ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

วันที่ 23 ก.ค.57 เผย..ปมสงครามโลกครั้งที่ 1 ศูนย์กลางสู้รบคือยุโรป (ตอน 1 จุดเริ่ม)

 

การที่เราจะรู้อนาคตได้ เราต้องศึกษาประวัติศาสตร์ คนไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ คือ คนที่ตาบอด และจะไม่มีวันปรับตัวรองรับกับอนาคตได้ การจะรู้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดเมื่อไร และประเทศไทย คนไทยจะต้องปรับตัว เตรียมพร้อมอะไรบ้าง จึงต้องเรียนรู้ว่าจุดเริ่มสงครามโลกนั้น มันมีสัญญาณบอกอย่างไร

 

สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หรือ "มหาสงคราม” เป็นสงครามใหญ่ที่มีศูนย์กลาง “ในยุโรป” เกิดขึ้นยาวนานราว 4 ปี 3 เดือน ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 ถึง 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ทุกประเทศมหาอำนาจของโลก เกี่ยวพันในสงคราม ซึ่งแบ่งออกเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร (มี อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย) และฝ่ายมหาอำนาจกลาง (มี เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และ อิตาลี)

 

พันธมิตรทั้งสองฝ่าย มีการจัดระเบียบใหม่ และขยายตัว เมื่อมีชาติเข้าสู่สงครามมากขึ้น ท้ายสุด มีทหารกว่า 70 ล้านนาย ซึ่งเป็นทหารยุโรปราว 60 ล้านนาย ถูกระดมเข้าสู่สงครามใหญ่ที่สุดสงครามหนึ่งในประวัติศาสตร์นี้

 

ค.ศ. 1815 ชาติพันธมิตรเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้น ระหว่างปรัสเซีย รัสเซีย และออสเตรีย ช่วงนั้นชาติมหาอำนาจยุโรป ประสบปัญหากับการรักษาไว้ซึ่งสมดุลของอำนาจทั่วทวีปยุโรป ซึ่งเป็นผลมาจากเครือข่ายพันธมิตรทางการเมือง และการทหารอันซับซ้อนทั่วทั้งทวีป

 

ค.ศ. 1870 ความขัดแย้งในยุโรปเบี่ยงเบนไป ส่วนใหญ่ผ่านเครือข่ายสนธิสัญญาที่มีการวางแผนไว้อย่างระมัดระวัง ระหว่างจักรวรรดิเยอรมัน กับ ประเทศที่เหลือในยุโรป เยอรมันเน้นการทำงานเพื่อยึดรัสเซียให้อยู่ฝ่ายเดียวกับตน เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามทั้งสองแนวรบ คือ ฝรั่งเศส และ รัสเซีย อำนาจทางอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของเยอรมนี เติบโตขึ้นอย่างมากหลังการรวมชาติ และการสถาปนาจักรวรรดิ

 

ค.ศ. 1873 นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เจรจาตั้งสันนิบาตสามจักรพรรดิ ระหว่างพระมหากษัตริย์ของออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และเยอรมนี ความตกลงดังกล่าวล้มเหลว เพราะออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ไม่สามารถตกลงกันได้ในนโยบาย เหนือคาบสมุทรบอลข่าน

 

ค.ศ. 1879 เยอรมนี และ ออสเตรีย-ฮังการี จัดตั้งพันธมิตรกันสองประเทศ เรียกว่า ทวิพันธมิตร เพื่อตอบโต้อิทธิพลของรัสเซีย ในคาบสมุทรบอลข่าน เมื่อจักรวรรดิออตโตมันอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ใน ค.ศ. 1882 พันธมิตรนี้ขยายรวมไปถึง อิตาลี และ เกิดเป็นไตรพันธมิตรขึ้น

 

ค.ศ. 1890 มีการลงนามจัดตั้งพันธมิตร ฝรั่งเศส-รัสเซีย เพื่อตอบโต้อำนาจของไตรพันธมิตร ( เยอรมนี และ ออสเตรีย-ฮังการี อิตาลี ) ช่วงนั้นทางรัฐบาลเยอรมัน จัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างกองทัพเรือจักรวรรดิเยอรมันขนานใหญ่ เพื่อแข่งขันกับกองทัพเรืออังกฤษเพื่อชิงความเป็นเจ้านาวิกโลก ทั้งสองชาติต่างพยายามแข่งขันผลิตเรือรบขนาดใหญ่ระหว่างกัน

 

ค.ศ. 1902 ตอนต้นของสงคราม อิตาลีปฏิเสธที่จะส่งทำเข้าร่วมรบ กับ ฝ่ายมหาอำนาจกลาง แต่จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี กลับเป็นผู้เปิดฉากสงครามก่อนเสียเอง และเริ่มเจรจาเพื่อพยายามจะให้อิตาลีวางตัวเป็นกลางในสงคราม โดยเสนออาณานิคมตูนิเซีย ของฝรั่งเศสให้เป็นการตอบแทน ซึ่งทางฝ่ายสัมพันธมิตร ก็ยื่นข้อเสนอซ้อน โดยสัญญาว่าจะยกไทรอลใต้ จูเลียนมาร์ช และดินแดนบนชายฝั่งดัลมาเทีย ให้อิตาลี ข้อเสนอดังกล่าวทำให้อิตาลีตกลง

 

ค.ศ. 1904 สหราชอาณาจักร ลงนามเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสก่อน อีก 3 ปีถัดมา ได้ลงนาม ในอนุสัญญา อังกฤษ-รัสเซีย ประสานความตกลงทวิภาคี และ ก่อตั้งไตรภาคี ดุลอำนาจกับฝ่ายเยอรมัน

 

ค.ศ. 1906 จักรวรรดิอังกฤษได้ขยายความได้เปรียบ เหนือคู่แข่งเยอรมนีอย่างมาก การแข่งขันอาวุธระหว่างอังกฤษ และ เยอรมนี ได้ลุกลามไปยังส่วนที่เหลือของยุโรปในที่สุด โดยประเทศมหาอำนาจทั้งหมด ทุ่มเทฐานอุตสาหกรรมของตน ในการผลิตยุทโธปกรณ์และอาวุธที่จำเป็นสำหรับความขัดแย้งทั่วทวีปยุโรป ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการทหารของประเทศในยุโรปเพิ่มขึ้น 50 %

 

ค.ศ. 1908-1909 ออสเตรีย-ฮังการี จุดชนวนเร่งให้เกิดวิกฤตการณ์บอสเนีย โดยการผนวกบอสเนีย และ เฮอร์เซโกวีนา ซึ่งเป็นอดีตดินแดนของจักรวรรดิออตโตมัน อย่างเป็นทางการ หลังได้ยึดครองมานาน สร้างความโกรธแค้นแก่ราชอาณาจักรเซอร์เบีย และประเทศผู้ให้การสนับสนุน คือ จักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งมีแนวคิดรวมชาติสลาฟ

 

ค.ศ. 1912 - 1913 เกิดสงครามบอลข่านครั้งที่หนึ่ง เป็นการสู้รบกันระหว่างสันนิบาตบอลข่านและจักรวรรดิออตโตมันที่เสื่อมอำนาจลง เกิดการสถาปนาอัลเบเนีย เป็นรัฐเอกราช ขณะที่เพิ่มดินแดนให้แก่บัลแกเรีย เซอร์เบีย มอนเตเนโกร และกรีซ

 

ค.ศ. 1913 บัลแกเรีย โจมตีเซอร์เบีย และกรีซ ส่งผลให้บัลแกเรีย เสียดินแดนมาซิโดเนีย ส่วนใหญ่ให้แก่เซอร์เบีย และ กรีซ และในสงครามบอลข่านครั้งที่สองนาน 33 วัน บัลแกเรียก็เสียดินแดนเซาเทิร์นดอบรูจา ให้แก่โรมาเนีย ทำให้ยิ่งบั่นทอนเสถียรภาพในยุโรปขึ้นไปอีก

 

ค.ศ. 1914 นักศึกษาชาวบอสเนียเซิร์บ และสมาชิกบอสเนียหนุ่ม ลอบปลงพระชนม์รัชทายาทแห่งออสเตรีย-ฮังการี ในซาราเยโว บอสเนีย เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินกลยุทธ์ทางการทูตระหว่าง ออสเตรีย-ฮังการี เยอรมนี รัสเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ

 

โดยต้องการยุติการเข้าแทรกแซง ของเซอร์เบียในบอสเนีย ออสเตรีย-ฮังการี จึงยื่นคำขาดแก่เซอร์เบีย 10 ประการ ซึ่งมีเจตนาทำให้ยอมรับไม่ได้ และเจตนาจุดชนวนสงครามกับ เซอร์เบีย ดังนั้นเมื่อเซอร์เบีย ยอมตกลงในข้อเรียกร้องเพียง 8 ใน 10 ข้อ ออสเตรีย-ฮังการี จึงเป็นข้ออ้างประกาศสงครามเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914

 

จักรวรรดิรัสเซีย ไม่ต้องการปล่อยให้ ออสเตรีย-ฮังการี กำจัดอิทธิพลของตนในบอลข่าน และต้องการสนับสนุนชาวเซิร์บ ที่อยู่ในความคุ้มครองเป็นเวลานานแล้ว จึงออกคำสั่งระดมพลบางส่วนในวันต่อมา จักรวรรดิเยอรมัน ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มระดมพลบ้าง ทำให้ฝรั่งเศส ที่ยังโกรธแค้นเยอรมัน จากการยึดครองดินแดนอัลซาซ-ลอแรน ระหว่างสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย จึงสั่งระดมพลเอาบ้าง

 

เยอรมนี ประกาศสงครามต่อ รัสเซีย อังกฤษ ยื่น คำขาดเรียกร้องให้เบลเยียมเคารพความเป็นกลางแต่ได้รับคำตอบซึ่งไม่น่าพอใจ ดังนั้นสหราชอาณาจักร จึงประกาศสงครามต่อเยอรมนีบ้าง

 

จักรวรรดิออตโตมัน เข้าร่วมกับฝ่ายมหาอำนาจกลาง โดยได้ลงนามเป็นพันธมิตรออตโตมัน-เยอรมัน อย่างลับ ๆ ซึ่งได้ภัยคุกคามต่อดินแดนคอเคซัสของรัสเซีย และการติดต่อคมนาคมของอังกฤษ กับ อินเดีย ผ่านทางคลองสุเอซ อังกฤษและฝรั่งเศสได้เปิดแนวรบโพ้นทะเล จักรวรรดิออตโตมันสามารถขับไล่กองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้

 

การปะทะกันครั้งแรก ๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในกองทัพ ของอาณานิคมอังกฤษ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี ในแอฟริกา เมื่อกองทัพฝรั่งเศส และ อังกฤษ รุกรานโตโกแลนด์ อันเป็นดินแดนในอารักขาของเยอรมนี กองทัพเยอรมัน ในแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้ โจมตีแอฟริกาใต้ การต่อสู้ประปราย และป่าเถื่อน

 

กองทัพเซอร์เบีย สู้รบกับออสเตรีย-ฮังการี ฝ่ายรุกราน โดยยึดตำแหน่งป้องกัน ตามด้านใต้ของแม่น้ำดรินา และซาวา สองสัปดาห์ถัดมา ออสเตรีย ถูกตีโต้ตอบกลับไป โดยสูญเสียอย่างหนัก นับเป็นชัยชนะสำคัญครั้งแรกของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงคราม และทำลายความหวังของออสเตรีย-ฮังการี ที่จะได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว ผลคือ ออสเตรียจำต้องรักษากำลังขนาดใหญ่พอสมควรบนแนวรบเซอร์เบีย พร้อมกับลดทหารด้านรัสเซียลง

 

เมื่อสงครามปะทุขึ้น กองทัพเยอรมัน ด้านตะวันตก โจมตีฝรั่งเศส อย่างรวดเร็วผ่านดินแดนประเทศเบลเยียมที่เป็นกลาง ก่อนจะเลี้ยวลงไปทางใต้ เพื่อโอบล้อมกองทัพฝรั่งเศสตามพรมแดนเยอรมนี กำหนดให้ปีกขวาตีมาบรรจบกันที่กรุงปารีส ซึ่งเยอรมนีประสบความสำเร็จในช่วงแรก

 

ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพอังกฤษ จึงสามารถหยุดยั้งการรุกของฝ่ายเยอรมนีได้ ทางตะวันออกของกรุงปารีส และนำจุดจบมาสู่สงครามในด้านตะวันตก และต่อมาการรุกเข้าไปในเยอรมนี ของฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย

 

ส่วนในทางตะวันออก รัสเซียโจมตีพื้นที ทำให้เยอรมนี ต้องแบ่งกำลังที่เดิม ที่ตั้งใจจะส่งไปรบด้านตะวันตกมาป้องกัน เยอรมนีเอาชนะรัสเซียในการรบหลายครั้ง แต่การแบ่งกำลังดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาความล่าช้า ทำให้ถูกบีบให้ทำสงครามสองแนวรบ เยอรมนีสู้รบตามรายทางไปถึงประเทศฝรั่งเศส และทำให้ทหารฝรั่งเศส และอังกฤษ เสียชีวิตรวมกันมากกว่าทหารเยอรมัน ถึง 230,000 นาย

 

ด้านนิวซีแลนด์ ได้ส่งทหารไปยึดครองเยอรมันซามัว (ภายหลังชื่อ ซามัวตะวันตก) และทหารและนาวิกออสเตรเลีย ยกพลขึ้นบกบนเกาะนอยพอมแมร์น (ภายหลังชื่อ นิวบริเตน) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมันนิวกินี ต่อมาเมืองท่าถ่านหินของเยอรมนีในคาบสมุทรชานตงของจีน ถูก กองทัพสัมพันธมิตรยึดครองดินแดนทั้งหมดในแปซิฟิก

 

ยุทธวิธีทางทหาร ที่ใช้กันช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น ลวดหนามเป็นเครื่องกีดขวางสำคัญในการยับยั้งคลื่นทหารราบ ปืนใหญ่ เมื่อใช้ร่วมกับปืนกล ทำให้การเคลื่อนทัพผ่านพื้นที่เปิดนั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง ฝ่ายเยอรมนีเริ่มใช้แก๊สพิษ ซึ่งต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ได้นำมาใช้อย่างแพร่หลาย

แม้ว่าจะไม่เคยถูกพิสูจน์ว่าเป็นปัจจัยเด็ดขาดในการเอาชนะศึก

 

แต่ผลกระทบของแก๊สพิษนั้นโหดร้าย ทำให้ผู้ได้รับแก๊สเสียชีวิตอย่างช้า ๆ และทรมาน และได้กลายมาเป็นความน่าสะพรึงกลัว เป็นที่หวาดกลัว และเป็นที่จดจำดีที่สุดของสงคราม

 

ในระยะหลัง เริ่มผลิตอาวุธเพื่อการรุกแบบใหม่ อย่างเช่น รถถัง โดยอังกฤษ และ ฝรั่งเศส เป็นผู้ใช้หลัก ส่วนเยอรมนี ใช้รถถังฝ่ายสัมพันธมิตรที่ยึดมาได้ และรถถังที่ตนออกแบบเองอีกจำนวนหนึ่ง ฝ่ายไตรภาคี และ เยอรมนี เริ่มอุบายการตีโอบปีกของกองทัพฝ่ายตรงข้าม ทำให้อังกฤษและฝรั่งเศส พบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพเยอรมัน ในสนามเพลาะเป็นแนวยาวตั้งแต่แคว้นลอร์เรน ของฝรั่งเศส ไปจนถึงชายฝั่งเบลเยียม

 

อังกฤษ และ ฝรั่งเศส พยายามจะเป็นฝ่ายริเริ่มบุกก่อน ขณะที่เยอรมนีตั้งรับอย่างเข้มแข็งในดินแดนยึดครอง ผลที่สุดคือ สนามเพลาะเยอรมันถูกสร้างขึ้นดีกว่ามาก ขณะที่สนามเพลาะของอังกฤษ-ฝรั่งเศส มีเจตนาจะใช้เป็นแนวชั่วคราว ก่อนที่จะตีผ่านแนวป้องกันของเยอรมนีเท่านั้น

 

กองทัพฝรั่งเศส-อังกฤษ ยกพลขึ้นบกที่ซาโลนิกาของกรีซ เพื่อกดดันให้รัฐบาลกรีซประกาศสงครามต่อฝ่ายมหาอำนาจกลาง แต่โชคไม่เข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อพระมหากษัตริย์กรีกทรงนิยมเยอรมนี ทรงปลดรัฐบาลนิยมสัมพันธมิตร พ้นจากตำแหน่ง ก่อนที่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรจะมาถึง

 

ความร้าวฉานระหว่างพระมหากษัตริย์กรีซ และ ฝ่ายสัมพันธมิตร พอกพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กรีซถูกแบ่งแยกเป็นภูมิภาค 2 ส่วน ต่อมามีการเจรจาทางการทูตอย่างเข้มข้น และการเผชิญหน้าด้วยอาวุธในกรุงเอเธนส์ ระหว่างกองทัพสัมพันธมิตร และฝ่ายนิยมกษัตริย์ ทำให้พระมหากษัตริย์กรีซต้องสละราชสมบัติ และพระราชโอรสพระองค์ เสด็จขึ้นครองราชย์แทน

 

ค.ศ. 1915 ฝ่ายเยอรมนีใช้แก๊สคลอรีน เป็นครั้งแรกบนแนวรบด้านตะวันตก อันเป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเฮก กองทัพอัลจีเรียถอยทัพ เมื่อถูกรมแก๊ส และเปิดช่องว่างให้ฝ่ายเยอรมนีเข้ายึดครองอย่างรวดเร็ว แต่กองทัพแคนาดา ก็สามารถอุดรอยแตกดังกล่าวได้ในเวลาต่อมา

 

อิตาลีเข้าร่วมกับไตรภาคี และประกาศสงคราม ต่อออสเตรีย-ฮังการี และประกาศสงครามต่อเยอรมนี ในเวลาต่อมา แม้ว่าในทางการทหาร อิตาลีจะมีความเหนือกว่าด้านกำลังพลก็ตาม แต่ลักษณะภูมิประเทศสลับซับซ้อน ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่ใช้ ทำให้ล้มเหลว ออสเตรีย-ฮังการี ใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศแบบภูเขา เอื้อประโยชน์แก่การตั้งรับ

 

กองทัพอิตาลี ได้โจมตีประมาณ 11 ครั้งบนแนวเขา แต่การโจมตีทั้งหมดก็ถูกขับไล่โดยกองทัพออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งยึดภูมิประเทศที่สูงกว่า

 

เรือดำน้ำ ของเยอรมนีพยายามตัดเส้นทางเสบียง ระหว่างอเมริกาเหนือ กับอังกฤษ โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทำให้ลูกเรือสินค้ารอดชีวิตน้อยมาก สหรัฐอเมริกาประท้วง หลังการจมเรือโดยสาร เยอรมนี สัญญาว่าจะไม่เลือกโจมตีเรือเดินสมุทรอีก อังกฤษ ได้ติดอาวุธที่เรือสินค้าของตน

 

ค.ศ. 1916 ยุทธนาวี ทวีความรุนแรงขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในสงคราม ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นการปะทะกันเต็มอัตราศึกของกองทัพเรือทั้งสองฝ่าย ในทะเลเหนือนอกคาบสมุทรจัตแลนด์ กองเรือทะเลหลวงของกองทัพเรือเยอรมัน ประจัญกับกองเรือหลวงของราชนาวีอังกฤษ ผลของยุทธนาวีนี้ไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะ

 

ฝ่ายเยอรมัน สามารถหลบหนีจากกองเรืออังกฤษ ที่มีกำลังเหนือกว่า และสร้างความเสียหายแก่กองเรืออังกฤษมากกว่าที่ตนได้รับ แต่ในทางยุทธศาสตร์แล้ว ฝ่ายอังกฤษแสดงการควบคุมทะเล และเรือเยอรมนีส่วนใหญ่ ถูกกักอยู่ในท่าจนกระทั่งสงครามยุติ

 

กองทัพอังกฤษ สูญเสียกำลังพลไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์ รวม 57,470 นาย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชั่วโมงแรกของการโจมตี ทำให้กองทัพอังกฤษสูญเสียทหารไปทั้งสิ้นเกือบ 5 แสนนาย ทหารจากอังกฤษ และเครือจักรภพ ประจำอยู่ที่แนวรบด้านตะวันตกราว 1.1 ถึง 1.2 ล้านนายตลอดเวลา

 

การโจมตี แนวรบนั้นเป็นแนวสนามเพลาะยาวกว่า 9.6 กิโลเมตร การนองเลือดครั้งนี้ ทำให้กองทัพฝรั่งเศส ที่เหนื่อยล้าใกล้ล่มสลายเต็มที ความพยายามอันไร้ผลในการโจมตีทางด้านหน้า ทำให้กองทัพอังกฤษ และ ฝรั่งเศส สูญเสียกำลังพลไปสูงลิบ กว่ากองทัพเยอรมัน และนำไปสู่การขัดขืนคำสั่งอย่างกว้างขวาง

 

กองทัพโรมาเนีย ได้เปิดฉากโจมตี ออสเตรีย-ฮังการี โดยได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากรัสเซีย และประสบความสำเร็จในช่วงต้น โดยสามารถผลักดันทหาร ออสเตรีย-ฮังการี ใน ออกไปได้ แต่มีการตีโต้ตอบของฝ่ายมหาอำนาจกลาง จนขับกองทัพรัสเซีย-โรมาเนีย และเสียกรุงบูคาเรสต์

 

กองทัพเยอรมัน และ ออตโตมัน พ่ายแพ้ ที่โรมาเนีย กองทัพจักรวรรดิอังกฤษรุกคืบข้ามคาบสมุทรไซนาย ผลักดันกองทัพออตโตมันให้ถอยกลับไป ตรงชายแดนระหว่างไซนายของอียิปต์ และปาเลสไตน์ ของออตโตมัน

 

ความไม่สงบเกิดขึ้นในรัสเซีย ระหว่างที่พระเจ้าซาร์ ยังคงประทับอยู่ที่แนวหน้า นำไปสู่การประท้วง และการฆาตกรรมคนสนิทของพระนาง รัสปูติน

 

ฝ่ายไหน และประเทศใด จะเป็นผู้พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และทำไมถึงแพ้ ติดตามได้ในตอนต่อไป

 

** ที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/256242777899090

10557163_256230227900345_5768472416778238756_n.jpg?oh=4459be1f1e9a8fcedc6a4a86d08f3040&oe=543E6B96&__gda__=1414358318_c07f274db54cd35034481e8e694aa496

10413302_256230197900348_1148907057806465225_n.png?oh=c85b037d5c78255be593aa2240482a82&oe=545A8DED&__gda__=1413453156_a2a537ecb16c73679a6b9aa0d786cbb7

10509712_256230204567014_4846332744009638927_n.jpg?oh=7a4db4a2d7b64eca5041001cf4cdbdc1&oe=54595548&__gda__=1412912880_f678b203f52692dd2ebd9804d0f81c35

 

10530923_256230254567009_6996351304644204370_n.jpg?oh=1820294010897ba0293fef018addffa5&oe=5439957E

 

10462704_256230257900342_6692387380470384737_n.jpg?oh=458a346f00576049d5fa96756e8880d4&oe=543F2CD9&__gda__=1413191784_2bd8f83b4795cad307a22e360f7b8d3f

 

10550813_256230241233677_7198004796809452829_n.jpg?oh=99352baf620b59c482d5626f28d9bbd3&oe=54411E74&__gda__=1413496524_00d302e30df2253ca29292158d87cc79

 

1964867_256230214567013_8491158780350066057_n.jpg

 

10557163_256230227900345_5768472416778238756_n.jpg?oh=4459be1f1e9a8fcedc6a4a86d08f3040&oe=543E6B96&__gda__=1414358318_c07f274db54cd35034481e8e694aa496

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HANS DAHL

10570289_722026471183941_124134023554676834_n.jpg?oh=f5bb26791245bc16b0722c42e3fbdac1&oe=543728EF&__gda__=1413551314_a3032fe8eac5e3095a1bd612e5db31c3

 

 

10551016_722026487850606_5057057667738515623_n.jpg

 

1620498_722026671183921_8463578171147433123_n.jpg?oh=de8eea8b1c254950c68ca61e533299fb&oe=543A1B61&__gda__=1413016456_5d625e2ed569a42fc755bfc64d9438f9

 

1920277_722026791183909_5095369289632461292_n.jpg?oh=ceb1c372936cc7d6323bf9ce5fa57ad7&oe=543B36C1&__gda__=1414162824_31d612f67729c03559ce27ead520c6db

 

10330485_722026564517265_9091994194368013881_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10351837_728546293908990_8014290734498523948_n.jpg

ขอดูด้วยคน

1560593_728546303908989_5729614359420782532_n.jpg?oh=ae7e73fb2fe10931f1a7d22b890b263b&oe=54498A43&__gda__=1412668170_a1382bb3b7e7fc18f7f9a3a8eed5dace

พี่ม้า

10469841_728546347242318_8996946293611677784_n.jpg?oh=dc614dfcac3e8cd856abb37106930eec&oe=5443A206&__gda__=1413973694_60db3e08b8525fd237ffebde0ff948d0

ตรวจทุกวัน ฉันและเธอ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หวัดดีคับคุณ ginger เพื่อนๆ :)

 

13759-attachment.jpg

 

หัวอสุรกาย

มาเกยติ้นที่อ่าว Dalian โดยหัวนี้มีความยาว 3 เมตร เฉพาะปากมีขนาด 1 เมตร

ที่เหลือติดหัวเป็นแค่ซากกระดูก ยังไม่ทราบว่าสัตว์นี้คือตัวอะไรครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิ่งหนี(ตัวเอง)

:::::::::::::::::::::::::

‪#‎พศิน_อินทรวงค์‬

มนุษย์เราชอบวิ่งหนีตัวเอง

หนีไปทะเล ภูเขา เข้าถ้ำ

เที่ยวห้าง ฟังเพลง

หนีไปมีความสำเร็จ หนีไปมีอุดมการณ์

หรือหนีไปซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของใครซักคน

เราหนีอยู่เสมอ

เราพยายามหนี และหนีตลอดมา

ทว่า เราจะหนีตนเองไปได้อย่างไร ไม่มีทาง!!!

สุดล่าฟ้าเขียว สุดแผ่นน้ำจรดแผ่นฟ้า

ตัวเราก็หาตัวเราจนเจออยู่วันยังค่ำ

เพราะการค้นพบตัวเอง และความสุขที่แท้จริงนั้น

ไม่เกี่ยวกับอะไร หรือใครทั้งสิ้น

อะไรหรือใครนั้น

ทำหน้าที่เบี่ยงเบนความสนใจของเราได้ชั่วคราว

เหมือนยาเสพติดที่ทำให้เราหายไปจากโลกได้ชั่วขณะ

ต่อเมื่อเราหลุดจากภวังค์ของมัน

ชีวิตจริงย่อมตายทั้งเป็น

นอกจากโคเคน กัญชา ยาบ้า ยาไอซ์แล้ว

ชีวิตของเรายังมีสิ่งเสพติดอีกหลายอย่าง

ความโลภคือยาเสพติดชั้นเลว

ดีขึ้นมาหน่อยก็เป็นความฝัน

ส่วนความรักคือยาเสพติดชั้นเยี่ยม

อำนาจ ชื่อเสียงคือยาเสพติดชั้นต่ำ

แต่อย่างไรเสีย จะเลวกว่า ดีกว่ามันก็คือยาเสพติด

และเราไม่อาจเข้าถึงความสุขได้ ถ้าเราเป็นคนติดยา

ความสุขที่แท้จริงนั้นต้องการอิสระ

ต้องการความโล่ง โปร่ง สบาย

ไม่ต้องการความหนัก แต่ต้องการความเบา

ไม่ใช่เรื่องของการกอบโกย

แต่เป็นเรื่องของการตัดทิ้ง

มันเป็นเรื่องของการเยียวยาจิตวิญญาณที่บาดเจ็บ

และคนที่บาดเจ็บก็ไม่ควรแบกอะไรให้หนักเกินไป

ความสุขที่แท้เป็นเรื่องของการตระหนักรู้อยู่กับปัจจุบัน

รู้คิด รู้เคลื่อนไหว

รู้ภาวะชั่วคราว และการเคลื่อนผ่านของสิ่งต่างๆ

เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องทำความเข้าใจ

แต่ต้องทำความเข้าถึง

การพยายามทำความเข้าใจเป็นเรื่องดี

ถ้าเราใช้มันเพื่อเรียนรู้อย่างอื่น

แต่สำหรับเรื่องของความสุขแล้ว

การทำความเข้าใจนั้น

กลายเป็นกำแพงกั้นขวางไม่ให้พบความสุขที่แท้จริงได้เลย

เราต้องทิ้งความฉลาดแล้วกลับเข้าไปอยู่ในความไร้เดียงสา

เพราะเด็กทุกคนจะรู้ดีว่าความสุขอยู่ตรงไหน

ผู้ใหญ่ฉลาดเกินไป เขาจึงมีความทุกข์มากกว่าเด็ก

ความเป็นผู้ใหญ่ทำให้เรากลายเป็นคนอวดดี

ประกาศตัวทำสงครามกับความทุกข์

และความทุกข์ก็กระทืบเราจมดิน

เราดูเก่งกล้าแต่เราก็ร้องไห้

เราดูยิ่งใหญ่แต่เราก็หวาดกลัว

เราหลอกตัวเองถึงเรื่องราวของความสุขไปวันๆ

เรายิ้ม เราฉวบฉวย เราพูดจาปราศรัย

แสดงให้โลกรู้ว่าเรากำลังมีความสุข

ขณะที่ใจกำลังสับสน

สมองก็สงสัย ส่วนสองเท้าก็ก้าวไป

แน่นอนว่า ยิ่งเราเติบโต ทักษะการวิ่งของเรายิ่งพัฒนา

แต่ใครเล่าจะวิ่งหนีตัวเองไปได้

ไม่มีทาง ไม่มีทาง ไม่มีทาง

 

♡|♡|♡|♡

10557414_660167967384690_8845259316766446995_n.jpg?oh=9818276a8df3361acd504e5b5993c145&oe=5440709B&__gda__=1414903111_1cb280b53baafda93e80b3b8423b4714

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 28 ก.ค.57 วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 62 พรรษา

ในทุก วันที่ 28 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เมื่อเวลา 17.45 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระรางวังดุสิต

พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียว ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระนามเดิมของพระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรง สุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร

เย็นวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนขึ้นพระอู่ขึ้น ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

ทรงวางพระราชภัณฑ์ลงในพระอู่ตามพระราชประเพณี แล้วพระมหาราชครูเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ฯ ขึ้นพระอู่ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทเวียนเทียนครบรอบตามประเพณี สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้จัดขับไม้มโหรีขับกล่อมถวายพระพรในวาระนี้ด้วย ในการนี้มีการถ่ายทอดเสียงในพระราชพิธีทางวิทยุไปทั่วประเทศ

พระองค์ทรงสำหรับการศึกษาขั้นต้นในโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จศึกษาต่อที่โรงเรียนคิงส์มีด ที่แตว้นซัสเซกส์ และโรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ที่ประเทศอังกฤษ จากนั้นพระองค์ได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซิดนี่ย์ และสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยการทหารดันทรูน แคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย

ภายหลังการเสด็จกลับมาประเทศไทย ทรงรับราชการทหาร และ ศึกษาต่อในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 พ.ศ. 2520 จากนั้นพระองค์ทรงศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รุ่นที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2525 และ หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร จากประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2533

ทั้งนี้พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นพลเอกสามเหล่าทัพด้วยกัน ได้แต่ พลเอกกองทัพบกไทย พลเรือเอกกองทัพเรือไทย และพลอากาศเอกแห่งกองทัพอากาศไทย

ด้านการแพทย์ พระองค์ ทรงโปรดให้สร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ขึ้น เพื่อให้การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ทรงเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานให้เอาใจใส่รักษาพยาบาลพสกนิกรของพระองค์ ให้ปลอดภัยจากความเจ็บไข้โดยทั่วหน้าเสมอกัน

ด้านศาสนา พระองค์ มีพระราชศรัทธาออกบวชในพระพุทธศาสนา โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดให้จัดการพระราชพิธีผนวช ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถร) เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ได้รับถวายพระสมณนามว่า “วชิราลงฺกรโณ” และได้ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตลอดจนทรงลาสิกขา ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521

พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกิจทางพระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ เช่น เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และการถวายผ้าพระกฐินหลวงตามวัดต่าง ๆ เป็นต้น

ด้านการเกษตร พระองค์ ทรงเจริญรอยตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เป็นปฐมฤกษ์ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2528 และยังมีพระราชกรณีกิจด้านการเกษตรอื่นๆ อีกมากมาย

เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร วันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ทรงเจริญพระชนมายุ 62 พรรษา...ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานกราบบังคมทูลฝ่าพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ขอฝ่าละอองพระบาททรงพระสิริสวัสดิ์ มีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพยาธิพิบัติภัยใดมาแผ้วพาน ขอจงทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญแก่ปวงพสกนิกรชาวไทยตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

@ เสธ น้ำเงิน3

https://www.facebook.com/topsecretthai

10580150_256312601225441_8072596392382504399_n.jpg?oh=d17e2cf245127ccd6df2fce834a13a0c&oe=543C760A&__gda__=1414568882_2fd260d8271e0f21c1643464277bd4b4

10534620_256312581225443_1959209926395900500_n.jpg?oh=8eff62ab9f9aa56368a8aeac21ea57d2&oe=5459567E 10505594_256312491225452_7555358357909933963_n.jpg?oh=30b774a6f23601a07ff331f8af5ed20c&oe=5446BC45&__gda__=1414905241_5dc15837611dfc710a6a5eef42d5653a

10552554_256312544558780_4514906869393916038_n.jpg

12475_256312517892116_7712339021121251838_n.jpg 10530896_256312524558782_6118768506474260047_n.jpg?oh=659db1dd3666225377ecd1faa40546e4&oe=54438383&__gda__=1412918282_966260bb8bc4202f4d63ec83666e16ac

10430851_256312547892113_8596286785043983644_n.jpg?oh=ebfc7d15bddefd26c4340abcd232de36&oe=544CF88C&__gda__=1412953861_c4ee4f1373bbb824e7ece883ad6c2d24

1795747_256312624558772_2280402310618473950_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 28 ก.ค.57 รายชื่อ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 200 ราย นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว

 

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้จัดทำรายชื่อผู้สมควรเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.แล้ว โดยเบื้องต้นได้เสนอรายชื่อจำนวน 200 คน ( รัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้ไม่เกิน 220 คน ) นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว คาดว่าสัปดาห์นี้จะประกาศรายชื่อให้ประชาชนรับทราบได้

 

โดยสาเหตุที่ทูลเกล้าฯไป 200 รายชื่อนั้น เพื่อเปิดกว้างเอาไว้ให้สามารถแต่งตั้ง ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ภายหลัง สำหรับรายชื่อสมาชิก สนช. จำนวน 200 คน ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้วนั้น ส่วนใหญ่เป็นนายทหารระดับสูงในแต่ละเหล่าทัพ ขณะสัดส่วนรองลงมาที่นอกจากทหาร จะเป็นนักวิชาการ อธิการบดีมหาวิทยาลัย ข้าราชการพลเรือน ส่วนตำรวจมีเล็กน้อย ที่เหลือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์สาขาต่างๆ โดยไม่มีนักการเมืองฝ่ายใดเลย เพราะขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว

 

ส่วน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน สนช.ปี 2549 และ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ยังไม่มีชื่ออยู่ในสมาชิก สนช. ชุดแรกนี้ โดย คสช. อาจจะเตรียมวางนายบวรศักดิ์ ไปเป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคณะทำงานกฎหมาย คสช. ก็ยังได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เสร็จเรียบร้อย โดยจะได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมกัน

 

ขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว สนช.จะมีรัฐพิธีเปิดประชุม ช่วงต้นเดือน สิงหาคม 2557 จากนั้นจะมีการประชุมเพื่อเลือกประธาน สนช.1 คน และรองประธาน สนช.อีก 2 คน

 

ส่วนการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. จำนวนไม่เกิน 250 นั้น กระบวนการคัดเลือก สามารถดูแนวทางสรุปย่อสั้นๆ ได้

 

** ที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/255382681318433

 

ระฆังปฎิรูปประเทศ ระยะที่ 2 เริ่มแล้ว เมื่อได้ตัวประธาน สนช. แล้ว สมาชิกทั้งหมดก็จะประชุมโหวตเลือกรายชื่อนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้หัวหน้า คสช.ตำรงตำแหน่งคู่กันได้ทั้ง 2 อย่างได้ด้วย

 

ระยะที่ 2 นี้ก็จะเห็นการแก้ปัญหาประเทศ ที่ซับซ้อนกว่าระยะที่ 1 แต่ก็จะเป็นแบบภูมิปัญญาไทย ไม่ลอกเลียนการปกครองของตะวันตกมา เพราะประชาธิปไตย แบบตะวันตกมันล้มเหลว เอามาใช้กับเมืองไทยไม่ได้

 

แม่ทัพที่เฉลียวฉลาด ยามอยู่ในสมรภูมิ เขาจะไม่มีวันปริปากบอกกลศึกในอนาคตให้ใครรู้เด็ดขาด นั่นเพราะศรัตรูจะหาทางแก้กลศึกได้นั่นเอง..จะไปเปรียบเทียบกับสมัยผู้นำยุคการเมืองที่พูดมากแต่ไม่ทำคงไม่ได้ เพราะวิธีการคนและแบบกัน สมัยนี้คือไม่พูดมากแต่ทำเงียบๆ โดยไม่ต้องอธิบายและชี้แจงใดๆ

 

สำเร็จแล้วผลงานจะแสดงผลออกมาเอง ดูกรณีการแก้ปัญหาชาติ โดยการรัฐประหารฉับพลัน , การจ่ายเงินจำนำข้าวชาวนา , การจับอาวุธสงครามต่างๆ เพื่อสาวไปถึงตัวการใหญ่ , การสร้างสัมพันธ์กับมิตรประเทศเพื่อนบ้าน , การฝึกร่วมทางทหาร , การตั้งคนยุคเก่าบางคนมาเป็นมือไม้บล็อกคนยุคเก่าเองผ่านรัฐธรรมนูญใหม่ , การเจรจาปล่อยตัวคุณวีระ จากคุกเขมร ฯลฯ

 

เหล่านี้เป็นตัวอย่าง..จะต้องบอกอธิบายทุกเรื่องหรือไม่ ?? หลักการยุคนี้คือ “คนพูดไม่ทำ แต่คนทำไม่พูด “ และ “ ยิ่งใหญ่ยิ่งทำตัวให้เล็ก “ ดังนั้นสิ่งที่ คสช. ทำทุกอย่างล้วนมีเหตุผล เป้าหมาย ช่วงเวลา วางซินนาริโอ้ หลายชั้นสลับซับซ้อน จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เสียการใหญ่ในอนาคต ให้ศรัตรูของชาติรู้ตัวก่อน

 

ถึงเวลา “เปรี๊ยะทีเดียวจบ” ไม่ต้องออกแขกเย่นเย้อ เหมือนสมัยนักการเมือง เปรียบเทียบว่า วิธีการของนักการเมือง คือ รูปแบบมวยขยันแย๊บ ถูกบ้างผิดบ้าง เล่นนอกเกมส์ กัดหู จิ้มตาคู่ต่อสู้บ้าง เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ ครบ 5 ยกก็อาจชนะ..แต่ของทหาร คือ แบบมวยซุ่ม เพลย์เซฟ ปิดป้องหน้าแน่น ไม่ค่อยออกหมัด รอจังหวะดีๆ ชกเปรี้ยงเดียวปลายคาง ร่วงนับ 100 ก็ไม่ฟื้น

 

ดูสมัยนักการเมืองปูเน่า และ เป็ดเหลิม ที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่กลับไม่ใช่อำนาจนั้นเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พูดให้สัมภาษณ์สื่อแบบโกหกทุกวัน พวกเสี้ยมจึงติดนิสัยชอบอยากให้คนมาโกหกคำโต โฆษณาชวนเชื่อ จนแทบจะถีบจอทีวีทิ้งแบบนั้นทุกๆ วัน แล้วพวกเสี้ยมจึงจะนอนตาหลับ

 

คนที่มักจะตั้งคำถาม “ทำไม” คือ ติดนิสัยมาสมัยมีผู้นำเป็นนักการเมือง ที่สามารถกดดันให้เขาตอบสิ่งที่ตนต้องการรู้ทุกอย่าง แต่มันหมดยุคนั้นไปแล้ว มาสู่ยุคทหารคำตอบที่ต้องการอย่างเป็นทางการหาดูได้จากทีวีพูลทุกค่ำวันศุกร์ อย่างอื่นไว้รอดูผลงานระยะ 2-3 เอาเอง..ไม่ตอบ

 

ให้รู้เพียงแค่ว่า บิ๊กสีเขียวหัวหน้า คสช.ท่านนี้จงรักภักดีต่อเบื้องสูงเต็มเปี่ยมล้นหัวใจ เครื่องแบบทหารราชองค์รักษ์ที่ประดับเครื่องหมาย ภปร. บนบ่าขวา แค่นี้ก็เกินเพียงพอที่วางใจให้ท่านได้กว่านักแสวงโชคทางการเมืองแล้ว ท่านทำงานตามแนวทางสำนักคิดทหาร ที่ทำการเก็บข้อมูลปัญหามาถึง 9 ปี และทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ลับๆ ตลอดมา

 

นั่นก็เพื่อดำเนินกลศึกการทหารนำการเมือง ต่อสู้กับภัยคุกคามความมั่นคงประเทศไทยรูปแบบใหม่ให้ประเทศไทยชนะนั่นเอง !!

 

@ เสธ น้ำเงิน2

https://www.facebook.com/thailandcoup

10389032_328983280602186_3501983614150917428_n.jpg

 

10568837_328983250602189_6692946963997853245_n.jpg

 

10580131_328983707268810_7334357337355603620_n.jpg?oh=356ad8acbacd029c775987c41f5af8bd&oe=5451431A&__gda__=1414377634_04dcc2434a9b8f32b7fcd50ed383c516

 

10502403_328983290602185_5325121564841785162_n.jpg?oh=d8f6eba3fc1c0cc0f215b01ecf9a411b&oe=5433E181&__gda__=1412747613_356a526744acf2c1b1a42a401503c95b

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรมวิทย์ฯเผย สารสกัด "ใบทุเรียนเทศแห้ง" มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งตับ

 

เรื่องโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ | ภาพโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

วันที่ 28 กรกฎาคม 2557 17:22 น.1,080 views

 

 

 

 

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยผลการศึกษาวิจัยด้านพิษวิทยาสมุนไพร ใบทุเรียนเทศ โดยเตรียมในรูปของน้ำคั้นจากใบสด สารสกัดด้วยน้ำของใบสดและสารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งนำมาทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยง พบว่า สารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งแสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้และไม่มีพิษต่อเซลล์ตับปกติ เตรียมต่อยอดศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในด้านต่างๆ หากจะนำมาพัฒนาเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

 

นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่าตามที่ได้มีกระแส การใช้ใบทุเรียนเทศในการรักษาโรคมะเร็งอย่างแพร่หลายเมื่อไม่นานมานี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันวิจัยสมุนไพร ได้ให้ความสำคัญในการศึกษาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในเบื้องต้นและได้ศึกษาวิจัยด้านพิษวิทยาสมุนไพรใบทุเรียนเทศมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว จากการศึกษาความเป็นพิษเบื้องต้นของใบทุเรียนเทศในหลอดทดลอง โดยเตรียมในรูปของน้ำคั้นจากใบสด สารสกัดด้วยน้ำของใบสดและสารสกัดด้วยน้ำของใบแห้ง แล้วนำมาทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยง ผลการทดสอบพบว่า สารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งแสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้และไม่มีพิษต่อเซลล์ตับปกติ ในขณะที่สารสกัดด้วยน้ำของใบทุเรียนเทศสดไม่แสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์ตับเพาะเลี้ยง HepG2 ส่วนน้ำคั้นใบทุเรียนเทศสดถึงแม้ว่าแสดงการออกฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้ดีกว่าสารสกัดด้วยน้ำของใบแห้ง แต่ก็มีความเป็นพิษสูงต่อเซลล์ปกติเช่นกัน การทดลองนี้ช่วยบ่งชี้ว่า สารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งมีศักยภาพในการยับยั้งเซลล์มะเร็งตับและไม่แสดงพิษต่อเซลล์ปกติ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการใช้รักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่ายาที่ใช้ในการรักษามะเร็งในปัจจุบันนั้น มีผลข้างเคียงในการใช้ โดยเฉพาะการทำลายเซลล์ปกติร่วมด้วย

 

นายแพทย์อภิชัย กล่าวต่ออีกว่า ข้อมูลส่วนที่ได้ศึกษาแล้วนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการนำสมุนไพร ใบทุเรียนเทศมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง หากนำสารสกัดใบแห้งมาพัฒนาเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในด้านต่างๆ ได้แก่ ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ และต่อเซลล์อวัยวะอื่นๆ เช่นเซลล์ไต ปอด ลำไส้ หัวใจ และประสาท เป็นต้น การพิสูจน์ฤทธิ์ต้านมะเร็งและความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง การแยกสารสำคัญในใบทุเรียนเทศ การศึกษาสารที่อาจก่อให้เกิดพิษ เนื่องจากมีบางรายงานของการศึกษากล่าวถึงความเป็นพิษของทุเรียนเทศต่อไตและสมองของสัตว์ทดลอง รวมถึงการเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างยาแผนปัจจุบันกับสารสกัดใบทุเรียนเทศ ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะได้พิจารณาวางแผนดำเนินการศึกษาวิจัย ตามความเหมาะสมต่อไป10574417_10152599300072450_8187818900682444959_n.jpg?oh=dde2266827cf705c876ee7a6ee8b1e50&oe=54420EF4

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...