ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

ไม่ยุติธรรม

จากหนังสือ "นิทานก่อนนอน"

แปลจากเรื่อง "The Two Hens"

ผู้แปล "ต้อยติ่ง"

|

แม่ไก่สองตัวทะเลาะกันเพราะแย่งข้าวโพดหนึ่งเมล็ด

เมื่อตกลงกันไม่ได้แม่ไก่ก็วิ่งไปฟ้องไก่โต้งให้ช่วยตัดสิน

"ไปนำข้าวโพดมาให้ฉันซิ"
ไก่โต้งสั่ง

 

แม่ไก่ทั้งสองก็เชื่อฟัง คาบเมล็ดข้าวโพดมาวางตรงหน้า

ผู้ตัดสินความแต่ไก่โต้งกลับรีบจิกข้าวโพดกินอย่างรวดเร็ว

"เอ๊ะ ไม่ยุติธรรม"
แม่ไก่ท้วงเสียงแหลมแล้ววิ่งเข้าป่าไปร้องทุกข์หมาจิ้งจอก

 

"พาไก่โต้งมาพบฉันหน่อย"
หมาจิ้งจอกสูดปาก

 

แม่ไก่กลับมาหลอกล่อไก่โต้งให้เข้าไปในป่า หมาจิ้งจอกงับไก่โต้งทันที

"ไม่ยุติธรรมเลยนะ"
แม่ไก่บ่นและพากันไปหาความยุติธรรมจากหมาป่าอีก

 

"ทำอย่างนี้ไม่ถูกเรื่อง ไปตามเจ้าหมาจิ้งจอกมาซิ"
หมาป่าคำราม

แกล้งทำเป็นโกรธแค้นแต่เมื่อแม่ไก่หาอุบายหลอกลวงหมาจิ้งจอกมาจนถึงถ้ำของหมาป่า

หมาจิ้งจอกก็ตกเป็นเหยื่อของหมาป่าอีกเช่นกัน

"โอ๊ย ไม่ยุติธรรม"
แม่ไก่ตะโกนวิ่งเตลิดหนีไปพึ่งหมีเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

 

"ตอนแรกเราก็ทะเลาะแย่งข้าวโพดกัน แล้วก็ไปขอให้ไก่โต้งช่วยตัดสิน

ไก่โต้งกลับกินข้าวโพดของเรา ไปฟ้องหมาจิ้งจอก หมาจิ้งจอกก็กินไก่โต้ง ไปร้องทุกข์

หมาป่า หมาป่าก็กินหมาจิ้งจอกอีกเห็นมั๊ย ไม่ยุติธรรมเลย"
แม่ไก่บ่น

 

"เอาละไปพาเจ้าหมาป่ามาพบข้า"
หมีออกคำสั่ง

แล้วเรื่องก็ลงรอยเดิม หมาป่าตกเป็นเหยื่อของหมี

"ตอนนี้ก็ถึงคราวเจ้าละ ข้าจะกินเจ้าด้วย"
หมีหันมาขู่ตะคอกแม่ไก่ทั้งสอง

 

แม่ไก่จึงวิ่งหนีสุดฝีเท้า พอรอดพ้นอันตรายแล้ว ก็หันหน้าเข้าปรับทุกข์กัน

 

"ดูซิ ข้าวโพดเพียงเมล็ดเดียวทำให้สัตว์ทั้งหลายอิ่มหนำสำราญไปตามๆกัน

มีแต่สองเราเท่านั้นที่ทะเลาะแย่งข้าวโพด กลับหิวโหยไม่ยุติธรรมเลยนะ"

hens.gif

|

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราพันเซล

 

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

250px-Johnny_Gruelle_illustration_-_Rapunzel_-_Project_Gutenberg_etext_11027.jpg

magnify-clip.pngภาพประกอบโดย จอห์นนี กรูล

เรื่องย่อ

 

ณ เวลาหนึ่งในอดีตมีสามีและภรรยาคู่หนึ่งผู้ที่รักกันมาก ทั้งสองมีความสุขด้วยกัน แต่อยากมีบุตรสักหนึ่งคน วันหนึ่ง พวกเขาได้เรียนรู้ว่าภรรยาจะมีลูก สามีเป็นสุขมาก จนสัญญาว่าจะทำอะไรก็ได้ที่จะโปรดภรรยาเขา ทุกๆ วัน เมื่อยามที่ภรรยารอลูกเกิด เธอก็มองสวนงดงามของบ้านข้างๆ มันเป็นสวนของแม่มดที่มีพลังอำนาจมหาศาลตนหนึ่ง สวนนั้นเต็มไปด้วยดอกราพันเซล และภรรยาใคร่อยากทานสลัดแสนอร่อยที่ใช้ดอกนั้นเป็นวัตถุดิบหลัก แต่เธอและสามีเธอจน และดอกราพันเซลเป็นสิ่งที่ทำให้เธอนึกถึงความจนเสมอ เรื่องนี้ทำให้เธอเป็นทุกข์มาก สามีไม่สามารถทนมองภรรยาเขาเศร้า คืนนั้น เขาแอบเข้าไปในสวนของแม่มด และเด็ดเอาราพันเซลมาส่วนหนึ่ง เขานำพวกมันมาให้ภรรยาเขา เธอทานสลัดดอกราพันเซลของเธอ และโปรดมาก แต่ในไม่ช้า เธอก็ใคร่อยากได้อีก

ครั้งที่สอง สามีแอบเข้าไปในสวนนั้น แต่ครั้งนี้ แม่มดจับได้ สามีอ้อนวอนขออภัยโทษ โดยอ้างว่าที่ทำไป จะเพราะว่าทำให้ภรรยาที่มีครรภ์มีความสุข ซึ่งเธอใคร่สลัดดอกราพันเซล แม่มดไตร่ตรองสักพักหนึ่ง และบอกสามีว่าจะเด็ดเท่าไรก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อภรรยาเขาคลอดลูก สามีต้องนำบุตรมามอบให้แทน สามีคิดว่าแม่มดคงจะลืม เขาเลยตอบตกลง แต่แม่มดไม่ได้ลืม เมื่อทารกเกิด เธอจะเอาไป แม่มดตั้งชื่อทารกว่า ราพันเซล และเลี้ยงเธอเหมือนกับลูกสาวตัวเอง

ราพันเซลเติบโตด้วยความสวยขึ้นทุกๆ ปี แม่มดคิดว่าราพันเซลต้องเป็นของของเธอผู้เดียว เธอจึงนำราพันเซลไปขังในหอสูง ที่ไม่มีประตู หรือบันได แม่มดแอบขังลูกเลี้ยงเธอจากโลกภายนอกไว้เป็นปีๆ แม่มดระมัดระวังมากที่เธอไม่ยอมแม้กระทั่งสร้างบันไดที่ปีนได้ แม่มดใช้วิธีอื่นแทน โดยเรียก "ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมเธอลงมา" ราพันเซลก็ย่อมจะปล่อยเปียสีทองของเธอลงมาจากหอสูง เพื่อให้แม่มดปีนขึ้นได้ ราพันเซลรู้สึกเหงาในหอมาก เธอมีแค่นกทั้งหลายที่เป็นมิตรเธอและฟังเธอร้องเพลง

วันหนึ่ง เจ้าชายผู้หนึ่งได้ยินเสียงราพันเซลร้องเพลง เขาจึงขี่ม้าไปที่หอ และมองขึ้นที่โฉมงามในหน้าต่าง ความรักเกิดขึ้นในหัวใจเขา เจ้าชายกลับมาฟังราพันเซลร้องเพลงทุกๆ วัน เขาพยายามที่ค้นหาวิธีหนึ่งที่จะบอกเธอเรื่องความรักของเขา เมื่อเขารอ เขาได้ยินแม่มดเรียกราพันเซล และเห็นเธอปีนผมเปียขึ้น วันถัดไป เจ้าชายปลอมเสียงเรียกแบบแม่มดเจ้าชายปีนขึ้นไปข้างในหอ ราพันเซลตกใจ เธอไม่เคยเจอใครมาก่อนนอกจากแม่มด แต่เจ้าชายพูดกับเธอด้วยความอ่อนโยน เขาบอกเธอว่าเขาได้ตกหลุมรักกับเธอ ราพันเซลฟังด้วยหัวใจเธอ เธอยื่นมือเธอให้เจ้าชายในการสมรส เจ้าชายเยี่ยมราพันเซลทุกๆ บ่าย และมอบดอกกุหลาบให้ภรรยาเขาทุกครั้ง ทั้งสองวางแผนในการหลบหนีออกจากหอ ราพันเซลซ่อนแอบดอกกุหลาบทั้งหลาย โดยแยกดอกออกเป็นกลีบๆ ไว้ในชุดเธอ

วันหนึ่ง เมื่อแม่มดมาเยี่ยม กลีบดอกกุหลาบได้ร่วงหล่นออกมาจากชุดราพันเซล แม่มดเห็นและได้รับรู้การคบสู่ของเจ้าชาย แม่มดจึงตัดผมเปียราพันเซล และส่งเธอไปอยู่ในป่า คืนนั้น เมื่อเจ้าชายเรียก แม่มดปล่อยผมเปียราพันเซลลง ระหว่างที่เจ้าชายกำลังปีนขึ้น เขาได้พบว่าภรรยาเขาไม่อยู่แล้ว แม่มดจึงปล่อยผมเปียซึ่งทำให้เจ้าชายตกลงจากหอสูง

เจ้าชายร่วงตกลงบนขวากหนาม ที่ตำบาดเฉียดลูกตาของเขา ซึ่งทำให้ตาเขาบอด เมื่อไม่มีตาที่มองได้และภรรยาแสนรัก เขาได้ท่องไปที่ที่ความโชคร้ายจะพาไป หลายฤดูผ่านไป และแล้ววันหนึ่งฤดูใบไม้ผลิ เจ้าชายได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลง เขาเดินตามเสียงเพลงนั้น เมื่อเขาผู้ที่ร่ำร้อง เขาก็ได้พบราพันเซลและเธอมีลูกสองคนแล้ว ซึ่งเป็นลูกของเขาทั้งสองนั้นเอง ราพันเซลได้คลอดฝาแฝดของเจ้าชายในป่าโดยลำพัง ราพันเซลร้องไห้ด้วยความสุข และน้ำตาเธอที่เปี่ยมไปด้วยรักแท้ได้รักษาตาของสามีเธอ อำนาจร้ายของแม่มดได้จบลง

ในที่สุด ครอบครัวได้หลุดจากความโศกเศร้าและความอ้างว้าง พวกเขาได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรของเจ้าชาย และเติมเต็มชีวิตพวกเขาที่เหลือไปด้วยรักและเสียงหัวเราะ

[แก้]

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

1. มันไม่ใช่ของกิน :53

2. ปูอัด คับป๋ม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เวลา นิทาน

 

เวลา กิน เที่ยว พักผ่อน 731662eunsvgof5m.gif

 

เวลา ทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยความสุจริต

 

เวลา หายใจ เข้า-ออก ผ่อนคลาย เฝ้าดูจิตภายใน

 

จิตค่อยๆหยุดโลดไปกับเรื่องโน่นนี่่ ที่โน่นที่นี่ บางครั้งไปรอบโลก ไกลกว่านั้น 48444z0c8y6274p.gif

 

หายใจเข้า รู้ หายใจออก รู้

 

จิตไม่ไปไหน คิดอะไรก็แค่รู้ ไม่ปรุงแต่ง

 

แค่พักหายใจ ก็สบายแล้ว 47aaa826b7e40.gif

 

เวลา.....เอาเวลามาเรียน รู้ เกิดขึ้น มีอยู่ ดับไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1. มันไม่ใช่ของกิน :53

2. ปูอัด คับป๋ม

 

ขอบคุณ คับป๋ม ^_____^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คำประกาศเกียรติคุณ

นายเมธา บุนนาค

ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) metha.jpg

นายเมธา บุนนาค ปัจจุบันอายุ ๖๑ ปี เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓

ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร

และระดับปริญญาโทจาก University of Manitoba ประเทศแคนาดา และ Harvard University

ประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มทำงานเป็นอาจารย์สอนด้านสถาปัตยกรรม ณ ประเทศแคนาดา สิงคโปร์ และ

ฮ่องกง ต่อมาได้ก่อตั้ง สำนักงานสถาปนิก บริษัทบุนนาค อาร์คิเท็คส์ จำกัด

นายเมธา บุนนาค มีแรงบันดาลใจและแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงาน คือ การอนุรักษ์และ

ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น มีความเหมาะสมและทันสมัยกับความเป็นอยู่ของปัจจุบัน

สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมทุกชิ้นงานให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนไม่ซ้ำกับผู้อื่น หรือซ้ำกับที่ตนเองเคยทำ

มาก่อน งานสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นนี้นอกจากความต้องการต่าง ๆ ทางด้านประโยชน์ใช้สอย ความน่าอยู่น่าสบาย

แล้ว ผู้เข้าไปใช้อาคารจะต้องเกิดความเบิกบานใจและความสงบ ดังนั้นงานสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นแล้วต้องดู

สบายตา สบายใจ เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ความแปลกใจ ความลึกลับ และความเข้มข้นทางศิลปกรรม อีกทั้งยังใช้

ธรรมชาติสนับสนุนสถาปัตยกรรม เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว ลม และเส้นขอบฟ้าในการออกแบบอีกด้วย

จึงมีผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยที่โดดเด่น เป็นที่ยอมรับในวงการสถาปนิก เช่น โรงแรม

ภูแล จังหวัดกระบี่ โรงแรมเดอะบารายที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

กล่าวได้ว่านายเมธา บุนนาค เป็นสถาปนิกชั้นนำของประเทศไทย มีผลงานเป็นที่ยอมรับและ

ได้รับรางวัลทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย เช่น ได้รับรางวัลสถาปนิกดีเด่นด้านวิชาชีพ รางวัลการ

ออกแบบยอดเยี่ยม จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการออกแบบ The Four Seasons

Resort ที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้รับรางวัลการออกแบบโรงแรมยอดเยี่ยมจาก The Indonesian Institute of

Architects ในผลงานการออกแบบโรงแรม Novotel Bukittinggi ที่เกาะสุมาตราตะวันตก นอกจากนี้

ยังเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้กับหน่วยงานต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่และสืบสานงาน

ศิลปะของชาติ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป

นายเมธา บุนนาค จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์

(สถาปัตยกรรม) พุทธศักราช ๒๕๕๔

 

http://youtu.be/0mOJvA5QfZE

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหตุสมควรโกรธ...ไม่มีในโลก

โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ตอนที่ 7

 

แม่ขี้บ่น….. ลูกต้องไม่ขี้โกรธ
30090.gif

 

5]
ให้เราพิจารณาดูว่า นิสัยขี้บ่นของแม่นั้น

เราจะช่วยทำให้ลดลงได้ไหม ปกติก็จะเปลี่ยนได้ยาก

หรือเปลี่ยนไม่ได้ เราคงต้องปล่อยให้เป็นอย่างนั้น

ไม่ต้องคิดจะให้เปลี่ยน มองให้เห็นว่า อารมณ์ของแม่

เหมือนลมฟ้าอากาศ มีทั้งหนาว เย็น ร้อน ฝนตก

แห้งแล้ง มีลม ไม่มีลม ลมแรงและพายุ

 

5]
อารมณ์ของแม่ที่ไม่ถูกใจเรา เปรียบเหมือนสภาวะอากาศ

ที่เราไม่ชอบ เช่น หนาวไป ร้อนไป สิ่งที่เราต้องทำก็คือ

ป้องกันรักษาตัวไม่ให้ทุกข์ จิตใจก็เหมือนกัน

เราต้องป้องกันด้วยใจดีมีเมตตา

ใช้สติปัญญารักษาใจไม่ให้ทุกข์ คือหน้าที่ของเรา

 

 

post-2581-0-06370000-1327901414.png

 

 

5]
หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม

มีสติมั่นคง ใจเราก็ไม่ยินดียินร้าย

ถึงอย่างไรก็สำรวมกาย วาจา การแสดงออกทางกายให้เป็นปกติ

ทางวาจาให้พูดดีๆ ไพเราะน่าฟัง ใจก็คิดดี มีเมตตา

เห็นอกเห็นใจแม่ พยายามรักษาความรู้สึกที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น

ถึงแม้ว่าไม่ชอบ ก็อดทน อดกลั้นไว้

หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ

 

5]
พิจารณาดูว่า อารมณ์ขี้บ่นเป็นเหมือนอาการท้องผูก

ของเสียเก็บไว้ในร่างกายนานๆ ทำให้ไม่สบาย

เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อกินยาระบายเข้าไป

ระบายของเสียออกมาได้ ก็รู้สึกสบายกาย

สำหรับคนขี้บ่น อารมณ์หงุดหงิด เป็นของเสียที่สะสมไว้ในใจ

ถ้าเก็บกดไว้จะเครียด เป็นโรคประสาทได้

เมื่อได้ระบายออกมาทางวาจา เขาก็ค่อยสบายใจขึ้น

 

ตามรายงานของจิตแพทย์ พบว่าผู้หญิงอเมริกันวัยกลางคน

มีความรู้สึกปฏิเสธ หรือไม่พอใจ มากถึงประมาณ 30,000

ครั้งต่อวัน หรือทุก 3 วินาที ความรู้สึกชอบ ไม่ชอบนี้

เกิดจากการรับรู้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

แต่ถ้าเรามีสติปัญญา เราจะจัดการกับความรู้สึกได้ถูกต้อง

โดยไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น เก็บเอามาคิดปรุงแต่ง

ตรงกันข้าม ถ้าไม่ฉลาด ก็จะยึดถือ นำมาคิดปรุงแต่ง

แสดงออกทางวาจา เป็นคนขี้บ่น

ประสบการณ์ภายในใจของมนุษย์เราจริงๆ แล้วมีพอๆ กัน

แต่บางคนเก็บสะสม เหมือนอาการท้องผูก

คำพูดที่ไม่พอใจคือ บ่น ไม่มีใครอยากฟัง
st1_081024_ggozi_3_cola71a.gif

แต่เมื่อแม่ของเราบ่น ให้เข้าใจว่าท่านกำลังทุกข์ไม่สบายใจ

เราควรเสียสละ ใจดีพอที่จะรับเป็นสุขภัณฑ์ที่ดีให้แก่แม่

เป็นสุขภัณฑ์สะอาด ใช้ได้สะดวก มีน้ำไหลแรงๆ หน่อย

แม่บ่นเมื่อไรก็ใจดีรับฟัง แม่จะสบายใจ ไม่ต้องขัดใจ

ยิ่งของเสียออกมากยิ่งดีต่อสุขภาพ อายุยืน

แต่เราก็ต้องระวัง ถ้าคุณภาพสุขภัณฑ์ไม่ดีพอ

เราจะ….. สกปรกน่าดู

 

5]
เราต้องมีสติปัญญา เมตตา กรุณา ขันติ

เป็นคุณธรรมประจำใจ

เป็นโอกาสที่เราจะสร้างคุณงามความดี

และเข้าใจธรรม ทำได้ดี ทำได้มากเท่าไร

ก็เท่ากับเราก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

แล้วในที่สุดจะรู้สึกขอบคุณแม่
dc384.gif

ที่เป็นแบบฝึกหัดให้แก่เราได้พัฒนาจิตใจ

 

..
........ เป็นสุขภัณฑ์ที่ดีให้แก่แม่

 

ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ มิซูโอะ

 

และ
Angel_both.gif ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัสเซียผุดไอเดีย ตู้รับทารก ป้องกันทารกถูกทิ้งขยะ

ข่าวต่างประเทศ RYT9.COM -- จันทร์ที่ 30 มกราคม 2555 14:39:40 น.

iqb28220bb5689fb186d2e691bcf0b2829.jpg

จากปัญหาแม่วัยรุ่นที่ยังไม่พร้อมในการเลี้ยงดูบุตรที่มักนำเด็กไปทิ้งไว้ตามถังขยะในเมืองใหญ่ของรัสเซีย ทำให้สำนักงานสาธารณสุขท้องถิ่นริเริ่มโครงการที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก นั่นคือ ตู้รับทารกแรกเกิด หรือ "ตู้ทิ้งเด็ก" ที่ชาวรัสเซียเรียก

รายงานระบุว่าในเมืองกราสโนเดอร์ ทางภาคใต้ของประเทศรัสเซียติดได้ตั้งตู้รับทารกแรกเกิด ทั้งหมด 5 ตู้ และภายในเวลา 1 เดือนหลังจากติดตั้งก็มีเด็กคนแรกถูกนำมาวางไว้

เอเลน่า เรดโก หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุข กล่าวว่า โครงการนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรักษาชีวิตเด็กที่ถูกทิ้ง เด็กมักจะถูกทิ้งถังขยะ ทำให้เด็กได้รับเชื้อโรคอันตรายก่อนจะไปถึงโรงพยาบาล บางรายก็เสียชีวิต เรดโก ยังเล่าถึงเด็กคนแรกของโครงการว่า เป็นทารกเพศหญิง สุขภาพแข็งแรง ซึ่งส่งต่อให้กับศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้าของรัฐ โดยเด็กจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนกว่าจะมีครอบครัวอุปถัมภ์มารับเด็กไปเลี้ยงต่อ

สำหรับความคิดริเริ่มของโครงการ เรดโกระบุว่า ได้ไอเดียมาจากโครงการลักษณะคล้ายกันของแอฟริกาใต้ ในชื่อโครงการเบบี้ เซฟ หรือ ปกป้องเด็กแรกเกิด ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน โดยที่แอฟริกาใต้มีการใช้กล่องออกแบบพิเศษติดตั้งไว้ที่เมืองเคปทาวน์

ตู้ทิ้งเด็กทารก กำลังจะติดตั้งเพิ่มในอีกหลายเมือง ได้แก่ เพิร์ม ในเขตไซบีเรีย, ทอมส์ก, ออมส์ก, นาวาซิบีร์ส์ก และ คิรอฟ เป็นต้น

--อินโฟเควสท์ โดย สุดทีวัล สุขใส/ณัฐชญา อัครยรรยง อีเมล์: natchaya@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

555000001264501.JPEG

 

 

 

"จุมพิตจากลมฤดูใบไม้ผลิ" โดย เหยาลี่

 

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000012035

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
http://youtu.be/EdBym7kv2IM ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Life Style : สุขภาพ

 

วันที่ 29 มกราคม 2555 04:00

 

ระลึกถึงครูที่แท้ หลวงพ่อชา สุภัทโท พระราชสุเมธาจารย์

 

โดย : มนสิกุล โอวาทเภสัชช์

 

 

news_img_432505_1.jpg

"เพราะเราไม่รู้ภาษาที่จะเข้าใจหลวงพ่อชาแสดงธรรม ไม่รู้วินัย แต่เรามีความสามารถอย่างหนึ่งคือ รู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ หลวงพ่อชาให้อยู่กับผู้รู้

 

 

"เพราะเราไม่รู้ภาษาที่จะเข้าใจหลวงพ่อชาแสดงธรรม ไม่รู้วินัย แต่เรามีความสามารถอย่างหนึ่งคือ รู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ หลวงพ่อชาให้อยู่กับผู้รู้ ให้อยู่กับคำบริกรรม พุทโธ จนมีสติสัมปชัญญะ อบรมสมาธิให้เกิดปัญญา"

 

16 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นวันครูแล้ว ยังเป็นวันสำคัญยิ่งของชาวไทย เนื่องจากเป็นวันที่พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) ผู้ก่อตั้งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ละสังขารผ่านมา 20 ปี

 

คุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ท่านได้มอบไว้แก่มนุษยชาติก็คือการเผยแผ่พระธรรมคำสอนจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ผ่านการปฏิบัติมาตลอดชีวิต และจากการพบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ต้นสายพระป่าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ท่านก็นำธรรมะจากครูบาอาจารย์มาปฏิบัติขัดเกลาจนหมดสิ้นกิเลส

 

หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอย่างสิ้นเชิง มากไปกว่านั้น ท่านยังอบรมสอนชาวไทยและชาวต่างชาติจนได้บวชเรียนปฏิบัติอย่างเข้มข้นจนสุดทางทุกข์ไม่น้อย

 

โรเบิร์ต แจ็คแมน นาวิกโยธินชาวอเมริกันเดินทางมาประจำการที่กรุงเทพในฐานะอาสาสมัคร Peace Corps สอนภาษาอังกฤษให้ทหารไทย และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรเบิร์ตสนใจโลกตะวันออกมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา โดยจบปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์ของประเทศจีนและยังได้ปริญญาโท สาขาประวัติศาสตร์ของอินเดีย มาอีกใบด้วย

 

หนุ่มแจ็คแมนร่างสูงใหญ่ยังมีความสนใจปฏิบัติธรรม และแสวงหาอาจารย์ที่จะชี้นำเส้นทางแห่งธรรมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้

 

ทว่า การหาอาจารย์ทางจิตในสหรัฐเมื่อ 50 ปีที่แล้วไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งตำรับตำราเกี่ยวกับพุทธศาสนา และการวิปัสสนาเรียกว่านับเล่มได้

 

หลังจากสำเร็จปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย เขาสมัครเป็นอาสาสมัคร peace corp เพื่อไปสอนภาษาอังกฤษที่ประเทศมาเลเซีย และไปอยู่ที่นั่น 2 ปี ถึงมีโอกาสเดินทางมาประเทศไทย

 

โรเบิร์ต เกิดความเบื่อหน่ายในความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์ จึงตั้งใจแสวงหาอาจารย์ที่สอนทางพ้นทุกข์ กระทั่งมีเพื่อนฝรั่งแนะนำให้ไปบวชเรียนที่หนองคายจึงเดินทางไปที่วัดศรีสะเกษ จังหวัดหนองคาย โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมปริยัติมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ บรรพชาให้เป็นสามเณรสุเมโธ หมายถึง ผู้มีปัญญา

 

วันหนึ่งได้พบกับพระสมหมาย ลูกศิษย์หลวงพ่อชาซึ่งไปธุดงค์ที่หนองคายและได้ฟังเรื่องหลวงพ่อชาจึงขอพระอุปัชฌาย์บวชพระและไปจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานีในเวลาต่อมา

 

หลังจากนั้น ชีวิตของพระโรเบิร์ต สุเมโธก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกว่า 40 พรรษาในร่มกาสาวพัสตร์

 

" เราได้ยินชื่อของหลวงพ่อชาเป็นครั้งแรก ในปี 2509 ตอนนั้นเป็นสามเณรอยู่ที่หนองคาย ยังไม่อยากบวชเป็นพระ เราปฏิบัติแบบยุบหนอพองหนอ อาจารย์อาตมาให้อยู่ในกุฏิตลอด ไม่ได้ไปไหน ออกมาเดินจงกรมอย่างเดียว ไม่ต้องพูดกับใครเลย"

 

ช่วงชีวิตสามเณร สามเณรสุเมโธได้แต่อยู่ในกุฏิ เฝ้าระวังจิตอยู่กับตัวเองเท่านั้น ไม่มีเพื่อน ไม่มีแม่ ไม่มีพ่อ และต้องอดทนกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น สามเณรสุเมโธมีความรู้สึกว่าต้องการแสวงหาอาจารย์เพื่อขัดเกลาอัตตาของตน

 

"พอได้เจอกับพระสมหมายที่ไปธุดงค์ที่นั่น ท่านพูดภาษาอังกฤษได้ อาตมาก็เลยพูดไม่หยุด ท่านพูดถึงหลวงพ่อชาตลอดว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ อาตมาก็อยากพบครูบาอาจารย์จึงไปหาพระอุปัชฌาย์ของอาตมาขอบวชเป็นพระ และขอไปจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง อยากจะไปกับพระสมหมาย พระอุปัชฌาย์ก็บอกว่า ดีเหมือนกัน เคยได้ยินชื่อหลวงพ่อชา คงจะดี "

 

หลังจากบวชเป็นพระแล้ว

พระสุเมโธเดินทางไปวัดหนองป่าพง โดยคิดว่าคงเป็นวัดที่ทันสมัย แต่พอไปถึงกลับพบว่ามีพระอยู่ 17 รูปเท่านั้น ไม่มีไฟฟ้า คนไทยไม่เคยเห็นอเมริกันบวชเป็นพระ

 

พระสุเมโธพูดถึงสมัยมาจำวัดอยู่หนองป่าพงเมื่ออายุ 32 ปีว่า รู้สึกผิดหวังในชีวิตมาก วิชาความรู้จากการเรียนปริญญา วิชาการรบจากการเป็นทหารและยังเป็นอะไรหลายอย่าง แต่กลับพบว่า ความรู้ทั้งหลาย ประสบการณ์ทั้งหลายไม่มีประโยชน์เลย

 

"มาอยู่ที่นี่ ไม่เคยคิดจะสึกเลย ไปบวชเป็นสามเณรที่หนองคาย มีอาจารย์ที่มีปัญญาช่วยให้เราที่เราจะหลุดพ้นจากความคิดสงสัยในใจเราช่วยให้เรามีสติสัมปชัญญะ มีพระวินัยที่ช่วยขัดเกลากิเลสไปสู่ความพ้นทุกข์ได้"

 

"เมื่อไปอยู่วัดหนองป่าพงแล้ว เราไม่แสวงหาวัดอื่น เวลาหลวงพ่อชาสอน เราไม่รู้ความหมาย ความจริงหลวงพ่อชารู้จิตใจเราเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ เรามีความโกรธก็รู้ว่า อารมณ์เป็นอย่างนี้ เรากลัวอะไร มีท่านเท่านั้นที่เห็น หลวงพ่อชา รู้วาระจิตของเราได้ "

 

หลวงพ่อชาให้บริกรรมพุทโธ เป็นผู้รู้อารมณ์ ไม่ให้เห็นว่าตัวตนรู้อารมณ์ ไม่ใช่สุเมโธโกรธอย่างนี้ ท่านบอกว่า สุเมโธโกรธไม่ได้ แต่รู้อารมณ์โกรธได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่พระหนุ่มชาวอเมริกันไม่เคยคิดอย่างนี้มาก่อน บ่อยครั้งเวลาหลวงพ่อแสดงธรรมแล้ว อดีตนาวิกโยธินฟังไม่รู้เรื่อง ขอกลับกุฏิ แต่กลับถูกปฏิเสธ ภิกษุหนุ่มจึงแย้งไปว่า "ท่านไม่แฟร์เลย" แต่ก็ยอมเพิ่งพิจารณาอารมณ์โกรธของตน เห็นอารมณ์เป็นสังขาร และตระหนักว่า "ยังไม่บรรลุขันติบารมี"

 

ในวัฒนธรรมอเมริกัน ไม่มีคนสอนเรื่องความอดทน อยากได้อะไรก็ได้ทันทีจึงเป็นเรื่องที่พรุสุเมโธต้องเรียนรู้อย่างหนัก และได้อาจารย์ดีเลิศอย่างหลวงพ่อชา กำหนดพุทโธให้เห็นอารมณ์อย่างเดียว พระอาจารย์ชาสอนให้รู้อารมณ์ว่าเป็นสังขาร (ความคิดปรุงแต่ง) แล้วให้อดทนต่ออารมณ์นั้นแล้วมันจะดับลงได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็เป็นอย่างนี้ หลวงพ่อชาทำให้พระอเมริกันพิสูจน์อริยสัจสี่ในใจ

 

"บางทีหลวงพ่อชาส่งไปอยู่กับพระที่วัดอื่นบ้าง ไปอยู่ที่ไหน เราก็ดูอารมณ์ได้ เพราะไปที่ไหนก็มีอารมณ์ ญาติโยมแบบนี้ สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างนี้ อาหารเป็นอย่างนี้ เรามีอารมณ์แบบนี้ มีความสุข มีความทุกข์ มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไว้ใจมันไม่ได้เลย การรู้อารมณ์มากับการมีสติสัมปชัญญะปัจจุบันตลอด เอาปัญญาอบรมสมาธิให้เห็นทุกข์"

 

พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค ซึ่งเป็นกระบวนการต่างไปจากโลกทัศน์ของชาวตะวันตก คำสอนที่บอกว่า ความทุกข์มีอยู่ สร้างความสงสัยให้คนฝรั่งว่า ทำไมพระพุทธเจ้าสอนเรื่องความทุกข์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครชอบ ไม่มีใครอยากมีความทุกข์ อยากมีความสุขกันทั้งนั้น เช่นเดียวกับที่หลวงพ่อชาขยายความให้รู้ว่าโลกนี้ มีแต่ขันธ์ 5 เป็นสังขาร เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำให้

พระสุเมโธเริ่มเปรียบเทียบกับศาสนาต่างๆ

 

"ทุกศาสนามีพระเจ้าเป็นใหญ่ แต่พุทธศาสนาไม่มีพระเจ้า ไม่เป็นศาสนาอะไร ไม่มีพระเจ้าเลย แล้วยังยกความทุกข์มาเป็นอริยสัจ ให้เรายอมรับทุกข์มีอยู่ในจิตใจของเรา ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นเรื่องสังขาร หูอยากฟังเสียไพเราะ ไม่อยากฟังเสียงไม่เพราะ พระพุทธเจ้าบอกว่า นี่แหละไม่อยากก็ทุกข์ เป็นอารมณ์ทุกข์ภายใน เป็นสังขารที่เราปรุงแต่งขึ้นเอง และที่สำคัญ มันไม่เที่ยง เอาปัญญามาอบรมจิตใจของเราได้"

 

หลังจากได้มาอยู่กับหลวงพ่อชา พระฝรั่งก็เข้าใจตรงนี้ได้

 

"หลวงพ่อชาบอกว่า พุทโธ ผู้รู้ ไม่ได้เห็นอารมณ์ แต่อยู่กับรู้ ตัณหา ความอยากได้ อยากมีอยากเป็น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผู้รู้จะเห็นการเกิดดับของตัณหาได้ ตัณหาเห็นตัณหาไม่ได้"

 

พระสุเมโธ เล่าย้อนถึงช่วงที่อยู่รับฟังคำเสนอจากอาจารย์ชาต่อไปว่า "หลวงพ่อตั้งชื่อว่าสุเมโธ เรารู้ความหมายด้วยว่า ผู้มีปัญญาดี เปลี่ยนจากโรเบิร์ต เป็นสุเมโธ ก็ไม่ขัดข้อง เพราะเบื่อโรเบิร์ตแล้ว เป็นสุเมโธ แต่ถ้าเราไปยึดถือโรเบิร์ต หรือ สุเมโธก็ดี เราก็ไม่เห็นเกิดดับของทุกข์ เราก็หลงกับคำว่าสุเมโธได้ เวลาหลวงพ่อชาเทศน์ว่า ไม่ได้เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นฝรั่ง ไม่ได้เป็นไทย ไม่ได้เป็นอะไร เราก็ขำ ว่าหลวงพ่อชาไม่เป็นผู้ชายหรือ เพราะเราเห็นว่าเราเป็นผู้ชายจริงๆ ไม่สงสัยเลย แต่เมื่อเราพิจารณาอย่างที่หลวงพ่อพูดบ่อยๆ เวลาเราเกิดในอเมริกา เราไม่มีชื่อนะ เรามีรูปร่างเป็นชาย แต่เราไม่รู้ว่าเราเป็นผู้ชายนะ แต่แม่เป็นคนบอกว่าเราเป็นผู้ชาย เด็กทารกไม่มีปัญญาอะไร ในเรื่องวัฒนธรรม ไม่มีชื่อ ไม่มีเชื้อชาติ"

 

หลวงพ่อชาเปรียบเทียบให้หวนกลับไปทบทวนตอนเกิดที่ยังไม่มีชาติ ไม่มีภาษา ไปอยู่กับจิตเดิม ไม่มีสังขารเกิดขึ้นที่จะยึดถือตัวเราเป็นตัวเป็นตนได้ ให้พิจารณาได้ จิตใจบริสุทธิ์ จิตใจไม่มีรัก ไม่มีรังเกียจ เป็นจิตสงบ เป็นจิตที่มีปัญญา นำทางอบรมพวกที่มีอวิชชา มีความสงสัย มีความทุกข์ในปัจจุบันได้ เอาพุทโธเป็นหลัก อยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ผู้รู้ เมื่อสุเมโธเกิดขึ้นในจิตใจก็ให้ผู้รู้กำกับ

 

"เวลาเรารู้ว่าเราเป็นผู้ชาย ผู้รู้บอกว่า จิตเดิมไม่มีเพศ ไม่มีชาย ไม่มีหญิง ความยึดมั่นถือมั่น ทำให้เป็นนั่นเป็นนี่ เวลาปล่อยวางสังขาร ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น นี่คือทางพ้นทุกข์ไปจากจิตใจเราด้วย"

สู่อนัตตา...

 

ในวาระครบรอบละสังขารผ่านมา 20 ปีของ

หลวงพ่อชา สุภัทโท ภิกษุหนุ่มผู้มีปัญญาล่วงเข้าสู่วัย 77 เดินทางกลับมาร่วมงานที่วัดหนองป่าพงประจำปี หวนระลึกถึงหลวงพ่อชา และมีอารมณ์เกิดขึ้นว่า กตัญญูกตเวที นี่เป็นอารมณ์ที่เป็นประโยชน์มาก

 

"ท่านยอมรับเราเป็นลูกศิษย์ เป็นฝรั่งด้วย สอนลำบาก ตัวใหญ่ด้วย หลวงพ่อชาไม่เคยกลัวอาตมาสักนิดเดียว วันหนึ่ง อาตมากำลังนั่งคิด เรามองดูหลวงพ่อชา ตัวเล็กๆ นะ แต่ในใจเรารู้สึกว่า หลวงพ่อชาใหญ่กว่าเรา ท่านเป็นพระผู้ใหญ่จริงๆ รูปร่างไม่ใหญ่ แต่เรามีความรู้สึกว่า ท่านใหญ่ ท่านเป็นผู้มีปัญญา ปัญญาไม่มีขอบเขต ไม่มีอะไรที่กำจัดได้ มีแต่ร่างกายและจิตใจของเรามีอวิชชาไม่รู้เรื่องอะไรเลย"

 

"หลงอารมณ์เรื่อยๆ ไป เป็นทาสอารมณ์ หลงแต่โลกียธรรมตลอด ไม่เคยสงสัยสิ่งเหล่านี้ คนชื่นชมก็ยินดี คนอิจฉาเราก็ภูมิใจ คนโกรธ เราก็โมโหได้ ถูกลอตเตอรี่เป็นมหาเศรษฐีเราก็ยินดี พอเศรษฐกิจตกต่ำ ก็อยากฆ่าตัวตาย อารมณ์มันเปลี่ยนแปลงตลอดตามความคิดความเห็นตลอดเวลา แต่สิ่งที่จะอาศัยที่จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังขาร คือ สติสัมปชัญญะ และปัญญา

 

พระสุเมโธเทศน์ว่า ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้ายกสติสัมปชัญญะ ปัญญาเป็นใหญ่ ฝรั่งไม่เคยยกสติอย่างนี้เป็นใหญ่ของศาสนา ไม่เคยเห็นในปรัชญาของตะวันตกที่พูดถึงเรื่องสติเป็นใหญ่

 

"ศาสนาส่วนมากยกพระเจ้าเป็นใหญ่ พระเจ้าเป็นผู้ที่คิดได้ คิดสูงๆ ถ้าเราคิดมากๆ อาจเป็นพระเจ้า แต่ถ้าเราคิดอย่างนี้ ทางพุทธบอกว่านี้คือสังขาร เราจะบังคับสังขารให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ แต่ผู้รู้สังขารไม่เป็นสังขารแล้ว เป็นผู้อยู่เหนือสังขารที่จะรู้สังขาร "

 

"ที่สำคัญคือ อย่าเชื่อที่อาตมาสอน หลวงพ่อชาบอกว่า อย่าไปเชื่อ ให้สงสัยแล้วพิจารณาเอง"

 

ท่านบอกว่า นี่เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า พร้อมยกตอนที่ท่านปรินิพพาน พระอานนท์สงสัย พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วไม่มีคนสอน ท่านบอกว่ามีพระธรรมคำสอน พระวินัย ให้เคารพพระวินัย

 

"บางทีเราอ่านแล้ว ทำไมมันเยอะ หลวงพ่อชา เคารพพระวินัยมาก ท่านทำให้เราเห็นอารมณ์ของความพอใจไม่พอใจ และไม่ให้กิเลสตัณหามันนำทางเราไปอีก"

 

สำหรับอนาคตของประเทศไทย พระฝรั่งร่างใหญ่พูดไทยชัดเปรี๊ยะบอกว่า "เมืองไทยจะเป็นอย่างไร ต่อไปจะเป็นอย่างไร เราเป็นห่วงอนาคต สังคมไทย รัฐบาลไทย เศรษฐกิจไทย จะเปลี่ยนไปอย่างที่ชอบ หรือที่เราไม่ต้องการ แต่ผู้รู้ เห็นสังขาร เห็นความห่วง เห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราก็มีความสบายใจ เราพูดไม่ดี ทำไม่ดี เกิดความสงสัย เป็นคนบาป โกหกอะไรก็ได้ แต่ความจริง เราเห็นเข้าไปในปัจจุบัน ความทรงจำของเรา อดีต อนาคตเป็นเรื่องสังขารทั้งนั้น ปัจจุบันธรรมเป็นเรื่องของทุกข์ การดับทุกข์ ให้เราพิจารณาในใจเรา"

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...