ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

YLG on เจาะลึกเศรษฐกิจ 11-07-2559

 

คู่หูนักลงทุน 10/07/59 Conditional Order TNN24 ออกอากาศทางทีวีช่อง 16 ชมสดๆได้ที่http://www.tnnthailand.com/player.php เกาะติดข่าวเด่นประจำวันได้ที่ http://...

 

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ประจำวันจันทร์ ที่11 กรกฎาคม 2559

 

 

แกว่งผันผวนหลังตัวเลขภาคการจ้างงานปรับตัวออกมาดีเกินคาด แต่ราคาเริ่มติดแนวต้าน และเกิด Bearish Divergence ทำให้มีโอกาสอ่อนตัวในกรอบ

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,366.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 6.20 ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,335.68 – 1,368.69เช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,366ดอลลาร์

 

ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนในคืนวันศุกร์ก่อนที่จะสามารถปิดบวกได้เล็กน้อย โดยราคาทองคำแกว่งผันผวนจากปัจจัยสำคัญคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าคาดการณ์มากและเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงในช่วงแรกโดยลงไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 1,350 เหรียญ สัปดาห์นี้จับตาการประชุมนโยบายทางการเงินของอังกฤษและอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษที่มีโอกาสปรับตัวลดลง ซึ่งอาจจะช่วยหนุนตลาดสินทรัพย์เสี่ยงและเริ่มมีแรงขายในทองคำได้ เนื่องจากภาพเทคนิคราคาทองคำได้เกิด bearish divergence และราคาติดแนวต้านบริเวณ 1,375 เหรียญ ทำให้ควรระมัดระวังการพักฐานของราคาทองคำ

Strategy : Trading ในกรอบ1,350 – 1,375 เหรียญ หรือรอ follow short เมื่อหลุด 1,350 เหรียญ

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1107201610113633…

___________________________

 

 

 

13439035_1343060802388933_1978264294017312901_n.jpg?oh=3bc660dfef8622dc0a4e5f043cf78cdf&oe=57F420D8

 

 

Technical Commentary

ประจำเช้าวันจันทร์ ที่ 11 กรกฎาคม 2559

ภาพกราฟทางเทคนิค

ราคาทองคำในกราฟราย 240 นาทีราคาปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,375 เหรียญอีกครั้งและได้ส่งสัญญาณ Bearish Divergence ใน MACD และ RSI ทำให้ราคามีโอกาสอ่อนตัวลงในกรอบก่อน

 

Strategy : Trading ในกรอบ1,350 – 1,375 เหรียญ หรือรอ follow short เมื่อหลุด 1,350 เหรียญ

______________________________

Key Point

Positive View( + )

• ความต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนผันผวนแรง

• ธ.กลางจีนและรัสเซียเพิ่มการถือครองทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น

Negative View( - )

• เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

______________________________

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

• ความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์

• การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

• การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ

• การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางจีนและรัสเซีย

• การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจีน

______________________________

 

 

 

 

13592345_1343062572388756_7945942032442535275_n.jpg?oh=8ffa08a295126b07169e7cab5521c668&oe=583479DE

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ SET50 Index Future By GT Wealth Management 11 ก.ค.59 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2559 10:15:47 น.

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 มีการฟื้นตัวขึ้นมาใน่ชวงบ่าย หลังจากที่ย่อตัวลงไปในช่วงก่อนหน้า แต่ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังจากที่ยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ขณะที่วันนี้ดัชนีมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อ แม้ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯจะออกมาดีกว่าที่คาด แต่นักลงทุนยังคงกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจากประเด็น Brexit ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้อยู่ที่ GDP ไตรมาส 2 ของจีนและตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.14 บาทต่อดอลลาร์

 

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่าดัชนี SET 50 ยังมีแนวโน้มเป็นเชิงลบรวมทั้งประเด็น Brexit ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงถูกกดดัน โดยในระยะถัดไปดัชนีมีโอกาสทำ Technical Rebound แต่แนวโน้มยังเป็นเชิงลบ ทางเทคนิค แนวรับสำคัญ 900 จุด แนวต้านสำคัญ 930 จุด

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2461550

 

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 11 ก.ค. 59 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2559 10:15:14 น.

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำมีการย่อมีการฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง โดยปรับตัวขึ้น US$6.20 ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ระดับUS$1,366.40 ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำมีการย่อตัวลงมาในช่วงแรกจากการที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นมาดีกว่าทึ่คาด ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง จากภาวะเศรษฐกิจโลกและภาวะตลาดเงินที่ยังกังววลต่อผลกระทบของผลประชามติของสหราชอาฯจักรที่สนับสนุนให้ออกจากกลุ่มอียู ซึ่งหนุนสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้อยู่ที่ GDP ไตรมาส 2 ของจีนและตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.14 บาทต่อดอลลาร์ SPDR รายงานการถือครองทองคำที่ 981.26 ตัน เพิ่มขึ้น 2.97 ตัน

 

 

 

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวบริเวณ US$1,370 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2559 (GFQ16) ราคาเปิดใกล้ระดับ 22,700 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ประเด็น Brexit ยังคงมีผลอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ยังคงสร้างความกังวลต่อนักลงทุน โดยระยะถัดไป ยังต้องตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายของ FED ทางเทคนิค แนวรับสำคัญ US$1,338 แนวต้านสำคัญ US$1,400

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2461547

 

(เพิ่มเติม) ดัชนี SET ภาคเช้าบวก 10 จุดตามตลาด ตปท.ตอบรับตัวเลขจ้างงานฯของสหรัฐแกร่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2559 10:18:18 น.

ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการเช้านี้อย่างสดใสบวกไปแล้วกว่า 10 จุด โดยระหว่างเทรดขึ้นทำจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 1,467.55 จุด ซึ่งทิศทางตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามตลาดต่างประเทศที่ตอบรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าคาดมาก ทำให้คลายกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม แต่เชื่อว่าจะเป็นผลบวกต่อ sentiment การลงทุนในระยะสั้น

 

 

 

เมื่อเวลา 10.05 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,466.42 จุด เพิ่มขึ้น 10.77 จุด (+0.74%)

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.16 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,465.67 จุด เพิ่มขึ้น 10.02 จุด (+0.69%)

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด เป็นไปตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากตัวเลขการจ้างานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาดี ทำให้การลงทุนปรับตัวขึ้นตามเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

 

แต่ทั้งนี้มองว่าอาจเป็น Sentiment ในระยะสั้น ซึ่งจะต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจจากหลาย ๆ ที่ด้วย อีกทั้งถ้าหากมีเรื่องที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอีก ก็จะมีผลกระทบในแง่ Negative ต่อตลาดฯได้

 

ทั้งนี้ เช้านี้ ดัชนีฯได้ขึ้นมาทำจุดสูงสุด (High) ในรอบปีนี้ที่ระดับ 1,467.55 จุด พร้อมให้แนวรับ 1,450 จุด ส่วนแนวต้าน 1,475 จุด

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2461561

 

 

บทวิเคราะห์ Smart Stock ประจำเช้าวันจันทร์ ที่ 11 กรกฎาคม 2559

หุ้นไทยแกว่งแคบลงรอปัจจัยใหม่ในสัปดาห์นี้ ต้นสัปดาห์ดูทิศทางระวังการ breakout โอกาส new high มีพอ ๆ กับอ่อนตัว ทั้งนี้ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 จะสร้างความผันผวนเล็ก ๆ ให้กับดัชนี โดยการผ่านขึ้นเหนือ 920 จุด จะเป็นสัญญาณบวก

ดัชนี SET50 แกว่งแคบลงในกรอบสามเหลี่ยม ส่วน MACD กับ RSI พยายามตั้งหลัก จึงต้องดูความเคลื่อนไหวในช่วงต้นสัปดาห์

 

Strategy : trading ในกรอบ แต่ถ้าหลุด 900 จุด ควรลดพอร์ต

Range : 870 – 930

Resistant : 921 / 927

Support : 911 / 905

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1107201694937332…

___________________________

 

 

 

13614975_1343063739055306_1374242537671843823_n.jpg?oh=6b8ca06d17ca9610fd120ce652417a9e&oe=57F007EE

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โชคดี อยู่ดี มีสุข เพื่อนๆ พี่น้องทุกท่าน

 

HSHsocial

 

 

ทีนิวส์ออนไลน์

 

กฤษฎีกายัน ‘นายกฯ’ มีอำนาจทบทวนนาม ‘สมเด็จพระสังฆราช’ ได้ หากเห็นว่ายังไม่เหมาะสม-มีคดีค้างอยู่ ชี้ไม่ใช่แค่บุรุษไปรษณีย์ไว้ทูลเกล้าฯอย่างเดียว เผย‘สุวพันธ์’ ไม่ยอมแถลงให้เคลียร์

http://www.isranews.org/isranews-news/item/48373-bigtu_85297.html

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

12-Jul-2016

ราคาทองวันนี้

- ทองสมาคมวานนี้ 22550/22650

- SPDR 981.26ตัน/ คงที่

- SPDR Netปีนี้ 981.26ตัน/Netซื้อ337.70ตัน (+ทอง)

 

เช้านี้...

- Gold Spot 1355

- Dollar96.55/ยูโร1.1054/บาท35.13

ติดตามบทวิเคราะห์...คลิกLink ด้านล่าง

- บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/29wQKMx

- คลิปราคาทอง1นาที

http://bit.ly/ausiris_youtube

- ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/ausiris_goldprice

 

 

 

 

13680684_1224025100961356_8647690375355028299_n.png?oh=e61be71f725748dc0baa2f326eba587c&oe=58296CCB

 

วันพุธนี้ สหราชอาณาจักร จะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นผู้หญิงอีกครั้งหลังจากที่มี มาร์กาเรต แทชเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก

เพราะหลังจาก เดวิด คาเมรอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังแพ้ผลโหวตประชามติให้นำบริเตนออกจากอียู นางเทเรซา เมย์ ก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำพรรค Conservative Party อย่างรวดเร็ว และจะเป็นนายกรัฐมนตรีในวันพุธนี้ ซึ่งเดวิด คาเมรอน จะกราบบังคมทูล ควีนอลิซาเบธ เพื่อลาออกจากตำแหน่ง

การจะรับตำแหน่งนายกฯ ของ เทเรซา เมย์ แม้จะไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับประเทศแห่งนี้ เพราะในรอบ 1 ศตวรรษ บริเตนมีนายกฯ 24 คน โดย 12 คนหรือครึ่งหนึ่ง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รวมถึง วินสตัน เชอร์ชิล ที่เลื่องชื่อด้วย

 

เทเรซา เมย์ ประกาศว่า เธอจะร่วมสร้างบริเตนใหม่ที่ดีกว่าวันนี้ และจะทำให้ Brexit ประสบความสำเร็จ (ตามเจตนารมย์ของเสียงส่วนใหญ่ แม้เธอจะไม่ได้อยู่ข้าง Brexit ก็ตาม)

หากไม่มีอะไรขัดขวาง ซี่งไม่น่าจะมี บริเตนก็จะกลับไปเป็น 1 ประเทศที่มี 2 นางพญา เหมือนยุคที่มีมาร์กาเรต แทชเชอร์ เป็นนายกฯ โดยยังมีควีนพระองค์เดิมทั้งสองยุค

วรวรรณ ธาราภูมิ

CEO กองทุนบัวหลวง

12 กรกฎาคม 2559

 

13612119_10209243186663951_7215075854254445784_n.jpg?oh=72153d5ec8ca0b9640fb4cf11ea6de9e&oe=57E8C423

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 07:58:48 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ก.ค. 2559

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังจากพรรครัฐบาลสามารถชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,226.93 จุด เพิ่มขึ้น 80.19 จุด หรือ +0.44% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,988.64 จุด เพิ่มขึ้น 31.88 จุด หรือ +0.64% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,137.16 จุด เพิ่มขึ้น 7.26 จุด หรือ +0.34%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางของประเทศชั้นนำทั่วโลกอาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงธนาคารกลางจีนและอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 1.6% ปิดที่ 332.72 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,264.53 จุด เพิ่มขึ้น 73.85 จุด หรือ +1.76% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,833.41 จุด พุ่งขึ้น 203.75 จุด หรือ +2.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,682.86 จุด เพิ่มขึ้น 92.22 จุด หรือ +1.40%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนคืนนี้ (11 ก.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษระบุว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันพุธนี้ เพื่อปูทางให้นางเทเรซา เมย์ รมว.มหาดไทยอังกฤษ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สืบต่อจากเขา

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 92.22 จุด หรือ 1.40% แตะที่ 6,682.86 จุด

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการนั้น ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,356.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 20.50 เซนต์ หรือ 1.02% ปิดที่ 20.304 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 7.90 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,108.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8.65 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 625.75 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังจากมีรายงานว่า ไนจีเรียและซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน และรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ซึ่งระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 44.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 51 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการกระตุ้นเศษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากที่พรรคแกนนำรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1058 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1043 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2997 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2953 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.7534 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7568 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 102.79 เยน จากระดับ 100.54 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9825 ฟรังก์ จากระดับ 0.9834 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3120 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3047 ดอลลาร์แคนาดา

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,226.93 จุด เพิ่มขึ้น 80.19 จุด, +0.44%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,988.64 จุด เพิ่มขึ้น 31.88 จุด, +0.64%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,137.16 จุด เพิ่มขึ้น 7.26 จุด, +0.34%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,264.53 จุด เพิ่มขึ้น 73.85 จุด, +1.76%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,833.41 จุด เพิ่มขึ้น 203.75 จุด, +2.12%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,682.86 จุด เพิ่มขึ้น 92.22 จุด, +1.40%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,626.69 จุด เพิ่มขึ้น 499.79 จุด, +1.84%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,653.87 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด, +0.57%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,876.14 จุด เพิ่มขึ้น 29.10 จุด, +1.02%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,069.02 จุด เพิ่มขึ้น 97.44 จุด, +1.96%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,880.50 จุด เพิ่มขึ้น 316.33 จุด, +1.54%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,865.27 จุด เพิ่มขึ้น 93.75 จุด, +1.21%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,994.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.82 จุด, +0.23%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,337.10 จุด เพิ่มขึ้น 106.60 จุด, +2.04%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,417.50 จุด เพิ่มขึ้น 101.90 จุด, +1.92%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,988.54 จุด เพิ่มขึ้น 25.44 จุด, +1.30%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,708.82 จุด เพิ่มขึ้น 601.84 จุด, +3.98%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,786.47 จุด เพิ่มขึ้น 145.56 จุด, +1.68%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2462190

 

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.18 อ่อนค่าจากวานนี้ คาดระหว่างวันแกว่งแคบรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 09:25:21 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.18 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า

 

 

 

จากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ 35.12/14 บาท/ดอลลาร์

"เปิดตลาดเช้านี้บาทอ่อนค่าจากช่วงเย็นวานนี้ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวในลักษณะผสมผสาน ตลาดยังรอดูปัจจัย

 

ใหม่เข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 35.10-35.20 บาท/ดอลลาร์

 

"ทิศทางบาทวันนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ เพราะหลังจากประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรฯ ของสหรัฐไปแล้วก็ยัง

 

ไม่มีปัจจัยใหม่ที่สำคัญเข้ามา" นักบริหารเงินฯ กล่าว

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.10 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 102.26/29 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1055 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1029/1035 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1140 บาท/

 

ดอลลาร์

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อกลุ่มงานดูแลเสถียรภาพทางการเงิน (Financial

 

Stability) เพื่อติดตามดูผลกระทบจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในภาคส่วนต่างๆ ในระยะต่อไป ที่มี

 

ความไม่แน่นอนมากขึ้น เป็นการเตรียมตัวและสร้างภูมิคุ้มกันให้นโยบายการเงิน และรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคต ไม่ให้มีจุดอ่อนไหวที่

 

อาจกระจายอยู่ในภาคเศรษฐกิจต่างๆ และอาจสะสมความเปราะบาง ถือเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยง ป้องกันไม่

 

ให้ปัญหาที่เกิดขึ้นลามเป็นลูกโซ่

- ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) วานนี้ ได้พิจารณาโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ

 

รวม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะสมุย และเกาะเต่า ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

 

โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และ โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วง

 

บางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

 

- สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจปีหน้ามีโอกาสเติบโตได้ 4-5% ตามที่ รมว.คลังคาดหวังไว้

 

จาก 2 ปัจจัย คือ การลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะทำให้เกิด ปัจจัยที่สอง คือ การลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะ

 

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) มาช่วยขับเคลื่อนหลังจากหดตัวต่อเนื่อง

- บอร์ด ททท.กังวลการเมืองไม่นิ่งหลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจซึมยาว สั่งหั่นเป้ารายได้ใน ปท.ไม่ถึง 1 ล้านล้าน แค่

 

9.5 แสนล้าน โบรกฯประสานเสียงห่วงการเมืองเขย่าหุ้น แต่ต่างชาติเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้น โยกเงินลงทุนแล้ว 6.7 แสนล้าน ลุ้น

 

สิ้นปีดัชนีแตะ 1,550 จุด

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าททท.ได้มีการกำหนดเป้าหมายรายได้รวมของการท่องเที่ยวปี

 

2560 ไว้ที่ประมาณ2.89 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ1.87 ล้านล้านบาท ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท ซึ่ง

 

ตลาดต่างประเทศนั้น มีการแบ่งเป้าหมายเป็นรายภูมิภาค โดยตลาดยุโรปตั้งเป้าหมายทำรายได้ในสัดส่วน 35% เอเชีย 65%

 

- บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานว่า การลงประชามติของสหราชอาณาจักรที่

 

ต้องการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิตนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของประเทศในเอเชียแปซิฟิกมากนัก โดย

 

เฉพาะในแง่ของการค้า แต่จะกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนและประเทศที่พึ่งพาเงินทุนไหลเข้ามากกว่า

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และตลาดหุ้นสหรัฐ

 

ที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการนั้น ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX

 

(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,356.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยว

 

กับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังจากมีรายงานว่า ไนจีเรียและซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)

 

ได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน และรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ซึ่งระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นใน

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 44.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญา

 

น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 51 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่อง

 

จากนักลงทุนคาดว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการกระตุ้นเศษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากที่พรรคแกนนำรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของ

 

ญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา โดยเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1058 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1043

 

ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 102.79 เยน จากระดับ 100.54 เยน

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

 

ส่งความเห็นถึงผู้สื่อข่าว

Facebook

Twitter

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบเยน รับคาดการณ์ญี่ปุ่นเดินหน้ากระตุ้นศก.

ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทปิด 35.12/14 แนวโน้มพรุ่งนี้ Sideway ในกรอบ 35.05-35.20

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.18/20 แนวโน้มแข็งค่า มองกรอบวันนี้ 35.00-35.30

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.18/20 แนวโน้มแข็งค่า มองกรอบวันนี้ 35.00-35.30

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เงินบาทเปิดตลาด ค่าเงิน เคลื่อนไหว ดอลลาร์ ตลาดเงิน

 

ข่าวเศรษฐกิจ อังคารที่ 12 ก.ค. 2016ข่าวเศรษฐกิจล่าสุด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจล่าสุด

กรมธุรกิจพลังงาน ปรับลดผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลจาก B7เป็น B5 ชั่วคราว เริ่ม 25 ก.ค.หลังปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดน้อย

ราคาทองคำแท่งวันนี้บาทละ 22,600.00 บาท

ภาวะตลาดทองแดงนิวยอร์ก: ทองแดงปิดพุ่ง 1.3% ขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐแกร่ง

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT: ธัญพืชปิดลบ ตลาดจับตารายงาน USDA

(เพิ่มเติม) ECONOMIC FOCUS: ปฏิทินประจำเดือน ก.ค.

ราคาน้ำมันในเขตกทม.(Retail Oil Prices) ณ.วันที่ 12 ก.ค. 2559

ปฏิทินข่าวธุรกิจประจำวันนี้(12 กรกฎาคม 2559)

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $1.80 เหตุดอลล์แข็ง,หุ้นพุ่งกดดันนักลงทุนขายทอง

--ปตท.ประกาศราคาก๊าซ NGV วันนี้ (12 ก.ค.59) เท่ากับ 12.55 บาท/กิโลกรัม

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 65 เซนต์ วิตกภาวะอุปทานล้นตลาด

ประธานรมว.คลังยูโรโซนยันไม่แก้กฎข้อบังคับ EU เพื่ออุ้มแบงก์อิตาลี

ยุโรปตั้งกองทุนอัดฉีดสภาพคล่องธุรกิจเกิดใหม่,โครงการพัฒนาในเขตเมือง

ข่าวเศรษฐกิจล่าสุด »

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2462449

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นดีดขึ้นต่อ เล็งปัจจัยนอกปท.หนุนจากความคาดหวังจะมีมาตรการกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 09:07:35 น.

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อเนื่อง หลังมีปัจจัยนอกประเทศช่วยหนุน โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย คล้ายกับดาวโจนส์ และตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นกัน

จากความคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยเฉพาะญี่ปุ่น มีความคาดหวังว่าจะมีมาตรการออกมาเพิ่มภายหลังจากที่พรรคแกนนำรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และโดยรวมเงินเยนก็อ่อนค่าด้วย

นอกจากนี้ ยังมองกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. ส่วนในประเทศก็ได้แรงหนุนจากการ Preview งบการเงินของบริษัทจดทะเบียน

พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

 

ประธานรมว.คลังยูโรโซนยันไม่แก้กฎข้อบังคับ EU เพื่ออุ้มแบงก์อิตาลี

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 02:28:55 น.

นายเจโรน ดิจเซลโบลม ประธานรมว.คลังยูโรโซน กล่าวยืนยันในวันนี้ว่า จะไม่มีการแก้ไขกฎข้อบังคับของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการกอบกู้สถานะทางการเงินของธนาคารอิตาลี

 

ทั้งนี้ EU มีกฎระเบียบในการห้ามนำเงินภาษีอากรของประชาชนไปช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาทางการเงิน

 

นายดิจเซลโบลมระบุว่าธนาคารอิตาลีมีปัญหาเกี่ยวกับเงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แต่เขายืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขกฎระเบียบเหล่านี้เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อธนาคารอิตาลี

 

 

 

ธนาคารอิตาลีมี NPL มูลค่าราว 3.6 แสนล้านยูโร (4 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่อิตาลีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป ดังนั้น หากเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ขึ้น ก็จะส่งผลกระทบมากกว่าวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์จากกรีซ

 

อย่างไรก็ดี นายดิจเซลโบลมกล่าวว่า ปัญหาทางการเงินของธนาคารอิตาลียังไม่ถือเป็นวิกฤตที่รุนแรง

 

นายดิจเซลโบลมกล่าวก่อนการประชุมรมว.คลังของกลุ่มยูโรโซนในวันนี้ โดยระบุว่า ธนาคารอิตาลีประสบปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด

 

เขากล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวจะต้องมีการแก้ไขอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทางด้านนายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี กำลังมองหาทางในการกอบกู้ธนาคารอิตาลี อย่างไรก็ดี ความช่วยเหลือธนาคารด้วยการใช้เงินภาษีอากรของประชาชนจะถือเป็นการทำผิดกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (EU)

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2462053

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

(Jul 12) ปัญหาหนี้ครัวเรือนสนิมกัดเซาะเศรษฐกิจไทย: เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่รายงานนโยบายการเงินไตรมาส 2 ปี 2559 ซึ่งมีบางประเด็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ความสนใจ มีการติดตามใกล้ชิดมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กระทบต่อความสามารถในการ ชำระหนี้ และพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า (Search for Yield) มีมากขึ้น จากการที่ดอกเบี้ยต่ำมานาน และอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะต่อไป

ปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น กนง.เริ่มแสดงความกังวลตั้งแต่รายงานนโยบายการเงินไตรมาส 2 ปี 2558 ว่าจะกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ แต่ในรายงานไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 ปี 2558 กนง.เริ่มกล่าวถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่อาจจะ "ลดลง" ของครัวเรือนที่มีหนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต่ำกระทบต่อรายได้ครัวเรือน

ขณะที่รายงานในไตรมาส 2 ปีนี้ กนง. ระบุว่า ความสามารถในการชำระหนี้ของ ครัวเรือน "ด้อยลง" จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และหนี้ที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้

โดยความสามารถในการชำระหนี้ที่ "ด้อยลง" นั้น มาจากรายได้ของครัวเรือนในภาคเกษตรที่ยังมีแนวโน้มลดลงจากราคาสินค้าเกษตร ที่ตกต่ำและภาวะภัยแล้ง ประกอบกับระดับ หนี้ครัวเรือนที่เร่งตัวมากในช่วงก่อนหน้า ภาวะดังกล่าวสะท้อนจาก NPL Ratio ของ สินเชื่ออุปโภคบริโภคในระบบธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2559 ที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.58% โดยเฉพาะการด้อยลงของคุณภาพ สินเชื่อบัตรเครดิต

นอกจากนี้ จากข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (Socio- Economic Survey : SES) พบว่า ครัวเรือนกลุ่มเกษตรกรมีความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้มากกว่าครัวเรือนกลุ่มอาชีพอื่น เห็นได้จากสัดส่วนภาระในการชำระหนี้ต่อรายได้เฉลี่ย ต่อเดือน (Debt Service Ratio : DSR) ที่อยู่ในระดับสูง และหากแบ่งครัวเรือนตามระดับรายได้ออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน พบว่าครัวเรือนกลุ่มที่มีรายได้น้อยที่สุดและกลุ่มที่มีรายได้สูงที่สุดมีสัดส่วนหนี้สินต่อรายได้เฉลี่ยรายปีใกล้เคียงกัน แต่เมื่อพิจารณาสัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ทางการเงิน (Debt to Financial Asset Ratio) ที่สะท้อนระดับหนี้สินควบคู่ กับสภาพคล่องของครัวเรือน พบว่าครัวเรือน รายได้น้อยเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีหนี้อยู่ในระดับสูง ขณะที่มีสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับครัวเรือนกลุ่มอื่นๆ

ในระยะต่อไป กนง.ยังต้องติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผลของมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ รวมถึงการเพาะปลูก และการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรหลังฝน กลับมาตกตามฤดูกาล ว่าจะส่งผลบวกต่อ รายได้ สภาพคล่อง ความสามารถในการชำระหนี้ รวมทั้งการบริโภคของภาคครัวเรือนใน ระยะต่อไปมากน้อยเพียงใด ภายใต้ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และยังจำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้นในช่วงภัยแล้งที่ผ่านมา

ไม่เพียงแต่ภาคครัวเรือน แต่ ธปท.ยังติดตามความเสี่ยงของธุรกิจบางกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่อาจมีสายป่านเงินทุนที่สั้นกว่า โดยหากแบ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกเป็น 5 กลุ่มตามขนาดสินทรัพย์ พบว่าบริษัทบางส่วนในกลุ่มขนาดเล็กสองกลุ่มแรกอาจประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง ซึ่งหากใช้บริษัทในกลุ่มขนาดเล็กนี้ เป็นตัวแทนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ อาจสะท้อนได้ว่าความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจเอสเอ็มอีมีแนวโน้มด้อยลงสอดคล้องกับ NPL Ratio ของธุรกิจเอสเอ็มอี ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2559 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ในส่วนพฤติกรรม Search for Yield ที่กนง. ติดตามมาตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้ แต่ขณะนั้นยังเป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนบางส่วนเริ่มไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น ลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใน ระดับต่า

แต่ในไตรมาส 2 ปีนี้ นอกจากการลงทุนในหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Non-rated Bonds) มากขึ้นแล้ว ยังมีเงินฝากและทุนของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์อีกด้วย สาเหตุสำคัญเพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินปันผลเฉลี่ยของสหกรณ์ออมทรัพย์สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์

แต่ที่น่าสังเกตคือ สหกรณ์ที่ได้รับเงินทุนเพิ่มขึ้นก็มีพฤติกรรม Search for Yield เช่นกัน เห็นได้จากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินลงทุนทั้งในตราสารหนี้และตราสารทุนที่ความเสี่ยงสูงขึ้น ทำให้อัตราการขยายตัวของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งสองประเภทเร่งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แม้ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบขนาดสินทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหมดก็ตาม

ทั้งนี้ กนง.เห็นว่าต้องติดตามประเด็น การประเมินความเสี่ยงที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (Underpricing of Risks) ทั้งพฤติกรรมของ นักลงทุนข้างต้น และพฤติกรรมของสถาบันการเงินที่อาจแข่งขันกันปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น และกระจุกตัวอยู่ในบาง ธุรกิจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการสะสมความเปราะบางในระบบการเงินได้ แม้ในปัจจุบันจะไม่เห็นสัญญาณ Underpricing of Risks ในวงกว้าง แต่คณะกรรมการจะติดตามพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างใกล้ชิด

ทีมข่าวการเงินโพสต์ทูเดย์

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

See translation

 

 

 

 

13615268_1244844018868421_3043779519429960651_n.jpg?oh=b8735e60f0fa47999a475a086347a0c0&oe=57EFB92E

 

(Jul 12) ธปท.เผยมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเดือน พ.ค.59 โตจาก เม.ย. : ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ของ ธปท. พบว่า มูลค่าการใช้บัตรพลาสติกในเดือนพ.ค.59 ทั้งในส่วนของบัตร ATM, บัตรเดบิต และบัตรเครดิต รวมทั้งสิ้น 1.21 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5 หมื่นล้านบาท จากในเดือน เม.ย.59 ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.14 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ประเภทของบัตรพลาสติกที่มีมูลค่าการใช้เพื่อการชำระเงินสูงสุดในเดือน พ.ค.59 คือ บัตรเดบิต มีมูลค่าการใช้ 9.3 แสนล้านบาท แยกเป็น การใช้เพื่อถอนเงินสด 5.52 แสนล้านบาท การใช้เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ณ จุดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท และเพื่อวัตถุประสงค์อื่น 3.65 แสนล้านบาท

 

รองลงมาคือ บัตรเครดิต มีมูลค่าการใช้ 1.47 แสนล้านบาท แยกเป็นการใช้เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ณ จุดขาย 1.15 แสนล้านบาท และเพื่อวัตถุประสงค์อื่น 3.2 หมื่นล้านบาท และสุดท้ายบัตร ATM มีมูลค่าการใช้ 1.35 แสนล้านบาท แยกเป็น การใช้เพื่อถอนเงินสด 9.8 หมื่นล้านบาท และเพื่อวัตถุประสงค์อื่น 3.7 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ในเดือน พ.ค.59 มีจำนวนบัตรพลาสติกรวมทั้งสิ้น 82,649,267 ใบ แยกเป็น บัตรเครดิต 22,438,850 ใบ, บัตร ATM 12,663,844 ใบ และบัตรเดบิต 47,546,573 ใบ

Source:-อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร

 

คลิกดูข้อมูลสถิติ เรื่อง มูลค่าการใช้บัตรพลาสติกเพื่อการชำระเงิน จาก ธปท.http://www2.bot.or.th/statistics/BOTWEBSTAT.aspx…

-

 

(Jul 12) รมว.คลังอังกฤษเรียกร้องนักลงทุนสหรัฐเดินหน้าลงทุนในอังกฤษแม้จะแยกตัวจาก EU: นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษเดินสายเยือนนักลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐในวันนี้ เล็งเรียกร้องให้นักลงทุนสหรัฐนำเงินมาลงทุนในอังกฤษอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อังกฤษมีมติถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU)

นายออสบอร์นกล่าวว่า ถึงแม้ว่าการตัดสินใจแยกตัวจาก EU จะส่งผลให้อังกฤษต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆทางเศรษฐกิจ แต่อังกฤษก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนที่ดีที่สุด

 

นายออสบอร์นกล่าวถึงข้อเรียกร้องดังกล่าวก่อนที่จะประชุมร่วมกับนักลงทุนจากวอลล์สตรีทในนิวยอร์กในวันนี้ โดยระบุว่า เขาต้องการเพิ่มความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก พร้อมกับเสริมว่า ทั้งอังกฤษและสหรัฐต่างก็เป็นนักลงทุนต่างประเทศรายใหญ่ซึ่งกันและกัน

 

ทั้งนี้ เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปีภายหลังการลงประชามติของอังกฤษ ในขณะที่นักลงทุนได้รับคำเตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก จะเผชิญกับความไม่แน่นอนในทุกๆด้านเป็นเวลาต่อไปอีกหลายปี

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/สุนิตา

http://www.dailymail.co.uk/…/Brexit-bring-closer-trading-ti…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Technical Commentary SET50 Index Futures

ประจำเช้าวันอังคาร ที่ 12 กรกฎาคม 2559

S50U16

สัญญาล่วงหน้าดัชนี S50U16 โดดขึ้นเหนือแนวต้านระยะสั้น ทำให้ 910 จุด กลายเป็นแนวรับที่ไม่ควรหลุดเพื่อรักษาทิศทางการแกว่งขึ้นไปทดสอบกรอบบนของ channel แต่ MACD ที่อ่อนแรง และ RSI ที่ไม่เข้าเขต overbought ทำให้การปรับขึ้นต้องระวังแรงขาย

 

Strategy : trading long รอบสั้น

_________________

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

- การซื้อต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติตามกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่

- การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2

______________________________

ข่าวในประเทศ

- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือน ข้างหน้า (ก.ย. 2559) อยู่ที่ 104.46 แม้จะอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว 5 เดือนติดต่อกัน แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.75% จากการสำรวจเมื่อครั้งก่อน ต่างชาติมองศก.ไทยเริ่มฟื้นตัว

- หอการค้าญี่ปุ่นยืนยันพร้อมขยายการค้าการลงทุนกับไทย แนะเร่งพัฒนาบุคลากรรองรับการเติบโต

- TISCO และบ.ย่อย ไตรมาส 2/59 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.208 พันลบ. จาก 1.004 พันลบ. ในปีก่อน รวมครึ่งปีกำไร 2.463 พันลบ.

______________________________

สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold

ทองคำแท่ง : 02-6180888

Gold Futures : 02-6180808

เว็บไซต์ : www.classicgold.co.th

 

 

 

แนวรับ แนวต้านประจำเช้าวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559

ให้เพื่อนๆ ติดตามมาแล้วค่ะ

ติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับทองคำและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ที่

www.classicgoldfutures.co.th

__________________________

สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold

ทองคำแท่ง : 02-6180888

Gold Futures : 02-6180808

เว็บไซต์ : www.classicgold.co.th

 

 

 

13627123_1343764588985221_1126153948159177938_n.jpg?oh=bd224d8b04866aa9fe4d3790edf43ce4&oe=58369522

 

 

 

 

13606913_1343759665652380_8450146336376579694_n.jpg?oh=4bc6f6259a9de0036a2b2d4d34608161&oe=57F5FDD1

 

 

บทวิเคราะห์ Smart Stock ประจำเช้าวันอังคาร ที่ 12 กรกฎาคม 2559

ระยะสั้น 910 จุด เปลี่ยนจากแนวต้านเป็นแนวรับ แต่การปรับขึ้นดูอ่อนแรง ให้ดูแรงขายในช่วงสั้นด้วย ทั้งนี้ กลุ่มธนาคารเริ่มรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 และรอบครึ่งปีแล้ว แนะดูสัญญาณหนี้เสียกับการตั้งสำรองเพื่อคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง

ดัชนี SET50 โดดขึ้นเหนือแนวต้านระยะสั้น MACD ชะลอเล็กน้อย แต่มีแนวโน้มจะไปต่อ แต่ RSI อ่อนตัวก่อนเข้าเขต overbought ทำให้การปรับขึ้นต้องระวังแรงขาย

 

Strategy : เก็งกำไรรอบสั้น

Range : 870 – 930

Resistant : 933 / 939

Support : 920 / 916

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1207201691911333…

___________________________

สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold

ทองคำแท่ง : 02-6180888

Gold Futures : 02-6180808

เว็บไซต์ : www.classicgold.co.th

 

 

 

13612104_1343759062319107_5881517901400228948_n.jpg?oh=571f23562b14e49fbf1b2e34eddb92a4&oe=5834C621

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองดูเป็นลบกว่าเช้าวันจันทร์ทันทีที่ลงแตะถึงระดับ 1350 เนื่องจาก height ของ Pattern มันสูงพอเข้าข่ายของการเป็น Reversal Pattern

มีปัญหาอยู่ตรงจุดคอนเฟิร์มพ้อยท์ของการกลับตัวเนื่องจากตลาดทำทรงกราฟไม่สวยนักจึงขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ 1350 หรือ 1335 เป็นจุดยืนยันสัญญาณ Dievergence ที่ปรากฏขึ้นจนถึงระดับ H4

ถ้าให้เลือก ย่อตัวลงต่ำกว่า 1350 เอสตามมาดู 1335 1342 ก่อนค่อยว่ากันว่าจะลงไป 1320 1325 หรือเปล่าอีกที

แนวรับบริเวณ 1325 1328 ถือเป็นจุดที่เป็นเป้าการลงหลักอาจปิดเอสที่ตรงนี้ส่วนจะซื้อต้องรอให้มีสัญญาณซื้อค่อยซื้อ

ในทางกลับกันถ้าฟื้นตัวเกิน 1360 1362 ได้จะดูดีขึ้นและทรงระยะสั้นไม่เป็น Descending ซึ่งถ้ากลับมาเรียงตัวใกล้ 1375 ค่อยกลับมามองจังหวะซื้ออีกที

12/7/59

@Wealthstation

13627064_1110112049027269_4600824127465900875_n.png?oh=e1f206f2a00d1a07b5ba149c5ae3c79a&oe=57FB1B3A

13645114_1110112045693936_2315508118521361084_n.png?oh=e492ae3301a5fee2bcdc4ceaaaf73418&oe=57FC9422

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มุมมองภาคบ่าย 12-07-2559

Ylg Bullion

สามารถติดตามข่าวสารต่างๆของทาง บริษัท MTS GOLD GROUP ได้ในช่องทางด้านล่างนี้ หรือ ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-770-7777 ในวันและเวลาทำการ ---------------------------..

YLG บทวิเคราะห์ราคาทองคำประจำวัน 12-07-16

 

 

 

ทีนิวส์ออนไลน์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLGResearch

 

 

Ylg Bullion

 

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

 

 

FoodTravelTVChannel

 

 

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.12 แข็งค่าจากช่วงเช้า จับตาประชุม BoE-รายงานภาวะเศรษฐกิจของเฟด กลางสัปดาห์นี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 17:40:27 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.12 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า

 

 

 

จากเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.18 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 35.12-35.18 บาท/ดอลลาร์

 

"วันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ หลังเปิดตลาดบาททยอยแข็งค่าลงมาอยู่ 35.12/13 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ตลาดรอดูการแสดงความคิดเห็นของกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ

 

(BoE) ซึ่งคาดการณ์ว่า BoE อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% หรือเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลาย

 

เชิงปริมาณ (QE) เพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่วนประเด็นเรื่อง

 

วิกฤตการณ์ทางการเงินในอิตาลี และคำตัดสินของศาลโลกกรณีทะเลจีนใต้ยังไม่ส่งผลกระทบ

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 35.10-35.25 บาท/ดอลลาร์

 

"บาทน่าจะแกว่งตัวในกรอบไม่เกิน 15 สตางค์ รอปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกเข้ามา" นักบริหารเงินฯ กล่าว

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.79 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 103.10 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1107 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่าจากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1055 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,474.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.53 จุด, +0.44% มูลค่าการซื้อขาย 68,357.78 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,278.94 ล้านบาท (SET+MAI)

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย วงเงิน 1 แสน

 

ล้านบาท รับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 2-3% เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่าได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยจะจดทะเบียนกองทุนรวมกับสำนัก

 

งานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายใน 1 เดือน

- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เผยได้ปรับประมาณการค่าเงินบาทในปีนี้แข็งค่าขึ้นเป็น 36.20 บาท/ดอลลาร์ จาก

 

ประมาณการเดิมที่ 37.00 บาท/ดอลลาร์ เป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ อีกทั้งปัจจัยในประเทศ คือ ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้น

 

หากผลออกมารับร่างรัฐธรรมนูญก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น

- ธนาคารกสิกรไทยได้ปรับลดประมาณการส่งออกของไทยปีนี้ลดลงเป็นติดลบ 2% จากเดิม 0% เนื่องจาก

 

ปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจไนจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของไทยยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ประเด็นที่

 

อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) ส่งผลกดดันต่อภาคการส่งออกไปยังยุโรป เนื่องจากกรณีดังกล่าวยังไม่

 

มีความแน่นอนของข้อตกลงการที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง ทำให้ในปัจจุบันผู้

 

ประกอบการส่งออกต่างรอดูท่าทีของเรื่องดังกล่าว และทำให้การส่งออกไปยังยุโรปชะลอตัว

 

- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด

 

การณ์ว่า BoE อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% หรืออาจเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตาม

 

มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

 

หลังจากที่อังกฤษได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

- ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการเงินชี้ปัญหาในภาคธนาคารของอิตาลีกำลังกลายเป็นวิกฤตระลอกใหม่กลุ่มประเทศยูโรโซน

 

เนื่องจากธนาคารหลายแห่งกำลังประสบกับปัญหาหนี้เสียที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับการจ่ายชำระเงินต้นคืนไม่ครบเต็มจำนวน ทั้งนี้ธนาคาร

 

กลางอิตาลี เปิดเผยว่า ภาคธนาคารของอิตาลีกำลังได้รับผลกระทบจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) หรือหนี้เสีย ซึ่งมีมูลค่า

 

สูงถึงราว 3.60 แสนล้านยูโร ขณะที่อิตาลีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป ดังนั้นหากเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ขึ้นก็จะส่ง

 

ผลกระทบมากกว่าวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์จากกรีซ

 

- ธนาคารกลางญี่ปุ่น เผยดัชนีราคาค้าส่งของญี่ปุ่นเดือน มิ.ย.ปรับตัวลง 4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเป็นการลดลง

 

ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 เนื่องจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ และการแข็งค่าของเงินเยน ทั้งนี้ราคาผลิตภัณฑ์

 

ปิโตรเลียมและถ่านหินลดลง 21.0 % และผลิตภัณฑ์โลหะที่ไม่ใช่เหล็กลดลง 17.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าตลาดสินค้า

 

โภคภัณฑ์อ่อนตัวลง ทั้งนี้ค่าไฟฟ้า แก๊ส และน้ำ ลดลง 17.6% ขณะที่ราคาสินค้าเกษตร, ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้และการประมง เพิ่มขึ้น

 

3.5% จากปีก่อนหน้า แม้ว่าผลกำไรจะถูกปกคลุมอย่างชัดเจนจากการแข็งค่าของเงินเยน

- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้สั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆดำเนินการรวบรวมมาตรการกระตุ้น

 

เศรษฐกิจเพื่อจัดการกับปัญหาเงินฝืด หลังการชะลอตัวในเศรษฐกิจเกิดใหม่และการแข็งค่าของเงินเยนได้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัว

 

ของเศรษฐกิจญี่ปุ่น

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.1%

 

เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรก ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่

 

29 มิ.ย. โดยราคาพลังงานยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันให้กับตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 6.4% จากช่วงเดียว

 

กันของปีก่อน หลังจากร่วงลง 7.9% ในเดือนพ.ค. ด้านราคาอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายปี โดยได้แรงหนุน

 

จากราคาผักที่เพิ่มขึ้น 4.6% โดยเฉพาะมันฝรั่งที่พุ่งสูงถึง 19.1%

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2462955

 

 

แถลงการณ์ของประเทศไทย ว่าด้วยสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลจีนใต้ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙

 

 

ข่าวต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 14:43:38 น.

ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพื้นที่ข้างเคียง รวมทั้งการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อความเจริญรุ่งเรืองและการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์

 

 

 

สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ควรได้รับการแก้ไขด้วยความพยายามร่วมกันและโดยทุกวิถีทาง บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นและความไว้เนื้อเชื่อใจ รวมทั้งผลประโยชน์ที่เป็นธรรม เพื่อสะท้อนความสัมพันธ์อาเซียน-จีนที่มีมาอย่างยาวนาน

 

การปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (ดีโอซี) อย่างเต็มที่และมีประสิทธิผล ควรได้รับการเน้นย้ำในทุกวิถีทาง และความจำเป็นที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรลุการเจรจาจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (ซีโอซี) ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เป็นความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะนำพาให้พวกเรามีสภาวะที่แข็งแกร่งพร้อมกันไป

 

เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และในขณะที่ไทยยืนยันการสนับสนุนต่อแถลงการณ์ที่ผ่านมาของอาเซียนเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ประเทศไทยเชื่อว่า เป้าหมายสูงสุดของทุกฝ่ายที่จะยังประโยชน์ให้กับประชาชนของตนเองคือ การทำให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/mfa/2462730

 

ไทยเรียกร้องทุกฝ่ายในทะเลจีนใต้รักษาสันติภาพ ขณะศาลโลกชี้จีนไม่มีสิทธิเหนือน่านน้ำ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 17:27:04 น.

กระทรวงการต่างประเทศของไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทะเลจีนใต้รักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพ

 

 

 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุว่า สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ควรได้รับการแก้ไขบนพื้นฐานของความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน รวมทั้งการมีผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน ซึ่งจะสะท้อนความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างจีนและสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

 

ทั้งนี้ ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) ที่กรุงเฮก ประกาศชี้ขาดตัดสินประเด็นพิพาทในทะเลจีนใต้ในวันนี้ โดยได้ประกาศว่า ฟิลิปปินส์มีสิทธิ์ทำประมงในบริเวณหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์ พร้อมชี้ขาดว่า รัฐบาลจีนไม่มีสิทธิเหนือทรัพยากรบริเวณน่านน้ำพิพาทดังกล่าว

 

ทางศาลได้มีการตัดสินคดีที่ฟิลิปปินส์ได้ยื่นไว้เมื่อเดือนม.ค. 2558 ซึ่งระบุว่า การที่รัฐบาลจีนได้อ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ส่วนใหญ่นั้น ได้ขัดต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล

 

ทางด้านจีนได้ปฏิเสธที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลดังกล่าว พร้อมกับได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ โดยย้ำถึงอำนาจอธิปไตยในดินแดน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ต่างๆในบริเวณทะเลจีนใต้

 

กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ว่า คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นโมฆะและไม่มีผลบังคับ

 

แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า อำนาจอธิปไตยในเขตแดนและสิทธิทางทะเล รวมทั้งผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้ของจีน จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคำตัดสินดังกล่าว โดยจีนขอคัดค้านและจะไม่ยอมรับในคำอ้างหรือการกระทำใดๆ บนพื้นฐานของคำตัดสินเหล่านี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2462937

 

จีนอ่วม ศาลโลกชี้ละเมิดอธิปไตยฟิลิปปินส์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขณะแทรกแซงทำประมง,สำรวจน้ำมัน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 17:54:47 น.

ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) ที่กรุงเฮก ประกาศชี้ขาดตัดสินประเด็นพิพาทในทะเลจีนใต้ในวันนี้ โดยได้ประกาศว่า ฟิลิปปินส์มีสิทธิ์ทำประมงในบริเวณหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์ พร้อมชี้ขาดว่า รัฐบาลจีนไม่มีสิทธิเหนือทรัพยากรบริเวณน่านน้ำพิพาทดังกล่าว

 

นอกจากนี้ ศาลยังระบุว่า จีนได้ละเมิดอธิปไตยของฟิลิปปินส์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยได้เข้าแทรกแซงการทำประมงและการสำรวจน้ำมันของฟิลิปปินส์ ด้วยการสร้างเกาะเทียม และไม่ขัดขวางชาวประมงจีนเข้าหาปลาในเขตดังกล่าว

 

 

 

ทางศาลได้มีการตัดสินคดีที่ฟิลิปปินส์ได้ยื่นไว้เมื่อเดือนม.ค. 2558 ซึ่งระบุว่า การที่รัฐบาลจีนได้อ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ส่วนใหญ่นั้น ได้ขัดต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล

 

ทางด้านจีนได้ปฏิเสธที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลดังกล่าว พร้อมกับได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ โดยย้ำถึงอำนาจอธิปไตยในดินแดน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ต่างๆในบริเวณทะเลจีนใต้

 

กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ว่า คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นโมฆะและไม่มีผลบังคับ

 

แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า อำนาจอธิปไตยในเขตแดนและสิทธิทางทะเล รวมทั้งผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้ของจีน จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคำตัดสินดังกล่าว โดยจีนขอคัดค้านและจะไม่ยอมรับในคำอ้างหรือการกระทำใดๆ บนพื้นฐานของคำตัดสินเหล่านี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2462970

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดอนุพันธ์: ปรับขึ้นไม่มาก จับตาตัวเลขการค้าของจีนพรุ่งนี้-รอลุ้นผลประชุม BoE

 

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2462930

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 12 กรกฎาคม 2559

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 17:03:53 น.

สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การส่งออกซึ่งมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ปรับตัวลดลงในอัตราตัวเลขสองหลัก ในช่วง 10 วันแรกของเดือนก.ค. ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้

 

-- บริษัทอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ลดลง 3.6% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาโลหะอลูมินัมและอลูมินา

 

 

 

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่นว่า ดัชนีราคาค้าส่งของญี่ปุ่นเดือน มิ.ย. ปรับตัวลง 4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 เนื่องจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ และการแข็งค่าของเงินเยน

 

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรก ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.

 

-- แองโกล อเมริกัน พลาตินัม บริษัทพลาตินัมรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยในรายงานความเคลื่อนไหวสำหรับนักลงทุนในวันนี้ว่า บริษัทอาจทำกำไรในช่วงครึ่งปีแรกร่วงลง 54-74% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากราคาพลาตินัมตกต่ำ

 

-- ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) ที่กรุงเฮก ประกาศชี้ขาดตัดสินประเด็นพิพาทในทะเลจีนใต้ โดยได้ประกาศว่า รัฐบาลจีนไม่มีสิทธิเหนือทรัพยากรบริเวณน่านน้ำพิพาทดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญหลายราย

 

-- จีนปฏิเสธคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) ที่กรุงเฮก เรื่องทะเลจีนใต้ พร้อมกับได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ โดยย้ำถึงอำนาจอธิปไตยในดินแดน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ต่างๆในบริเวณทะเลจีนใต้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2462916

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 12 กรกฎาคม 2559 โดย YLG

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 17:25:55 น.

กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,352.30-1,357.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,650 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ16 อยู่ที่ 22,680 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,710 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.52 น.ของวันที่ 12/07/16)

แนวโน้มวันที่ 13 กรกฎาคม 2559

สินทรัพย์เสี่ยงมีการปรับตัวขึ้นอีกครั้งโดยตลาดหุ้นเอเชียพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งในช่วงเปิดตลาดวันอังคารหลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์คืนวันจันทร์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และการคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากผู้กำหนดนโยบายทั่วโลก ประกอบกับ ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดการเงินจากกรณี Brexit มีแนวโน้มบรรเทาเบาบางลง เมื่อนางเทเรซา เมย์ รัฐมนตรีกิจการภายในของอังกฤษจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษในวันพุธนี้ โดยนางยืนยันจะรับภารกิจในการนำพาอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ผลกระทบในทางลบจาก Brexit อาจลดลงส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจในการลงทุนลงตาม ขณะที่ราคาทองคำได้รับแรงกดดันเพิ่มจากดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้น หลังจากสกุลเงินเยนร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลของญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาสูงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและสิ่งนี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ปัจจัยนี้ช่วยกระตุ้นแรงขายทองคำเพิ่มขึ้นและสร้างความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกทาง ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้าราคาทองคำไปปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญในบริเวณ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์จึงเกิดการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้อ และหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 1,347-1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำยังมีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านในบริเวณ 1,363 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำทะลุแนวต้านได้แต่ราคาทองคำยังเผชิญแนวต้านสำคัญระดับ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนสามารถแบ่งขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า สำหรับนักลงทุนที่รอซื้อทองแนะนำให้หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับต่างๆเหมือนเช่นเคย ซึ่งการซื้อทองคำเมื่อราคาย่อตัวลงมาไม่ควรหลุดแนวรับ 1,347 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรตามบริเวณแนวต้าน 1,363-1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยดูบริเวณแนวรับสำคัญถัดไปที่ 1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และนอกจากจะหาจังหวะการเข้าสะสมแล้วนักลงทุนยังจำเป็นต้องประเมินขนาดการลงทุนในแต่ละรอบเพื่อที่จะสามารถคำนวณความเสี่ยงในการลงทุนในแต่ละครั้งให้อยู่ในขนาดที่พอร์ตการลงทุนสามารถแบกรับได้

 

แนวรับ 1,347 (22,390บาท) 1,335 (22,190บาท) 1,323 (21,990บาท)

แนวต้าน 1,363 (22,650บาท) 1,375 (22,850บาท) 1,383 (22,990บาท)

GOLD FUTURES (GFQ16)

แนวรับ 1,347 (22,550บาท) 1,335 (22,350บาท) 1,323 (22,150บาท)

แนวต้าน 1,363 (22,810บาท) 1,375 (23,010บาท) 1,383 (23,150บาท)

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2462930

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 6.53 จุด เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคขานรับ Fund Flow ไหลเข้าเอเชีย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 17:37:49 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,474.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.53 จุด (+0.44%) มูลค่าการซื้อขาย 68,357.78 ล้านบาท

 

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,477.28 จุด และดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,466.42 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 552 หลักทรัพย์ ลดลง 686 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 313 หลักทรัพย์

 

 

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าตอบรับ Fund Flow ไหลเข้ามาในเอเชีย โดยเฉพาะ Emerging Market ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียต่างอยู่ในแดนบวก อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ว่าจะถ้อยแถลงใดออกมาหรือไม่

 

นอกจากนี้ ตลาดบ้านเรายังมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยออกมา รวมถึงมีการสลับกลุ่มการลงทุน อีกทั้งคาดหวังว่าการเมืองจะมีความชัดเจนขึ้นภายหลังจากการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

 

แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) นายประกิต กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะปรับขึ้นไปต่อได้ พร้อมให้แนวรับ 1,465 จุด ส่วนแนวต้าน 1,484 จุด แนะสลับการลงทุนไปที่กลุ่มการเงิน, รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 7,569.54 ล้านบาท ปิดที่ 8.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

 

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,436.54 ล้านบาท ปิดที่ 16.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท

 

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,001.09 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

 

IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,803.06 ล้านบาท ปิดที่ 31.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

 

SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,772.82 ล้านบาท ปิดที่ 482.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2462952

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดึ เพื่อน พี่น้องทุกท่าน โชคดี แจ่มใส เป็นสุข

 

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กรกฎาคม 2559 07:55:13 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ก.ค. 2559

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 4% รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันพรุ่งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,347.67 จุด เพิ่มขึ้น 120.74 จุด หรือ +0.66% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,022.82 จุด เพิ่มขึ้น 34.18 จุด หรือ +0.69% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,152.14 จุด เพิ่มขึ้น 14.98 จุด หรือ +0.70%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.1% ปิดที่ 336.26 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,331.38 จุด เพิ่มขึ้น 66.85 จุด หรือ +1.57% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,964.07 จุด พุ่งขึ้น 130.66 จุด หรือ +1.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,680.69 จุด ลดลง 2.17 จุด หรือ -0.03%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของเงินสกุลปอนด์ได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวลดลง

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 2.17 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 6,680.69 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่ากำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน และคาดว่าแนวโน้มตลาดน้ำมันในปีหน้าจะยังคงสดใส

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.04 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 46.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 48.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 21.30 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ระดับ 1,335.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 13.30 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 20.171 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 10.20 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,097.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 628.95 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากชัยชนะจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาของพรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ได้กระตุ้นได้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังภายในประเทศ

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1068 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1058 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3261 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2997 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7639 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7534 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 104.88 เยน จากระดับ 102.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9877 ฟรังก์ จากระดับ 0.9825 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3012 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3120 ดอลลาร์แคนาดา

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,347.67 จุด เพิ่มขึ้น 120.74 จุด, +0.66%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,022.82 จุด เพิ่มขึ้น 34.18 จุด, +0.69%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,152.14 จุด เพิ่มขึ้น 14.98 จุด, +0.70%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,331.38 จุด เพิ่มขึ้น 66.85 จุด, +1.57%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,964.07 จุด เพิ่มขึ้น 130.66 จุด, +1.33%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,680.69 จุด ลดลง 2.17 จุด, -0.03%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,808.14 จุด เพิ่มขึ้น 181.45 จุด, +0.66%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,653.97 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด, +0.01%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,901.82 จุด เพิ่มขึ้น 25.68 จุด, +0.89%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,099.53 จุด เพิ่มขึ้น 30.51 จุด, +0.60%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,224.74 จุด เพิ่มขึ้น 344.24 จุด, +1.65%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,937.95 จุด เพิ่มขึ้น 72.68 จุด, +0.92%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,049.38 จุด เพิ่มขึ้น 54.46 จุด, +1.82%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,353.20 จุด เพิ่มขึ้น 16.10 จุด, +0.30%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,433.20 จุด เพิ่มขึ้น 15.70 จุด, +0.29%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,991.23 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด, +0.14%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,095.65 จุด เพิ่มขึ้น 386.83 จุด, +2.46%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,841.46 จุด เพิ่มขึ้น 54.99 จุด, +0.63%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2463160

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.18/20 คาดวันนี้แกว่งแคบ ตลาดจับตาผลประชุม BoE ครั้งแรกหลัง Brexit พรุ่งนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กรกฎาคม 2559 09:18:06 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.18/20 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง

 

 

 

เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.12 บาท/ดอลลาร์

วันนี้คาดว่าเงินบาทจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมาก

 

นัก แต่ต้องติดตามวันพรุ่งนี้ที่จะมีการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เป็นครั้งแรก หลังจากที่อังกฤษลงประชามติออกจากการ

 

เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit)

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.15 - 35.25 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- ช่วงเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.27/70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 103.79 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1041/1082 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1107 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1440 บาท/

 

ดอลลาร์

- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ปรับเป้าหมายมูลค่าการออกตราสารหนี้ระยะยาวปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6 แสน

 

ล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 5.2-5.5 แสนล้านบาท เป็นผลมาจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยยอดลงทะเบียนผุกบัญชี PromptPay ล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.59 พบว่า

 

มีประชาชนเข้ามาลงทะเบียนแล้วรวม 9.7 ล้านราย แบ่งเป็นลงทะเบียนโดยหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 8.1 ล้านราย และ

 

ลงทะเบียนโดยหมายเลขโทรศัพท์มือถือ 1.6 ล้านราย พร้อมยืนยันตัวระบบมีความปลอดภัยสูง

 

- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดว่า ยอดขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าใน

 

ช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 31,792 ราย เนื่องจาก พ.ร.บ.หลักประกันทาง

 

ธุรกิจ พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เปิดเสรีการประกอบธุรกิจบริการของต่างประเทศในไทยเพิ่มเติมอีก 6

 

กลุ่ม 17 รายการย่อย จากเดิมได้เปิดเสรีทางการเงินแล้ว 6 ธุรกิจ เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการที่คนไทยสามารถแข่งขันกับต่าง

 

ประเทศได้และช่วยอำนวยความสะดวก เอื้อต่อการค้าการลงทุน และลดความซ้ำซ้อนในการกำกับดูแล เนื่องจากมีกฎหมายเฉพาะและ

 

มาตรการเฉพาะกำกับดูแลที่เข้มงวดอยู่แล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อกระทรวงพาณิชย์ออกประกาศบังคับใช้ต่อไป

 

- ม.หอการค้าไทยเปิดผลสำรวจดัชนีคอร์รัปชั่นไทยเดือนมิถุนายน 59 ลดลงเล็กน้อย จับตาโครงการลงทุนภาครัฐที่อาจ

 

เกิดความเสี่ยงให้เกิดการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินรายได้ในช่วงวันหยุดยาว ได้แก่ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้า

 

พรรษา ระหว่างวันที่ 16-20 ก.ค.นี้ รวมกว่า 19,741 ล้านบาท เติบโต 28.74% จากปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่าง

 

ชาติ 12,092 ล้านบาท เติบโต 28.60% จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา 1.09 ล้านคนรายได้จากตลาดคนไทยเที่ยวไทย ราย

 

ได้ 7.64 พันล้านบาท เติบโต 28.96% จากปีก่อน และมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 2.40 ล้านคน เติบโต 26.38%

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12

 

ก.ค.) เนื่องจากชัยชนะจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาของพรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ได้กระตุ้นได้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาล

 

ญี่ปุ่นจะเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังภายในประเทศ

- นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐรายที่ระบุว่า ตัวเลขการ

 

จ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงาน

 

เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.9% หลังจากอยู่ที่ 4.7% ในเดือนพ.ค.

- เงินเยนอ่อนค่าลง หลังจากที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายชินโซ อาเบะ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

 

วุฒิสภาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชัยชนะของพรรครัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในการเลือกตั้งวุฒิสภาเมื่อวัน

 

อาทิตย์ที่ผ่านมาจะทำให้รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

- ตลาดคาดการณ์ว่าในการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) วันพรุ่งนี้ BoE อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

 

และเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit

 

- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า การลงประชามติของอังกฤษในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

 

(Brexit) ได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ปัจจัย Brexit ดูเหมือน

 

จะมีผลกระทบไม่มากนักต่อการขยายตัวของสหรัฐ

IMF ระบุว่า ปัจจัย Brexit ได้ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ก็ยังน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 1%

 

ขณะที่ตลาดหุ้นสามารถลบช่วงติดลบที่เคยทำไว้นับตั้งแต่การลงประชามติ ขณะที่นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรจนส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับ

 

ตัวลง และฉุดให้ต้นทุนในการระดมทุนของภาคธุรกิจต่ำลงอย่างมาก

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น

 

0.7% ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ทั้งนี้ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐถูกถ่วงลงจาก

 

การดิ่งลงของสต็อกรถยนต์ ซึ่งคาดว่าจะฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 ขณะที่ยอดขายภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.5% ใน

 

เดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน

 

(โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่ากำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน และคาดว่าแนวโน้มตลาดน้ำมันในปีหน้าจะยัง

 

คงสดใส

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.04 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 46.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 48.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิด

 

เผยรายงานดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2463282

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบเยน จากคาดการณ์ญี่ปุ่นกระตุ้นศก.

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กรกฎาคม 2559 07:40:33 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากชัยชนะจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาของพรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ได้กระตุ้นได้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังภายในประเทศ

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1068 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1058 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3261 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2997 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7639 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7534 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 104.88 เยน จากระดับ 102.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9877 ฟรังก์ จากระดับ 0.9825 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3012 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3120 ดอลลาร์แคนาดา

 

เงินเยนอ่อนค่าลงหลังจากที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายชินโซ อาเบะ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งวุฒิสภาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ชัยชนะของพรรครัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในการเลือกตั้งวุฒิสภาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะทำให้รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐรายที่ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.9% หลังจากอยู่ที่ 4.7% ในเดือนพ.ค.

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.8%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2463047

 

เงินหยวนแข็งค่าแตะ 6.6891 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กรกฎาคม 2559 09:05:10 น.

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.59% แตะที่ 6.6891 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐเช้าวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จิตวัฒน์ วิจิตรถาวร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2463220

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $21.30 เหตุตลาดหุ้นพุ่งกดดันนักลงทุนเทขายทอง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กรกฎาคม 2559 07:12:47 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 21.30 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ระดับ 1,335.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 13.30 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 20.171 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 10.20 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,097.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 628.95 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทองคำและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่ง จากระดับ 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่ง

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับปัจจัยบวกล่าสุดจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันพรุ่งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2463035

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $2.04 หลังโอเปกคาดอุปสงค์ตลาดโลกเพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กรกฎาคม 2559 06:54:23 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่ากำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน และคาดว่าแนวโน้มตลาดน้ำมันในปีหน้าจะยังคงสดใส

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 2.04 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 46.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 48.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากกลุ่มโอเปกออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนก.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า แนวโน้มตลาดน้ำมันยังคงมีความสดใสในปีหน้า โดยอุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่ากำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน ขณะที่ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดจะค่อยๆลดลง

รายงานของโอเปกระบุว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.15 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า โดยลดลงเล็กน้อยจากระดับ 1.19 ล้านบาร์เรล/วันที่คาดไว้สำหรับปีนี้

นอกจากนี้ โอเปกยังคาดว่า ผลผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะลดลงต่อไป และอุปสงค์น้ำมันของโอเปกจะเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่ระดับ 3.1% เนื่องจากมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

IMF ชี้ Brexit กระทบสหรัฐไม่มาก ขณะคงคาดการณ์จีดีพีปีนี้ที่ 2.2% ปีหน้า 2.5%

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 13 กรกฎาคม 2559 02:02:54 น.

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุในวันนี้ว่า การลงประชามติของอังกฤษในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

 

อย่างไรก็ดี IMF ระบุว่า จนถึงขณะนี้ ปัจจัย Brexit ดูเหมือนจะมีผลกระทบไม่มากนักต่อการขยายตัวของสหรัฐ

 

IMF ประกาศคงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ระดับ 2.2% ในปีนี้ และ 2.5% ในปีหน้า

 

 

 

ทั้งนี้ IMF เปิดเผยในรายงานประจำปีว่าด้วยเศรษฐกิจและนโยบายของสหรัฐว่า ปัจจัย Brexit ได้ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ก็ยังน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 1% ขณะที่ตลาดหุ้นสามารถลบช่วงติดลบที่เคยทำไว้นับตั้งแต่การลงประชามติ ขณะที่นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรจนส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวลง และฉุดให้ต้นทุนในการระดมทุนของภาคธุรกิจต่ำลงอย่างมาก

 

IMF ระบุว่า ขณะที่ความผันผวนในตลาดการเงิน และการแข็งค่าของดอลลาร์สร้างความเสี่ยงในช่วงขาลงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ IMF ก็ยังคงมองเห็นแรงหนุนจากการที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น รวมทั้งผลกระทบเชิงบวกต่อการบริโภค และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน

 

อย่างไรก็ดี IMF เตือนว่าความเสี่ยงในช่วงขาลงที่มีอันตรายและมีความซับซ้อนมากขึ้นคือ อัตราการขยายตัวตามศักยภาพซึ่งอาจจะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับการมีช่องว่างด้านผลผลิต ซึ่งจะทำให้การขยายตัวในปีต่อๆไปอาจต่ำกว่า 2%

 

นอกจากนี้ รายงานยังเตือนว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับปัจจัยที่จะถ่วงการปรับตัวขึ้นในอนาคต ซึ่งได้แก่ การที่แรงงานจำนวนมากขึ้นเข้าสู่วัยเกษียณอายุ, โครงสร้างพื้นฐานที่มีอายุมากขึ้น และประสิทธิภาพการผลิตที่ระดับต่ำ ขณะที่ตลาดแรงงานและภาคธุรกิจไม่สามารถปรับตัวรับการกระจายของทุนและแรงงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2463029

 

 

 

13-Jul-2016

ราคาทองวันนี้

- ทองสมาคมวานนี้ 22450/22550

- SPDR 965.22ตัน/ ขาย16.04ตัน(-ทอง)

- SPDR Netปีนี้ 965.22ตัน/Netซื้อ321.66 ตัน (+ทอง)

 

เช้านี้...

- Gold Spot 1333

- Dollar96.48/ยูโร1.1059/บาท35.17

ติดตามบทวิเคราะห์...คลิกLink ด้านล่าง

- บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/29Cw4VI

- คลิปราคาทอง1นาที

http://bit.ly/ausiris_youtube

- ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/ausiris_goldprice

- เปิดบัญชี ซื้อ-ขายทองแท่ง Online

http://bit.ly/Ausiris_Open

Hot Line02-613-0888ต่อ2

 

 

 

 

13600034_1224687557561777_2801233943885074068_n.png?oh=c1b643a06650e57a24f2d23cdc59503c&oe=57EE30B5

 

 

13-Jul-2016

สรุปปัจจัยเมื่อวาน – จับตาปัจจัยวันนี้

- Brexit: IMF ชี้ Brexit กระทบสหรัฐไม่มาก(-ทอง)

- Brexit: ตลาดคาดการณ์ BoE ลดดอกเบี้ย(-ทอง)

- เฟดแอตแลนตาคาดเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3%(-ทอง)

- IMFคาดจีดีพีสหรัฐปีนี้ที่ 2.2% ปีหน้า 2.5%(-ทอง)

- ตำแหน่งงานใหม่ที่เปิดรับสมัคร(US) ผล5.50M/ลดลง(+ทอง)

- SPDR กระทุ้งตลาดวันแรก ขายทองออกร่วม16ตัน(-ทอง)

- Dow Jones เพิ่มขึ้น 120.74 จุด, +0.66% (-ทอง)

- ดอลล่าห์/ยูโรอ่อน/บาท ทรงตัว แต่ในวันผันผวนแรง

 

วันนี้

All day ติดตามผลกระทบจาก Brexit (EU)

19.30 ราคาสินค้านำเข้า(US)

 

Link รวมปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ

-ปฏิทินเศษรฐกิจ

http://bit.ly/22XqJfT

- บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/29Cw4VI

- คลิปราคาทอง1นาที(อัพเดทตั้งแต่12.00น.)

http://bit.ly/ausiris_youtube

13612116_1224687997561733_4783890370343946543_n.png?oh=3ae3c39d2a3f9009c45536173fafead5&oe=5834CE9E

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

HSHsocial

 

 

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

 

NOW26

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...