ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

ชาวนาวันหยุด

 

พรุ่งนี้ วันเสาร์ 15/3/57 เก็บเกี่ยวแล้ว

บทพิสูจน์ "ศักยภาพต้นข้าว ศักยภาพชาวนา"

 

"จากเด็กต่างจังหวัดที่โตมากับท้องนา เห็นพ่อและแม่ทำนามาตั้งแต่เด็กๆ แต่ไม่เคยที่จะเรียนรู้ ธรรมชาติของข้าว ไม่เคยลงมือทำ เพราะกลัวร้อน กลัวเหนื่อย จากเด็กน้อยคนนั้นจนเป็นผู้ใหญ่ในปัจจุบันนี้ ได้รับแนวคิดในการทำนาแบบใหม่ จากบุคคลบนโลกออนไลน์ ที่ใช้ชื่อบนเฟสบุคว่า ชาวนาวันหยุด พี่ซุป เจ้าของเพจ ชาวนาวันหยุด เป็นแรงบรรดาลใจที่ทำให้ผมมีแนวคิดที่จะกลับไปสู่อาชีพชาวนา เพราะความรู้มากมายที่พี่ซุปได้แบ่งบัน และได้ลงมือทำให้เห็นแบบจริงจัง ทำให้ผมเริ่มก้าวสู่อาชีพชาวนาวันหยุด"

 

"ศักยภาพต้นข้าว ศักยภาพชาวนา"

"ลดบทบาทรัฐ เพิ่มบทบาทลูก"

"ไม่เรียกร้อง ไม่ร้องขอ ไม่รอคอย"

"วัยรุ่น มีแรง มีเวลา ชาวนาวันหยุด"

"ร่วมคิด ร่วมทำ นำเปลี่ยนแปลง"

"คิดได้ ทำได้ ได้ทันที"

 

สนใจ เข้าร่วมกิจกรรม ติดต่อ

ฉันรักชาวนา ชาวนาวันหยุด

https://www.facebook.com/ThaiFarmers

 

พิกัดแปลงนา 14.9965819,100.1634514 บ้านร่องแห้ว ตำบลดงคอน, 17140 อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

ลงทะเบียนร่วมงาน ได้ที่

https://www.facebook.com/events/1414881765433455/?ref=22

 

ภาพ ตั้งแต่วันแรก ของการเติบโต

http://www.welovefarmers.com/

 

 

 

1977383_638989312838256_1306707899_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1970397_638590329544821_1960812651_n.jpg

การป้องกันและแก้ไขปัญหา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พัฒนาอย่างยั่งยืน เรื่อง "ข้าวและชาวนา" ต้องมาจาก บทบาทคนในครอบครัว โดยเฉพาะคนรุ่นลูก ที่ได้รับโอกาสทางการศึกษา และประสบการณ์ในงานประจำ ที่จะมาร่วมคิด ร่วมทำ นำเปลี่ยนแปลง ต้องระเบิดจากภายในครับ จากเจตจำนงค์ที่ชัดเจนในเป้าหมาย เริ่มต้นเรียนรู้สะสมชั่วโมงบิน

เป็นชาวนาวันหยุด ทำคู่ขนานกับงานประจำ ก่อนทำเต็มตัว กับบทบาทชาวนามืออาชีพ ชาวนาผู้ประกอบการ

 

้อคิดดี และลงมือทำ นำเปลี่ยนแปลง

 

"พี่ปัญญา ขันทอง ชาวนาปริญญาโท

 

เขาว่าผมบ้า

จบปริญญาโททำงานมีเงินเดือนครึ่งค่อนแสน จะลาออกไปทำนา ก็ผมหาคำตอบเหล่านี้ไม่ได้นะสิ

1.ถ้าทำงานจนเกษียนแล้วจะทำอะไร (คงทำในสิ่งที่ชอบ ผมชอบเกษตร ปลูกเองกินเอง)

2.จะได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เมื่อไร ในเมื่อท่านยังทำนาอยู่ ท่านคงจะถามว่าทำไมไม่ให้ท่านเลิกทำละ ผมบอกท่านมานานละว่าไม่ต้องทำ ผมก็เลี้ยงได้ แต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่จะทำอย่างนั้น

3.ลูกผมจะได้เงินเดือนและตำแหน่งต่อจากผมได้อย่างไร โดยไม่ต้องไปเริ่มเป็นลูกน้องเขาใหม่

4.แผ่นดินที่ปู่ย่าตายายสร้างไว้ หลังจากสิ้นรุ่นพ่อแม่แล้วจะไปไหน ในเมื่อท่านจะย้ำเสมอว่ารักษาไว้ให้ลูกหลาน

5.ท่านทำงานได้เป็นเจ้าคนนายคนจริงหรือไม่ (หรือเป็นทาสบริษัทข้ามชาติกันแน่)

 

เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ"

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000981465294

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น


  • FAQ: คำถามที่พบบ่อย
    "แกล้งดิน กับเปียกสลับแห้งแกล้งข้าว เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?"
     
    เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับ การแกล้งดินในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน กับการทำเปียกแห้งแกล้งข้าวนั้น มีหลักการเดียวกันหรือไม่ และมีความแตกต่างกันอย่างไร ผมอยากให้คุณหมอเกษตร อธิบายรายละเอียดให้ผมและผู้อ่านทางบ้านได้เข้าใจไปพร้อมๆ กัน ขอขอบคุณมากครับ ด้วยความนับถืออย่างสูง อนันต์ พงษ์สวัสดี เลขที่ 37/31 หมู่ที่ 18 ต.บึงสามร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12156
     
    ตอบ คุณอนันต์ พงษ์สวัสดี
    การแกล้งดิน เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระราชประสงค์เพื่อปรับปรุงดินพรุ ที่เป็นกรดจัดหรือดินเปรี้ยวจัด พื้นที่สนองพระราชดำริ อยู่ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากเกษตรกรอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่สามารถใช้ดินพรุทำนาได้ หรือหากแม้ทำได้ก็ได้ผลผลิตน้อยเต็มที หลังจากปรับปรุงดินแล้วสามารถปลูกข้าวได้ ให้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจ
    ทั้งนี้ดินที่เป็นกรดจัดจะมีธาตุเหล็ก และอะลูมินัมในปริมาณมากผิดปกติ ธาตุทั้งสองจับตัวกันเป็นแร่ไพไรต์ มีลักษณะเป็นเม็ดสีเหลืองฟาง มีขนาดเล็กกว่านิ้วก้อย แพร่กระจายปะปนอยู่ในดิน ตั้งแต่ระดับผิวดินและลึกลงไปในดินอีกหลายเมตร นอกจากเหล็กและอะลูมินัมจะเป็นพิษกับรากพืชโดยตรงแล้ว ยังจับธาตุอาหารเมื่อใส่ปุ๋ยลงดินเอาไว้ โดยเฉพาะธาตุฟอสฟอรัส ข้าวจึงไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
    ดินที่เป็นกรด หากขังน้ำไว้ตลอดเวลา สภาพของความเป็นกรดจะอยู่คงที่ แต่เมื่อใดมีการระบายน้ำออกจากแปลงจนแห้ง ทำให้ออกซิเจนเข้าไปทำปฏิกิริยามากขึ้น ความเป็นกรดจะรุนแรงขึ้นตามไปด้วย เมื่อปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ประมาณ 5-7 วัน แล้วสูบน้ำเข้าในแปลงและขังไว้ 2-3 วัน พร้อมกับใส่ปูนขาวหรือปูนมาร์ลไปด้วย จากนั้นจึงให้ระบายน้ำล้างเอาความเป็นกรดทิ้งไป ทำเช่นเดียวกันอีกหลายครั้ง ในที่สุดความเป็นกรดของดินจึงลดความรุนแรงลง ทำให้ดินที่ปรับปรุงแล้วใช้ปลูกข้าวได้เป็นปกติ ส่วน เปียกแห้งแกล้งข้าว นั้นมีเรื่องดินเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นเดียวกัน วิธีนี้ชาวนาญี่ปุ่นใช้มานานเกินกว่า 50 ปี การทำนาต้องมีการเตรียมดิน ด้วยวิธีไถกลบตอซัง และวัชพืช แล้วทำเทือกปรับระดับหน้าดินให้เรียบ ก่อนการหว่านเมล็ดข้าว หรือบางแห่งใช้วิธีปักดำก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดการหมักและย่อยสลายของตอซังและเศษซากพืชในดิน ผลตามมาคือเกิดแก๊สแอมโมเนีย แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือแก๊สไข่เน่า ซึ่งล้วนเป็นอันตรายกับรากข้าวทั้งสิ้น หลังจากปลูกข้าวไปแล้วระยะหนึ่ง มักเกิดอาการเมาตอซังขึ้น ให้สังเกตที่รากข้าวจะพบว่ามีสีดำคล้ำ ทำให้ดูดน้ำและอาหารได้น้อยลง วิธีแก้ไขให้ระบายน้ำออกจากแปลง ปล่อยให้ดินแห้งจนแตกระแหง เพื่อให้แก๊สพิษดังกล่าวระเหยไปในอากาศ ขณะเดียวกัน รากข้าวก็มีโอกาสได้รับออกซิเจนมากขึ้น ตัวอย่างความสำเร็จในญี่ปุ่น เกิดขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ญี่ปุ่นได้เร่งปฏิรูปที่ดิน ด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา นำโดย นายพลแม็คอาเธอร์ มีการจัดรูปแปลงนาให้มีขนาด 10x100 ตารางเมตร หรือ 0.1 เฮกแตร์ หรือเฮกตาร์ ญี่ปุ่นเรียกว่า 10 อาร์ ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ มีการวางท่อใต้ดิน ทำให้การจัดการฟาร์มเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดฤดูปลูกข้าวของชาวญี่ปุ่น มีการระบายน้ำเข้า-ออกอย่างน้อย 5 ครั้ง หรือ 5 รอบ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด ในรอบสุดท้าย ระบายน้ำออกจากนาก่อนข้าวออกรวง 10-15 วัน ปล่อยดินให้แห้งจนแตกระแหง ใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน ก่อนหว่านปุ๋ยแต่งหน้าอีกครั้ง ให้ทั่วแปลง เม็ดปุ๋ยจะตกลงตามรอยแยกของดิน จากนั้นจึงระบายน้ำเข้าแปลงนา ต่อมาดินยุบตัวปิดทับปุ๋ยเอาไว้ ช่วยให้รากข้าวนำปุ๋ยไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งต่างกับวิธีหว่านปุ๋ยลงในนาขณะที่มีน้ำขังทำให้เกิดการสูญเสียปุ๋ยไป เนื่องจากถูกจุลินทรีย์ และวัชพืชแย่งไปใช้เป็นอาหาร เกิดการระเหยเป็นแก๊สลอยไปในอากาศ ถูกน้ำพัดพาไหลไปที่อื่น และซึมลึกลงในดินเกินระดับรากข้าวจะนำมาใช้ได้ ข้าวจึงใช้ประโยชน์จากปุ๋ยได้เพียง 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณปุ๋ยทั้งหมดที่ใส่ลงไปเท่านั้น จากผลการวิจัยพบว่า วิธีดังกล่าวสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวได้ไม่น้อยกว่า 7-10 เปอร์เซ็นต์ ในประเทศไทยก็ใช้วิธีเดียวกัน แต่เพิ่มการฝังท่อเอสลอนสีฟ้าเจาะรูพรุน ฝังลงดินเพื่อให้มองเห็นระดับน้ำใต้ดินในนา
    จะเห็นว่าการทำวิธีเปียกแห้งแกล้งข้าวนั้นความจริงแล้วเป็นการช่วยสนับสนุนให้ข้าวได้ประโยชน์มากกว่าการทรมานต้นข้าว อีกทั้งดินก็ได้อานิสงส์ไปด้วย คือแก๊สพิษระเหยไปในอากาศ ระบบรากข้าวได้รับทั้งออกซิเจนและปุ๋ยอย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น การทำเปียกแห้งแกล้งข้าว จึงเป็นการใช้สำนวนให้ไพเราะและสอดคล้องกับคำว่า แกล้งดิน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้งประเทศครับ
     
    ที่มา: นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน
    http://goo.gl/CWXWJT
     
    ที่มาภาพประกอบ
    http://www.niaes.affrc.go.jp/magazine/114/mgzn11412.html
    >ภาพซ้าย น้ำแช่ขัง จุลินทรีย์ย่อยสลายโดยไม่ใช้ออกซิเจน (anaerobic ) มีการปลดปล่อยมีเทน(CH4) ต้นข้าวมีการดูดผ่านราก ขึ้นลำต้นก่อนระบายสู่อากาศ
    >ภาพขวา นาแห้ง ไม่มีน้ำแช่ขัง ออกซิเจน(O2)สามารถผ่านลงดินได้ การย่อยสลายสมบูรณ์ ไม่มีการปลดปล่อยมีเทนสู่บรรยากาศ
     
     

    1962837_638975322839655_760352192_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในทุกวงการ แม้แต่ในตัวเราเองขณะนี้ ที่สิ่งที่ขาดเขิน คือ ความเด็ดเดี่ยว ในการทวนกระแสกิเลส

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1488975_752075334825738_2132078574_n.jpg

ข่าวดี (พาพ่อกลับบ้านด้วยเลยคะ)

 

@Suriyasai: เฉลิมซวย! กกต.ยังไม่อนุมัติงบ ศรส. 2,309 ล้านบาท ต้องไปชี้แจงด้วยตัวเอง ท่ามกลางข่าวกินหัวคิวเบี้ยเลี้ยง ตร.ชั้นผู้น้อย

 

 

Wassana Nanuam's photo.

 

 

 

 

 

1977100_677209562337505_1798024806_n.jpg

 

ปลัดกลาโหม ยัน ย้าย ผบ.หน่วยซีล เป็นเรื่องที่ ผบ.ทร.เสนอมา ไม่เกี่ยว "ยิ่งลักษณ์" เป็นไปตามสายการบังคับบัญชา เป็นการแสดงความรับผิดชอบของ ทร.เหตุเพราะหน่วยซีลไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุม

 

ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกลาโหม ยืนยันว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารกลางปี 2557 โดยเฉพาะตำแหน่งของ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ(ผบ.นสร.) ผบ.หน่วยซีลในครั้งนี้ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และฝ่ายการเมืองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายแต่อย่างใด แต่การแต่งตั้งโยกย้ายมาจากสายบังคับบัญชาที่พิจารณา ซึ่งพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เห็นว่ามีความเหมาะสม และพิจารณาแล้ว ก็ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบ จากกรณีที่นายทหารจากหน่วยซีลหลายนาย เข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองด้วย

พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวถึงขั้นตอนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งบัญชีรายชื่อที่ได้ตรวจสอบและเห็นชอบ แล้ว กลับมายังกระทรวงกลาโหม จากนั้นผมจะนำบัญชีรายชื่อเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยคาดว่าอย่างช้าที่สุด บัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการจะมาถึงในวันที่ 17 มี.ค.นี้ และจะสามารถยื่นต่อนายกฯ เพื่อลงนามและนำขึ้นทูลเกล้าฯในลำดับต่อไปได้ทันที

 

10013695_623702344345228_760917283_n.jpg?oh=559d5a763fbf6e0bedb36af99a396a20&oe=53248762&__gda__=1394922221_527233ff7c5d625cc401f0f2d4baeae5

10013727_263553733818789_1309167624_n.jpg

 

คปท. บุกกองทัพเรือ ร้อง ผบ.ทร. ทบทวนการย้าย ผบ.หน่วยซีล

 

คปท. บุกกองทัพเรือ ยื่นหนังสือขอให้ทบทวนการย้าย พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ออกจาก ผบ.หน่วยซีล ชี้ เป็นทหารที่รักชาติรักแผ่นดิน

 

วันนี้ (14 มีนาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 09.30 น. ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถนนพิษณุโลก กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้เคลื่อนขบวนโดยมีรถกระบะกับรถยนต์ 20 คัน, รถบรรทุกขยายเสียง 1 คัน, รถจักรยานยนต์ 30 คัน, รถเครน 1 คัน และรถบัส 5 คัน เพื่อเดินทางไปกองทัพเรือ บริเวณถนนวังเดิม ยื่นหนังสือขอให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการกองทัพเรือ (ผบ.ทร.) ทบทวนการย้าย พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการพิเศษทางเรือ (ผบ.หน่วยซีล) ไปนั่งในอัตราพลโทในตำแหน่งผู้ทรงคุณพิเศษกองทัพเรือ เนื่องจากเห็นว่า พล.ร.ต.วินัย เป็นทหารที่รักแผ่นดินและมีจุดยืนชัดเจน นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ให้กำลังใจทหารเรืออีกด้วย

 

ทั้งนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้ขึ้นปราศรัยที่หน้ากองทัพเรือ พร้อมกับปิดการจราจรถนนวังเดิม รวมถึงมีแนวโน้มที่จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสอบถามว่าทำไมถึงเห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว

 

http://hilight.kapook.com/view/99278

 

 

1476121_619940238072927_1370668485_n.jpg

โผทหาร เด้ง ผบ.หน่วยซีล พ้นตำแหน่ง ! ‪#‎โผทหาร‬ ‪#‎nationtv‬

 

เพิ่มเติม

http://www.nationchannel.com/main/content/politics/378398513/

 

 

 

 

1966744_10152260693427450_891440215_n.jpg

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในทุกวงการ แม้แต่ในตัวเราเองขณะนี้ ที่สิ่งที่ขาดเขิน คือ ความเด็ดเดี่ยว ในการทวนกระแสกิเลส

ใช่เลย

1891243_641267635929023_743576957_n.jpg

มมังกา อหังกา โลภ โกรธ หลง ตัวกูของกู

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จุดจบอหังการ์มนุษย์ อำนาจมืด และอวิชชา

 

 

 

จุดจบของมนุษย์ผู้บ้าอำนาจ กับความเชื่อ บนความยึดติด..ตัวกูของกู !

 

ฮิตเลอร์ เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ไม่มีใครไม่รู้จัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นายกรัฐมนตรีของประเทศเยอรมันนี ยุคต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผู้มีอำนาจ ใช้อิทธิพลทำลายล้างมนุษย์ด้วยกัน จำนวนมากมายมหาศาลจนเป็นประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจำความอหังการ์ สุดแดนของความเลวร้ายสันดานดิบของมนุษย์ ที่ผุดมาให้เห็นกันชัดเจนเช่นนี้

 

1.jpg

 

ช่วงเวลาหกปีของสงครามโลกครั้งที่สอง โลกต้องสูญเสียผู้คนไปมากมาย มีทหารต้องตายในการรบถึง 17 ล้านคน พลเรือน 18 ล้านคน มนุษยชาติที่ถูกนาซีฆ่าตายด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ยิงทิ้ง ฝังทั้งเป็น รมแก้ส ฯลฯ อีกถึง 12 ล้านคน

 

ฝ่ายเยอรมันนีเอง ต้องเป็นผู้พ่ายแพ้สงครามมีทหารตายไป 3,250,000 คน พลเรือน 3,350,000 คน คนบาดเจ็บ 5,000,000 คน ตึกรามบ้านช่องเสียหาย 20,000,000 หลัง และที่ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไรเลย 7,000,000 หลัง ระยะเวลาหกปีนั้นเยอรมันนีต้องใช้เงินไปในการสงครามสูงถึง 5,440,000,000,000 บาท (ห้าล้านสี่แสนสี่หมื่นล้านบาท โดยเทียบเป็นค่าเงินบาท ณ เวลานั้น)

 

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นใคร มาจากไหน

 

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 พรรคนาซีของเยอรมันนี ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น มากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยประชาชนชาวเยอรมันนีต่างโห่ร้องต้อนรับ แสดงความชื่นชมยินดีกับพลพรรคนาซี ที่ใช้เครื่องแบบเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล ซึ่งกำลังเดินแถวบนถนนอุนเตอร์ เด็นลินเด็น ณ กรุงเบอร์ลิน

 

8.jpg

 

ไม่มีใครคาดคิดไว้ว่าสิบปีต่อจากนั้น เลือดจะนองทั่วแผ่นดินยุโรป มนุษยโลกต้องสูญเสียชีวิตผู้คนอันเป็นที่รัก เป็นญาติมิตรบุตรหลาน ที่ต้องตายไปก่อนวัยอันควร จากศึกสงครามโลกครั้งที่สอง การเดินทางอันยากลำบากผ่านทะเลทราย ซาฮารา การจมน้ำตายในมหาสมุทรแอตแลนติก การตายด้วยความหนาวเย็นบนทุ่งราบของรุสเซีย หรือจากระเบิดสงคราม กระสุนปืน ที่ทำให้ต้องบาดเจ็บถึงตายในถิ่นประเทศของตนเอง

 

ความเป็นจริง อันเป็นสัจธรรมคู่โลก

 

ทุกอย่างย่อมมีขึ้น และเสื่อมไปเป็นธรรมดา และตามบทกรรมที่ก่อเกิด

 

ฮิตเลอร์ได้ประกาศว่ารัฐที่สามของเยอรมนีจะอยู่ยั้งยืนยงไปถึง 1,000 ปี แต่เพียง 12 ปี จากนั้นก็กลับล่มสลายพินาศลง ทั้งที่ยุคก่อนการล่มสลายนั้น เยอรมนีเป็นประเทศผู้นำทั้งในด้านวัฒนธรรมแห่งยุโรป ทั้งในด้านศิลปะ ดนตรี วรรณคดี เป็นชาติที่มีอุดมคติ อุดมการณ์อันสูงในทางเสรีนิยม แต่ก็เกิดระบอบนาซีขึ้น และได้รับความนิยมจากประชาชนจนถึงขนาดชนะการเลือกตั้ง

 

( การแบ่งอาณาจักรในโลกนี้มีมา 2 อาณาจักรแล้ว คือ 1. st Reich คือ กรีก ของพระเจ้า อเล็กชานเดอร์มหาราช และ 2. nd Reich คือ โรมันหรือ ออตโตมัน ฮิตเลอร์จึงตั้งใจจะสร้างอาณาจักรที่ 3 rd Reich คือ เยอรมัน โดยหัวหน้าสถาปนิกของนาซีชื่อ อัลแบร์ต ชพีร์ (Albert Speer) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคนาซี เพราะเชื่อมั่นในตัว ฮิตเลอร์ ในเวลาต่อมาตอนเริ่มเกิดสงครามอัลแบร์ต ชพีร์ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รับภาระเร่งผลิตยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพทั้งหมด รวมทั้งการเกณฑ์ยิวมาเป็นแรงงานด้วย พอสงครามจบจึงต้องข้อหาหนักถูกพิจารณาคดีที่นูเรมแบร์กและรับโทษติดคุก ชพันดู (spandau) อยู่ถึง 20 ปี ในฐานะอาชญากรสงคราม พอถูกปล่อยตัวออกมา ได้เขียนหนังสือชื่อ Inside The Third Reich หรือ อีกหนึ่งด้านของอาณาจักรไรซ์ที่ 3)

 

ด้วยผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นเหตุใหญ่ที่สะสมอารมณ์ ความคิด ความต้องการ อันนำให้คนในชาติเยอรมนีเห็นชอบชื่นชมในระบอบนาซี อันเป็นระบอบที่นำไปสู่หายนะของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา

 

การไม่รู้จักแพ้

 

การต่อสู้เพื่อให้ได้มา และการไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ เป็นการนำไปสู่การทำให้เกิดการล้มล้างทำลาย หลังจากการพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารเรือเยอรมนี เป็นกบฏยึดเรือรบจากนายเรือ ทหารบกโยนปืนทิ้ง พระเจ้าไกเซอร์ผู้เป็นจอมทัพหนีออกจากเยอรมนีไปประเทศฮอลันดา เยอรมนีร้องเพลงหลังสงครามมีเนื้อความกล่าวโทษเหตุการณ์แพ้สงครามว่า “พวกเราเยอรมนีไม่ได้แพ้สงคราม พวกยิวต่างหากที่หักหลังเรา” ซึ่งในขณะนั้น ระบอบนาซีได้เข้ามาในเยอรมนี เพื่อเยียวยาความพ่ายแพ้ต่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยการนำความคิดอคติ นำไปสู่โทสาคติ เป็นความเกลียดชังที่ทำให้เกิดอารมณ์แห่งโทสะ ที่ตั้งบนฐานของการอธิบายได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลอันชอบที่จะได้เกลียด ก่อเกิดสภาพที่เรียกว่า แอนตี้เซมิติค และพุ่งเฉพาะไปที่ชนชาวยิว ความเกลียดชังชนชาวยิวจึงถูกก่อให้เกิดเป็นอคติ นำไปสู่โทสะจริตในกาลต่อมา

 

6.jpg

 

ด้วยชาวยิวมักมีความสามารถในเชิงเศรษฐกิจ และมีฐานะการเงินดี หลังเยอรมนีพ่ายแพ้สงคราม ทำให้ประชาชนลำบากยากแค้น สภาพทางเศรษฐกิจขัดสนยากจน ระบอบนาซีจึงประกาศยกฐานะเศรษฐกิจประชาชน ด้วยการประกาศต่อต้านชาวยิว ให้ประชาชนเยอรมนีเพิ่มความเกลียดชังชาวยิวว่าเป็นผู้มาแย่งอาชีพ และมาควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ

 

เมื่อเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สหรัฐอเมริกาได้ครองโลก มีประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน กำหนดชี้ขาดให้ประเทศต่าง ๆ หลายประเทศในยุโรป ต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เช่น ประเทศเอสโทเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย โปแลนด์ ฮังการี ยูโกสลาเวีย แอลเบเนีย ซึ่งประเทศเหล่านี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของรุสเซีย ออสเตรีย และเยอรมนี

 

เหตุความเกลียดชังยิวแบบแอนตี้เซมิติคจึงเกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เพิ่มขึ้นหนาแน่น อันเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ฝื่ดเคืองหลังสงคราม ทั้งด้วยเขตพรมแดนที่ถูกกำหนดใหม่โดยอำนาจของผู้ชนะสงคราม ทำให้มีการตัดดินแดนบางส่วนให้ขาดออกจากกัน ทั้งทางผืนดิน และทางเศรษฐกิจ เช่น ประเทศออสเตรีย กับฮังการี เคยเป็นประเทศเดียวกัน อยู่ภายใต้การปกครองเดียวกันมาช้านาน ก็ถูกแบ่งแยกเป็นอิสระออกจากกัน ผลคือทำให้ออสเตรียเป็นประเทศที่ร่ำรวยในทิวทัศน์อันสวยงามมากที่สุดประเทศหนึ่ง และฮังการีเป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่นถ่านหิน และเหล็ก มากที่สุดอีกประเทศหนึ่ง

 

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1

 

เยอรมนีได้ตั้งสาธารณรัฐขึ้นและในระหว่างปี ค.ศ. 1918-1952 พรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดได้ส่งคนออกไปลอบฆ่านักการเมืองที่เป็นเสรีนิยมฝ่ายตรงกันข้าม ถึงตายไปเกือบ 300 คน รัฐบาลสาธารณรัฐเยอรมนีในสมัยนั้นกลับลงโทษอย่างเบาที่สุด ต่อคนร้ายที่ถูกข้อหาการลอบฆ่าในทางการเมือง

 

ปี ค.ศ. 1923 นายพลเยอรมนีนอกราชการ ชื่อ เอริค ฟอน ลูเดนดอรฟ และช่างทาสีบ้านซึ่งไม่มีงานทำ ชื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้สมคบกันพยายามทำรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลบาวาเรีย แต่กลับล้มเหลวและถูกจับตัวได้ ศาลเยอรมนีสั่งปล่อยนายพล ลูดอรฟ ส่วนฮิตเลอร์ ถูกสั่งจำคุก 5 ปี แต่ฮิตเลอร์ถูกจำคุกไม่ถึงปี ก็ถูกปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระ ชีวิตทางการเมืองของฮิตเลอร์ จึงเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นมา

 

ฮิตเลอร์ สร้างลัทธิการเมือง ด้วยการนำความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ยกไปเป็นความบกพร่อง ความไม่ดี ความชั่วร้ายทั้งปวงให้แก่ยิว ที่ถือว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ และสัญญาแวร์ซายส์ที่พันธมิตรบังคับให้เยอรมนีลงนามเมื่อเสร็จสงครามโลกครั้งที่ 1

 

จนในปี ค.ศ. 1929 นายทุน และทหาร และประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ ที่หวังอานิสงส์ผลประโยชน์ร่วม จึงพากันเลือกพรรคนาซีของฮิตเลอร์ ทำให้พรรคมีกำลังกล้าแข็งขึ้น ฮิตเลอร์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเยอรมนี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้คู่แข่ง จอมพล ปอล ฟอน ฮินเด็นเบอร์ก ซึ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของพระเจ้าไกเซอร์ และกลุ่มชาตินิยม อำนาจเก่า อีกสี่ปีต่อมาได้มีการข่มขู่จอมพล ปอลฯ จึงยอมลงจากตำแหน่ง และแต่งตั้งฮิตเลอร์ อดีตช่างทาสีบ้าน เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้กุมอำนาจบริหารประเทศเยอรมนี และนับได้สิบปีหลังจากที่ฮิตเลอร์ ติดคุกจากเหตุร่วมมือทำรัฐประหาร

 

เมื่อฮิตเลอร์ได้ครองอำนาจบริหารประเทศ

 

สิ่งแรกที่ฮิตเลอร์ทำ คือสั่งล้มพรรคการเมืองอื่น ๆ คงเหลือไว้เพียงพรรคเดียว คือ พรรคนาซี (National Sozialistische Deutsche Arbeiteparter) ให้เป็นพรรคที่ถูกกฎหมายเพียงพรรคเดียวในประเทศเยอรมนี

 

2.jpg

 

บิดาของฮิตเลอร์ ชื่อ Alois Schicklgruber ปู่ของฮิตเลอร์นั้นไม่ทราบว่าเป็นใคร ส่วนย่ามีอาชีพเป็นหญิงรับใช้เร่ร่อน พ่อของฮิตเลอร์มีเมียสามคน เมียคนที่สาม ซึ่งมีอายุน้อยกว่าพ่อของฮิตเลอร์ ถึง 23 ปี คือ แม่ของฮิตเลอร์ นั่นเอง

3.jpg

 

ฮิตเลอร์เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี ค.ศ. 1889 ชีวิตตอนเด็กยากลำบาก การเรียนไม่ดี ต่อมาเข้ารับราชการทหาร ได้ยศเพียงแค่สิบตรี ฮิตเลอร์มีความฝันอยากเป็นช่างเขียนที่มีชื่อเสียง แต่เรียนไม่สำเร็จ

4.jpg

ฮิตเลอร์จึงหันไปทำอาชีพช่างทาสีบ้าน ฮิตเลอร์จึงมีภาพลักษณ์ของคนที่มีความรู้น้อย พูดจาหยาบคาย แต่สิ่งที่ผู้คนกลับให้ความเลื่อมใส ศรัทธา เชื่อถือภักดี ยอมให้เป็นผู้นำ เพราะฮิตเลอร์มีความสามารถในการขุดสันดานดิบของมนุษย์ ให้ระเบิดออกมาได้ และนำพาไปสู่วัตรปฏิบัติ ความเป็นที่สุดของการใช้สันดานดิบ นั่นคือ การเข่นฆ่า ความโหดร้าย รุนแรง ก้าวร้าว อำมหิต

 

ลูกน้องคนสนิทข้างกายในพรรคนาซีของฮิตเลอร์ เป็นส่วนที่ยืนยันถึงความเป็นฮิตเลอร์ เช่น เกอริง (Goering) ติดยาเสพติดงอมแงม เริ่ม (Roehm) เป็นคนลักเพศ เฮย์ดริค (Heydrich) ชอบเสพสุขด้วยการทรมานคน และฮิมเลอร์ (Himler) มีสันดานเป็นผู้ร้ายฆ่าคน

 

ปี 1935 รัฐสภาเยอรมนี ซึ่งมีแต่พวกฮิตเลอร์ และพลพรรคนาซี ครองอำนาจ ได้ออกกฎหมายตัดสิทธิทางการเมืองของคนที่มีสายเลือดยิว โดยนับสายเลือดตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย และให้หมดสิทธิในการเลือกตั้ง รวมทั้งหมดสิทธิทางการเมืองโดยสิ้นเชิง

 

ปี 1933 พลพรรคนาซี ได้ปล้นร้านค้าของยิว ทุบตียิวที่ต่อต้านขัดขีน

 

ปี 1935 มีการออกกฎหมายเพิกถอนสิทธิของยิวในอาชีพต่าง ๆ

 

ปี 1939 ฮิตเลอร์สั่งจับยิวเป็นจำนวนสองหมื่นคน ส่งตัวเข้าค่ายกักกัน

 

ปี 1940 ฮิตเลอร์สั่งให้ส่งตัวยิวทั้งหมดในเยอรมนี และออสเตรียไปอยู่ยังค่ายกักกัน เรียกว่า เก็ตโต ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในโปแลนด์

 

ปี 1941 ฮิตเลอร์สั่งฆ่าชาวยิวที่ถูกจับมาอยู่ค่ายกักกัน รวมทั้งเชลยชาวรุสเซีย โปแลนด์ โรมาเนีย ฮังการี ยูโกสลาเวีย ด้วยการนำเข้าห้องแล้วเปิดแก๊สให้ตายพร้อม ๆ กันทีละพัน ๆ คน ในช่วงเวลาแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเชลยจากประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ถูกส่งตัวเข้ามาในเยอรมนี ถึง 7,500,000 คน ที่ต้องตายไปในค่ายกักกันที่มีจำนวนเป็นพันค่าย พวกยิวในยุโรปตะวันออก 2 – 3 แสนคนถูกส่งตัวเป็นเชลยและต้องบาดเจ็บล้มตายไปเช่นกัน

 

ฮิตเลอร์ยังได้ตั้ง “หน่วยรบพิเศษ” ขึ้นประจำในแนวรบ ทั้ง 4 แนวของเยอรมนีในรุสเซีย แต่ละหน่วยมีทหาร ซึ่งเป็นทหารการเมือง อาสาเข้าพรรคนาซี มีกำลังพลต่อหน่วยประมาณ 500 – 600 คน มีนายพลเป็นผู้บัญชาการ ทำหน้าที่ลาดตระเวนด้านหลังกองทัพ คอยตรวจจับพลเรือนที่พบทั้งเชื้อชาติยุโรป และยิว เมื่อจับได้ก็เอาตัวมายิงทิ้ง ด้วยวิธีการอันโหดร้ายทารุณ

 

โดยต้อนเอาตัวพลเรือนที่จับได้มารวมกัน สั่งให้เดินไปในที่ใดที่หนึ่งที่ห่างไกลบ้านคน ให้คนเหล่านั้นขุดหลุมกว้าง ยาว ขนาดหลุมใหญ่เหมือนกับสนามเพลาะ แล้วสั่งให้ทุกคนถอดเสื้อผ้า ยืนเข้าแถวเรียงหนึ่งทีปากหลุม ทหาร “หน่วยรบพิเศษ” จึงสาดกระสุนปีนกลยิงเข้าใส่คนที่จับตัวมา ยิงจนร่วงลงไปในหลุมทั้งหมด เจ็บบ้างตายบ้าง ก็โกยลงหลุมไปทั้งหมด แล้วจึงกลบหลุม ชาวนาซี เรียกว่า “การลบล้าง” (Liquidate ศัพท์นาซี) รวมผู้คนที่ต้องตายเพราะการลบล้างนี้ประมาณหนึ่งล้านคน

 

ต่อมา นาซีได้มีการคิดค้นวิธีการฆ่า หลายวิธีการทั้งใช้สารเคมีฉีดเข้าเส้นเลือด การฉีดอากาศเข้าเส้นเลือดในคนเป็น ๆ ให้ถึงตาย การตัดเส้นเลือดใหญ่ให้เลือดออกหมดตัวจนตาย การผลักคนตกลงสู่เตาเผาไฟ และจนมาถึงการคิดค้นแก้ส “ไซคลอนบี”ที่เป็นส่วนผสมระหว่างไฮโดรเจนกับไซยาไนด์ ด้วยวิธีนี้ภายในเวลาไม่กี่นาที สามารถรมแก้สฆ่าคน 600 คน ตายเรียบไม่เหลือ จึงเป็นวิธีที่นาซีใช้กับคนเป็นล้าน ๆ คน ต่อมา ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และประหยัด สามารถทำลายชีวิตคนได้คราวละสองพันคน ในเวลาเพียง 10 กว่านาที ฮิตเลอร์ ได้มอบหมายให้ อดอล์ฟไอค์มานน์ ทำหน้าที่การใช้แก้สรมฆ่าผู้คนที่เป็นเชลยและชาวยิวรวมนับหลายล้านคน

 

7.jpg

 

จุดจบของผู้มีอำนาจ

 

สิบห้าปีต่อมา ไอค์มานน์ได้หลบหนึหัวซุกหัวซุนไปในหลายประเทศ จนกระทั่งถูกจับตัวได้ และถูกนำตัวขึ้นศาลที่อิสราเอล แม้ไอค์มานน์ปฏิเสธ แต่ที่สุดก็จำนนต่อหลักฐาน ศาลได้สั่งพิพากษาประหารชีวิตด้วยการแขวนคอไอค์มานน์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 1961

5.jpg

 

ปี ค.ศ. 1945 ฤดูใบไม้ผลิ เยอรมนีเริ่มพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพรุสเซียบุกเข้าเยอรมนีทางแนวรบด้านตะวันออก และกองทัพพันธมิตรบุกเข้าทางด้านตะวันตก เมื่อกองทัพพันธมิตรเข้าเบอร์ลินได้ ฮิตเลอร์และภรรยาก็ฆ่าตัวตายในหลุมหลบภัย พวกพ้องก็เอาศพไปเผาจนไม่มีอะไรเหลือ ดร.เกิบเบลส์ คนสนิทของฮิตเลอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้พรรคนาซีตลอดมา ก็ฆ่าบุตรภรรยาแล้วฆ่าตัวตายตาม ส่วนคนสำคัญในพรรคนาซีอีกหลายคนได้ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรจับตัว และนำขึ้นศาลอาชญากรสงคราม ทุกคนต่างก็ให้การว่าถูกบังคับให้ต้องฆ่าคนเป็นล้าน ๆ ด้วยต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

 

สำหรับ เกอริง นั้นพันธมิตรได้ยึดทรัพย์สมบัติที่มีค่ามหาศาล ที่เกิดขึ้นและได้มาเมื่อครั้งตนมีอำนาจในยุคของฮิตเลอร์

 

เมื่อสิ้นอำนาจ ก็สิ้นซึ่งทรัพย์สมบัติบรรดามี และความชั่วที่ได้ก่อขึ้นไว้ ถูกประจานไปทั่วโลก เป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกด้านมืดไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่ายุคใด สมัยใด จะเป็นอดีต ปัจจุบัน และต่อถึงอนาคต มนุษยโลกต่างก็มีแบบแผน แนวทาง ที่ดำเนินไปตามครรลองของชีวิต แต่สิ่งที่ยังคงอยู่และเป็นไปอย่างไม่มีวันเสื่อมสิ้น นั่นคือ สันดานดิบ และความหลงในลาภ ยศ สรรเสริญ การแสวงหาอำนาจอย่างไร้ขอบเขต และการกดขี่ผู้คนให้จำนน ไม่ว่าด้วยอำนาจ อิทธิพล ปัญญาและแรงกาย หากตั้งอยู่บนความไร้สติ ความอยุติธรรม และความมืดบอด อวิชชา ย่อมนำพาไปสู่ความหายนะเมื่อถึงบั้นปลายชีวิต ตามสัจธรรมของชีวิตที่ต้องประสบกับความเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันจักเป็นไปด้วยความเป็นสุข หรือด้วยความทุรนทุรายต่อสู้กับสรรพโรค สรรพภัย ก็ตาม

 

สมดังที่กล่าวกันไว้ว่า ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง ยังก็แต่ชั่ว คนชัง ดีคนชื่นชอบ บอกเล่าขาน..ยาวนาน

 

ตามเรื่องประวัติศาสตร์ชนทุกชาติ มีเหตุดังนี้ทั้งความโลภ โกรธ หลง อันเป็นที่มาของสติ ความนึกคิด การกระทำอันจะนำพาความเจริญ หรือความหายนะ มาสู่โลก ด้วยปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นได้ โดยที่ทุกท่านคงไม่คิดปฏิเสธ เปลี่ยนแปลงสัจธรรมในข้อนี้ ใช่หรือไม่.

 

 

 

 

ขอบคุณที่มา : ยิว โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช 2510

 

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=blacksunday&month=26-03-2009&group=3&gblog=7

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชมรมคนรักในหลวง

ธนบัตร 500,000 บาท (ห้าแสนบาท) เป็นธนบัตรของสกุลเงินบาท และเป็นธนบัตรที่ระลึกเนื่องในวโรกาสวันราชาภิเษกสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ครบ 50 ปี ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้นำออกจำหน่าย ในราคาฉบับละ 1 ล้านบาท โดยมีการลงทะเบียนชื่อผู้ซื้อไว้ ซึ่งหากเปลี่ยนมือแล้ว จะไม่สามารถขายคืนแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปัจจุบันเหลือธนบัตรชนิดนี้อยู่ในประเทศไทยเพียง 234 ใบเท่านั้น (117 ล้านบาท)

 

เครดิตภาพ ทวิตเตอร์ Next Step @samrujlok

 

ขอขอบคุณ Cr.Nation Channel

 

 

 

1795558_571892522917920_991083265_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...