ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

 

ผิวสวยด้วยพืชพันธุ์ใกล้ตัว.

 

อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1mCZTYD

 

10443496_10152604208959835_8250094923044858846_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

https://www.facebook.com/photo.php?v=512654645471982&set=vb.416183978452383&type=2&theater

ฝากถึงคนที่เล่นคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตนานๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 10 ก.ค.57 เจอหัวปลี มะม่วง เต็มเพียบ คอนโด กลางกรุง

 

หลังจากสายลับแจ้งมาว่ามีการสะสมอาวุธสงคราม เตรียมก่อเหตุร้าย ทหาร ตำรวจ จึงบุกเข้าตรวจค้นอาคาร ศรีไทยคอนโด สูง 5 ชั้น แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.

 

ต้องตกตะลึง เพราะพบคลังอาวุธสงครามนาๆ ชนิดจำนวนมาก

 

- เครื่องยิงจรวด RPG จำนวน 1 กระบอก

- ปืน AK -47 จำนวน 1 กระบอก

- ลูกจรวด RPG จำนวน 3 ลูก

- ลูกระเบิด RGD-5 จำนวน 13 ลูก

- ลูกระเบิด M79 จำนวน 11 ลูก

- กระสุนปืนอาก้า จำนวน 127 นัด

- กระสุนปืน 11 มม. จำนวน 18 นัด

- แมคกาซีน 3 ชุด

 

ทั้งหมดสภาพสมบูรณ์ จึงได้นำอาวุธทั้งหมดไปดำเนินคดีกับเจ้าของห้องที่อยู่ ม.เกษตร และผู้เช่าช่วงต่อไป

 

อือม..หัวปลี มะม่วง ผลไม้ เดียวนี้กลายพันธุ์ Upgrade ขึ้นมาเติบโตอยู่บนคอนโดแล้ว จะลำเลียงเอาไปขายตลาดไท หรือ ปากคลองตลาด ตอนไหนล่ะนี่

 

หัวปลีพันธ์นี้ เสื้อแดง นปช.เคยใช้ยิงวัดพระแก้ว และยิงถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ช่วงเผาเมืองปี 53...เอ้า..ใครลืมไว้ไปติดต่อรับของได้ที่ตำรวจนะ !!

 

@ เสธ น้ำเงิน1

 

วันที่ 10 ก.ค.57 ทูตเสื้อแดงมะกันมาอ้อน ขอช่วยซื้อเครื่องบิน

 

หลังจากรู้ระแคะระคายว่า ช่วงนี้กองทัพไทย ส่งนายทหารระดับสูงที่เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธไปรัสเซีย นางคริสตี้ ทูตเสื้อแดงมะกันประจำไทย ที่เคยบอกว่าไม่เห็น คสช. เป็นเพื่อนจึงไม่เชิญไปงานเลี้ยงฉลองวันชาติมะกัน ที่ รร.กลางกรุง

 

แต่กลับเชิญนักการเมืองโกงชาติ และแกนนำกลุ่มติดอาวุธ นปช.ไป อ้างว่ากลุ่มขายชาติแบบนี้แหละที่มะกันชอบคบเป็นเพื่อน เพราะมะกันเห็นด้วยที่ใช้ M79 ยิงใส่เด็ก ผู้หญิง ที่คิดต่าง ถือเป็นวิถีประชาธิปไตย เลือกตั้งแบบหนึ่ง

 

วันนี้ทูตเสื้อแดง คริสตี้ วิ่งแจ้น ขอลัดคิวเข้าพบ ผบ.ทอ. รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ อ้างแถว่า เข้าใจไทยเรื่องค้ามนุษย์ แล้วเสนอหน้าแนะนำให้ไทยเดินหน้าปรับปรุงสมรรถนะเครื่องบินรบ F-16 โดยซื้อของแพงๆ จากอเมริกา..เถอะนะ Please !!

 

โฮ๊ะๆ..ช้าไปและต๋อย เพราะพี่หมีขาวเห็นไทยเป็นเพื่อนมากกว่า เผอิญรัฐบาลชั่วคราวไทย ไม่ค่อยอยากคุยกับคนที่ไม่คิดว่าเป็นเพื่อนแท้..และประเทศที่ยุยงกลุ่มติดอาวุธแดง นปช.ให้ยิง M79 ใส่เด็ก ผู้หญิง

 

เชิญไปเจรจากับเผาไทย และ นปช.โน่น ทูตเสื้อแดงเห็นเขาเป็นเพื่อนไม่ใช่รึ? ..และทัพเรือไทยก็เตรียมฝึกนายทหาร ไว้สำหรับเรือดำน้ำอีกแล้ว

 

อนาคตคงจะเป็นเรือดำน้ำชนิดจากประเทศเพื่อนแท้เท่านั้น ประเทศที่ไม่ใช่ และคอยซ้ำเติม ก็ควรไปขายเรือดำน้ำให้อิรักโน่น ทะเลกว้างใหญ่ไพศาล...ทะเลทราย !!

 

หรือเอาเครื่องบิน กับ เรือดำน้ำ ไปแลกกัญชา ที่อัฟกานิสถานโน่น เพราะมะกันเพิ่งอนุญาตให้ขายกัญชาเสรีในประเทศตัวเอง เอาให้ประชาชนมะกันเมาแปล้ ยิ้มตาหวาน จิตหลอนกันทั้งประเทศเล้ย !!

 

@ เสธ น้ำเงิน1

https://www.facebook.com/thailandcoup

1908373_319813058185875_3774159503329731305_n.jpg

10544787_319812384852609_6669044558787220192_n.jpg

10463001_319812901519224_4470824603608047086_n.jpg

==

10478156_319771671523347_3820035469999308304_n.jpg

10544399_319771704856677_9128494544857467867_n.jpg

 

10487387_319771734856674_6650742953142025550_n.jpg

วันที่ 10 ก.ค.57 ทูตเสื้อแดงมะกันมาอ้อน ขอช่วยซื้อเครื่องบิน

 

หลังจากรู้ระแคะระคายว่า ช่วงนี้กองทัพไทย ส่งนายทหารระดับสูงที่เกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธไปรัสเซีย นางคริสตี้ ทูตเสื้อแดงมะกันประจำไทย ที่เคยบอกว่าไม่เห็น คสช. เป็นเพื่อนจึงไม่เชิญไปงานเลี้ยงฉลองวันชาติมะกัน ที่ รร.กลางกรุง

 

แต่กลับเชิญนักการเมืองโกงชาติ และแกนนำกลุ่มติดอาวุธ นปช.ไป อ้างว่ากลุ่มขายชาติแบบนี้แหละที่มะกันชอบคบเป็นเพื่อน เพราะมะกันเห็นด้วยที่ใช้ M79 ยิงใส่เด็ก ผู้หญิง ที่คิดต่าง ถือเป็นวิถีประชาธิปไตย เลือกตั้งแบบหนึ่ง

 

วันนี้ทูตเสื้อแดง คริสตี้ วิ่งแจ้น ขอลัดคิวเข้าพบ ผบ.ทอ. รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ อ้างแถว่า เข้าใจไทยเรื่องค้ามนุษย์ แล้วเสนอหน้าแนะนำให้ไทยเดินหน้าปรับปรุงสมรรถนะเครื่องบินรบ F-16 โดยซื้อของแพงๆ จากอเมริกา..เถอะนะ Please !!

 

โฮ๊ะๆ..ช้าไปและต๋อย เพราะพี่หมีขาวเห็นไทยเป็นเพื่อนมากกว่า เผอิญรัฐบาลชั่วคราวไทย ไม่ค่อยอยากคุยกับคนที่ไม่คิดว่าเป็นเพื่อนแท้..และประเทศที่ยุยงกลุ่มติดอาวุธแดง นปช.ให้ยิง M79 ใส่เด็ก ผู้หญิง

 

เชิญไปเจรจากับเผาไทย และ นปช.โน่น ทูตเสื้อแดงเห็นเขาเป็นเพื่อนไม่ใช่รึ? ..และทัพเรือไทยก็เตรียมฝึกนายทหาร ไว้สำหรับเรือดำน้ำอีกแล้ว

 

อนาคตคงจะเป็นเรือดำน้ำชนิดจากประเทศเพื่อนแท้เท่านั้น ประเทศที่ไม่ใช่ และคอยซ้ำเติม ก็ควรไปขายเรือดำน้ำให้อิรักโน่น ทะเลกว้างใหญ่ไพศาล...ทะเลทราย !!

 

หรือเอาเครื่องบิน กับ เรือดำน้ำ ไปแลกกัญชา ที่อัฟกานิสถานโน่น เพราะมะกันเพิ่งอนุญาตให้ขายกัญชาเสรีในประเทศตัวเอง เอาให้ประชาชนมะกันเมาแปล้ ยิ้มตาหวาน จิตหลอนกันทั้งประเทศเล้ย !!

 

@ เสธ น้ำเงิน1

https://www.facebook.com/thailandcoup

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10420317_10152609449644835_1102355083253682193_n.jpg

http://bit.ly/96hK9d

 

ฮือฮา!แมวตาเพชรสุดยอดสัตว์หายาก

อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1mLWo2a

 

 

คสช.ออกคำสั่งเด้ง ประภัสร์ พ้นผู้ว่าการรถไฟฯแล้ว คาดทนแรงกดดันไม่ไหวกรณี น้องแก้ม ‪#‎KNation‬ ‪#‎NationTV‬ ‪#‎nationchannel‬ ‪#‎ข่าวข้นคนเนชั่น‬

See Translation

 

10531163_667970473281154_917119258_n.jpg?oh=94d437863486d9e9f4c0b4a52f7cd2cf&oe=53C1629A&__gda__=1405192581_5ce241495894b5c49d42d43467082536

 

คสช.ออกคำสั่งเด้ง ประภัสร์ พ้นผู้ว่าการรถไฟฯแล้ว คาดทนแรงกดดันไม่ไหวกรณี น้องแก้ม...

 

ข่าวข้นคนเนชั่น 10 ก.ค.57 ช่วงแรก

 

NATIONTV.TV

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่ปุณณ์ยังงงว่า อภ.ขาดทุนขนาดไหน

สมัยก่อนทำยาราคาถูกให้ รพ.รัฐใช้ ยังมีกำไรขนาดให้ของขวัญเป็นทัวร์กับผู้บริหารหลายระดับได้เลย

ถ้าลดสวัสดิการอื่นๆลงบ้างเพื่อให้ ผป.ได้ใช้ยาที่คุณภาพดี ราคาถูกสมดังพันธกิจของ อภ.ทำไมจะทำไม่ได้

ที่มันแย่ลงขนาดนี้ก็เพราะบรรดาเหลือบไรที่เข้าไปจากการเมืองทำลาย อภ.จากนโยบายภายในออกมา

พวกแพทย์ เภสัชกร เขารู้ๆกันอยู่ จึงต้องเรียกร้อง ร้องเรียน

ไม่อย่างนั้นเราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาและใช้ยาราคาแพงจากการผูกขาดทั้งวงการ รพ.และวงการยาด้วยอำนาจของนักการเมือง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผย..แนวคิดตัวตน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ บุรุษโลกตะลึง (ตอน 3 พ่ายแพ้) (37 photos)

วันที่ 10 ก.ค.57 เผย..แนวคิดตัวตน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ บุรุษโลกตะลึง (ตอน 3 พ่ายแพ้)

 

ก่อนชาวยิวมีธรรมเนียมการทำธุรกิจแบบเอารัดเอาเปรียบ ผูกขาด แบบที่สมัยนี้หลายประเทศถือว่าผิดกฎหมาย ตัวอย่าง เช่น ชาวยิวกลุ่มหนึ่ง เป็นลูกหลานของกิจการค้าเพชรพลอยที่มั่งคั่งร่ำรวย และอิ่มตัวแล้ว จะต้องหาทางไปลงทุนในกิจการอย่างอื่น กลุ่มนายทุนชาวยิวพวกนั้นจะมาประชุมกัน สมมติว่าตกลงจะลงทุนในธุรกิจโรงงานทำขนมปัง

 

นายทุนชาวยิวจะให้ทุนลูกหลาน คนรุ่นใหม่ ไปลงทุนทำธุรกิจโรงงานทำขนมปัง แต่เขาจะไม่ทำแค่แห่งเดียว แต่จะทำหลายๆ โรงงาน หลายๆ ชื่อ พร้อมๆ กัน เนื่องจากมีเงินทุนหนา ตอนแรกจะยอมขาดทุน โดยอาศัยเงินทุนจากกิจการเพชรพลอยมาค้ำโรงงานทำขนมปัง ไว้ ก็เพื่อกดดันให้โรงงานทำขนมปัง ของคนเยอรมันที่เป็นรายย่อยเลิกกิจการไปนั่นเอง..หลักการคล้ายโชห่วยของไทย โดนห้างใหญ่เยอร์มัน ฝรั่งเศส มาเปิด จนเจ๊งวินาศตอนนี้

 

เมื่อโรงงานขนมปังอื่นเริ่มประกาศขายกิจการ ยิวก็จะเข้าไปซื้อกิจการนั้นเพิ่ม พอยิวมีส่วนแบ่งรวมในตลาดมากพอ ก็จะกดดันร้านขายขนมปัง โดยสร้างเงื่อนไขว่า ต้องซื้อขนมปังจากโรงงานของชาวยิวเท่านั้น ถ้าพบว่าร้านขายขนมปังแห่งใด ซื้อจากโรงงานของคนเยอรมัน โรงงานขนมปังของยิวทั้งหมด จะไม่ยอมขายขนมปังให้ ด้วยข้ออ้างสารพัด เช่น ผลิตไม่ทัน ฯลฯ

 

โรงงานยิว จะขายขนมปังให้ร้านของชาวยิวในราคาถูกพิเศษ แบบไม่เอากำไร ทำให้ร้านขายขนมปังของชาวยิว สามารถขายปลีกขนมปังในราคาถูกกว่าร้านของคนเยอรมัน แล้วยิวบีบให้ร้านขายขนมปังเยอรมัน ต้องซื้อจากโรงงานของชาวยิวในราคาที่แพงกว่าเท่านั้น โรงงานขนมปังของคนเยอรมันที่เหลือ ก็เจ๊งหมด ค่อยๆทะยอยปิดกิจการลง

 

ยิวก็เข้าไปกดราคาบังคับซื้อร้านขายขนมปังเอาถูกๆ อีก พอยิวได้ครอบครองโรงงานขนมปังทั้งหมด ก็เริ่มตั้งร้านขายขนมปังของตนเอง ส่วนคนงานทำขนมปังก็เริ่มถูกกดค่าแรง ไม่มีทางย้ายที่ทำงาน เพราะโรงงานทั้งหมดเป็นของยิว

 

ในที่สุดยิวก็ครอบครองกิจการผลิต จำหน่ายขนมปังได้ทั้งหมด ครบวงจรแล้ว ยิวก็จะขึ้นราคาขนมปังตามใจชอบ ฟันกำไรชดเชยกับที่ยอมขาดทุนในตอนแรก ประชาชนเยอรมันต้องซื้อขนมปังในราคาแพง

 

พอผ่านไปหลายปี บรรดาลูกหลานชาวยิวในธุรกิจขนมปังเริ่มเติบโต ธุรกิจขนมปังอิ่มตัวแล้ว ขาวยิวก็จะประชุมกันอีกว่าจะยึดครองการค้าชนิดใดของคนเยอรมันต่อไป เป็นวงจรแบบนี้เรื่อยๆ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจเยอรมันทรุดไปทั่ว ส่งผลให้เปิดโอกาสให้ยิวเข้ายึดครองธุรกิจไปหลายประเภท ลัทธิยิวนิยมทำให้ คนยิวมีโอกาสได้ตำแหน่งงานที่ดีในธุรกิจที่มีคนยิวเป็นเจ้าของ

 

คนยิวแม้ไม่ใช่ครอบครัวนายทุน ก็พลอยมีฐานะการเงินที่ดี ในสังคมไปตามๆ กัน ส่วนคนเยอรมันก็ต้องเป็นลูกจ้างกรรมกรในโรงงานของยิว แถมถูกกดค่าแรง การยึดครองธุรกิจของยิว ยังนำมาใช้สร้างชนชั้นวรรณะ สินค้าชั้นดีที่ผลิตได้ไม่ทันความต้องการ จะเก็บไว้ขายให้ชาวยิวเท่านั้น ส่วนของห่วยๆ ก็ค่อยขายให้คนเยอรมัน คนเยอรมันสมัยนั้นจึงคับแค้นใจเพราะถูกกดขี่ทุกทางเอามากๆ

 

ปัญหาชนชั้นในเยอรมันยิ่งหนักหนา เมื่อชนชั้นคนรวย เป็นกลุ่มชนต่างชาติ และรวยขึ้นมาด้วยวิธีการผูกขาดผิดกฎหมายการค้า ส่งผลให้คนเยอรมันเจ้าของประเทศยากจน สมัยนั้นรองเท้า จำเป็นสำหรับชีวิตเอามากๆ เมื่อเกิดจลาจลทำร้ายชาวยิวตามท้องถนนในเมืองต่างๆ คนยิวนอกจากถูกทุบตีทำร้ายแล้ว จะถูกถอดแย่งเอารองเท้าไปด้วย ชาวยิวที่ตกเป็นเหยื่อ จะถูกบังคับให้เดินเท้าเปล่าไปตามถนน

 

ฮิตเลอร์ เองจึงเกลียดยิวมาก เพราะยิวเป็นผู้มายึดครองเยอรมันในอดีต และขับไล่ชนชั้นอารยันออกจากประเทศเยอรมัน เมื่อยิวเข้ามายึดครองเยอรมันแล้ว ก็ได้มาแย่งที่ทำมาหากิน และแย่งอาหารของชาวเยอรมัน ทำให้ฮิตเลอร์ในวัยเด็ก ต้องมานอนอาศัยอยู่ตามกองขยะ และสถานีรถไฟ นอกจากการที่ยิวมาแย่งอาหารแล้ว ยิวยังทำอาหารไม่สะอาด เช่น การทำอาหารโดยการใช้เท้าเหยียบ ทำให้ชาวเยอรมันพากันป่วยเป็นโรคระบาดต่างๆ

 

ฮิตเลอร์ จึงฝังใจแต่เด็กว่า เผ่าพันธุ์ยิว มีสติปัญญาสูงมาก มีศาสนาที่ทำให้เขาอดทน พากเพียร พยายาม และมีความชาตินิยมในเผ่าพันธุ์สูง ถ้าเผ่าพันธุ์นี้ รวมตัวเป็นปึกแผ่น และ ขยายอำนาจก็อันตรายเกินไป สำหรับเพื่อนร่วมโลก..ความโลภ และความไร้ยุติธรรม ของชาวยิวนั่นเอง ที่ฆ่าชาวยิว

 

แนวคิดของคนเยอรมัน กับยิวในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น เยอรมันแพ้สงคราม จึงต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ซึ่งร่างขึ้นโดยกลุ่มนายธนาคารยิวสากล และเป็นการเอารัดเอาเปรียบชาวเยอรมันเป็นอย่างมาก

 

แต่ละประเทศ จะต้องหาเงินกู้จากนายธนาคารยิว ที่ทรงอิทธิพลการเงินอยู่ทั่วยุโรป เพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แหล่งทรัพยากรสำคัญของประเทศจะต้องนำออกมาใช้อย่างไม่มีทางเลี่ยงชาวยิวจึงตั้งใจว่า สนธิสัญญานี้จะเป็นการบีบบังคับให้เกิดสงครามโลกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะรู้ว่า ในที่สุดคนเยอรมันก็จะสิ้นสุดความอดทน ลุกขึ้นต่อสู้ สงครามก็จะปะทุขึ้นอีกแน่นอน

 

มาเล่าเรื่อง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จัดการยิว ต่อเนื่องจากตอนที่ 2 ที่https://www.facebook.com/media/set/?set=a.252161024973932.1073742033.187529244770444&type=1

 

กันยายน ค.ศ. 1939 เยอรมนีก็ได้รุกรานโปแลนด์ทางตะวันตก อังกฤษและฝรั่งเศสตอบโต้โดยประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจแก่ฮิตเลอร์ และเมื่อวันที่ 17 กันยายน กองทัพโซเวียตรุกรานโปแลนด์จากทางตะวันออก

 

เขาทำ"สงครามลวง" สั่งการให้โปแลนด์ตะวันตกเฉียงเหนือ โดยผู้ปกครองที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ 2 คนให้ยอมรับความขัดแย้งกับผู้ปกครองอีก 1 คน และไม่ให้พาดพิงถึงเขา การจัดการกับกรณีพิพาทแนวนี้ ได้ถูกพัฒนาเป็นตัวอย่างของทฤษฎี สั่งการอย่างคลุมเครือและคาดหวังให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ดำเนินนโยบายนั้นเองโดยอเมริกา และ EU ในปัจจุบัน

 

ฮิตเลอร์สั่งการให้เสริมสร้างกำลังทหารตามชายแดนตะวันตกของเยอรมนี และใน ค.ศ. 1940 กองทัพเยอรมัน รุกรานเดนมาร์กและนอร์เวย์ และกองทัพของฮิตเลอร์โจมตีฝรั่งเศส และพิชิตลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ชัยชนะเหล่านี้กระตุ้นให้อิตาลี เข้าพวกกับฮิตเลอร์ และฝรั่งเศสยอมจำนนกับเยอรมันในเวลาต่อมา

 

อังกฤษ ซึ่งกองทัพถูกบีบให้ออกจากฝรั่งเศสทางทะเล ยังคงสู้รบเคียงข้างเครือจักรภพอังกฤษอื่น ๆ ในยุทธนาวีทางทะเล ฮิตเลอร์เสนอแผนสันติภาพต่ออังกฤษ ซึ่งขณะนี้นำโดยนายพลวินสตัน เชอร์ชิลล์ และเมื่อการเสนอนั้นถูกปฏิเสธ ฮิตเลอร์ได้สั่งการให้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีต่อ สหราชอาณาจักรทันที

 

การรุกรานสหราชอาณาจักรที่วางแผนไว้ของฮิตเลอร์สำเร็จ โดยโจมตีทางอากาศต่อฐานทัพอากาศกองทัพอากาศอังกฤษ และสถานีเรดาร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ แต่กองทัพอากาศของเยอรมนี ยังไม่สามารถเอาชนะกองทัพอากาศอังกฤษได้

 

วันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1940 สนธิสัญญาไตรภาคี ลงนามในกรุงเบอร์ลิน โดยจักรวรรดิญี่ปุ่น, ฮิตเลอร์ และ อิตาลี ต่อมาขยายไปรวมถึงฮังการี โรมาเนียและบัลแกเรีย จุดประสงค์ของสนธิสัญญา คือ เพื่อขัดขวางสหรัฐอเมริกามิให้สนับสนุนอังกฤษ จนถึงปลายเดือนตุลาคม ค.ศ. 1940 ฮิตเลอร์สั่งการโจมตีทางอากาศยามกลางคืนตามนครต่าง ๆ ของอังกฤษ รวมทั้งลอนดอน และเมืองสำคัญอื่น ๆ

 

ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1941 กองทัพเยอรมันไปถึงลิเบีย เพื่อสนับสนุนอิตาลี แล้วเขาสั่งการรุกรานยูโกสลาเวีย และตามด้วยการรุกรานกรีซในเวลาอันรวดเร็ว กองทัพเยอรมันถูกส่งไปสนับสนุนกำลังกบฏอิรัก ที่สู้รบกับอังกฤษ และรุกรานครีต ฮิตเลอร์ออกคำสั่งรุกหน้าอย่างเดียว

 

ทหารโซเวียตตรงพรมแดนตะวันออกของเยอรมนีในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1941 อาจเป็นเหตุให้ฮิตเลอร์ มีความคิด "บุกไปข้างหน้า" เพื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้งอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิถุนายน ค.ศ. 1941 ทหารเยอรมัน 3 ล้านนายโจมตีสหภาพโซเวียต การรุกรานนี้ได้ยึดพื้นที่ได้กว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งรัฐบอลติก เบลารุส และยูเครน

 

การรุกรานสหภาพโซเวียตของกองทัพบกเยอรมันถึงขีดสุดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1941 เมื่อกองพลทหารราบ รุกเข้าไปภายในรัศมี 24 กิโลเมตรจากกรุงมอสโก ใกล้พอที่จะเห็นยอดแหลมของราชวังเครมลิน

 

แต่เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมการสำหรับสภาพอันโหดร้ายของฤดูหนาวรัสเซีย และการต้านทานอย่างดุเดือดของกองทัพโซเวียต จึงผลักดันกองทัพเยอรมันถอยออกมาเป็นระยะทางกว่า 320 กิโลเมตร จากกรุงมอสโก

 

วันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย 4 วันให้หลังการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการต่อสหรัฐอเมริกาของฮิตเลอร์ ทำให้เยอรมนีเข้าสู่สงครามกับกำลังผสม 3 ประเทศ ซึ่งมีประเทศจักรวรรดิใหญ่ที่สุดในโลก คือ จักรวรรดิอังกฤษ ประเทศอุตสาหกรรมและการเงินยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คือ สหรัฐอเมริกา และประเทศที่มีกองทัพใหญ่ที่สุดในโลก คือ สหภาพโซเวียต

 

ธันวาคม ค.ศ. 1941 ฮิตเลอร์ ตัดสินใจสั่งกำจัดยิวแห่งรัสเซียเหมือนเป็นพลพรรค เป็นคำสั่งสังหารฆาตกรรมทางเผ่าพันธ์ ที่ดำเนินระหว่างการล้างชาติโดยนาซี เดือน มกราคม ค.ศ. 1942 มีการสังหารชาวยิว และผู้ถูกเนรเทศอื่นซึ่งถูกพิจารณาว่าไม่พึงปรารถนา ฮิตเลอร์กล่าวต่อเพื่อนร่วมงานว่า "สุขภาพดีของเราจะฟื้นคืนก็ด้วยการสังหารยิวเท่านั้น"

 

มีค่ายกักกันและค่ายมรณะนาซีประมาณ 30 แห่ง ฤดูร้อน ค.ศ. 1942 สถานที่ตั้งค่ายกักกันถูกดัดแปลงให้สามารถรองรับผู้ถูกเนรเทศจำนวนมากเพื่อสังหารหรือใช้แรงงานทาส ฮิตเลอร์มีความสนใจโดยตรงในการพัฒนาห้องรมแก๊ส ระหว่าง ค.ศ. 1939 -1945 แค่ 6 ปี ตำรวจลับเอสเอส ของรัฐบาลเยอรมัน รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตถึง 11-14 ล้านชีวิต ในจำนวนนี้เป็นชาวยิว 6 ล้านคน หรือคิดเป็น 2 ใน 3 ของประชากรยิวในยุโรป และชาวโรม 500,000 - 1,500,000 คน การเสียชีวิตเกิดขึ้นในค่ายกักกันและค่ายมรณะ ย่านชาวยิว และการประหารชีวิตหมู่

 

เหยื่อการล้างชาติ หลายคนถูกรมแก๊สจนเสียชีวิต ขณะที่บางคนเสียชีวิตเพราะหิวโหย หรือป่วยขณะใช้แรงงานทาส นโยบายของฮิตเลอร์ยังส่งผลให้มีการสังหารชาวโปแลนด์ และเชลยศึกโซเวียต พวกคอมมิวนิสต์และศัตรูการเมืองอื่น พวกรักร่วมเพศ ผู้พิการทางกายหรือใจ ผู้นับถือลัทธิพระยะโฮวาห์ นิกายแอดเวนติสต์ และผู้นำสหภาพแรงงาน ฮิตเลอร์ ไม่เคยปรากฏว่าเยือนค่ายกักกันและมิได้พูดถึงการสังหารอย่างเปิดเผย

 

ปลาย ค.ศ. 1942 กองทัพเยอรมันพ่ายแพ้ในยุทธการครั้งที่สอง ทำให้แผนการของฮิตเลอร์ในการยึดคลองสุเอซและตะวันออกกลางสะดุด ค.ศ. 1943 ยุทธการสตาลินกราดในรัสเซีย สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของกองทัพเยอรมัน ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ตามด้วยความพ่ายแพ้เด็ดขาดในยุทธการเคิสก์ ในตะวันออกกลาง

 

การตัดสินใจทางทหารของฮิตเลอร์เริ่มไม่มั่นคงเพิ่มขึ้น และฐานะทางทหารและเศรษฐกิจของเยอรมนีบั่นทอนลงไป พร้อมกับสุขภาพของฮิตเลอร์ คนใกล้ชิดและคนอื่นๆ เชื่อว่า ฮิตเลอร์อาจป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน

 

ค.ศ. 1943 ฝ่ายสัมพันธมิตรรุกรานอิตาลี จนมุสโสลินีถูกปลด ยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ช่วง ค.ศ. 1943 - 1944 สหภาพโซเวียตค่อย ๆ บีบให้กองทัพของฮิตเลอร์ ล่าถอยตามแนวรบด้านตะวันออก วันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 กองทัพสัมพันธมิตรตะวันตกขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ในหนึ่งในปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด

 

ด้วยเหตุความเสื่อมถอยของกองทัพเยอรมัน โอกาสที่เยอรมนีจะแพ้สงครามเพิ่มขึ้น นายทหารหลายคนจึงสรุปว่า ความพ่ายแพ้หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการตัดสินใจผิดพลาดหรือการปฏิเสธของฮิตเลอร์ จะยืดสงครามออกไปและส่งผลให้ประเทศชาติพังพินาศย่อยยับ ระหว่าง ค.ศ. 1939 และ 1945 มีหลายแผนในการลอบสังหารฮิตเลอร์ ความพยายามลอบสังหารหลายครั้งต่อฮิตเลอร์จึงเกิดขึ้นระหว่างช่วงนี้

 

กรกฎาคม ค.ศ. 1944 แผนที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดมาจากภายในเยอรมนี คือ เดือน แผนลับ ส่วนหนึ่งของติดตั้งระเบิดไว้ในกองบัญชาการแห่งหนึ่งของฮิตเลอร์ (รังหมาป่า) ฮิตเลอร์รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด เพราะบางคนผลักกระเป๋าเอกสารที่บรรจุระเบิดไปหลังขาโต๊ะประชุมที่หนักอย่างไม่รู้ เมื่อเกิดระเบิดขึ้น โต๊ะสะท้อนแรงระเบิดส่วนมากไปจากฮิตเลอร์

 

ภายหลัง ฮิตเลอร์สั่งการตอบโต้อย่างโหดร้าย ซึ่งส่งผลให้มีการประหารชีวิตคนกว่า 4,900 คน จนถึงปลาย ค.ศ. 1944 กองทัพโซเวียตได้ขับไล่ กองทัพเยอรมันถอยกลับไปยังยุโรปตะวันตก และสัมพันธมิตรตะวันตก รุกคืบเข้าไปในเยอรมนี

 

หลังได้รับแจ้งความล้มเหลวของการรุกของเยอรมัน ฮิตเลอร์จึงตระหนักว่าเยอรมนีกำลังแพ้สงคราม ความหวังของเขา จึงขึ้นอยู่กับการถึงแก่อสัญกรรมของประธานาธิบดีอเมริกา แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ แห่งอเมริกา ดังนั้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1945 มีการเจรจาสันติภาพกับอเมริกาและอังกฤษ ฮิตเลอร์จึงสั่งการให้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมทั้งหมดของเยอรมนี ก่อนที่จะตกอยู่ในมือฝ่ายสัมพันธมิตร

 

มุมมองของเขา คือ ความล้มเหลวทางทหารของเยอรมนีเสียสิทธิ์ในการอยู่รอดเป็นชาติ การดำเนินการแผนการเผาทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ถูกมอบหมายไปยังรัฐมนตรีทางอาวุธ ผู้ขัดคำสั่งเขาอย่างเงียบ ๆ วันที่ 20 เมษายน วันเกิดปีที่ 56 ฮิตเลอร์เดินทางครั้งสุดท้ายจากที่พักของผู้นำไปยังสวนที่ถูกทำลายของทำเนียบรัฐบาลไรช์ เขามอบกางเขนเหล็กให้ทหารเด็กแห่งยุวชนฮิตเลอร์

 

วันที่ 21 เมษายน แนวรบโซเวียต ได้เจาะผ่านการป้องกันสุดท้ายของกองทัพเยอรมัน และรุกเข้าไปยังชานกรุงเบอร์ลิน ฮิตเลอร์สั่งการให้ทหารที่ภักดี และกองทัพเยอรมันที่ 9 ได้รับคำสั่งให้โจมตีขึ้นทางเหนือในการโจมตีแบบโอบล้อม แต่นายทหารก็แข็งข้อ ทรยศกับเขา

 

ต่อมาประชุมทหารเมื่อวันที่ 22 เมษายน เขาได้รับบอกเล่าว่า การโจมตีนั้นไม่เคยเกิดขึ้น และรัสเซียได้ตีฝ่าเข้าไปในกรุงเบอร์ลิน ทำให้ฮิตเลอร์ขอให้ทุกคน ยกเว้นคนสนิทบางคนออกจากห้องประชุม จากนั้นเขาได้ประณามต่อการทรยศ และความไร้ความสามารถของผู้ไต้บังคับบัญชาของเขาอย่างเผ็ดร้อน

 

เขาประกาศเป็นครั้งแรกว่า เยอรมนีแพ้สงคราม ฮิตเลอร์ประกาศว่าเขาจะอยู่ในกรุงเบอร์ลินจนถึงจุดจบ คนสนิทเขาได้ออกประกาศวันที่ 23 เมษายน กระตุ้นให้พลเมืองเบอร์ลินป้องกันนครอย่างกล้าหาญ วันเดียวกันนั้น ผู้ปกครองที่แต่งตั้งส่งโทรเลขจากรัฐบาวาเรีย ว่าตั้งแต่ฮิตเลอร์ถูกตัดขาดในกรุงเบอร์ลิน ตัวเขาควรเป็นผู้นำเยอรมนีแทน โดยบอกว่าฮิตเลอร์ไร้ความสามารถ

 

ฮิตเลอร์ตอบโต้ด้วยความโกรธ โดยสั่งจับกุม และเมื่อเขียนคำสั่งเสียเมื่อวันที่ 29 เมษายน เขาถอดผู้ปกครองที่แต่งตั้งออกจากตำแหน่งทั้งหมดในรัฐบาล กรุงเบอร์ลิน ถูกตัดขาดจากส่วนที่เหลือของเยอรมนีอย่างสิ้นเชิง วันที่ 28 เมษายน ฮิตเลอร์พบว่า คนสนิทกำลังพยายามเจรจาเงื่อนไขการยอมแพ้ ต่อสัมพันธมิตรตะวันตก เขาจึงสั่งจับกุมคนสนิทและสั่งยิงทิ้งทันทีในกรุงเบอร์ลิน

 

หลังเที่ยงคืนวันที่ 29 เมษายน ฮิตเลอร์สมรสกับเอวา เบราน์ ในพิธีตามกฎหมายเล็ก ๆ ในห้องแผนที่ภายในที่พักผู้นำ หลังทานอาหารเช้างาน งานแต่งงานที่เรียบง่ายกับภรรยาใหม่ของเขา จากนั้น เขานำเลขานุการ ไปอีกห้องหนึ่งและบอกให้เขียนคำสั่งเสียสุดท้ายของเขา เหตุการณ์ดังกล่าวมีคนสนิทหลายคนเป็นพยานและลงนามเอกสาร ในช่วงบ่ายฮิตเลอร์ได้รับแจ้งข่าวถึงการลอบสังหารผู้นำเผด็จการชาวอิตาลี เบนิโต มุสโสลินี ซึ่งตั้งใจที่จะหนีการจับตัว

 

วันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1945 หลังการสู้รบถนนต่อถนนอย่างเข้มข้น กองทัพโซเวียตอยู่ในระยะหนึ่งหรือสองช่วงตึก จากทำเนียบรัฐบาลเยอรมัน ฮิตเลอร์และภรรยาทำการฆ่าตัวตาย ภรรยากัดแคปซูลไซยาไนด์ และฮิตเลอร์ยิงตัวตายด้วยปืนพกของเขา ร่างไร้วิญญาณของฮิตเลอร์และภรรยา ถูกนำขึ้นบันได และผ่านทางออกฉุกเฉินของบังเกอร์ ไปยังสวนที่ถูกระเบิดหลังทำเนียบรัฐบาล

 

ทั้งสองร่างถูกวางไว้ในหลุมระเบิด ราดด้วยน้ำมัน และจุดไฟ ขณะที่กองทัพโซเวียตยิงปืนใหญ่ถล่มต่อเนื่อง เยอรมันยอมจำนน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม บันทึกในจดหมายเหตุโซเวียต ซึ่งได้มาหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย แสดงให้เห็นว่า ศพของฮิตเลอร์ ภรรยา ลูก ๆ ทั้งหกคน ทหารคนสนิท และสุนัขของฮิตเลอร์ ถูกฝังและขุดขึ้นมาหลายครั้ง

 

การฆ่าตัวตายของอิตเลอร์ เป็น "คาถา" เสื่อม เมื่อปราศจากผู้นำ ลัทธิชาติสังคมนิยมก็ "ระเบิดเหมือนกับฟอง" พฤติการณ์ของฮิตเลอร์และอุดมการณ์นาซี ถูกคนเกือบทั้งโลกมองว่า ผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง

 

ฮิตเลอร์ส่งเสริมภาพลักษณ์ของตนต่อสาธารณะว่า เป็นภาพลักษณ์ชายที่อยู่เป็นโสดโดยปราศจากชีวิตครอบครัว อุทิศตนทั้งหมดให้แก่ภารกิจทางการเมืองและประเทศชาติ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1931 เกลี เราบัล หลานสาวของเขา ฆ่าตัวตายด้วยปืนของฮิตเลอร์ในอพาร์ตเมนต์ของเขา หลานของเขามีความสัมพันธ์ กับฮิตเลอร์

 

ความตายของเธอนั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ลึกล้ำและยาวนาน เขาพบ เอวา เบราน์ ภรรยาลับของเขา ใน ค.ศ. 1929 และสมรสกับเธอในเดือน เมษายน ค.ศ. 1945 ก่อนการเสียชีวิต

 

เขามองว่าชาวอาหรับ "เป็นเชื้อชาติต่ำกว่า" เขาเชื่อว่า ชาวเยอรมันที่เป็นเชื้อชาติสูงส่งกว่า ฮิตเลอร์ยกย่องศาสนาชินโตและวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่ฮิตเลอร์นั้นเน้นการปฏิบัติมากกว่า เขาทุกข์ทรมานจากอาการและโรคต่าง ๆ ได้แก่ โรคลำไส้แปรปรวน รอยโรคที่ผิวหนัง หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคพาร์กินสัน ซิฟิลิส และมีเสียงในหู

 

อีกด้านหนึ่ง เขาเป็นคนกินมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อ เพราะกลัวโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้มารดาของเขาเสียชีวิต เขาเป็นผู้นำต้านการทดลองในสัตว์ และเลือกทานอาหารอย่างลึกซึ้ง คนสนิทสั่งให้สร้างเรือนกระจกใกล้กับที่พักผู้นำ เพื่อให้ฮิตเลอร์มีผลไม้และผักเพียงพออย่างต่อเนื่องตลอดสงคราม เขาไม่ดื่มเหล้า และไม่สูบบุหรี่ เขาเป็นตัวตั้งตัวตีการรณรงค์งดสูบบุหรี่อย่างเข้มแข็งทั่วประเทศเยอรมนี

 

เขาเริ่มใช้แอมเฟตามีน (ยาบ้า) เป็นครั้งคราวตั้งแต่ ค.ศ. 1937 และเริ่มติดยาใน ค.ศ. 1942 ทำให้มีการตัดสินใจที่ไม่ยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ไม่อนุญาตการร่นถอยทางทหาร เขาได้รับการสั่งจ่ายยาถึง 90 ชนิดที่แตกต่างกันระหว่างสงคราม และกินยาหลายเม็ดต่อวัน เพราะปัญหากระเพาะอาหารเรื้อรังและอาการป่วยอื่น ๆ

 

เขาทุกข์ทรมานจากแก้วหูทะลุ อันเป็นผลของแรงระเบิดในแผนลับ 20 กรกฎาคม ใน ค.ศ. 1944 และถูกถอนเสี้ยนไม้สองร้อยชิ้น ออกจากขาของเขา มือฮิตเลอร์สั่นและเดินย่องแย่ง ซึ่งเริ่มขึ้นก่อนสงคราม และเลวร้ายลงเมื่อใกล้บั้นปลายชีวิต เขารักษาโรคพาร์กินสันใน ค.ศ. 1945

 

ฮิตเลอร์เคยมีแผนการใหญ่ ตั้งแต่ก่อนเขาก้าวขึ้นสู่อำนาจ ในการทำลายอิทธิพลของศาสนจักรคริสต์ภายในจักรวรรดิไรช์ โดยการทำลายล้างศาสนจักร เป็นเป้าหมายตั้งแต่เริ่มต้น แต่เป็นการไม่เหมาะสมที่จะแสดงท่าทีสุดโต่งนี้อย่างเปิดเผย เจตนาของเขา คือ รอกระทั่งสงครามยุติแล้วจึงค่อยทำลายอิทธิพลของศาสนาคริสต์

 

เมื่อฮิตเลอร์พ่ายแพ้ จึงเป็นจุดจบของประวัติศาสตร์ยุโรปที่ถูกเยอรมนีครอบงำ และถูกแทนที่ด้วยสงครามเย็น ซึ่งเป็นการเผชิญหน้าระดับโลกระหว่างสหภาพโซเวียต กับ สหรัฐอเมริกา ในเวลาต่อมา นโยบายของฮิตเลอร์ในอดึต ทำให้มนุษย์ได้รับความทุกข์ทรมานในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 40 ล้านคนโดยประมาณ หรือ 27 ล้านคนเฉพาะในสหภาพโซเวียต..!!!

 

สมดุล ตาชั่งอำนาจเชิงสงครามในยุคปัจจุบัน จึงมี 2 ฝ่ายหลัก คือ อเมริกา กับ สหภาพยุโรป และ อีกฝ่าย คือ รัสเซีย กับจีน แต่ประเทศใหญ่ๆ ในยุโรป ปัจจุบันถูกอเมริกา เอาเปรียบต่างๆ นาๆ จนเริ่มจะสุดกลั้น จึงเริ่มหันไปจับมือกับ รัสเซีย และ จีน เพราะขืนอยู่กับอเมริกา ต่อไป แล้วถูกรุมทำสงครามโลกครั้ง 3 ขึ้นมา ยุโรปคงสิ้นเผ่าพันธุ์เป็นแน่แท้

 

ส่วนอเมริกานั้น ภายในประเทศ รัฐบาลเขาได้ใช้ ความล้ำเลิศอันน่าอ้ศจรรย์ทางด้านข้อมูลครอบงำประชาชนคนอเมริกัน เพราะเขารู้ตัวว่ากำลังจะสูญเสียการควบคุมบงการ และรัฐบาลอเมริกาก็กลัวว่าจะสูญเสียการบงการควบคุมมิตรประเทศของเขาด้วย แต่จริงๆ แล้วรัฐบาลสหรัฐไม่เคยได้มีการควบคุมหรือบงการอย่างแท้จริงเชิงอำนาจเลย

 

รัฐบาลสหรัฐฯ ที่มียิวมีอิทธิพลครอบงำเหนืออีกที เป็นพวกเสพติดอำนาจ และต้องการให้อำนาจนั้นอยู่ในกำมือ ตามนิสัยของยิว ด้งนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ จึงพยายามสั่งให้ประเทศเล็กๆ ซ้ายหันขวาหัน ซึ่งในขณะนี้การไม่ยอม และโต้ตอบกลับเริ่มมีมากขึ้นๆ

 

ไม่เกิน 5 ปี สมดุลอำนาจโลก จะเอียงมาทาง รัสเซีย กับจีน แน่นอน เมื่อนั้นอเมริกาต้องก่อสงครามในภูมิภาคนี้ ที่มีผลใกล้เคียงกับดินแดนไทย เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ในการเล่นงานจีน สิ่งที่คนไทยต้องเตรียมการรับ คือ ชะลอ ลด ยกเลิก การติดต่อค้าขายทางเศรษฐกิจกับอเมริกา แล้วเปิดตลาดใหม่มุ่งเอเชีย เพื่อดึงเงินทุน และความมั่งคั่งกลับมาอยู่เอเชีย

 

เมื่อเกิดสงคราม ประเทศทางเอเชีย ก็จะได้เปรียบทางชัยภูมิ เพราะการทำสงครามนั้น ไม่อาจดื้อทำได้นานๆ เพราะความเสียหายทางเศรษฐกิจมันมาก จะเป็นแรงบีบกดดันผู้นำประเทศนั้นๆ ให้เร่งปิดเกมส์ และเมื่อเริ่มเห็นลางพ่ายแพ้ ประเทศพันธมิตรก็จะแปรพักตร์ ไปสวามิภักดิ์อีกฝ่ายหนึ่งเสมอ...สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เป็นบทเรียนพยากรณ์ผลของครั้งที่ 3

 

บทเรียนฮิตเลอร์ เยอรมัน ที่เล่ามาสอนว่า ประเทศใดแม้จะเก่งกาจสามารถ และมีแสนยานุภาพอาวุธมากเพียงใด..เมื่อถูกรุมกินโต๊ะ..ก็ไม่อาจรอดชะตากรรมไปได้..ธรรมชาติจะปรับสมดุล โดยตัวมันเองเสมอ

 

@ เสธ น้ำเงิน3

https://www.facebook.com/topsecretthai

10547650_252241828299185_6330771703085516222_n.jpg

10391052_252241301632571_4586848771064465922_n.jpg

10505422_252241391632562_751550586874835311_n.jpg

10478197_252241571632544_5851700793540943336_n.jpg

10547709_252241418299226_6252437790450057372_n.jpg

10353091_252241508299217_234871525059315121_n.png

10552638_252241778299190_7338026626563180694_n.jpg

10526116_252241898299178_8008687383109485037_n.jpg

10441063_252241201632581_5890637378274902404_n.jpg

10389655_252241444965890_4247281946552539087_n.jpg

10462419_252241701632531_5039954889091646020_n.jpg?oh=336d2a3d40869719e9a231b510409167&oe=54400CAF&__gda__=1413264837_80a5dd6383cfee8675cfd6fd59c56e01

10500243_252241681632533_629154468619713452_n.jpg

10488051_252241764965858_6938486610714108595_n.jpg10408929_252241341632567_3753014435585973523_n.jpg

10430048_252241808299187_5108065006019481622_n.jpg

10450531_252241248299243_2239181950875994059_n.jpg

10441953_252241211632580_874530351562076510_n.jpg

10450433_252241318299236_149066861166932836_n.jpg10440707_252241711632530_8253518093687669675_n.jpg

10505383_252241624965872_7717522492640402673_n.jpg

10410128_252241161632585_8647147281274364348_n.jpg

10351733_252241704965864_1817232455209941149_n.jpg

10492598_252241224965912_2826293823673280339_n.jpg

10543069_252241651632536_8287741072079757963_n.jpg

10343001_252241291632572_8145805973846274808_n.jpg

10386373_252241174965917_2882287652712214534_n.jpg

10514478_252241424965892_9071316145092790113_n.jpg

10516838_252241524965882_2991412358708840679_n.jpg?oh=c073a0b7b1aa17fe2a59181c6b87e712&oe=5448F706

10492273_252241948299173_5754652410500590151_n.jpg

10462510_252241514965883_6850990499877460047_n.jpg

10259896_252241534965881_6266263391150666373_n.jpg

10550828_252241734965861_7917485347076448402_n.jpg

10527565_252241981632503_7885122867216323370_n.jpg

10444757_252241921632509_7392678399676454928_n.jpg

10527471_252241854965849_3473125443778543257_n.jpg

10390530_252241901632511_5524162302295444609_n.jpg

10494785_252241784965856_2036431190236628534_n.jpg

10547650_252241828299185_6330771703085516222_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10547692_252139578309410_5928198869067892032_n.jpg

1899998_252139508309417_1996648010459556146_n.jpg

เผย..พิชัยสงครามแหลมคมแบบเอเซีย ไทย จีน อินเดีย หยุดตะวันตกรุกราน (15 photos)

วันที่ 7 ก.ค.57 เผย..พิชัยสงครามแหลมคมแบบเอเซีย ไทย จีน อินเดีย หยุดตะวันตกรุกราน

 

มีข้อมูลในการเจริญความสัมพันธ์ของประเทศในเอเชียช่วงนี้หลายเหตุการณ์ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แหลมคม และน่าจับตาอย่างยิ่ง คือ จีน กับอินเดีย เพราะ 2 ประเทศนี้ มีประชากรรวมกันมากถึงประมาณ 2,100 ล้านคน..แค่ประชากรเขาถ่มน้ำลานคนละครั้ง ก็น้ำประท่วมประเทศเล็กๆ ได้เลย และ 2 ประเทศต่างเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS นอกจาก บราซิล , รัสเซีย , แอฟริกาใต้ ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อเดือนก่อนว่า “จะยกเลิกการใช้เงินดอลลาห์ในการทำการค้ากัน “

 

ทั้ง 2 ประเทศเคยมีข้อพิพาทพรมแดน และมีสงครามช่วงสั้นๆ กันเมื่อราว 50 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อราวเดือนเมษายน 2557 แนวพรมแดนของ 2 ชาตินี้ปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยรัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่ากองทัพจีน ล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนที่อินเดียอ้างกรรมสิทธื์เกือบ 20 กิโลเมตร ทำให้เกิดภาวะตึงเครียดนาน 3 สัปดาห์ ต่อมาก็คลี่คลายลง เมื่อกองกำลังจากทั้ง 2 ฝ่ายถอนทหารกลับออกไป

 

ต่อมาเดือน พฤษภาคม 2557 นาย นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดียเข้ารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่สำคัญจากอินเดีย ที่จะมีผลกับผู้นำทางทหาร และทางการเมืองของจีน และต่อมาอินเดียก็ส่ง โมฮัมเหม็ด ฮามิด อันซารี รองประธานาธิบดีอินเดียไปเยือนจีนเมื่อปลายเดือน มิ.ย.57

 

พอต้น ก.ค.57 อินเดียส่ง พลเอก บิกรัม ซิงค์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพอินเดียคนแรก ที่ไปเยือนจีน นับตั้งแต่ปี 2548 เข้าเจรจากับ ฟาน ชางหลง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางของจีน อันเป็นสัญญาณแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจ ที่กำลังผงาดขึ้นมาใหม่ เป็นเรื่องที่แปลกมากที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักข แถมประกาศว่าจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันอีกด้วย

 

จีนพูดได้คมและลึกซึ้งมาก ว่า “ผลประโยชน์ที่มีร่วมกันของสองเรา อยู่เหนือความเห็นต่าง” และกล่าวต่อว่า “ทั้งสองประเทศต่างมีสติปัญญาและศักยภาพเพียงพอที่จะแก้ปมปัญหาทางประวัติศาสตร์นี้”..หือ..คมมาก

 

อินเดีย ก็คมไม่แพ้กันเน้นย้ำว่า ประเทศทั้ง 2 ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ดังนั้นการทำงานร่วมกัน และการติดต่อสื่อสารทางทหาร คือ สิ่งสำคัญที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่พรมแดนเหล่านี้จะมีความสงบสุข..โห..ฉลาดลึก

 

ทั้งสองฝ่ายจะขยายกรอบความร่วมมือในด้านต่างๆ รวมถึง การซ้อมรบร่วม การรักษาสันติภาพ และ การต่อต้านการก่อการร้าย “ทั้งสองฝ่ายจะเสริมการควบคุมแนวพรมแดนเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง เพื่อความสัมพันธ์แบบกองทัพต่อกองทัพ และสายสัมพันธ์แบบทวิภาคีที่กว้างขวางกว่าเดิม “

 

ความเต็มใจของจีน ที่จะกระชับความร่วมมือกับอินเดีย ในเรื่องข้อพิพาทนี้ มันน่าแปลกมาก เพราะช่างตรงกันข้ามกับท่าทีจีนที่แข็งกร้าว ที่แสดงออกในข้อพิพาทน่านน้ำในทะเลจีนใต้ กับฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ตลอดจนกรณี ทะเลตะวันออกกับญี่ปุ่น !!

 

เพราะกรณีฟิลิปปินส์ เวียดนาม กับญี่ปุ่น นั้น จีนแข็งกร้าวและไม่ลดราวาศอก โดยเฉพาะเวียดนามที่มีฐานทัพอเมริกา จีนถึงกับเอาเรือขนาดใหญ่ ฉีดน้ำแรงดันสูงไล่เรือของเวียดนาม ที่กล้าแหยมเข้าไปในเขตใกล้หมู่เกาะแสปรดลี่ ที่มีน้ำมันอยู่มาก

 

พอพบอินเดียแล้ว ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ของจีน ก็เดินทางไปเยือนที่กรุงโซล เกาหลีใต้ แล้วแถลงร่วมกัน กับ ประธานาธิบดี ปาร์ค กึน-เฮ ของเกาหลีใต้ โดยผู้นำทั้ง 2 ฝ่าย ได้บรรลุข้อตกลงหลายเรื่อง ที่สำคัญ คือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจกำหนดขั้นตอนเพื่อหันมาใช้เงินหยวนของจีน หรือ เงินวอนของเกาหลี ในการซื้อขายระหว่างกัน

 

ผลักดันให้เกาหลีใต้ยกระดับเป็นศูนย์กลางการค้าเงินหยวนนอกประเทศจีน รัฐบาลจีนจะตั้งธนาคารเพื่อการสื่อสารจีน เป็นตัวแทนธนาคาร เพื่อการชำระหนี้ด้วยเงินหยวน ที่จะมีสำนักงานอยู่ในกรุงโซล เกาหลีใต้..นี่คือการใส่สนับมือตบหน้าอเมริกาแบบจังเบอจนเป็นแผลเหวอะ แล้วเยี่ยวรดใส่แผลให้แสบอีกด้วย

 

จากนั้น ประธานาธิบดีจีน เดินทางไปกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ยังย้ำเรื่องความทุกข์ร่วมกันที่จีนกับเกาหลีใต้ประสบ ในช่วงที่ถูกญี่ปุ่นยึดครอง โดยระบุว่า ช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผู้นิยมลัทธิทหารในญี่ปุ่นได้ทำสงครามป่าเถื่อน

 

ด้วยการรุกรานจีนและเกาหลี กลืนกินคาบสมุทรเกาหลี ยึดครองดินแดนครึ่งหนึ่งของจีน และเมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นถึงขีดสุด ชาวจีนและ ชาวเกาหลีล้วนเสียเลือดเสียน้ำตาร่วมทุกข์และ ช่วยเหลือกัน..โห ได้ใจเกาหลีไป 4 ห้อง

 

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำจีนเดินทางเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ ก่อนไปเกาหลีเหนือ นี่คือเป็นการส่งสัญญาณไปยังญี่ปุ่น ว่าจีนกำลังจะเพิ่มบทบาทในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับรัฐบาลญี่ปุ่น เช่นเดียวกับจีน

 

ไม่นานมานี้ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุด ของเกาหลีเหนือ เพิ่งยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ 3 ครั้ง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว ใส่ทะเลญี่ปุ่น โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากญี่ปุ่นประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายทางทหารครั้งใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน

 

นี่เป็นกลยุทธ์กลศึกแบบจีน ที่ใช้ตำราพิชัยสงครามแบบสามก็ก ขยิบตาให้เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธใส่ทะเลญี่ปุ่น และซ้อมรบติดพรมแดนเกาหลีใต้ จากนั้นก็ไปเยือนเกาหลีใต้เพื่อบีบญี่ปุ่น ที่เคยเป็นศรัตรูร่วมของ 2 ประเทศ

 

ที่นี้มาดูจีน เล่นหมากรุกใกล้ๆ ไทยบ้าง ขณะนี้มีการเร่งการก่อสร้างสะพานดอนโขง ที่ลาว โดยเริ่มสร้างมาช่วงปลายปี 2554 โดยเป็นสะพานคอนกรีตยาวมาก เสร็จไปแล้วราว 92% มีกำหนดแล้วเสร็จจะเปิดใช้ใน 5 เดือนข้างหน้า โดยได้รับการช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลจีน คิดเป็นเงินราว 95% ของมูลค่าก่อสร้างราว 1,000 ล้านบาท ที่เหลือใช้เงินงบประมาณของลาวเอง

 

กำลังจะเป็นสะพานข้ามโขงอีกแห่งหนึ่งที่อำนวยความสะดวกให้แก่การคมนาคมขนส่งระหว่างสองฝั่งแม่น้ำทางตอนใต้ของลาว สะพานนี้ รวมอยู่ในแผนการของรัฐบาลลาว ที่จะพลิกฟื้นเขต “นทีสี่พันดอน” ที่แม่น้ำโขงแยกออกเป็นทางน้ำไหลหลายสาย กลายเป็นระบบเกาะแก่ง ที่มีความสลับซับซ้อน แต่ว่าสวยงามทางตอนใต้ของประเทศ

 

เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทันสมัยในระยะ 10 ปีข้างหน้า พร้อมแหล่งบริการที่จะสร้างขึ้นใหม่ รวมทั้งโรงแรม 5 ดาว และเรือนพัก ตลอดจนอาคารสำนักงานด้วย สะพานนี้ อยู่ในขั้นตอนการประดับประดาและตกแต่งเท่านั้น ซึ่งรวมทั้งการติดตั้งป้ายจราจร ป้ายสัญลักษณ์ ติดตั้งระบบไฟฟ้า และระบบสัญญาณต่างๆ เมื่อแล้วเสร็จก็จะเปิดใช้การได้ทันที

 

นอกจากสะพานดอนโขงแล้ว ความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนยังรวมถึงการก่อสร้างสนามบินพาณิชย์ ที่เมืองโขง ของลาวอีกแห่งหนึ่งด้วย !!

 

ส่วนลาวเอง ได้ก่อสร้างทางรถไฟระยะทาง 220 กิโลเมตร มูลค่าราว 150,000 ล้านบาท จากเมืองไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต ของลาวไปยังด่านชายแดนลาวบ๋าว โครงการรถไฟลาว-เวียดนาม จะก่อสร้างขึ้นภายใต้ระบบสัมปทานแบบ BoT ที่ลงทุนโดยกลุ่มบริษัทลูกในลาว และบริษัทผู้ลงทุนจากมาเลเซีย จะเริ่มสร้างในปี 2558 นี้และมีกำหนดแล้วเสร็จใช้งานได้ในปี 2561

 

โดยระบบรถไฟฟ้ารางมาตรฐาน 1.435 เมตร จะเป็น “กระดูกสันหลังในการคมนาคมขนส่ง” ระหว่าง ไทย -ลาว กับ เวียดนาม ที่อยู่ภายใต้แผนการก่อสร้างระเบียงขนส่งเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East West Economic Corridor - EWEC) ของธนาคารพัฒนาเอเชียด้วย

 

ต้นทางรถไฟอยู่ทิศตะวันออก ขนส่งสายนี้อยู่ที่ท่าเรือน้ำลึกหมีถวี เมืองดงห่า เมืองเอกของจังหวัดกว๋างจิ ในเวียดนาม ปลายทางทิศตะวันตก อยู่ที่ชายแดนลาวไทย (สะหวันนะเขต-มุกดาหาร) เพื่อ “เชื่อมต่อเข้ากับระบบรถไฟของไทย “ ซึ่งในวันข้างหน้าสามารถจะต่อเชื่อมเข้ากับระบบรถไฟในพม่าได้

 

ตอนนี้ กำลังจะมีการก่อสร้างสะพานหลายแห่ง ที่ทางรถไฟจะตัดผ่าน โดยใช้เมืองเซโน (ใกล้ชายแดนเวียดนาม) เป็นศูนย์การของทางรถไฟสายนี้ ระยะที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจพบระเบิดที่ตกค้างมาตั้งแต่ครั้งสงครามเป็นจำนวนมาก จึงต้องเก็บกู้ เพื่อความปลอดภัยของคนงานระหว่างการก่อสร้าง

 

รวมทั้งเก็บกู้ตลอดแนวเส้นทางที่รถไฟผ่าน เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชนโดยทั่วไปด้วย การก่อสร้างเฟสที่ 1 ควรจะเริ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.57 นี้ ขณะที่มีเงินลงทุนพร้อมอยู่แล้วในธนาคารต่างประเทศ พร้อมที่จะโอนเข้าสู่ลาวเมื่อการจัดทำข้อตกลงต่างๆ แล้วเสร็จ

 

ที่นี้มาดูแผนของจีนอีกด้านบ้าง เมื่อนายกรัฐมนตรีหลี เค่อเฉียง ของจีน ต้อนรับประธานาธิบดีเต็งเส่ง ของพม่า ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อหารือกันที่มหาศาลาประชาคม ในกรุงปักกิ่ง เมื่อปลาย มิ.ย.57 ทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นที่จะดำเนินการอย่างดี ในข้อตกลงความร่วมมือต่างๆ พร้อมทั้งขยายความร่วมมือในด้านการค้า พลังงาน และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

 

นายกฯ จีนพร้อมมีความไว้วางใจต่อกันในด้านการเมืองต่อพม่า มีความร่วมมือในระดับสูงที่ใกล้ชิดขึ้น และขยายความร่วมมือสองประเทศใกล้ชิด และทำให้แน่ใจว่าโครงการความร่วมมือโครงการใหญ่ ในการก่อสร้างท่อส่งก๊าซ และน้ำมัน เหมือง และท่าเรือ จะดำเนินการไปอย่างราบรื่น และปลอดภัย

 

จีนจะทำงานกับทุกประเทศ ที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่าง จีน บังกลาเทศ พม่า และอินเดีย และเสริมสร้างโครงข่ายเชื่อมต่อระหว่างประเทศในระดับภูมิภาค ภายใต้กรอบ “One Belt and One Road” ซึ่งอ้างถึงแนวเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม และเส้นทางสายไหม ทางทะเลศตวรรษที่ 21 อันเป็นแนวคิดที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ผลักดันระหว่างเยือนเอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2556

 

ประธานาธิบดีพม่าเผยว่า การพัฒนาของจีนได้นำโอกาสมาสู่พม่า และเอเชียทั้งหมด พม่าพร้อมที่จะร่วมมือกับจีน เพื่อดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 5 ประการ และเพื่อดำเนินการตามข้อตกลงความร่วมมือให้เป็นไปด้วยดี รวมถึงขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ

 

ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างจีน และอาเซียน นายกฯ จีนกล่าวว่า อาเซียนมีความสำคัญเป็นลำดับแรกในนโยบายทางการทูตของจีน โดยจีนจะสนับสนุน และให้ความร่วมมือต่อพม่า ที่กำลังดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนหมุนเวียนในปี 2557 นี้ ในการจัดการประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก..จีนนี่มองการณ์ไกล และลึกซึ้งมาก

 

ผู้นำจีน ชวนให้พม่ามีบทบาทในการพัฒนาความสัมพันธ์ของจีน และอาเซียน โดยประธานาธิบดีเต็งเส่ง กล่าวว่า พม่าจะทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน และจีน...ภาษานักเลงคือจีนขอให้พม่ามาเป็นพวก และนำจีนไปสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในอาเซียน

 

มาดูอีกสถานการณ์หนึ่ง ที่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพม่า ในฐานะแขกของกองบัญชาการกองทัพไทย เข้าพบคณะรัฐประหารของไทยเมื่อต้นเดือน ก.ค.57 และได้กล่าวชื่นชมเหล่านายพลของไทย ที่ตัดสินใจก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 57 เพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติ

 

ผลการหารือระหว่าง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพม่า กับ พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย พม่าระบุว่ามีความเชื่อมั่นต่อกองทัพไทยซึ่งมีพันธะหน้าที่ธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศ และรับประกันความปลอดภัยของประชาชน

 

พร้อมบอกด้วยว่าพม่าเคยผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าไทยมาแล้วในปี 2531 พม่ามั่นใจว่าโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะประสบความสำเร็จ

 

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาร์ พร้อมคณะรวม 21 คน เข้าเยี่ยมคาราวะ พล.อ.เปรม ติณสูนานนท์ ประธานองคมนตรี ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ เป็นสัญาณบอกเล่าถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นของคณะผู้นำทหารแห่งเมียนมาร์ กับรัฐบุรุษแห่งอาณาจักรไทย

 

ในสมัยที่ พล.อ.เปรม ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก มีความสนิทสนมกับบิดาของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้นำทางทหารของเมียนมาร์ในสมัยนั้น ทำให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาร์ มีความสัมพันธ์พิเศษเป็นการส่วนตัวในฐานะ "บุตรบุญธรรม" ของ พล.อ.เปรม นั่นเอง ดังนั้นเมื่อเขาเดินทางมาไทย จะมาเขัาพบ พล.อ.เปรม ทุกครั้ง

 

ในครั้งนี้ ผบ.สูงสุดพม่า ได้นำพระพุทธรูปหยก และ ภาพวาดเจดีย์ จากพม่า มามอบให้ พล.อ. เปรม ส่วน พล.อ.เปรม ได้มอบภาพวาดเทพเจ้าประจำวันให้กับ ผบ.สูงสุดพม่า ด้วย แล้วได้สนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของไทย พล.อ.เปรม ได้ถามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายของพม่า ซึ่ง ผบ.สูงสุดพม่า ระบุว่า กำลังก่อสร้าง คืบหน้าไปมาก แต่ต้องใช้เวลาหลายปี

 

จากนั้น ผบ.สูงสุดพม่า ก็ได้เข้าเยี่ยมคาราวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้า คสช.ต่อ ถือเป็นการเยี่ยมเยียนบุคคลสำคัญของไทย 3 คน ถือเป็นวัฒธรรมที่เป็นเอกลักษณ์แบบเอเชีย

 

ผบ.สูงสุดพม่า คนนี้แหละ ที่ถูกระบุในคลิปถั่งเช่าของ คนแดนไกล กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เนื้อหานั้น ที่ชายดูไบพูดดูถูกผู้นำ และมองทหารพม่าเขาเป็นลูกไล่ ล้าหลัง มองว่าเหล่านายพลอ่อนแอ เลยถูกชายชุดเขียวไทยย้อนเกร็ด โดยส่งไปเผยแพร่กระจายไปทั่วประเทศพม่า ส่งผลให้ประชาชนพม่ามองผู้นำเขาว่าไร้สมรรถภาพ ไม่มีราคา

 

ต่อมาราวต้น ก.พ.57 คนแดนไกลแบกหน้าไปพม่า ทั้งล๊อบบี้และทำหนังสือขอเข้าพบประธานาธิบดีพม่า รอกว่า 1 สัปดาห์ เขาก็ปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ!! เพราะเหตุผลใหญ่ 2 ประการคือ เขาโกรธกรณีคลิปถั่งเช่า ผู้นำพม่ามองว่าชายดูไบ ไม่มีความซื่อสัตย์ขายได้แม้แต่ชาติของตนเอง ไม่ควรค่าให้เข้าพบ

 

คนแดนไกล ต้องขอพบ ผบ.สูงสุด พม่าคนนี้แทน โดยยื่นเงื่อนไข คือ

1. จะสั่งให้ กฟฝ.สร้างโรงผลิตไฟฟ้าให้นิคมทวายฟรี โดยพม่าไม่ต้องออกทุนใดๆ

2. จะนำเงินมาลงทุนในพม่าไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท

3. พร้อมช่วยทหารพม่าทุกอย่าง เพื่อให้สามารถรบชนะกองกำลังไทใหญ่ SSA ได้

4. เสนอให้เงินกินเปล่าติดสินบนสนับสนุนทหารว้า และทหารพม่าในพื้นที่รัฐฉาน ที่เป็นอริกับเจ้ายอดศึก

5. ให้รัฐบาลเทียมปูเน่าสมัยนั้น และคนในพื้นที่ภาคเหนือ หยุดการสนับสนุนกองกำลัง SSA ของเจ้ายอดศึกที่เป็นอริกับรัฐพม่า

 

** ดูเรื่องเดิมที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.213671738822861.1073741913.187529244770444&type=3

 

แต่ ผบ.สูงสุดพม่าปฎิเสธ บอกว่าการที่ไทยมีหญิงผู้น่าเป็นหญิงต่อไป จะส่งผลทางจิตวิทยาให้ประชาชนสนับสนุน อองซาน เป็นประธานาธิบดีพม่าในอนาคตได้ ทหารพม่าจะหมดบารมี ชายดูไบจึงรีบรับปากทันทีว่า เขาจะชักใยให้นายกไทยคนต่อไปเป็นผู้ชายก็ได้

 

แต่ ผบ.สูงสุดพม่าคนนี้ ก็ปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใยอีก ไม่เล่นตามเกมส์ด้วย เพราะรู้ธาตุแท้ว่าไอ้หมอนี่มันจอม 18 มงกฎระดับโลก โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ก็จะไม่ให้คนแดนไกล เข้ามายุ่งเกี่ยว สร้างความผิดหวังให้คนแดนไกลมาก

 

ผลของคลิปถั่งเช่า ครั้งนั้น จึงไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อความสัมพันธ์ ของทหารไทยกับพม่าได้ เพราะ พล.อ.มิน อ่องไหล่ บอกว่า ไม่มีอะไรจะมาทำลายความสัมพันธ์ของเราได้ และเชื่อในความจริงใจ ทหารไทย...โถ..คนแดนไกล..ตามไม่ทันกลศึกนักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาป๋าเปรม อีกแล้ว เพราะ ผบ.สูงสุดพม่าคนนี้ เขาแจ้งป๋าตลอด เพราะเขาเป็นพ่อลูก บุญธรรมกันนั่นเอง

 

ที่ผ่านมา ไทย กับเขมร ก็พลิกกลับมามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแบบเหลือเชื่อ จนปล่อยวีระ ออกมา มีความร่วมมือที่ดีต่อกันด้านแรงงานเขมร และเมื่อช่วงต้นเดือน ทูตประเทศการ์ต้า ก็เข้าพบรองหัวหน้า คสช. และชม คสช.สร้างความสงบสุขให้ประชาชน พร้อมเสนอช่วยเหลือไทยด้านพลังงาน อยากค้า-ลงทุนกับไทยมากขึ้น

 

ในอนาคตเส้นโลจิสติกส์ขนส่งสินค้า และพลังงานก๊าซ น้ำมัน แร่ ทางบก โดยทางรถไฟ รถยนต์ อินเดีย พม่า ไทย ลาว จีน เวียดนาม จะทำเชื่อมโยงถึงกันหมด ผนวกกับทางรถไฟรางคู่ของไทย ที่จะเริ่มโครงการปี 57 นี้ และท่าเรือทวายของพม่า จะเป็นแหล่งค้าขายที่สำคัญแห่งใหม่ ทิศทางแบบนี้สงครามระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน คงปิดประตูตายไม่มีแน่ในยุค คสช.

 

เหตุเพราะยุคนี้ใช้กลยุทธ์การทหารนำการเมือง แต่อาจปะทุอีกครั้งเมื่อมีการเลือกตั้ง เพราะยุทธศาสตร์จะเปลี่ยนกลับเป็นการเมืองนำการทหารอีกครั้ง เมื่อนั้น ความบาดหมางไทยกับพม่า อาจเริ่มรอบใหม่ ตามมาด้วยจีน อินเดีย ลาว เขมร มาเลย์เซีย เวียดนาม เพราะนักการเมืองพลเรือน จะถูกแทรกแซงจากอเมริกา และตะวันตกได้ง่าย ดังนั้นคงยากที่รักษาความสัมพันธ์ทางความมั่นคงที่ดีกับเพื่อนบ้านได้เหมือนสมัย คสช.นี้

 

จากที่เล่ามาหลายสถานการณ์ ตั้งแต่ต้นแสดงชัดเจนว่า มีแต่คนเอเชียด้วยกันเท่านั้น จึงจะเป็นมิตรแท้ถาวรของคนเอเชียด้วยกันเอง ชาติตะวันตก ไม่มีวันเข้าใจขนบธรรมเนียบประเพณีอันงดงามของเราได้ ..ชาติตะวันตก คบไปทั่ว ยุแยงให้ชาติอื่นทะเลาะกัน เพื่อจะเอาเปรียบ ขโมยทรัพยากร ของชาติอื่นเขาทั้งนั้น..

 

เมื่อไม่ได้ดั่งใจมัน ก็จ้องแต่จะทำลายให้ชาตินั้นเกิดสงคราม จนหายนะ..หากคนในชาติเอเชียสามัคคีรวมหัวกันทั้งทวีป บอยคอตเลิกใช้เงินตราดอลลาห์อเมริกา อย่างที่จีน รัสเซีย และอีกหลายชาติกำลังทำ..รับประกันว่าอเมริกาหายนะทั้งประเทศพินาศแน่ๆ

 

@ เสธ น้ำเงิน4

https://www.facebook.com/topsecretthai

 

หมายเหตุ โปรดงดโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด / บทความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ / โพสภาพที่เกิดความแตกแยก / ให้ร้าย คสช./ นำข่าวลือมาโพส ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อคเข้าเพจนี้

10487239_252139818309386_3056688444568226134_n.jpg?oh=416cf7713fcf8c24632b2683c9b5906e&oe=544BBF79&__gda__=1412698049_f022b7532b9029cdb6457b364e8c4fe7

10552626_252139528309415_6040124680374098013_n.jpg

10403576_252139538309414_6325557247878535696_n.jpg

10525950_252139681642733_518221539239709663_n.jpg

10518659_252139574976077_8925525089461544287_n.jpg

10551098_252139711642730_5604748952979035424_n.jpg

10511207_252139824976052_792356722550518856_n.jpg

10450150_252139748309393_392667081177262176_n.jpg

10457773_252139734976061_8743650163348662471_n.jpg

10455096_252139768309391_3829850435967662348_n.jpg

10513490_252139698309398_5390779251379758254_n.jpg

15189_252139638309404_4854168145964232199_n.jpg

10520440_252139511642750_5141763819331378292_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผย..แนวคิดตัวตน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ บุรุษโลกตะลึง (ตอน 1 วางรากฐาน) (11 photos)

วันที่ 8 ก.ค.57 เผย..แนวคิดตัวตน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ บุรุษโลกตะลึง (ตอน 1 วางรากฐาน)

 

หน่วยงานความมั่นคงของชาติสัมพันธมิตร สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ถือเป็นพันธมิตรของเยอรมัน การหาข่าวของหน่วยงานข่าวกรองจากชาติเหล่านี้ ถูกยกเว้นไม่ได้รับการตรวจสอบจากหน่วยข่าวกรองของเยอรมัน (Bundesnachrichtendienst) หรือ BND

 

แต่คดีอื้อฉาว ที่จับกุมอดีตเจ้าหน้าที่ BND วัย 31 ปี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซ้ำร้ายเรื่องกลับยุ่งอีรุงตุงนังหนักขึ้นไปอีก เมื่อเขาผู้นี้ดันใกล้ชิดกับผู้อำนวยการหน่วยงาน BND ของเยอรมันเอง เขาเล่นบทบาทสายลับ 2 หน้า ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี แอบขายเอกสารความมั่นคงลับสุดยอดของเยอรมันให้หน่วยงาน CIA สหรัฐฯสำหรับค่าตอบแทน 10,000 ยูโรต่อเอกสาร 1 ชิ้น

 

เขาแอบลักลอบให้ข้อมูลลับเกี่ยวกับคดีการสอบสวนหน่วยงาน NSA สหรัฐฯ จำนวน 218 ชิ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อแลกกับค่าตอบแทนมากกว่า 34,000 ดอลลาร์ และถูกจับกุมได้ระหว่างพยายามขยายฐานลูกค้าเพื่อติดต่อหน่วยข่าวกรองรัสเซียในการขายความลับ...

 

ด้านรัสเซีย หัวเราะก๊าก..รีบแฉ เพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คนรับรู้ว่า หน่วยงาน CIA มีส่วนในปฏิบัติการจารกรรมความลับเยอรมัน ด้วยการจ้างอดีตสปาย BND ที่ถูกจับกุมล่าสุด เพื่อทำงานหาข่าวให้สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คน ได้ยอมรับสารภาพว่า CIA มีส่วนพัวพันในปฎิบัติการ ที่เพิ่งถูกเปิดเผยในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยการว่าจ้างอดีตเจ้าหน้าที่ BND วัย 31 ปี ที่ปัจจุบันอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจเยอรมัน ให้ทำหน้าที่สืบราชการลับจริง

 

ยิ่งเพิ่มความสั่นคลอนความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างสองประเทศที่ง่อนแง่น ตั้งแต่การเปิดเผยเอกสารลับ NSA ที่เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนเผยแพร่ ในปี 2013 พบว่า สหรัฐฯได้ลอบดักฟังโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของผู้นำเยอรมัน

 

และสหรัฐฯ เองก็ปฎิเสธลงนามความร่วมมือ “ไม่สอดแนม “ กับเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมัน จุดประเด็นขึ้นหลังจากที่พบว่า NSA ของอเมริกาได้ลอบดักฟังโทรศัพท์มือถือของเธอ

 

คดีนี้สร้างความขุ่นเคืองให้กับเยอรมันเป็นอย่างมาก ผู้นำเยอรมัน เดือดขนาดต้องรีบออกแถลงการณ์ไปถึงอเมริกาทันที ขณะไปเยือนจีน ว่าข่าวการจับกุมอดีตสายลับ BND ว่า “ข่าวฉาวแอบจารกรรมนี้ร้ายแรงมาก และจะยิ่งเป็นสิ่งขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด จากสิ่งที่ต้องพิจารณาถึงความเชื่อมั่นในความร่วมมือ ระดับหน่วยงานของเยอรมันกับชาติพันธมิตร”

 

นักการเมืองเยอรมันรู้สึกช็อก ที่พบว่าไม่เพียงแต่สหรัฐฯไม่เปิดเผยตัวตนของอดีตสปายสองหน้าชาวเยอรมัน แต่ยังกลับจ้างสปายผู้นี้ทำงานให้สหรัฐด้วย เมื่อต้นสัปดาห์นี้สมาชิกรัฐสภาเยอรมันหลายคน เรียกร้องให้มีการ “ ขับเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯ “ ที่ทำการจ้างอดีตเจ้าหน้าที่ BND สอดแนมเบอร์ลิน ออกนอกเยอรมัน

 

โดย ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ในรัฐสภาเยอรมัน ได้เปิดฉากโจมตีอเมริกาว่า "ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอีกต่อไปว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต้องเดินทางออกนอกประเทศเยอรมัน”

 

ต่อมาจากผู้นำ ปฏิบัติตาต่อตา ฟันต่อฟันก็เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อ รัฐมนตรีมหาดไทยเยอรมัน ประกาศว่ารัฐบาลเขาต้องการ ติดตาม 360 องศา ครอบคลุมปฎิบัติการจารกรรมทั้งหมดที่อเมริกากระทำในเยอรมัน รัฐบาลเขา อนุญาตให้มีภารกิจ “ต่อต้านการจารกรรม “ สอดแนม สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้แล้ว และโฆษกความมั่นคงภายในเยอรมัน เผยว่า “ต่อไปนี้เยอรมันต้องเริ่มต้นจับตา คนที่เรียกว่า “เพื่อน”

 

มาตรการใหม่ต่อต้านการจารกรรมนี้ คือ การเฝ้ามอนิเตอร์เครื่องดักฟังของหน่วยงานข่าวกรองอเมริกา NSA และ GCHQ ที่ตั้งบนยอดหลังคาตัวตึกสถานทูตสหรัฐฯ และอังกฤษประจำเยอรมัน

 

คนเยอรมันนั้น ยังฝังใจกัหน่วยเกสตาโป ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ยิ่งมาเจออเมริกาดักฟังโทรศัพท์ได้แม้กระทั่งผู้นำตนเอง จึงรู้สึกเสียความรู้สึกและเซ็งมาก งั้นมาลองดูประวัติว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เขามีแนวคิดอย่างไรในอดีต ที่ต้องการกำจัดยิว ให้สิ้นซาก และทำอย่างไรเขาจึงฆาตกรรมผู้คนนับ 17 ล้านคนอย่างเป็นระบบ ในจำนวนนี้เป็นชาวยิวเกือบ 6 ล้านคน

 

อาลัวส์ ฮิตเลอร์ กับ คลารา เพิลเซล ให้กำเนิด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1889 ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในรันส์ฮอเฟน หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เขาเป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน พี่ทั้งสามคนของฮิตเลอร์ เสียชีวิตตั้งแต่เป็นทารก

 

เมื่อฮิตเลอร์อายุได้ 3 ขวบ ครอบครัวของเขาย้ายไป เยอรมนี ที่ซึ่งทำให้ฮิตเลอร์มีสำเนียงท้องถิ่นแบบบาวาเรียล่างมากกว่าสำเนียงเยอรมันออสเตรีย และเป็นสำเนียงที่ฮิตเลอร์ใช้ตลอดชีวิต ต่อมา บิดาของฮิตเลอร์ ได้เกษียณไปยังที่ดินเล็ก ๆ ที่ฮาเฟลด์ ใกล้ลัมบัค เขาพยายามประกอบอาชีพกสิกรรมและเลี้ยงผึ้งด้วยตนเอง

 

ฮิตเลอร์เข้าศึกษาที่โรงเรียนที่ฟิชล์ฮัม ในละแวกใกล้เคียง ขณะที่ยังเป็นเด็ก ฮิตเลอร์ติดการสงคราม หลังพบหนังสือภาพเกี่ยวกับสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ท่ามกลางบรรดาสมบัติส่วนตัวของบิดา เขาเริ่มต้นความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับพ่อ เพราะฮิตเลอร์ปฏิเสธไม่เชื่อฟังกฎระเบียบอันเข้มงวดของโรงเรียนเขา

 

ความพยายามทำกสิกรรมของบิดา จบลงด้วยความล้มเหลว ต่อมาฮิตเลอร์เข้าศึกษาที่โรงเรียนคาทอลิกแห่งหนึ่งในเขตชนบทเบเนดิกติน คริสต์ศตวรรษที่ 11 สมัยนั้นนั้น มีสัญลักษณ์สวัสดิกะ ที่ถูกปรับให้เข้ากับแบบบนตราอาร์มของอดีตอธิการวัด ฮิตเลอร์วัย 8 ขวบเข้าเรียนร้องเพลง ร่วมอยู่ในวงประสานเสียงของโบสถ์ จนกระทั่งเขาวาดฝันว่าตนจะเป็นนักบวช

 

ต่อมาน้องชายของเขาเสียชีวิตด้วยโรคหัด กระทบต่อจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง จากที่เคยเป็นเด็กที่มั่นใจ เข้าสังคม และเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยม เขากลายเป็นเด็กอารมณ์ขุ่นมัว เฉยชา และบึ้งตึง มีปัญหากับบิดาและครูอย่างต่อเนื่อง

 

บิดาของฮิตเลอร์ประสบความสำเร็จในอาชีพในสำนักงานศุลกากร และต้องการให้เขาเจริญรอยตาม แต่เขาอยากเข้าศึกษายังโรงเรียนมัธยมคลาสสิก และจบมาเป็นศิลปิน ต่อมาพ่อเขาบังคับให้ไปเรียนโรงเรียนอาชีวะ อีกแห่งหนึ่ง เขาแกล้งเรียนแย่ๆ มาก หวังว่าเมื่อบิดาเห็นว่า "มีความคืบหน้าน้อยที่โรงเรียนอาชีวะ จะปล่อยให้ฮิตเลอร์อุทิศตัวเองแก่ความใฝ่ฝันของตนเอง “

 

 

ฮิตเลอร์เริ่มหลงใหลในลัทธิชาตินิยมเยอรมันตั้งแต่เยาว์วัย แสดงความเคารพต่อเยอรมนีเท่านั้น ฮิตเลอร์และเพื่อนของเขาใช้คำทักทายภาษาเยอรมัน "ไฮล์" และร้องเพลงชาติเยอรมัน แทนเพลงชาติจักรวรรดิออสเตรีย

 

ต่อมาพ่อของเขาเสียชีวิตกะทันหัน พฤติกรรมของฮิตเลอร์ที่โรงเรียนอาชีวะยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นไปอีก มารดาเขาอนุญาตให้เขาลาออกในปี ค.ศ. 1905 เขาลงเรียนอีกแห่ง หลังผ่านข้อสอบปลายภาค ฮิตเลอร์ก็ได้ออกจากโรงเรียนโดยไม่แสดงความทะเยอทะยานใด ๆ แก่การศึกษาต่อ หรือมีแผนที่ชัดเจนสำหรับอาชีพในอนาคต

 

นับจาก ค.ศ. 1905 ฮิตเลอร์ได้ใช้ชีวิตในเวียนนา ด้วยเงินสงเคราะห์เด็กกำพร้า เขาทำงานเป็นกรรมกรชั่วคราว และท้ายสุด เป็นจิตรกรขายภาพวาดสีน้ำ สถาบันวิจิตรศิลป์เวียนนาปฏิเสธเขาสองครั้ง เพราะ "ความไม่เหมาะสมที่จะวาดภาพ" ของเขา ผู้อำนวยการแนะนำให้ฮิตเลอร์เรียนสถาปัตยกรรม แต่เขาขาดเอกสารแสดงวิทยฐานะทางการศึกษา

 

หลังสถาบันฯ ปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง ฮิตเลอร์ก็หมดเงิน ใน ค.ศ. 1909 เขาอาศัยอยู่ในที่พักคนไร้ที่บ้าน แล้วย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านพักชายรับจ้างยากจน ขณะที่ฮิตเลอร์อยู่ที่นั่น เวียนนาเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อคติทางศาสนา และคตินิยมเชื้อชาติแบบคริสต์ศตวรรษที่ 19

 

ความกลัวว่าจะถูกผู้อพยพจากตะวันออกล่วงล้ำแพร่ขยาย และนายกเทศมนตรีเวียนนา มีนโยบายประชานิยม เขาใช้วาทศิลป์พูดให้เกลียดชังยิวรุนแรง เพื่อประโยชน์ทางการเมือง มีผู้สนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง และมีฐานในย่านที่ฮิตเลอร์อาศัยอยู่ ฮิตเลอร์อ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่กระพืออคติและความกลัวของคริสเตียนว่า จะต้องแบกภาระการเข้ามาของยิวตะวันออก

 

เขาจึงเกลียดชังยิวครั้งแรกในเวียนนา ฮิตเลอร์ย้ายออกจากเวียนนา เพื่อหลบเลี่ยงการเกณฑ์เข้าสู่กองทัพออสเตรีย เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุ ฮิตเลอร์สมัครเข้ารับราชการในกองทัพเยอรมัน เขาได้รับการตอบรับในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นผลมาจากความปล่อยปละละเลยทางธุรการ เพราะเขายังเป็นพลเมืองออสเตรีย

 

เขาถูกจัดไปยังกรมทหารราบกองหนุนบาวาเรีย 16 เขาปฏิบัติหน้าที่เป็นพลนำสารส่งของในแนวรบด้านตะวันตกในฝรั่งเศสและเบลเยียม เขาเข้าร่วมในยุทธการอีเปอร์ ยุทธการแม่น้ำซอม ยุทธการอารัส และยุทธการพัสเชนแดเลอ

 

เขาได้รับเชิดชูเกียรติสำหรับความกล้าหาญ ได้รับกางเขนเหล็กชั้นที่หนึ่ง เมื่อ ค.ศ. 1918 เป็นอิสริยาภรณ์ซึ่งน้อยครั้งนักจะมอบให้แก่ทหารชั้นผู้น้อย เช่น พลทหารอย่างเขา ตำแหน่งของฮิตเลอร์ที่กองบัญชาการกรม ทำให้เขามีปฏิสัมพันธ์บ่อยครั้งกับนายทหารอาวุโส ทำให้เขาได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์นี้

 

ระหว่างรับราชการที่กองบัญชาการ ฮิตเลอร์ยังสร้างสรรค์งานศิลปะของตนต่อไป โดยวาดการ์ตูนและคอลัมภ์แก่หนังสือพิมพ์กองทัพ ระหว่างยุทธการแม่น้ำซอม ใน ค.ศ. 1916 เขาได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาหนีบ หรือต้นขาซ้ายเมื่อกระสุนปืนใหญ่ระเบิดในหลุมของพลนำสาร

 

ต่อมา ค.ศ. 1918 ฮิตเลอร์ ตาบอดชั่วคราวจากการโจมตีด้วยแก๊สมัสตาร์ด และรับการรักษาในโรงพยาบาล ขณะรักษาตัวอยู่ ฮิตเลอร์ทราบข่าวการพ่ายแพ้ของเยอรมนี เมื่อทราบข่าว เขาก็ตาบอดอีกเป็นครั้งที่สอง

 

เขารู้สึกขมขื่นต่อการพังทลายของความพยายามทำสงคราม และอุดมการณ์อย่างมั่นคง เขาอธิบายสงครามว่าเป็น "ประสบการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนืออื่นใด" และได้รับการยกย่องจากนายทหารผู้บังคับบัญชา ประสบการณ์นี้ส่งผลให้ฮิตเลอร์เป็นผู้รักชาติเยอรมันอย่างหลงใหล และรู้สึกช็อกเมื่อเยอรมนียอมจำนนในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 1918

 

เขาเชื่อในการอ้างว่ากองทัพเยอรมัน "ไม่แพ้ในสมรภูมิ" ได้ถูก "แทงข้างหลัง" โดยผู้นำพลเรือน และพวกมากซิสต์ จากแนวหลัง นักการเมืองเหล่านี้ภายหลังถูกขนานนามว่า "อาชญากรพฤศจิกายน"

 

สนธิสัญญาแวร์ซาย กำหนดให้เยอรมนีต้องสละดินแดนหลายแห่ง และให้ปลอดทหาร กำหนดการลงโทษทางเศรษฐกิจ และเรียกเก็บค่าปฏิกรรมจากประเทศ ชาวเยอรมันจำนวนมากเข้าใจว่าสนธิสัญญานี้ เป็นความอัปยศอดสู สภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในเยอรมนีได้รับผลกระทบจากสงคราม

 

หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยุติ เขากลับมายังมิวนิก ต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าหน้าที่การข่าว แห่งคอมมานโดลาดตระเวน ของไรช์สเวร์ ระหว่างที่เขาเฝ้าติดตามกิจกรรมของพรรคกรรมกรเยอรมัน DAP ฮิตเลอร์จึงมีแนวคิดต่อต้านยิว ชาตินิยม ต่อต้านทุนนิยม ด้วยประทับใจกับทักษะวาทศิลป์ของฮิตเลอร์ จึงเชิญเขาเข้าร่วม DAP ฮิตเลอร์ยอมรับเมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1919 เป็นสมาชิกพรรคคนที่ 55

 

ที่ DAP ฮิตเลอร์พบหนึ่งในสมาชิกคนแรก ๆ ของพรรค และแนะนำเขาให้รู้จักกับบุคคลในสังคมมิวนิกอย่างกว้างขวาง ต่อมาพรรคได้เปลี่ยนชื่อเป็น พรรคสังคมนิยมกรรมกรแห่งชาติเยอรมัน (ย่อเป็น NSDAP) ฮิตเลอร์ออกแบบธงของพรรคเป็นสวัสดิกะในวงกลมสีขาวบนพื้นหลังสีแดง

 

หลังถูกปลดประจำการในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1920 ฮิตเลอร์เริ่มทำงานกับพรรคเต็มเวลา เขาสามารถปราศรัยต่อผู้ฟังจำนวนมาก แก่ฝูงชนมากกว่าหกพันคนในมิวนิก ในการประกาศเผยแพร่การชุมนุม ขับไปรอบเมืองและโบกธงสวัสดิกะและโยนใบปลิว ไม่นานฮิตเลอร์ก็มีชื่อเสียงในทางไม่ดีจากความเอะอะโวยวาย

 

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1921 ระหว่างที่ฮิตเลอร์และที่ปรึกษากำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไประดมทุนยังเบอร์ลิน ได้เกิดการจลาจลขึ้นภายในพรรค DAP ในมิวนิก สมาชิกคณะกรรมการบริหารพรรค DAP ซึ่งบางคนมองว่าฮิตเลอร์ยโสเกินไป ฮิตเลอร์ จึงยื่นใบลาออกจากพรรคด้วยความโกรธ สมาชิกกรรมการตระหนักว่าการลาออกของเขาจะหมายถึงจุดจบของพรรค

 

ฮิตเลอร์ประกาศว่าจะกลับเข้าพรรคอีกครั้ง เมื่อเขาเป็นหัวหน้าพรรคแทนคนเดิม คณะกรรมการตกลง เขาเข้าร่วมพรรคอีกครั้งเป็นสมาชิกคนที่ 3,680 เขายังเผชิญกับการคัดค้านภายในพรรคบ้าง พันธมิตรของเขาพิมพ์แผ่นพับ 3,000 แผ่นโจมตีฮิตเลอร์ว่าเป็นผู้ทรยศพรรค ไม่กี่วันให้หลัง ฮิตเลอร์กล่าวแก้ต่างและได้รับเสียงปรบมือดังสนั่น

 

ยุทธศาสตร์ของเขาพิสูจน์แล้วว่าประสบผล ที่การประชุมใหญ่สมาชิกพรรค DAP เขาได้รับอำนาจเต็มในฐานะหัวหน้าพรรค โดยได้รับเสียงคัดค้านเพียงเสียงเดียว สุนทรพจน์โรงเบียร์ที่เผ็ดร้อนของฮิตเลอร์ เริ่มดึงดูดผู้ฟังขาประจำ เขาเริ่มช่ำชองในการใช้แก่นประชานิยมต่อผู้ฟังของเขา รวมทั้งการใช้แพะรับบาปคือความยากลำบากทางเศรษฐกิจ

 

ปรากฏการณ์สะกดจิตของวาทศิลป์ที่เขาใช้ต่อผู้ฟังกลุ่มใหญ่ และของตาเขาในกลุ่มเล็ก ชาวเยอรมันถูกร่ายมนต์ความดึงดูดใจ 'สะกดจิต' ของฮิตเลอร์ กล่าวกันว่าได้สะกดจิตประเทศชาติ ยึดพวกเขาอยู่ในภวังค์ที่ถอนตัวไม่ขึ้น ความมีเสน่ห์ของดวงตาคู่นั้น ซึ่งสะกดชายที่ดูสุขุมมานักต่อนัก

 

เขาใช้อำนาจเสน่ห์ส่วนตัวของเขา และความเข้าใจในจิตวิทยาฝูงชนเป็นประโยชน์แก่เขา ระหว่างพูดในที่สาธารณะ จนมีปฏิกิริยาที่มีต่อสุนทรพจน์ของฮิตเลอร์ว่า " ปะทุเข้าสู่ความบ้าคลั่งของความภูมิใจชาตินิยมที่อยู่ติดกับฮิสทีเรีย เป็นเวลาหลายนาทีติดกัน ผู้คนตะโกนสุดปอด ด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาตามใบหน้า ซีก ไฮล์, ซีก ไฮล์, ซีก ไฮล์!

 

นับแต่ชั่วขณะนั้น ผู้คนตกเป็นของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ทั้งร่างกายและวิญญาณ ผู้ติดตามคนแรก ๆ ของเขาเป็นอดีตนักบินกองทัพอากาศ และทหารจากกองทัพบก ผู้ซึ่งต่อมา เป็นหัวหน้าองค์การกำลังกึ่งทหารของนาซี (SA, กองพลวายุ) ซึ่งคอยคุ้มครองการประชุมและโจมตีคู่แข่งการเมืองอยู่บ่อยครั้ง

 

ใน ค.ศ. 1923 ฮิตเลอร์ต้องการเลียนแบบ เบนิโต มุสโสลินี โดยจัดรัฐประหารของเขาเองในบาวาเรีย ฮิตเลอร์ต้องการฉวยโอกาสสำคัญเพื่อการปลุกปั่นและการสนับสนุนของประชาชน การประชุมสาธารณะที่มีผู้เข้าร่วม 3,000 คน ซึ่งจัดโดยพลพรรคในโรงเบียร์ขนาดใหญ่ในมิวนิก ฮิตเลอร์ปราศรัยว่าการปฏิวัติแห่งชาติเริ่มต้นขึ้น

 

ประกาศจัดตั้งรัฐบาลใหม่กับพลพรรค โดยชักปืนพกออกมา ฮิตเลอร์ได้รับการสนับสนุนจากพลพรรค กองกำลังของฮิตเลอร์ประสบความสำเร็จช่วงแรกในการยึดไรช์สเวร์ และกองบังคับการตำรวจท้องถิ่น อย่างไรก็ดี ไม่มีกองทัพหรือตำรวจรัฐเข้าร่วมกับกองกำลังของเขา ทำให้เพื่อนของเขารีบถอนการสนับสนุนของตน และหนีไปเข้ากับฝ่ายต่อต้านฮิตเลอร์วันรุ่งขึ้น

 

ฮิตเลอร์ และผู้ติดตามเดินขบวนจากโรงเบียร์ไปยังกระทรวงสงครามเพื่อล้มรัฐบาลบา แต่ตำรวจสลายการชุมนุม สมาชิก NSDAP จำนวน 16 คนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายถูกสังหารไปในรัฐประหารที่ล้มเหลว ฮิตเลอร์หลบหนีไปยังบ้านของพลพรรคที่สนิท เขาคิดฆ่าตัวตาย เขารู้สึกหดหู่ และถูกจับกุมในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1923 ด้วยข้อหากบฏ

 

เขาถูกตัดสินจำคุก 5 ปีในเรือนจำ เขาได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นมิตรจากผู้คุม และได้รับอนุญาตให้รับจดหมายจำนวนมากจากผู้สนับสนุน และมีการเข้าเยี่ยมเป็นประจำจากเพื่อนร่วมพรรค ศาลสูงสุดอภัยโทษและเขาถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ เขาได้รับโทษในเรือนจำ 1 ปีกว่าเท่านั้น

 

ขณะถูกจองจำอยู่ที่เรือนจำ เขาได้อุทิศบันทึกความทรงจำของเขา ตีพิมพ์ เป็นหนังสือทั้งอัตชีวประวัติและการแถลงอุดมการณ์ของเขา ต่อมาขายได้ถึงหนึ่งล้านเล่ม

 

...เรื่องยิ่งเข้มข้นขึ้น รออ่านตอนที่ 2 ต่อไป.....

 

@ เสธ น้ำเงิน3

https://www.facebook.com/topsecretthai

 

หมายเหตุ โปรดงดโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด / บทความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ / โพสภาพที่เกิดความแตกแยก / ให้ร้าย คสช./ นำข่าวลือมาโพส ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อคเข้าเพจนี้

1910641_252161408307227_8978917544256174694_n.jpg

10394626_252161074973927_3652835767799261990_n.jpg10472693_252161028307265_5347447200856788442_n.jpg

10389707_252161034973931_9157482452594756321_n.jpg 10458486_252161078307260_2667528993542755461_n.jpg10426904_252161038307264_5762801011254370093_n.jpg

10462478_252161171640584_1363734587486249361_n.jpg10513294_252161064973928_1445175610501232492_n.jpg

10511215_252161161640585_1890343836213797000_n.jpg

10492287_252161138307254_360127219771072054_n.png10366232_252161098307258_5401929465638925095_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผย..แนวคิดตัวตน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ บุรุษโลกตะลึง (ตอน 2 รุ่งเรือง) (15 photos)

วันที่ 9 ก.ค.57 เผย..แนวคิดตัวตน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ บุรุษโลกตะลึง (ตอน 2 รุ่งเรือง)

 

ในอเมริกานั้น นายทุนยิวล้วนชักใยรัฐบาลอเมริกามาทุกยุกต์สมัย อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรคของอเมริกา ในการออกนโยบายทางการเงินต่างๆ และชักใยนโยบายตะวันออกกลางของอเมริกาอีกด้วย

 

ฉนวนกาซา ที่เป็นดินแดนเขตกันชน ระหว่างยิวกับปาเลสไตน์ เมื่อก่อนยิวต้องการขยายอำนาจจึงสร้างดินแดนกันชน ส่งคนยิว รุกล้ำ เขาไปตั้งถิ่นฐานในฉนวนกาซา แล้วทำกำแพงสูงเอาดื้อๆ ทีนี้พวกกลุ่มหัวรุนแรงติดอาวุธฮามาส เขาก็รู้สึกถูกรังแก และเบียดบังพื้นที่ของเขาที่น้อยนิดอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ยิวอาศัยที่มีอเมริกา และ EU หนุนหลัง แล้วรังแก เอารัดเอาเปรียบ และกดขี่ปาเลสไตน์เรื่อยมา เพราะคนปาเลสไตน์มีน้อยเดียว ไม่มีทางเทียบอะไรกับยิวได้เลย

 

ก็เลยเกิดการโจมตียิวด้วยอาวุธบ้านๆ ทำเองระเบิดพลีชีพ มีการสู้แบบถวายหัว เหมือนเวียดกง สู้กับทหารอเมริกา ศักยภาพกลุ่มฮามาสนั้น เลื่องลือด้านระเบิดพลีชีพ โดยผูกระเบิดติดตัว แล้วขึ้นไปบนรถบัสที่ยิวหนาแน่น ในฝั่งดินแดนของยิว จากนั้นก็จุดระเบิดฆ่าตัวตาย พร้อมสังหารคนในรถบัสไปด้วย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ในฉนวนกาซา แต่ยิวก็ตอบโต้กลับด้วยสารพัด จรวด และเคร่ืองบินทิ้งระเบิด ที่เหนือกว่ามากๆ แบบเด็กกับผู้ใหญ่สู้กัน

 

นับตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 57 เป็นต้นมา กระแสความรุนแรงจากการตอบโต้ระหว่างกันได้เริ่มต้นขึ้น ยิว อิสราเอล โดยการหนุนหลังของอเมริกา ยังคงโจมตีทางอากาศทั่วฉนวนกาซา ต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายเป็นบ้านพักฝ่ายปฏิบัติการของพวกฮามาส ที่ยิสกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงจรวดข้ามพรมแดน

 

กองทัพยิวอิสราเอล อ้างว่ายังได้ถล่มที่ตั้งทางทหาร เครื่องยิงจรวดที่ปิดซ่อนเอาไว้ แล้วก็โจมตีจากทางทะเลอีก 3 ชุด ซึ่งสามารถทำลายศูนย์บัญชาการของพวกฮามาส ที่อำพรางอยู่ในอาคารพลเรือนแห่งหนึ่งได้ และใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธ “ไอรอน โดม” สกัดจรวด 40 ลูกของกลุ่มฮามาสเอาไว้ได้ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีชาวอิสราเอลได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

 

คณะรัฐมนตรียิว อนุมัติให้อำนาจกองทัพระดมกำลังทหารกองหนุนเติมอีก 40,000 นาย โดยมีแผนการโจมตีภาคพื้นดินเพิ่มอีกด้วย สหรัฐฯ เริ่มแถยุแหย่ โดยประณามการยิงจรวดกลุ่มฮามาสว่า เป็นการกระทำที่มีเจตนาเล็งเป้าหมายไปที่พลเรือน (แต่ประหลาดที่อ้างว่ายิงมามากแต่ไม่มียิวใครเจ็บเลย) ส่วนสหภาพยุโรป ตำหนิการยิงจรวดกลุ่มฮามาส ออกมาจากกาซา...อเมริกาและ EU รุมฮามาสกันใหญ่

 

การถล่มทางอากาศของยิว ส่งผลทำให้ชาวปาเลสไตน์ เฉพาะแค่ 2 วันที่ผ่านมาคนปาเลสไตน์ ตายไปแล้วอย่างน้อย 40 ราย ในจำนวนนี้เป็นหญิง และเด็ก ที่ไร้ทางสู้เพียบ ทำให้นายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ขอร้องให้อิสราเอลยุติโจมตีทำร้ายคนอ่อนแอทันที พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกเข้าแทรกแซงสถานการณ์ เสถียรภาพ และความเสียหายที่มากขึ้นต่อภูมิภาคนี้ เขาเตรียมหารืออย่างเข้มข้น เพื่อดึงผู้นำชาติอาหรับอื่นๆ ให้เข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ และกดดันอิสราเอลให้ยุติความรุนแรงโดยเร็ว

 

ขณะที่กลุ่มฮามาส ประณามปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลว่าเป็นอาชญากรสงครามที่น่าสยดสยอง และประกาศแก้แค้นชาวอิสราเอลทุกคน และตอบโต้ว่า จะขยายรัศมีการโจมตีออกไปอีก ถ้าอิสราเอลยังคงเดินหน้าก่อความรุนแรง จากนั้นจึงระดมยิงด้วยจรวดออกมาจากพื้นที่ที่ปกครองโดยพวกฮามาสอย่างดุเดือด

 

ยิวอิสราเอล มีปัญหากลับกลุ่มติดอาวุธฮามาส แต่กลับโจมตีด้วยอาวุธร้ายแรงทางอากาศใส่บ้านพลเรือน ที่มีเด็กและผู้หญิงปาเลสไตน์ ยิ่งยั่วยุให้กลุ่มติดอาวุธฮามาส โกรธแค้น และแก้แค้นเอาคืนหนักเข้าไปอีก

 

รัฐบาลอเมริกา ..ชักใยโดยคนยิว แต่ในตะวันออกกลาง อเมริกาชักใยยิว...เอากันเข้าไป สุดท้ายคนที่ตายก็คือเด็กและผู้หญิง

 

เล่าเรื่อง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จัดการยิว ต่อเนื่องจากตอนที่ 1 ที่https://www.facebook.com/media/set/?set=a.252161024973932.1073742033.187529244770444&type=1

 

เมื่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำนั้น การเมืองในเยอรมนีสงบลงและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ซึ่งจำกัดโอกาสของฮิตเลอร์ในการปลุกระดมทางการเมือง ผลของกบฏโรงเบียร์ที่ล้มเหลว ทำให้ NSDAP และองค์การสืบเนื่องถูกกฎหมายห้ามในรัฐบาวาเรีย

 

ในการประชุมกับนายกรัฐมนตรีบาวาเรีย ค.ศ. 1925 ฮิตเลอร์ตกลงที่จะเคารพอำนาจโดยชอบของรัฐ และเขาจะมุ่งแสวงหาอำนาจทางการเมือง เฉพาะผ่านกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น นำไปสู่การยกเลิกการห้าม NSDAP แต่ฮิตเลอร์ยังถูกห้ามมิให้ปราศรัยต่อสาธารณะ ซึ่งยังมีผลไปจนถึง ค.ศ. 1927

 

ความทะเยอทะยานทางการเมือง แม้จะมีการสั่งห้ามนี้ ฮิตเลอร์แต่งตั้งนอมินีคนสนิท ให้จัดการและขยาย NSDAP ทางตอนเหนือของเยอรมนี ด้วยความเป็นผู้จัดที่ยอดเยี่ยม ฮิตเลอร์ปกครอง NSDAP โดยอัตโนมัติโดยอ้าง “หลักการผู้นำ" ตำแหน่งภายในพรรคไม่ถูกกำหนดโดยการเลือกตั้ง แต่จะถูกบรรจุผ่านการแต่งตั้งโดยผู้มีตำแหน่งสูงกว่า ซึ่งต้องการการเชื่อฟังโดยไม่มีการตั้งคำถามต่อประสงค์ของผู้นำ

 

ตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาตก เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1929 ผลกระทบในเยอรมนีนั้นเลวร้ายมาก หลายล้านคนตกงาน และธนาคารหลักหลายแห่งต้องปิดกิจการ ฮิตเลอร์และ NSDAP เตรียมฉวยโอกาสจากเหตุฉุกเฉินนี้ เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนแก่พรรค พวกเขาสัญญาว่าจะบอกเลิกสนธิสัญญาแวร์ซาย เสริมสร้างเศรษฐกิจและจัดหางาน

 

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในเยอรมนี เป็นโอกาสทางการเมืองสำหรับฮิตเลอร์ ชาวเยอรมันลังเลต่อรัฐสภา ซึ่งเผชิญกับปัญหาคุกคามสำคัญจากทั้งพวกขวา และซ้ายจัดสุดโต่ง พรรคการเมืองสายกลาง ไม่สามารถหยุดยั้งกระแสแห่งลัทธิสุดโต่งเพิ่มขึ้นทุกที การเลือกตั้งเมื่อ ค.ศ. 1930 ส่งผลให้รัฐบาลผสมชุดใหญ่ แตกหัก และแทนที่โดยคณะรัฐมนตรีข้างน้อย

 

นายกรัฐมนตรีแห่งพรรคสายกลาง ผู้นำคณะรัฐมนตรีชุดนั้น ปกครองโดยกฤษฎีกาฉุกเฉินจากประธานาธิบดี NSDAP เติบโตจากพรรคที่ไม่มีใครรู้จักและได้คะแนนเสียง 18.3% และ 107 ที่นั่งในรัฐสภาในการเลือกตั้ง ค.ศ. 1930 กลายมาเป็นพรรคใหญ่ที่สุดอันดับสองในสภา

 

ฮิตเลอร์ปรากฏกายครั้งสำคัญในการพิจารณาคดีของนายทหาร 2 นาย ในปี ค.ศ. 1930 ทั้งสองถูกตั้งข้อหาเป็นสมาชิก NSDAP ซึ่งขณะนั้น กฎหมายไม่อนุญาตให้กำลังพลเป็นสมาชิก ฮิตเลอร์มาให้การเป็นพยานในศาล ให้การว่า พรรคของเขาจะแสวงหาอำนาจทางการเมืองเฉพาะผ่านการเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตยเท่านั้น การให้การนั้นทำให้เขาได้รับการสนับสนุนมากในหมู่นายทหารในกองทัพ

 

มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย และไม่เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ฮิตเลอร์ฉวยความอ่อนแอนี้โดยส่งข้อความทางการเมืองของเขา เจาะจงไปยังประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เช่น ชาวนา ทหารผ่านศึก และชนชั้นกลาง

 

ฮิตเลอร์ สละสัญชาติออสเตรียของเขาอย่างเป็นทางการ แต่เขายังไม่ได้สัญชาติเยอรมัน เป็นเวลาเกือบ 7 ปีที่ฮิตเลอร์ไร้สัญชาติ ไม่สามารถเข้าชิงตำแหน่งทางการเมืองได้ และเสี่ยงต่อการถูกเนรเทศ จน ค.ศ. 1932 รัฐมนตรีมหาดไทยแห่งรัฐ ผู้เป็นสมาชิก NSDAP แต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นผู้บริหารตัวแทนของรัฐเมืองย่อยในเบอร์ลิน ทำให้ฮิตเลอร์เป็นพลเมืองนั้น และจึงเป็นพลเมืองเยอรมันอีกทอดหนึ่งเช่นกัน

 

ฮิตเลอร์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี แข่งกับผู้ที่มีมีเสียงสนับสนุน เขาได้รับการสนับสนุนจากนักอุตสาหกรรม ที่ทรงอำนาจที่สุดของเยอรมนีหลายคน คู่แข่งขันเขาได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาตินิยม กษัตริย์นิยม คาทอลิกและสาธารณรัฐนิยม ตลอดจนสังคมประชาธิปไตยบางพรรค ฮิตเลอร์ใช้คำขวัญระหว่างหาเสียงว่า “ฮิตเลอร์เหนือเยอรมนี”

 

โดยเขามีความทะเยอทะยานทางการเมือง และการหาเสียงโดยเครื่องบิน ฮิตเลอร์มาเป็นอันดับ 2 ในการเลือกตั้งทั้ง 2 รอบ โดยได้เสียงมากกว่า 35% ในการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย แม้จะพ่ายต่อคู่แข่งขัน การเลือกตั้งครั้งนี้ได้ทำให้ฮิตเลอร์เป็นกำลังสำคัญในการเมืองเยอรมนี

 

การขาดรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพทำให้นักการเมืองทรงอิทธิพลสองคน ตลอดจนนักอุตสาหกรรมและนักธุรกิจหลายคน เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดี กระตุ้นให้แต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นหัวหน้ารัฐบาล "ซึ่งเป็นอิสระจากพรรคการเมืองในรัฐสภา" ซึ่งอาจแปรเปลี่ยนเป็นขบวนการซึ่งอาจ "สร้างความยินดีแก่ประชากรหลายล้านคน"

 

ประธานาธิบดี ตกลงแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เต็มใจ หลังการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปอีกสองครั้ง คือ ใน ค.ศ. 1932 ไม่มีพรรคใดจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ฮิตเลอร์จะเป็นหัวหน้ารัฐบาลผสมช่วงสั้น ๆ นั่งเก้าอี้ 3 จาก 11 ตำแหน่ง ฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรี และผู้ใกล้ชิดเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย

 

ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ฮิตเลอร์ ดำเนินการต่อต้านความพยายามของคู่แข่งพรรค NSDAP ในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ฮิตเลอร์จึงขอประธานาธิบดีให้ยุบสภาอีกครั้ง และกำหนดการเลือกตั้งไว้ต้นเดือนมีนาคม วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1933 อาคารรัฐสภาถูกวางเพลิง คนสนิทฮิตเลอร์กล่าวโทษว่า เป็นแผนการของคอมมิวนิสต์ เพราะถูกพบตัวในอาคาร

เพลิงกำลังลุกโหมอยู่นั้น

 

ด้วยการกระตุ้นของฮิตเลอร์ ประธานาธิบดีตอบสนองโดยออกกฤษฎีกาเพลิงไหม้รัฐสภา 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งยับยั้งสิทธิขั้นพื้นฐาน รวมทั้งหมายสั่งให้ส่งตัวผู้ถูกคุมขังมาศาล กิจกรรมของพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมันถูกปราบปราม และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ราว 4,000 คนถูกจับกุม จริงๆ แล้ว NSDAP นั่นเองที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังต่อการวางเพลิงนั้น

 

NSDAP ยังมีส่วนกับความรุนแรงกึ่งทหาร และการขยายการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ การเลือกตั้ง มีนาคม ค.ศ. 1933 คะแนนเสียงของ NSDAP เพิ่มขึ้นเป็น 43.9% และพรรคได้รับที่นั่งมากที่สุดในรัฐสภา จำต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วม DNVP อีกหน

 

มีการตั้งสภาใหม่ขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งการควบคุมทางการเมืองเต็มที่ โดยไม่ต้องกุมเสียงข้างมากเด็ดขาดในรัฐสภา รัฐบาลของฮิตเลอร์นำรัฐบัญญัติมอบอำนาจ ขึ้นออกเสียงในรัฐสภาที่เพิ่งเลือกตั้งใหม่ มอบอำนาจนิติบัญญัติเต็มให้แก่คณะรัฐมนตรีของฮิตเลอร์ เป็นเวลา 4 ปี ร่างรัฐบัญญัติต้องการเสียงข้างมาก 2 ใน 3 จึงผ่าน พรรคเขาใช้บทบัญญัติแห่งกฤษฎีกาเพลิงไหม้รัฐสภา กันมิให้ผู้แทนพรรคอื่น คือ สังคมประชาธิปไตยหลายคนเข้าประชุม ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์ถูกยุบไปก่อนแล้ว

 

วันที่ 23 มีนาคม รัฐสภาประชุมภายใต้สถานการณ์วุ่นวาย หน่วยพิเศษเอสเอปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในอาคาร ขณะที่คนกลุ่มใหญ่ด้านนอกคัดค้านกฎหมายที่เสนอ ตะโกนคำขวัญและคุกคามสมาชิกรัฐสภาที่กำลังมาถึง เมื่อมีอำนาจควบคุมเต็มเหนืออำนาจนิติบัญญัติและบริหารแล้ว ฮิตเลอร์และพันธมิตรทางการเมืองของเขาเริ่มการปราบคู่แข่งการเมืองที่เหลืออย่างเป็นระบบ

 

พรรคสังคมประชาธิปไตยถูกยุบ ตามพรรคคอมมิวนิสต์และสินทรัพย์ทั้งหมดถูกยึด ขณะที่ตัวแทนสหภาพแรงงานจำนวนมากอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ถูกพลรบของตำรวจลับเอสเอทำลายสำนักงานสหภาพแรงงานทั่วประเทศ พฤษภาคม ค.ศ. 1933 สหภาพแรงงานทั้งหมดถูกบีบให้ยุบและผู้นำถูกจับกุม บางคนถูกส่งไปยังค่ายกักกัน

 

เมื่อถึงปลายเดือนมิถุนายน พรรคอื่น ๆ ก็ได้ถูกยุบไปจนหมด และด้วยความช่วยเหลือของตำรวจลับเอสเอ ฮิตเลอร์กดดันให้พรรครัฐบาลผสมของเขาลาออก กรกฎาคม ค.ศ. 1933 พรรคนาซีของฮิตเลอร์ได้รับการประกาศให้เป็นพรรคการเมืองชอบด้วยกฎหมายพรรคเดียวในเยอรมนี ตำรวจลับเอสเอเรียกร้องให้มีอำนาจทางการเมืองและการทหารเพิ่มขึ้น สร้างความกังวลอย่างมากในหมู่ผู้นำทางทหาร นักอุตสาหกรรม และการเมือง

 

ฮิตเลอร์ กวาดล้างผู้นำตำรวจลับเอสเอทั้งหมด ในเหตุการณ์ซึ่งต่อมาเรียกว่า คืนแห่งมีดยาว ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายนถึง 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1934 ฮิตเลอร์ตั้งเป้าหมายให้คู่แข่งการเมืองคนอื่น และอดีตนายกรัฐมนตรี และผู้นำตำรวจลับเอสเอคนอื่น ๆ ร่วมกับคู่แข่งการเมืองของฮิตเลอร์จำนวนหนึ่ง ถูกล้อม จับกุมและยิงทิ้ง ขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศและชาวเยอรมันบางคนตระหนกต่อการฆาตกรรม

 

สิงหาคม ค.ศ. 1934 ประธานาธิบดีถึงแก่อสัญกรรม หนึ่งวันก่อนหน้านั้น คณะรัฐมนตรีได้ผ่านกฎหมายให้มีผลใช้บังคับเมื่อประธานาธิบดีเสียชีวิต ซึ่งล้มล้างตำแหน่งประธานาธิบดีและรวมอำนาจของประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรี ฮิตเลอร์จึงกลายมาเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและประมุขรัฐบาล มีชื่อทางการว่า ผู้นำและนายกรัฐมนตรี ด้วยกฎหมายนี้ จึงไม่สามารถถอดเขาออกจากตำแหน่งได้

 

ในฐานะประมุขแห่งรัฐ ฮิตเลอร์จึงเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย การมอบสัตย์ปฏิญาณของทหารและกะลาสีตามประเพณี ถูกเปลี่ยนเป็นการยืนยันความภักดีต่อฮิตเลอร์โดยตรง วันที่ 19 สิงหาคม การรวมตำแหน่งประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรีได้รับการอนุมัติโดยการลงประชามติ ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุน 90% ของผู้ออกมาใช้สิทธิ

 

ต้น ค.ศ. 1938 ฮิตเลอร์บีบให้รัฐมนตรีกลาโหมลาออก เมื่อสำนวนตำรวจพบว่าภรรยาใหม่ของบเขาเคยมีประวัติเป็นโสเภณี ฮิตเลอร์ถอดผู้บัญชาการทหารบก โดยสร้างข้อกล่าวหาว่าเขามีส่วนในความสัมพันธ์รักร่วมเพศ นั่นเพราะคนทั้งคู่ได้คัดค้าน ฮิตเลอร์ที่ให้ทั้งสองเตรียมกองทัพบกให้พร้อมเข้าสู่สงครามภายใน ค.ศ. 1938

 

เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ดังนั้น จึงสามารถบังคับบัญชากองทัพได้โดยตรง พลเอก 16 นายถูกถอดจากตำแหน่ง และ 44 นายถูกย้าย พลเอกอื่นอีก 12 นายถูกปลด ทั้งหมดถูกสงสัยว่าไม่นิยมนาซีมากพอ

 

หลังได้เสริมสร้างอำนาจการเมืองของเขาแล้ว ฮิตเลอร์ปราบปรามหรือกำจัดคู่แข่งของเขาด้วยการ "จัดแถว" เขาพยายามหาการสนับสนุนจากสาธารณะเพิ่มเติมโดยสัญญาว่าจะพลิกฟื้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และยกเลิกสนธิสัญญาแวร์ซาย

 

ปี ค.ศ. 1935 ฮิตเลอร์แต่งตั้งคนสนิท เป็นผู้มีอำนาจเต็มด้านเศรษฐกิจสงคราม รับผิดชอบการเตรียมเศรษฐกิจเพื่อสงคราม การฟื้นฟูบูรณะและการติดอาวุธใหม่ได้รับจัดหาเงินทุน และการยึดสินทรัพย์ของผู้ที่ถูกจับกุมในข้อหาเสี้ยนหนามแผ่นดิน รวมทั้งยิว

 

การว่างงานลดลงอย่างมาก จาก 6 ล้านคนใน ค.ศ. 1932 เหลือ 1 ล้านคนใน ค.ศ. 1936 ฮิตเลอร์เป็นผู้ดูแลหนึ่งในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคหนึ่งในครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เยอรมนี ซึ่งนำไปสู่การก่อสร้างเขื่อน ทางหลวง ทางรถไฟและงานสาธารณะอื่น ๆ ค่าจ้างลดลงเล็กน้อยในช่วงปีก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น 25%

 

รัฐบาลฮิตเลอร์สนับสนุนสถาปัตยกรรมอย่างกว้างขวาง สถาปนิกแบบคลาสสิกของฮิตเลอร์นำไปปรับกับวัฒนธรรมเยอรมัน ถูกกำหนดให้รับผิดชอบการปฏิสังขรณ์สถาปัตยกรรมในเบอร์ลิน ฮิตเลอร์เปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในเบอร์ลิน เขาการปฏิเสธการจำกัดทางทหารภายใต้สนธิสัญญาแวร์ซาย

 

ค.ศ. 1933 เยอรมนีถอนตัวจากสันนิบาตชาติและการประชุมปลดอาวุธโลก แล้วประกาศขยายกำลังพลทหารบกเป็น 600,000 นาย เป็น 6 เท่า ของจำนวนที่สนธิสัญญาแวร์ซายอนุญาต รวมถึงการพัฒนากองทัพอากาศ และการเพิ่มขนาดกองทัพเรือ ทำให้ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และสันนิบาตชาติ ประณามแผนการเหล่านี้ว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซาย

 

มีนาคม ค.ศ. 1936 เยอรมนียึดครองเขตปลอดทหาร อีกครั้ง อันเป็นการละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซาย ฮิตเลอร์ส่งกำลังเข้าไปในสเปนเพื่อสนับสนุนผู้นำทหาร หลังได้รับการขอความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกัน เขาพยายามสร้างพันธมิตรอังกฤษ-กับเยอรมนีอย่างต่อเนื่อง ในการสนองต่อวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามขึ้นอันเกิดจากความพยายามสร้างเสริมอาวุธขึ้นใหม่

 

ฮิตเลอร์จึงสั่งคนสนิท เพื่อดำเนินการแผนการ 4 ปี เพื่อให้เยอรมนีพร้อมทำสงคราม ในอนาคต ในมุมมองของฮิตเลอร์ จำเป็นต้องมีความพยายามที่ผูกมัดในการเสริมสร้างอาวุธโดยไม่คำนึงถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจ

 

รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลอิตาลี ประกาศเป็นพันธมิตรต่อกันระหว่างเยอรมนีกับอิตาลี และในวันที่ 25 พฤศจิกายน เยอรมนีลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับญี่ปุ่น อังกฤษ จีน อิตาลี และโปแลนด์ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสนธิสัญญาดังกล่าวด้วย แต่มีเพียงอิตาลีเท่านั้นที่ลงนามใน ค.ศ. 1937

 

ฮิตเลอร์ โมโห จึงทิ้งพันธมิตรอังกฤษ-เยอรมนี โดยกล่าวโทษว่าผู้นำอังกฤษ "ไม่เหมาะสม" เขาจัดการประชุมลับที่ทำเนียบรัฐบาล กับรัฐมนตรีกลาโหมและต่างประเทศ ตลอดจนหัวหน้าทหารในเดือนพฤศจิกายนปีนั้น สั่งเตรียมทำสงครามในทางตะวันออก ซึ่งจะเริ่มขึ้นไม่เกิน ค.ศ. 1943

 

เขารู้สึกว่าวิกฤตเศรษฐกิจเยอรมนีได้มาถึงจุดที่มาตรฐานการครองชีพในเยอรมนีถดถอยรุนแรง จนต้องใช้เฉพาะนโยบายก้าวร้าวทางทหาร คือ ยึดออสเตรียและเชโกสโลวาเกีย เท่านั้น ฮิตเลอร์กระตุ้นการปฏิบัติอย่างรวดเร็ว ต้น ค.ศ. 1938 ฮิตเลอร์ถือสิทธิ์ควบคุมระบบนโยบายทางทหาร-ต่างประเทศ โดยปลดคนอื่นจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เขาดำเนินนโยบายต่างประเทศซึ่งมีสงครามเป็นเป้าหมายสูงสุด

 

มโนทัศน์หลักของนาซี คือ แนวคิดความสะอาดเชื้อชาติ ค.ศ. 1935 เขาเสนอกฎหมายสองฉบับ ห้ามการสมรสระหว่างผู้ที่มิใช่ยิว กับเยอรมันเชื้อสายยิว และห้ามการจ้างสตรีมิใช่ยิวอายุต่ำกว่า 45 ปีในครัวเรือนยิว นโยบายด้านพันธุศาสตร์ช่วงแรกของฮิตเลอร์มุ่งไปยังเด็กที่บกพร่องทางกายและการพัฒนา และภายหลังอนุมัติขยายโครงการไปยังผู้ใหญ่ที่บกพร่องทางจิตและกายอย่างร้ายแรง

 

มุ่งการได้มาซึ่งดินแดนใหม่สำหรับการตั้งถิ่นฐานของชาวเยอรมันในยุโรป กำหนดให้ประชากรในยุโรปตะวันออกและสหภาพโซเวียตส่วนที่ถูกยึดครองถูกเนรเทศไปยังไซบีเรียตะวันตก เพื่อใช้เป็นแรงงานทาสหรือสังหารทิ้ง ดินแดนที่ถูกพิชิตจะถูกตั้งเป็นอาณานิคมของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวเยอรมันหรือถูกทำให้เป็นเยอรมัน

 

ฮิตเลอร์จึงยุติการเป็นพันธมิตรกับสาธารณรัฐจีน และเข้าเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นที่ทันสมัยและทรงอำนาจกว่า ฮิตเลอร์ประกาศรับรองแมนจูกัว รัฐที่ญี่ปุ่นยึดครองในแมนจูเรีย ฮิตเลอร์สั่งยุติการส่งอาวุธไปยังจีน และเรียกนายทหารเยอรมันที่ทำงานกับกองทัพจีนทั้งหมดกลับ เพื่อเป็นการตอบโต้ พลเอก เจียง ไคเช็ก ของจีน

 

ยกเลิกความตกลงเศรษฐกิจจีน-เยอรมนีทั้งหมด ทำให้เยอรมนีขาดวัตถุดิบจากจีน แม้จีนจะยังขนส่งทังสเตนซึ่งเป็นโลหะสำคัญในการผลิตอาวุธ ต่อไป มีนาคม ค.ศ. 1938 ฮิตเลอร์ประกาศรวมออสเตรีย เข้ากับนาซีเยอรมนี เขามุ่งความสนใจไปยังประชากรเชื้อชาติเยอรมันในแคว้นย่อยของเชโกสโลวาเกีย

 

มีนาคม ค.ศ. 1938 ฮิตเลอร์จัดการประชุมลับขึ้นหลายครั้งในกรุงเบอร์ลิน โดยตกลงว่าผู้นำกบถของแคว้นย่อย ฯ จะเรียกร้องสิทธิปกครองตนเองเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลเชโกสโลวาเกีย ซึ่งจะเป็นข้ออ้างสำหรับการปฏิบัติทางทหารต่อเชโกสโลวาเกีย เมษายน ค.ศ. 1938 ผู้นำกบถของแคว้นย่อย ฯ บอกรัฐมนตรีต่างประเทศฮังการีว่า ไม่ว่ารัฐบาลเช็กจะเสนออะไร เขาจะเรียกร้องสูงขึ้นเสมอ”

 

เพราะนี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะโจมตีเชโกสโลวาเกียอย่างรวดเร็ว เจตนาที่แท้จริงของเขานั้นคือสงครามพิชิตเชโกสโลวาเกีย กันยายน ค.ศ. 1938 ฮิตเลอร์ อังกฤษ เชโกสโลวาเกีย และผู้นำเผด็จการอิตาลี เข้าร่วมการประชุมซึ่งนำไปสู่ความตกลงมิวนิก ซึ่งได้มอบแคว้นย่อยให้แก่เยอรมนี

 

แต่ฮิตเลอร์โกรธกับโอกาสทำสงครามที่พลาดไป เขาผิดหวัง เพราะในมุมมองของฮิตเลอร์ สันติภาพซึ่งอังกฤษเป็นนายหน้านั้น แม้จะอำนวยประโยชน์ต่อการเรียกร้องบังหน้าของเยอรมนี แต่ก็เป็นความพ่ายแพ้ทางการทูต

 

ในปลาย ค.ศ. 1938 และต้น ค.ศ. 1939 วิกฤตการณ์เศรษฐกิจที่ดำเนินต่อไปซึ่งเกิดขึ้นจากความพยายามสร้างเสริมอาวุธใหม่บีบให้ฮิตเลอร์ตัดงบประมาณป้องกันประเทศลงอย่างมาก ต่อมาก ฮิตเลอร์จึงสั่งให้ทหารรุกรานเมืองปราก และจากนั้นได้ประกาศให้เมืองโบฮีเมียและโมราเวียเป็นรัฐในอารักขาของเยอรมนี

 

ค.ศ. 1939 ฮิตเลอร์จึงตัดสินใจรุกรานโปแลนด์ ซึ่งเขาถือว่าเป็นเป้าหมายนโยบายต่างประเทศหลักของเยอรมนี ฮิตเลอร์ ขัดใจที่อังกฤษ "รับประกัน" เอกราชของโปแลนด์ สาเหตุหนึ่งที่ฮิตเลอร์เร่งทำสงคราม เพราะความกลัวผิดปกติและหมกมุ่นของเขาว่าจะตายก่อนวัยอันควร และดังนั้น จึงมีความรู้สึกว่า เขาอาจไม่มีชีวิตอยู่จนสำเร็จงานของเขาก็ได้

 

...แล้วเขาจะชนะสงครามนี้อย่างไร ยิวจะตายอีกเท่าไร..รออ่านตอนที่ 3 ต่อไป.....

 

@ เสธ น้ำเงิน3

https://www.facebook.com/topsecretthai

 

หมายเหตุ โปรดงดโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด / บทความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ / โพสภาพที่เกิดความแตกแยก / ให้ร้าย คสช./ นำข่าวลือมาโพส ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อคเข้าเพจนี้

10500288_252177141638987_2679905301425103496_n.jpg?oh=88055ac497e15b21e79e2712d0034e51&oe=54417830&__gda__=1414725768_ab15ab38aaf63f1b8a62cd3657779b26

1924323_252177144972320_5317483256502374615_n.jpg?oh=c67040a24401aa9b64419f572d3bfa90&oe=543F4838&__gda__=1415156550_21347148da1c5ed2bb2808a407376c63 10448760_252177018305666_2627498179506380828_n.jpg 10523341_252177061638995_4431980775793534599_n.jpg10464036_252177171638984_4267708914409818945_n.jpg 10404226_252176991639002_4169257432960790995_n.jpg10468063_252177101638991_3947788885693168833_n.jpg

10527370_252177218305646_6966244485364577621_n.jpg?oh=6717dc481e2a8c6f340d1f821577ccee&oe=543B7DBC&__gda__=1413427808_d270e33be82ea41460451c51fba2fe60 10444762_252177108305657_2791692794242675917_n.jpg

10494563_252176988305669_4010857238219820521_n.jpg?oh=eb354c62a1aeaacfe3ba323e5a1037e6&oe=5456A763&__gda__=1413646783_abc5fd7625e3f362cae9f83105050258 10478141_252177078305660_694796602595411392_n.jpg10491119_252177038305664_5588581160500528397_n.jpg 10444617_252176998305668_6677432376033682952_n.jpg 1979864_252177028305665_7875939966840519575_n.jpg 14868_252177054972329_3664752294190615938_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...