ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

สุขภาพหัวใจ อย่าได้มองข้าม

 

 

heart_.jpg

สุขภาพหัวใจ อย่าได้มองข้าม (e-magazine)

 

เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า ทุกครั้งที่เกิดปัญหาแล้วคุณรู้สึกเครียด สิ่งที่ตามมาโดยไม่คาดคิดคือ อาการป่วยทางกาย ดังนั้น ถ้าต้องการจะให้ร่างกายแข็งแรง เราก็ต้องดูแลสุขภาพใจกันเสียก่อน

 

นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์ โรงพยาบาลพญาไท กล่าวว่า การทำใจที่จริงไม่ใช่เรื่องของหัวใจแต่เป็นเรื่องของจิตใจซึ่งกำกับดูแลโดยสมองที่จะตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งเร้าที่ดี ทำให้คนเรารู้สึกมีสุข พอใจ ก็เรียกว่าใจมีสุข ขณะเดียวกันถ้าสิ่งเร้า หรือสิ่งกระตุ้นภายนอกทำให้เราไม่สบอารมณ์ ไม่สมใจนึก โกรธ เกลียด หลง โลภ ผิดหวัง ก็ทำให้ใจไม่สบาย ใจมีทุกข์ ร่างกายก็พลอยเป็นทุกข์

 

ถ้าจะหยิบยกเอาความหลง หรือความยึดมั่นเกินไป ตัวอย่างเช่น วัยรุ่นหลงติดอยู่กับความสนุกสนานชั่วขณะจนติดยาเสพติด เหมือนกับความต้องการความสุขทันทีที่เกิดขึ้นเหมือนกดปุ่มรีโมททีวี หลงยึดมั่นในความสุขจากยาเสพติดจนไม่สนใจผู้อื่นใดแม้แต่พ่อแม่ของตนเอง สิ่งที่จะช่วยทำใจให้มีสุขได้ในท่ามกลางความทุกข์ใจทั้งหลาย ได้แก่

 

 

surprised%20girl.jpg

ann62_1.gifสิ่งบันเทิงใจ

 

หลายคนทำในแต่ละวัน โดยลืมนึกถึงสิ่งบันเทิงใจมีอารมณ์ขัน ไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะ มีแต่งานตลอดวันจนถึงเวลานอน คนที่อยู่รอบข้างก็เบื่อหน่าย เหมือนกับผู้อยู่กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีคนอยากทำงานด้วย การมีอารมณ์ขัน หัวเราะ หรือยิ้มแย้มแจ่มใส จะช่วยให้ร่างกายได้รับการผ่อนคลาย เหมือนกับเติมความหอมหวานให้ชีวิตดูสดชื่น การได้พูดคุยเล่นกับเด็ก ๆ การฝึกหัดร้องเพลง การพูดคุย กับเพื่อนที่มีอารมณ์ขัน สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้ท่านมีความสุขมากขึ้น

 

ann62_1.gifการสื่อสารที่ดี

 

คนหลายคนมักจะไม่ค่อยกล้าพูด หรือแสดงออกถึงความต้องการของตนเองอย่างเหมาะสม มักจะเก็บความต้องการของตนเองไว้ในใจ เกรงใจ กลัวจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ จนตนเองต้องเดือดร้อน เช่น วัยรุ่นไม่กล้าปฏิเสธเพื่อน เวลาเพื่อนชักจูงให้ทดลองยาเสพ พ่อ แม่ไม่กล้าพูดกับลูกเรื่องเพศ จนลูกต้องไปหาความรู้ที่ผิด ๆ จากเพื่อน หรือลูกไม่กล้าปรึกษากับพ่อ แม่ เพราะพ่อแม่มักจะดุว่ากล่าวโทษมากกว่ารับฟังลูก และปัญหาที่ทำงานก็มักจะเกิดขึ้นจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน

 

 

exercise_smile.jpg

ann62_1.gifออกกำลังกาย

 

ยามเจ็บไข้ได้ป่วย เรามักจะถามหาหมอ และยาที่ดีที่สุดที่จะช่วยรักษาให้หาย แต่ความจริงแล้ว การออกกำลังกายนั้นเป็นยาที่วิเศษที่สุดขนานหนึ่งที่ช่วยป้องกันโรค และใช้ฟื้นฟูโรคได้มากมาย เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคกระดูกเสื่อม ฯลฯ โดยไม่ต้องเสียเงินทองมากมาย เพียงแต่ให้ร่างกายได้เดินหรือวิ่งเบา ๆ อาทิตย์ละ 3-4 วัน ๆ ละ 30 นาที ก็เพียงพอแล้ว

 

ann62_1.gifให้กำลังใจตนเอง

 

โดยการรู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทำไปในแต่ละวัน ต้องหมั่นภาคภูมิใจที่ได้ทำงานชิ้นนี้ผ่านไปได้ระดับหนึ่ง รู้จักให้รางวัลตนเองโดยเลือกกิจกรรมที่ชอบ ได้ทานอาหารที่เราชอบ ได้เดินเล่นในสวนสาธารณะ นักศึกษาหลายคนที่เรียนได้คะแนนสอบไม่ดี แทนที่จะให้กำลังใจตนเอง หาทางออกที่ไม่เหมาะสม เช่น โดดหนีเรียน เที่ยวเตร่มากขึ้น ยิ่งทำให้ทุกข์มากขึ้นตามมา แทนที่จะคิดหาหนทางแก้ปัญหา คนไข้หลายคนที่มีปัญหาโรครุมล้อม แทนที่จะให้กำลังใจตนเอง กลับหาทางออกที่ไม่เหมาะสม ประชดตนเอง ไม่กินยาสม่ำเสมอ ไม่ดูแลสุขภาพตนเองยิ่งทำให้มีความทุกข์มากขึ้น

 

 

sit.jpg

ann62_1.gifบริหารจิต

 

ในชีวิตปัจจุบันนี้มีการสับสนวุ่นวายมากพอควร การมีเวลาสำหรับการสงบจิตใจ ทำให้จิตใจมีสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ จะพบว่าเป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้ทันที หัวสมองโล่ง หายเครียดได้ทันที ถ้าได้มีการฝึกฝนอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ก็จะพบความสุขอย่างแท้จริง

 

ann62_1.gifทำงานให้มีสุข

 

ชีวิตของคนเราในแต่ละวัน จะใช้เวลาประมาณ 1/3 ของชีวิต ถ้าความรู้สึกว่า การทำงานเป็นภาระก็จะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ก็จะทำให้ชีวิตนั้นขาดทุน การทำงานทำให้เรามีรายได้ มีการฝึกหัดสมองให้รู้จักคิด ร่างกายได้เคลื่อนไหวที่ให้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง ได้พบปะผู้คนทำให้ชีวิตเรามีคุณค่าอย่างมาก

 

 

 

 

KAPOOK.com

 

e-magazine_logo.png

ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info

ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10 มารยาทบนสังคมออนไลน์ที่ควรทราบ

 

 

 

resize_267808__24102012093615.jpg

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมทุกวันนี้อาจดูแหว่งวิ่นไปบ้าง คนออฟฟิศเดียวกัน ยืนอยู่ใกล้ๆ กันอาจไม่ได้คุยกัน พ่อแม่ลูกอยู่บ้านเดียวกันก็อาจไม่ได้คุยกัน ฯลฯ ทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพราะส่วนหนึ่งของเวลาที่เรามีถูกย้ายไปทำการอยู่บนสังคมออนไลน์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั่นเอง

เมื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น วันนี้เราจึงนำมารยาท และสิ่งที่ไม่ควรกระทำบนสังคมออนไลน์มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยค่ะ

1.ไม่ควรโพสต์ภาพอาหารยั่วยวนใจบ่อยๆ คนเล่นเฟซบุ๊กหลายคนอาจปฏิเสธว่าไม่จริง เราออกจะชอบดูภาพอาหาร ยิ่งหน้าตาชวนกินยิ่งชอบ แถมถ้าบอกร้านมาด้วยจะตามไปชิมเมนูที่โพสต์แน่ๆ แต่ก็อย่าลืมว่าในจำนวนเพื่อนในเฟซบุ๊กนั้นอาจมีคนที่กำลังลดน้ำหนัก เป็นเบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ หรือถูกสั่งห้ามกินอาหารหน้าตาอร่อยๆ แบบที่คุณกำลังโพสต์ และภาพเหล่านั้นก็จะยิ่งบาดตาบาดใจพวกเขาจนพากันกด Like ให้ภาพของคุณไม่ได้

 

2.ไม่ควรกด Like พร่ำเพรื่อ เพราะเพื่อนในเฟซบุ๊กมีหลายประเภท ทั้งเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนชาวต่างชาติ เพื่อนสมัยเรียนประถม ที่จากกันไปนาน และเพิ่งมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง หรือเพื่อนห่างๆ ที่แอดไว้ตั้งนานนมแล้วแต่ไม่ได้สานสัมพันธ์ใดๆ กันต่อ ดังนั้น การคลิก Like ไปทั่วกระทั่งในเรื่อง ภาพของเพื่อนที่เราห่างเหินมานาน ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางใดๆ ในชีวิตเขาในตอนนี้ ก็อาจถูกตีความว่าเราเสแสร้ง ไม่จริงใจได้

 

3.ไม่โพสต์เรื่องส่วนตัวบนวอลล์คนอื่น มีช่องทางอีกมากสำหรับคนสองคนที่ต้องการจะสื่อสารเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ส่งแมสเซจก็ได้ ส่งเมลก็ได้ ส่ง SMS ก็ได้ คุยทาง MSN ก็ได้ แต่ไม่ใช่การมาโพสต์บนหน้าวอลล์ส่วนตัว เพราะเพื่อนๆ ของเจ้าของวอลล์คนนั้นจะร่วมรับรู้รับทราบทั้งหมด ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ควรจะต้องมารู้ด้วยเลย และนั่นอาจไม่ดีต่อตัวคุณในที่สุดที่ดูเป็นคนไม่มีมารยาท

 

4.ไม่โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับเซ็กซ์ ถ้าไม่นับแก๊งของหนุ่มๆ ในออฟฟิศบางแห่งที่นิยมแชร์ภาพสาวสวยกันแล้ว การที่คนเราจะโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับเซ็กซ์ลงบนสังคมออนไลน์ก็อาจทำให้เพื่อนๆ คนอื่นของคุณกระอักกระอ่วนใจได้ ยิ่งหากเป็นกิจกรรมทางเพศของตัวคุณเองด้วยแล้วยิ่งไม่เหมาะสมอย่างมาก

 

5.ไม่แท็กเรื่อยเปื่อย อย่าอัปโหลดทุกภาพที่มีในกล้อง และควรพิจารณาองค์ประกอบในภาพนั้นก่อนว่าดีพอหรือไม่ที่จะโพสต์ออกไป นอกจากนั้น สาวๆ หลายคนอาจเลิกคบกับคุณแน่ๆ ถ้าคุณแท็กภาพที่คุณดูดีสุดๆ แต่เพื่อนสาวที่อยู่ในภาพไม่ได้ดูดีเท่า ดังนั้น หากมีภาพดังกล่าวอยู่ ลองถามตัวเองว่า ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังทำหน้าตลกๆ หรือนั่งพุงย้อย คุณจะยังโพสต์ภาพนั้นให้สังคมออนไลน์ร่วมรับรู้หรือไม่

 

6.ไม่ใช้เฟซบุ๊กสะกดรอยคนอื่น คนบางคนก็ใช้เฟซบุ๊กในการสืบทราบข่าวคราวความเป็นไปของคนอื่่น เช่น อดีตแฟน สาวคนใหม่ของอดีตแฟน คนที่เราแอบชอบ คนที่เราเกลียด คนที่มายุ่งกับแฟนเรา ซึ่งขอบอกว่าการแอบล้วงข้อมูลเหล่านี้เป็นการกระทำที่เสียเวลาและเสียพลังงานมากทีเดียว

 

7.ไม่โพสต์ข้อความกล่าวร้ายคนอื่น คนบางคนเลิกคบกันก็เพราะการโพสต์จิกกัดกันนี่เอง และควรจะเลิกคิดใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความกล่าวร้ายคนอื่นโดยเด็ดขาด เพราะข้อความที่คุณโพสต์จะเห็นกันได้ทั่วไป และอาจผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ซึ่งคู่กรณีอาจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากคุณได้ด้วย

8.ไม่ควรโพสต์เรื่องทุกอย่างรอบตัว เพราะบางคนโพสต์ทุกเรื่องในชีวิตลงไปบนเฟซบุ๊ก ทั้งร้านอาหาร ครอบครัว เพื่อนฝูง จนเพื่อนๆ ในลิสต์รับทราบความเป็นไปของเธอตลอดเวลา แล้วแบบนี้จะเหลืออะไรไว้ให้คุยกันเมื่อยามพบหน้า ลองหยุดโพสต์ดูบ้างอาจทำให้ชีวิตของคุณน่าค้นหายิ่งขึ้น

 

9.ไม่โพสต์ภาพตัวเองถูกทำร้าย ใครก็ตามที่กล้าโพสต์รูปตัวเองถูกทำร้ายลงบนโลกออนไลน์ รับรองว่า เป็นเรื่องกระหึ่มแน่นอน หรือแม้จะเป็นภาพอาการบาดเจ็บที่น่าหวาดเสียวก็เช่นเดียวกัน เช่น ภาพนิ้วถูกมีดบาดจะขาดมิขาดแหล่ ฯลฯ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเห็นภาพนั้น แม้ว่าเขาเห็นแล้วจะรู้สึกเสียใจ สลดใจไปกับคุณด้วยก็ตาม

10.ไม่โพสต์นินทาเจ้านายหรือที่ทำงาน เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรทำ หากต้องการโพสต์จริงๆ ก็ตั้งกลุ่มลับเฉพาะกันไป อย่าโพสต์ออกมาในที่สาธารณะและเพื่อนๆ ในลิสต์ทุกคนสามารถรับรู้ได้ เพราะมันจะไม่ดีต่อตัวคุณและต่อองค์กรที่ทำงานอยู่ รวมถึงเจ้านายในอนาคตของคุณด้วย เพราะเจ้านายเดี๋ยวนี้ก็เช็กประวัติคนที่จะรับเข้าทำงานจากเฟซบุ๊กกันบ้างแล้วเช่นกัน

ทั้งหมดนี้จึงอาจเป็นรูปแบบการใช้งานที่ควรหลีกเลี่ยง หรือเลือกใช้ให้เหมาะสมสำหรับท่านที่ต้องการมีตัวตนอยู่บนสังคมออนไลน์อย่างปลอดภัยนั่นเอง

 

เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก ivillege.co.uk

ที่มาข้อมูล manager.co.th

ที่มารูปภาพ telegraph.co.uk

ที่มาของเนื้อหา : sanook.com

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

http://www.emaginfo....h.Z6IaIz2P.dpuf

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
loykratong4.jpg

 

ll1.jpg

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

 

"วันเพ็ญ เดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง" เพลงนี้คงมีไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินแน่นอน

เพราะเมื่อเพลงนี้เปิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็หมายความว่า เทศกาลที่หลายคนรอคอย อย่าง "วันลอยกระทง"

ก็กลับเวียนมาอีกครั้ง ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย

ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ที่ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน

รวมทั้งยังมีความเชื่อที่ว่าการลอยกระทงเป็นการบูชา และขอขมา "พระแม่คงคา"

หลังจากที่เราได้ใช้น้ำดื่มกิน รวมถึงการการทิ้งสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงไปในแม่น้ำ ดังนั้น

ในทุกปีทั่วทุกภาคในประเทศไทยจะจัดงานเทศกาล "ประเพณีลอยกระทง" อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะงาน...

 

 

39b0ed58.gif เทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทงกรุงเทพมหานคร 2556

 

39b0ed58.gif ลอยกระทง เชียงใหม่ 2556

 

39b0ed58.gif ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย 2556

 

39b0ed58.gif ประเพณีงานลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง 2556

 

39b0ed58.gif งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง ประจำปี 2556

 

39b0ed58.gif เทศกาล Romantic Arts Festival 2556 วันที่ 16-17 พ.ย.นี้

 

39b0ed58.gif ประเพณีลอยกระทงเมืองพัทยา 2556 ในวันที่ 17 พ.ย.นี้

 

 

เพราะฉะนั้น กระปุกท่องเที่ยวจึงรวบรวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้จัดงาน

ลอยกระทง 2556 มาบอกกัน แต่จะมีที่ไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

 

อ่านต่อ http://travel.kapook.com/view74776.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

598473_324486127632714_176624508_n.jpg

ความสุข เพลิดเพลิน รื่นรมณ์ สบายใจ

คาวมกล้าหาญ กำลังใจ ความเพียร

ความรู้ผิดชอบ รับผิดชอบในหน้าที่ของมนุษย์

ได้มาจาก สำนีกดีที่มีอยู่ในหัวใจและสมองที่รู้คิด

ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

936009_240916359400480_468768303_n.jpg

162002_158846967607420_1217285512_q.jpg

 

กลุ่มคนรักอาจารย์เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์

 

เรื่องเล่าจากกรุงลอนดอน ณ วัดพุทธปทีป (พ.ศ.๒๕๒๗)

 

"บางช่วงท้อแท้ที่สุด รู้สึกว่า กูไม่เอาแล้ว จะเอาสีไปราดรูปแล้วก็เลิก

ไปเลย แต่ปัญญาและสุวรรณมันมาห้ามเอาไว้ ๒ ครั้ง แต่เชื่อมมั้ยตอนหลังพี่ก็พลัดไปห้ามปัญญาบ้าง คิดดูขนาดคนอย่างปัญญายังจะเอาเลย มันแย่ถึงขนาดนั้น"

 

แต่ความที่เป็นคนยอมแพ้ไม่ได้ ดูจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่รั้งเขาอยู่ วันที่ความรู้สึกตกต่ำที่สุด เฉลิมชัยนั่งอยู่หน้าโบสถ์เขาจ้องหน้าหลวงพ่อดำในจิต กล่าวอธิษฐานในใจว่า

"หลวงพ่อครับ ปัญหามันเยอะเหลือเกิน ผมเหนื่อยเหลือเกินแล้ว ผมขอให้หลวงพ่อช่วยให้เขียนรูปเสร็จเสียที แล้วหลวงพ่อก็มาเอาชีวิตผมไปเลย..ผมยอมตาย"

 

นั้นคือการเดิมพันชีวิต ด้วยชีวิตของคนที่รักที่จะใช้ชีวิตอย่างที่สุด!!

 

เขาเล่าว่าราวกับปาฏิหาริย์เกิด เพราะหลังจากนั้นก็มีข่าวว่าพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจะเดินทางมาพบกับคนไทยในกรุงลอนดอน เฉลิมชัยไม่รอช้า เขาเห็นโอกาศที่จะได้รับความช่วยเหลือจากท่านนายกฯ เพื่อทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จ

 

ในวันที่มีงานเลี้ยงในสถานฑูตไทย เฉลิมชัยซึ่งแต่งตัวง่ายๆมาตลอดก็ทำเอาพวกตาค้าง เพราะชุดแปลกออกทาง เวอร์สุดติสท์ของเขาเล่นเอาคนในงานมองด้วยความงุงงงว่ามันเป็นใครกัน แถมยังไปยืนอยู่ในแถวเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่ยืนรอรับป๋าเปรม... ในสายตาของทุกคนจึงมองไอ้หนุ่มคนนี้ว่าเป็นบุคคลที่ไร้กาละเทศะอย่างที่สุด

 

"พี่ก็รู้อยู่ว่า ถ้าจะทำให้ป๋าสนใจ ต้องทำให้ท่านสะดุดตามองเราก่อน ทำยังไงก็ได้ ก็เลยแต่งมันซะอย่างนั้น ซึ่งก็จริง พอป๋าเดินเข้ามา เราก็หวัดดีครับป๋า ป๋าก็ถามว่า มาจากไหน? ก็บอกกับท่านไปตรงๆชัดเจนว่า ผมเป็นศิลปินไทยครับ ผมกับเพื่อนและน้องๆ กลุ่มหนึ่งมาร่วมกันวาดรูปจิตกรรมฝาผนังทีวัดพุทธปทีปถวายเป็นพุทธบูชา โดยไม่คิดค่าจ้างครับ แต่ตอนนี้เราไม่มีเงินเลยครับป๋า ว่าแล้วก็เอารูปถ่ายภาพวาดที่เราทำอยู่ให้ป๋าดู คุยกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ป๋าก็บอกกับเราทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้ป๋าจะไปดู"

 

หลังจากนั้นป๋ากล่าวกับคนไทยในสถานฑูตว่า ขอให้ทุกคนช่วยเหลือเด็กหนุ่มที่นำโดยเฉลิมชัยและปัญญา ให้ทำงานให้เสร็จ เพราะทั้งกลุ่มนี้มาทำโดยไม่หวังอะไรตอบแทน เป็นการช่วยเหลือและบำรุงศาสนาและศิลปะของชาติที่เราทุกคนต้องช่วยรักษาไว้ ทำไมคนไทยเราเองกลับไม่ช่วยเหลือเกื้อกูล ผมนับถือน้ำใจของเด็กกลุ่มนี้มาก เฉลิมชัยเล่าว่า รุ่งขึ้น ทส.ป๋าโทรมาเลย บอกว่า ป๋าจะไปดูวัด ก็รีบต้อนรับกันใหญ่ คนไทยบางส่วนที่ไม่เคยมาก็ตามมาดูบ้าง หลังจากนั้นทุกอย่างก็ราบรื่นหมด

 

ป๋าไม่บอกแค่ปากเปล่า เพราะเมื่อถึงกรุงเทพฯ พลเอกเปรม ในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอมิต ครม.อนุมัติเงินด่วน ๑ ล้าน ๘แสนบาทเข้ามูลนิธิวัดฯ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ทุกอย่างจึงราบรื่น ขณะที่คนไทยในกรุงลอนดอนก็เปลี่ยนไป ความขัดแย้งระหว่างพระ คนของวัดและกลุ่มศิลปินก้หายไปด้วย เฉลิมชัยมั่นใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อดำท่านช่วยเหลืออย่างแน่นอน

 

๒๗ พฤศจิกายน เฉลิมชัยบอกน้องๆและพรรคพวกว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการวาดรูป วางพู่กัน รื้อนั่งร้าน เพราะทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ภารกิจที่เขาตั้งใจเสร็จหมดแล้ว ทุกคนเฮกันลั่นอย่างมีความสุข เฉลิมชัยเดินระโหยโรยแรงไปหน้าทางขึ้นโบสถ์ เขาหันหน้าไปทางหลวงพ่อดำ พนมมือกล่าวว่า

 

"หลวงพ่อครับ งานเสร็จลงแล้วครับ หลวงพ่อมาเอาชีวิตของผมไปได้เลย ผมพร้อมที่จะตายแล้วครับ"

 

จากนั้นก็นั่งหลับตาคอยอยู่ ชั่วโมงก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว จนพลบค่ำก็ไม่มีใครมาเอาชีวิต

 

เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ยังคงไม่ตายจนถึงปัจจุบัน

 

"งานวาดรูปที่วัดพุทปทีปเป็นเสมือนการทดสอบตัวเองขั้นสูงสุด จากเดิมที่ตั้งใจจะเอาชนะคำสบประมาทของคนอื่น หรืออยากที่จะทำให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นกลายเป็นเรื่องรองลงไป เพราะแท้ที่จริงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ทีสุดก็คือ การเอาชนะตัวเอง การเอาชนะความท้อแท้ อ่อนล้า และทุกสิ่ง ทุกอย่างที่บั่นทอนเรา อันนั้นต่างหากที่พี่มานึกว่า มันถึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดสำหรับตัวพี่"

 

 

บทความจากหนังสือ : "ผมวาดชีวิตผม เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"

1462898_240916656067117_1671991888_n.jpg

 

1463662_240916496067133_341084875_n.jpg

"รุ่งขึ้น ทส.ป๋าโทรมาเลย บอกว่า ป๋าจะไปดูวัด ก็รีบต้อนรับกันใหญ่

คนไทยบางส่วนที่ไม่เคยมาก็ตามมาดูบ้าง

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ราบรื่นหมด"

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1002637_10151838069393440_2025995134_n.jpg

ฤดูกาล สร้างความเปลี่ยนแปลง

สีใบไม้ดอก บรรยากาศเพลิดใจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...