ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดพุ่ง 19.6 ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2561 07:08:26 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ



สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 19.6 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 1,356.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 57.6 เซนต์ หรือ 3.41% ปิดที่ 17.489 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1015.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 22.10 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1106.35 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำพุ่งขึ้นหลังจากดัชนีดอลลาร์ ร่วงลง 0.9% แตะที่ 89.32% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2557

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อคืนนี้ มากจากการที่นายนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้ว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ นายมนูชินยังได้เชิญชวนให้นักลงทุนเข้าลงทุนในสหรัฐ โดยกล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว 3% หรือมากกว่า โดยสหรัฐยังคงเป็นแหล่งที่น่าดึงดูดสำหรับการลงทุน

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 3.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.57 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.2% สู่ระดับ 5.70 ล้านยูนิต

ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 53.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค.

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2772418

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.55 ก่อนขยับมาที่ 31.51 แข็งค่าในรอบ 4 ปีตามทิศทางภูมิภาค หลังดอลล์อ่อน

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2561 09:17:04 น.
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.55 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อ



เนื่องจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.64 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลักเนื่องจาก รมว.คลัง

สหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นว่าการที่ดอลลาร์แข็งค่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าทางการสหรัฐฯ จะใช้

นโยบายดอลลาร์อ่อนค่า
และเมื่อเวลา 08.50 น.เงินบาทแข็งค่าลงมาอยู่ที่ 31.51 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี 2 เดือน

"เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ลงมาอยู่ที่ 31.51 บาท/ดอลลาร์ ทำนิวโลว์ในรอบ 4 ปี 2 เดือน จากคอม

เม้นท์ของ รมว.คลังสหรัฐฯ" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ระหว่าง 31.50-31.60 บาท/ดอลลาร์

"บาทแข็งค่าลงมาเร็วมาก แต่คาดว่าวันนี้ยังไม่หลุดแนวรับที่ 31.50" นักบริหารเงิน กล่าว

THAI BAHT FIX 3M (24 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.19390% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (24 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ

1.19240%
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.30 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.63 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2405 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2336 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.7000 บาท/

ดอลลาร์
- ประธานชมรมฟินเทค ชี้มี 20 บริษัทสตาร์ทอัพจ่อระดมทุนดิจิทัลทำธุรกิจ ยันไม่ผิดกฎหมาย ก.ล.ต.เตรียมออก

กฎหมายรองรับ
- ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าหมายปล่อยกู้สินเชื่อเอสเอ็มอีปี 61 เพิ่มขึ้น 4-6% หรือมียอดคงค้างที่ 736,000 ล้าน

บาท จากยอดคงค้างสินเชื่อ ในปี 2560 ที่ 698,000 ล้านบาท มียอดปล่อยกู้ใหม่ 210,000-220,000 ล้านบาท

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศ ธปท.เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับดูแลความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี

สารสนเทศ(Information Technology Risk)ของสถาบันการเงินและแนวปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี

สารสนเทศ หลังจากเกิดเหตุการณ์ระบบการโอนเงินข้ามธนาคารผ่านระบบพร้อมเพย์(Prompt Pay)ล่มในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.รวมทั้ง

กรณีที่ธนาคารพาณิชย์ยินยอมให้เปิดบัญชีใหม่ โดยไม่ใช่เจ้าของบัตรประชาชนตัวจริง
- "ทรัมป์" ลงนามเรียกเก็บภาษีนำเข้า "แผงโซลาร์เซลล์-เครื่องซักผ้า" มีผล 7 ก.พ. รัฐบาลเชื่อระยะสั้นยังไม่

กระทบ ขณะ "พาณิชย์" ยอมรับไทยส่งออกไปสหรัฐ เพิ่มต่อเนื่อง แนะผู้ประกอบการหาตลาดอื่น ด้าน "ทีดีอาร์ไอ" ห่วงเป็นจุดเริ่ม

ต้นสงครามการค้า หวั่นไทยตกเป็นเป้า เหตุเกินดุลการค้าสหรัฐมาก ขณะนักเศรษฐศาสตร์เตือนผู้ประกอบการไม่ควรประมาท

- สหรัฐฯ ยันไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืน ต่อโรดแมพที่ "บิ๊กตู่" ได้แสดงพันธกรณีต่อสาธารณชน เอาไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งใน

ปี 61 ย้ำรอไทยกลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด จับตาสนช. ผ่านวาระ 2-3 ร่าง กม. เลือกตั้ง ส.ส.วันนี้

- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 3.6% ในเดือนธ.

ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.57 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 2.2% สู่ระดับ 5.70 ล้านยูนิต

- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาค

การผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 53.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ

54.1 ในเดือนธ.ค.
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้

(24 ม.ค.) หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF)

ที่เมืองดาวอสเมื่อวานนี้ว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่ง

เป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี

2557 ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่

ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
- นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,

สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน

ประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560
- นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศ

ทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2772575

 

World Today: สรุปข่าวน่าติดตามประจำวันที่ 25 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2561 09:31:39 น.
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอสเมื่อวานนี้ว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ



-- สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุม WEF ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้ สหรัฐเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจ และการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ ก็เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ส่งออกของอเมริกา

ทั้งนี้ นายมนูชินกล่าวว่า สหรัฐให้การสนับสนุนการค้าที่เสรี และเป็นธรรม และเสริมว่าการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และไม่ขัดแย้งกับนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน"ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

--นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ กล่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า สหรัฐจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของสงครามการค้าโลกอีกต่อไป พร้อมกับส่งสัญญาณว่า รัฐบาลสหรัฐอาจปรับขึ้นภาษีศุลกากรอีกในอนาคต หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งได้มีการลงนามบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีโซลาร์เซลล์และเครื่องซักผ้า

รมว.พาณิชย์สหรัฐยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางการสหรัฐกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนจีนในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหามาตรการจัดการกับจีนต่อไป ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศสงครามการค้าและปกป้องสหรัฐจากการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากชาติอื่นๆ

นายรอสส์ เปิดเผยว่า สงครามการค้าได้เกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ส่งผลให้วันนี้สหรัฐต้องหามาตรการปกป้องตนเองจากการค้าที่ไม่เป็นธรรม หนึ่งในนั้นคือการปรับขึ้นภาษีศุลกากร ซึ่งไม่ได้เป็นการกีดกันทางการค้า แต่เป็นการทำตามกฎระเบียบที่ควรจะเป็นเท่านั้น

ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายรอสส์ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐ แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตจากจีน

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 411.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10

ทั้งนี้ ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของ EIA ออกมาสวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ดังกล่าว

--  สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงในเดือนธ.ค.มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากภาวะขาดแคลนบ้านได้ส่งผลให้ราคาบ้านแพงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาด

ทั้งนี้ ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 3.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.57 ล้านยูนิต โดยลดลงทุกภูมิภาค

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะลดลง 2.2% สู่ระดับ 5.70 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค.

--ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 53.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่

ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 55.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือน จากระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค.

สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 53.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 53.7 ในเดือนธ.ค.

-- ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.6 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 139 เดือน หรือในรอบเกือบ 12 ปี จากระดับ 58.1 ในเดือนธ.ค.

ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการจ้างงานซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 รวมทั้งคำสั่งซื้อใหม่ที่พุ่งขึ้น

สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 57.6 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 125 เดือน หรือในรอบกว่า 10 ปี โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 56.6 ในเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 61.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 62.2 ในเดือนธ.ค.

-- กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ในวันนี้ เพื่อกดดันให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังประกาศคว่ำบาตรบริษัท 9 แห่ง, เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ 16 ราย และเรือ 6 ลำ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ

บริษัท 2 แห่งที่อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตรเป็นบริษัทของจีนซึ่งได้ส่งออกโลหะ และชิ้นส่วนสำหรับผลิตอาวุธให้แก่เกาหลีเหนือ ขณะที่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่ถูกคว่ำบาตรเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานอยู่ในจีน รัสเซีย และจอร์เจีย

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีกำหนดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ โดยนักลงทุนจับตาการประชุม ECB อย่างใกล้ชิด หลังจากเจ้าหน้าที่ ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า ECB อาจประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเดือนก.ย.นี้ หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมีการปรับตัวตามที่ ECB คาดการณ์ไว้

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ที่จะเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากสถาบัน GfK และความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนม.ค.จากสถาบัน IFO ของเยอรมนี, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. ของสหรัฐ รวมถึงการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นจะเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค., จีนจะเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., ฝรั่งเศสจะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.และความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนม.ค., อังกฤษจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2772584

 

อย่ามายุ่ง! เกาหลีเหนือขอเกาหลีใต้ "รวมชาติ" โดยปราศจากความช่วยเหลือของประเทศอื่น

สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานว่า วันนี้ (25 ม.ค.) เกาหลีเหนือได้ออกประกาศถึง “ชาวเกาหลีทั้งที่อาศัยอยู่ในมาตุภูมิและต่างประเทศ” ระบุว่าชาวเกาหลีควร “ก้าวข้ามอุปสรรค” ไปสู่การรวมชาติโดยปราศจากความช่วยเหลือจากประเทศอื่นใด

เกาหลีเหนือขอให้ประชาชนทั้งในเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ “ส่งเสริมการติดต่อ การท่องเที่ยว และความร่วมมือ” และเสริมว่า เกาหลีเหนือจะ “พุ่งชน” ทุกความท้าทายและอุปสรรคของการรวมชาติเหนือคาบสมุทรเกาหลี

แถลงการณ์ระบุว่า ความตึงเครียดเหนือคาบสมุทรเกาหลีคือ “อุปสรรคขั้นพื้นฐาน” สำหรับพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีและการรวมชาติ นอกจากนี้ การซ้อมรบที่มี “กำลังจากภายนอก” เข้ามาร่วมด้วยนั้นก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าไม่ช่วยเหลือใดๆ ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี

Image may contain: stripes
 

ทรัมป์แนะตุรกีลดความรุนแรงในซีเรีย ระวังการปะทะกับกองทัพสหรัฐฯ

ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เผยแถลงการณ์ว่าวานนี้ (24 ม.ค.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดี เรเจป ตายิบ เออร์โดกัน ของตุรกี โดยกล่าวกระตุ้นอีกฝ่ายจำกัดปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ตอนเหนือของซีเรีย

การสนทนาผ่านสายโทรศัพท์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการสู้รบอันดุเดือดระหว่างกองทัพตุรกีกับกองกำลังชาวเคิร์ดที่มีสหรัฐฯ หนุนหลัง บริเวณนอกเมืองอัฟริน (Afrin) ซึ่งถูกควบคุมโดยนักรบชาวเคิร์ดอยู่ในปัจจุบัน

ทรัมป์ชี้แนะตุรกีใช้ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงปฏิบัติการที่สุ่มเสี่ยงให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกองทัพตุรกีกับกองทัพสหรัฐฯ รวมถึงเพิ่มความร่วมมือระดับทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหา “ความมั่นคงอันถูกต้องตามกฎหมายของตุรกี”

ทั้งนี้ ตุรกีออกปฏิบัติการกิ่งมะกอก (Operation Olive Branch) ด้วยการบุกโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วง เพื่อขับไล่หน่วยพิทักษ์ประชาชนชาวเคิร์ด (YPG) ออกจากเมืองอัฟรินในวันเสาร์ (20 ม.ค.)

ปฏิบัติการฯ ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ เผยแผนการจัดตั้ง “กองกำลังความมั่นคงชายแดน” (BSF) ซึ่งมีชาวเคิร์ดเป็นผู้นำ บริเวณเส้นพรมแดนซีเรีย-ตุรกี ความยาว 900 กิโลเมตร จนสร้างความไม่พอใจแก่ตุรกี

อย่างไรก็ดี เออร์โดกันกล่าวยืนยันเมื่อวันจันทร์ (22 ม.ค.) ว่า “ตุรกีจะไม่ถอยทัพจากการสู้รบกับหน่วยพิทักษ์ชาวเคิร์ดในเมืองอัฟริน”

Image may contain: sky and outdoor
 
 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์ฟื้นตัวแตะกรอบล่าง 109 เยน หลังร่วงหนักจากถ้อยแถลงขุนคลังสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2561 11:06:22 น.
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวแตะกรอบล่าง 109 เยน ในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียวช่วงเช้านี้ โดยดอลลาร์ดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายที่ตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้ออกมาสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในเที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนตัวแตะ 109.07-08 เยน เมื่อเทียบกับตลาดนิวยอร์กที่ 109.17-27 เยน และ 109.95-96 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น.เมื่อวานนี้



ส่วนเงินยูโรเคลื่อนไหวในช่วง 1.2422-2423 ดอลลาร์ และ 135.49-50 เยน เมื่อเทียบกับที่ตลาดนิวยอร์กในช่วง 1.2404-2414 ดอลลาร์ และ 135.47-57 เยน และในช่วงบ่ายของตลาดโตเกียวเมื่อวานนี้ที่ 1.2311-2313 ดอลลาร์ และ 135.36-40 เยน

ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการที่นายมนูชินได้กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจ และการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ ก็เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจอเมริกา

ทางด้านนางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถือเป็นสกุลเงินที่มีเสถียรภาพอย่างมาก และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็สนับสนุนให้ค่าเงินลอยตัวอย่างเสรี

นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2772656

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น ลุ้นทดสอบ 1,845 จุด ขานรับราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน-บจ.จ่ายปันผล

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2561 10:10:04 น.
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยวันนี้ ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มภาคธุรกิจจริง (real sector) หลังจากที่เมื่อวานนี้ SCC ได้ประกาศผลประกอบการปี 60 ออกมาพร้อมกับจ่ายปันผล ซึ่งทำให้มีแรงซื้อเข้ามา รวมถึงยังมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศกลับเข้ามาช่วยหนุนการลงทุนด้วย ส่วนแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศมีเข้ามาเป็นส่วนน้อย ซึ่งยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน



นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังได้ปัจจัยหนุนจากที่หน่วยงานรัฐบาล จะทยอยรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนม.ค.ซึ่งยังคงมีทิศทางที่ดี

ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศยังต้องจับตาทั้งในฝั่งยุโรป ที่วันนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และฝั่งสหรัฐ ทั้งในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจ และทิศทางนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจและการเมือง และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย

อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นอีกรอบ ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ให้ปรับตัวขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,845 และ 1,852 จุด แม้ดัชนีหุ้นไทยจะเดินหน้าทำสถิติใหม่ต่อเนื่องในช่วงนี้ แต่ก็ยังเป็นลักษณะการเลือกลงทุนหุ้นรายตัว โดยวอลุ่มการซื้อขายเริ่มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5-6 หมื่นล้านบาท/วัน จากเดิมที่สูงถึงระดับ 7-8 หมื่นล้านบาท/วัน

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,830 และ 1,825 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,845 และ 1,852 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
-ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,252.12 จุด เพิ่มขึ้น 41.31 จุด (+0.16%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,837.54 จุด ลดลง 1.59 จุด (-0.06%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,415.06 จุด ลดลง 45.23 จุด (-0.61%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 190.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 20.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 2.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.28 จุด,  ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.49 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ม.ค.61) 1,838.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด (+0.39%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 232.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.61ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.8%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ม.ค.61) ที่ 6.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.55 ก่อนขยับมาที่ 31.51 แข็งค่าในรอบกว่า 4 ปีตามทิศทางภูมิภาค หลังดอลล์อ่อน

- รมว.คมนาคม สั่งสนข.ปรับแผนแม่บท 20 ปี การก่อสร้างมอเตอร์เวย์ของทล.และทางด่วนของ กทพ.ไม่ให้ทับซ้อน แบ่งชัดระหว่างเมือง-ในเมืองใครสร้าง เน้นเปิดเอกชนร่วมลงทุนตามนโยบายรัฐบาล ด้านทล.ชี้ตามแผนมี 21 เส้น วงเงิน 2 ล้านล้าน ยันลุยเหลมฉบัง-ปราจีน และโคราช-ขอนแก่น ขณะที่ กทพ.ถูกลดเหลือ 13 จาก 30 เส้นทาง

- คลังเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม-ธันวาคม 2560) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 547,678 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 23,732 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.5% โดยรายได้เพิ่มขึ้นมาจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 9,556 ล้านบาท รายได้หน่วยงานอื่นเพิ่มขึ้น 4,848 ล้านบาท และกรมสรรพสามิต 388 ล้านบาท โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีรถยนต์ 2,409 ล้านบาท และภาษีเบียร์ 483 ล้านบาท

- ส.อ.ท.เผย ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค.60 ทะลุ 89 สูงสุดในรอบ 35 เดือน ส่งสัญญาณชัด ศก.เริ่มฟื้น แต่ห่วงบาทแข็ง-ค่าแรงขั้นต่ำขยับขึ้น เป็นตัวฉุดความสามารถการแข่งขัน แนะให้เร่งดูแลและหามาตรการรับมือ พร้อมเผยยอดขายรถยนต์เดือน ธ.ค.พุ่งมั่นใจทั้งปีผลิตรถได้ 2 ล้านคัน

- รมว.ท่องเที่ยวฯระบุ การประชุมรมต.ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ที่ รร.แชงกรี-ลา จ.เชียงใหม่ จะหารือร่วมกันใน 3 เรื่องหลัก คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน เพื่อสร้างความสมดุลของการท่องเที่ยวที่จะไม่สร้างภาระให้กับแหล่งท่องเที่ยว ทั้งด้านการใช้ทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของเจ้าของแหล่งท่องเที่ยว การสร้างการเชื่อมโยงด้านการเดินทางระหว่างกัน ซึ่งทำให้การถ่ายเทนักท่องเที่ยว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้าย คือ การนำเสน่ห์ของอาหารเป็นสีสันของอาเซียน โดยสร้างเป็นจุดขายที่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค

- ผู้บริหาร SENA มองแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 7-8% เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนของภาครัฐที่มีโครงการออกมาต่อเนื่อง การท่องเที่ยวและการส่งออกที่เติบโต รวมถึงอัตราดอกเบี้ยทรงตัว และการแข่งขันเสนอให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 3% ส่งผลให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นและกลับมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น

- กระทรวงพาณิชย์จัดประชุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม 13 ห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ ผู้ผลิตสินค้ากว่า 100 รายขอความร่วมมือไม่ให้ปรับขึ้นราคาหลังค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ชี้ผลกระทบแค่ 1% ส่วนขายปลีกน้ำตาลลอยตัวแล้วลดลง 2 บาท/กก.

- "ทรัมป์" ลงนามเรียกเก็บภาษีนำเข้า "แผงโซลาร์เซลล์-เครื่องซักผ้า" มีผล 7 ก.พ. รัฐบาลเชื่อระยะสั้นยังไม่กระทบ ขณะ "พาณิชย์" ยอมรับไทยส่งออกไปสหรัฐ เพิ่มต่อเนื่อง แนะผู้ประกอบการหาตลาดอื่น ด้าน "ทีดีอาร์ไอ" ห่วงเป็นจุดเริ่มต้นสงครามการค้า หวั่นไทยตกเป็นเป้า เหตุเกินดุลการค้าสหรัฐมาก ขณะนักเศรษฐศาสตร์เตือนผู้ประกอบการไม่ควรประมาท

*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท แม้คาดกำไรสุทธิสำหรับ 4Q60 ที่ 2,410 ล้านบาท หากตัดรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนและรายการพิเศษอื่น ๆ คาดกำไรปกติจากการดำเนินงานราว 59 ล้านบาท อ่อนตัวลง 97% QoQ และ 98% YoY ผลกระทบส่วนหนึ่งจากปัจจัยฤดูกาล อีกทั้งราคาสัตว์บกในประเทศลดลงค่อนข้างมาก ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี ยกเว้นหมูในเวียดนาม และ Bellisio ในสหรัฐฯรับผลกระทบการแข่งขัน แต่ปี 61 อาจเห็นแนวโน้มราคาสัตว์บกในประเทศดีขึ้นแต่ยังไม่ดีเท่ากับที่คาดไว้ จึงปรับประมาณการกำไรปกติปีนี้ลงเหลือ 7,791 ล้านบาท แต่ยังพอมี Upside

- DDD (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 125 บาท คาดรายได้ในประเทศปี 61-65 จะโตสูงต่อเนื่องมี CAGR 33% จากตลาดสกินแคร์แนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องคาด CAGR ที่ 4.9%, ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น King Power ปัจจุบันมี 2 สาขา คาดปีนี้จะขยายจุดจำหน่ายอีก 3-4 สาขา,รุกช่องทาง Traditional Trade เปิดสาขา Namu Life Shop,ออก 3-4 ผลิตภัณฑ์ใหม่/ปี มีแผนเจาะ untapped segment เช่น anti-aging, for men , เล็งสร้างแบรนด์ใหม่ขยายฐานลูกค้ากลุ่ม mass หรือ premium brand,เพิ่มขนาดของผลิตภัณฑ์หลากหลาย ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศยังอยู่ในระยะเริ่มแรก และยังมีโอกาสเติบโตสูง คาดว่ารายได้ตลาดต่างประเทศปี 61-65 จะมี CAGR อยู่ที่ 37%

- SCC (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะนำ"ซื้อ"ลักษณะลงทุน เป้าหมาย 550 บาท กำไร 4Q60 โตเล็กน้อย 12,567 ล้านบาท (+6%QoQ, +1%YoY)  ปี 61 คาดจะถูกกดดันจากต้นทุน Naphtha สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและสเปรดปิโตรเคมีแคบลง ส่วนธุรกิจปูนยังไม่ฟื้นมากนัก โดยประเมินกำไร 52,012 ล้านบาท ลดลงต่อ 5.5%  อย่างไรก็ตาม SCC ซื้อขาย P/E ต่ำ กระแสเงินสดสูง จ่ายปันผลกำไรครึ่งหลัง 60 เท่ากับ 10.5 บาท  รวมจ่ายปันผลกำไรปี 60 เท่ากับ 19 บาท

--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2772613

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“การทำสิ่งที่ดีงามนั้น ไม่ใช่ของพ้นสมัย หรือที่น่ากระดากอาย
หากเป็นของที่ทุกคนทำได้ไม่ยาก และให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า เพราะความดีนั้น ทรงค่าและทรงผลดีอยู่ตลอดกาลมิได้เปลี่ยนแปลง มีแต่ค่านิยมในความดีเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง”

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานเพื่ออัญเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๓ 
๑๓ เมษายน ๒๕๑๖

Crโบราณนานมา

Image may contain: 2 people, people standing and outdoor
 

ข่าวในพระราชสำนัก วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ.2561สํานักข่าวไทย TNAMCOT

เจาะลึกเศรษฐกิจ by Ylg 26-01-2561

เฮฮาภาษาทอง by Ylg 26-01-2561

Hua Seng Heng Morning News 26-01-2561

ข่าวเช้า.. ประเด็นร้อนกับทิศทางทอง 
.

1f4f2.png📲 ทองคำปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 10% นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธ.ค. และใกล้ไปทดสอบระดับแนวต้านสำคัญทางเทคนิคซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมเมื่อเดือนส.ค. ปี 2016...
1f4f2.png📲 ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่าพึงพอใจต่อการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งสวนทางกับถ้อยคำของนายสตีเว่น มนูชิน เลขาธิการกระทรวงการคลัง... 
1f4f2.png📲 นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวตำหนิรัฐบาลสหรัฐฯเกี่ยวกับการออกมาพูดให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมา โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดข้อตกลงที่จะไม่ทำการใดๆที่ส่งผลต่อค่าเงินโดยตรง...

.
ทั้งร้อน ทั้ง Hot ขนาดนี้ 1f4a5.png💥
หากไม่อยากพลาดต้องอ่านข่าวเต็มๆที่: www.mtsgold.co.th

Image may contain: 1 person

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีวันศุกร์จ้า

 ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อเก็งกำไร หนุนทองปิดบวก 6.6 ดอลลาร์

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ม.ค. 61)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าซื้อเก็งกำไร ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,362.90 ดอลลาร์/ออนซ์ 
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 12.6 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 17.615 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 16.3 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1032.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 8.95 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1097.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไร โดยปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้กล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา 
อย่างไรก็ตาม หลังจากตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการแล้ว สัญญาทองคำร่วงลงในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจากเดินทางถึงเมืองดาวอสเพื่อเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เมื่อวานนี้ว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสตีเวน มูนชิน รมว.คลังได้กล่าวในเชิงสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ว่า สื่อมวลชนอาจตีความคำพูดของนายมนูชินที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะสื่อ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก หลัง "ทรัมป์" ออกโรงหนุนดอลลาร์แข็งค่า

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ม.ค. 61)--สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.42 เยน จากระดับ 109.05 เยน ขณะที่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9425 ฟรังก์ จากระดับ 0.9453 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2394 ยูโร จากระดับ 1.2404 ยูโร ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.4124 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4214 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.8021 ดอลลาร์ จากระดับ 0.8079 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CNBC หลังจากเดินทางถึงเมืองดาวอสเพื่อเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เมื่อวานนี้ว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสตีเวน มูนชิน รมว.คลังได้กล่าวในเชิงสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ว่า สื่อมวลชนอาจตีความคำพูดของนายมนูชินที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะสื่อ
ทางด้านนายมนูชินได้ออกมาชี้แจงว่า "ผมคิดว่าความเห็นของผมเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น มีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยมีความสมดุล และสอดคล้องกับสิ่งที่ผมได้กล่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ เราไม่มีความกังวลต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้น ถึงแม้อาจมีผลกระทบทั้งทางบวกและลบ"
นายมนูชินยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่จะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และสหรัฐต้องการให้มีการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 240,000 ราย
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยดิ่งลง 9.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 625,000 ยูนิต ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559 
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 ขุนคลังสหรัฐออกโรงแจงถ้อยแถลงของเมื่อวานนี้ หลังสร้างความปั่นป่วนต่อค่าเงินดอลลาร์

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 61)--นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวชี้แจงในวันนี้ว่า คำกล่าวของเขาเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้นั้น เป็นคำกล่าวที่มีความสมดุล และสอดคล้องกับสิ่งที่เขากล่าวก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของนายมนูชินเมื่อวานนี้ สร้างความปั่นป่วนต่อค่าเงินดอลลาร์ โดยส่งผลให้ดอลลาร์ทรุดตัวลงแตะกรอบ 108 เยนเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว หลังจากที่เขากล่าวในการแถลงข่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้ว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดการเงินมองว่า คำกล่าวดังกล่าวของนายมนูชินบ่งชี้ว่า สหรัฐกำลังหันออกจากนโยบายค่าเงินที่ใช้กันมาในอดีต และเป็นการส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังเตรียมทำสงครามการค้ากับจีน และประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ อันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน"ของเขา
อย่างไรก็ดี นายมนูชินกล่าวในวันนี้ว่า "ผมคิดว่าความเห็นของผมเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยมีความสมดุล และสอดคล้องกับสิ่งที่ผมได้กล่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ เราไม่มีความกังวลต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้น ถึงแม้อาจมีผลกระทบทั้งทางบวกและลบ"
นายมนูชินยังกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่จะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และสหรัฐต้องการให้มีการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

เป็นแท่งที่ลงลึกถึง 24 เหรียญ ลงแรงสุดของรอบนี้นับเป็นสัญญาณขายได้ การเกิิดสัญญาณระดับนี้เมื่อใกล้แนวต้านสำคัญ ก็เป็นสัญญาณขายแรกๆ ของภาพหลักครับ

Image may contain: text

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสะล้อร่วมกับวงดนตรีศูนย์การเรียนรู้ดนตรีพื้นบ้านล้านนา สลีปิงชัยแก้วกว้าง ณ จังหวัดเชียงใหม่

ภาพจาก FB_Songkran Somchandra

Image may contain: 6 people, people standing, wedding, tree and outdoor

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Image may contain: text

เตรียมกันจัดหาชุดไทยย้อนยุค แต่งไปเที่ยวงาน "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" ที่พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า ระหว่าง ๘ ก.พ. -11 มี.ค.61 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์จัดงานฤดูหนาวขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี โดยการมอบความสุขให้แก่ประชาชน ส่งเสริมการท่องเที่ยว และศิลปวัฒนธรรมไทย

ลักษณะงานย้อนยุค จัดงานแบ่งเป็น ๓ โซน คือ 
๑ .โซนพระลานพระราชวังดุสิต จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมสยามประชารำฦกนำเสนอพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ออกแบบตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสมัย รัชกาลที่ ๕ และ ๙ มีการจัดสวนพันธุ์ไม้ งานประดิษฐ์ตามรูปแบบศิลปกรรมไทย

๒.โซนสนามเสือป่า จัดร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์และร้านค้ารับเชิญ เช่น ร้านศิลปาชีพ ๙๐๔ ร้านภูฟ้า ร้านจิตรลดา ร้านมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ร้านมูลนิธิโครงการหลวงมีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านและฉายหนังกลางแปลง โดยเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายสินค้า จะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก

๓.ร้านอาหารและร้านค้า ในแนวคิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร สืบสานชุมชน วิถีไทยโดยจะจัดซุ้มร้านอาหารไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย จำนวนประมาณ ๓๐ ร้าน มีการสาธิตเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และมีร้านสตูดิโอให้ถ่ายภาพย้อนยุค โดยพ่อค้า แม่ค้า จะสวมชุดไทยย้อนยุค โดยเชิญชวนประชาชน ที่ไปร่วมงานแต่งกายย้อนยุคสมัย ร.๕ หรือสวมใส่ผ้าไทย หรือชุดสุภาพตามสมัยนิยม.

 

Image may contain: 10 people, people smiling, people sitting and outdoor

เมื่อเช้าของวันอังคารที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินเพื่อออกกำลังพระวรกาย รอบหมู่บ้านแถวสันผีเสื้อ จังหวัดเชียงใหม่ #ทรงเป็นกันเองกับผู้มารอรับเสด็จฯ #เจ้าฟ้าของคนเดินดิน

ข่าวในพระราชสำนัก วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2561

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 29 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 29 มกราคม 2561 08:31:45 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ (26 ม.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮอีกครั้ง หลังสหรัฐเผยตัวเลข GDP ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ซึ่งนักลงทุนมองว่ายังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 223.92 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 26,616.71 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 33.62 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 2,872.87 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 94.61 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 7,505.77 จุด



-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 2.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3

การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2560 มีสาเหตุจากการลดลงของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการพุ่งขึ้นของตัวเลขการนำเข้าสินค้า

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3% ในปีนี้ ตามเป้าหมายของรัฐบาล จากปัจจัยบวกของดอลลาร์ที่อ่อนค่า และเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง รวมทั้งแรงกระตุ้นจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว, 3.1% ในไตรมาส 2 และ 3.2% ในไตรมาส 3

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ โดยได้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมาก หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปีที่แล้ว

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของเขาได้ทำให้บริษัทสหรัฐกลับมาลงทุนในประเทศ และเขายังได้กล่าวเชิญชวนประเทศต่างๆ เข้าลงทุนในสหรัฐ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้กล่าวปกป้องนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน" โดยกล่าวว่า คำว่า'อเมริกาต้องมาก่อน' ไม่ได้หมายความว่า สหรัฐคำนึงถึงผลประโยชน์อเมริกาเท่านั้น เพราะว่าเมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัว เศรษฐกิจโลกก็ขยายตัวเช่นกัน

-- นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า แม้มีหลายปัจจัยที่ทำให้การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เป็นไปอย่างยากลำบาก แต่เขาเชื่อว่า BOJ ใกล้จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจากค่าแรงและราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ นายคุโรดะไม่ได้ปรับทบทวนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุดแล้ว BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ และยังกล่าวด้วยว่า BOJ จะเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและราคา ด้วยการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป

-- สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เล็งเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็น 7.16 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2562

ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 7% จากงบกลาโหมปี 2561 ซึ่งยังไม่ผ่านสภาคองเกรส นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายประจำปีของกระทรวงกลาโหม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำสงครามและรักษาคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์

-- Coincheck บริษัทผู้ดำเนินการซื้อขาย NEM ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล แถลงว่า NEM จำนวน 5.8 หมื่นล้านเยน (534 ล้านดอลลาร์) ได้สูญหายไปจากตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกแฮกเกอร์ลักลอบเจาะเข้าระบบ

การสูญหายเงินดังกล่าว ทำให้ Coincheck ประกาศระงับการซื้อขาย และฝากถอนเงิน NEM
สำหรับวงเงิน NEM ที่สูญหายในครั้งนี้ มากกว่าที่ Mt. Gox ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ในญี่ปุ่น แจ้งว่ามีการสูญหายบิตคอยน์วงเงิน 4.8 หมื่นล้านเยนในปี 2557

Coincheck ออกแถลงการณ์ขอโทษลูกค้าต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะทำการตรวจสอบหาสาเหตุการสูญหายของ NEM ขณะที่ได้รายงานต่อสำนักงานบริการการเงิน และสำนักงานตำรวจของญี่ปุน

-- สหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียประกาศผนวกคาบสมุทรไครเมียจากยูเครนในปี 2557 และเข้าสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน โดยกระทรวงการคลังสหรัฐได้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัสเซีย 21 คน และบริษัท 9 แห่ง

ทางด้านนายเลโอนิด สลัตสกี ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ประจำสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย กล่าวว่า การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ถือเป็นการกระทำที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐย่ำแย่ลง พร้อมกล่าวว่า รัสเซียจะตอบโต้ต่อการคว่ำบาตรดังกล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

การแถลงนโยบายประจำปีดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งในปีที่แล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามที่เขาได้เคยรณรงค์หาเสียงในปี 2559 โดยคาดว่า โครงการลงทุนในสาธารณูปโภคจะมีวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กองทุนในช่วงเวลา 10 ปี

-- ตลาดการเงินจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

สำหรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐนั้น ปรับตัวขึ้น 148,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วัน ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2560 พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2561

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ได้แก่ ในการประชุมเดือนมี.ค., มิ.ย. และธ.ค.

-- บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่มีเตรียมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ในสัปดาห์นี้ โดยไมโครซอฟต์, เฟซบุ๊ก และเพย์พาล เตรียมเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธ ขณะที่อาลีบาบา แอปเปิล อัลฟาเบท และอเมซอน จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี ส่วนบริษัทไฟเซอร์ โบอิ้ง และยูพีเอส มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้เช่นกัน

--  สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.ของอังกฤษซึ่งรายงานโดยเนชั่นไวด์ ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากเฟดดัลลัส

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราว่างงาน,การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและยอดค้าปลีกประจำเดือนธ.ค. ขณะที่ฝรั่งเศสจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 , เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนม.ค. ส่วนยูโรสแตทจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งได้แก่ จีดีพีไตรมาส 4/2560 ,ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2774053

เป็นช่วงเวลาที่ตัวผมเองลำรึกถึงวันที่ตั้งคำถามว่าทองจะหลุด 1000 เหรียญลงไปถึง 900 เหรียญอย่างที่ใครหลายคนในตอนนั้นว่าหรือเปล่า ถ้าราคาทองผ่าน 1380 - 1400 ขึ้นไปคงจะสามารถพูดได้ว่าทอง bottom out แล้ว 
ทองก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ตรงช่วงรอยต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐที่ต้องผ่อนคลายการเงินอย่างเต็มที่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากการล่มสลาย มาจนถึงวันที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวและกำลังจะเข้าสู่ภาวะร้อนแรงอีกครั้ง การอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นบวกกับทองอย่างมาก ทองเคยขึ้นอย่างไม่ต้องพักตัวปรับฐานก็พร้อมจะขึ้นได้เป็นร้อยเหรียญ( 1600 บาท) แต่พอโลกหมุนไป หรือหมุนกลับ ทองก็ร่วงลงราวฟ้าถล่ม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานปี คนที่ซื้อไว้ต้องเผชิญกับช่วงเวลานั่นดั่งฝันร้าย แต่เมื่อถึงเวลานี้ เหมือนนานแสนนาน ทองก็เหมือนจะกลับมาพร้อมจะพุ่งทะยาน
ก่อนหน้านี้ได้อ่านผลสำรวจการคาดการณ์ของเจ้าของเหมืองทอง เค้าก็ว่าในช่วงปีสองปีก่อนทองจะทรงๆ ก่อนจะฟื้นได้ อ่านแล้วก็ blank ๆ เมื่อถึงจุดนี้ก็ย้อนระลึกถึงอะไรๆ หลายอย่าง
-----------------------------------------------------------------------
การมาเทสต์กรอบบนบริเวณ 1370 - 1400 ถือเป็นสัญญาณบวกต่อภาพใหญ่ ซึ่งถ้ามีการ Setup ตรงบริเวณนี้จะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนกรอบ โดยจะมีแนวต้านสำคัญถัดไปอยู่ที่ 1450 และ 1500 เหรียญ (ประมาณการณ์ราคาไทยจะอยู่ที่ 21500 และ 22000 โดยที่เงินบาทประมาณ 31.20 / 30.80 ) 
ประเด็นสำคัญต่อภาพรวมของทองนั้นจะอยู่ที่ปฏิกริยาของนักลงทุนเมื่อเฟดมีท่าทีจะขึ้นดอกเบี้ยถี่ขึ้นกว่าตอนนี้ ซึ่งจะมาถึงแน่ ๆโดยเฉพาะถ้าตลาดหุ้นสหรัฐยังนิวไฮได้ทุกวันแบบนี้
-------------------------------------------------------------------------
ประเด็นระยะสั้น อยู่ที่เฟดอย่างเดียวโดยไม่เกี่ยวกับตัวเลขการจ้างงานเท่าไหร่นัก เพราะกลจักรในการหมุนเวียนเศรษฐกิจได้หมุนไปแล้ว คาดว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในวันพุธที่จะถึงนี้แต่... ต้องจับสัญญาณดีๆว่าเฟดจะขยับตัวจาก "ค่อยเป็นค่อยไป" หรือไม่ ถ้าขยับจะทำให้ทองพักตัวลง หรือจะลงต่ำกว่า 1330 - 1340 โดยต้องไปดูสถานการณ์ตอนใกล้ 1280 1300 อีกที 
แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยน ทองจะพักตัวไม่เยอะ โดยจะไปว่ากันตามแรงซื้อแรงขายตอนนั้นอีกที (ไม่เปลี่ยนไม่ได้แปลว่าไม่ลง) 
-------------------------------------------------------------------------
กรอบราคาสำคัญอยู่ที่ 1330 - 1340 เป็นกรอบล่าง ถ้าลงต่ำกว่านี้สถานการณ์เปลี่ยน มีแนวรับสำคัญรอยู่แถว 1280 1300 แต่ถ้าเบรก 1365 ที่เป็นกรอบบน จะมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1380 1400 
กลยุทธ์ เลือกมองลง Bias Short มากกว่า เป้าใกล้ 1340 แต่ถ้าลงต่ำกว่า 1340 ก็น่าจะลงยาวไปถึง 1315 1305 ถ้าเบรก 1360 1365 คัตวางแผนใหม่ 
สำหรับขาซื้อ ที่รอซื้อยังแนะนำรอดูสถานการณ์ ลงใกล้ 1300 ค่อยจับสัญญาณซื้อ ส่วนที่ยังถือ ถ้าลงต่ำกว่า 1340 ก็น่าขายก่อน เพื่อถอยมาดูจังหวะอีกที แต่ถ้าเบรก 1360 1365 ซื้อเล่นสั้นตามไปดูแถวแนวต้าน 1370 1380 กัน
28 Jan, 2018

No automatic alt text available.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

https://yt2fb.com/hua-seng-heng-morning-news-29-01-2561/

 
 

YLG GOLD DAILY UPDATE 29-01-61

• ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังจากฟื้นตัวเพียงแค่ระยะสั้นจากการให้สัมภาษณ์สนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 
• นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการเปิดเผยประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 4/2017 ของสหรัฐที่ขยายตัวเพียง 2.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 3% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3
อ่านฉบับเต็มคลิก : https://goo.gl/NU6XMB

 

No automatic alt text available.
 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเช้า.. ประเด็นร้อนกับทิศทางทอง 1f525.png🔥

1f4e9.png📩 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดรอบ 17 เดือน ท่ามกลางสัญญาณจากเจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯบ่งชี้ต่อความพอใจในการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์...
1f4e9.png📩 กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำการขายทองคำ 1.18 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 848.14 ตัน 
1f4e9.png📩 รายงานจากสำนักข่าว Reuters เผย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยร่างงบประมาณด้านการป้องกันประเทศสำหรับปี 2019 ภายในเดือน ก.พ. นี้...

.

หากไม่อยากพลาดต้องอ่านข่าวเต็มๆที่: www.mtsgold.co.th

 

No automatic alt text available.

MTS

สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 29 มกราคม 2561 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Image may contain: sky and outdoor

Image may contain: sky and outdoor
 
รื้อสิ่งปลูกสร้างพระเมรุมาศล่าสุดมีความคืบหน้าไปมาก

เจ้าหน้าที่กำลังรื้อถอนพระเมรุมาศและอาคารประกอบพระเมรุมาศ และต้นไม้รอบบริเวณพระเมรุมาศ โดย ส่วนหนึ่งของพระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน 4 หลัง ทับเกษตร 2 หลัง บุษบกซ่าง 1 หลัง สระอโนดาต 2 สระ จะย้ายไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ บนเนื้อที่ 10 ไร่ บริเวณด้านหลังหอจดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตำบลคลองห้า จังหวัดปทุมธานี นอกจากนี้อาคารประกอบส่วนหนึ่ง ได้แก่ ศาลาลูกขุน 2 หลังจะย้ายไปจัดแสดงที่สำนักช่างสิบหมู่ จังหวัดนครปฐม เพื่อให้แหล่งเรียนรู้ทั้ง 2 ส่วนนี้ เป็นที่ระลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 และผลงานมรดกวัฒนธรรมไทย ที่ทรงคุณค่า ที่คนรุ่นใหม่ควรจะเรียนรู้ต่อไป

ภาพ ธนาชัย ประมาณพาณิชย์ ( Tanachai Pramarnpanich ) 
#NationPhoto #รื้อถอนพระเมรุมาศ #พระเมรุมาศ
 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
สามารถติดตามข่าวสารต่างๆของทาง บริษัท MTS GOLD GROUP ได้ในช่องทางด้านล่างนี้ หรือ ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-770-7777 ในวันและเ....
 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวในพระราชสำนัก วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ.2561

8:07Hua Seng Heng Morning News 30-01-2561

 
MTS GOLD is live now.
8 mins · 

เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ MTS LIVE วันที่ 30 มกราคม 2561

 
 
 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2561 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จไปทรงเป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ครบ 66 ปี
.
ภาพจาก FB_Yai Wong

Image may contain: 3 people, people standing
Wealth Station
2 hrs · 

กลยุทธ์ยังถือเอส ผ่าน 1342 - 1345 ปิดเอสจับจังหวะใหม่ ผ่าน 1352 1355 วางแผนใหม่ เพราะอาจต้องกลับไปมองขึ้นผ่าน 1365 แทน ระวังแรงซื้อจากบริเวณ 1334 1336 แต่ถ้าหลุดลงต่ำกว่านี้มองด่านถัดไปแถว 1320 1315 และ 1305 
ซื้อไว้ยังไม่ขาย น่าขายและรอดูสถานการณ์
สำหรับท่านที่รอซื้อยังปักหมุดรอ 1300 อยู่ครับ
30 Jan, 2018

No automatic alt text available.
 

ข่าวเช้า.. ประเด็นร้อนกับทิศทางทอง 1f3aa.png🎪1f324.png🌤

1f3d6.png🏖 ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้จากการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล จึงทำให้...
1f3d6.png🏖 กองทุนทองคำ SPDR ขายทองคำต่อเนื่อง 2 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ขายอีก 1.47 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 846.67 ตัน 
1f3d6.png🏖 เหล่าเทรดเดอร์รอคอยการประกาศข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯและผลการประชุมเฟดที่ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

.
1f31e.png🌞1f321.png🌡ทั้งร้อน ทั้ง Hot ขนาดนี้ 
หากไม่อยากพลาดต้องอ่านข่าวเต็มๆที่: www.mtsgold.co.th

 

Image may contain: text

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำอังคารที่ 30 มกราคม 2561 (ภาคเช้า)

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- อังคารที่ 30 มกราคม 2561 09:40:14 น.
กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--MTS Gold Group
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องท่ามกลางแรงเทขายทำกำไรจาก SPDR โดยที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังไปทำ Low 88.89 จุดโดยประมาณ โดยเช้านี้อยู่ที่ 89.15 จุด ทางด้านค่าเงินบาทดีดกลับขึ้นมาเล็กน้อยที่ระดับ 31.48 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำระดับ 31.00 บาท/ดอลลาร์ โดยภาพรวมค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นท่ามกลางการตอบรับของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว อันได้แก่ Core PCE Price Index และ Personal Spending



วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากไปทำระดับสูงสุดแถว 1,365 เหรียญ และไม่สามารถทรงตัวเหนือ 1,350 เหรียญได้ ทำให้มีแรงเทขายเข้ามาจนทองคำหลุดมาแถว 1,340 เหรียญ โดยหากหลุดลงต่อจะมีแนวรับถัดไป 1,327 เหรียญ ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลดลงของ Indicators หลังจากที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยทองคำยังมีแรงขายทำกำไร และวันนี้ทองคำจะมีแนวรับสำคัญ 1,327 เหรียญ และ 1,300 เหรียญตามลำดับ และคาดว่าแนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 1,350 เหรียญ

การลงทุน Gold D
ราคาทองคำ Gold-D จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีแนวรับที่ระดับ 1,327 เหรียญ และแนวต้าน 1,350 เหรียญ

โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
หาจังหวะทยอยลดสถานะเมื่อราคาปรับตัวขึ้น
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ปิดทำกำไรเป็นช่วงๆระยะสั้น
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายปิดทำกำไรเมื่อราคาสูงขึ้นที่ เนื่องจากภาพหลักตลาดยังเป็นขาขึ้น

Gold Futures G18 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,150 บาท
Gold Futures J18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,200 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2774777

World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 30 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 30 มกราคม 2561 10:06:27 น.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทรัมป์ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า ในการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ เขาจะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ซึ่งรวมถึงนโยบายการรับคนเข้าเมืองและนโยบายการค้า นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะพูดถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของเขา ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของตลาดหุ้น และการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี



--นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ในฐานะประธานเฟด ก่อนที่นางเยลเลนจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 3 ก.พ.นี้ และนายเจอโรม พาวเวล จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) โดยได้แรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,439.48 จุด ร่วงลง 177.23 จุด หรือ -0.67% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,853.53 จุด ลดลง 19.34 จุด หรือ -0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,466.51 จุด ลดลง 39.27 จุด หรือ -0.52%

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.716% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2557 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2.954%

ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 26% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 23% ในวันศุกร์ และ 10% ในเดือนที่แล้ว

-- กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ย.

ด้านกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานว่างปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.56 เป็น 1.59 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2517 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า มีตำแหน่งงานว่าง 159 อัตรา สำหรับผู้หางานทุกๆ 100 คน

สำหรับตลอดทั้งปี 2560 อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 2.8% จาก 3.1% ในปีก่อนหน้า
--สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ตัวเลขการออมของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 3.516 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 จากระดับ 3.651 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.

ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.

--สำนักข่าวนิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่า ทางบริษัทจะปรับลดเป้าการผลิต iPhone X สำหรับไตรมาสแรกในปีนี้ลงครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 20 ล้านเครื่อง เนื่องจากยอดขายที่ต่ำกว่าคาดในยุโรป สหรัฐ และจีน

อย่างไรก็ดี คาดว่าแอปเปิลจะยังคงเป้าการผลิต iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone 7 ที่ระดับ 30 ล้านเครื่อง

--กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ย.

ด้านกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานว่างปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.56 เป็น 1.59 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2517 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า มีตำแหน่งงานว่าง 159 อัตรา สำหรับผู้หางานทุกๆ 100 คน

--สำนักงานตำรวจนครบาลประจำกรุงโตเกียวได้เริ่มทำการสอบสวนเบื้องต้นเมื่อวานนี้ กรณีที่บริษัท Coincheck ผู้ให้บริการซื้อขายสกุลเงิน NEM ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล เปิดเผยว่า แฮกเกอร์ได้โจรกรรม NEM ไปจากระบบเป็นจำนวนเงินสูงถึง 5.8 หมื่นล้านเยน

-- นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีกำหนดเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการกิจการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาอังกฤษในกรุงลอนดอนวันนี้

--จับตาข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่จะรายงานในวันนี้ โดยฝรั่งเศสจะรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560, อียูจะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 4/2560 ตลอดจนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค., เยอรมนีจะรายงานอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนม.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board

สำหรับในวันพรุ่งนี้ก็มีข้อมูลที่น่าจับตาเช่นกัน ทางฝั่งจีนจะรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS), ญี่ปุ่นจะรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., อียูเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนธ.ค. และสหรัฐจะรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. เป็นต้น

-- นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงผลประกอบการของไมโครซอฟต์ เฟซบุ๊ก เพย์พาล อาลีบาบา แอปเปิล อัลฟาเบท อเมซอน ไฟเซอร์ โบอิ้ง และยูพีเอส

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2774802

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.45 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังมีแรงซื้อดอลล์ นลท.จับตาสัญญาณดอกเบี้ยในการประชุมเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 30 มกราคม 2561 09:21:23 น.
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.45 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก



ช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.42 บาท/ดอลลาร์ หลังมีแรงเทขายหุ้นกำไรแล้วกลับไปถือครองดอลลาร์

"บาทอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังมีแรงเทขายหุ้นทำกำไรและมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะมีการปรับ

ฐาน" นักบริหารเงิน กล่าว
ตลาดรอดูผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ว่าจะส่ง

สัญญาณทางเศรษฐกิจอย่างไร โดยคาดการณ์ว่าจะยังคงมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.25-1.50%

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 31.40-31.50 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (29 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.00904% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (29 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ

1.09021%
* ปัจจัยสำคัญ
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 108.86 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 108.68 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.2376 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2421 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.3490 บาท/

ดอลลาร์
- นักบริหารเงินธนาคารพาณิชย์ระบุ ค่าเงินบาทวานนี้ เปิดตลาดที่ 31.32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากปิดตลาด

ปลายสัปดาห์ก่อนที่ 31.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในระหว่างวันมีความผันผวนในทิศทางอ่อนค่าเนื่องจากมีแรงซื้อเงินดอลลาร์าสห

รัฐกลับเข้ามาเป็นระยะ และปิดตลาดที่ระดับ 31.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
- สำนักงาน ก.ล.ต. เผยอยู่ระหว่างหารือกับ 3 หน่วยงานหลัก คลังแบงก์ชาติ-ปปง.ออกเกฑณ์คุมเงินดิจิทัลและ

ICO หลังผลรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่นักลงทุนเห็นชอบ คาดสรุปชัดเจนไตรมาสแรกและประกาศใช้ไตรมาส 2 ปีนี้

- ผู้อำนวยการ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงาน

ตำรวจแห่งชาติ (ศป.ฉปทน.) เปิดเผยว่า ได้เชิญหน่วยงาน ภาครัฐที่เกี่ยวข้องและบริษัทเอกชนมาหารือถึงมาตรการป้องกันการฟอก

เงินผ่านกลุ่มบิตคอยน์
- คมนาคมเร่งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ดันรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 8 โครงการกว่า 3.98 แสนล้านบาท

เข้า ครม. ก.พ.นี้ พร้อมชงศูนย์ซ่อมเครื่องบินหมื่นล้านบาทเข้าบอร์ด อีอีซี-ดันรถไฟไอสปรีดเทรน กรุงเทพฯ-หัวหิน เข้า สคร. 1

ก.พ.นี้
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 5-22 บาทต่อวันจะทำให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนใน

ระบบเศรษฐกิจไทยอีก 30,000 ล้านบาทและช่วยเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยได้ 0.1-0.2% เนื่องจากจะช่วยให้แรง

งานประมาณ 6 ล้านคนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น  และเมื่อรวมตลอดปี 61 คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 4.2-4.5%

- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ม.

ค.) โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ รวมทั้งรายงานที่ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการ

บริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญนั้น ปรับตัวสูงขึ้นในเดือน

ธ.ค.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้ความ

ต้องการถือครองทองคำลดน้อยลง นอกจากนี้  นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย หลังจากอัตราผลตอบแทน

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อคืนนี้
- นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคาร

กลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้น

อัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
- นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ในฐานะประธานเฟด ก่อนที่นางเยลเลนจะสิ้นสุดวาระ

การดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 3 ก.พ.นี้ และนายเจอโรม พาวเวล จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

- นักลงทุนยังรอดูประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภา

คองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

- ข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส, ความ

เชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอ

ปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)

ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการ

ก่อสร้างเดือนธ.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอด

สั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2774783

เฟดเตรียมเปิดฉากประชุมนโยบายการเงินวันนี้ คาดที่ประชุมคงอัตราดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 30 มกราคม 2561 08:15:02 น.
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ในฐานะประธานเฟด ก่อนที่นางเยลเลนจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 3 ก.พ.นี้ และนายเจอโรม พาวเวล จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

ส่วนในการประชุมเฟดครั้งหลังสุดซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2561 นอกจากนี้ ที่ประชุมเฟดยังปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2561, 2562 และ 2563 อยู่ที่ระดับ 2.5%, 2.1% และ 2.0% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 2.1%, 2.0% และ 1.8% ตามลำดับ



--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2774750

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...