ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

11295717_1595624500694553_5557430277036193735_n.jpg?oh=06442aa2d57222f02cf8f5ef3b6efb73&oe=55CF8AFE&__gda__=1443692278_d36f280299b2106502c5a389539df1e3

 

19พค..วันอาภากร..

 

11295915_860035484077290_4990226495263370729_n.jpg?oh=a2aa8ad31e96f8c1b2d9c315ba1b1955&oe=55CD5E8E

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ผลไม้ต้านมะเร็ง โรคร้ายที่ผลไม้เอาอยู่

ผลไม้ต้านมะเร็ง เชื่อไหมคะว่า ผลไม้หลายชนิดที่เราคุ้นลิ้นกันมาตั้งแต่เด็ก สามารถกินเป็นยาป้องกันมะเร็งได้อีกทางหนึ่งด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันเลย

โรคมะเร็งเป็นเนื้อร้ายที่คร่าชีวิตมนุษย์มานักต่อนัก แถมยังเป็นเชื้อร้ายที่ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ อย่างรวดเร็วอีกต่างหาก แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น อาหารและปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างในชีวิตเราก็เป็นสารก่อมะเร็งอีกเพียบเลยนะคะ ซึ่งก็หมายความว่า จริง ๆ แล้วเราดำเนินชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับโรคมะเร็งเหลือเกิน ฉะนั้นเมื่อมีวิธีไหนสามารถป้องกัน และต้านเชื้อมะเร็งได้ เราทุกคนคงยินดีและเต็มใจปฏิบัติตามอย่างไม่เกี่ยงงอนแน่ ๆ ซึ่งในวันนี้เราก็มีข่าวดีมาบอกต่อ เพราะนอกจากยา และนวัตกรรมทางการแพทย์อื่น ๆ แล้ว ผลไม้ 15 ชนิดต่อไปนี้ก็สามารถต้านมะเร็ง และป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งให้เราได้อีกทางหนึ่งด้วย

1. ทับทิม

ทับทิมไม่ได้มีแค่ไฟโตนิวเทรียนต์เท่านั้น แต่ยังพกกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ซึ่งเป็นกรดที่ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ รวมทั้งยับยั้งการขยายของเซลล์ผิดปกติที่อาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (National Cancer Institute) ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า สารเอลลาจิกในทับทิม สามารถป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว รู้อย่างนี้แล้วสาว ๆ อยากจะกินทับทิมกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ

2. มะขามป้อม

จากข้อมูลของมูลนิธิหมอชาวบ้าน เราก็พบว่า มะขามป้อมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) แฝงอยู่ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีวิตามินสูงมาก จนเกือบจะเป็นราชาผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีเลยทีเดียวล่ะ แถมยังพ่วงกรดฟิลเลมลิก (Phyllemblic Acid) และสารฟีนอล (Phenols) มาเป็นเพื่อนด้วย ซึ่งก็หมายความว่า มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็งกับเขาได้เหมือนกันนั่นเองค่ะ

3. มันเทศ (Sweet Potato)

ในที่นี้อาจจะรวมไปถึงมันฝรั่งพันธุ์ต่าง ๆ ด้วยนะคะ ที่ศูนย์มันฝรั่งระหว่างประเทศ (The International Potato Center : CIP) เขายืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า มันฝรั่งเกือบทุกชนิดมีคุณสัมบัติป้องกันมะเร็งได้

โดยอธิบายว่า มันฝรั่งอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, วิตามินเอ, วิตามินซี, ไรโบฟลาวิน (วิตามินบีชนิดหนึ่ง), กรดโพลีฟีนอล แอนตี้ออกซิแดนท์ คาเฟอิก (Polyphenol Anti-oxidants Caffeic Acid) และกรดคาเฟโออิวควินิก (Caffeoylquinic Acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมทั้งลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม

4. มะละกอ

ผลมะละกอดิบมีวิตามินเอ และสารเบต้าเคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและช่วยต้านโรคมะเร็ง อีกทั้งยังมีวิตามินซี, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, และเหล็กซึ่งช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟันและใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์พาเพน ซึ่งสามารถนำมาเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย รวมทั้งช่วยกระตุ้นน้ำนมสำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดอีกด้วย

แต่ที่น่าสนใจก็คือ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้า ได้ทำการศึกษาและพบว่า คุณประโยชน์เหล่านี้ในผลมะละกอไม่ว่าจะดิบ หรือสุก สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก หรือเซลล์ผิดปกติที่ทำท่าว่าจะเป็นเซลล์ก่อมะเร็ง ที่สำคัญยังเจ๋งขนาดป้องกันได้ทั้งมะเร็งปากมดลูก, มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับ และมะเร็งตับอ่อนเลยทีเดียวนะจ๊ะ

5. แก้วมังกร

ผลไม้ไทย ๆ อย่างแก้วมังกร มีสารต้านมะเร็งกับเขาด้วย แต่ทั้งนี้ผลการศึกษาจากศูนย์วิจัยสารต้านอนุมูลอิสระก็แนะนำว่า สารสกัดจากเปลือกแก้วมังกรสีสด ๆ มีศักยภาพในการป้องกันมะเร็งดีกว่าการรับประทานผลสดซะอย่างนั้น แต่อย่างไรก็แล้วแต่ การรับประทานแก้วมังกรเป็นประจำก็สามารถป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด และช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายเราได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

6. มังคุด

มังคุดเป็นผลไม้สัญชาติไทยแท้ที่หากินได้ง่ายในบ้านเรา ซึ่งผลการวิจัยโดย Current Molecular Medicine ก็บอกข่าวดีกับเราว่า ในมังคุดมีสารต้านเซลล์มะเร็งที่น่าสนใจนั่นก็คือ สารที่เรียกว่า แซนโทน (XANTHONE) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถซ่อมแซมเซลล์ส่วนมี่ถูกทำลายโดยปัจจัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงถูกยอมรับว่าเป็นสารที่ช่วยต้านเซลล์มะเร็งตัวจี๊ดที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว ทั้งนี้นอกจากกินผลสด ๆ แล้ว เรายังสามารถนำเปลือกมังคุดไปทำเป็นไวน์ไว้ดื่มได้อีกอย่างหนึ่งด้วยนะคะ

7. องุ่น

มหาวิทยาลัยเวย์นสเตต (Wayne State University) ทำการศึกษาคุณสมบัติขององุ่นกับการต้านมะเร็งและพบว่า จากหลักฐานที่ทดลองกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน สามารถพิสูจน์ได้ว่า วิตามินและสารอาหารที่พบในองุ่นทุกชนิด มีผลโดยตรงในการป้องกันโรคมะเร็ง อีกทั้งองุ่นยังมีสารอาหารที่สำคัญที่ดีคือน้ำตาล และสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์ เช่น น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโครส วิตามินซี เหล็กและแคลเซียม มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ และช่วยฟื้นกำลังคนที่ร่างกายผอมแห้ง แก่ก่อนวัยและไม่มีเรี่ยวแรงด้วยนะคะ

8. ส้ม และผลไม้ตระกูลส้มทุกชนิด

นอกจากจะอัดแน่นไปด้วยกรดวิตามินซีแล้ว ในผลไม้จำพวกส้มยังมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง โดยเฉพาะป้องกันมะเร็งเต้านม โดยข้อมูลทั้งหมดผ่านการรับรองและยืนยันความน่าเชื่อถือจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทกซัสเอแอนด์เอ็ม (Texas A&M University) แล้วด้วยนะจ๊ะ

9. แอปเปิล

สถาบัน Advances in Nutrition ได้ทำการวิจัยและพบว่า แอปเปิลเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ในเรื่องของการลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง อีกทั้งยังป้องกันโรคมะเร็งได้ตั้งแต่สาเหตุของโรคเลยทีเดียว เนื่องจากสารฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่สูงมากของเปลือกแอปเปิล สามารถล้างพิษออกจากร่างกาย และช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ได้นั่นเอง

10. สตรอว์เบอร์รี

ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) หรือสารพฤษเคมี บวกกับวิตามินซี และแร่ธาตุดี ๆ อีกหลายชนิดในสตรอว์เบอร์รี ก็เป็นส่วนสำคัญในการต้านเซลล์มะเร็ง และมีสรรพคุณบำบัดโรค โดยเฉพาะป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของคุณผู้หญิง การันตีโดยผลวิจัยที่เว็บไซต์ Exan Health ได้นำมาเผยแพร่จ้า

11. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี

จริง ๆ แล้วผลไม้ตระกูลเบอร์รีทุกชนิดมีสารที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้เกือบทั้งหมด แต่ดอกเตอร์แกรี่ ดี สโตเนอร์ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ (The Ohio State University College of Medicine) ชี้แจงว่า ในผลแบล็กเบอร์รีจะมีคุณสมบัติต้านมะเร็งที่โดดเด่นกว่าใครเพื่อน เนื่องจากมีสารพฤษเคมีจำพวกแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สูง ซึ่งช่วยชะลอการเกิดเซลล์มะเร็ง แถมยังสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ได้อีกต่างหาก

12. เลมอน

นักวิจัยจากประเทศออสเตรเลียเผยว่า วิตามินซี และกรดหลากชนิดในผลเลมอน สามารถป้องกันมะเร็งช่องปาก, มะเร็งลำคอ และมะเร็งในช่องท้องได้ หากดื่มน้ำเลมอนคั้นสดวันละ 1 แก้วกาแฟเป็นประจำทุกวัน และแม้ว่าเลมอนจะไม่ใช่ผลไม้สัญชาติไทยแท้ แต่เลมอนก็ไม่ใช่ผลไม้ที่หายากในบ้านเราซะทีเดียวนะคะ

13. กีวี

วารสาร Ethnopharmacology เผยว่า ผลไม้ที่อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ, วิตามินซี, วิตามินอี, ลูเตียน (Lutein) และสังกะสีชนิดนี้ มีประสิทธิภาพมากพอจะต้านเซลล์มะเร็งได้อยู่หมัด เพียงแค่กินกีวีสดวันละครึ่งลูกก็เท่ากับกินยาต้านมะเร็งเกรดพรีเมียมเข้าไปแล้วล่ะจ้า

14. อะโวคาโด

จากการศึกษาของวารสาร Experimental Therapeutics & Oncology พบว่า สารพฤษเคมีในผลอะโวคาโดมีส่วนช่วยป้องกันความผิดปกติที่เกิดจากเซลล์ ปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ได้เกิดเนื้อร้าย กำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว รวมทั้งยับยั้งการเจิญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ และกำลังจะเติบโตเป็นเนื้อร้ายได้อีกด้วย

15. มะเขือเทศ

มะเขือเทศอาจจะก้ำกึ่งระหว่างผักและผลไม้ แต่ประเด็นนั้นไม่น่าสนใจเท่ากับผลวิจัยที่สถาบันวิจัยโรคมะเร็งอเมริกา (American Institute for Cancer Research-AICR) เขาพบว่า มะเขือเทศมีคุณสัมบัติป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก รวมไปถึงมะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ชะงัด

เนื่องจากในมะเขือเทศลูกสีแดงแจ๊ดอุดมไปด้วยไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกกันว่า ตระกูลสารสีแดง และสารพฤกษเคมี รวมไปถึงวิตามิน และเกลือแร่อีกหลายชนิด ที่ช่วยบำรุงเซลล์ในร่างกายให้ทำงานอย่างปกติ ซึ่งเมื่อไรที่มีเซลล์ใดเซลล์หนึ่งเกิดความผิดปกติขึ้น เจ้าสารบำรุงต่าง ๆ ก็จะเข้าไปจัดการไม่ให้เซลล์ร้ายเจริญเติบโตลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ในร่างกายเรานั่นเองจ้า

อย่างไรก็ดียังมีธัญพืช รวมถึงผักอีกหลายชนิด เช่น ถั่วดำ, บรอกโคลี, ผักตระกูลกะหล่ำ, อาหารจำพวกปลา, กระเทียม และอาหารอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพในด้านอื่น ๆ และการออกกำลังของเราเองด้วยนะคะ จะได้มีพลังต่อกรกับโรคมะเร็งได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากยิ่งขึ้น

http://health.kapook.com/view90449.html

 

 

 

 

11219007_823367664378914_7894923077155929538_n.jpg?oh=4cb1bb14b23e2c4c9f85946ea1b57579&oe=5600A7CA

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดร. รุ่ง

เพื่อนจาก รพ. จุฬาส่งมาให้ น่าสนใจมาก

 

Shafin de Zane presents: What is Cancer?

 

นี่คือ สิ่งที่คุณ ไม่เคยคาดคิด มาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ

(Cancer is Natural)

มะเร็ง คือ ธรรมชาติ ของการปรับตัว ของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษ เกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิต ต่อไปได้ ถ้าหาก เซลล์เหล่านั้น ไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้น จะป่วย และตาย เซลล์เหล่านั้น จึงตอบสนอง อย่างเป็น ธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ ในร่างกายมนุษย์ มีความสามารถ ที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัว ของเซลล์ จึงเป็นสิ่ง ที่เป็นธรรมชาติ

เป็นที่ น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย-คีโม หรือ การทำลาย เซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอ ไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็ง จึงผ่าเหล่า

ตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม- เมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่า- ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุ ที่เราพบเห็น

ผู้ป่วยมะเร็ง ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุด ลงไปใหม่อีก

จากมุมมอง ของเซลล์ หากมัน ไม่ผ่าเหล่า-มันจะต้องตาย การผ่าเหล่า ของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ

มะเร็ง แท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายามรอดตาย จากสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้น ลงเอยด้วยการ- ฆ่าร่างกาย แต่นั้น ไม่ใช่ประเด็น ที่แท้จริง

 

มะเร็ง คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม จะรอดตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายาม ทำความเข้าใจ ในประเด็นนี้ ให้ชัดเจน การพยายามฆ่า เซลล์เหล่านั้น -โดย ไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับ การฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายาม เอาขยะออกไป

เอาละ คุณจะลงมือ อย่างฉับพลัน- เพื่อปรับปรุง สภาพแวดล้อม ของคุณ อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร

มีวิธีการง่ายๆ ด้วยกัน 3 วิธีคือ:

 

วิธีที่ 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ

สิ่งแรกที่กระตุ้น ให้เซลล์ผ่าเหล่า และ กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน

เซลล์มะเร็ง ปรับตัวเพื่อรอดชีวิต ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจน ต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็ง ก็ยิ่งเติบโต ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือ วิวัฒนาการ ของเซลล์ ที่ปกติต้องการ จะรอดชีวิต อยู่ได้ ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการ ออกกำลังง่ายๆ ที่ทำได้ทุกเช้า เพื่อเพิ่ม ระดับออกซิเจน ให้กับเลือด

-- เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ

- หายใจเข้า 4ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจแล้วนับ 1 ถึง4

- หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน

ทำอย่างนี้ครับ

>>>> 1-2-3-4 <<<<

ทำอีกครั้งครับ

>>>> 1-2-3-4 <<<<

ผมหายใจเข้าทางจมูก >>>>

กลั้นใจแล้วนับ 1-2-3-4

หายใจออกทางปาก <<<<

หายใจ เข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจ เข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจ ที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดิน ในห้องนอน ของคุณ เพราะมันมีที่ พอสำหรับ

การออกกำลัง ของเราทุกวิธี

 

วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน -กรด

สิ่งที่สอง ที่มากระตุ้นเซลล์ ให้ผ่าเหล่า กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เพราะนั่นคือ การตอบสนอง ที่จะทำให้ เซลล์รอดชีวิตได้ ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่าเหล่า จะตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นด่าง และเติบโต ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด คุณจะทำ ให้ร่างกายของคุณ เป็นด่างได้ ก็ด้วยการ รับประทาน

อาหารที่เป็นด่าง มากขึ้น

- น้ำผัก น้ำผลไม้สด มีประสิทธิภาพ สูงมาก

- งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์

- รับประทาน ผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และ น้ำมะพร้าว หากคุณ ต้องการเห็น การเปลี่ยนแปลง ของสุขภาพ อย่างน่าอัศจรรย์ ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่น ทุกเช้า โดยไม่ต้อง รับประทาน อะไรอีกเลย จนกว่าจะถึง มื้อเที่ยง -นำผักใบเขียว หลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาด แล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้าย และออกจะอร่อย ด้วยซ้ำไป เมื่อคุณ คุ้นเคยกับมัน

 

วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ

ความเครียด ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกัน อ่อนแอ

ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรค -ทุกโรค ความเครียด เพิ่มกรด และ ส่งผลกระทบ ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ที่เราจะต้อง ทำจิตใจ ให้แข็งแรง เบิกบานอยู่เสมอ

คุณจะทำเช่นนั้น ได้อย่างไร ?

- ทำสมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดู ข่าวร้าย

และ เรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆ ที่ทำให้เกิด แรงบันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ ความสลดใจเก่าๆ และสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว

 

และแชร์ข้อมูลนี้ ให้กับผู้อื่นต่อไป ให้มากที่สุด ที่คุณจะทำได้

ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการ บำบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่าง เหนือคำบรรยาย

ช่วยให้ผู้อื่น ตื่นจากฝันร้าย ที่เกิดจาก โฆษณาชวนเชื่อ ของผู้ผลิตยา กันเสียที การป้องกัน และ รักษาตนเอง ให้หายจากมะเร็ง เป็นสิ่งที่ง่ายดาย เสียจนแทบ จะเป็นเรื่องตลก อย่างเหลือเชื่อ

ใช้ความคิด ให้ถูกต้อง

จงเปลี่ยนน้ำ ในบ่อปลา เมื่อปลาป่วย เพราะ การทำลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออก ที่ถูกต้อง

มาช่วยกัน ทำให้โลกของเรา ในวันนี้- น่าอยู่ขึ้น

 

http://www.youtube.com/watch?v=P_OHAtVzeB0

 

ดร.ชนิสา อรรถจินดา Chanisa Arthachinda, Ph.D.

 

สุขภาพแข็งแรง ทุกท่านนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดร. รุ่ง

เพื่อนจาก รพ. จุฬาส่งมาให้ น่าสนใจมาก

 

Shafin de Zane presents: What is Cancer?

 

นี่คือ สิ่งที่คุณ ไม่เคยคาดคิด มาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ

(Cancer is Natural)

มะเร็ง คือ ธรรมชาติ ของการปรับตัว ของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษ เกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิต ต่อไปได้ ถ้าหาก เซลล์เหล่านั้น ไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้น จะป่วย และตาย เซลล์เหล่านั้น จึงตอบสนอง อย่างเป็น ธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ ในร่างกายมนุษย์ มีความสามารถ ที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัว ของเซลล์ จึงเป็นสิ่ง ที่เป็นธรรมชาติ

เป็นที่ น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย-คีโม หรือ การทำลาย เซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอ ไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็ง จึงผ่าเหล่า

ตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม- เมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่า- ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุ ที่เราพบเห็น

ผู้ป่วยมะเร็ง ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุด ลงไปใหม่อีก

จากมุมมอง ของเซลล์ หากมัน ไม่ผ่าเหล่า-มันจะต้องตาย การผ่าเหล่า ของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ

มะเร็ง แท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายามรอดตาย จากสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้น ลงเอยด้วยการ- ฆ่าร่างกาย แต่นั้น ไม่ใช่ประเด็น ที่แท้จริง

 

มะเร็ง คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม จะรอดตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายาม ทำความเข้าใจ ในประเด็นนี้ ให้ชัดเจน การพยายามฆ่า เซลล์เหล่านั้น -โดย ไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับ การฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายาม เอาขยะออกไป

เอาละ คุณจะลงมือ อย่างฉับพลัน- เพื่อปรับปรุง สภาพแวดล้อม ของคุณ อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร

มีวิธีการง่ายๆ ด้วยกัน 3 วิธีคือ:

 

วิธีที่ 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ

สิ่งแรกที่กระตุ้น ให้เซลล์ผ่าเหล่า และ กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน

เซลล์มะเร็ง ปรับตัวเพื่อรอดชีวิต ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจน ต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็ง ก็ยิ่งเติบโต ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือ วิวัฒนาการ ของเซลล์ ที่ปกติต้องการ จะรอดชีวิต อยู่ได้ ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการ ออกกำลังง่ายๆ ที่ทำได้ทุกเช้า เพื่อเพิ่ม ระดับออกซิเจน ให้กับเลือด

-- เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ

- หายใจเข้า 4ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจแล้วนับ 1 ถึง4

- หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน

ทำอย่างนี้ครับ

>>>> 1-2-3-4 <<<<

ทำอีกครั้งครับ

>>>> 1-2-3-4 <<<<

ผมหายใจเข้าทางจมูก >>>>

กลั้นใจแล้วนับ 1-2-3-4

หายใจออกทางปาก <<<<

หายใจ เข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจ เข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจ ที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดิน ในห้องนอน ของคุณ เพราะมันมีที่ พอสำหรับ

การออกกำลัง ของเราทุกวิธี

 

วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน -กรด

สิ่งที่สอง ที่มากระตุ้นเซลล์ ให้ผ่าเหล่า กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เพราะนั่นคือ การตอบสนอง ที่จะทำให้ เซลล์รอดชีวิตได้ ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่าเหล่า จะตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นด่าง และเติบโต ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด คุณจะทำ ให้ร่างกายของคุณ เป็นด่างได้ ก็ด้วยการ รับประทาน

อาหารที่เป็นด่าง มากขึ้น

- น้ำผัก น้ำผลไม้สด มีประสิทธิภาพ สูงมาก

- งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์

- รับประทาน ผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และ น้ำมะพร้าว หากคุณ ต้องการเห็น การเปลี่ยนแปลง ของสุขภาพ อย่างน่าอัศจรรย์ ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่น ทุกเช้า โดยไม่ต้อง รับประทาน อะไรอีกเลย จนกว่าจะถึง มื้อเที่ยง -นำผักใบเขียว หลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาด แล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้าย และออกจะอร่อย ด้วยซ้ำไป เมื่อคุณ คุ้นเคยกับมัน

 

วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ

ความเครียด ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกัน อ่อนแอ

ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรค -ทุกโรค ความเครียด เพิ่มกรด และ ส่งผลกระทบ ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ที่เราจะต้อง ทำจิตใจ ให้แข็งแรง เบิกบานอยู่เสมอ

คุณจะทำเช่นนั้น ได้อย่างไร ?

- ทำสมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดู ข่าวร้าย

และ เรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆ ที่ทำให้เกิด แรงบันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ ความสลดใจเก่าๆ และสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว

 

และแชร์ข้อมูลนี้ ให้กับผู้อื่นต่อไป ให้มากที่สุด ที่คุณจะทำได้

ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการ บำบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่าง เหนือคำบรรยาย

ช่วยให้ผู้อื่น ตื่นจากฝันร้าย ที่เกิดจาก โฆษณาชวนเชื่อ ของผู้ผลิตยา กันเสียที การป้องกัน และ รักษาตนเอง ให้หายจากมะเร็ง เป็นสิ่งที่ง่ายดาย เสียจนแทบ จะเป็นเรื่องตลก อย่างเหลือเชื่อ

ใช้ความคิด ให้ถูกต้อง

จงเปลี่ยนน้ำ ในบ่อปลา เมื่อปลาป่วย เพราะ การทำลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออก ที่ถูกต้อง

มาช่วยกัน ทำให้โลกของเรา ในวันนี้- น่าอยู่ขึ้น

 

http://www.youtube.com/watch?v=P_OHAtVzeB0

 

ดร.ชนิสา อรรถจินดา Chanisa Arthachinda, Ph.D.

 

สุขภาพแข็งแรง ทุกท่านนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

นั่งผิดท่า=ตายผ่อนส่ง

สำหรับคนทำงานออฟฟิศทั้งหลาย อาการปวดเมื่อยเพราะการนั่งทำงานนานๆนั้น น่าจะเกิดขึ้นเป็นประจำกับทุกๆคนอยู่แล้ว แต่รู้ไหมครับว่าบางที การนั่งผิดท่าจากการทำงานนั้น สามารถก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆที่อันตรายต่างๆมากมาย จะมีโรคอะไรบ้างนั้น

ลองไปดูกันครับ

โรคหัวใจ - การนั่งนานๆทำให้อัตราการเผาผลาญไขมันต่ำ

จนไขมันไปเกาะหลอดเลือดและเกิดเส้นเลือดหัวใจอุดตันรวมถึงความดันสูงได้ โดยคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆมีอัตราเสี่ยงจะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจสูงกว่าคนที่นั่งไม่นานมากถึงมากกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว

โรคเบาหวาน - ตับอ่อนผลิตอินซูลินที่เอาไว้ขนกลูโคสไปให้เซลล์ แต่เซลล์กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ขยับจะไม่ตอบรับกับอินซูลินแต่อย่างใด ตับอ่อนจึงสร้างอินซูลินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆและเรื่อยๆ จนอาจจะทำให้เกิดโรคเบาหวานและโรคอื่นๆจากตับอ่อนได้ โดยจากการศึกษาในปี 2011 พบว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวเห็นผลได้จากการนั่งทำงานนานๆแค่เพียงวันเดียว

มะเร็งลำไส้ใหญ่ - เหตุผลยังไม่ชัดเจนนัก แต่จากการศึกษาพบว่าการนั่งทำงานนานๆมีอัตราเสี่ยงให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกได้ อาจจะเกิดจากอินซูลินในหัวข้อด้านบน หรืออาจจะเกิดจากการที่การขยับตัวตามธรรมชาติจะสร้างสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ทำให้ลดอัตราการเกิดมะเร็งลง

สมองทำงานช้าลง - การขยับร่างกายทำให้เลือดไหลเวียนผ่านสมองมากขึ้นและทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น คนที่นั่งทำงานนานๆจะทำให้สมองตื้อและทำงานได้ช้าลง

การดูกสันหลังส่วนคอตึง - การขยับหัวไปมาระหว่างนั่งทำงาน จะทำให้เกิดอาการกระดูกคอตึง และถ้าทำต่อเนื่องนานๆอาจทำให้กระดูกคอมีปัญหาถาวรเลย (นี่คือส่วนที่เราเกิดปัญหาจนต้อง MRI ปีที่แล้วนั่นเอง)

ปวดหลังและไหล่ - อาการคลาสสิคของคนรอบกาย(และตัวเอง)เลย จากในภาพ กล้ามเนื้อส่วน Trapezius เป็นกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อระหว่างคอบ่าไหล่สะบัก

เมื่อการทำงานขอคอผิดเพี้ยนจากธรรมชาติ มันก็จะดึงรั้งให้บ่าไหล่หลังและสะบัก ผิดเพี้ยนไปด้วยเป็น Chain Effect ทำให้เป็นบริเวณที่คนทำงานออฟฟิศจะแข็งและปวดมาก บางคนเป็นหนักขนาดที่หมอนวดไม่นวดให้และไล่ให้ไปกายภาพบำบัดเลย

อันนี้ก็เจอกับตัวเองเหมือนกัน ค่อนข้างหนักเสียด้วย บางทีก็ถึงขั้นหายใจไม่ออกจากการปวดกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ตอนเด็กๆไม่เข้าใจหรอกที่คนเตือนๆ แต่ตอนโตมา รู้ตัวอีกทีก็สายไปละ ...

กระดูกสันหลังยืดหยุ่นไม่ได้ หลังขดหลังแข็ง - กระดูกสันหลังที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน จะขาดความยืดหยุ่นและส่งผลให้เจ็บจากการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังได้ เช่นการก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า ทั้งนี้เพราะเวลาเราขยับตัว Disk ที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำ (หรือที่ทุกคนคงชินหูกับคำว่า หมอนรองกระดูก) จะขยายตัวและสูบฉีดเลือดเข้าไปเพื่อรักษาความยืดหยุ่น

แต่พอไม่ขยับนานๆ จะทำให้ Disk เหล่านี้เสียความยืดหยุ่นไป และทำให้เวลามีการบิดหรือคดของกระดูกสันหลัง จะทำให้เจ็บปวดรวดร้าวและทรมานได้

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท - คำนี้ได้ยินบ้อยยยบ่อยอีกเช่นกัน เกิดจากการที่ Disk เคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทตามแนวกระดูกสันหลัง ส่งผลให้เกิดการเจ็บปวดอย่างรุนแรงหรือชา แล้วแต่ว่าไปทับเส้นประสาทตรงไหน

และการนั่งทำงานผิดท่าติดต่อกันเป็นเวลานานๆก็สามารถทำให้ Disk นี้เสียหายจนไปทับเส้นประสาทจนเกิดเป็นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทนี้ได้ จึงเป็นอีกอาการคลาสสิคของ Office Symdrome

กระดูกสันหลังคด - เวลาเรายืน กล้ามเนื้อหน้าท้องจะช่วยให้เราตัวตรง แต่พอเรานั่ง กล้ามเนื้อหน้าท้องจะไม่ถูกใช้งาน ส่งผลให้กระดูกสันหลังรับกรรมไปเต็มๆ คนที่นั่งทำงานส่วนใหญ่จึงหลังงอและเมื่อทำต่อเนื่องกันไปนานๆก็จะเกิดกระดูกสันหลังคดไปในที่สุด

กล้ามเนื้อต้นขาตึง - กล้ามเนื้อสะโพกต้นขา(หรือที่เรียกว่า Hip Flexor ในรูปด้านบน)จะช่วยในการทรงตัว แต่เมื่อนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อต้นขามัดนี้สั้นลงและตึงขึ้นเรื่อยๆ และจะทำให้การขยับเคลื่อนขาทำได้ยากขึ้น ผลการศึกษาเผยว่าการที่กล้ามเนื้อสะโพกเคลื่อนไหวลำบากนี้เองที่ส่งผลให้คนแก่ล้มบ่อยๆ

กล้ามเนื้อแก้มก้นอ่อนแรง - การนั่งทำให้กล้ามเนื้อแก้มก้นไม่ต้องทำงาน จนมันคุ้นชินกับสภาพนั้น ฟังดูไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมันจะส่งผลต่อการเดินและออกตัวด้วย

เส้นเลือดขอด - เมื่อนั่งทำงานนานๆ เลือดก็จะไม่ไหลเวียนลงในที่ขา ทำให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มและเกิดเป็นเส้นเลือดขอดที่ขาในที่สุด

กระดูกพรุน - การเดินและออกกำลังกาย จะทำให้กระดูกส่วนล่างหนาขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่การนั่งนานๆจะทำให้กระดูกเสื่อมลงจนเกิดกระดูกพรุนได้

และจากการศึกษาเป็นเวลา 8.5 ปี พบว่าคนที่นั่งดูทีวีวันละ 7 ชั่วโมงขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าคนที่นั่งดูวันละน้อยกว่า 1 ชั่วโมงถึง 61%

รู้ดังนี้แล้ว กันไว้ดีกว่าแก้นะจ๊ะ เพราะร่างกายไม่มีอะไหล่ (หรือจะบอกว่ามีเป็นบางส่วนก็ได้ พี่เล่นใช้ 3D Printer พิมพ์อวัยวะเทียมกันละ) วิธีรับมือคือ

1) นั่งให้ถูกท่า - นั่งให้หลังตรง ห้ามชะเง้อคอ ตั้งแขนให้ตรง 90 องศา ทำไหล่ให้สบาย หากทำไม่ได้ ให้หาตัวช่วยอย่างเก้าอี้ Ergonomic แพงแต่ชีวิตดี เชื่อเดี๊ยน

2) นั่งบนอะไรนิ่มๆ - การนั่งบนอะไรนิ่มๆเช่น Exercise Ball

จะบังคับให้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ทำงานตอนนั่งบนเก้าอี้ธรรมดาทำงาน

3) ยืดกล้ามเนื้อต้นขาทุกวัน - ยืดวันละ 3 นาที ชีวีจะมีสุข

4) เดินเรื่อยๆ - ตามบทความเค้าบอกให้ลุกขึ้นยืนทุกครั้งที่มีโฆษณา ส่วนการทำงานก็คือลุกเดินทุก 30 นาที อย่าขี้เกียจ

5) โพสโยคะท่าวัวและท่าแมว - จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกระดูกสันหลัง

ยังไงก็ขอให้มนุษย์ออฟฟิศทั้งหลาย ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ อย่างน้อยๆ ก็หาเวลาออกกำลังกายกันบ้างนะครับ

http://www4.eduzones.com/rangsit/131185

 

 

 

 

11260360_823369451045402_4021528622694435630_n.jpg?oh=f7698cdb18589fe73b6431b8543ba719&oe=55C7ADD6&__gda__=1443737507_23e859f9b57168768323b32f793ed7ea

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นานาสัญลักษณ์ห้องน้ำ น่าขัน!【世界各國的厠所標誌】http://mp.weixin.qq.com/s?

2015-01-24 精彩在这里▶▶▶ 神秘事件

http://mp.weixin.qq....pinstalled=0#rd

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

11061654_352108704979163_5704551297404097242_n.jpg?oh=ae8f2b64f966005b711bef30c18d791b&oe=55FD7165

แฉ..ความลับ added 18 new photos from May 19.

23 hrs · Edited ·

·

 

วันที่ 19 พ.ค.57 รำลึก..บันทึกลับสีดำ 4 ปี โลกตะลึง ใครฆ่า 6 ศพวัดปทุม และเผา 9 ศพในห้าง

10371482_352108591645841_3046333258244288827_n.jpg?oh=fed4d06389f009f3ccacecdb173bd1dd&oe=56016E04&__gda__=1443560845_3fd9582202f94d66cb4b026227631bff

11011034_352108771645823_7923911332095467130_n.jpg?oh=3bcb71a4dccff26f94015d59b3a00d9c&oe=55FE9B6F&__gda__=1439255385_9ec7712e4dc64d3c8f0d993bdc99d021

22401_352108711645829_6269741758179004580_n.jpg?oh=45ede4f1d1239f88bce07a3530dd2415&oe=55FC5C7F&__gda__=1443732184_3ef5dc0120f297384b02414e0e3e7a7e

10406848_352108728312494_6277666742852537251_n.jpg?oh=6eb14ec0c8ffabea576fcca12c2cbef4&oe=5606C370&__gda__=1439714041_05e214ec800ee2b7c423982044aa2ab5

 

วันนี้เมื่อปี 2553 (เมื่อ 4 ปีที่แล้ว) เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองอย่างขนานใหญ่ ที่ควรลำลึกจดจำของคนไทยทั้งชาติตลอดไป เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2553 รัฐบาลหล่อใหญ่สมัยนั้น ประกาศว่ากำลังจะดำเนินปฏิบัติการทางทหารขอคืนพื้นที่ในอีกไม่ช้า หลังจากนั้นไม่นาน ทหารพร้อมด้วยรถหุ้มเกราะ บุกเข้าไปผ่านสิ่งกีดขวางหลักของกลุ่มผู้ชุมนุม

ขณะที่กลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. ได้จุดน้ำมันก๊าดใส่สิ่งกีดขวาง เพื่อขัดขวางการรุกคืบของเจ้าหน้าที่ และปิดบังทัศนียภาพ และ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ได้ยิงสังหารนักข่าวต่างชาติเสียชีวิต ชื่อโปเลนกี ฟาดิโอ ชาวอิตาลี

** ดูความเดิมเบื้องลึกเรื่องนี้ คลิ๊กไปที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/271451973044837

มีการปล้นสดมป์ประชาชนที่ต้องเข้าไปทำงานในเขตยึดครองรัฐไทยใหม่ แต่นายก ฯ หล่อใหญ่ก็อึดขั้นเทพ ไม่ยอมอ่อนข้อตามคำขู่กรรโชกเอาประเทศ ของนักเรียกค่าไถ่ แก็งค์อั้งยี่เผาไทย มีการเจรจากันผ่านทีวีเปิดเผย และเจรจาลับ นายกหล่อใหญ่เสนอแผนปรองดอง ให้รองนายก ฯ กำนันสมัยนั้น ไปมอบตัวที่ DSI

และให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปเจรจา , ให้สมาชิกวุฒิสภาสายเสื้อแดงไปเจรจา ทุกอย่างถูกนายใหญ่ และแกนนำอั้งยี่เผาไทยปฏิเสธ และเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใหม่อยู่เรื่อย ๆ เมื่อได้อย่างใดตามต้องการแล้ว ก็จะเพิ่มเงื่อนไขใหม่เข้ามาทดแทนอยู่ตลอดเวลา เป็นความต้องการแบบไม่ที่สิ้นสุด

 

วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 แกนนำกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช.ขอเจรจา ทางรัฐบาลปฏิเสธโดยยืนกรานว่า ผู้ชุมนุมต้องสลายตัวก่อน กองทัพได้เริ่มการขอคืนพื้นที่เต็มรูปแบบ โดยใช้รถหุ้มเกราะฝ่าสิ่งกีดขวางของกลุ่มก่อการร้ายที่ร่อยหรอลงมาก , การรุกคืบทำได้อย่างยากลำบาก เพราะโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ยิงระเบิด M79 ใส่ทหารจนได้รับบาดเจ็บ

 

แกนนำกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. เห็นว่าแพ้แน่ๆ จึงขึ้นเวทีประกาศขอเอาตัวรอดเฉพาะแกนนำ และยอมมอบตัวต่อตำรวจ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่โห่ไล่แกนนำฯ และไม่ยอมมอบตัวต่อทางการ การปะทะกันระหว่างกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. กับกองทัพของชาติ ยังคงดำเนินต่อไปในหลายส่วนของกรุงเทพ

เกิดเหตุการณ์เผาตลาดหลักทรัพย์ ธนาคาร ศูนย์การค้าอย่างน้อยสองแห่ง รวมทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และสิ่งกีดขวางถูกตั้งขึ้นเพื่อกีดขวางทหาร ก่อนเที่ยงเจ้าหน้าที่สามารถยึดพื้นที่โดยรอบสวนลุมพินีไว้ได้ จากการเข้าตรวจที่เกิดเหตุโดยรอบ ได้พบศพผู้เสียชีวิต 2 ศพ

เป็นชายการ์ดกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. อยู่ที่ด้านหลังแนวบังเกอร์ ถนนราชดำริ ในสภาพที่ถูกจ่อยิงจากโดยโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. พวกเดียวกันเข้าบริเวณศีรษะ ต่อมาเวลา 23.00 น. ได้รับการยืนยันจากพระภิกษุ ภายในวัดปทุมวนารามว่ามีผู้เสียชีวิตในวัดเพิ่ม

เหตุสังหารหมู่ 6 ศพในวันปทุมวนาราม ผู้ตายทั้งหมดถูกยิงด้วยกระสุนปืน เสียชีวิตวันที่ทหารเข้าทำการขอคืนพื้นที่ ๆ สี่แยกราชประสงค์ ตามที่เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมา 4 ปีว่า ฝ่ายไหนเป็นคนลงมือสังหารโหดครั้งนี้ ใครเป็นฆาตกร หรือเสื้อแดงฆ่ากันเอง เพื่อต้องการสร้างสถานการณ์ให้เลวร้าย และโยนความผิดให้กับทหาร

 

ต่อไปนี้ ปริศนาในการสังหารหมู่ 6 ศพ จะถูกไขข้อเท็จจริงออกมาให้โลกได้รับรู้ว่าใครคือฆาตกรอำมหิตตัวจริง อันเป็นข้อเท็จจริง ที่มาจากคำให้การของประจักษ์พยาน ที่เป็นเหยื่อที่รอดชีวิตจากการถูกสังหารหมู่ในเหตุการณ์เดียวกันนั้น

พยานเป็นคนภาคอีสาน ได้แจ้งชื่อนามสกุล และภูมิลำเนาแก่ ตำรวจทุ่งมหาเมฆไว้แล้ว

( เพื่อความปลอดภัยของพยาน จึงขอไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว)

สาเหตุที่พยานเข้ามาในที่ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ เพราะถูกว่าจ้างให้มาทำบั้งไฟ แต่ไม่ได้รับค่าจ้างตามที่ตกลง

จึงได้หลบหนีออกมา จากนั้นถูกตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ควบคุมตัวไว้

แล้วพยานได้ให้ปากคำบอกเล่าเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ศพในวัดปทุมฯ มีรายละเอียดดังนี้

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงแล้ว เขาให้นายอ้อ พาไปหาพี่ชายของเขา ชื่อ ศักดา ที่พักอยู่ที่พัก ที่ซอยกำนันแม้น 11

ซึ่งเขาเคยมาที่ดังกล่าวมาก่อน นายอ้อ จึงพาเขาขึ้นแท็กซี่ไปยังที่ดังกล่าว ส่วนนายเล่ กับพวก 5 คน

นั้นได้แยกไปที่ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อพบพี่ชายของเขาแล้ว นายอ้อ ก็แยกตัวกลับไป

โดยบอกเขาว่า ให้ไปพบที่บริเวณแยกศาลาแดง ใกล้พระรูป ร.6 นายอ้อ จะอยู่ที่เต็นท์แรกที่บริเวณแยกศาลาแด

ต่อมาเช้าวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 เขาจึงขับรถจักรยานยนต์ของพี่ชายเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ

ทะเบียน จำไม่ได้ ไปยังแยกศาลาแดง เขาไปไม่ถูกแต่ได้ถามเส้นทางไปตลอดทาง

เมื่อถึงแยกศาลาแดงแล้ว เขาได้ขับรถไปจอดข้างสวนลุมฯ เลยพระรูป ร.6 เข้าไปข้างใน ไม่ทราบตรงจุดใด

แล้วไปหน้าพระรูป ร.6 ได้พบนายอ้อ แล้วได้พาเขาไปหลังเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์ พบนายเล่ กับพวกรวม 5 คน

และคนอื่นไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดอีกรวมประมาณ 20 คนเศษ นั่งทำบั้งไฟกันอยู่

เขาจึงได้ทำบั้งไฟอยู่ที่บริเวณดังกล่าวจนได้ 200 บั้ง แล้วหยุดทำ

ส่วนค่าจ้างนายอ้อ บอกว่าเสร็จงานแล้วจะจ่ายเงินค่าจ้างทำบั้งไฟให้ แต่ไม่ได้บอกว่าเสร็จงานเมื่อใด

และเขาก็ไม่ทราบว่าเสร็จงานเมื่อใด คนทำบั้งไฟคนอื่นก็ไม่ได้เงินค่าจ้างทำเช่นเดียวกับเขา เมื่อทำบ้องไฟเสร็จแล้ว

ก็ไปนอนเฝ้ารถจักรยานยนต์ที่เขาจอดไว้ ซึ่งอยู่บริเวณที่มีการชุมนุม และมีผู้ชุมนุม นอนอยู่บริเวณใกล้เคียงเต็มไปหมด

และวันต่อๆ มาเขาก็ไปทำบั้งไฟอีก วันละ 200 บั้งทุกวัน

แต่ก็ยังไม่ได้เงินค่าจ้าง จึงไม่อยากทำบ้องไฟ และอยากจะหนีออกไปที่มีการชุมนุมดังกล่าว

แต่ออกไปไม่ได้ เนื่องจากมีโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ปิดล้อมอยู่ทุกด้าน และข่มขู่ไม่ให้ออกไป

ต่อมาวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 08.00 น. เขา นายเล่ กับพวกอีก 5 คน คิดจะหนี

จึงเข้าไปอยู่ในวัดปทุมวนาราม เป็นที่พักอาศัย และอาศัยข้าววัดกิน แต่ออกไปไม่ได้ เพราะกลัวถูกยิง และไม่มีเงิน

จนกระทั่งวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวัน เขา นายเล่ กับพวกอีก 5 คน มีความกดดันมาก หมดความอดทน

จึงหนีออกจากวัด จึงได้พากันหนีออกจากประตูวัดด้านใกล้แยกถนนอังรีดูนัง

โดยนายเล่ กับพวกรวม 5 คน นั้นนำหน้าออกประตูวัด เขาตามหลัง

พบโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ใส่หมวกไหมพรมประมาณ 5-6 คน ถือปืนยาวทุกคน อยู่ที่บริเวณประตูวัดดังกล่าว

ได้ยิงปืนใส่นายเล่ กับพวกต่อหน้าเขา จึงไม่กล้าออกไป และได้แอบดูเห็นชายโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.

ดังกล่าวได้ลากศพนายเล่ กับพวก ไปเผายังบังเกอร์บนถนนบริเวณหน้าวัด

ต่อมาประมาณ 14.00 น. ของวันเดียวกัน เขาคนเดียว จึงแอบหนีด้านหลังวัด เลาะตามลำคลองไปทางขวามือไปเรื่อยๆ

แล้วไปหลับในป่าข้างลำคลอง เมื่อสว่างแล้วเดินเลาะลำคลองไปอีกสักพักพบสะพานข้ามคลอง

แล้วเลี้ยวขวาตรงมาปรากฏว่าพบสวนลุมพินี จึงจำได้ จึงเดินมายังรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้

จึงขับรถออกไปแล้วพบ ตำรวจพาตัวเขามาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

จึงได้ให้ข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นให้ทราบ คำให้การของพยานเด็กหนุ่มคนรับจ้างทำบั้งไฟ

เป็นภาพสะท้อนได้อย่างดีว่า นายใหญ่วางแผนนี้มาตั้งแต่ต้น เพื่อยกระดับให้ตนเองในสายตาชาวโลก

และ สะท้อนความจริงที่ว่า มีกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ติดอาวุธสงคราม

พร้อมที่จะสาดกระสุน ใส่คนที่ต้องการก้าวพ้นจากธรณีประตูวัดอย่างโหดเหี้ยม ไร้ความปราณี

11112872_352108678312499_2973074883538832582_n.jpg?oh=78db4466fc6e2c073e2f1f6b06ac2d63&oe=56070B43&__gda__=1438807547_ce79130b9621cf9535f6a7f526afeb07

11013352_352108664979167_7111604517032891193_n.jpg?oh=90b46f85812e56c622826a83592f66c2&oe=55CCCD3D&__gda__=1439508660_0f2b5f29793d8c9a45ccec4155212183

 

เผยความจริงจากคำให้การพยานนี้ จะเห็นภาพเหตุการณ์ภายในวัดปทุมวนาราม คือ

การสังหารหมู่ภายในวัดปทุม ฯ โดยการกระทำของโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.

เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงบ่าย การสังหารโหดนี้ เกิดขึ้นทันที

ที่มีผู้พยายามจะก้าวเท้าออกจากวัด ดังนั้นกลุ่มของเด็กหนุ่มผู้นี้ จะไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ถูกฆ่าโหด

เพราะท่ามกลางห่ากระสุน และเสียงระเบิด ต่างๆ นานาวันนั้น จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่จิตตก

เกิดความหวาดกลัวต่อสถานการณ์ จนพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะออกจากวัดแห่งนั้น

คนที่ออกจากวัดปทุมวนาราม ก็จะเจอ “มัจจุราชชุดดำ นปช.” ที่ยืนดักฆ่าอยู่หน้าประตูวัดทันที

ส่วน 6 ศพนี้ มีการระบุถึงห้วงเวลาการเสียชีวิต อยู่ในช่วงตะวันตกดิน ศพทั้งหมดมีการชันสูตรแล้วพบว่า

ถูกยิงจากวิถีกระสุนในระนาบเดียวกัน มิใช่มุมสูงจากสกายวอล์ค หรือบริเวณรางรถไฟฟ้าบีทีเอส..

เรื่องนี้มีการยืนยันด้วยคำรับสารภาพจาก น.ศ.ณัฎฐธิดา หรือ แหวน พยาบาลอาสาในทีม น.ส.กมนเกด

โดยรับสารภาพว่า ได้เป็นพยานเท็จให้เสื้อแดงมาตลอด 4 ปี

เพราะได้รับผลประโยชน์จ้างวานในคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ภายในวัดปทุมวนาราม

เมื่อถูกจับกุมข้อหาจ้างวานวางระเบิดและหมิ่นเบื้องสูงในเดือน มีนาคม 2558

จึงได้ยอมพรั่งพรูความจริงทุกอย่างว่า 6 ศพวัดปทุม ชายชุดดำ นปช.ได้ยิงแนวราบใส่น้องเกด

และเสื้อแดงตายจำนวนมาก

1908140_352108754979158_1694664499522991449_n.jpg?oh=f46479e06da68dde6291b73b2a5dc763&oe=55CF11CB

 

ผลการตรวจ DNA จากกองเลือดภายในวัดของคุณหญิง หมอ ซึ่งพยานระบุว่าเป็นจุดที่ น.ส.กมนเกด เสียชีวิต

กลับพบว่านอกจาก DNA จะไม่ตรงกับของ น.ส.กมนเกด แล้ว

ยังไม่ตรงกับศพใด ๆ ใน 6 ศพ ที่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของเผาไทยอีกด้วย ???

และคุณหญิงหมอ ตรวจแล้วคนยิงมาจากข้างล่าง คือ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ไม่ใช่ทหาร

พร้อมบอกว่า DSI แก้สำนวนช่วงรัฐบาลเผาไทย คุณหญิงหมอจึงโดนเด้ง สมับรัฐบาลปูข้าวเน่าเรืองอำนาจในเวลาต่อมา

จากหลักฐานและคำให้การข้างต้น ยืนยันได้ว่ามีผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนารามมากกว่า 6 ศพ กองสะเทือนใจอยู่บริเวณเต๊นท์พยาบาล ศพที่เกิดในวัดปทุมวนาราม มีจำนวนมากเกินกว่าที่จะคาดถึง

 

แต่ศพเหล่านั้นถูกเผาทำลาย หรือเคลื่อนย้ายทำลายหลักฐาน ในช่วงเหตุชุลมุน ก่อนที่ทหารจะเข้าถึงพื้นที่ คงเหลือไว้แค่ 6 ศพ โดยนำไปเผาในห้างสรรพสินค้าที่ถูกไฟไหม้ ดังนั้นการเผาที่ต่างๆ จนควันโขมงกลางกรุงหลายจุดในวันนั้น คือ การเผาศพคนเสื้อแดงด้วยกันเอง

บางคนหลงลืมไปแล้ว หรือบางคนไม่เคยรู้มาก่อนเลย คือ ในช่วงต้นที่มีการเข้าไปเคลียร์ สถานที่ บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิล์ด เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 มีการพบศพถูกเผาเกรียม อยู่ในบริเวณดังกล่าว 9 ศพ และมีศพชายสำลักควันเสียชีวิตอีก 1 ราย บริเวณชั้นสี่ของเซ็นทรัลเวิล์ด

 

หลังจากเหตุการณ์สงบ ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้เข้าตรวจสอบภายในวัดปทุมวนารามอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม

พบทรัพย์สินที่ถูกขโมยมา นำมาซุกซ่อนบริเวณใต้ฐานพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก

ประกอบด้วย นาฬิกาข้อมือชายหญิงยี่ห้อต่าง ๆ จำนวน 40 กว่าเรือน

กระเป๋าถือ เครื่องหนัง รองเท้าหนังยี่ห้อต่าง ๆ จำนวนมาก และจานรองแก้ว ชุดเครื่องหนังนำเข้าจากประเทศบราซิลอีกหลายชุด และเครื่องเพชรที่ขโมยมาจากห้าง อยู่ในรถเบ็นซ์ ของขวัญควาย หลักฐาน ที่สำคัญอีกก็คือ

ก็ได้พบอาวุธปืนสงคราม ลูกระเบิด M79 และปืนยิงเอ็ม 79 กระสุนเอ็ม 16 จำนวนมาก

 

พบเสื้อผ้าชุดทหาร ที่โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ใส่พรางตัว ให้คนเสื้อแดงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นทหารจริง

หลักการคล้ายโจรใต้ที่เคยทำแบบนี้มาแล้วในอดีต เพื่อให้คนใต้เข้าใจผิดทหาร

สมัยนั้นริดสีดวง เคยหลุดปากถึงความคืบหน้าในคดีกลุ่มคนเสื้อแดง

และเจ้าหน้าที่พยาบาล ถูกยิงเสียชีวิต 6 ศพ คาวัดปทุมวนารามว่า

ทางพนักงานสืบสวน สามารถหาตัวบุคคลที่เป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์มาได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวของพยาน

ได้เห็นกลุ่มของการ์ดกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. ยิงสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม ที่คิดจะเดินทางออกจากวัดปทุมวนาราม

เพื่อกลับบ้าน และยืนยันว่าทหารไม่ได้เป็นผู้ที่ยิงผู้ตายทั้ง 6 ศพ แต่อย่างใด

ข้อมูลนี้แน่ชัด ในส่วนของพยานที่ให้ปากคำนั้น ขณะนี้ทาง DSI ได้กันตัวไว้เป็นพยานปากสำคัญแล้ว...ทุกถ้อยคำของพยาน อยู่ในสำนวนของตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ DSI อยู่แล้ว ดังนั้น 9 ศพ ที่ถูกเผาเกรียม ในห้างฯ คือ การทำลายหลักฐานการฆ่าคนเสื้อแดงผู้ชุมนุมด้วยกันเองนั่นเอง

18013_352108791645821_1431261854301904308_n.jpg?oh=21acad9fefd7ccda801ae11d7e3dc17d&oe=56037EB3&__gda__=1443205326_2aa28e13b686560263ec217609187bc8

10348529_352108624979171_2015109104142745625_n.jpg?oh=70bed3694c00bf8c5b27041664d9cb43&oe=55CC7EC6&__gda__=1443111756_790f42605a478afbf8e4f51081ac1864

11053148_352108581645842_7639603732483268122_n.jpg?oh=9372048eac1bef966ebeaa62b5f476a7&oe=560721F5&__gda__=1443605628_bcdee34508faa7802b7b4dfccaa7583c

 

 

11215058_352108598312507_6263125393415107446_n.jpg?oh=2e6701779fabd0b45209d842dd18b5bc&oe=560AD86C&__gda__=1438826469_99e847aa7f9c7720d278222f8da306ac

11024696_352108641645836_3340578982155237868_n.jpg?oh=6bbf70fbf0bcace171f5c81847480362&oe=55C706C3

 

คำให้การของเด็กหนุ่มคนทำบั้งไฟระบุว่า กลุ่มคนที่หนีออกมาพร้อมกับเขา 5 คน ถูกยิง

และลากไปเผาบริเวณบังเกอร์หน้าวัด ศพเหล่านั้นได้ถูกลากไปรวมกับคนอื่นรวม 9 ศพ ที่ถูกพบในเซ็นทรัลเวิล์ด

แถมศพ 6 ศพ ที่ทิ้งไว้ในวัดปทุม ที่พบยังมีลักษณะเหมือนถูกเลือกเป้า

ให้เกิดความละเอียดอ่อนทางด้านจิตใจ ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายอย่างอำมหิต

โดยใช้ศพของ น.ส.กมมนเกด ซึ่งเป็นอาสาพยาบาลมาเป็นสัญลักษณ์ในการโจมตีทหารและรัฐบาล

ตามข้อหาที่นายใหญ่ อั้งยี่เผาไทย และกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. พยายามยัดเยียดให้ทหารฆ่าประชาชน

มาตั้งแต่ เมษายน 2552 แต่ล้มเหลวเพราะไม่มีคนตาย หาศพไม่เจอ ปี 2553 โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.

จึงจัดสังหารพวกเดียวกันเองให้เต็มๆ

แต่เหตุที่อั้งยี่เผาไทย โหวกเหวกโดยวายมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อจะได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

พยายามทำลายความชอบธรรม กล่าวหาทหารและรัฐบาลสมัยนั้นอย่างเป็นระบบ

สร้างน้ำหนักผ่านสื่อมวลชิน ที่ปวารณาตนเป็นแก้วประการที่สี่ของนายใหญ่เผาไทย ท่ามกลางควันไฟกลางสี่แยกราชประสงค์

นายใหญ่ และแกนนำเผาไทย ต้องการทำลายประเทศไทย เพื่อความสะใจของตน

แล้วหวังให้สถานการณ์ความรุนแรง นำไปสู่การล้มโครงสร้างอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองทั้งหมด

ให้ตนเองพ้นผิด คืนบัลลังก์แห่งอำนาจ และเงินตราโกงชาติ นายใหญ่

และกลุ่มแกนนำ นปช. รู้เห็นการทำอาวุธมาโดยตลอด และสร้างภาพให้เห็นว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็น “อวตาร”

เพื่อสร้างความชอบให้กับตัวเอง เขียนภาพการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดง

ห้ดูว่าเป็นการต่อสู้ทางชนชั้น มีการเสาะหาอาวุธพื้นบ้าน หรือดัดแปลงสิ่งของให้เป็นอาวุธมาต่อสู้กันเอง

แต่แท้จริงแล้วแผนการถูกกำหนดมาแล้วทั้งสิ้น บั้งไฟที่นำมาใช้ ไม่ใช่ผู้ชุมนุมคิดประดิษฐ์หรือนำมาด้วยตนเอง

แต่เป็นกระบวนการจ้างวานมาอย่างเป็นระบบตามแผนโหด ใช้บั้งไฟยิงนำอำพรางไป

แล้วจึงตามด้วย M16 อาก้า และ ระเบิด M79 ให้เป็น "สมรภูมิรบกรุงเทพมหานคร"

ความโหดอำมหิตผิดมนุษย์ ปรากฏต่อสายตาชาวโลก ถึงแผนชั่วร้ายที่วางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

สร้างภาพทำให้รัฐบาลสมัยนั้น ตกอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลว

ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบได้ แต่เมื่อรัฐบาลก้าวข้ามรัฐล้มเหลวไปได้ ทำให้การชุมนุมยุติ

ก็เข้าสู่กับดักของการละเมิดสิทธิมนุษยชน ถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน จากการเหตุสังหารหมู่ 6 ศพในวันปทุมฯ

ซึ่งเป็นเขตอภัยโทษ เรื่องบังเอิญไม่มีจริงในโลก เหล่านี้เป็นบทละครที่เขียนไว้ล่วงหน้า

โดยมีชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องมือสู่จุดหมายปลายทาง

11147223_352108794979154_7125904427198537848_n.jpg?oh=ea8422e7336bf239bcc89a1ba47c84e2&oe=5600B8E4

 

พอเปลี่ยนรัฐบาลเป็นปูข้าวเน่า อั้งยี่เผาไทย จึงต้องการปิดบังความจริง ไม่อยากให้คนเสื้อแดงรู้ จึงส่งผลให้ไม่เกิดความปรองดองมาตลอด 4 ปี เพราะคนเสื้อแดง ก็หลงงมงายจากเงินที่เผาไทย เอาภาษีจ่ายให้ปิดปากรายละ 7.5 ล้านบาท จน ปปช.เพิ่งชี้มูลความผิด 34 รมต.อั้งยี่เผาไทย เมื่อเดือน พ.ค.2558 ว่ากระผิดกฎหมายเอาเงินหลวง ไปจ่ายปิดปากพวกเดียวกันไม่ให้ปากโป้ง

แต่ในใจญาติพี่น้อง ก็ตอบความขับข้องใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ความจริง จึงเกิดปมตลอดมา และนายใหญ่ เผาไทย

และกลุ่มติดอาวุธ นปช. ก็เลยได้ใจ งัดมุกเดิมมาใช้อีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการใช้ระเบิด M79 , ระเบิด RGD-5 และอาวุธปืนสงครามนานาชนิด เข้าโจมตีเด็ก ผู้หญิง คนชรา ที่อยู่ใกล้ที่ชุมนุม กปปส.จนมีคนตายเกือบ 30 คน

และบาดเจ็บกว่า 1,000 คน

11265481_352108651645835_2322837385323623560_n.jpg?oh=d0860f9b7781f181999b5b128aaee404&oe=56042F20

11207310_352108608312506_2326814731647733319_n.jpg?oh=65f5ec1472961ea4c3e28f2c3f8f3cce&oe=55FBF817&__gda__=1443153355_cf9ce34350e31daa5f1f1e52c6686a1a

11109261_352108718312495_3131776066080984591_n.jpg?oh=782c3d96848180152546b5ea99275c54&oe=55C2B8C9

11107745_352108674979166_5869823775667929046_n.jpg?oh=0e009810b106eae3ca1324e84668727c&oe=55C99C5C

 

สรุป คนแดนไกล ก็คือ หัวหน้าก่อการร้ายสากลที่โหดเหี้ยม คล้ายๆ กลุ่มติดอาวุธ IS ในซีเรีย อิรัก

ส่วนอั้งยี่เผาไทย ก็เปรียบเสมือนแกนนำย่อยกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ

และ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ก็เปรียบเสมือนกองกำลังปฏิบัติการนักรบรับจ้าง ของกลุ่ม IS นั่นเอง

แกนนำ ต้องการแค่บ้าอำนาจและสถาปนาอาณาจักรรัฐไทยใหม่

ส่วน กองกำลังปฏิบัติการ ต้องการแค่เงินค่าจ้าง และร่ำรวย..จะทำชั่วอย่างไรก็ได้..

.ส่วนคนเสื้อแดง ก็แค่ถูกเขาหลอกใช้เป็นเครื่องมือเท่านั้นเอง

และถึงตอนนี้หลายคนตาสว่างแล้ว แต่บางคนก็ยังดักดานอยู่ต่อไป

@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป

http://www.facebook.com/topsecretthai

"กติกา" โปรดงดความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้, งดนำข่าวลือเขาว่ามา , คำหยาบ , ป่วน , งดลิ้งใดๆ ทุกชนิด , งดข้อความจากแหล่งอื่น , งดภาพ , การให้ร้ายดูหมิ่นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อกเข้าเพจนี้..สามารถติดตาม ข่าวสั้น คลิ๊กไปที่

http://www.facebook.com/thailandcoup

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 20 พ.ค.58 เมื่อนักแสวงโชคการเมือง ลิเกดาราเก่าว่างมากจะทำอะไร ??

11295635_476639599169886_2774415399080377381_n.jpg?oh=e5109ae7a23e817921bda7852ed14568&oe=55C61E7C

11222808_476639609169885_8009445357295451456_n.jpg?oh=67a8be0fd52d6daca48df19cc771a587&oe=55D01CC7&__gda__=1442717774_34de84aac0def829f3e631a5c2738052

11231141_476639592503220_8888557006387206101_n.jpg?oh=c91804420299788dfe566e871fe22e38&oe=5603DEC2

ช่วงนี้มีรัฐบาลทหารอนุรักษ์นิยมประชาธิปไตย อดีตนักแสวงโชคทางการเมืองจึงตกงาน เดินเตะฝุ่นกันเป็นแถว บางคนเป็นลิเก ดารา เก่านักยื่นหนังสือกระดาษแผ่นเดียวจอมโกหก และเตะต่อยเมีย จึงต้องหาอะไรทำแก้เบื่อ

ช่วงอดีต ส.ส.เผาไทย ถูกชี้มูลความผิด กรณีโหวตกฎหมายนิรกรรมสุดซอย ที่ขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายระหว่างประเทศ จึงต้องลงพื้นที่ ต้องไหนนักข่าวเยอะ โผล่หน้ามันที่นั่นแหละวะ

11149248_476639612503218_7343015575689743773_n.jpg?oh=219203566b48ec630c309eb34703a250&oe=55C36E0E&__gda__=1442927551_8ab220a274931a286e774f8dac51d552

 

เดินไปเดินมา เจอชาวบ้านเข้า ได้การละ นั่งยองยกมือไว้ซะหน่อย..ไอ้พวกที่นั่งทำหน้างง ดิ..อ้าว !! ไอ้ลิเกนี่มางัย มาเผือกอัลรัยด้วย..เป็นญาติมุงหรา..ทำมาหาเสียง..ลิเกดารา นักแสวงโชคทางการเมือง จึงเพิ่งดูไปดูมา..

อ้าว..เฮ่ย ชาวโรฮินจา กาลงคะแนนให้ไม่ได้นี่หว่า..ฟิ้ว..ไปโลด..กิ๊วๆ ฮา !!

@ เสธ น้ำเงิน1 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป

http://www.facebook.com/thailandcoup

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฐปณีย์ หมอมีอะไรจะบอกคุณ เกี่ยวกับ โรฮิงญา

Screen-Shot-2558-05-20-at-8.21.49-AM-700x393.png

http://likedee.com/%...B8%84%E0%B8%B8/

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“หายใจ 4-7-8″

ช่วยผ่อนคลาย

ทำให้หลับใน 60 วินาที

 

หลายๆ ครั้งที่เราอยากนอนหลับ

ใจจะขาด แต่มันก็ไม่ยอมหลับ

ไม่ว่าจะอาบน้ำอุ่น ดื่มนมร้อนๆ สักแก้ว หรือแม้กระทั่งนับแกะ มันก็ไม่สำเร็จ ตายังคงสว่างอยู่อย่างนั้น

 

ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง

เกิดความคิดหาวิธี ช่วยให้เรา

สามารถหลับได้ภายใน 60 วินาที แบบที่ไม่ต้องพึ่งยาเลยทีเดียว

 

ทั้งนี้ วิธีที่นักวิทยาศาสตร์คิดขึ้นมา

ก็คือ เทคนิคการหายใจ 4-7-8 โดยวิธีดังกล่าวเปรียบเสมือน

ยาสงบประสาทคลายความกังวล

แบบธรรมชาติ ซึ่งมันจะช่วยลด

ความตึงผิวและความตึงเครียด

ในร่างกายเราให้คลายตัว

 

ดร.แอนดรู กล่าวว่า เทคนิค

การหายใจ 4-7-8 เป็นวิธีการ

พื้นฐานและง่ายๆ สุดๆ ไม่ต้อง

ใช้เวลาอะไรมากมาย ไม่จำเป็น

ต้องมีอุปกรณ์เสริม แถมยังทำได้

ทุกที่ทุกเวลาอีกต่างหาก

 

วิธีการก็คือ

 

1.หายใจเข้าทางจมูกพร้อมนับ

1-4 แล้ว​กลั้นไว้ นับ 1-7

2.จากนั้นหายใจออกทางปาก

พร้อมนับ 1-8

3.ทำแบบนี้ซ้ำๆ 3 ครั้ง

 

ข้อควรจำ : หายใจเข้าทางจมูกและ

หายใจออกทางปาก

 

ดร.แอนดรู กล่าวอีกว่า

เทคนิคการหายใจ 4-7-8

จะช่วยให้ระบบประสาท

พาราซิมพาเทติกผ่อนคลายลง เพราะความกังวลต่างๆ

ที่เราสั่งสมจะเป็นตัวขัดขวาง

การนอนหลับของเรา ดังนั้น

หากเราอยากผ่อนคลาย เราสามารถใช้เทคนิคการหายใจ

4-7-8 ช่วยได้

 

https://youtu.be/_AK9xPcwW90

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...