ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

1939525_1412723705648695_51098182_n.jpg

ด่าศาล พาลหยาบ

กรรมบาป ไม่คิด

เห็นกงจักร์งาม ไม่รู้ถูกผิด

คิดสักนิด ทำชั่วได้ดี มีไม่นาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1911718_219178061605562_327856253_n.jpg

 

1981979_219177218272313_588370403_n.jpg

 

1797581_219177071605661_610102416_n.jpg

 

1794571_219177554938946_1400512270_n.jpg

 

1982232_219176758272359_1730163122_n.jpg

 

1798482_219177544938947_31799407_n.jpg

 

1962705_219176744939027_1226300439_n.png

 

1653981_219177688272266_797930723_n.png

 

1982299_219176641605704_975700307_n.jpg

 

1969120_219176764939025_1701296687_n.jpg

 

 

แฉ..ความลับ

about an hour ago

แฉ..แดงแตกกันเละ สงบ สันติ ปราศจากมนุษย์..สู่เลือดกำเดาแดงปริบๆ

5 มี.ค.57 แฉ..แดงแตกกันเละ สงบ สันติ ปราศจากมนุษย์..สู่เลือดกำเดาแดงปริบ

 

การระดมมวลชน ที่แกนนำสู้แล้วรวย เพื่อต้องการสร้างภาพข่มขวัญว่าเป็น “สายลาวาแดง” ไหลเข้า กทม. นั้น ในความเป็นจริงแล้ว แก๊งค์อั้งยี่แดงล้มเหลวจากสร้างภาพการเรียกระดมมวลชน จากการโฆษณาชวนเชื่อตามแบบคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ ที่ยังใช้วิธีการการโฆษณาชวนเชื่อเดิมๆ 7 วิธี

 

คือ โจมตี ให้ร้าย ต่อว่า สถาบัน , พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก , โกหกคำโต และตีความได้เข้าข้างตัวเอง หรือสร้างภาพเสียหาย, สร้างภาพการแบ่งแยกฝ่ายถูกผิดชัดเจนเป็นสีขาว-ดำ ใครเข้าข้างจะเป็นฝ่ายถูก ส่วนใครไม่เห็นด้วยก็จะถูกผลักไปเป็นฝ่ายผิด, ชูธงสูงส่ง อ้างตนเองและกลุ่ม แนวคิดของตน ให้ดูยิ่งใหญ่ อลังการ, ควบคุมข้อมูลผ่านสื่อ บอกข้อมูลไม่ครบ บอกความจริงไม่หมด เลือกแต่เฉพาะข้อมูลหรือข่าวที่ส่งผลดีต่อฝ่ายตนเอง แต่งเติมเสริมเข้าไปให้ดูดี บอกผ่านกันไปปากต่อปาก..

1959823_219176951605673_126139804_n.jpg

 

10003894_219177351605633_1805156819_n.jpg

 

1901221_219177114938990_195836854_n.jpg

 

10014566_219177284938973_1973427807_n.jpg

 

 

1798634_219176631605705_889885331_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1901314_219177154938986_693985599_n.jpg

 

 

1978659_219177764938925_763140113_n.jpg

ตามที่เคยเล่าแล้วว่า หลังจากการที่ชายดูไบสั่งให้ลั่นกลองรบเปิดตัว สปป.ล้านนา ส่งผลให้แกนนำทุยแดงสู้แล้วรวย ต่างกระดี้กระด๊า กระชุ่มกระชวย กันใหญ่ เพราะมันคือท่อน้ำเลี้ยงจากชายดูไบแตกโพละอีกรอบ หวังจะได้เคี้ยวเอื้องหญ้าเขียวๆ ให้อิ่มเปรมกันพุงกางนั่นเอง แต่จะบอกให้รู้ว่า ตอนนี้ภายในแก๊งค์แกนนำแดงเอง ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า แตกกันเองเละเทะ ดังนี้

 

1. เมื่อชักดาบโกงเงินจำนำข้าวชาวนา..ส่งผลให้ทำพิษจริงๆ กับกลุ่มแดงรากหญ้า เสียมวลชนไปมหาศาล แดงมันจางไปเยอะแล้ว!! เพราะเงินที่ไม่ได้จากจำนำข้าวมันกินได้ กว่าประชาธิปไตยเทียมๆ ที่แกนนำหลอกลวง คนอีสาน คนเหนือ เค้าก็รำคาญและเบื่อหน่ายเสื้อแดงพวกนี้เต็มทน เวลาเรียกระดมคน จึงมีน้อยเกินคาด จนแผนที่จะยกพลเข้ากรุง ต้องล้ม แล้วล้มอีกไปหลายๆ ครั้ง

 

2. ตอนนี้ชาวเหนือ ก็สุดทนบริษัทเผาไทยแล้ว โดยลุกขึ้นมาต่อสู้ ไม่เอาพวกเหิมเกริม ทำหินแตก แยกแผ่นดิน หักหน้าแดง ชนิดเย็บไม่ติด โดยติดป้ายติดป้ายขนาดยักษ์มาติดทั่วทั้งตลาดและสะพานลอย ต่อต้านการแบ่งประเทศ สปป.ล้านนา โดยมีข้อความว่า " รักและเทิดทูน พระมหากษัตริย์ ไม่ยอมแบ่งแยกแผ่นดินไทย โดยเด็ดขาด" และ "แผ่นดินนี้ แลกมาด้วยชีวิต ไม่เคยคิดจะแยกแผ่นดิน" ฯลฯ..และป้ายสารพัดข้อความต่อต้านเสื้อแดง พรึบไปทั่วเร็วมาก

 

กลายเป็นแฟชั่นยอดฮิต แพร่หลายไปทั่วภาคเหนือ และภาคอีสานอื่นๆ อย่างหนัก เช่น เชียงใหม่ กำแพง นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก สกลนคร โคราช ฯลฯ ติดกันไปทุกหัวระแหง จังหวัดไหนไม่ติดป้ายต่อต้านเสื้อแดงแบบนี้ ก็ถือว่าเชย ตกกระแสไปเลย แถมที่ จ.ตาก ผู้ว่าฯ ถึงกลับขอโหนกระแสด้วย..ขอร้องชาวบ้านช่วยเอาป้ายต่อต้านเสื้อแดงแบ่งประเทศ ไปติดหน้ารั้วศาลากลางด้วยเยอะๆ..เอาซิ

 

จังหวัดใดที่ยังไม่ได้ทำติดป้ายต่อต้านแบ่งแยกประเทศ ให้ประชาชนลงขันกัน ทำป้ายแขวนให้ทั่วพรึบไปเลย ถูกกฎหมายด้วย ติดตามชุมชน ตลาด และจุดที่มีประชาชนสัญจรมากๆ ถ้าจะติดบนสะพานลอย หรือป้ายของเทศบาล ก็ไปขออนุญาตติดเสียให้ถูกต้องก่อน เขาจะได้ไม่ถอดลงมา..ตอนนี้เสื้อแดงจึงแทบไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินพ่อ และกลายเป็นเพียงคนส่วนน้อยมากๆ ของประเทศนี้เสียแล้ว !!

 

3. เวลาชุมนุมแต่ละครั้ง มวลชนแดงมากกว่า 90% มีการว่าจ้างมา,ที่เหลือ 9 % ถูกหลอกมา ถูกบังคับจากผู้นำชุมชน และมีอีกเยอะที่มาแบบ มึนๆ งงๆ , ที่มาร่วมเพราะมีอุดมการณ์จริงๆ ไม่ถึง 1 %

- การชุมนุมที่ผ่านมาขนาดให้ สส.เผาไทย ทั้งกวาดทั้งต้อนมายังมาก็ได้แค่นี้ ที่เหลือก็พวกหลับหู หลับตา ไม่มองอะไร หรือได้ผลประโยชน์การเมืองท้องถิ่น หวังฐานเสียง และการสนับสนุนทุนจากพวกแกนนำ

- แกนนำก็หวังให้จัดหาผู้คนมาชุมนุมมาให้ สุดท้ายได้แต่ พ่อแก่ แม่เฒ่า เด็กเล็ก ที่ตามกันมา เพราะเกรงใจนักการเมืองท้องถิ่น ที่ขยันไปพบปะตามงานศพชาวบ้าน

- ที่รับสมัครมวลชนฝึกอาวุธที่สารคาม หรือแถวอีสานนั้น สังเกตไหมว่าเขานัดมาวันต้นเดือน ก็เพราะเป็นวันที่ทางหน่วยราชการต่าง ๆ เขานัดชาวบ้านมาทำกิจกรรมอยู่แล้ว ไปครั้งนั้นก็แค่นัดให้ อบต.ไปจ่ายเบี้ยยังชีพคนแก่ และเงินช่วยเหลือรายเดือน โดยนัดช่วงที่ รก.รมต.คลองหลอดไปพื้นที่ เพื่อสร้างภาพหลอกลวงปาหี๋ว่า รับอาสาฝึกอาวุธ

- รถบัสที่รับชาวบ้านไปจอดก็แต่ 15 คัน คนมาได้รับค่าจ้างคนละ 200 บาท นับคน 10 รอบก็ได้ไม่เกิน 600 คน และต่างถามกันเซ็งแซ่ว่า "ไอ้พวกแดงนี่ พวกมันจะแยกประเทศจริงๆหรือ? พวกมันนี่ชั่วจริงๆ "..รับเงินเสร็จชาวบ้านก็สลายตัวกลับ เสร็จโก๋คนสารคาม โลด..ฮา

- การชุมนุมของเสื้อแดง ที่ทุ่งศรีเมือง อุดร ตอนเย็นและกลางคืน หัวคะแนนก็หลอกชาวบ้านว่าให้ไปดูหมอลำ ดนตรี นักร้องกัน แจกเสื้อแดงให้ด้วย และมีรถรับส่ง ให้ค่าจ้าง 200 บาทต่อคน..ดังนั้นพอดึกๆ ชาวบ้าน ผู้เฒ่า ผู้แก่ หลอกรับเงินไปนอนตีพุงที่บ้านเกลี้ยง สนามจึงเต็มไปด้วยขยะ คนจัดงานต้องเอาเท้าก่ายหน้าผาก เพราะเป็นการชุมนุมที่ สงบ สันติ อหิงสา ปราศจาก “มนุษย์ “..ฮา

- พอจะจัดขบวนรถลาวาแดง ก็ไปหลอกชาวบ้านอีกว่า ไปแรลรี่กีฬากันเถอะ ให้ค่าจ้าง 200 บาทต่อคน แล้วไปคุยโวว่าขบวนรถกองทัพแดง จะยาวมากๆ แต่พอระหว่างทางออกจากอุดรฯ ยิ่งเคลื่อน ยิ่งน้อยน่าใจหาย คนในขบวนก็ค่อยๆ หลบออกๆ จนขบวนรถ ยังสั้นกว่าขบวนแห่นาคซะอีก..ฮา

- พอถึงขอนแก่น จึงเหลือรถกระบะในขบวนสัก 10 กว่าคัน ไปจอดใกล้ตลาดนัด ที่เหลือเป็นรถเก๋งชาวบ้านที่เขามาซื้อกับข้าวกัน ไม่ได้สนใจใยดีขบวนเสื้อแดงใดๆ สักนิด ส่วนเวทีที่ขอนแก่นที่เตรียมไว้ ก็มีคนรอยู่ราว 58 คน รวมหางเครื่องบนเวที..ฮา (คนขอนแก่นเขาแค้น เพราะยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวอีกราว 70% ของชาวนา)

- แถวลำปาง พะเยาว์ แกนนำก็ไปหลอกชาวบ้านแต่ละบ้านให้ติดธงแดงหน้าบ้าน บอกว่าป้องกันผีแม่หม้าย ชาวบ้านไม่รู้ก็ติดไป จากนั้นก็มีหัวคะแนนเอารูปชายดูไบมาให้แต่ละบ้านติด ท่ามกลางความงุนงง ของชาวบ้านว่าจะติดทำไม..นี่มันนักโทษหนีคดีนี่หว่า เสนียดจังไรอัปมงคล ทำให้บ้านซวยตายเลย คนเหนือเขาถือ..เอาภาพไปห่อขี้เด็กหมด..ฮา

- แถวพะเยาที่ตำรวจบ้านเดินสวนสนาม 8,300 คน แกนนำก็หลอกชาวบ้านอีก ให้ผู้นำชุมชนเกณฑ์ใปแต่ละหมู่บ้าน ใส่เสื้อ อส.มา ให้ค่าจ้าง 100 บาทต่อคน บอกไปเดินรณรงค์ป้องกันยาเสพติด ชาวบ้านไม่รู้ก็มาเดินให้ พอรู้ทีหลังเขาโกรธมากที่รู้ตัวว่าถูกต้ม และตั้งปฎิญาณว่าจะไม่เลือกเครือข่ายบริษัทเผาไทยอีกแล้ว..เขาเจ็บใจกันมาก ที่เสื้อแดงมาหลอกคนเหนือ

187939_187529244770444_308416351_q.jpg

แฉ..ความลับ

1798634_219178138272221_307176953_n.jpg

 

1662337_219177091605659_235125412_n.jpg

 

1957982_219176408272394_590991405_n.jpg

 

1957982_219176408272394_590991405_n.jpg

 

 

 

1925059_219177158272319_1141818042_n.jpg

 

1978664_219176688272366_1339980776_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1794739_219177311605637_1672226251_n.jpg

 

1920577_219177944938907_1834263682_n.jpg

 

10001437_219176611605707_1327901840_n.jpg

 

1376359_219177134938988_1904123485_n.jpg

4. เกิดรอยร้าวบนเรือแกนนำแดงที่แสนผุพัง หักหลังกันเอง คอรัปชั่นหักเหลี่ยม กินหัวคิวเป็นทอดๆ หรือ ต้องมีผลประโยชน์ ที่เคยปลูกฝังไว้ในทุกๆ ภารกิจ..เงินไม่มา งานไม่เดิน ว่างั้นเถอะ..

- ดูไบให้จ่ายหัวละ 1,000 -1,500 บาท มาถึงมือมวลชนรับจ้างจริงๆ ราว 100-300 บาท เท่านั้น (แกนนำอมค่าหัวคิวไปกว่า 80%) บางกลุ่มมาเพราะเกรงอิทธิพล ส.ส. ไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว..การชุมนุมในปัจจุบันมวลชนส่วนนี้จึง “หลบได้ หลบ...หนีได้ หนี”..ฮา

- ให้สังเกตจากการชุมนุมแต่ละครั้ง “มาเร็ว เคลมเร็ว” ถ้าจะให้อยู่ต่อต้องจ่าย OT x 2 แรง !!..ถ้าเผลอลืมเติมเงินเมื่อไหร่จะกลับทันที!!..”ขออภัย..ยอดเงินของท่านหมดแล้วกรุณาเติมเงินด้วย”..ฮา

- การใช้เงินเป็นหลัก แกนนำหลายคนทำให้เห็นเองว่า “สู้แล้วรวย” คนอื่นๆ เลยเอาอย่างบ้าง ที่จะมาด้วยใจมันไม่มีแล้ว

- เสื้อแดงเป็นระบบพวกใครพวกมัน แต่ละกลุ่มก็มีผู้นำของตัวเอง แข่งกันเอาหน้า ให้เข้าตานายใหญ่ ไม่มีใครมีสิทธิบัญชาการเด็ดขาด ต่างก็คิดว่า กูก็สายตรงนายใหญ่เหมือนกัน จึงมีการ ตัดขากันเองในทุกๆระดับ ไม่เป็นเอกภาพ เล่นนอกบท ,ทำเกินสั่ง,ปิดปากกันเอง ,เปลี่ยนม้ากลางศึก ,เสร็จศึกฆ่าขุนพล ฯลฯ

- ในช่วงนี้มีเสื้อแดงหลายกลุ่ม เริ่มเกิดอาการเหวี่ยง และสับสนทะเลาะกันเองภายใน..เช่น การทะเลาะกันระหว่าง แดง กวป. (โกตี๋) กับ แดง นปช.(นกแสก- ตู่) ในกรณี แย่งกันเป็นพระเอก ในการทำงานโชว์นาย..

- รอยร้าวภายใน แดง กวป.ของโกตี๋ ก็มีเรื่องกับแกนนำคนอื่นใน กวป.เอง เหตุเพราะแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวเรื่องเงินๆทองๆ ในสถานีวิทยุเครือของ กวป.นั้นเอง..โกตี๋ตอนนี้จึงมีโจทย์มาก มีหลายคนจ้องร่วมผสมโรง..เพราะทำจังหวะนี่จะเหมาะสุด เช่น นกแสกสั่งลับให้ ”เคลียร์” , บ้านใหญ่ ที่ใครก็รู้ว่าเป็นโจทย์กับโกตี๋ก็สังเคลียร์, และใน กวป.เองก็คับแค้นลอบยิงรถโกตี๋มาแล้ว..มีวันนี้เพราะพี่ให้ก็สั่งเคลียร์ เพราะโกตี๋เคยแฉว่าเป็นผู้โทรศัพท์มาบอกว่าว่าบิ๊กเขียวสั่งยิง เขาจึงต้องตัดตอนก่อนจะแฉอื่นๆ..ส่วนยิ้ม นั้น ก็ถูกดักยิงโดยแก๊งเจ้ ด.เพราะปากโป้ง เรื่องข้าว..งานนี้คงต้องกินผัดกระเพรากันหลายคน..ฮา

- ส่วน นปช. ส่วนกลาง ก็ไปเกิดรอยร้าวกับ แก๊งค์เสื้อแดงในพื้นที่ เหนือ-อีสาน จนได้ ในกรณีการจัดตั้งกองกำลังตำรวจบ้าน พวกนักเลงหัวไม้ และ การแบ่งแยก สปป.ล้านนา..เพราะพวกนปช.พื้นที่ เคืองที่ นปช.กลางมาตีเมืองขึ้นหัวเมือง เอาผลประโยชน์หัวคิวไปกินเองว่างั้นเถอะ เกิดการแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว..ถึงขั้นหักหน้า หักหลังกันบนเวทีมาแล้ว

 

5. ส่วนพวกนกรู้ที่เป็นนักวิชากำกวมทั้งหลาย ที่เคยชูประเด็นล้มเจ้า แยกประเทศ ตอนนี้เจอข้อหากบฏเข้าไป ต่างเริ่มวงแตก แจวเรือกันไปคนละทิศคนละทาง..บางสายถึงกับย้ายค่ายด่วน ราวกับย้ายค่ายมือถือจาก AIS ที่กำลังจะเจ้ง ไปเป็นค่ายอื่น เช่น หงอก หม่อมปลาดุก ฯลฯ

 

 

 

187939_187529244770444_308416351_q.jpg

แฉ..ความลับ

1926631_219176704939031_782377898_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันพฤหัสบดี ที่ 06 มีนาคม พ.ศ. 2557, 16.38 น.

tags : กปปส., เฉลิม, ศาลแพ่ง, เนรเทศ, สาธิต เซกัล

[/url]

93746.gif

6 มี.ค.57 ที่เวที กปปส.สวนลุมพินี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.แถลงตอบโต้กรณีที่ นายสุรพงศ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ระบุว่าจะเรียกนักการทูตนานาชาติ มาชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง ว่า แทนที่จะไปทำความเข้าใจกับท่าทีสหประะชาชาติ และนายจอร์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่แสดงความเห็นชัดเจนว่าการเลือกตั้งไม่ได้นำไปสู่ประชาธิปไตยต่อไปถ้าขาดปฏิรูป ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับแนวคิดกับ กปปส.นั้น ตนขอให้นายสุรพงศ์ เร่งชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีบุคคลมาทำร้ายประชาชน แต่รัฐบาลยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ รวมถึงเร่งชี้แจงการบังคับใช้กฎหมาย การสั่งให้มีการใช้กำลังมาทำร้ายประชาชน ที่มีการดำเนินการที่ขัดหลักสากล และละเมิดสิทธิมนุษยชนจะดีกว่า

โดยเฉพาะกรณีที่ ศรส.มีการออกคำสั่งเนรเทศ นายสาธิต เซกัล นายกสมาคมนักธุรกิจไทย - อินเดีย นั้น มองว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองคุ้มครองไม่ให้ ศรส.ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น การดำเนินการดังกล่าวจึงถือว่าขัดคำสั่งศาลแพ่ง อย่างไรก็ตาม ทาง กปปส.จะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายสาธิตต่อไป

สอดคล้องกับ นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.ที่เห็นว่าเรื่องนี้ศาลแพ่งได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนแล้วว่า ห้ามรัฐบาลใช้ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น การเนรเทศจึงไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ยังคงมีการฝ่าฝืนดำเนินการเนรเทศนายสาธิต โดยมี ศรส.เป็นเจ้าภาพในการลงนาม ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (7 มี.ค.) ก่อนเที่ยงนี้ตนจะไปยื่นเรื่องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ดำเนินการจับกุม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.ซึ่งเป็นผู้ลงนามคำสั่งในข้อหาฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลแพ่ง

"ขอถามกลับไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม ที่มักจะบอกเสมอว่า อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็นว่า ไม่ทราบว่าอ่านดูข้อบังคับที่ศาลแพ่งระบุหรือไม่ หรืออ่านรู้แต่ต้องการใช้อำนาจกลั่นแกล้งนายสาธิต" นายถาวร กล่าว

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

cr วีรบรุษสุดที่รัก

ถ้าพูดถึง “อั้งยี่” คงพอจะเดากันได้ว่าเป็นคำมาจากภาษาจีน ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายว่า “สมาคมลับของคนจีน ชื่อความผิดอาญาฐานเป็นสมาชิกของคณะบุคคล ซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เรียกว่า ความผิดฐานอั้งยี่”

 

เหตุที่ “อั้งยี่” มาจากภาษาจีนนั้น ประวัติศาสตร์ไทยบอกไว้ว่า เกิดแต่สมาคมลับของคนจีนที่มาอาศัยในประเทศไทยตั้งและรวมตัวกัน เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันประสาผู้พลัดบ้านเมืองมาจากประเทศจีน ครั้นต่อมากระทำการอันละเลยขอบเขตอันชอบด้วยกฎหมายของบ้านเมือง กลายเป็นการพยาบาท แก้แค้นกัน บังคับกันโดยพลการ ทางการจึงต้องออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการกระทำในลักษณะอั้งยี่ ร.ศ.116 (พ.ศ.2441) และใช้บังคับแก่คนที่ทำผิดในลักษณะนั้น แม้จะเรียกเป็นภาษาจีนอยู่แต่คงใช้บังคับชนชาติอื่นรวมทั้งชาติไทยด้วย มิใช่บังคับเฉพาะชาวจีนเท่านั้น

 

อั้งยี่ เป็นสมาคมลับที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์จะช่วยเหลืออนุเคราะห์กลุ่มชาวจีนด้วยกันเอง ต่อมาสมาคมเหล่านี้ดำเนินงานอย่างไร้ระเบียบ ก่อปัญหารุนแรงขึ้นหลายครั้งจนทางการต้องใช้อำนาจขั้นเด็ดขาดเข้าจัดการ สมาคมอั้งยี่ลักลอบนำฝิ่นเข้ามาขายในประเทศไทย ซึ่งในเวลานั้นมีคนไทยและจีนติดฝิ่นเป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ.2390 พวกอั้งยี่ก่อเหตุขึ้นครั้งแรก ซึ่งทำให้ฝ่ายไทยเริ่มไม่ไว้ใจคนจีนตั้งแต่นั้นมา ระหว่าง พ.ศ.2410-2411 อั้งยี่กำเริบที่ระนอง และภูเก็ต จนทางการต้องยกกองทัพไปปราบ ถึงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2410 อั้งยี่ในเมืองภูเก็ตสองก๊กคือ ก๊กงี่หิน มีกำลังประมาณ 3,500 คนกับ อั้งยี่ก๊กปูนเถ้าก๋ง มีกำลังประมาณ 4,000 คน เกิดปะทะกัน สาเหตุจากการแย่งชิงสายน้ำแร่ดีบุก ทางการในเมืองภูเก็ตเข้าระงับเหตุไม่สำเร็จ ต้องขอกำลังจากพระนครไปปราบ พวกอั้งยี่เกรงกำลังจากพระนครจึงอ่อนน้อมโดยดี เหตุการณ์อั้งยี่กำเริบที่ภูเก็ตจึงได้สงบลง ต่อมา พ.ศ.2432 อั้งยี่กำเริบที่กรุงเทพ ยิงกันเอง ทางการต้องเข้าระงับปราบปราม ต่อมา พ.ศ.2436-2439 อั้งยี่กำเริบที่ปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา พ.ศ.2438 อั้งยี่กำเริบที่ตลาดพลู ธนบุรี และระหว่าง พ.ศ.2438-2440 สมาคมอั้งยี่กำเริบที่จันทบุรีในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และเป็นช่วงเดียวกับการที่ฝรั่งเศสยึดจันทบุรีไว้เป็นประกัน

 

คำว่า “สมาคมอั้งยี่ที่เมืองจันท์” ถูกกล่าวถึงครั้งฝรั่งเศสเกณฑ์ทหารญวนจากไซ่ง่อน เข้ายึดครองจันทบุรีไว้เป็นประกันชั่วคราว เพื่อต่อรองแลกเปลี่ยนดินแดน ระหว่าง พ.ศ.2436-2447 รวมระยะเวลาที่จันทบุรีถูกยึดครองเป็นประกัน 11 ปี ที่นี่จึงก่อเกิดเรื่องราวประวัติศาสตร์สำคัญหลายหน้า ที่สืบทอดเล่าสู่กันฟังจวบจนปัจจุบัน จันทบุรีมีสมาคมอั้งยี่ 2 คณะ คือ

 

คณะหนึ่งใช้สมญานามว่า “งี่ฮก” สำนักงานตั้งอยู่ที่ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี มีนายอำภณ บุตรพระประสิทธิ์พลรักษ์ กรมการพิเศษ เป็นหัวหน้า นายอำภณ ผู้นี้ภายหลังหลุดพ้นพระราชอาญา ได้รับแต่งตั้งเป็นกำนันตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง และทำหน้าที่เป็นทนายความด้วย ภายหลังได้รับตราตั้งจากกระทรวงมหาดไทย เป็นขุนวิเศษประสิทธิ์

 

คณะที่สอง มีสมญานามว่า “งี่เฮ็ง” สำนักงานตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอพลอยแหวน มี นายง่วนเส็ง แซ่คู บุตรนายเช้า(ชาวจีน) เป็นหัวหน้า

 

อั้งยี่ทั้งสองคณะนี้ไม่มีความสามัคคีปรองดองกัน ต่างพวกต่างฝ่ายถืออำนาจเฉพาะเหล่าตน มักคุมสมัครพรรคพวกทำร้ายซึ่งกันและกันอยู่เป็นเนืองนิตย์ บรรดาพ่อค้าประชาชนคนใดไม่ยอมเข้าสังกัดคณะใด ก็จะถูกกรรโชกข่มขู่ทำร้ายโดยพละการ บางครั้งก็ถูกปล้นแย่งชิงทรัพย์สินก็มี การกำเริบของอั้งยี่ในครั้งนั้น ไม่ได้สร้างความเดือกร้อนให้แก่ราษฎรไทยเท่านั้น ปรากฏว่าแม้ฝรั่งเศสตาน้ำข้าวและทหารญวนที่มายึดจันทบุรี ก็พลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย แล้วใครล่ะจะเป็นผู้ขี่ม้าขาวปราบอั้งยี่จนสิ้นซาก ตามที่ได้นำเสนอเรื่องราวของอั้งยี่ที่เมืองจันท์ ตอนที่ 1 ก็คงพอจะทราบกันแล้วว่า จันทบุรีเกิดสมาคมอั้งยี่กำเริบขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาเดียวกับฝรั่งเศสได้เกณฑ์ทหารญวนเข้ายึดจันทบุรีไว้เป็นประกันชั่วคราว เพื่อต่อรองแลกเปลี่ยนดินแดน ระหว่าง พ.ศ.2436-2447 2 คณะอั้งยี่จันทบุรี คือ คณะงี่ฮก และคณะงี่เฮ็ง โดยเฉพาะอั้งยี่คณะงี่เฮ็งแห่งอำเภอพลอยแหวน ได้สร้างความเดือดร้อนไม่เฉพาะราษฎรไทยเท่านั้น กองทหารฝรั่งเศสก็พลอยเดือดร้อนเกี่ยวกับอาหารการกินไปด้วย เนื่องจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในท้องที่อำเภอพลอยแหวน ซึ่งนำสินค้ามาจำหน่ายในเขตอำเภอเมือง ได้ถูกอั้งยี่คณะงี่เฮ็งห้ามปราม ไม่ให้นำสินค้าไปจำหน่ายให้ราษฎรท้องที่อำเภอเมือง ถ้าพ่อค้าแม่ค้าคนใดไม่เชื่อฟัง ขืนดื้อดึงนำสินค้าไปจำหน่าย ก็จะถูกดักลอบทำร้ายอยู่เสมอๆ เป็นเหตุให้ประชาชนพลเมืองมีความหวาดกลัวเกรงภัยอันเกิดจากพวกอั้งยี่ การที่อั้งยี่คณะงี่เฮ็งประกาศปิดสินค้า ไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าทางเขตอำเภอพลอยแหวน นำสินค้าไปจำหน่ายในเขตอำเภอเมือง ย่อมสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนบางส่วน ที่จะหาซื้อสินค้าและเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งกองทหารฝรั่งเศสที่ตั้งมั่นอยู่ในตัวเมืองก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย กล่าวคือ กองทหารฝรั่งเศสก็ต้องอาศัยสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้าทางเขตอำเภอพลอยแหวนเช่นกัน เมื่อความเดือดร้อนและการไม่ได้รับความสะดวก ทั้งราษฎรและกองทหารฝรั่งเศส จึงได้ร้องขอให้ทางบ้านเมืองจัดการปราบปราม แต่เวลานั้นฝ่ายบ้านเมืองไม่มีกำลังพาหนะ ตำรวจหรือพลตระเวนเพียงพอที่จะทำการระงับปราบปรามอั้งยี่ให้เป็นที่เรียบร้อยได้ จึงนับได้ว่าจันทบุรียุคนั้น ต่างหวาดหวั่นเกรงภัยจากพวกอั้งยี่อย่างถ้วนหน้า ทั้งฝ่ายบ้านเมืองก็ไม่มีกำลังจะระงับปราบปรามได้เช่นนี้ จึงเป็นเหตุให้อั้งยี่สองคณะกำเริบไม่ยำเกรง ทางฝ่ายบ้านเมืองจึงได้ปรึกษาทำความตกลงกับกองทหารฝรั่งเศส

 

ในที่สุดฝรั่งเศสได้จัดกองกำลังทหารร่วมมือกับฝ่ายไทย เริ่มปฏิบัติการปราบปรามจับกุมอั้งยี่ทั้งสองคณะ โดยออกสืบจับตามตำบลต่างๆ เช่น ตำบลบางกะจะ ตำบลวัดใหม่และอีกหลายหมู่บ้าน เจ้าพนักงานฝ่ายไทยที่เป็นผู้ควบคุมทหารฝรั่งเศสออกไปสืบจับ คือ พระยาเดชานุชิต เป็นหัวหน้า หลวงพรหมเสนาและหลวงศรีรองเมือง เป็นผู้ช่วย หลวงพรหมเสนา ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหารเรือมีหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานทะเบียนทหารเรือ ส่วนหลวงศรีรองเมือง ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายอำเภอพลอยแหวนคนแรก หลังจากทางการได้จัดการปกครองท้องที่ใหม่ ระหว่าง พ.ศ.2440-2441 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจากอำเภอพลอยแหวนเป็นอำเภอท่าใหม่ การจับกุมอั้งยี่ทั้งสองคณะได้ตัวพรรคพวกและหัวหน้าคนสำคัญหลายคน เช่น นาย อำภณ หัวหน้าคณะงี่ฮก นายง่วนเส็ง แซ่คู หัวหน้าคณะงี่เฮ็ง หลังจากนั้นได้จัดการนำตัวส่งไปกรุงเทพ เพื่อรับพระราชอาญา กักขังจองจำไว้คนละหลายปี

 

ตั้งแต่นั้นมา สมาคมอั้งยี่ก็แตกหมู่แตกคณะควบคุมกันไม่ได้ และไม่มีใครคิดตั้งคณะอั้งยี่ขึ้นมาอีกเลย การที่สมาคมอั้งยี่ ต้องถูกปราบปรามจนราบคาบ ก็เพราะได้อาศัยกองกำลังทหารฝรั่งเศสและญวนที่ยึดตัวเมืองจันทบุรีอยู่ในขณะนั้น ได้เอื้อเฟื้อช่วยเหลือส่งกองกำลังให้กับบ้านเมือง จึงถือเป็นผลงานที่ควรยกย่องทหารฝรั่งเศสเหมือนกัน เพราะถ้าทหารฝรั่งเศสไม่ช่วยปราบปรามอั้งยี่ ความเดือดร้อนของชาวจันทบุรีก็ยังคงมีอยู่ไม่รู้จบ เมื่อความทรงทราบถึงความดีของทหารฝรั่งเศส ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นบำเหน็จตอบแทนคุณงามความดี แก่บรรดานายทหารฝรั่งเศสผู้มีส่วนช่วยเหลือในการนี้บางคนด้วย

 

เรื่องราวของหัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็ง ที่มีนายง่วนเส็ง แซ่คู เป็นหัวหน้า หลวงสาครคชเขตต์ ได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุความทรงจำสมัยฝรั่งเศสยึดจันทบุรี กล่าวถึง นายง่วนเส็ง แซ่คู หลังพ้นโทษแล้ว ได้ประกอบอาชีพเป็นทนายความขณะฝรั่งเศสยึดจังหวัดตราด ปรากฏหลักฐานการลอบทำร้ายผู้พิพากษาศาล คือ หลวงวิพิธพจนาการ(แจ่ม สูตบุตร์) ผู้พิพากษาขณะฝรั่งเศสยึดจังหวัดตราด ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาศาลเมืองขลุงบุรี ขณะย้ายจากจังหวัดตราดมาพักที่จันทบุรี ได้ถูกนายง่วนเส็งส่งพรรคพวกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ เนื่องจากมีความเจ็บแค้นที่หลวงพิพิธฯ ครั้งที่เป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดตราด ได้ตัดสินจำคุกอั้งยี่กลุ่มตน แต่ในที่สุดไม่สามารถจับกุมคนลอบทำร้ายได้ ทั้งไม่มีหลักฐานอย่างอื่น สรุปว่าหลวงวิพิธฯถูกทำร้ายเปล่า และที่จังหวัดจันทบุรี ได้ปรากฏหลักฐานของบุคคลอีกท่านหนึ่งที่นี่ คือ นายชุนเชียง แซ่คู ได้ย้ายจากจันทบุรีไปอยู่เชียงใหม่ขณะเป็นเด็ก และต่อมาหลังแต่งงานได้ให้กำเนิดบุตรชายคนที่ 4 จากจำนวนพี่น้อง 12 คน ชื่อ นายเลิศ แซ่คู ซึ่งต่อมาบุคคลท่านนี้ ได้กลายเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ และเปลี่ยนชื่อนามสกุลเป็น นายบุญเลิศ ชินวัตร บิดาของนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 และ 28 นั่นเอง.

 

 

 

1911874_467891736673249_1530816666_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...