ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 21, 2015 Mirabai Ceiba - Ardas Bhaee ( Mantra ) https://youtu.be/GrzZjK1ztYk?list=RDLbQ4zHxhoSI อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 21, 2015 by Kitipong Ti อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 21, 2015 by Kitipong Ti อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 21, 2015 by Kitipong Ti อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 21, 2015 by Kitipong Ti อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 21, 2015 by Kitipong Ti อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 21, 2015 "เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้ง ด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ ๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้ ๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ ๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต http://www.chaipat.or.th/ch…/content/porpeing/porpeing.html… อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ กับการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติ ที่เอื้ออำนวยประโยชน์ทั้งทางตรง และทางอ้อมให้แก่ มวลมนุษยชาติ ช่วยควบคุมให้สภาพดินฟ้าอากาศอยู่ในสภาพปกติ รักษาต้นน้ำลำธาร พันธุ์พฤกษชาติ และสัตว์ป่า อีกทั้งยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ป่าไม้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ได้บริโภคใช้สอย ได้ประกอบอาชีพด้านการทำไม้ เก็บของป่า การอุตสาหกรรมไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบจากไม้ และของป่า แต่สภาพปัจจุบันมีแรงผลักดันให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าไม้ เพื่อบุกเบิกพื้นที่ทำการเกษตร ลักลอบตัดไม้ป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และเผ่าถ่าน นอกจากนี้ การเร่งการดำเนินงานบางโครงการ เช่น การก่อสร้างถนน สร้างเขื่อน ฯลฯ ทำให้มีการตัดไม้ โดยไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้จึงมีเนื้อที่ลดลงตามลำดับ และบางแห่งอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมอย่างมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้เป็นแนวทางหลักในการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ด้วยทรงตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมฉับพลัน และการพังทลายของดินอย่างรุนแรง จึงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาป่าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดังเดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นว่าการจัดการทรัพยากรป่าไม้ มีความเกี่ยวโยงกับการอนุรักษ์ทรัพยากรแหล่งน้ำ จึงทรงเน้นการอนุรักษ์และพัฒนาป่าต้นน้ำเป็นพิเศษ จากแนวพระราชดำริของพระองค์ก่อให้เกิดโครงการพัฒนา และบำรุงป่าไม้จำนวนมากมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะป่าไม้ที่เป็นต้นน้ำลำธารให้คงสภาพอยู่เดิม เพื่อป้องกันอุทกภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ถนอมน้ำไว้ใช้สำหรับหล่อเลี้ยงแม่น้ำลำธารด้วย https://sites.google.com/site/mylovetheking018/home/phra-rach-prawati/phra-rach-krniykic/dan-kar-cadkar-thraphyakrthrrmchati อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 (มีการแก้ไข) ในหลวง เสด็จฯออกมหาสมาคมในการพระราชพีธีฉัตรมงคล วันอังคาร ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา ถูกแก้ไข พฤษภาคม 22, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 พระราชดำรัส. ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 (มีการแก้ไข) ถูกแก้ไข พฤษภาคม 22, 2015 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 ผลกล้วยสุกกับความดันเลือดสูง การศึกษาด้านระบาดวิทยาและการป้องกันโรคจำนวนมากพบ ว่า การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมมีผลลดค่าความดันเลือด องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกาได้ประกาศแล้วว่า "อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงและมีโซเดียม (เกลือ) ต่ำ อาจลดความเสี่ยงจากโรคความดันเลือดสูงและหลอดเลือดแตกได้" กลุ่มผู้มีความดันเลือดสูงที่ได้รับโพแทสเซียมมีความดันเลือดที่ลดลงทั้ง ความดันช่วงบน (ไดแอสโตลี) และช่วงล่าง (ซิสโตลี) แหล่งของ โพแทสเซียมที่ดีที่สุด คือ ได้มาจากอาหาร โพแทสเซียมช่วยการทำงานของหัวใจและควบคุม สมดุลของน้ำในร่างกาย ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมักดื่มกาแฟ กินแป้งและอาหารหวาน และมักจะเป็นโรคความดันเลือดสูงในเวลาต่อมา บุคคลเหล่านี้ขาดโพแทสเซียมทำให้ร่างกายสะสมกรดส่วนเกินและสารพิษต่างๆ ไว้ กรดส่วนเกินเหล่านี้ขัดขวางการย่อยและการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ผู้ที่ร่างกายมีปริมาณโพแทสเซียมต่ำมักมีปริมาณโซเดียมสูง ถ้ากินเกลือและอาหารเค็มมากเท่าไร ก็ควรจะต้องได้รับโพแทสเซียมมากขึ้นกว่าคนอื่น โพแทสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ ควบคุมการส่งออกซิเจนไปยังสมอง และรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์เครียด อัตราการเผาผลาญของร่างกายจะสูงขึ้นและทำให้ระดับโพแทสเซียมลดลง การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล บุคคลหนึ่งๆ มีความต้องการโพแทสเซียมประมาณวันละ ๒,๐๐๐ มิลลิกรัม กล้วยหอม ๑ ผล มีโพแทสเซียมประมาณ ๖๐๐ มิลลิกรัม ปัจจุบันองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ยินยอมให้อุตสาหกรรมผู้ปลูกกล้วยสามารถโฆษณาได้ว่า กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายอันเกิดจากเรื่องความดันเลือดหรือโรคหลอด เลือดแตกได้ http://talk.mthai.com/topic/330267 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 ชมคลิป "21 วันแรกของผึ้ง" อีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่งดงามบนโลก ผึ้งถือเป็นอีกสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่เรียกได้ว่ามีความงดงามอยู่ในตัวมันเอง ชีวิตของผึ้งแต่ละตัวล้วนมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่วันนี้เหมียวจะพามาดูความงดงามอ.. BOARD.POSTJUNG.COM อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 ทหารปฏิรูปประเทศไทย added 4 new photos. 2 hrs · วันที่ 22 พ.ค.58 วิธีการขนย้ายสิ่งของมีค่า ระบบโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการนั้น เป็นระบบที่พัฒนากันมาแต่ยุคโบราณ ในปัจจุบันมีการรับจ้างขนตั้งแต่บ้านยกไปทั้งหลัง วัสดุที่แตกง่าย โบราณวัตถุมีค่า ถ้าใครจะใช้บริการขนส่งเจกันลายครามโบราณของแท้แบบในภาพ ก็น่าจะลองดูสักครั้ง @ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป http://www.facebook.com/thailandcoup อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ พฤษภาคม 22, 2015 หน้า1ไทยโพสต์วันที่ 22 พฤษภาคม 2558 www.thaipost.net === กันยาที่จะถึงนี้ "ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" หมดเทอมตำแหน่งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ จะกลับไปเป็นนายแบงก์ หรือไปเข้าคอร์ส "เตรียมนายกฯ" ตัวท่านคนเดียวเท่านั้นที่ตอบได้ ...........แต่ท่าน "ไม่ตอบ"! แล้วใครจะมาเป็น "ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" คนต่อไป? เมื่อวาน (๒๑ พ.ค.๕๘) คณะกรรมการสรรหาฯ เปิดซองรายชื่อผู้เสนอตัวเข้าชิงแล้ว มีผู้สมัครมาทั้งหมด ๕ คน ๑.นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน และบอร์ดแบงก์ชาติ ๒.นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน รองผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ด้านบริหาร และบอร์ดแบงก์ชาติ ๓.นายวิรไท สันติประภพ นักเศรษฐศาสตร์ ซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจ และบอร์ดแบงก์ชาติ ๔.นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ภัทร ๕.นายเกียรติชัย โสภาเสถียรพงศ์ อดีต ผอ.ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. เนี่ย...ทั้ง ๕ คนนี้ คณะกรรมการสรรหาต้องคัดให้เหลือ ๒ คน เพื่อส่งชื่อให้ ครม. ก่อนวันที่ ๒ ก.ค.๕๘ เพื่อคัดเอา ๑ คน เป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ.......! ก่อนที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล จะครบวาระในตำแหน่งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติในเดือนกันยานี้ ดูรายชื่อแล้วก็ต้องบอกว่า มีคุณสมบัติคู่ควรตำแหน่งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติด้วยกันทั้ง ๕ คน แต่จะเอาให้เป็นทั้ง ๕ ไม่ได้แน่ ต้องคัดเอา ๑ ถ้าให้ผมคัด....... ผมคัดเอา "ดร.วิรไท สันติประภพ"! ชอบคนหนุ่มน่ะ...ไม่มีอะไรมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มที่โตอยู่ในระบบทุนวัตถุ ทำงานอยู่ภายใต้กลไกระบบทุนวัตถุ แต่ในขณะเดียวกัน ไม่หลงอยู่ในระบบทุนวัตถุ!? ผมศึกษาแนวคิด วิสัยทัศน์ และงาน ดร.วิรไทบ้าง ดอกเตอร์ฮาร์วาร์ด วัยกำลังแกงคนนี้ เป็นคน "ได้หน้า" แต่ "ไม่ลืมหลัง" "ผูกไท...แต่ไม่ใส่รองเท้านอน"....ประมาณนั้น! คืองานการอยู่ในสังคมสูง แต่ความคิดคำนึงเกี่ยวกับบ้านเมืองไทย โดยเฉพาะวิถี-ชีวิต ในวงจรเศรษฐกิจ-สังคมฐานราก ดร.วิรไท มีความเข้าใจแบบคน "ตีนติดดิน"! ความหมายคือ มีความเข้าใจมายาทุนว่า กำไรคือคำตอบ เท่ากับเข้าใจว่า "ธรรมาภิบาล" ในระบบทุน ก็จำเป็นต้องมี บริหารมุ่งกำไรตามระบบทุน แต่เน้น...กำไรนั้น ต้องกำไรบนรากฐานคุณธรรม! มีความเข้าใจวิถีไทยเชื่อมโยงเข้ากับเศรษฐกิจระดับฐานราก อย่างล่าสุด ดร.วิรไท แสดงวิสัยทัศน์ผ่านบทความของเขา ที่ชาวบ้านบ่นว่าฝืดเคือง เพราะเศรษฐกิจไม่ดีนั้น โดยความเป็นจริง โดยตัวของเศรษฐกิจบ้านเรา ไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้น แต่เพราะเราติดอยู่กับวัฒนธรรมของฟรี ติดอยู่กับการเมืองประชานิยม ลด-แลก-แจก-แถม ไม่ต้องลงทุน-ลงแรงทำมาหากินอะไร เอาตัวเข้าไปอยู่ในเครือข่ายประชานิยม ก็มีเงิน-มีทอง มีของกิน-ของใช้ สบายด้วย "เศรษฐกิจเทียม" กันจนชิน! พอถึงยุคนี้ เป็น "เศรษฐกิจแท้" ไม่มีประชานิยม ไม่มีลด-แลก-แจก-แถม ไม่มี "โกงไม่เป็นไร ได้แล้วเอามาแบ่งกัน" มีแต่ต้องลงทุน-ลงแรง "ทำมาหากิน" อยู่กับความจริงทางฐานะ-อาชีพ- ความขยันหมั่นเพียร และกลไกโลกที่ ทุกอย่างมีขึ้น-มีลง หมุนเวียนกันไป โลกหมุน.........! แต่เราก็ยืนอยู่ได้ ถ้าเข้าใจตามความเป็นจริงโลก นั่นคือ...ไม่มีแล้ว เรื่องราคารับจำนำบิดเบือนกลไกราคาตลาด เลิกหวังได้แล้วที่...เอะอะก็รอการเมืองอุ้ม รอรัฐบาลอุดหนุนราคา รอรับจำนำทุกเมล็ด ไอ้ที่อดข้าว เอะอะก็...มีหัวโจกรวมตัวกันร้อยคน-สองร้อยคน...... ไปร้องให้รัฐบาลช่วยโน่น-ช่วยนี่ โดยที่ไม่ช่วยตัวเองกันเลย ทั้งที่แต่ละคน มีไร่ มีนา กันคนละ ๕ ไร่ ๑๐ ไร่ ก็ปล่อยร้างนั้น พอกันที.......! กับการเอาปริมาณ "คนกาบัตร" ไปเย้วๆ แลกเงินหลวง ผ่านพรรค-ผ่านนักการเมืองเลือกตั้ง หรือรอ "เงินกองทุน" ซื้อคะแนนนิยม จากพรรคการเมืองที่ให้เอามาโกงกันผ่านคำว่า "เงินกู้ยืมไปลงทุน"! ต่อไปนี้ ประชาชนต้องปรับตัวเองให้อยู่กับ "ความเป็นจริง" ต้องทำมาหากิน ต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง แล้วค่อยๆ ต่อยอดฐานะตัวเองขึ้นไปด้วยลำแข้ง โดยรัฐบาลคอยอำนวยความสะดวกให้ ในการประกอบสัมมาอาชีพ แต่ไม่ใช่เอาเงินมาแจก! นี่คือคร่าวๆ ที่ผมแกะความคิด-มุมมอง "สะท้อนสังคมฐานราก" ของ ดร.วิรไท ผมมองว่า "คนรุ่นใหม่" มีทัศนคติ-มุมมองต่อบ้านเมืองตัวเองได้อย่างนี้ เลือกเป็น "ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ".............. ถือว่าเหมาะสมและสอดคล้องสังคมไทยที่กำลังลอกคราบสู่อนาคตใหม่อยู่ในขณะนี้! ลองคนรุ่นใหม่ดูบ้าง เพราะประเทศชาติ จะต้องเป็นภาระหน้าที่ในการนำพาของคนรุ่นใหม่อยู่แล้ว อีกอย่าง คนรุ่นใหม่ จะทำอะไร ย่อมมองได้ยาวไกลกว่าคน ๖๐ ขึ้นไปเป็นธรรมดา คนรุ่นใหม่ เหมือนคนปีนขึ้นภูเขา ต้องแหงนหน้ามองยอดเขาลิบๆ ในทุกขณะที่ปีน ด้วยหวังพิชิตจุดยอด ส่วนคนแก่แล้วหรือแก่เลี้ยว....... เหมือนคนไต่ลงเขา คนลงเขา ไม่มีใครแหงนหน้ามองสูงหรอก มีแต่มองลงต่ำ มองเตี้ยๆ มองสั้นๆ มองตามทางลาดลงสู่ตีนเขา! มองทำไมตีนเขา? ก็จะให้คนอายุมากมองสูง-มองไกลไปไหนได้ล่ะ มองเพื่อค้นหาด้วยเป้าหมายเดียว คือ ที่เหมาะๆ "ฝังศพตัวเอง"! ฉะนั้น ต่อไปนี้ ผมว่าต้องเปิดโอกาสให้ "คนรุ่นใหม่" ประเภทได้หน้าแต่ไม่ลืมหลัง ไม่ลืมประยุกต์ "ความรวย-ความจน" ให้สรุปอยู่ในความเป็นคนที่ต้องบริหารด้วยความทัดเทียมกันทางนโยบาย ได้เข้ามาอยู่ในวงจรบริหารกิจการบ้านเมืองให้มากๆ ขึ้น ดูอย่างคุณบัณฑูร ล่ำซำ พูดวานซืน......... พวกนักการเงินเก่ง เงินเดือนสูง แต่สติสัมปชัญญะต่ำ ขนาดแบงก์ชาติส่งสัญญาณด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบาย แต่สถาบันการเงินทั้งหลาย ทำเป็นไม่ได้ยิน จะลด...ก็ลดดอกเงินฝาก ส่วนเงินกู้ มันยังโก่งเอากำไรอยู่นั่นแหละ ไทยพาณิชย์ลด กสิกรไทยลด ลดทั้ง ๒ ขา ตามแบงก์ชาติส่งสัญญาณ แต่แบงก์กรุงเทพ ได้ยินนายแบงก์กาฝากแก้มช้ำ เปรยแบบเมินๆ ...ไม่จำเป็น! ผมว่าระดับรัฐบาลก็เหมือนกัน รัฐมนตรี ๓๔-๓๕ คน ระยะแรก น่าจะคัดเอาคนรุ่นใหม่ซัก ๑ ใน ๓ เข้ามาร่วมบริหารประเทศ ใช้มองต่ำคือประสบการณ์จากคน ๖๐ ขึ้นไป ผสมกับมองสูงคือวิสัยทัศน์สู่อนาคตใหม่ของคนรุ่นใหม่ ผสมผสานเป็นการถ่ายเลือด-ถ่ายรุ่นไปเรื่อยๆ ผมว่า ประเทศไทย อาจมีอะไรใหม่ๆ ที่ออกมาแล้ว ทั้งรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ร้อง "เออว่ะ...ใช่เลย" ก็เป็นได้ คุยกันเท่านี้พอ เพราะช่วงนี้ ไม่รู้เป็นไร มันร้อนวูบวาบ หัวหมุน-ตาลายไม่หยุด ผู้ชำนาญการเขาบอกเป็นอาการ "คนวัยทอง" ก็ดีใจ...จะได้รวยทองกะเขาซะที!. อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น