ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ดีคับ deb

 

เบอร์นันเก้ ชี้ยังไม่พบสัญญาณตลาดสหรัฐเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 27 พฤษภาคม 2558 12:37:23 น.

เบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ในวันนี้ว่า เขายังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าตลาดต่างๆในสหรัฐ รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยนั้น มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป

 

นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐนั้น ถือเป็นสัญญาณในด้านบวก เพราะสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2169365

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG on วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก 27/05/58

มือปืนประกบยิงรถนายกฯลิเบีย รอดตายหวุดหวิด

รัฐบาลลิเบียที่นานาชาติให้การรับรอง ได้ยอมรับว่า นายกรัฐมนตรีอับดุลลาห์ อัล-ธินนี่ สามารถรอดพ้นจากการถูกลอบสังหารมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากรถยนต์ของเขาถูกไล่ตามประกบยิงจากกลุ่มมือปืน ตอนที่แล่นออกจากอาคารรัฐสภา ในเมืองโทบรุค...

NATIONTV.TV

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กต.ยกเลิกพาสปอร์ต'แม้ว'2เล่ม พูดให้ร้ายทำลายเกียรติภูมิชาติ

http://www.naewna.com/politic/160092

 

http://www.thaipost.net/?q=%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%87

เมื่อเวลา13.59 น.วันที่ 27 พฤษภาคม กระทรวงการต่างประเทศไทยได้เผยแพร่ข่าวสารนิเทศ เรื่อง "การยกเลิกหนังสือเดินทางของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร"

ความว่า"ด้วยฝ่ายความมั่นคงได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายในอำนาจหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาเห็นว่า ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยหรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย ประกอบกับกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสวบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 326และ 328 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3) (5)

กระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21 (4) และข้อ 23 (2) จึงได้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทาง เลขที่ U957441 และเลขที่ Z530117 ของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2558"

ก่อนหน้านี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเทศเกาหลีใต้ โดยมีการพาดพิงหลายฝ่ายร่วมมือกันยึดอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า "คือ ประเทศไทยนี่ ตราบใดที่เขาปล่อยให้ทำงาน ก็ยังมีอำนาจ แต่ถ้าไม่ปล่อยให้ทำงานก็ไม่มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองคมนตรีทั้งหลาย ก็เที่ยวนี้ก็..... ทหารก็จะฟังองคมนตรี เพราะตอนที่เขาไม่ต้องการให้เราอยู่ เขาก็ให้สุเทพออกมา และให้ทหารเข้ามาช่วย และก็มีพวกบางคนจากในวังมาช่วย เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร ผมก็เลยคุยกับนายกฯ ปูว่าเหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมา

ทหารเขาอาจจะชื่นชอบประชาธิปไตยแบบพม่า ที่พม่าเลิกแล้ว แต่เค้าชอบอย่างนั้นไง เราไม่รู้ ผมก็ยังตำหนิเค้าไป เขาก็ยังอายุน้อย เขาคงโกรธ ...ที่ปฏิวัติแบบนี้ เขาก็คงโกรธว่าประเทศไทยมาดีๆแล้ว.....แต่เขาคงโกรธนะ .....เราเป็นครอบครัวสาธารณะ จะพูดอะไรต้องระมัดระวัง”

25580527%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โกลเบล็ก แนะสะสมหุ้นช่วง 1,460-1,480 ชูกลุ่มอาหาร-อิเล็คฯ-รับเหมาฯเด่น

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 27 พฤษภาคม 2558 14:51:44 น.

บล. โกลเบล็ก คาดหุ้นไทยยังทรงตัวในกรอบแคบ แนะกลยุทธ์สะสมหุ้นในกรอบแนวรับที่ 1,460-1,480 จุด ชูกลุ่มอาหาร ,อิเล็คทรอนิคส์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาลหนุน และกลุ่มไฟแนนซ์ (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองแนะสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series เมื่อยื่นเหนือแนวรับ 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และ Cut Loss ทันทีเมื่อหลุดแนวรับ

 

 

 

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยระยะนี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,460-1,480 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยลบกดดัน อาทิ ความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ราว 1,600 ล้านยูโรในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งกรีซยอมรับว่าไม่มีเงินเพียงพอซึ่งต้องรีบเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ รวมทั้งความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามคาดการณ์

 

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยความกังวลในเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย( NIM) ของกลุ่มธนาคาร รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจนหลุด 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลลงมา อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาลงทุนต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา มูลค่าราว 7.3 พันล้านบาท

 

นอกจากนี้ รัฐบาลเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบยุทธ์ศาสตร์ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นระยะ 5 ปี วงเงินที่ระดับ 1.41 ล้านล้านบาท โดยเน้นให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมไฟเขียวบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่น ศึกษาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และยังมีมติอนุมัติโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หลายรายการ อาทิ รถไฟ 3 เส้นทางกับญี่ปุ่น โครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง

 

ส่วนปัจจัยน่าจับตาในต่างประเทศ คือ การเปิดเผยตัวเลขของผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนเม.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ในไตรมาส 1/58 และญี่ปุ่นจะมีการแจ้งตัวเลขยอดค้าปลีกเบื้องต้นเดือนเม.ย. พร้อมข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก ส่วนปัจจัยในประเทศ การรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รวมทั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดประชุมใหญ่ เพื่อเตรียมลงพื้นที่เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ

 

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ย่อตัวลงมาใกล้เขต Oversold แล้ว 30%จึงให้รอเข้าซื้อช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,460 – 1,480 จุด โดย Selective Buy กลุ่มที่มีประเด็นบวกรองรับ เช่น กลุ่มอาหาร , อิเล็คทรอนิคส์ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาล และกลุ่มไฟแนนซ์ (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์

 

ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ ประเมินแนวโน้มการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองคำปรับตัวลงตามเงินยูโรที่อ่อนค่าลง เนื่องจากความกังวลเรื่องกรีซที่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ก่อนวันที่ 5 มิ.ย. และกรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้กับ IMF มูลค่า 305 ล้านยูโร นอกจากนี้เงินยูโรอ่อนค่าลงต่อหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียม front load โครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงเดือนพ.ค. และมิ.ย.เพื่อหนุนสภาพคล่องที่คาดว่า จะปรับตัวลดลงในช่วงวันหยุดฤดูร้อนกลางปีนี้

 

สำหรับสหรัฐเองหลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งล่าสุดข้อมูลเศรษฐกิจสดใสจากรายงานยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนเม.ย. จากดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 95.4 ในเดือนพ.ค.

 

ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมากขึ้น สร้างแรงหนุนต่อเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

 

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดย แนะนำเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series หากปรับลงไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และหากราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ให้ Cut Loss หรือกลับมาเปิดสถานะ Short Gold Futures แทน โดยให้แนวต้าน 1,210 เหรียญต่อทรอยออนซ์

 

อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2169470

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทะเลจีนใต้ส่อแววเดือด จีนลุยเสริมแกร่งทางทหาร

ความตึงเครียดในทะเล จีนใต้เริ่มมีมากขึ้นอีก เมื่อรัฐบาลจีนได้เปิดเผยแผนที่จะเสริมกำลังทางทหารทั้งในทะเล-อากาศ

POSTTODAY.COM

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณพรรณงาม อารยวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวโน้ม ราคาทองคำและปัจจัยที่กระทบต่อราคาทองคำในช่วงสัปดาห์ ในรายการ Get SET ทางช่อง Money Channel ในวันอังคารที่ 26 มิถุนายน 2558

.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายการ Gold Insight วิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2558

โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

เงินบาทปิด 33.84/85 ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ลุ้นแตะ 34 หากหลุดแนวต้าน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 27 พฤษภาคม 2558 17:32:16 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.84/85 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 33.75/80 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินภูมิภาคเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.73-33.85 บาท/ดอลลาร์

 

"บาทยังอ่อนค่าจากปัจจัยดอลลาร์แข็งค่า ทิศทางวันนี้ทยอยอ่อนค่าต่อเนื่อง แต่ยังไม่ทำนิวไฮ" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.75-33.90 บาท/ดอลลาร์

 

"รอดูคืนนี้ถ้าหลุดแนวต้าน 33.90(บาท/ดอลลาร์) มีโอกาสไปแตะ 34.00(บาท/ดอลลาร์)" นักบริหารเงิน กล่าว

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 123.60 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 123.00/36 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0900 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0850/0893 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,500.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.86 จุด, +0.19% มูลค่าการซื้อขาย 31,750.70 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 766.00 ล้านบาท(SET+MAI)

- ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกของไทยในเดือนพ.ค. โดยคาดว่าจะไม่ติดลบแล้ว หลังจากที่เดือนเม.ย.การส่งออกติดลบลดลงมาอยู่ที่ -1.7% ซึ่งคาดว่าไตรมาส 2 ของปีนี้การส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสแรกที่ติดลบกว่า 4% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากที่ช่วงนั้นเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินของจีน และญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าในลำดับต้นๆ ของไทย ดังนั้นจึงต้องรออีกสักระยะหลังจากที่เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงจึงจะทำให้การส่งออกของไทยกลับมาดีขึ้นได้

 

- นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการคาดการณ์มูลค่าการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ตลอดทั้งปี 2558 ซึ่งมีแนวโน้มทะลุ 1 ล้านล้านบาท จากทิศทางการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมไทยในปีนี้ ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ค่อนข้างสดใส

 

- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งประกอบไปด้วยเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เตรียมหารือกันในวันนี้ที่เมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี ร่วมกับตัวแทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยูโรกรุ๊ป และกรรมาธิการเศรษฐกิจและการคลังแห่งสหภาพยุโรป สำหรับหัวข้อการประชุมครั้งนี้ คาดว่าจะรวมถึงแนวทางในการส่งเสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน มาตรการควบคุมดูแลตลาดการเงิน และการยกระดับความร่วมมือในด้านนโยบายภาษีระหว่างประเทศ

 

- เจ้าหน้าที่กรีซเตรียมประชุมร่วมกับกลุ่มเจ้าหนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมในวันนี้ ในขณะที่เส้นตายในการชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ช่วงต้นเดือนมิ.ย.กำลังงวดเข้ามาทุกที

 

- นายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ระบุยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าตลาดต่างๆในสหรัฐ รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ส่วนกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐนั้นถือเป็นสัญญาณในด้านบวก เพราะสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2169664

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11351229_949218735175077_4383068442167048955_n.jpg?oh=aa0b6e8f035d5c4d79cc41c4fee6c145&oe=55BFDFEE&__gda__=1442004274_cd0e4fcb8e0b9b06e561975b9f9fa85c

(- -)

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $1.3 เหตุวิตกเงินดอลล์แข็งค่า

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 07:22:55 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ระดับ 1,185.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 9.9 เซนต์ ปิดที่ 16.647 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,119.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 785.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลในตะกร้าเงินนั้น ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

ทั้งนี้ ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนับตั้งแต่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นในโร้ดไอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ว่า เธอคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หากเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มตามที่คาดการณ์ไว้ และเป็นการเหมาะสมสำหรับเฟดที่จะเริ่มดำเนินการขั้นแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2169728

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯกรีซแสดงความเชื่อมั่นสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 08:04:32 น.

นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกว่า กรีซและกลุ่มเจ้าหนี้จะบรรลุข้อตกลงในเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สินกรีซ หลังจากที่ดำเนินการเจรจาอย่างตึงเครียดมาเป็นเวลา 4 เดือน

 

นายซิปราสกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังว่า "เราใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลง" ซึ่งการแสดงความเห็นครั้งล่าสุดมีขึ้นท่ามกลางการรายงานของสื่อที่ว่า รัฐบาลกรีซจะเปิดเผยผลลัพธ์ที่เป็นบวกได้อย่างทันเวลาในวันจันทร์นี้ เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนมิ.ย.

 

 

 

นายซิปราสได้ให้คำมั่นว่า ข้าราชการจะได้รับเงินบำนาญและเงินเดือนแน่นอน และการทำข้อตกลงซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจกรีซนั้น จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ นายซิปราสได้เรียกร้องให้ชาวกรีซใช้ความอดทนและไม่ให้ความสำคัญกับกระแสคาดการณ์ที่ว่า กรีซจะล้มละลายและถอนตัวจากสมาชิกยูโรโซน

 

"ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องการจ่ายเงินเดือน เงินบำนาญ หรือเงินฝากธนาคาร ผมเชื่อว่าเราจะมองเห็นอนาคตที่ดีกว่าในเร็วๆนี้" นายซิปราสกล่าว

 

สำนักข่าว AMNA ของกรีซรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การทำข้อตกลงครั้งนี้จะครอบคลุมถึงการผลักดันให้รัฐบาลมีการเกินดุลงบประมาณให้ได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และใช้นโยบายต่างๆเพื่อบรรเทาภาระหนี้สินอันหนักหน่วงของกรีซ แทนการใช้มาตรการรัดเข็มขัดซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

 

อย่างไรก็ดี AMNA ระบุว่า เจ้าหน้าที่ยุโรปในบรัสเซลส์ไม่ได้มีมุมมองเช่นเดียวกับกรีซ โดยนายวาลดีส ดอมบรอฟสกี้ส์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ปฏิเสธการรายงานข่าวที่ว่า ได้มีการร่างข้อตกลงแล้ว พร้อมกับระบุว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงกันในขณะนี้

 

ทั้งนี้ กรีซมีกำหนดชำระหนี้จำนวน 300 ล้านยูโรให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ หลังจากที่จ่ายเงินบำนาญและเงินเดือนให้กับข้าราชการในสัปดาห์นี้แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2169897

 

 

ภาวะตลาดทองแดงนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็ง ฉุดทองแดงปิดลบ 0.3%

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 08:29:38 น.

สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นได้สกัดอุปสงค์ทองแดงจากผู้ซื้อต่างชาติ

 

สัญญาทองแดงตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค. ปรับตัวลดลง 0.3% หรือ 0.95 เซนต์ ปิดที่ 2.7685 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.

 

ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นๆ สกัดการปรับตัวขึ้นของทองแดง โดยสัญญาทองแดงจะมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติ

 

นอกจากนี้ ทองแดงยังได้รับแรงกดดันจากสัญญาณต่างๆ ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ระบุว่า กิจกรรมภาคโรงงานของจีนหดตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และอุปสงค์เงินกู้รอบใหม่ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่ากิจกรรมทางธุรกิจยังคงซบเซาอยู่

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq32/2169901

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 07:50:11 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 27 พ.ค.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ หลังจากนายกรัฐมนตรีกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,162.99 จุด พุ่งขึ้น 121.45 จุด หรือ +0.67% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,106.59 จุด เพิ่มขึ้น 73.84 จุด หรือ +1.47% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,123.48 จุด เพิ่มขึ้น 19.28 จุด หรือ +0.92%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) หลังจากนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันได้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ 408.88 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,182.53 จุด เพิ่มขึ้น 98.99 จุด หรือ +1.95% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,771.13 จุด พุ่งขึ้น 146.00 จุด หรือ +1.26% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,033.33 จุด เพิ่มขึ้น 84.34 จุด หรือ +1.21%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินของกรีซ หลังจากมีรายงานข่าวว่ากรีซและบรรดาเจ้าหนี้ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลง

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 84.34 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 7,033.33 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า อิรักวางแผนที่จะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบ และรายงานที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนเม.ย.

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 52 เซนต์ ปิดที่ 57.51 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.06 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ระดับ 1,185.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 9.9 เซนต์ ปิดที่ 16.647 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,119.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 785.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบยูโรเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0890 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0872 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5341 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5387 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.84 เยน เทียบกับระดับ 123.05 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9512 ฟรังก์ จาก 0.9527 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7724 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7733 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,162.99 จุด เพิ่มขึ้น 121.45 จุด +0.67%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,106.59 จุด เพิ่มขึ้น 73.84 จุด +1.47%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,123.48 จุด เพิ่มขึ้น 19.28 จุด +0.92%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,033.33 จุด เพิ่มขึ้น 84.34 จุด +1.21%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,771.13 จุด เพิ่มขึ้น 146.00 จุด +1.26%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,182.53 จุด เพิ่มขึ้น 98.99 จุด +1.95%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,693.54 จุด เพิ่มขึ้น 24.13 จุด +0.25%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,472.58 จุด เพิ่มขึ้น 35.10 จุด +0.17%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,107.50 จุด ลดลง 36.00 จุด -1.68%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,724.20 จุด ลดลง 46.20 จุด -0.80%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,725.30 จุด ลดลง 48.10 จุด -0.83%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 4,941.71 จุด เพิ่มขึ้น 30.82 จุด +0.63%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,598.70 จุด ลดลง 129.80 จุด -1.68%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,081.21 จุด ลดลง 168.65 จุด -0.60%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,253.39 จุด ลดลง 67.51 จุด -1.27%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,755.05 จุด ลดลง 9.02 จุด -0.51%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,424.94 จุด ลดลง 35.04 จุด -1.01%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,564.66 จุด เพิ่มขึ้น 33.25 จุด +0.12%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2169733

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า รับกระแสคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 07:31:25 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบยูโรเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0890 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0872 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5341 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5387 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.84 เยน เทียบกับระดับ 123.05 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9512 ฟรังก์ จาก 0.9527 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7724 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7733 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบยูโร ท่ามกลางการปรับตัวดีขึ้นของวิกฤตหนี้กรีซ

 

ยูโรได้รับแรงหนุน หลังจากนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราสของกรีซ ระบุว่าการหารือกับเจ้าหนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายสู่การบรรลุข้อตกลงในเชิงบวก ขณะที่รัฐบาลกรีซเปิดเผยว่ากรีซกำลังเริ่มร่างข้อตกลงกับบรรดาเจ้าหนี้

 

ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังกระเตื้องขึ้น และช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

การปรับตัวของดอลลาร์ยังคงสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงปรับตัวดีขึ้นตามคาด ก็จะมีความเหมาะสมที่จะเริ่มดำเนินการขั้นแรกในการปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปีนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2169730

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสทช.เตือน‘เจ๊ติ๋ม’เบี้ยวจ่ายเจอขึ้นบัญชีดำ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 06:00:00 น.

กสทช.เตือน‘เจ๊ติ๋ม’ เบี้ยวจ่ายเจอขึ้นบัญชีดำ

หมดสิทธิ์หากินจากทีวีดาวเทียม

“กสทช.” เตือน” เจ๊ติ๋ม “ผิดชำระค่าประมูลช่องไทยทีวี-โลก้า งวด 2 เจอเพิกถอนใบอนุญาต ปิดช่องทางทำมาหากิน หมดสิทธิ์ทำทีวีดาวเทียม เหตุขาดคุณสมบัติวิทยุ–โทรทัศน์ ระบุถ้าต้องการยกเลิกทำทีวีดิจิตอลต้องยื่นเรื่องขอเยียวยา มาตามขั้นตอนก่อนห้ามยุติออกอากาศโดยพลการ

 

 

 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ได้จัดประชุมเกี่ยวกับกรณีที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด ได้ยื่นหนังสือแก่ สำนักงาน กสทช. 2 ฉบับ ลงชื่อ นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด

 

แจ้งมายัง กสทช. ระบุว่า ขอเลิกใบอนุญาต และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ หมวดหมู่ข่าวสาร และสาระ ช่องรายการไทยทีวี และฉบับที่สอง ในหมวดหมู่ช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว

 

ช่องรายการโลก้า

นายฐากร กล่าวว่าการทำหนังสือขอเลิกใบอนุญาตดังกล่าวนั้นสำนักงาน กสทช. และทีมงานการออกใบอนุญาตฯ ได้พิจารณาแล้วว่าเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการชำระค่าประมูลทีวีดิจิตอลที่จะคงต้องชำระตามประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล พ.ศ.2556 ตามข้อ 10 ที่ระบุว่า เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง ให้ผู้ชนะการประมูลชำระค่าธรรมเนียมการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามราคาสุดท้ายที่ผู้ชนะการประมูลแต่ละรายเสนอ ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

 

โดยนับจากครบกำหนดชำระค่าประมูลในงวดที่ 2 แล้ว ไทยทีวี จะต้องชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากครบกำหนดการปิดรับชำระหนี้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2558 หากไม่ชำระจะมีผลต่อการเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งการเพิกถอนใบอนุญาตฯ

 

ถือเป็นคุณสมบัติของผู้ประกอบกิจการ หากขาดคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถประกอบกิจการให้บริการใดๆ ได้

 

“ขณะนี้ไทยทีวีโดนเบี้ยปรับที่ผิดนัดชำระหนี้ 7.5% ต่อปี หรือวันละ 60,000 บาท โดย กสทช. สามารถยึดหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน (แบงก์การันตี) ที่ผู้ประกอบการมอบไว้ให้ กสทช. เมื่อครั้งชนะการประมูลทีวีดิจิตอล โดยแบงก์การันตี จะมีมูลค่าเท่ากับเงินเหลือค้างจากค่าประมูลทั้งหมดที่ผู้ประกอบการต้องชำระให้กสทช.ได้” นายฐากร กล่าว

 

เบื้องต้นไทยทีวีต้องชำระทั้ง 2 ช่องรวมทั้งสิ้น 1,634 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

ส่วนประเด็นการขอยกเลิกการประกอบกิจการทีวีดิจิตอล จะต้องปฏิบัติตามประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล พ.ศ.2556 ข้อ 18 ที่ระบุว่า ผู้รับใบอนุญาตแจ้งยกเลิกการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาตฯ และได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดก่อนเลิกกิจการแล้ว โดยผู้รับใบอนุญาตจะต้องทำแผนขอให้มีมาตรการเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดต่อผู้ให้บริการภายหลังการสิ้นสุดการอนุญาตให้ประกอบกิจการตามประกาศนี้ และให้รวมถึงกรณีที่มีการพักหรือหยุดการให้บริการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

 

“หากต้องการยกเลิก จะต้องทำหนังสือขอเยียวยามาที่ กสทช.ก่อนซึ่งเมื่อบอร์ดรับเรื่องแล้วพิจารณาแล้วมีมติให้ยกเลิก ไทยทีวีก็ยังต้องชำระเงินค่าประมูล แต่จะไม่ชำระค่ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) จำนวน 2% ของรายได้รวม”

 

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ไทยทีวีจะต้องทำแผนการยกเลิกการประกอบกิจการทีวีดิจิตอล มาให้แก่สำนักงาน กสทช. เพื่อนำส่งเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) ซึ่งไทยทีวี จะไม่สามารถยุติการออกอากาศ หรือ จอดำ ก่อนที่จะมีการทำแผนมายังกสทช. เนื่องจากการยุติการออกอากาศนั้นจะถือเป็นความผิดตามกฎหมาย

 

“หากยุติการออกอากาศโดยพลการจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตจะติดบัญชีดำ(แบล็กลิสต์) ซึ่งตามคุณสมบัติของผู้ประกอบการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หากถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้วจะไม่สามารถขอใบอนุญาต หรือ ประกอบกิจการการให้บริการทุกประเภทได้ ดังนั้น ไทยทีวีก็จะไม่สามารถให้บริการในกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (ทีวีดาวเทียม หรือ เคเบิลทีวี) ที่ไทยทีวี ช่องมิสทรี”

 

ด้านนายสุชาติ ชมกุล ฝ่ายกฎหมาย ไทยทีวี กล่าวว่า ขณะนี้ไทยทีวี ยังไม่ได้มีการเจรจาใดๆ กับกสทช. ซึ่งไทยทีวี ตนยืนยัน ณ วันนี้(27 พฤษภาคม 2558)ว่าจะไม่ชำระค่างวดที่ 2 จำนวน 1,634 ล้านบาท เนื่องจาก กสทช.ไม่ปฏิบัติตามแผนแม่บท ที่กำหนดไว้ และไม่สามารถแจกคูปองให้แก่ประชาชนทั่วประเทศทั้ง 22 ล้านครัวเรือน ขณะเดียวกันเมื่อบริษัทพิจารณาแล้วไม่ควรมุ่งไปทางนี้เราก็ควรจะหยุด

 

“ส่วนเรื่องการที่กสทช.จะยึดแบงก์การันตีนั้น บริษัทมองว่า กสทช.ไม่มีสิทธิ์ ก่อนการประมูลทีวีดิจิตอลมันคือภาวะปกติ ซึ่งกสทช.ไม่ทำตามแผน ซึ่งถือว่ามันคือภาวะไม่ปกติ”

 

อย่างไรก็ตาม ไทยทีวี ยังยืนยันที่จะทำงาน 100% ยังคงออกอากาศทั้ง 2 ช่อง โดยปัจจุบัน ไทยทีวี มีใบอนุญาตให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (ทีวีดาวเทียม- เคเบิล) ซึ่งประเด็นกรณีหากไม่ชำระค่าประมูลภายใน 15 วันนับจากปิดการชำระหนี้นั้น ฝ่ายกฎหมายจะต้องไปหารือกันอีกครั้งเนื่องจากไม่ทราบเงื่อนไขดังกล่าว

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2169873

 

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังนักลงทุนคลายวิตกหนี้กรีซ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2558 08:24:08 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ หลังจากนายกรัฐมนตรีกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ นอกจากนี้ เงินเยนที่อ่อนค่าเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปีเมื่อเทียบดอลลาร์ ยังช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นให้ทะยานขึ้น

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ 152.47 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,590.28 จุด เพิ่มขึ้น 117.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,741.57 จุด เพิ่มขึ้น 48.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,117.77 จุด เพิ่มขึ้น 10.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,426.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,757.91 จุด เพิ่มขึ้น 2.86 จุด

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2169899

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

(May 27) นับถอยหลังตอกเสาเข็มรถไฟฟ้า5เส้นทาง : คมนาคมเข็นรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง จ่อชงครม.อนุมัติครึ่งปีหลัง วงเงินลงทุนร่วม 3 แสนล้าน ตามด้วยมอเตอร์เวย์อีก 3 เส้นทาง คาดเปิดประมูลต้นปีหน้า ด้าน "ปลัดสร้อยทิพย์" ลุ้นงบปี 2559 วาระ 3 วงเงินกว่า 1.9 แสนล้าน เผยทล./ทช.กินรวบงบสร้างถนนร่วม 1.25 แสนล้าน ค่ายรับเหมาเด้งรับแต่หวั่นขั้นตอนประมูลอืด ส่วนนักวิชาการระบุแค่เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน

เมกะโปรเจ็กต์ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นความหวังสุดท้ายของรัฐบาล "บิ๊กตู่" ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง ล่าสุด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้แถลงถึงแผนการเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทั้งในกทม.และปริมณฑล รถไฟความเร็วสูง ตลอดจนถึงโครงการถนนเชื่อมโยงระหว่างเมืองว่ามีความคืบหน้าไปมาก

อย่างไรก็ดีจากการรวบรวมข้อมูลของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่าโครงการที่มีความพร้อมและรอเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ มีประมาณ 8 โครงการรวมวงเงินลงทุนร่วม 4.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้า 5 เส้นทางมูลค่าการลงทุน 2.97 แสนล้านบาท ได้แก่ 1.สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 ตารางกิโลเมตร วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท 2.สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) 20 กิโลเมตรวงเงิน 1.10 แสนล้านบาท 3.สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) 30.4 กิโลเมตร วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท 4. ส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงค์(พญาไทดอนเมือง) ระยะทาง 21.8 กิโลเมตร วงเงิน 3.1 หมื่นล้านบาท และสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก และบางซื่อ-หัวลำโพง) 25.9 กิโลเมตร วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท ที่คาดว่าจะประมูลก่อสร้างต้นปี 2559 เปิดบริการปี 2563

นอกจากนี้ยังมีโครงการมอเตอร์เวย์ อีก 3 เส้นทาง มูลค่าการลงทุน 1.53 แสนล้านบาท ประกอบด้วยเส้นทางบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 8.4 หมื่นล้านบาท เส้นทางพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท และเส้นทางบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาทที่จะเสนอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีภายในปีนี้ เช่นกัน รวมถึง โครงการรถไฟทางคู่เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่นอีกด้วย

ดันงบลงทุนปี59 เฉียด2 แสนล.

ทางด้านนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เผยถึงการขับเคลื่อนโครงการต่างๆภายใต้งบประมาณประจำปี 2559 ที่ล่าสุดผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)วาระที่ 1 เรียบร้อยแล้วนั้นว่า ภาพรวมกรอบงบประมาณการลงทุนในปีงบประมาณ 2559 เสนอไปรวมทั้งสิ้นกว่า 1.9 แสนล้านบาท สูงกว่างบประมาณปี 2558 ประมาณ 32.31% ที่ได้รับประมาณ 1.44 แสนล้านบาท

ทั้งนี้งบปี 2559 แบ่งเป็นงบลงทุนของส่วนราชการ วงเงิน 1.38 แสนล้านบาท และส่วนรัฐวิสาหกิจ วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท ทั้งยังแบ่งเป็น 1.งบประจำ วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท (14.75%) 2.งบลงทุน วงเงิน 1.36 แสนล้านบาท (71.46%) จัดเป็นงบผูกพัน 3.2 หมื่นล้านบาท และงบใหม่ 1.04 แสนล้านบาท และ 3.งบเพื่อการชำระหนี้เงินกู้อีกวงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท (13.78%)

อย่างไรก็ดีหลังจากผ่านวาระ3 จะต้องเร่งกระบวนการทำงานให้สามารถเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เน้นโครงการที่พร้อมประกวดราคาจริงๆ ดังนั้นในเดือนตุลาคมนี้จะเริ่มมีการเซ็นสัญญาหลายโครงการ ส่วนงบปี 2558 ในช่วงไตรมาส 3 น่าเบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้น ไตรมาส 4 ก็จะไหลลื่นเกิดความต่อเนื่องและมีความเชื่อมโยงของแต่ละโครงการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าว

ทล.-ทช.ผุดโครงการใหม่

ขณะที่นายชูศักดิ์ เกวี อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กล่าวว่า 2559 ทล.เสนอกรอบงบประมาณทั้งสิ้น 9.8 หมื่นล้านบาท ได้รับจัดสรรวาระแรก 7.9 หมื่นล้านบาท จัดเป็นงบรายจ่ายประจำ 6 พันล้านบาท งบรายจ่ายการลงทุน 7.3หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ประมาณ 31.61%

"โครงการใหม่เพิ่มขึ้น 30-40 รายการ ส่งผลให้ภาพรวมการเสนอโครงการปีนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ทล.เร่งจัดทำแบบรองรับไว้แล้วหากงบประมาณชัดเจนเมื่อใดก็จะเร่งดำเนินการจัดหาผู้รับงานต่อไปทันที"

โดยโครงการสำคัญปี 2559 ประกอบไปด้วย โครงข่ายพัฒนาทางหลวง 2 หมื่นล้านบาท บำรุงรักษา 2.6 หมื่นล้านบาท ขยายถนน 4 เลน 5.1พันล้านบาท บูรณะโครงข่ายถนนสายหลักระหว่างภาค 6.2พันล้านบาท สร้างทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ 864 ล้านบาท ก่อสร้างทางหลวงรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษและด่านการค้าชายแดน 1.1พันล้านบาท เป็นต้น

ส่วนนายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท(ทช.) กล่าวว่า ทช.เสนอขออนุมัติงบปี 2559 วงเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยภาพรวมโครงการขนาดใหญ่ยังมี 2-3 โครงการ อาทิ ส่วนต่อขยายถนนราชพฤกษ์ ถนนเชื่อมโยงเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิ ช่วงบ้านโพธิ์-ลาดกระบัง ซึ่งเป็นโครงการที่ลงทุนใหม่ที่จะใช้งบผูกพันไปอีก 2 ปีข้างหน้า

ค่ายรับเหมาห่วงประมูลช้า

ทางด้านนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่างบลงทุนโครงการขนาดใหญ่เราจะเข้าร่วมประมูลทุกงาน เป้าหมายก็จะพยายามให้ได้งานประมาณ 20% ในโครงการที่เข้าร่วมประมูล

"ซิโน-ไทยเราค่อนข้างพร้อมในเรื่องการแข่งขัน และน่าจะมีโอกาสที่ดี ยืนยันว่ากำลังคน เครื่องมือ เครื่องจักร วิธีการก่อสร้างสมัยใหม่ของเราพร้อมมาก ส่วนสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้คือความรวดเร็วในการประมูลของภาครัฐ ที่ต้องออกมารวดเร็ว และยุติธรรมที่สุด ภาครัฐต้องพิจารณาราคากลางอย่างเป็นธรรม การที่มีโครงการออกมาไม่ได้เป็นประโยชน์กับธุรกิจก่อสร้างอย่างเดียว แต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายให้เกิดขึ้นในวงจรด้วย"

นายวรงค์ วงวรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แพร่ธำรงวิทย์ จำกัด กล่าวว่า ส่วนราชการก็ควรต้องเตรียมความพร้อมเรื่องแบบและการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้ดำเนินการได้เร็ว ส่วนการมองโอกาสของผู้รับเหมากรณีปริมาณงานล้นมือในปลายปีนี้หรือไม่นั้นยืนยันว่าถ้าตามแผนในปัจจุบันคิดว่าขีดความสามารถของผู้รับเหมายังน่าจะรับได้อยู่แล้ว

แค่เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน

ด้าน รศ. มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า การเร่งผลักดันเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐในช่วงนี้ มองว่าน่าจะทำให้เกิดความชัดเจนของโครงการมากยิ่งขึ้น ดีกว่าไม่เร่งทำอะไร การกระตุ้น ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็เหมือนสร้างบ้านที่ทำให้เกิดผลต่อเนื่องต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา 2.5 เท่าที่ทั่วโลกใช้กันแต่สำหรับโครงสร้างพื้นฐานจะเหลือ 2 เท่า

"ระยะสั้นคงไม่เห็นอะไรมากและเป็นการเรียกความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องเฝ้าดู Wait&See เนื่องจากต้องรอจังหวะกว่าจะสร้างเสร็จ โดยเฉพาะตัวสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี จึงเห็นการลงทุนตามมา ขณะที่เศรษฐกิจเริ่มเห็นภาพชัด แต่การเมืองเริ่มเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล ซึ่งคนเฝ้าดูว่าปีหน้าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ใครจะมาเป็นรัฐบาลส่วนหนึ่งทำให้การลงทุนหยุดนิ่ง"

Source: ฐานเศรษฐกิจ

 

 

 

 

11014891_998468963505929_4369667485411685382_n.jpg?oh=136f89be39fff26f5cfbe58b8a99cff2&oe=55F7B65C&__gda__=1442266081_3827f03cde3089b1107e721ca6e90448

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...