ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

(Jul 29) รบ.รัสเซียเดินหน้ากว้านซื้อทองคำเพิ่ม เดือนที่แล้วฟาดไปอีก “25 ตัน” นักวิเคราะห์ชี้ ปูตินเตรียมรับมือ “เหตุการณ์ไม่คาดฝัน”: ทางการรัสเซียยังคงเดินหน้ากว้านซื้อทองคำในตลาดโลกมาถือครองเป็นทุนสำรองเพิ่มเติม โดยข้อมูลล่าสุดชี้ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลแดนหมีขาวภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ทำการซื้อทองคำในตลาดโลกมากักตุนอีก 800,000 ออนซ์ หรือคิดเป็นกว่า “25 ตัน” ด้านนักวิเคราะห์คาด รัสเซียยังจะกว้านซื้อทองคำไปครอบครองอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รองรับหากเกิด “เหตุการณ์ไม่คาดฝัน”

รายงานข่าวล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ ( 29 ก.ค.) ระบุว่า การกว้านซื้อทองคำไปถือครองเพิ่มเติมของรัฐบาลรัสเซียอีกถึง 25 ตันในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ในเวลานี้ รัสเซียมีทองคำสำรองอยู่ในความครอบครองแล้วมากกว่า “41 ล้านออนซ์” หรือคิดเป็น “1,275 ตัน” ส่งผลให้รัสเซียเป็นประเทศที่ถือครองทองคำเอาไว้มากเป็นอันดับที่ 6 ของโลกในเวลานี้ รองจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส และสาธารณรัฐประชาชนจีน

อย่างไรก็ดี หากนับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา รัสเซียจะถือเป็นประเทศที่มีการกว้านซื้อทองคำเพิ่มเติมสูงที่สุดของโลก โดยในปีที่แล้วเพียงปีเดียว รัฐบาลมอสโกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้กว้านซื้อทองคำมาเก็บไว้เพิ่มเติมมากกว่า 173 ตันแล้ว ตามข้อมูลที่ยืนยันโดยสภาทองคำโลก (World Gold Council) ซึ่งระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้ว รัฐบาลรัสเซียจะซื้อทองคำไปถือครองเพิ่มเติม “เดือนละ 20 ตันเป็นอย่างน้อย”

ข้อมูลระบุว่า ทองคำจำนวนมหาศาลดังกล่าวที่รัฐบาลรัสเซียมีเก็บไว้ในครอบครองนั้น มีสัดส่วนเพียงแค่ 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมื่อเทียบกับทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย ที่มีเก็บไว้ทั้งในรูปของเงินสด เงินตราต่างประเทศ พันธบัตร และอื่นๆ

ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2007 เป็นต้นมา ทางการรัสเซียมีแต่กว้านซื้อทองคำไปสะสมเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และแทบไม่เคยนำทองคำในครอบครองออกขายเลย ยกเว้นในปี 2012 ที่รัสเซียมีการขายทองคำปริมาณน้อยรวม 2 ครั้ง

ด้านเลโอนิด เบร์ชิดสกี คอลัมนิสต์ชื่อดังแห่ง “บลูมเบิร์ก” ซึ่งเคยเป็นบรรณาธิการของนิตยสารฟอร์บส์ เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในรัสเซียให้ความเห็นว่า รัฐบาลมอสโกในยุคของปูตินยังคงให้ความเชื่อมั่นกับการถือครองทองคำในฐานะของการเป็น “สินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์”และสินทรัพย์เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว

เบร์ชิดสกี เผยว่ารัฐบาลรัสเซียน่าจะยังคงเดินหน้ากว้านซื้อทองคำมาถือครองเพิ่มเติมต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีนับจากนี้ หลังเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า การมีทองคำสำรองในความครอบครองเป็นจำนวนมาก สามารถช่วยลดทอนผลกระทบจากการถูกสหรัฐฯและโลกตะวันตกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

“ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทองคำสำรองมีบทบาทอย่างสำคัญ ที่ช่วยให้รัสเซียไม่ได้รับผลกระทบมากนักเมื่อถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร จากผลพวงของวิกฤตการเมืองในยูเครนในช่วงที่ผ่านมา และคงไม่ผิดนัก หากเราจะได้เห็นรัสเซียเดินหน้าเพิ่มการถือครองทองคำต่อไป อย่างน้อยก็ในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และลดทอนผลกระทบหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในเวทีโลก ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสงครามหรือหายนะทางธรรมชาติครั้งเลวร้าย” เลโอนิด เบร์ชิดสกีกล่าว

ทั้งนี้ นอกจากยุทธศาสตร์การถือครองทองคำเพิ่มเติมของรัสเซียแล้ว รายงานข่าวซึ่งอ้างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า ในปัจจุบัน รัสเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วนของหนี้สินภาครัฐที่ต่ำเตี้ยที่สุดในโลก กล่าวคือ รัสเซียมีหนี้สินภาครัฐไม่ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ในขณะที่สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนหนี้ภาครัฐสูงถึง 101 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี และอังกฤษมีหนี้สินภาครัฐอยู่ที่ระดับ 82 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีในเวลานี้

Source: ผู้จัดการออนไลน์

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Thanong Fanclub

กำลังจัดฉากให้ดูเนียนๆ

เป็นที่รู้กันว่าMH370ที่หายเป็นปฏิบัติการทางทหาร เครื่องบินโดนไฮแจ๊คแล้วหายไป ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุ ถ้าเป็นอุบัติเหตุต้องพบซากหลังจากเครื่องตกไม่นานตั้งแต่วันที่8 มีนาคม 2014...นี้ปาเข้าจะปีครึ่งแล้ว ชิ้นส่วนเพิ่งจะโผล่บนเกาะในมหาสมุทรอินเดีย ทั้งๆที่เครื่องบินมีกำหนดบินจากกัวลาลัมเปอร์ไปปักกิ่ง ชิ้นส่วนอาจจะเป็นของจริงก็ได้ เอามาร่อนทีหลัง อยากรู้ความจริงต้องอดทน ไม่รีบด่วนสรุป เวลาเป็นตัวกำหนด

อ่านข่าวดู:

มาเลย์รุดส่งทีมตรวจสอบซากปริศนาบนเกาะมหาสมุทรอินเดีย หลังลือเป็นMH370

เอเอฟพีASTVผู้จัดการ - มาเลเซียรุดส่งคณะผู้เชี่ยวชาญไปดำเนินการตรวจสอบซากเครื่องบินปริศนาที่ถูกซัดเกยตื้นเกาะเรอูว์นียงของฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ท่ามกลางข่าวลือว่ามันอาจเป็นชิ้นส่วนเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่สูญหายอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเดือนมีนาคมปี 2014 กระทรวงคมนาคมแดนเสือเหลืองเผยในวันพุธ(29ก.ค.)

เศษซากความยาว 2 เมตร ซึ่งน่าจะเป็นชิ้นส่วนปีก ถูกพบโดยผู้คนที่กำลังทำความสะอาดชายหาดในวันพุธ(29ก.ค.) กระพือข่าวลือว่ามันอาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินที่สูญหายไปนานปีกว่า ท่ามกลางคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ที่เชื่อว่ามันน่าจะเคยอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน เนื่องจากมีเปลือกหอยติดอยู่

นายเหลียว เตียง ไหล รัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย บอกกับผู้สื่อข่าวในนิวยอร์กว่า "ไม่ว่าเศษซากใดที่พบ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเสียก่อน แล้วเราถึงจะสามารถยืนยันเพิ่มเติมได้ว่ามันเป็นของเที่ยวบิน MH370 หรือไม่" เขากล่าวพร้อมเผยว่า "ดังนั้นเราจึงส่งทีมไปตรวจสอบเรื่องนี้ และเราหวังว่าจะสามารถระบุเอกลักษณ์ของมันเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

เจ้าหน้าที่ขนส่งทางอากาศของฝรั่งเศสได้ดำเนินการตรวจสอบหาที่มาที่ไปของซากดังกล่าวแล้ว โดยที่ ซาเวียร์ ไทเทลมาน ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยด้านการบิน ให้ความเห็นว่าไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่เศษซากดังกล่าวจะเป็นของเที่ยวบิน MH370 ซึ่งสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อกว่าหนึ่งปีก่อน

จนถึงตอนนี้ยังไม่พบเศษซากใดๆของ MH370 ที่กลายเป็นหนึ่งในเหตุลี้ลับทางการบินครั้งพิศวงที่สุด แต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มาเลเซียประกาศอย่างเป็นทางการว่าการหายสาบสูญเที่ยวบิน MH370 เป็นอุบัติเหตุและผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คนเสียชีวิตทั้งหมด

เครื่องบินเที่ยวจากกัวลัมลัมเปอร์ ลำนี้สูญหายไปในยามค่ำคืนเหนือทะเลจีนใต้ หลังวกกลับจากที่ต้องบินขึ้นเหนือเพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางกรุงปักกิ่ง ขณะที่ ไทเทลมาน ตั้งข้อสังเกตว่าภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนท้องถิ่น เผยให้เห็นถึงความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อระหว่างชิ้นส่วนปีกโบอิ้ง 777 กับเศษซากที่พบ ทั้งนี้โบอิ้ง 777 เป็นรุ่นเดียวกับเครื่องบินที่สูญหาย

นอกจากนี้เขายังตั้งข้อสังเกตหมายเลข BB670 บนเศษซากดังกล่าวว่า "รหัสนี้ไม่ใช่หมายเลขทะเบียนเครื่องบินหรือหมายเลขสินค้า แต่ชัดเจนว่าหมายเลขอ้างอิงนี้จะช่วยให้ระบุเอกลักษณ์ของมันได้อย่างรวดเร็ว และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราจะได้คำตอบที่แน่ชัด"

ปฏิบัติการค้นหาที่นำโดยออสเตรเลีย สอดส่องไปทั่วครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 50,000 ตารางกิโลเมตรของพื้นทะเล โดยราว 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ค้นหาอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสรุปผ่านการวิเคราะห์สัญญาณจาก MH370 ที่ตรวจจับได้โดยดาวเทียมลูกหนึ่ง ทว่าจนถึงปัจจุบันการค้นหากลับไม่พบอะไรเลยยกเว้นตู้คอนเทนเนอร์ของเรือขนส่งสินค้าและซากเรือเก่าๆเท่านั้น

30/7/2015

 

 

 

 

11822446_374032729459774_5008608415463756118_n.jpg?_nc_eui=AWiDSxjcJOU6Locxss9GkFtw_Rg8QBRi5w0COQ&oh=5ad0641cdc8767e727796b685f1fc4a6&oe=56411EFE

11825565_374032759459771_1164472069352439196_n.jpg?_nc_eui=AWim6k6_FgHC2dBnDnLhv2v_G3dTWjgCC75qvw&oh=01e266fdd8b90522f61dc42795d93870&oe=5611998C

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ไทยต้อง 'แท้งกิ้ว อเมริกัน'/เปลว สีเงิน

 

 

 

 

 

 

 

www.thaipost.net

THAIPOST.NET

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

 

 

แฉ..ความลับ added 6 new photos.

1 hr · Edited ·

 

 

แฉ..ปูตินเปิดโปงอเมริกาว่าคือเจ้าพ่อค้ามนุษย์ ส่วนชาวโรฮีนจาโวย UNHCR ตบทรัพย์คนจน

11143501_374253816097985_7884552850395887247_n.jpg?_nc_eui=AWhWhvsxI59lMUPMm64hh8pfJPJ2LQQtOclDGw&oh=1a5226af4bba445b4959dd1e9a89ff92&oe=5653EDE911822285_374253862764647_1911826947990876791_n.jpg?_nc_eui=AWgzULcx3_KAWOFhR6sdP3uoWWS2VZ_qzaSsig&oh=59f5c31fec64327f574b3b623d7a74e4&oe=565884E011252163_374253882764645_3349041135297869499_n.jpg?_nc_eui=AWjygtbV-riK0_R40gt11-xGcOxCvdjylCGHTw&oh=bc0b57fa6a47ec12a77d939dda3efbb3&oe=5654B6B9&__gda__=1447870515_5aa187e48922efa04dbc9791906d627111817152_374253932764640_748275075695839074_n.jpg?_nc_eui=AWiUjIhqSTBcJv9-J157XEewQLUyIQKZqxTIdQ&oh=665fd515fb522cfab2b1764644b714d7&oe=564395C211825025_374253916097975_7564420406333239175_n.jpg?_nc_eui=AWjuSttYS3lVYr3QmHKZCOZmZQvwGto2nPQ0Fg&oh=fad0eadd05b13b9ed9cdac6377c5e5ea&oe=565784DE

จากกรณีมีผู้อพยพเกือบ 140,000 รายต่อเดือน ทะลักเข้ายุโรป ผ่านทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้น ประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซียออกมาแฉแล้ว ว่าขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้ คือ อเมริกา และ UNHCR นั่นเอง โดยเรือขนส่งผู้อพยพเหล่านี้เป็นเรือราคาแพงๆ ดีๆ ทั้งนั้น

แต่ละลำจะมีชายฉกรรจ์ที่เป็นชาวตะวันตกเอง หรือกลุ่มติดอาวุธที่อเมริกาหนุนหลัง คุ้มกันผู้อพยพเหล่านี้มา โดยการเก็บค่าหัวจากผู้อพยพทุกราย คิดง่ายๆ ว่าผู้อพยพเกือบ 140,000 รายต่อเดือน แค่เก็บค่าหัวคนละ 1 แสนบาท

 

แค่นี้เงินทองจากการค้ามนุษย์ ก็ไหลเข้าอเมริกา แบ่งกับ UNHCR อู่ฟู่แล้ว..นี่แหละคือองค์กรค้ามนุษย์ของโลกตัวจริงเลย ไม่รู้จะจัดเป็นเทียร์ไหน เพราะมันเลวร้ายเกินกว่าจะจัดอันดับให้ นี่มันประเทศ "ฆ่ามนุษย์" ชัดๆ

ด้านนายไมเคิล มูฮัมหมัด รอฟิค ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพ ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้เขียนจดหมาย ส่งไปทางตู้ ปณ.1111 ส่งไปยังศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขอความช่วยเหลือไปยัง บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช. ความโดยสรุปว่า

"เขาเป็นผู้อพยพพลัดถิ่นชาวโรฮีนจา หนีเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2540 ลงทะเบียนกับ UNHCR เมื่อ 27 กรกฎาคม 2548 และเขาเป็นตัวแทนของผู้อพยพพลัดถิ่นชาวโรฮีนจา ที่อยู่อาศัยตามค่ายผู้ลี้ภัยหลายแห่งในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2550

เข้ายื่นเอกสารขอสถานะผู้ลี้ภัยแก่ UNHCR ตั้งแต่ปี 2548 แต่ด้วยเขาจนไม่มีเงินจ่ายส่วยติดสินบนให้ ทาง UNHCR จึงให้คนรวยได้ลี้ภัยไปก่อน ส่วนคนจนๆ ไม่ให้สถานะผู้ลี้ภัย ทำให้พวกเขามี ชีวิตความเป็นอยู่อย่างสิ้นหวัง และต้องดิ้นรน ทำให้เขาต้องร้องขอความเห็นใจจากบิ๊กตู่ และเชื่อว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยที่ยอดเยี่ยม

เขาสวดภาวนาให้บิ๊กตู่ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีไปอีกนาน เพราะพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากท่าน เขาหวังว่าท่านจะช่วยเหลือในการมอบสถานะผู้ลี้ภัยแก่พวกเขาได้ และ ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้" (ภาพทั้งหมดเป็นภาพชาวโรฮินจาประกอบบทความ ไม่ใช่ นายไมเคิลฯ )

เป็นไงล่ะ..เพจนี้ บอกเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ว่า UNHCR คือองค์กรเจ้าพ่อค้ามนุษย์ใหญ่ของโลก ร่วมกับอเมริกา ใครจะลี้ภัยต้องจ่ายส่วย ถ้าใกล้อย่างเขมรก็หัวละ 11 ล้านบาท ถ้าไกลอย่างอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ก็แพงระยับ

ทีนี้เข้าใจตาสว่างกันหรือยัง ว่าทำไมเขาเลือกเอาไปเฉพาะคนรวยๆ และพวกขบวนการล้มเจ้า เพราะสิ่งคล้ายคนพวกนี้ มีสปอนเซอร์จ่ายกระเป๋าหนักให้ UNHCR นั่นเอง..เอ..เรื่องนี้นักข่าวช่องน้อยสี หน้าตาคล้ายโรฮินจา ต้องไปทำสกู๊ปข่าวเปิดโปงนะ

ว่าพวกชาวโรฮินจาพวกนี้ ต้องจ่ายส่วยให้องค์กร UNHCR เท่าไร ถึงจะเข้าสู่ธุรกิจค้ามนุษย์นี้ และลี้ภัยไปชาติตะวันตกได้..อับอายไปทั่วโลกไหมนั่น โดนชาวโรฮินจาแฉ ซะขนาดนี้ ต้องประจานเรื่องนี้ป่าวประกาศไปให้ทั่วๆ โลก

@ เสธ น้ำเงิน2

** เปิดช่องทางใหม่ แจ้งความประสงค์รับ หนังสือรวมเล่ม แฉ ความลับ "ส่งทั่วประเทศ" ผ่านเว็ปไซต์ Lazada คลิ๊กไปที่ http://www.lazada.co.th/books-online/rakchart-department หรือคลิ๊กไปดูรายละเอียดที่https://t.co/KxhM77h8oO

“กติกา" คอมเม็นท์โปรดงดคำหยาบ , ป่วน , ภาพ สามารถติดตามข่าว สอบถามรวมเล่มหนังสือ แฉ ความลับ คลิ๊กไปที่https://www.facebook.com/topsecretthaibook

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

 

คลีนิกหมอสังคม (Sungkom Clinic)

2 hrs ·

 

ยก บิดเล็กน้อยพอหมาด ผ้าต้องชุ่มน้ำพอสมควรเพื่อดึงความร้อนออกจากร่างกาย

4. เวลาเช็ด: ลงน้ำหนักที่มือออกแรงถูเล็กน้อยเพื่อให้ผ้าสัมผัสกับผิวลูก

5. ระหว่างเช็ดตัวจะวางผ้าชุบน้ำบริเวณซอก/ข้อพับต่างๆที่มีเส้นเลือดไปเลี้ยงจำนวนมาก ได้แก่ หน้าผาก ซอกคอ ซอกรักแร้ ซอกขาหนีบ และ ข้อพับเข่าด้านหลัง เมื่อผ้าอุ่นชุบน้ำวางใหม่อีก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความร้อนในตัวได้พอสมควร

6. วิธีเช็ดตัว: เริ่มเช็ดจากบริเวณใบหน้าตั้งแต่หน้าผาก เช็ดให้ทั่วใบหน้าไล่ลงมาที่ซอกคอ ไล่จนถึงต้นแขน รักแร้ ลำตัว เช็ดเข้าหาหัวใจทั้งด้านบนและด้านล่างของลำตัว เท้าเริ่มจากปลายเท้าถึงต้นขา เช็ดด้านหน้าเสร็จให้เช็ดด้านหลังในวิธีเดียวกัน เวลาที่เช็ดประมาณ 10-15 นาที

ข้อควรระวังในการเช็ดตัว: ถ้าอยู่ในห้องแอร์ควรอุ้มลูกออกมาเช็ดตัวด้านนอกเพราะอุณหภูมิห้องจะทำให้เด็กหนาวเกินไป

ถ้าเช็ดตัวถูกวิธีไข้จะลดลงทันทีประมาณ 1-2 องศา วิธีที่จะลดไข้เพิ่มเติม ได้แก่ การดื่มน้ำก็ช่วยระบายความร้อนออกทางปัสสาวะและผิวหนัง สำหรับการทานยาลดไข้จะใช้เวลาออกฤทธิ์ประมาณ 15-30นาที

 

 

 

 

11760218_936668606374594_7100358733764374904_n.png?_nc_eui=AWhaTIduBRxuQslENV4SlneALyFyk_usUc_fBw&oh=8292daf64cd1e103b60532b326c42b28&oe=5656601C

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11817064_10153434226287226_7024690198403526204_n.jpg?_nc_eui=AWgG7eLr43yeZrD_QMkJxAYx9Vi2zzgodGqFPA&oh=e41c9f28c0707f819bbbe9b742a714e2&oe=563FDB6811701128_10153434226297226_5348133574130598413_n.jpg?_nc_eui=AWhiYdOaNSnW0UMMwsJQ1lC2fmPlTODQt-os1Q&oh=4f9f63224bc53b52af7f96b640a5306b&oe=560F856E11822551_10153434226302226_2832816549404312251_n.jpg?_nc_eui=AWhLmMqOLWp1IC6q-CDASj7MmzB0JrRMyh224w&oh=4707cf5d36a059fa56b5a87f75377afb&oe=5652C58B

เด็กที่ได้รับการปลูกถ่ายมือคนแรกของโลก

Zion Harvey เด็กชายวัย 8 ขวบ ในสหรัฐอเมริกา ต้องสูญเสียแขนทั้งสองข้างไปด้วยอาการติดเชื้อ แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาทีมแพทย์รวมถึงเจ้าหน้าที่กว่า 40 คน ของโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ได้ทำการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายมือทั้งสองข้างให้กับเขา โดยใช้เวลาในการผ่าตัดนานถึง 11 ชั่วโมง และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้มาการแถลงข่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ ตอนนี้มือของเขาสามารถขยับได้เล็กน้อย ทีมแพทย์เผยว่าไซออนได้กลายเป็นผู้ป่วยที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกที่เข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ

_______________________________

สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ www.nextsteptv.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องน่ารู้เกี่ยวการใช้ยาปฏิชีวนะครับ

และอีกหลายกลุ่มอาการที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ

อยากรู้ว่ามีอะไรอีกบ้าง ปรึกษา "แพทย์และเภสัชกร"ใกล้บ้านท่านได้นะครับ

เครดิต...http://newsser.fda.moph.go.th/…/userfiledownlo…/asu136dl.pdf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีพี่น้อง.. ... ...

 

เรือเดินทะเล ท้องฟ้างาม คลื่นกระเซ็น

95f3323cde25a51296f2248bdabb08f7.jpg

by .Michael A.SATAROV--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

11836732_374585952731438_5418867572716669349_n.jpg?oh=e95be8f8c9850f30de4d0264a0523f9f&oe=564F1D45

 

 

แฉ..ความลับ added 18 new photos.

8 hrs · Edited ·

 

ไขปริศนา..ทำไมพระพุทธเจ้าต้องเทศถวายพระพุทธมารดานาน 3 เดือน และวัดอารามเกิดในสมัยโบราณเพราะอะไร?

11811385_374585806064786_4433034153217601553_n.jpg?oh=714b672c37735cf1d1f26276287bafc3&oe=5641746B

 

พระนางสิริมหามายา พระมารดาพระพุทธเจ้าเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ก็เสด็จบังเกิดที่สวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อแสดงยมกปาฏิหาริย์ให้เป็นที่ปรากฏแล้ว พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเสด็จจากจงกรมแก้วที่นิรมิตขึ้นเหนือยอดไม้คัณฑามพฤกษ์ ก้าวพระบาทขวาเหยียบยอดภูเขายุคันธร แล้วยกพระบาทซ้ายก้าวเหยียบยอดเขาสิเนรุ

เสด็จขึ้นไปประทับ ณ พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ซึ่งเป็นพระแท่นที่ประทับของพระอินทร์ ภายใต้ร่มไม้ปาริชาต ต้นไม้สวรรค์มีอยู่ในสวนของพระอินทร์ (หมายถึงต้นทองหลาง) เพื่อแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระพุทธมารดา อันเป็นธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ปฏิบัติมาในอดีต

ฝ่ายท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) เมื่อทราบว่าพระบรมศาสดาเสด็จขึ้นมาประทับ ณ พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ก็มีความรู้สึกปีติยินดี รีบป่าวประกาศแก่เหล่าเทพยดาทั้งหลายให้มาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเพื่อฟังธรรม เสียงป่าวประกาศของพระอินทร์นั้น ดังปกแผ่ทั่วไปในสกลเทพยธานีทั้งหมื่นโยชน์

11796224_374585879398112_3159593916163520389_n.jpg?oh=7eb942daab9dc05a7389669f099e8a4b&oe=5649DCFE

เทพเจ้าทั้งปวงได้สดับก็บังเกิดโสมนัสพิศวง ต่างองค์ร้องเรียกซึ่งกันและกันต่อๆ กันไปจนตลอดถึงหมื่นจักรวาล ครั้นพระพุทธองค์มิได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธมารดาจึงตรัสถามถึง ท้าวสักกเทวราชได้เสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อทูลเชิญเทพธิดาเจ้าสิริมหา มายาพระพุทธมารดาเพื่อให้มาฟังธรรม

พระพุทธมารดาได้สดับทรงพระปีติปราโมทย์ รีบมาฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เมื่อพระพุทธมารดา เสด็จมายังดาวดึงส์เทวพิภพ ถวายนมัสการประทับนั่งอยู่เบื้องขวาแห่งพระผู้มีพระภาค พลางดำริว่ามีบุญยิ่งนัก มีเสียทีที่อุ้มท้องมา ได้พระโอรสอันประเสริฐเห็นปานนี้

ส่วนพระพุทธเจ้า มีพระทัยปรารถนาจะสนองคุณพระมารดาจึงดำริว่า “พระคุณแห่งมารดาที่ทำไว้แก่ตถาคตนี้ยิ่งใหญ่นัก สุดที่จะคณานับได้ว่า กว้างหนาและลึกซึ้งปานใด และธรรมอันใดจึงจะสมควรที่จะทดแทนพระคุณได้ พระวินัยปิฎก และพระสุตตันตปิฎกก็ยังน้อยนัก มิเท่าคุณแห่งพระมารดา เห็นควรแต่พระอภิธรรมปิฎกที่จะพอยกขึ้นชั่งเท่ากันได้”

ดำริดังนี้แล้วพระบรมศาสดา ได้ยกพระหัตถ์เบื้องขวาออกจากจีวร ทรงกวักพระหัตถ์เรียกพระพุทธมารดาว่า “ดูกรชนนี ขอพระพุทธมารดาเสด็จเข้ามาประทับใกล้ ๆ เถิด พระแม่เจ้าได้อุ้มท้องประคับประคองเลี้ยงดูด้วยน้ำนมจะใช้ค่าน้ำนมข้าวป้อนของมารดา เลี้ยงตถาคตนี้มาแต่อเนกชาติในอดีตภพ”

และป้อนข้าวแต่อเนกชาติ ตถาคตขอโอกาสโปรดสนองพระคุณสูงค่าอันหาประมาณมิได้ ด้วยพระธรรมเทศนา ตลอดถ้วนไตรมาส (ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เสด็จขึ้นมาจำพรรษา ณ ดาวดึงส์พิภพ) เพื่อให้พระพุทธมารดาได้บรรลุอริยมรรคอริยผลสมดังที่ทรงพระอุตสาหะเสด็จมา”

พระพุทธองค์ได้ทรงโปรดแสดงพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ สนองคุณมารดา พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงพระอภิธรรมแก่พระมารดาตลอด 3 เดือน มิได้หยุดพักเลย ในเวลาภัตตกิจ ก็ทรงเนรมิต พระพุทธนิมิต (พระพุทธเจ้าองค์แทน) ให้แสดงธรรมแทน ส่วนพระองค์นั้น มาพักผ่อน ที่สระอโนดาตในอุกุตรกุรุทวีป แล้วแสดงอภิธรรมให้พระสารีบุตรที่นั่น

ในครั้งนั้นเหล่ามหาชนต่างพากันโศกเศร้าคร่ำครวญ ปรึกษากันว่าเมื่อแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วพระบรมศาสดาได้เสด็จหายไปฉะนี้ เปรียบเสมือนดวงเดือนหรือดวงตะวันตกหายไปจากโลก ต่างประสงค์จะทราบว่าเวลานี้พระศาสดาแสด็จไปประทับ ณ ที่แห่งใด จึงพร้อมใจกันเข้าไปถามพระโมคคัลลานะเถระ

พระอัครเสนาบดีแม้จะทราบดี แต่เพื่อถวายความเคารพแก่พระอนุรุทธเถระจึงบอกให้มหาชนไปสอบถามพระเถระ พระอนุรุทธได้บอกแก่มหาชนว่าบัดนี้พระบรมศาสดาได้เสด็จขึ้นไปแสดงพระธรรม เทศนาโปรดพระพุทธมารดาและจำพรรษา ณ ดาวดึงส์พิภพเป็นเวลา 3 เดือน แล้วจะเสด็จพระราชดำเนินกลับสู่โลกในวันมหาปวารณาออกพรรษา

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดาตลอด 3 เดือน เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงสัตตปกรณาภิธรรมเทศนาจบลง องค์พระสิริมหามายาพุทธมารดา ได้ฟังธรรมจนดวงตาเห็นธรรมแล้ว ทรงบรรลุโสดาปัตติผล ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นอนาคามี และจะได้เลื่อนระดับชั้นไปสู่พระนิพพานในที่สุด ส่วนเทพนอกนั้นอีกจำนวนมาก ได้บรรลุมรรคผลตามสมควรอุปนิสัยแห่งตน

11825714_374585926064774_2034448859525934706_n.jpg?oh=da48b173b48a2a63e5b46dfd393fcb5c&oe=565357A3

 

พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำแม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือนในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี

เว้นแต่มีกิจธุระคือเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน นอกจากนี้หากระหว่างเดินทางตรงกับวันหยุดเข้าพรรษาพอดี พระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมือง ก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม

ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆ องค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่าที่อยู่สงฆ์ จากนั้นพระสงฆ์ก็ออกจาริกตามกิจต่อไป ถึงหน้าฝนใหม่ก็กลับมาพักอีกเพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พักเรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้ โดยปกติเครื่องใช้สอยของพระตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขาร อันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน

และกว่าพระจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้พระได้ผลัดเปลี่ยน ดังนั้น "เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน

 

11813452_374586036064763_236013626263058993_n.jpg?oh=7843e7dfb275e587eba92fb1bae2872d&oe=563922C5

11825883_374586066064760_1612335324303176692_n.jpg?oh=4d271a137c09822201a1721b4da0672e&oe=56501018

11229822_374586002731433_305214217799067937_n.jpg?oh=8335b8d995b8bd5008a655c1f693c938&oe=56408E92&__gda__=1447534553_a720bb95168ed8204c545641513f963c

วันเข้าพรรษาจึงเป็นวันเริ่มต้นที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องอธิษฐานจำพรรษาอยู่กับที่ ไม่เที่ยวจาริกไปยังที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 3 เดือน ต่อมาถือเป็นโอกาสดีที่พระภิกษุจะได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อศึกษาธรรมะ ส่วนชาวบ้านก็ได้เข้าวัดถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรม และเจริญภาวนาเพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลโดยมีพระภิกษุเป็นแบบอย่าง

ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่น ๆ ขณะเดียวกัน ก็มีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งนิยมถือเอาวันเข้าพรรษาเป็นวันเริ่มต้นที่จะอธิฐานจิตลด ละ ความชั่วทั้งหลาย ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส และทำความดีเพิ่มขึ้น

พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของพระเป็นพิเศษ เป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันเข้าพรรษา การถวายผ้าอาบน้ำฝน และการถวายเทียนพรรษา ถวายเครื่องสักการะบูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น พร้อมฟังเทศน์ ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด

บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น ครั้นต่อมาจึงเกิดประเพณีนิยมบวช 3 เดือน บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลานของตน โดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับอานิสงส์อย่างสูง

11825923_374585782731455_7394253289183052582_n.jpg?oh=5c4a52d891149aff7aead4db9ce94cf0&oe=560DDA83&__gda__=1448814346_5842f3fa3a6680f019cd712fa2022122

 

นอกจากนี้ยังมีประเพณีสำคัญ คือ "ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา" ที่กระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษา ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณกาลและมีอยู่เป็นประจำทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษาพระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้า – เย็น และในการนี้จะต้องมีธูป – เทียนจุดบูชาด้วย

พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็นการกุศลทานอย่างหนึ่ง เพราะเชื่อกันว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบทนั้นการหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้ว ก็จะมีการแห่แหนรอบพระอุโบสถ 3 รอบ

แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม โดยถือว่าเป็นงานประจำปีเลยทีเดียว จากที่เล่ามาตั้งแต่ความเชื่อเรื่องสวรรค์ฟ้า การเทศโปรดพระพุทธมารดา ประเพณีการเข้าพรรษา จะเห็นได้ว่าความเชื่อเหล่านี้หล่อหลอมให้มนุษย์เป็นคนดี

ให้มารวมกลุ่มกันทางสังคม และร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ รู้จักการให้กับผู้อื่น ทำให้สังคมชาวพุทธ ผสานกับวัฒนธรรมชนเผ่าไทย ผสมเข้ากันอย่ามกลืนในวิธีชีวิตชาวสยาม และประจวบเหมาะกับชนเผ่าไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นหลักชัยมายาวนานเป็นพันปี

11811410_374585722731461_4090792218184462909_n.jpg?oh=241c3e99e2b7834c6ccd73d2a8695245&oe=564F16B1

 

จึงทำให้สังคมไทยมีความแข็งแกร่ง ชาติตะวันตกจึงแทรกแซงปลุกระดมให้ไทยต้องมีนักการเมืองปกครอง อ้างว่าเป็นตัวแทนและเป็นปากเป็นเสียง ทำให้สังคมไทยเริ่มแตกแยก แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ตามรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องแตกแยกเอาไว้ก่อนเพื่อให้ปกครองง่าย ต่อมาเกิดการรวยกระจุกหมู่นักการเมือง

และจนกระจายในหมู่ประชาชน ความแตกแยกทางความคิดในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งนานวันก็สร้างรอยร้าวลึก ผู้คนหลงลืมคำสั่งสอนทางศาสนาของพระศาสดาที่เน้นความพอเพียง ละทิ้งวัตถุนิยม ต่างชาติและนักการเมืองจึงยุยงผู้คนในสังคมหันมาใช้อาวุธสงครามเข้าทำร้ายกัน

หากคนไทยไม่ยอมละทิ้งจากระบบทุนนิยมสุดโต่ง แต่กลับหนีห่างจากศาสนา หลงกลต่างชาติที่อ้างประชาธิปไตย แต่เป้าหมายคือทำลายสถาบันหลักของชาติ ทำลายรากฐานความเข้มแข็งของสังคมไทย ยอมเป็นทาสความคิดของต่างชาติตะวันตกและนักการเมือง ก็ยากที่สังคมไทยจะหาความสงบสุขกลับคืนมาได้ดังเก่า

จึงขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ความว่า "ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข"

@ เสธ น้ำเงิน3

** แจ้งข่าวหนังสือรวมเล่ม แฉ ความลับ " ตอน 2 ผ่าแผนพยัคฆ์หมอบพลาดชนวนตาย" ที่ตื่นเต้น ลึกลับ ซ่อนเงื่อน เร้าใจ ออกแล้ว สามารถดูช่องทางรับหนังสือได้ 4 วิธีทั่วประเทศ คลิ๊กไปที่ https://t.co/KxhM77h8oO

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...