ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

545843_409301599125629_397843382_n.jpg

ภูมิใจเสนอ

พี่ม้าเป็นพระเอกฮับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

282220_409301315792324_2038155184_n.jpg

อย่างงี้ก็เท่ได้มะต้องเหมือนใคร

love the nature

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปชช.ทยอยลงนามถวายพระ"ในหลวง-ราชินี"อย่างต่อเนื่อง

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2555 12:52 น.

blank.gif ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีประชาชนเดินทางไปถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมทั้งทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแจกันดอกไม้ พานพุ่มดอกไม้สด และดอกไม้ประดิษฐ์ ณ ศาลาศิริราช 100 ปี กันอย่างคึกคัก เช่น กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และชมรมผู้สูงอายุศูนย์ 25 ชมรมผู้สูงอายุเทศบาล ต.เจ้าพระยาสุรศักดิ์ จ.ชลบุรี องค์การบริหารส่วน ต.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี คณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ชมรมแม่บ้านทหารผ่านศึก และชมรมนักรบสมรภูมิ จ.เชียงราย และพะเยา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นี่หรือมนุษย์? ผู้จัดเทศกาลในจีนจับขอทาน “ใส่กรง” ห้ามรบกวนนักท่องเที่ยว

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2555 11:40 น.

blank.gif 555000012199202.JPEG

 

ผู้จัดเทศกาลในเมืองหนานฉาง มณฑลเจียงซี ออกมาตรการบังคับขอทานนั่งในกรงเหล็ก เพื่อไม่ให้พวกเขาออกไปสร้างความรำคาญแก่นักท่องเที่ยว blank.gif เอเจนซี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ขอทานชาวจีนเหล่านี้ต้องจำใจนั่งอย่างสงบอยู่ภายในกรงเหล็กแคบๆ ราวกับสิ่งมีชีวิตในสวนสัตว์ รอคอยเพียงความเมตตาจากผู้มาเที่ยวงานบุญที่จะแบ่งปันเศษเงินแก่พวกเขา ซึ่งหากใครฝ่าฝืนไม่ทำตามกฎก็จะถูกไล่ออกไปหากินที่อื่นทันที

 

ผู้จัดงานเทศกาลในเมืองหนานฉาง มณฑลเจียงซี ทางตอนใต้ของจีน อธิบายว่า ขอทานเหล่านี้มักก่อความรำคาญต่อนักท่องเที่ยว ดังนั้นจึงมีการออกกฎเหล็กให้พวกเขานั่งอยู่แต่ภายในกรง หากต้องการจะเข้ามาขอทานที่นี่

 

กรงเหล็กที่ว่านี้ทั้งเตี้ยและแคบจนผู้ใหญ่ยืนไม่ได้ และแม้ขอทานทุกคนจะสามารถออกจากกรงได้ทุกเวลา แต่หากก้าวเท้าพ้นลูกกรงเมื่อไหร่ ก็ต้องออกจากบริเวณงานและออกไปนอกเมืองทันที

 

ผู้แสวงบุญจากทั่วประเทศจีนเดินทางมาร่วมเทศกาลประจำปีที่เมืองแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งการออกร้านจำหน่ายสินค้า และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย และด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลกันมานับพันๆ คน ทำให้เทศกาลนี้ดึงดูดประชากรขอทานจำนวนมากเช่นกัน

 

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราพบว่ามีขอทานเข้ามาในงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการรบกวนแขกที่มาเที่ยวงาน ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ” หนึ่งในผู้จัดงานเผย

 

“เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากห้ามไม่ให้ขอทานเข้ามาในงาน ซึ่งการใช้กรงก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย ใครที่อยากทำบุญก็ยังทำได้ แต่พวกเขาจะไม่ถูกตามตื๊อไปทั่วงาน ขณะมาเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว”

 

“ขอทานเหล่านี้ก็ดูมีความสุขดี เพราะมีคนหยิบยื่นอาหารและน้ำดื่มให้ ผมว่ายังดีกว่าพวกเขาต้องออกไปหาที่ทำมาหากินตามท้องถนนเสียอีก”

 

อย่างไรก็ดี นักสิทธิมนุษยชนในจีนต่างประณามว่าวิธีดังกล่าวไม่ต่างจาก “สวนสัตว์มนุษย์” ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของเหล่าขอทาน

 

“พวกเขาทำราวกับขอทานเป็นสัตว์ แล้วต่อไปจะให้ทำอย่างไรอีก? ให้เล่นกลแลกอาหารหรือเปล่า?... นี่มันเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรี” นักสิทธิมนุษยชนคนหนึ่งเผย

 

“พวกเขาจะสร้างภาพให้คนเชื่อว่าแถบนี้ไม่มีคนยากจนกระนั้นหรือ? ขอทานเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือ เราไม่ควรปล่อยให้พวกเขาถูกขังในกรงเช่นนั้น พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”

555000012199203.JPEG blank.gif

555000012199204.JPEG blank.gif

555000012199201.JPEG blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รางวัลแบบนี้ก็มีด้วย “โกลเดนกูสอะวอร์ด”

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กันยายน 2555 11:39 น.

blank.gif 555000012097601.JPEG

 

นิทานอีสปเรื่องห่านวางไข่ทองคำเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อรางวัล "โกลเดนกูสอะวอร์ด" ที่มอบให้แก่งานวิจัยที่ดูไม่เข้าท่าแต่สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ (ไลฟ์ไซน์/) blank.gif “โกลเดนกูสอะวอร์ด” รางวัลสำหรับงานวิทยาศาสตร์ที่ดูไม่เข้าท่า หากแต่เป็นงานวิจัยที่สำคัญจริงๆ ซึ่งประเดิมมอบเกียรติยศให้งานวิจัยด้านการค้นพบแมงกะพรุนเรืองแสง การปลูกถ่ายกระดูกด้วยประการัง รวมถึงการคิดค้นที่นำไปสู่การพัฒนา “เลเซอร์”

 

จิม คูเปอร์ (Jim Cooper) ผู้แทนราษฎรสหรัฐจากเทนเนสซี ผู้เป็นต้นคิดรางวัล “โกลเดนกูสอะวอร์ด” (Golden Goose Award) ให้ความเห็นว่า มีรายงานเกี่ยวกับโครงการวิจัยที่ฟังดูเพี้ยนๆ และทำให้ภาครัฐเสียเงินเปล่า แต่รางวัลนี้จะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการเยาะหยันนั้น โดยตระหนักถึงงานวิจัยที่คู่ควรต่อการได้รับทุนสนับสนุนจากภาครัฐซึ่งอาจจะเป็นงานวิจัยที่ดูตลก แต่ประโยชน์ใช้สอยจากงานเหล่านั้นทำให้เราไม่อาจหัวเราะเยาะได้

 

จุดเริ่มต้นของคูเปอร์นี้มาพร้อมกับแนวคิดที่จะให้ความรู้แก่สาธารณะและสภาคองเกรสได้ตระหนักถึงคุณค่าของการให้ทุนวิจัยแก่งานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐาน โดย ไลฟ์ไซน์ ระบุว่า ชื่อของรางวัลนั้นอ้างถึงนิทานอีสปเรื่องห่านที่วางไข่เป็นทองคำ และยังล้อชื่อรางวัล “โกลเดนฟลีซอะวอร์ด” (Golden Fleece Award) ของ วิลเลียม พรอกซ์ไมร์ (William Proxmire) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ จากวิสคอนซินผู้ล่วงลับ ซึ่งมอบให้แก่งานวิจัยที่ให้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์

 

สำหรับรางวัลห่านทองคำนี้ จะมอบเป็นเกียรติแก่งานวิจัยที่แม้การศึกษายังไม่ชัดเจนแต่นำไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่และมีผลกระทบที่สำคัญ หรือการค้นพบโดยบังเอิญแต่ส่งผลกระทบที่สำคัญต่อมนุษยชาติและเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงมอบรางวัลให้เฉพาะงานวิจัยที่ได้สร้างประโยชน์อย่างยิ่งแล้ว แต่จะไม่ให้รางวัลแก่งานวิจัยที่ “อาจจะ” นำไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่

 

หนึ่งในงานวิจัยที่ได้รับจากการประกาศรางวัลไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2012 ที่ผ่านมา คือ งานวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์ 4 คนที่มีความเชี่ยวชาญจากหายสาขา ซึ่งมีแนวคิดในการสร้างวัสดุปลูกถ่ายกระดูกด้วยปะการังที่ค้นพบในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้

 

โดยเมื่อต้นทศวรรษ 1970 นักวิจัยสหรัฐจากเพนน์สเตท ได้แก่ ร็อดนีย์ ไวท์ (Rodney White) เดลลา รอย (Della Roy) ยูจีน ไวท์ (Eugene White) และ จอน เวเบอร์ (Jon Weber) ผู้ล่วงลับ ได้พบว่าปะการังดังกล่าว มีรูพรุนขนาดเล็กและวางตัววกวนคล้ายกระดูกมนุษย์ ซึ่งน่าจะนำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกระดูกได้

 

ทีมวิจัยได้ใช้โครงสร้างของปะการังเป็นต้นแบบในการสร้างเซรามิกที่เลียนแบบกระดูกมนุษย์ และพวกเขายังใช้เทคนิคการประกอบอาหารด้วยความดันเพื่อให้องค์ประกอบเคมีและคุณสมบัติเชิงกลนั้นคล้ายกระดูกมนุษย์ แล้วได้เป็นโครงสร้างที่สามารถทดแทนกระดูก ซึ่งรับแรงกดต่ำและข้อกระดูกได้ อีกทั้งยังลดโอกาสที่ร่างกายจะต่อต้านอวัยวะปลูกถ่ายได้ งานวิจัยนี้ได้รับทุนจากสถาบันสุขภาพสหรัฐฯ (National Institutes of Health: NIH)

 

อีกงานวิจัยคือการค้นพบโปรตีนแมงกะพรุนที่เปล่งแสงสีเขียวในแสงกลางวัน และเรืองแสงสีเขียวใต้แสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ ซึ่งการทำงานของโปรตีนดังกล่าวช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สังเกตปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ได้ โดยนักวิทยาศาสตร์ในงานวิจัยนี้ คือ โอซามุ ชิโมมุระ (Osamu Shimomura) มาร์ติน ชาลฟี (Martin Chalfie) และโรเจอร์ เซียน (Roger Tsien) ที่ได้รับทุนวิจัยจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ (National Science Foundation: NSF) และสถาบันสุขภาพสหรัฐฯ

 

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ได้รับรางวัลนี้ คือ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ที่นำโดย ศ.ชาร์ลส ทาวเนส (Charles Townes) พร้อมคณะ ซึ่งงานวิจัยของพวกเขาเคยถูกมองว่าพลาญงบประมาณของมหาวิทยาลัย แต่งานของพวกเขาก็นำไปสู่การสร้างนวัตกรรม “เลเซอร์” โดยเมื่อปี 1953 ศ.ทาวเนส พร้อมด้วย เจมส์ กอร์ดอน (James Gordon) และ เอช เจ ไซเกอร์ (H.J. Zeiger) ได้สร้างคลื่นแสง “เมเซอร์” (maser) ขึ้นเป็นครั้งแรก

 

คลื่นเมเซอร์ดังกล่าว คือ คลื่นไมโครเวฟที่ขยายขนาดจากการแผ่รังสีที่ปล่อยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งงานนี้ได้วางรากฐานสู่การพัฒนาแสงเลเซอร์ที่นำไปสู่เทคโนโลยีอันมีประโยชน์อย่างนับไม่ถ้วน ทั้งสื่อดิจิตัล ซีดี การสื่อสารผ่านดาวเทียม การผ่าตัดตาด้วยเลเซอร์ และนวัตกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งงานวิจัยเมเซอร์นั้นได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์สหรัฐฯและกองทัพเรือสหรัฐฯ

 

ที่น่าแปลกสำหรับรางวัลโกลเดนกูสอะวอร์ด คือ รางวัลนี้จะประกาศมอบรางวัลถึงปีละ 3-4 ครั้ง ส่วนงานมอบรางวัลประจำปีจะจัดขึ้นที่วอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

4 เพื่อนควรหลีกสำหรับผู้มีครอบครัวแล้ว

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2555 11:27 น.

blank.gif

 

555000012190201.JPEG blank.gif

 

หากเอ่ยถึงคำว่า "เพื่อน" ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาคือคนที่มีความสำคัญกับชีวิตของเราทุกคน เพราะการมีเพื่อนที่ดี หมายถึงการมีคู่คิดในเรื่องต่าง ๆ เป็นที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้ และอาจหมายถึงคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเวลาที่คุณท้อแท้ใจมากที่สุดได้อีกด้วย

 

กระนั้น ในจำนวนบุคคลที่เราคบหานับเป็นเพื่อน ก็อาจไม่ได้มีเฉพาะผู้ที่ทำให้คุณสบายใจ หรือเข้าใจคุณแต่เพียงอย่างเดียว แต่อาจมีเพื่อนบางกลุ่มที่ทำให้คุณทุกข์ใจ หรือเข้ามาสร้างปัญหาต่าง ๆ ให้ชีวิตคุณก็เป็นได้ ซึ่งวันนี้ ทีมงานขอหยิบยกเพื่อน 4 ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่มีครอบครัวแล้ว จะมีลักษณะใดบ้างนั้น ติดตามกันเลยค่ะ

 

1. เพื่อนนักขอยืม

 

สำหรับข้อแรกนี้ ไม่ได้ต้องการเป็นคนใจร้าย ไม่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนเมื่อมีปัญหา แต่ถ้าหากว่า เพื่อนผู้มาขอหยิบยืมเงินนั้นยังเป็นสาวโสดหนุ่มโสด ไม่มีพันธะใด ๆ อีกทั้งไม่มีเหตุผลในการขอยืมเงินที่แน่ชัด ก็ไม่จำเป็นจะต้องควักเงินของครอบครัวที่คุณหามาได้ไปให้เขาเหล่านั้นหยิบยืม เพราะคนที่ยังไม่มีพันธะ ไม่ต้องรับผิดชอบใคร ๆ นั้น เวลาที่เขาไม่คืนเงินคุณตามเวลา ต่อให้เขาขอโทษอย่างไร เขาก็ไม่อาจเข้าใจถึงความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ยามไม่มีเงินกลับบ้านไปหล่อเลี้ยงครอบครัว หรือไม่มีเงินซื้ออาหาร สิ่งของจำเป็นสำหรับลูก ๆ ได้เป็นแน่ เพราะฉะนั้น หากการคบเพื่อนคนดังกล่าวมาพร้อมกับเงื่อนไขว่าคุณต้องเป็นที่พึ่งทางการเงินให้เขาด้วย ในฐานะพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตลูก ๆ คุณอาจต้องอยู่ให้ห่างเพื่อนคนนี้ไว้เสียแล้ว

 

สำหรับท่านที่ไม่ทราบจะหาทางออกอย่างไรเวลาถูกออกปากยืมเงินจากเพื่อนประเภทนี้บ่อย ๆ ลองถามเขาขำ ๆ ด้วยคำถามนี้ก็ได้ค่ะ "นี่จะยืมหรือจะขอ ถ้าจะยืมก็ต้องใช้คืนตามกำหนดนะ"

เป็นการเตือนเขาไปด้วยในตัวให้เขามีความรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาพูดออกมามากยิ่งขึ้น

 

2. เพื่อนสาวโสดผู้ชอบหว่านเสน่ห์

 

ไม่มีอะไรน่าเสียใจไปกว่าการที่เพื่อนสนิทของเรามาคิดไม่ซื่อกับสามี พ่อของลูก ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรณีน่าเสียใจเช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อคุณกับเพื่อนสาวสนิทกันมากเกินไปจนเพื่อนรู้ลักษณะนิสัยใจคอของคุณ ตลอดจนจุดอ่อนจุดแข็งที่คุณมี และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์เมื่อพวกเธอต้องการหว่านเสน่ห์ใส่สามีของคุณ ดังนั้น หากพบว่าเพื่อนมีพฤติกรรมดังกล่าว แม้เพียงครั้งเดียวก็ไม่ควรให้ความสนิทชิดเชื้ออีกต่อไป แต่ควรพาครอบครัวออกห่างจากเพื่อนคนดังกล่าวทันที

 

3. เพื่อนสาวผู้ชอบเปรียบเทียบ

 

ฉันรวยกว่าเธอ ลูกฉันเรียนเก่งกว่าลูกเธอ สามีฉันมีหน้าที่การงานดีกว่าสามีเธอ บ้านหลังใหม่ฉันใหญ่กว่าบ้านเธอ ลูกฉันเลี้ยงง่าย ลูกเธอเลี้ยงยาก ฯลฯ สารพัดจะเปรียบเทียบ

 

การมีเพื่อนที่มักเปรียบเทียบทุกอย่างในชีวิตของเธอกับของคุณไม่ใช่เรื่องน่าสบายใจนัก และหลายคนก็ไม่พร้อมจะรับฟังการเปรียบเทียบเหล่านั้น โดยเฉพาะในเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือเรื่องที่ผู้พูดทำให้เพื่อนรู้สึกว่าตนเองดูด้อยกว่า ดังนั้น หากการคบเพื่อนในลักษณะนี้ไม่ได้ทำให้คุณพกความสุขกลับบ้าน ก็คบให้ห่าง ๆ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเธอให้น้อยลงก็จะเป็นการดี

 

4. เพื่อนที่ทำให้ไม่สบายใจ

 

พวกเธออาจไม่เข้าใจคุณเวลามีปัญหา และมักเสนอทางออกที่สร้างปัญหาให้กับชีวิตคุณแทน บางครั้งก็ทำเหมือนคุณเป็นโสด นึกจะโทรมาปรึกษาปัญหาดึกดื่นก็โทร ไม่เกรงใจคุณที่ต้องเลี้ยงลูก - ดูแลครอบครัวเลย ฯลฯ ทั้งหมดนี้อาจบอกได้ว่าถ้าไม่อาจคบหากันได้อย่างมีความสุข และคุณเองก็มีลูก มีครอบครัวให้ต้องดูแลรับผิดชอบแล้ว บางที คุณอาจต้องยอมห่างจากพวกเขา ปล่อยให้เพื่อน ๆ เหล่านั้นไปคบหาเพื่อนคนใหม่ที่ไม่ใช่คุณก็อาจเป็นการดีสำหรับทุกฝ่าย ที่สำคัญ คนเราเมื่อสถานะเปลี่ยนไป เช่น แต่งงาน มีครอบครัว มีลูก สิ่งที่ให้ความสำคัญในชีวิตก็จะเปลี่ยนไปด้วย เวลาพูดคุยกันกับเพื่อนที่สถานะต่างกัน ความเข้าใจในความรู้สึกนึกคิดก็จะลดน้อยลงไปเป็นเรื่องปกติ ความเห็นบางอย่างจากเพื่อนที่ยังไม่ได้แต่งงานก็อาจไม่ตรงใจเท่ากับเพื่อนที่เหมือน ๆ กับคุณ มีลูกมีสามีแล้วเหมือน ๆ กัน เจอปัญหาเหมือน ๆ กันนั่นเอง

 

สำหรับท่านผู้อ่านท่านอื่นมีความเห็นจะเสนอเพิ่มเติม ทีมงานขอน้อมรับด้วยความขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิธีรอดชีวิตจากหัวใจวายเมื่ออยู่ลำพัง/ ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กันยายน 2555 11:43 น.

blank.gif 555000012056401.JPEG blank.gif

 

ท่านที่เป็นโรคหัวใจอาจมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นหากเตรียมตัวเองให้พร้อมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ หลายคนที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจควรได้รับการรับการบำบัดและรับยาที่ครบถ้วน ข้อมูลที่จะกล่าวถึงข้างล่างนี้จะพอเป็นแนวทางให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจที่อยู่ลำพังหรือเมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร

 

ขั้นเตรียมตัว

 

1.ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจเท่านั้น ในปัจจุบันมีจดหมายเวียนที่ส่งต่อถึงกันเกี่ยวกับการรักษา ที่เรียกว่า การไอแบบกู้ชีวิต หรือ Cough CPR (Cardiopulmonary Resuscitation : CPR) เป็นการปฏิบัติการเพื่อช่วยชีวิตคนที่หัวใจหยุดเต้น และหยุดหายใจเฉียบพลัน โดยวิธีคือการไอแบบ CPR ทันที คือ ให้ไอถี่ๆ แต่แรงๆ หายใจเข้าลึกๆ ทุกครั้งก่อนการไอ ไอลึกเหมือนมีเสมหะ การหายใจและการไอต้องทำต่อเนื่องทุก 2 วินาที ไอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีคนมาช่วยหรือหัวใจมีการเต้นเป็นปกติอีกครั้ง หายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ออกซิเจนเข้าปอด การเคลื่อนไหวจากการไอจะช่วยบีบหัวใจให้มีการไหลเวียนของเลือดเป็นปกติอีกครั้ง การบีบรัดตัวของหัวใจช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจกลับมา และช่วยเหลือได้ทันก่อนนำส่งโรงพยาบาล การกระทำที่ถูกต้องและทันท่วงที จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น แต่วิธีนี้ทางสมาคมโรคหัวใจในสหรัฐอเมริกาไม่แนะนำ เพราะควรมีผู้ชำนาญชาญอยู่ดูแลด้วย

 

2.หลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตเมื่อลดโอกาสการเกิดภาวการณ์เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ งดสูบบุหรี่และดื่มเหล้า ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ระมัดระวังเรื่องอาหาร และทำจิตใจให้สบาย

 

3.หากอยู่ในฐานะที่พอจะทำได้ ควรมีระบบสื่อสารที่เมื่ออยู่ในภาวะฉุกเฉินสามารถขอความช่วยเหลือหรือติดต่อไปยังโรงพยาบาลได้ทันทีเมื่อกดปุ่ม แต่เมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากการส่งสัญญาณยังไม่ดีเท่าที่ควร

 

สิ่งที่ควรทำ

 

1.จำอาการของโรคหัวใจได้ เช่น หายใจสั้น เจ็บหรือปวดที่บริเวณหน้าอก ปวดต้นคอ หรือลามมาที่แขน หัวไหล่ และขากรรไกร

2.หากขับรถอยู่ควรจอดรถเข้าข้างทาง อย่าพยายามฝืนขับต่อไปที่โรงพยาบาล เพราะเราอาจมีเวลาเพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นก่อนหมดสติ

3.โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือที่โรงพยาบาล 191 หรือผู้ที่สามารถจะช่วยเหลือเราได้ โดยบอกถึงสถานที่ ๆ อยู่

4.ทานแอสไพรินขนาด 325 มิลลิกรัม เมื่อเริ่มมีอาการ แอสไพรินช่วยให้เลือดมีการไหลเวียนที่ดี ไม่เกาะเป็นก้อน เคี้ยวยาทั้งเม็ดหากไม่สามารถหาน้ำดื่มได้ อย่าเสียเวลาเพราะอาจไม่ทันการเมื่อเริ่มมีอาการที่รุนแรง

5.ใช้ยาโรคหัวใจกลุ่มปิดกั้นเบต้า (beta blocker) ซึ่งเป็นยาที่ลดอัตราการเต้นของหัวใจและระดับความดันโลหิต เป็นกลุ่มยาที่ใช้สำหรับกลุ่มคนที่เป็นโรคหัวใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมียากลุ่มนี้อยู่

6.มีกระป๋องออกซิเจนขนาดพกพาติดตัวไว้ หากเรารู้ว่าเราเป็นโรคหัวใจอยู่ ควรมีกระป๋องออกซิเจนติดตัวไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

7.ทุบหน้าอกของตัวเองอย่างแรงเท่าที่สามารถจะทำได้ วิธีนี้จะได้ผลดีหากมีคนช่วยทำให้ เพราะอาจเป็นการยากที่จะทำด้วยตัวเอง

8.ติดต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคหัวใจ หากมีคำถามและขอคำแนะนำหากต้องเดินทางคนเดียวบ่อยๆ

9.อย่าสับสนอาการของโรคกระเพาะและโรคหัวใจ หากทานยาลดกรดในกระเพาะและไม่หาย ควรติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินในทันที เพราะอาจมีเวลาไม่มากพอที่จะช่วยเหลือได้ทันเวลา

 

สิ่งที่ผู้เขียนนำเสนอนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้นไม่ได้มีการอ้างอิงทางการแพทย์หรือการวิจัยใดๆ ดังนั้น หากท่านเองเป็นโรคหัวใจ หรือมีคนในครอบครัวหรือคนสนิทที่เป็นโรคดังกล่าวนี้ ควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ และได้รับการดูแลใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกครอบครัวจะมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งใจและกายตลอดไปนะคะ

 

ข้อมูลอ้างอิง

http://www.hoax-slayer.com/survive-heart-attack.html

http://www.ehow.com/how_136303_survive-heart-attack.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธรรมะอินเทรนด์ ธรรมะออนไลน์

จับผิดตัวเองได้มากเท่าใด โอกาสที่จะพัฒนาและเดินทางถูกก็มีมากเท่านั้น

 

 

 

 

 

222110_364002567017914_810290974_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

3467_461685467208859_88062427_n.jpg

The two big advantages I had at birth were to have been born wise and to have been born in poverty... -Sophia Loren

artist: Ebn Misr

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...