ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 23, 2016 (มีการแก้ไข) รวมทหารเสือฯ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าที่นายกฯคนที่ 29 ของไทย และเป็นทหารเสือราชินี คนแรก ที่เป็นนายกฯ ท่ามกลางทหารเสือ เก่า และปัจจุบัน รวมทั้ง บิ๊กปํอก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบทบ. "บิ๊กตู่" นำครม. -ผบ.เหล่าทัพ อวยพรวันเกิด "ป๋าเปรม" #NationTV ป๋ามั่นใจ "นายกฯ-บิ๊กป้อม" สร้างความปรองให้ประชาชนได้ วอนเหล่าทัพต้องรักสามัคคี เป็นพี่เป็นน้องกัน จะสร้างเกียรติประวัติ "กองทัพ" ของประชาชน ถูกแก้ไข สิงหาคม 23, 2016 โดย ginger 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 23, 2016 Cr ปฐมพงษ์ โพธิประสิทธินันท์ รัสเซียประกาศจับจอร์จ โซรอส: ไม่ว่าเป็นหรือตาย ถ้าบ่อนทำลายชาติจากภายนอกที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงภายในคือโรคร้ายเรื้อรัง วิธีจัดการโรคนี้ของรัสเซียคือถอนรากถอนโคนแบบองค์รวม (Holistic Healing) ไม่ใช่แค่ตัดเนื้องอกออกมาหรือรักษาตามอาการแบบไทยๆ อย่างที่ไทยแสนจะถนัดเพราะใจยังไม่ถึงพอ รัสเซียมองเห็นว่ากลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในรัสเซียล้วนมีเงินจ้างวานมาเพื่อบั่นทำลายสังคมรัสเซียทั้งสิ้น หลังจากสืบเสาะแล้วพบว่าที่มาแหล่งเงินคือที่เดียวกัน อันได้แก่จอร์จ โซรอส รัสเซียรีบออกกฎหมายมากวาดล้าง NGOs หน้าไหว้หลังหลอกที่ทำงานให้สหประชาชาติและมะกันทิ้งทั้งกระบิเมื่อปีที่แล้ว คนเหล่านี้พากันอพยพออกจากรัสเซียกันแบบจ้าละหวั่น เป็นที่รู้กันดีว่าจอร์จ โซรอสคือกุนซือรัฐบาลมะกันที่คอยชี้นิ้วบั่นทอนเสถียรภาพของสังคมรัสเซีย แถมยังเคยทำลายเศรษฐกิจรัสเซียมาแล้ว และยังอยู่เบื้องหลังความพยายามทำลายสังคมรัสเซียอีกต่างหาก นอกจากจอร์จ โซรอสแล้วยังมีเฮนรี คิสซิงเจอร์อีกคน วันนี้ รัสเซียประกาศจับจอร์จ โซรอสไปแล้ว เพราะแก้ปัญหาต้องแก้ที่เหตุ ถ้าถอนรากถอนโคนต้นตอปัญหาออกได้ ปัญหาก็จะหมดไปเอง สังคมไทยก็เคยถูกจอร์จ โซรอสปล้นค่าเงินไปหนหนึ่ง แต่นั่นแหละครับ คนไทยยังใจไม่ถึงเท่ารัสเซีย เลี้ยงไข้เอาไว้จนใหญ่โตแล้วค่อยมาหาทางแก้กันทีหลัง แม้จนบัดนี้ ก็รู้ๆอยู่ว่า NGOs รับงานมาจากใครแต่ไม่เห็นมีใครคิดออกกฎหมายมาคุมเลย 22 สิงหาคม 2559 *ถ้าจะแชร์ โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจนและหากจะวิจารณ์ โปรดใช้คำสุภาพเพื่อป้องกันการละเมิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้ภาษาให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย ผมพยายามลบข้อความวิจารณ์ที่หยาบและสะกดผิดออกทุกครั้งที่เห็น ในกรณีที่วิจารณ์ไม่เข้าเรื่องหรือหยาบเกินไปบ่อยๆ ผมอาจจะบล็อคไม่ให้วิจารณ์อีกนะครับ 'สุทิน'ปลุกพลังโซเซียลล้างสื่อชั่ว แนะตอบโต้'พวกขายตัว-ป่วนชาติ' 22 ส.ค.59 นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโส และคอลัมนิสต์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว 'Sutin Wannabovorn' แสดงความคิดเห็นกรณีหลังมีกระแส 'สื่อ' รับเงินมาจาก จอร์จ โซรอส… NAEWNA.COM อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 23, 2016 ดื้ออาญา...หนักหนากว่าดื้อยา! โดย สิริอัญญา วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2559 ธัมมชโยถูกศาลส่วนอาญาออกหมายจับเพราะเหตุขัดขืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียก และได้รู้เห็นเป็นใจให้มีการขัดขวางการเข้าจับกุมของเจ้าพนักงานต่อเนื่องมาเป็นเวลานานแล้ว จนกระทั่งถึงบัดนี้ก็ยังคงขัดขืนหมายของศาลและไม่มีทีท่าว่าจะยอมปฏิบัติตามหมายศาลนั้น อันการปกครองของประเทศไทยเรา อำนาจตุลาการเป็นอำนาจสำคัญที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ทางศาล ดังนั้นหมายศาลซึ่งก็คือคำสั่งของศาลให้เจ้าพนักงานทำการจับกุมธัมมชโย จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นการใช้อำนาจตุลาการโดยศาล ซึ่งกระทำการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ มีความขลัง เทพารักษ์เจ้าที่และภูตผีทั้งหลายยังต้องหลีกหนี ด้วยยำเกรงพระบารมีแห่งพระเจ้าแผ่นดิน พระผู้ทรงทศพิธราชธรรมและมีพระเมตตาคุณอันยิ่งแก่เหล่าสัตว์ทั้งหลาย แต่ธัมมชโยกลับดื้อดึงไม่ยอมรับปฏิบัติตามหมายของศาลราวกับว่าตั้งตัวอยู่เหนือกฎหมาย แบ่งแยกแผ่นดินนี้ออกเป็นส่วนของตน ที่มีการขัดขวางเจ้าพนักงานไม่ให้ปฏิบัติตามหมายศาลได้ทั่วราชอาณาจักร การกระทำของธัมมชโยแบบนี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่บรรดาผู้เลื่อมใส ซึ่งจำนวนมากถูกดำเนินคดีอาญาฐานฝ่าฝืนกฎหมายประการต่าง ๆ รวมไปถึงลูกศิษย์ทั้งที่ห่มเหลืองและไม่ห่มเหลืองให้ต้องคดีอาญา กระทั่งถูกออกหมายจับตามมาอีกหลายคน อันเป็นการผิดวิสัยของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพระสงฆ์ ความจริงธัมมชโยนั้นต้องพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชว่าเป็นปาราชิกขาดจากความเป็นภิกษุมาช้านานแล้ว แต่บรรดาลิ่วล้อบริวารช่วยกันโอบอุ้มเอาไว้ มิหนำซ้ำยังตั้งเป็นเจ้าอาวาสและขอพระราชทานสมณศักดิ์เพิ่มให้อีก ซึ่งผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่สามารถที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสหรือขอพระราชทานสมณศักดิ์ได้อีกเลย ประชาชนทั่วประเทศเฝ้าจับตามองถึงเหตุการณ์ที่ธัมมชโยตั้งตนไม่ขึ้นต่อกฎหมายบ้านเมือง ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองดังที่เป็นอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่ประชาชนรอคอยอยู่นั้น ก็ปรากฏถึงกรรมอันธัมมชโยและคณะได้ก่อขึ้นกับคนไทยและบ้านเมืองนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าการบุกรุกที่หลวง หรือการยักยอกและการฟอกเงินอีกหลายคดี ล่าสุดธัมมชโยก็ถูกศาลจังหวัดเลยออกหมายจับเพิ่มอีกคดีหนึ่งแล้ว และคงจะมีคดีตามมาอีกหลายคดี โดยที่สถานการณ์มาถึงวันนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าในกรณีที่มีการจับตัวธัมมชโยก็ดี หรือเข้ามอบตัวเองก็ดี กรณีย่อมไม่อาจให้ประกันตัวได้ตามกฎหมายอีกต่อไปแล้ว ประกอบทั้งเมื่อมีคดีพัวพันจำนวนมาก ยากจะหลุดรอดไปจากกระแสแห่งความยุติธรรมได้ ดังนั้นอนาคตของธัมมชโยจึงมีเส้นทางสายเดียว คือระยะสั้นจะต้องถูกจับสึก หรือหนีให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และระยะยาวซึ่งอาจต้องหลบหนีตลอดชีวิต หรือติดคุกตลอดชีวิต นี่เป็นอนาคตที่เห็นได้ในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่ได้มีใครกลั่นแกล้งหรือใส่ความ แต่เป็นผลแห่งกรรมที่ธัมมชโยทำเองทั้งสิ้น เป็นไปตามกฎแห่งกรรมโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเมื่อมาถึงวันนี้ความเชื่อถือ ความเลื่อมใส ที่บรรดาผู้หลงใหลติดยึดในธัมมชโยก็ลดน้อยถอยลงอย่างเห็นได้ชัด ความโดดเดี่ยวเหมือนปลาที่อยู่ในแหล่งน้ำที่กำลังเหือดแห้งลงเป็นภาพที่ปรากฏชัดที่คนทั้งประเทศย่อมเห็นได้ในปัจจุบันนี้แล้ว แม้ว่าจะดื้อดึงไม่เข้ามอบตัว แต่สภาพของธัมมชโยในวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ติดคุกแล้ว เพราะไม่สามารถแสดงบทบาทใด ๆ ต่อสาธารณะได้ ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้โดยอิสระเสรีดังแต่ก่อน ในทางกาย แม้ไม่ติดคุกก็เหมือนกับติดอยู่ในคุกอยู่แล้ว ส่วนในทางจิตใจนั้นเล่า ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่าคนเราเมื่ออยู่ในสภาพเช่นนี้ ย่อมไม่มีวันที่จะสุขกายสุขใจอะไรได้ มีแต่ทุกข์กายทุกข์ใจทุกเช้าค่ำ บริษัทบริวารก็มีแต่ร่อยหรอลงไป ที่อยู่ใกล้พอมองเห็นกันก็ไม่รู้ว่าใครมองด้วยสายตาอย่างไรหรือคิดอย่างไร หรือว่าจะไว้ใจกันได้อีกสักแค่ไหน เพราะทุกคนกำลังถูกความจริงปลุกให้ตื่น เห็นความจริงมากขึ้นทุกที สักวันหนึ่งคนเหล่านั้นอาจจะช่วยกันจับกุมนำส่งเจ้าพนักงานก็ได้ ธัมมชโยผู้อ้างตนเป็นต้นธาตุ ต้นธรรม แม้สมณศักดิ์ล่าสุดก็มีความหมายว่าเหนือกว่าพระพุทธเจ้า และได้แสดงออกถึงความทะนงตัวเหนือพระอริยเจ้าทั้งหลาย แต่มาบัดนี้ความอิสระเสรีในทางกายก็สู้สุนัขตัวหนึ่งยังไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความอิสระเสรีทางจิตใจ ที่สู้ยามหน้าวัดก็ยังไม่ได้ สภาพเช่นนี้จึงเป็นสภาพทุกขเวทนาสาหัสนัก มันจะต่างอันใดเล่ากับการตกอยู่ในนรกโลกันต์ที่ไม่มีโอกาสเห็นวันเดือนอีกเลย นี่แหละการดื้ออาญาเป็นทุกขเวทนายิ่งกว่าการดื้อยามากมายนัก! คงเหลือว่าจะตัดสินใจเข้าคุกจริง ๆ แต่สบายใจ กับไม่ติดคุกจริงแต่ทุกข์ใจยิ่งกว่าติดคุกจริงเสียอีกนั้น จะเลือกเอาอย่างไหน? ไม่ช้าหรือเร็ว ถึงไม่เลือกก็ต้องเผชิญหน้าโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้! ด่วน!สั่งม.44แก้บ่อนทําลายศาสนา ตั้งคกก.ถก-แจ้งครม.ทุก3เดือน ด่วน! "พล.อ.ประยุทธ์" สั่ง "ม.44" แก้บ่อนทําลายศาสนา ตั้งคกก.ถกออกมาตรการ… BANGKOKBIZNEWS.COM|BY กรุงเทพธุรกิจ ศาลปค. สั่งชดใช้!! สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ศาลปกครองกลาง สั่ง กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชดใช้ 9 สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ กว่า 3.7 แสน KOMCHADLUEK.NET|BY คมชัดลึก ตั้งหลักให้ดีๆ !!! จนท.เขาเอาจริง “ธรรมกาย” หากผิดกฎหมายฟอกเงิน “บุกรุกป่าสงวน” ...โดนอายัดเ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึง ความคืบหน้าในคดีวัดพระธรรมกายว่า มีหลายข้อหา โดยข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน… HEADSHOT.TNEWS.CO.TH อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 23, 2016 หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) added 9 new photos. 1 hr · เวรไหมหละกู ดันมาเจอข้อหาไม่เชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาเสียนี่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ สืบเนื่อง เรื่องจากจับโกหก เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ได้ พุทธะอิสระเลยเจอข้อหา .......................................... Somphong Seesong อย่างหนึ่งที่พุทธอิสระ พึงสำเนียกไว้คือ ประเทศไทย คือการรวมตัวของชนเผ่าต่างๆ ที่นับถือศาสนาพุทธ ชาวพุทธในอาณาเขตแห่งนี้ รวมตัวกันเพื่อสร้างชาติไทย ชาวพุทธในอาณาเขตประเทศนี้ ถึงแม้จะกำหลาบชนเผ่่าที่นับถือศาสนาอื่น หรือลัทธิอื่นได้ แต่ชาวพุทธก็ไม่ได้เข่นฆ่า ชนเผ่่าที่นับถือศาสนาอื่น หรือนับถือลัทธิอื่น เราต้องอยู่ร่วมกับศาสนาอื่น อย่างสันติ. หยุดทำลาย ลดความน่าเชื่อถือ ศาสนาพุทธซะ Somphong Seesong ในเมื่อพุทธอิสระ ไม่เชื่อมั่นในศาสนาพุทธ เข้ามาบวชทำไม หรือไม่เชื่อมั่นในมหาเถระสมาคม ก็เปลี่ยนนิกาย ไปนับถือนิกายอื่น หรือจะตั้งนิกายใหม่แบบสันติอโศก ก็ทำไปสิ มาลดความน่าเชื่อถือศาสนาพุทธทำไม หรือเป็นใส้ศึก รับจ้างศาสนาอื่นมาทำลาย ศาสนาพุทธ Somphong Seesong ในฝ่ายอาณาจักร ผู้บริหารคือรัฐบาลไทย สว่นฝ่ายศาสนจักร ผู้บริหารคือ มหาเถระสมาคม การปกครองของฝ่าย อาณาจักร ให้อภิสิทธิ แก่ฝ่ายอาณาจักร เช่นเดียวกับที่ให้อภิสิทธิแก่ราชอาณาจักรอื่น เช่น นักการฑูตของประเทศต่าง หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ Somphong Seesong ถ้าพุทธอิสระ เชื่อมั่นในศาสนาพุทธจริง ลาก โยงคดีต่างๆออกจากศาสนาจักรทำไม ทำไมไม่ให้ศาสนาจักรจัดการ....เข้ามาปกป้องศาสนาพุทธ หรือเข้ามาเพื่อทำลาย ศาสนาพุทธ กันแน่.... Somphong Seesong การที่พุทธอิสระ พยามยามลาก โยงพระขึ้นศาล ฝ่ายอาณาจักร ไม่ทราบมีจุดประสงค์อะไร เพื่อลดความน่าเชื่อถือ มหาเถระสมคม หรือเพื่อลดความน่าเชื่อถือศาสนาพุทธ เพื่อทำลายศาสนา พุทธใช่ไม๊ Somphong Seesong ที่รัฐบาลไทยให้อภิสิทธิ กับศาสนาพุทธ เพราะชาวพุทธ สร้างประเทศไทย ประเทศนี้ สมควรเป็นอาณาจักร ของชาวพุทธ พระภิกษุ สามเณรในพระพุทธศาสนา จึงได้รับอภิสิทธิ ไม่ต้องขึ้นศาลฝ่ายอาณาจักร อย่าพยายามดึงพระออกจากศาสนจักร มาปนกับฝ่ายอาณาจักร มันไม่ควร Somphong Seesong ตามหลัก ป.วิ.พ. 106/1ห้ามมิให้ออกหมายเรียก พระภิกษุ สามเณรในพระพุทธศาสนาศาสนา(3.10)พยานที่เป็นพระภิกษุ สามเณรในพระพุทธศาสนา 1.อย่าเรียก หรือนิมนต์พยานมาที่ สถานีตำรวจ เว้นแต่พยาน จะเต็มใจมาเอง และ"อย่าออกหมายเรียก"เพราะหมายนั้น "ไม่มีสภาพบังคับได้ "เนื่องจากพยานมีเอกสิทธ์"ที่จะไม่ปฏิบัติตามหมายเรียก 2.ก่อนสอบปากคำ ไม่ต้องให้พยานสาบาน หรือปฏิญาณตน เพราะพยานมี"เอกสิทธิ์"ที่จะไม่ต้องสาบาน หรือปฏิญาณตน Somphong Seesong ในประเทศไทย แบ่งการปกครองออกเป็น2ส่วน คือฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักร การปกครองในประเทศ มิอาจก้าวล่วงกันได้ Somphong Seesong มาตรา106/1ห้ามมิให้ออกหมายเรียก บุคคลต่อไปนี้(1)พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ว่ากรณีใดๆ(2)พระภิกษุ สามเณร ในพระพุทธศาสนา ไม่ว่ากรณีใดๆ(3)บุคคลผู้ได้รับเอกสิทธิ์ ตามกฎหมาย .................................................... สมองคนที่ใช้นามว่า Somphong Seesong ถ้าจะไม่ปกติ การที่พุทธะอิสระออกมาชี้ว่า นักบวชระดับเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์โกหกและอกตัญญู พร้อมทั้งมีหลักฐานชัดเจน กลับถูกประณามว่าเป็นพวกทำลายพระพุทธศาสนา และไม่เชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา แล้วนักบวชโกหกอกตัญญูไม่รู้คุณคน คือ ผู้เชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาและรักษาพระธรรมวินัยกระนั้นหรือ เป็นซะงั้น นี่หรือสมองของพวกเชื่อมั่นพระพุทธศาสนา รวมความว่า คนพวกนี้เชื่อมั่นในตัวอลัชชี หรือเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนากันแน่ ตกลงจะรักษาคนโกหก แต่ไม่ต้องรักษาศีล รักษาธรรมกันแล้วใช่ไหม หรือนี่คือ พระพุทธศาสนาในยุคนี้ สังคมนี้ต้องยอมรับให้นักบวชโกหก อกตัญญู อวดอุตริ หลอกลวงชาวบ้านหากิน มีเมีย เสพยา เล่นการพนัน สะสมทรัพย์สมบัติ แสวงหาลาภยศ ต้องอาบัติปาราชิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนาในยุคนี้ด้วยใช่ไหม ลองบอกมาหน่อยซิท่านผู้ใช้นามว่า Somphong Seesong ว่าชาวบ้านที่เขาต้องการพระสงฆ์ที่ ปฏิบัติดี , ปฏิบัติตรง , ปฏิบัติถูกทาง , ปฏิบัติสมควร , จึงจะเป็นผู้ที่ควรแก่สิ่งของคำนับ , และเป็นผู้ควรแก่การต้อนรับ , เป็นผู้ควรแก่ทักษิณาควรแก่สิ่งของทำบุญ , เป็นเนื้อนาบุญของโลก หรือว่าต้องการอลัชชีขี้เท็จ จอมลวงโลก มีลูกมีเมีย ต้องปาราชิก เขาจะได้ตัดสินใจว่าควรจะไหว้ใคร เลี้ยงใคร ส่วนนักบวชที่มีลูก มีเมีย โกหก อกตัญญู สะสมทรัพย์ และมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกับพระธรรมวินัย ก็ให้ลูกเมียมันหุงข้าวเลี้ยงกันเองโอไหม และที่คุณถามว่า ทำไมพุทธะอิสระไม่ใช้บริการของศาลสงฆ์ คุณเชื่อจริง ๆ หรือว่าศาลสงฆ์ทำงานได้จริง ถ้าศาลสงฆ์ ซื่อตรง และทำตามพระธรรมวินัยจริง ๆ ทำไมเรื่องอลัชชีปาราชิกธมฺมชโย ถึงได้ยืดเยื้อมาถึงวันนี้หละ ทั้งที่พุทธอิสระก็ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมาหลายฉบับแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็ให้ทนายส่งหนังสือร้องเรียนไปยังเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้น แต่แล้วเรื่องก็เงียบหาย แม้เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา พุทธะอิสระก็ไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อเจ้าคณะภาค ฯ เจ้าคณะหนกลาง และส่งหนังสือไปถึงจังหวัด อำเภอ ตำบล จนป่านนี้เรื่องก็เงียบหาย แบบนี้คือกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นของศาลสงฆ์ยังงั้นหรือ พุทธะอิสระขอบอกว่า เชื่อพระธรรมวินัย แต่ไม่เชื่อพวกอลัชชี เชื่อกระบวนการยุติธรรมของกฎหมายไทย ว่าเขามีความละอายชั่วกลัวบาปมากกว่าศาลสงฆ์ เข้าใจนะ พุทธะอิสระ (ที่มา : คอมเม้นท์ของผู้ใช้นามว่า Somphong Seesong จากบทความเรื่อง "อั้ยยะ.....แล้วนี่มันรูปใครหละหว่า" ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10154393456218446) อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 23, 2016 Things That Happen To Your Body When You Eat Eggs 12 สุดยอดประโยชน์จากไข่..อาหารง่ายๆที่เราควรรับประทานเป็นประจำ เราควรรับประทานไข่เพื่อเพิ่มโปรตีนให้แก่ร่างกาย ไข่หนึ่งฟองซึ่งมีสารอาหารในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อประมาณ 7 กรัมจะมีแคลอรี่เพียง 85 แคลอรี่เท่านั้น นอกจากนี้ไข่ยังประกอบไปด้วยกรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ และธาตุเหล็ก อย่างไรก็ตามอย่าลืมรับประทานไข่แดงด้วยเนื่องจากไข่แดงมีสารอาหารต่อต้านไขมันหรือที่เรียกกันว่าโคลีน ที่สำคัญเราควรตรวจสอบฉลากทุกครั้งก่อนที่จะซื้อไข่และควรเลือกไข่ออร์แกนิกเนื่องจากปลอดวัคซีน ยาปฏิชีวนะ หรือฮอร์โมนต่างๆ ส่วนสีของไข่ก็เลือกตามใจชอบได้เลยเพราะสีของไข่จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไก่ และนี่คือ12 เหตุผลว่าทำไมเราควรรับประทานไข่เป็นประจำ 1. ป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ คลอเรสเตอรอล LDL หรือคลอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีมีหน้าที่ส่งโมเลกุลไขมันเข้าไปในผนังหลอดเลือดและทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงตีบ ขณะที่คลอเรสเตอรอล HDL จะช่วยกำจัดโมเลกุลไขมันออกไปจากผนังหลอดเลือด สาเหตุที่คนเราควรรับประทานไข่ก็เป็นเพราะบางคนมีแนวโน้มว่าจะมีคลอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีเพิ่มขึ้น 2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือติดเชื้อต่างๆเราควรรับประทานไข่อย่างน้อยวันละ 1-2 ฟอง ไข่หนึ่งฟองจะมีเซเลเนียมเกือบหนึ่งในสี่ของปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวันซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและควบคุมฮอร์โมนไทรอยด์ เด็กๆจำเป็นต้องรับประทานไข่เนื่องจากถ้าพวกเขาขาดเซเลเนียมก็จะเป็นโรคคีชานซึ่งส่งผลต่อข้อต่อ กระดูก และหัวใจ 3. ปรับสมดุลระดับคลอเรสเตอรอล นี่คือความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคลอเรสเตอรอล คลอเรสเตอรอลสูงจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา คลอเรสเตอรอลมีทั้งชนิดดีและไม่ดี ไข่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูง แพทย์ส่วนใหญ่มักจะกังวลเกี่ยวกับอัตราส่วนระหว่างคลอเรสเตอรอลชนิดดีกับชนิดไม่ดี แม้ว่าไข่จะมีคลอเรสเตอรอลมากถึง 212 มก. แต่ไม่ได้หมายความว่าไข่จะทำให้ระดับคลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีเพิ่มขึ้นในกระแสเลือด อันที่จริงร่างกายของเราก็ผลิตคลอเรสเตอรอลได้เช่นกัน 4. เพิ่มพลังงาน ไข่เพิ่มพลังงานให้แก่เราได้เนื่องจากไข่หนึ่งฟองจะมีวิตามินบี2 หรือไรโบฟลาวินถึงร้อยละ 15 ซึ่งมีส่วนช่วยในกระบวนการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน 5. เพื่อสุขภาพผิวและเส้นผมที่ดีขึ้น ไข่จะช่วยบำรุงผิว ตับ เส้นผม และดวงตาเนื่องจากทั้งหมดนี้ต้องการวิตามินบีรวม ยิ่งไปกว่านั้นไข่ยังอุดมไปด้วยวิตามินบี5 บี12 และบี2 ซึ่งจำเป็นต่อประสิทธิภาพในการทำงานของระบบประสาท 6. ทำให้รู้สึกอิ่มกว่าปกติ ไข่ถือว่าเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารชนิดอื่นๆ แถมไข่ยังมีคะแนนค่าดัชนีความเต็มอิ่มสูงซึ่งหมายความว่าคุณจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น 7. ลดไขมัน เนื่องด้วยไข่มีคะแนนค่าดัชนีความเต็มอิ่มสูงจึงทำให้เกี่ยวข้องกับการลดไขมันด้วย มีการทดลองให้ผู้คนกลุ่มหนึ่งบริโภคไข่และอีกกลุ่มหนึ่งบริโภคขนมปังนานติดต่อกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ปรากฏว่ากลุ่มที่บริโภคไข่จะสูญเสียไขมันในร่างกายมากกว่าร้อยละ 65 และดัชนีมวลกายลดลงร้อยละ 61 ขณะเดียวกันรอบเอวของพวกเขาก็ลดลงถึงร้อยละ 34 ด้วย 8. ปกป้องสมอง เนื่องด้วยไข่มีสารอาหารที่ชื่อว่าโคลีน ไข่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสมองของคนเรา การขาดโคลีนจะทำให้ความสามารถในการเรียนรู้ลดลงรวมถึงทำให้เป็นโรคทางสมองด้วย 9. ไข่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยชีวิต ร่างกายของเราสามารถผลิตกรดอะมิโนที่จำเป็นในการดำรงชีวิตได้ถึง 11 ชนิด แต่อันที่จริงคนเราต้องการมากถึง 20 ชนิดต่างหาก ด้วยเหตุนี้ไข่จึงจำเป็นมากเนื่องจากกรดอะมิโนอีก 9 ชนิดนั้นสามารถพบได้ในไข่ การขาดกรดอะมิโน 9 ชนิดดังกล่าวจะทำให้ผิวพรรณเปลี่ยนสี โครงสร้างของเส้นผมเปลี่ยน ภูมิคุ้มกันตอบสนองลดลง เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และกล้ามเนื้อลีบ 10. ลดความเครียดและความวิตกกังวล การศึกษาในปี 2004 อ้างว่าระดับความเครียดกับความวิตกกังวลจะลดลงได้เมื่อมีการเสริมไลซีนซึ่งช่วยปรับระดับเซโรโทนินในระบบประสาทของเรา 11. ปกป้องดวงตา เนื่องจากในไข่แดงจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่าลูทีนกับซีแซนทีนซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคต้อกระจกกับโรคจอประสาทตาเสื่อม 12. บำรุงกระดูกและสุขภาพฟัน วิตามินดีเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพฟันและกระดูก แม้ว่าโดยธรรมชาติวิตามินชนิดนี้จะหาได้ค่อนข้างยากแต่ไข่ก็เป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี ยิ่งไปกว่านั้นวิตามินดียังมีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพของลำไส้ใหญ่ หัวใจ และกระบวนการเผาผลาญด้วย Source : fhfn.org 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 ระเบียง .... ... ... www.youtube.com Kapook.com 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 แบบบ้านสวยๆ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับบ้าน คลิกอ่านจากมือถือคลิกที่นี่ << รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 รูปภาพ 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ 1/2 ไอเดียจัดสวน แบบสวน 40 สวนสมุนไพรที่น่าประทับใจ ถ้าคุณรักการปรุงอาหารจะดีมากถ้าคุณจะมีพวกเขาในกระถางใกล้ๆ ข้อมูลจาก www.shelterness.com 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 สมุนไพรสำหรับงานสาธารณะสุขมูลฐาน (ต่อ) http://www.kasetintree.com/4289.html บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ความเครียด และวิธีแก้ความเครียด ใบขลู่: คุณค่าทางโภชนาการ ฤทธิ์ทางชีวภาพและความเป็นพิษ 1 ผักผลไม้..ที่ควรระวังในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 Cr Anthony Cartalucci West Backs Dangerous Myanmar-style Attempt to Divide Thailand Along Religious Lines จับตาเตือนภัย !!! ตะวันตกใช้ประเด็นศาสนาสร้างความแตกแยกในประเทศไทย ทั้งในภาคใต้และภาคเหนือ เหมือนกับที่เคยทำไว้กับพม่า ทุกครั้งทีมีบทความจากฝั่งตะวันตก เราต้องจับตาไว้เสมอ เพราะเขาจะมีนัยยะและส่งสัญญาน/คำเตือนจากบทความนั้นๆ เพื่อเป็นเมสเสจระหว่างบรรทัดในการปฏิบัติการขั้นต่อไป เพราะบางเรื่องดูเหมือนว่าพวกเขารู้รายละเอียดดีกว่าคนไทยด้วยซ้ำ ว่าความขัดแย้งจะขยายไปในแนวใด เหมือนลงมือทำเองเลยทีเดียว โดยเฉพาะล่าสุด บทความจาก New York Times เขียนโดย Matthew Wheeler จาก the International Crisis Group (ICG) ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง NGO ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก George Soros เขียนบทความ titled, "Can Thailand Really Hide a Rebellion?" เรื่อง ประเทศไทยจะสามารถซ่อนกลุ่มกบฎได้จริงหรือ โดยเชื่อมโยงเหตุการณ์ระเบิดภาคใต้ โดยบทความดังกล่าว ก็เหมือนกับสื่อตะวันตกอื่นๆที่พยายามโยงว่าเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวมาจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบชายแดนใต้ ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน การที่ ICG ออกมาระบุเช่นนี้ เพื่อตัดตอนไม่ให้มีการเชื่อมโยงกับทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายสนับสนุน ซึ่งเป็นผู้ที่มีแนวโน้มน่าจะอยู่เบื้องหลังมากที่สุด เพื่อต้องการบั่นทอนเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาล หลังจากประขามติรัฐธรรรมนูญผ่านอย่างท้วมท้น นอกจากนี้ ICG ยังได้ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า รัฐบาลไทยควรยกระดับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบว่าเป็นกลุ่มที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ต้องแก้ปัญหาด้วยการเมือง ด้วยการปล่อยให้พวกเขามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และเข้าสู่กระบวนการเจรจากับผู้ก่อความไม่สงบเหล่านี้ และหาทางถ่ายโอนอำนาจให้ผู้ก่อความไม่สงบเหล่านี้ นี่คือคำแนะนำ ICG ซึ่งน่าจะเป็นเหมือนคำข่มขู่มากกว่า ว่าหากรัฐไม่ทำตาม ระเบิดต้องตามมาอีกแน่นอน อีกทั้งการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่ว่า คือ การเปิดทางให้เสื้อแดงให้ทำกิจกรรมทางการเมือง ประท้วงและใช้ความรุนแรง จนกลายเป็นวิกฤตการเมืองอีกครั้งใช่หรือไม่ ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ICG ยังเปิดประเด็นด้วยว่า ประเทศไทยกำลังเจอความขัดแย้งทางศาสนา ระหว่างพุทธกับมุสลิม โดยเฉพาะที่ภาคเหนือที่มีการต่อต้านการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาราล และชี้ว่าความขัดแย้งดังกล่าวไม่เกี่ยวกับทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด แต่ความจริงแล้ว เราทราบดีกว่า ทักษิณ ชินวัตร และบริวารและผู้สนับสนุนจากต่างแดน มักจะสร้างความขัดแย้งแบบจัดตั้ง/จัดฉาก เพื่อสร้างความแตกแยกและบ่อนทำลายสถาบันสำคัญของไทยและทำลายสมดุลสังคมการเมืองในประเทศไทยด้วย โดยเริ่มจากภาคเหนือ และ ภาคใต้ และมาบรรจบที่ภาคกลางจนกลายเป็นความขัดแย้งทั่วประเทศ ในภาคเหนือ ระบอบทักษิณ มีมวลชนหัวรุนแรงที่สามารถสร้างความขัดแย้งและเกลียดชังชาวมุสลิม โดยเฉพาะกรณีการต่อต้านนิคมอุตสาหกรรมฮาราลนั้นจะพบว่า นำโดยพระสงฆ์จากวัดศรีบุญเรืองและวัดเจ็ดยอด ที่ตระกูลชินวัตร มักจะไปทำบุญที่นั่นเสมอ ขณะที่ในภาคใต้ ระบอบทักษิณมีการใช้กองกำลังปฏิบัติสร้างความรุนแรงบ่อนทำลายความมั่นคง ผสมโรงไปกับขบวนการผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ โดยมีการโจมตีสถาบันควบคู่ไปด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถูกบันทึกอยู่เคเบิลจาก Wikileaks โดยสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยรู้ว่ามีคนเสื้อแดงปฏิบัติการสร้างความรุนแรงอยู่ภาคใต้ โดยมี สุนัย ผาสุก เป็นผู้ให้ข้อมูลต่างๆ ต่อสถานทูต นี่ต่างหากที่คือความจริง ความจริงที่ Matthew Wheeler ของ International Crisis Group ไม่ได้กล่าวถึงและพยายามบิดเบือนความจริง และพยายามป้องกันไม่ให้ความจริงดังกล่าวถูกตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้สถานการณ์ความขัดแย้งยากเกินการควบคุม ทำไม The Crisis Group จึงต้องการขยายความขัดแย้ง ไม่ใช่ป้องกันวิกฤตความขัดแย้ง The Crisis Group ต้องการอะไรและทำงานให้ใคร หรือเป็นเพราะว่า Kenneth Adelman ผู้อำนวยการ The Crisis Group เป็นล็อบบี้ยิสต์ให้ทักษิณ ชินวัตร ด้วยใช่หรือเปล่า รายละเอียดทั้งหมดในลิงค์บทความด้านล่าง "In essence, Shinawatra, his political supporters and his foreign proponents have created their own artificial conflict with which to consume Thailand's institutions and sociopolitical balance, nationwide starting in the north and south, and meeting in the middle. In the north, Shinawatra's networks have mobilised politicised extremist sects to promote hatred and violence toward Muslims. And in the south, Shinawatra has operatives stirring up political instability, and likely even violence to target Buddhists while simultaneously implicating Muslims. This is the reality of Thailand's current conflict, a reality Matthew Wheeler of the International Crisis Group intentionally attempts to distort in an effort to protect this reality from the scrutiny and attention required to prevent it from spiralling further out of control. In essence, The Crisis Group is attempting to spur on and exploit, not prevent a crisis. But why?" http://www.thenewatlas.org/…/did-western-think-tank-just-th… อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 (มีการแก้ไข) “นายกฯ คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? 23 สิงหาคม 2016 โดย blogger โดย ศาสตราจารย์ ดร. เขียน ธีระวิทย์ จากหนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ เมื่อผมอายุไม่ถึง 7 ขวบ ผมชอบเอาหนังสติ๊กไปยิงนกกระจิบที่ชอบบินมาหาแมลงกินที่พุ่มไม้ใกล้บ้าน ผมเคยยิงมันตายแล้วคิดภูมิใจว่ามีฝีมือยิงแม่น ภายหลังโตเป็นผู้ใหญ่ ผมจึงสำนึกได้ว่าผมทำบาป ยิงนกตาย พรากมันจากพ่อ-แม่-ลูก-คู่รักของมันโดยไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย เมื่อผมเรียนวิชารัฐศาสตร์จบปริญญาตรี-เอกใหม่ๆ ผมเชื่อว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยดีเลิศ ผมไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้พฤติกรรมในการเลือกตั้งของไทยว่าเขาเลือกผู้แทน กันมาอย่างไร ผมเคยเขียนบทความลงในวารสารต่างๆ ยืนหยัดความเชื่อของผมว่าการทำรัฐประหารเป็นงานเลวร้ายที่จะอ้างเหตุผลใดๆ มาลบล้างไม่ได้ทั้งสิ้น เมื่อผมเกษียณอายุราชการแล้ว ผมเห็นคนพันธุ์ทักษิณยึดอำนาจรัฐในไทย โดยผ่านการเลือกตั้งสกปรก ผมเห็นพวกเขาโกงบ้านกินเมือง ใช้อำนาจปกครองประเทศโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวก จนที่สุดผมได้ข้อสรุปว่าคนไทยจะแตกแยกกันทุกหย่อมหญ้าและประเทศชาติจะล่มจม ในที่สุด ถ้าหากเราจะหวังลมๆ แล้งๆ รอคอยพระสยามเทวาธิราชมากอบกู้สถานการณ์ให้ การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจโดยทหารเป็นทางออกที่เลวร้ายน้อยที่สุด แล้วสถานการณ์ก็บังคับให้ทหารทำรัฐประหารจริงๆ ถึง 2 ครั้ง ซึ่งผมก็เห็นชอบด้วย นั่นคือผมได้เปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองอย่างชัดเจน จากเดิมที่ว่าทหารต้องห้ามในการทำรัฐประหาร มาเป็นทหารมีสิทธิ์ธรรมชาติที่จะทำรัฐประหารได้ ถ้าเรามีประชาธิปไตยจอมปลอมที่ไม่ยึดหลักกฎหมายในการปกครองประเทศ สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ผมมีเวลาวิเคราะห์ปัญหาการเมืองไทยมากขึ้น ผมดูจากของจริงมากกว่าเชื่อตามตำรา ผมเห็นคนไทยในวงการวิชาการ สื่อมวลชน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองจำนวนมาก มีทัศนคติทางการเมืองเหมือนผมสมัยมันสมองยังไม่โต ยิงนกกระจิบเล่นโดยไม่รู้จักคิดให้รอบคอบว่าแล้วใครจะได้อะไร จะเอาระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ แล้วได้ประชาธิปไตยจอมปลอมที่ใครเป็นใหญ่กันแน่ รณรงค์ชวนคนอื่นให้ออกเสียงไม่รับช่วงรัฐธรรมนูญโดยไม่คิดให้รอบคอบว่าถ้า ไม่รับฉบับนี้แล้วผลจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันมีการรณรงค์กันอย่างแพร่หลายว่านายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกตั้ง “ไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอก” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นแชมป์ล่าสุดที่ออกมาสอนคนให้เชื่อเช่นนั้น ตอนที่ผมยังเป็นหนุ่มและฟุ้งซ่านประชาธิปไตยในแผ่นกระดาษนั้น ผมตกหลุมตำราวิชาการฝรั่งไม่ลึกเท่ากับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เรามีตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ ตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา เรามีนายกรัฐมนตรี 9 คน (ไม่รวมที่เป็นไม่เกิน 2 เดือน) เป็น “คนนอก” 5 คน ได้แก่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คุณอานันท์ ปันยารชุน พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนที่เป็น “คนใน” มี 9 คน คือ พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ นายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราเห็นแล้วยังว่าใครทำประโยชน์ให้แก่ช่าติ ใครทำลายประเทศชาติมากกว่ากัน มีใครมองไม่เห็นบ้าง “นายกฯ คนนอก” เช่น พลเอกเปรม และคุณอานันท์ นั้นมีคุณูปการต่อประเทศชาติมากเพียงใด พลเอกประยุทธ์ใช้เวลา 2 ปีเศษกอบกู้ประเทศเรา ซึ่งจมปลักอยู่กับกองเพลิงแห่งความขัดแย้งให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้ เรียกว่าเป็นผู้นำที่ไม่ธรรมดา แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นเรายังมองไม่เห็น ส่วน“นายกฯ คนใน” นั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติกอบกู้ชื่อเสียงของนักการเมืองในสายตาของผมมีคนเดียว คือ คุณชวน หลีกภัย ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้นพูดเก่ง มีหลักการ-หลักวิชา เหมาะกับการเป็นผู้นำของประเทศประชาธิปไตยตะวันตก ท่านมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมือง กรณีการประชุมสุดยอดอาเซียน + 6 ที่โรงแรมรอยอลคลิฟบิชรีสอร์ทที่พัทยา (10 เมษายน 2552) ซึ่งถูกม็อบเสื้อแดงบุกขับไล่อภิสิทธิ์และผู้นำต่างประเทศหนีกระเจิงตั้งแต่ วันแรก และต้องล้มเลิกการประชุมคราวนั้น ประเทศไทยเสียหายอย่างใหญ่หลวงอย่างประเมินค่ามิได้ การประชุมที่สำคัญยิ่งครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าภาพจะต้องมีข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับการ เคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้าน ถ้าไม่มีก็ต้องถือว่าบริหารงานข่าวกรองไม่เป็น ท่านน่าจะรู้ว่าลำพังกำลังตำรวจนั้นเชื่อถือไม่ได้ และงานสำคัญเช่นนั้นจะเลื่อนหรือยกเลิกก็ไม่ได้ ทำไมท่านไม่ขอกำลังทหารมาช่วย ถ้าท่านมัวกังวลใจว่าเอาทหารมาใช้งานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในไม่เป็น ประชาธิปไตย ก็หมายความว่าท่านเอาหลักวิชาประชาธิปไตยมาประยุกต์ใช้กับประเทศที่ไม่เป็น ประชาธิปไตยไม่เป็น เช่นเดียวกับที่ท่านถูกม็อบเสื้อแดงไล่ต้อนซุกรถหนีออกมาจากกระทรวงมหาดไทย 2 วันต่อมาและการสลายการชุมนุมที่ยืดเยื้อของม็อบเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ (12 มีนาคม – 19 พฤษภาคม 2553) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่านตัดสินใจ แก้ปัญหาไม่เป็น สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเห็นภัยจากระบอบประชาธิปไตยสามานย์มากขึ้น สหรัฐฯ ได้ชื่อว่าเป็น แชมเปี้ยนของระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่มีประเทศใดเสมอเหมือนในการทำร้ายคนบริสุทธิ์ทั่วโลก ใครเป็นผู้นำไล่ล่าสังหารซัดดัม ฮุสเซ็นของอิรัก ใครไปโค่นล้มรัฐบาลมูอัมมาร์ อัล กัดคาฟี่ของลิเบีย ทำให้ 2 ประเทศนี้ประสบภาวะสงครามแหลกลานมาจนถึงทุกวันนี้ ยังมีอัฟกานิสถาน ซีเรีย และอื่นๆ อีกมากมาย ฉะนั้น คนไทยทั้งหลายจงอย่าหลงไหลคลั่งไคล้าระบอบประชาธิปไตยให้มากนักเลย มีคนสร้างประเด็นความขัดแย้งให้พวกเราตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เพิ่งผ่าน ประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง” คนที่เล่นการเมืองเป็นอาชีพของไทยมีไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งหมด ต้องการผูกขาดอำนาจแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดของประเทศก็ได้แล้ว แม้พรรคการเมืองจะคัดสรร “คนนอก” มาอยู่ในบัญชีผู้แข่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158-159 ก็ไม่ยอม คนดีๆ มีความสามารถมากมายไม่อยากไปแย่งตำแหน่งนั้นกับนักการเมืองหรอก บางคนแม้ท่านจะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปเชิญก็ยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำ คิดได้หรือไม่ว่าท่านกำลังเรียกร้องคนไทยทั่วประเทศให้ตัดสิทธิ์ของคนอาชีพ อื่นมากกว่า 99% มิให้เขาได้ผู้นำที่ดีมีความสามารถ เพราะเขาไม่ยอมสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่นักการเมืองได้ทำให้สกปรกไปแล้ว “คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? ตอบคำถามนี้ได้ไหม? กลัวทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ไหม? ทหารไม่ใช่คนไทยหรือไร? ทหารรักชาติไม่เป็นหรือ? ท่านกลัวทหารเอารถถังมาหนุนหลังปกครองประเทศหรือ? ทุกวันนี้ท่านก็ด่าทหารกันอย่างเสรีอยู่แล้ว ทำไมไม่กลัวล่ะ? ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องกลัวทหาร ผมกลัวนายกฯ ที่ไม่บังคับใช้กฎหมายมากกว่า เพราะคนไม่เคารพกฎหมายทำให้ผมเดือดร้อนด้วย แทนที่จะมารณรงค์ต่อต้าน “นายกฯ คนนอก” เรามาช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยอย่าแบ่งแยก “คนใน” “คนนอก” ดีกว่า คอยต่อต้านนายกคนต่อๆ ไป ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และ/หรือ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งคัดด้วย ขอขอบคุณ ไทยโพสต์ http://goo.gl/rVJJ8m ถูกแก้ไข สิงหาคม 24, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 (มีการแก้ไข) เส้นใต้บรรทัด จิตกร บุษบา บ้านเมืองหลังเลือกตั้ง...จะพบแต่ปัญหาหรือผาสุก? แผ่นดินของเรา ผ่านความบอบช้ำจากความคดโกงของนักการเมืองชั่วๆ และความขัดแย้งของคนในชาติมานานเหลือเกิน นานพอที่จะทำให้คนอยากอยู่กับ “ลุงตู่” ต่อ ไม่อยากไปไหน ไม่อยากไปถึงการเลือกตั้ง แต่ก็นั่นแหละ “ลุงตู่” ท่านตั้ง “โรดแมป” ประเทศเอาไว้ และท่านไม่ตระบัดสัตย์ จึงเห็นได้ชัดว่าท่านพยายามเข็นประเทศไทย ให้ไปถึง “การเลือกตั้ง” ในปี 2560 ให้จงได้ แต่โรดแมปของท่าน ไม่อาจขับเคลื่อนได้ด้วยท่านเพียงคนเดียว ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ต้องขับเคลื่อนผ่านองค์กรอื่น บุคคลอื่น และกระบวนการอื่นด้วย ซึ่งตรงนั้นแหละ คือ “ความเสี่ยง” การที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนที่คนทั่วไปเชื่อถือ เชื่อใจ ไม่ได้แปลว่าองคาพยพอื่นๆ จะ “ใช้ได้” เหมือนท่าน แม้แต่ บางคนใน คสช. ด้วยกัน หรือในคณะรัฐมนตรีเดียวกัน ประสาอะไรกับใน สปท. และใน สนช. ที่ตอนนี้ กำลัง “สร้างปัญหา” ให้ท่านปวดหัว จาก “การตีความคำถามพ่วง” ที่ “เกินเลย” ไปจากตอนที่สร้างความรับรู้ต่อประชาชน ก่อนลงคะแนน “ประชามติ” วันที่ 3 สิงหาคม 2559 ก่อนวันลงประชามติ 4 วัน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ไปออกรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ คสช. กำหนดให้สถานีวิทยุ-โทรทัศน์ ทุกแห่งต้อง “ถ่ายทอด” แปลว่า นั่นคือเทปสำคัญที่ประชาชนรับรู้เกี่ยวกับ “คำถามพ่วง” หลังจากนั้น 4 วัน เขาก็จำเอาความรับรู้นั้นแหละไปลงคะแนน นายสุรชัยกล่าวถึง “คำถามพ่วง” ว่า “...เรียนพี่น้องประชาชนอย่างนี้ครับว่า ตามกติกาใหม่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้นั้น กำหนดที่มาของนายกรัฐมนตรีไว้ต่างกับรัฐธรรมนูญปี 2540 กับ 2550 ประการแรกคือ พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร สส.แบบเขต จะต้องประกาศชื่อ บุคคลที่พรรคของตนเองเห็นสมควรให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ กกต. พรรคละ 3 รายชื่อ เพราะฉะนั้น ประชาชนก็จะได้เห็นก่อน ว่าพรรคการเมืองใด จะสนับสนุนใคร เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ประการที่สอง การนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมรัฐสภา ถ้าเกิดผ่านประชามตินะครับ ก็ไม่ได้หมายความว่า ที่ประชุมรัฐสภาจะเที่ยวไปหยิบเอาใคร ที่ตัวเองอยากได้ ให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่ต้องเป็นไปตามกลไกที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กล่าวคือ ก็ต้องหยิบจากรายชื่อที่พรรคการเมืองเขาเสนอมา 1 ใน 3 รายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอนั่นแหละครับ ถึงจะมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นนายกรัฐมนตรี สอง-พรรคที่จะเสนอ ต้องเป็นพรรคที่มีเก้าอี้ที่นั่ง สส. อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 5% พรรคที่สอบตกทั้งหมด ไม่มี สส. เลย ก็ไม่มีสิทธิที่จะเสนอชื่อบุคคลมาเป็นนายกรัฐมนตรี สาม-ยังต้องมี สส. ในสภา ให้การรับรองเป็นเบื้องต้นไว้ก่อน อย่างน้อย 10% เพราะฉะนั้น ที่มาของนายกรัฐมนตรี จะผ่านกระบวนการกลั่นกรองมาตั้งแต่ 3 รายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ แล้วให้สังคมได้ร่วมกันพิจารณาเป็นเบื้องต้นมาก่อน สอง-ต้องเป็นพรรคที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ มีเก้าอี้ที่นั่งไม่น้อยกว่า 5% สาม-ต้องมี สส. ซึ่งเป็นตัวแทนที่ประชาชนเลือกมาเอง ยึดโยงกับประชาชน ให้การรับรองรายชื่อบุคคลนั้นไม่น้อยกว่า 10% ด้วย กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ เราก็เชื่อว่า น่าจะเป็นกระบวนการที่ทำให้ได้นายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ และเข้าใจถึงบริบทของสังคมไทย ที่จะเป็นผู้นำธงในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และปิดท้ายด้วยการที่เราเสนอว่า ให้ที่ประชุมร่วมกันของทั้งสองสภา ช่วยกันพิจารณาโหวตว่า จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบบุคคลใดขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี...” โดยเทปตอนที่ท่านพูดนี้ ยังมีเผยแพร่อยู่ในยูทูบจนถึงปัจจุบัน แล้วไฉนเวลานี้ ต้องมาเสียเวลาเถียงกันว่า สว. มีสิทธิเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ ด้วยไหม เราคงเห็นแล้วว่า เวลานี้มีทั้ง สปท. กับ สว. “ล้นๆ” ที่ “ตีความเลยเถิด” เอาตามอำเภอใจ เห็นกระแสกำลังขึ้น ก็เลยได้ใจ ไม่มีสัจจะ ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่รู้จักพอ ผมจึงขอเสนอว่า นายสุรชัยควรออกมาย้ำคำเดิมดั่งที่เคยโฆษณากับประชาชนไว้ แล้วปล่อยให้กรรมการร่างท่านเขียนเติมลงไปในบทเฉพาะกาล ตามความหมายที่ท่านได้สื่อสารกับประชาชนไว้ก็พอ แล้วไปจบเอาด่านสุดท้ายที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” สิ่งที่ต้อง “คิดกันให้มาก” โดยเฉพาะคิดถึง “บ้านเมืองในวันข้างหน้า” คือ 1) การทำประชามตินั้น ประชาชนไม่ได้เห็นชอบแค่ “คำถามพ่วง” นะครับ เขาเห็นชอบตัวร่างรัฐธรรมนูญในบทหลักด้วย และมีคะแนนเห็นชอบมากกว่าคำถามพ่วงด้วยซ้ำไป แปลว่า จะต้องคงไว้ซึ่งเจตนารมณ์ของบทถาวรก่อนว่า ในขั้นต้น ให้ สส. เสนอชื่อนายกฯ ขึ้นมา แล้วยกมือ นับคะแนนกัน ชื่อไหนมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา คนนั้นก็เป็นนายกฯ โดยในชั้นแรกนี้ สว. เพียงร่วม “ให้ความเห็นชอบ” เท่านั้นพอ 2) แต่หากชั้นแรก ไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาเสียที (ซึ่งก็ต้องไปทะเลาะกันอีก ว่าให้เสนอชื่อแล้วยกมือเลือกกันกี่หน จึงจะเป็นที่ยุติว่า ไปไม่ได้แล้ว ถึงทางตันแล้ว) ก็มาถึงชั้นที่ 2 ที่ สว. ก็สามารถเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ ได้ ซึ่งจะเสนอคนในบัญชีที่พรรคการเมืองประกาศไว้กับประชาชน หรือคนนอกบัญชี ก็ว่ากันไป ความกินแหนงแคลงใจก็ลดลง ความชอบธรรมก็เกิด การเผชิญหน้าก็ไม่มี แบบนี้ ดีต่อบ้านเมืองไหมล่ะครับ? 3) ไอ้พวกที่เอา “ผี” ที่เรียกว่า “นายกฯ คนนอก” มาหลอกหลอนตัวเอง หลอกหลอนประชาชนตอนนี้ ก็ไป “รับยาระงับประสาท” จากนั้นกินยาแล้วนอนซะ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนชัดว่าช่องทางที่นายกฯ นอกบัญชี จะเข้ามาได้นั้น ต้องมาอย่างไร เมื่อไร และท้ายที่สุด ก็ต้องให้รัฐสภาลงมติด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้น หาก สส. 500 คน เขาผนึกกำลังกัน ไม่ยกมือให้ สว.แค่ 250 คน จะเอาปัญญาที่ไหนไป “อุ้มสม” คนอื่นเข้ามา แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ถูกนำมาเป็น “ผี” เพื่อหลอกหลอนกันอยู่ในตอนนี้ และถึงขั้นนั้น ก็ใช่ว่าบ้านเมืองจะมีนายกรัฐมนตรีขึ้นมาได้อย่างราบรื่น เรียบร้อย เหมือนที่หลายคน “ฝันหวาน” ให้ สว. อุ้ม “ลุงตู่” กลับมาเป็นนายกฯ เพราะเสียง สส. เขามีมากกว่า สว. ใช่ไหม? คิดสิ คิด! 4) มองไปข้างหน้า ผมจึงเห็นแต่ “ความยุ่งยาก” คอยอยู่ เห็นแต่ความขัดแย้ง ทะเลาะเบาะแว้ง และแตกแยก ยิ่งหากผลการเลือกตั้งออกมา ไม่มีพรรคใดที่ประชาชนเทคะแนนให้จนได้ สส. เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 375 คน ก็ต้องไปหาพรรคอื่นมาผสม เราเจ็บปวดกับ “การต่อรอง” ของรัฐบาลผสมอย่างในอดีตมายังไม่พอกันใช่ไหม จึงออกแบบให้ครั้งนี้หวนกลับไปมีรัฐบาลผสมอย่างเก่าๆ อีก ไปทำโครงสร้างให้ต้องเกิด “การต่อรองประโยชน์” กันตั้งแต่แรก แล้วกระหยิ่มยิ้มย่องกันนักหนาว่า บ้านเมืองจะดี เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติ 5) โดยหลัก “มารยาทประชาธิปไตย” พรรคไหนเสียงชนะการเลือกตั้งสูงสุด ก็มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่หากเขาจัดตั้ง คือ รวมกับใครไม่ได้ พรรคอันดับสองก็มีสิทธิรวมคนรวมพรรค หาเสียงให้พอแล้วตั้งรัฐบาลแข่ง โดยต้องผ่านการ “เห็นชอบ” ของสภาเหมือนกัน ซึ่งครั้งนี้ต่างไป ตรงที่มี สว. มาร่วมลงคะแนนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบด้วย 250 คน ตัวเลขที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดคือ ต้องรวมกันให้ได้เกิน 275 เสียง ใครรวมได้ก็ราบรื่น สว. ที่ขอเข้ามาร่วมลงคะแนนก็จะไม่มีความหมายอะไร แต่หากรวมได้ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเช่นนั้น ต้องอาศัยเสียง สว. ยกมือหนุน หลังจากนั้น ความมั่นคงของรัฐบาลที่ สว.ช่วยดันก้นจะเปลี่ยนไป ยิ่งหากเสียงต่ำกว่า 250 คน (กึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) แต่ได้คะแนนหนุนจาก สว. ช่วยไว้ตอนเลือกนายกฯ พอตั้งรัฐบาลแล้ว นำเสนอกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะกฎหมายการเงิน สส.ที่เหลือ ซึ่งมากกว่าเสียงของฝ่ายรัฐบาล รวมหัวกันคว่ำกฎหมายนั้นเท่านั้น รัฐบาลนั้นก็พบจุดจบในบัดดล สว. ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว อย่างนี้ มันดีกับบ้านเมืองอย่างไรหรือครับ? 6) การสร้างทัศนคติแบบเหมาเข่งว่า นักการเมืองมันเลว! โดยไม่จำแนกแยกแยะ ทำให้คนไปฝากความหวังไว้ที่สว. ซึ่ง คสช. เป็นเหมือนพ่อบุญธรรมของพวกเขา เพราะ คสช. เลือกเอง 200 คน ส่วนอีก 50 คน ให้สมัคร แล้วลงคะแนนไขว้กัน คัดออกชุดหนึ่ง ชุดที่เหลือ มาให้ คสช. เลือกอีกที คนก็ไปคิดว่า พ่อมันดี ลูกมันก็คงจะดี ไว้ใจได้ เหมือนโคลนนิ่ง “ลุงตู่” ออกมาอีก 200-250 คน บ้านเมืองไปโลด ถามหน่อยว่า มันจะจริงตามนั้นไหม ในเมื่อตอนนี้ เห็นชัดว่า คนจำพวก “สอพลอ” เนื้อเต้นจะเป็นสว. ของคุณพ่อ “ลุงตู่” กันสั่นระริก ธรรมชาติของนักสอพลอคนมีอำนาจ ในวันหน้าอำนาจอยู่กับพวกเขา แทนที่จะอยู่กับลุงตู่ คุณเชื่อว่าจะไม่มี “ทรพี” เกิดขึ้นหรือครับ นักธุรกิจการเมืองสามานย์ จะไม่แปลงกายเป็น “นายฮ้อย” เข้ามาซื้อควายทรพีไปเป็นพวกอย่างนั้นหรือครับ? 7) สุดท้าย ไม่ว่ากรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะแปลความหมายของ “คำถามพ่วง” กว้างแคบแค่ไหน ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบอย่างไร เรื่องก็ไปจบที่การ “วัดกำลัง” กันในรัฐสภา การรีบเหมาเข่ง “ตีตรา” ว่านักการเมือง พรรคการเมืองชั่วหมด สว.ของลุงตู่ผูกขาด “เป็นคนดี” อยู่ฝ่ายเดียว จึงเป็นตรรกะหยาบๆ ตื้นๆ ที่ผลักบ้านเมืองไปสู่การเผชิญหน้า ไปทำให้นักการเมืองมี “ศัตรูร่วม” ขึ้น คือ สว. แล้วไหนล่ะครับ ที่บอกว่า บ้านเมืองจะไปสู่ความสงบ ปรองดอง ไปกดหัวเขามากๆ ด่าแบบเหมารวมมากๆ ไม่จำแนกแยกแยะคนดีคนชั่ว พรรคดีพรรคชั่ว เกิดพวกเขาจนตรอก คิดว่าไหนๆ พวกกูก็ถูกตราหน้าว่าชั่วกันอยู่แล้ว กัดฟันรวมหัวกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่ รวมตัวกันตั้งรัฐบาลขึ้นมา สว. 250 คน ก็ไม่เหลือน้ำยาอะไร นั่นหรือ คือ อนาคตประเทศที่ท่านกำลัง “บีบคั้น” และนำทางไปสู่ นั่นหรือคือความฝันอันแสนหวาน ว่าเมื่อเราเดินตามโรดแมป ไปบน “พรมแดง” ที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ บ้านเมืองของเราจะเปลี่ยนไป ดีงาม รุ่งเรือง เฟื่องฟู สงบ ผาสุก ขึ้นมาทันใด ตื่นขึ้นมาแล้วตั้งสติกันเถอะครับ อย่าเอาความรักความชังเป็นหลักชัย พวกไหนชนะ ก็คะนองในอำนาจ ตีความเข้าข้างตัวกันสนุกสนาน ประชาชนก็ให้ท้ายไม่รักษาหลักการที่ถูกต้อง เอาความถูกใจเป็นใหญ่ บ้านเมืองจะบรรลัยเพราะความบ้าบอแบบนี้!! ถูกแก้ไข สิงหาคม 24, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 (มีการแก้ไข) สะเทือนจี๊ดๆ!!! "บิ๊กตู่" ย้ำคสช.จำเป็นต้องเข้ามาหยุดวิกฤต. จัดหนักไล่ถามลูกหมาใครคนไหนอ้า ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th DEEPS.TNEWS.CO.TH พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยทางจังหวัดร้อยเอ็ดเตรียมเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจด้วยโมเดล ร้อยเอ็ด 4.101 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเศรษฐกิจ และนำไปสู่ภาวะที่เอื้อต่อการสร้างรายได้ สร้างโอกาส และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน โดย ก่อนเข้าประชุมนายกรัฐมนตรีได้ทักทายพูดคุยกับกลุ่มคณาจารย์และนักศึกษาที่มารอต้อนรับ ว่าที่ผ่านมาบ้านเมืองวิกฤต จึงต้องเข้ามาแก้ปัญหา ดังนั้นจะมาคิดแต่เรื่องประชาธิปไตยหรือประชามติอย่างเดียวมันกินไม่ได้ ถ้าสถานการณ์ไม่เลวร้ายตนคงไม่เข้ามา ประชาธิปไตยคือความเห็นต่าง ไม่ใช่เอาปืนมาไล่ยิงคน ให้ไปถามลูกหมาโน่นว่าใครยิง และขออย่าไปคิดเรื่องเดิมๆโดยเฉพาะเรื่องของความขัดแย้ง บ้านเมืองต้องแก้ไขโดยคนรุ่นใหม่และขอให้เข้าใจตนไม่ได้คาดหวังอะไร แต่จะให้ปล่อยตัวนักศึกษาที่ทำผิดไม่ได้ เพราะกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ที่มาจังหวัดร้อยเอ็ด ความจริงตนพร้อมที่จะไปในทุกจังหวัดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใด จะชอบหรือไม่ชอบ ตนก็จะไป เพราะมีความตั้งใจและมีความปรารถนาดีกับทุกคน วันนี้เราพยายามที่จะร่วมมือกันทำอย่างไร ที่จะให้ร้อยเอ็ดมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นระบบ รวมทั้ง การสร้างความเข้าใจกับพวกเราทุกคนและประชาชนในทุกมิติว่า วันนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศกันอย่างไรและร้อยเอ็ดจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร ไม่ต้องให้ประชาชน เข้าใจอะไรที่ผิดหรือถูกบิดเบือน เราต้องสร้างคนของเราให้รู้จักคิด เข้าใจเหตุผลและเข้าใจถึงหลักการของเรา ในการที่จะพัฒนาประเทศและการใช้จ่ายงบประมาณ จะต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับทุกคนว่า ประเทศไทยนั้นเป็นหนึ่งเดียว มี 77จังหวัด เพราะฉะนั้นจะต้องนึกถึงคนอื่นด้วย รัฐบาลเองก็ไม่สามารถที่จะหางบประมาณเพิ่มเติมได้เลยในช่วงที่ผ่านมา เพราะช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่อยากจะใช้คำว่ามันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะแม้จะมีความเจริญอย่างไร แต่ก็เป็นความเจริญท่ามกลางพยัญอันตรายระยะยาว ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวทั้งหมด เพราะฉะนั้นการที่ต้องเข้ามาวันนี้ใช้เวลามา 2 ปี เพื่อแก้ปัญหา เพื่อที่จะเดินหน้าประเทศและสร้างความเข้าใจในทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ ภูมิภาคและท้องถิ่น ทุกคนก็ต้องร่วมมือกันและเข้าใจตรงกัน ไม่เช่นนั้นเราก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ === ครม. เห็นชอบ กฎเหล็กเอาผิด! ข้าราชการย้อนหลัง เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 สิงหาคม เมื่อเวลา 14.30 วันที่ 23 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมเห็นชอบการกำหนดมาตรฐานวินัยข้าราชการกับผู้ที่พ้นข้าราชการ NATIONTV.TV|BY NATIONTV 22 แจ้งจับ 4 แกนนำม็อบชาวม้ง ปิดถนนขวางเจ้าหน้าที่รื้อรีสอร์ตภูทับเบิก ความคืบหน้ากรณีปฎิบัติการรื้อถอน 19 รีสอร์ตภูทับเบิก หลังจากกลุ่มชาวม้งก่อม๊อบปิดถนนขัดขวางเจ้าหน้าที่ จนทำให้ปฎิบัติการรื้อถอนต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว ล่าสุดเมื่อวันที่ 23… MATICHON.CO.TH === -ขอบคุณเจ้าของภาพและข่าว ถูกแก้ไข สิงหาคม 24, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 เซลฟี่แบบมีฮา ความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพาพ 17 hours ago คลิก อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 24, 2016 "กระเจี๊ยบเขียว"ลดไขมัน-ต้านมะเร็งลำไส้ โดย - นายสวีสอง KOMCHADLUEK.NET|BY คมชัดลึก อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 25, 2016 (มีการแก้ไข) รักเธอ ประเทศไทย..... "ขอให้ตู่มั่นใจว่าพวกทหารแก่ๆ อย่างเรา จะทำทุกอย่าง เพื่อให้ตู่สามารถทำงานบรรลุภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของชาติ ... ... ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำต่อไปจนกว่าจะได้" ป๋าเปรมกล่าว Cr Sarawut Niamloi วันนี้บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม อวยพรวันเกิดป๊าเปรม === ในสถานการ ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ไหวจาก "มัณฑะเลย์" พม่า เขยื้อนถึงแม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่-เชียงราย และเขย่าถึงกรุงเทพฯ เมื่อเย็นวาน (๒๔ ส.ค.๕๙) ตื่นเต้นได้ ......... แต่มนุษย์ "ตึกสูง" ไม่ต้องตกใจสะสม จนกลายเป็นวิตกจริต ว่าครั้งใด-ครั้งหนึ่ง ตึกจะถล่มลงมาหรอก บ้านเรานั้น อัตราเสี่ยง "กรุงเทพฯ จม" ด้วยน้ำ มีมากกว่า "กรุงเทพฯ ถล่ม" ด้วยแผ่นดินไหว! ที่เจอกันคนละนิด-ละหน่อยในบางพื้นที่เย็นวานนั้น ก่อนหน้า ตอนดึก ก็ไหวที่อิตาลี หนักกว่ามาก ด้วยจากเปลือกโลก "คนละแผ่น" เป็นปกติของโลกน่ะ เหมือนคน อยู่ในท่าใด-ท่าหนึ่งนานๆ ก็เมื่อย ต้องขยับตัว เปลี่ยนท่า โลกวันนี้ ก็เช่นนั้น...... "น้ำ" ในความหมาย "อาโปธาตุ" เป็นของเหลว เอิบอาบซาบซึมไปทุกที่-ทุกทาง ซึ่งมีปริมาณมากกว่าดิน อยู่ในแกนเอียง บังเอิญ "น้ำ-แข็ง" เป็นแผ่นดินอยู่กับที่ แถบขั้วโลก เมื่อมนุษย์ "สุมความร้อน" สะสมนานและหนักเข้า น้ำแผ่นดินที่แข็งละลาย ก็รู้กันอยู่ น้ำหนักกว่าดิน เมื่อน้ำแข็ง คืนสภาพน้ำซึมซาบเลื่อนไหลมากขึ้น แกนโลกที่ "คงที่" กับน้ำหนักในสภาพเดิม ก็ชักรู้สึก "หนักกว่าเดิม จนกูทนไม่ไหวแล้วโว้ย" เมื่อทนไม่ไหว แกนโลกก็ต้องขยับมุมเอียง! ไอ้การขยับมุมแอกชัน เพื่อหาจุดสมดุลอยู่กับน้ำหนักใหม่นี่แหละ ก็เป็นอย่างที่ผู้เฒ่าเล่าแก่ว่ากัน คือ.... "โลมา" ที่หนุนโลก มันขยับตัว! เมื่ออาศัยอยู่ในโลก เข้าใจสภาพนั้น ก็ต้องหมุนตามโลก หมุนแบบไม่หลง แล้วจะสบาย แต่ถ้าใคร "ฝืนโลก" นั่นจะทุรน-ทุกราย ต้องลำบากกับการ "ตะแบง" ในเรื่องดี-เรื่องชั่ว เพื่อแลกเงิน แลกอัตตา แลกมิจฉาทิฐิ ไปจนตาย โลกเขยื้อน........ เป็นสัญญาณถึง "สังคมบ้านเมือง" กำลังขยับ ขยับคือการปรับ-เปลี่ยน ถามว่า "ปรับ-เปลี่ยนดีขึ้น หรือเลวลง?" คำตอบคือ การขยับเป็นเรื่องของธรรมชาติโลก แต่การปรับ-เปลี่ยน เป็นเรื่องของมนุษย์ผู้อาศัยโลก นั่นคือ จะ "ดีขึ้นหรือเลวลง" อยู่ที่คน ไม่ได้อยู่ที่ธรรมชาติ อยู่ที่พวกเราทุกคน ถ้าคิดดี-ทำดี สังคมบ้านเมืองที่กำลังไปกัน ก็จะดี ถ้าคิดชั่ว-ทำชั่ว เอาแต่โทษคนนั้น เกี่ยงคนนี้ ตัวเองไม่ทำ ครั้นคนอื่นเขาทำ ก็เอาตีนราน้ำ คอยขัดขวาง ว่าไม่ดีอยู่ร่ำไป ไม่มีใครดี-ใครถูก นอกจาก "พวกข้า" ที่รับทุน รับน้ำข้าว มาเห่าฝ่ายเดียวที่ถูก แบบนี้ สังคมบ้านเมืองที่จะไปกัน มันก็...ดียาก! เห็นมั้ย...พวก "ตีนราน้ำ" มันหยุดหย่อนซะที่ไหน คืนวาน ก็ระเบิดที่ปัตตานีอีก ซึ่งมันเป็นเหตุที่เข้าใจได้ "พวกกูไม่ได้-ไม่สุข พวกมึงก็อย่าได้-อย่าสุขกันเลย...ชาตินี้"! ยิ่งเห็นบ้านเมืองยุคเผด็จการทหารคุณธรรม กำลังผงกหัว จะไปได้ดี คนต่างด้าว-ท้าวต่างแดน ต่างพอใจ-ยอมรับ ที่บ้านเมืองไทยเสถียร หลั่งไหลกันมาเที่ยว มาลงทุน อิจฉา ทนไม่ได้ ขืนปล่อยบ้านเมืองร่มเย็น ชาวบ้านเป็นสุข พวกกูก็จะต้องจมทุกข์ อดอยากปากแห้งไปจนตาย ก็ต้องทำอะไร ให้ผู้คนตกใจ! แต่ไม่ใช่ตกใจแบบ ตูม..ตูม..พี่น้องเสื้อแดงตกใจ วิ่งเข้าร้านกระเป๋าแบรนด์เนม ตูม..ตูม..พี่น้องเสื้อแดงตกใจ วิ่งเข้าห้าง เข้าร้านเพชร ร้านทอง อย่างที่ไอ้เหลือกมันเคยพูด-เคยทำ แต่การก่อวินาศกรรมตรงโน้นที ตรงนี้ที อย่างที่เป็นขณะนี้ และจะเป็นอีกพักใหญ่ มันต้องการให้ตกใจแล้ว "วิตก-หวั่นไหว" ในทัศนคติผู้คน คลอนคลายในความเชื่อมั่นรัฐบาล ถอยการท่องเที่ยว ถอยการลงทุน ... และถอยศรัทธาในรัฐบาล คสช.โดยเฉพาะในตัว "พลเอกประยุทธ์"! ให้หน้ากระดาษ หน้าจอ หน้าคอมพ์ของโลก โดยเฉพาะ สื่อต่างประเทศ "รับจ๊อบ" ล้มไทย จ่อและจมอยู่กับเรื่อง "เมืองไทยไร้ความสงบ-ไร้ความปลอดภัย" ตดรัฐบาลทหารเหม็นตลบ ตดระบอบทักษิณ ตดจานหมาลัย ตดเด็กรับจ้างติดคุก ที่สร้างประเด็นสิทธิมนุษยชน ให้องค์กรลูกตีนไอกันที่ยูเอ็น ยึดเป็นประเด็นกระทืบไทย หอมตลบทั้งโลก! เป็นหอมสะท้อนให้คนคิด......... "รัฐบาลไร้น้ำยา"! ด้วยจิตวิทยาที่เขาสร้าง การวินาศกรรมทีเดียวหลายจุด ขณะเดียวกันระหว่างที่ทางตำรวจ-ทหารยังมะงุมมะงาหรา หาตัวคนทำไม่ได้ มันก็ตูมเย้ย ตรงนั้นที ตรงนี้ที สร้างสภาพ "หันรี-หันขวาง" จับทางโจรไม่ถูกให้รัฐ ตอกย้ำให้คนรู้สึกว่า ในความเสถียรนั้น "กลวง" กลวง จนต้องถาม...... ความมั่นคงอยู่ไหน ข่าวกรองอยู่ไหน สันติบาลอยู่ไหน อำนาจพิเศษในพื้นที่ภาคใต้อยู่ไหน ศักยภาพพิทักษ์ของทหารอยู่ไหน ............และตำรวจทำอะไรอยู่? ก็ต้องคิด "รบเปิดเผย" โจรไม่มีทางชนะบ้านเมือง แต่รบแบบ "ลอบกัด" ตอดไปเรื่อยๆ โจรไม่ชนะ........ แต่บ้านเมืองในภาพ "รัฐบาลเผด็จการทหาร" จะแพ้ประชาชน ด้าน "ศรัทธา-เชื่อมั่น"! การลอบกัดด้วยไม่หวังผลชนะศึก แต่หวังดึงศรัทธามวลชน ดูเหมือนง่าย ความจริงมันก็ไม่ยาก ถ้าเข้าใจด้านชัยภูมิและจิตวิทยา นอกจากลอบกัด แทนลงมือซึ่งหน้าแล้ว อีกทาง ทั้งทางใต้ดิน-บนดิน มันหยิบด้านศาสนาขึ้นมา "สร้างเรื่อง" เป็นประเด็นขัดแย้งสมทบ หวังเสี้ยม ระหว่าง "พุทธศาสนิกชน-อิสลามิกชน" ให้บาดหมาง หวาดระแวง เป็นปฏิปักษ์กัน ต้องการปั่นให้เกิด "ศึกศาสนา" เพราะเขารู้ว่า เรื่องศาสนา เป็นเรื่องจิตวิญญาณ สิ่งไหนเกี่ยวเนื่องด้วยศรัทธาและความเชื่อ ใครมาแตะตรงนี้ ประนี-ประนอม ไม่ได้ ต้องตายตกกันไปข้างหนึ่ง! พวกที่ยกเอาศาสนามาเสี้ยม ก็ต้องเป็นพวกรู้ดีเรื่องศาสนา คนศาสนาอื่นในไทย เขาไม่จำเป็นต้องเสี้ยม ......... หรือจะเสี้ยม ก็ไม่มีเหตุต้องเสี้ยมเอาตอนสังคมไทยกำลังเกิด "วิกฤติศรัทธา" ในคณะสงฆ์ไทย พวกที่หมกมุ่นใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จนลืมว่า "พระศาสดาเจ้า" ทรงสอนให้ละ มิใช่ให้รับ! ก็น่าสงสัย คนฝ่ายพุทธ "บางพวก" ที่เสียประโยชน์ จากใช้ศาสนาหากิน-หาเสียง นี่แหละ ผูกโยงเรื่อง หวังให้บาดหมางกัน ระหว่างไทยพุทธ-ไทยมุสลิม อันเป็นหนึ่งในแผน "กูไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุข" ผมเองยัง "ขี้เกียจอ่าน"........ คนนั้น-คนนี้ ส่งเรื่องราวเสกสรรปั้นแต่งเป็นมุมขัดแย้งระหว่างศาสนามาให้เยอะแยะ ลงท้าย ก็ถาม "อ่านยัง มีความเห็นว่าไง?" แต่ก่อน-แต่ไร ไม่มีเรื่องอัปรีย์พรรค์นี้ พอมีเรื่องเบนซ์ขม เป็นอุปกรณ์การศึกษาธรรม มีเรื่องอาตมาตีนโต ใครเอาเงินมาถวาย อาตมารับหมด เงินโจร-ไม่โจร ไม่รู้ รับไม่เจตนา อาตมาก็ไม่ใช่พวกโจร...ไม่ผิด มีเรื่องโล้นเหลืองสมุนทักษิณ คำรามแฮ่ๆ ต้องตั้งสังฆราชาตามใจมัน ไม่งั้นชุมนุม....สวด เมื่อ "ขัดใจ-ขัดประโยชน์" พวกโจรซุกพุทธจักร มาเลยทีเดียว..... สารพัดเรื่องยุแยงให้ไทยพุทธ-ไทยมุสลิม "เคืองใจกัน" หวังเป็นลิ่ม และโยงไปถึง ด้านมั่นคง ด้านแบ่งแยก ที่สำคัญยิ่ง........ ต้องการให้เกิดศึกศาสนา แล้วพวกมันก็จะ "สวมรอย" สร้างสถานการณ์ซ้ำเติม ให้หนัก หนักเพื่อ เป็นเงื่อนไข....... ให้กองกำลัง หรือ องค์กรนอกชาติ อ้างเป็นเหตุ เข้ามายึดครองประทศไทย! เนี่ย...เหล่านี้ เป็นเป้าหมายที่มันต้องการไปถึง อยู่ที่รัฐบาลจะเดินแต้มรับมือการ "ลอบกัด" แบบไหน? ต้องรู้ธรรมชาติ "เหี้ย" เป็นสัตว์เลื้อยคลานก็จริง แต่พัฒนามาจากสัตว์ "สะเทินน้ำ-สะเทินบก" ดังนั้น "ลงน้ำ" สู้กับมัน มันก็ไว อยู่ "บนบก" สู้กับมัน มันก็ทั้งปีน ทั้งคลาน ทั้งมุดเก่ง ผมก็ไม่รู้ "วิธีจับเหี้ย" ใครรู้-ใครชำนาญ วานบอกเป็นวิทยาทานบ้างก็ดี. ==== "บิ๊กตู่" ลั่น ใครจะมาตั้งรัฐซ้อนรัฐไม่ได้ ชี้เหตุระเบิด7จว.ใต้มีการเคลื่อนไหวทั้งบนดินแ ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th POLITIC.TNEWS.CO.TH ประณามบึ้มเซาท์เทิร์นฯ กอ.รมน.เชื่อมุ่งทำลายศก. – น้ำหนักระเบิด 160 กิโลฯ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด ได้รายงานผลตรวจพิสูจน์ระเบิดคาร์บอมบ์ที่คนร้ายใช้โจมตีย่านสถานบันเทิงหน้าโรงแรมเซาท์เทิร์น วิว ในเขตเมืองปัตตานี… WWW.ISRANEWS.ORG|BY ทีมข่าวอิศรา ตะลึง! ชาวบ้านหาปลาพบกระสุนปืนลูกซอง 3 กระสอบกว่า 2 พันนัด ตร.เผยใช้มากใน 3 จชต. พัทลุง – ตะลึงชาวบ้านออกหาปลาพบกระสุนปืนลูกซองชนิดอานุภาพสูง 3 กระสอบจำนวนกว่า… MANAGER.CO.TH|BY MGRONLINE LIVE กลุ่มผู้เสียหายร้อง'ดีเอสไอ'ช่วย เทรดดังหลอกลงทุนสูญ300ล. 25 ส.ค. 59 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ได้นำตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนกับบริษัทการลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแห่งหนึ่ง ประมาณ 30 คน… NAEWNA.COM ถูกแก้ไข สิงหาคม 25, 2016 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
