แม้มีภาวะอ่อนแรงอยู่บ้างอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นภาษีการบริโภคเมื่อเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินทั้ง 9 คนของบีโอเจมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า บีโอเจจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่จากสถาบันการเงินต่าง เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และเพื่อหนุนอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...