ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

423746_269986023113183_1994141847_n.jpg

 

ปลาแฟนซีคาร์ป (อังกฤษ: Fancy carp, Mirror carp, ญี่ปุ่น: 鯉, 錦鯉, โรมะจิ: Koi, Nishikigoi-ปลาไน, ปลาไนหลากสี) เป็นปลาคาร์ปหรือปลาไน ชนิดย่อยCyprinus carpio carpio

เป็นปลาคาร์ปที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาจากปลาคาร์ปธรรมดา ๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติหรือที่นำมารับประทานกันเป็นอาหาร เพื่อการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยเริ่มต้นขึ้นในราว ค.ศ. 200-ค.ศ. 300 โดยปลาคาร์ปต้นสายพันธุ์นั้นมีเพียง 3 สีเท่านั้น คือ แดง, ขาว และน้ำเงิน มีบันทึกว่าปลาคาร์ปบางตัวได้พัฒนาตัวเองมาเป็นสีส้ม ดังนั้นชาวจีนจึงนิยมนำมาเลี้ยงเพื่อเป็นความเป็นสิริมงคล

จากนั้นจึงได้เดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น บริเวณหมู่บ้านเชิงเขาที่ชื่อ ตาเกซาว่า, ฮิกาชิยามาโอตะ, ตาเนอุฮาร่า และกามากาชิมา โดยชาวบ้านที่หมู่บ้านเหล่านี้ได้นำปลาคาร์ปมาเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารในยามฤดูหนาวหรือช่วงที่อาหารขาดแคลน จากนั้นในศตวรรษที่ 18 ที่เมืองเอจิโกะ ในจังหวัดนีงะตะ ได้บังเอิญเกิดมีปลาคาร์ปตัวหนึ่งซึ่งเป็นสีขาวและสีแดงตลอดทั้งตัวเกิดขึ้นมา สันนิษฐานว่าเป็นการผ่าเหล่า เกิดจากการผสมพันธุ์กันเองภายในสายเลือดใกล้ชิดกัน ซึ่งนำไปสู่การเพาะพันธุ์จนมาได้ ปลาที่มีลักษณะสีขาวสลับแดงในสายพันธุ์ที่มีชื่อว่า "โคฮากุ" (紅白) ขึ้นมาจนถึงในปัจจุบัน

จากนั้นความนิยมในการเลี้ยงปลาคาร์ปในประเทญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1870 มีศูนย์กลางการเพาะเลี้ยงปลาขึ้นบริเวณเชิงเขาเมืองโอจิยะ จังหวัดนิอิกาตะ และฮิโรชิม่า มีการทำฟาร์ม ประกวด และพัฒนาสายพันธุ์จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในเทศกาลเด็กผู้ชาย ซึ่งตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่มีบุตรชายจะนำธงทิวที่มีสีสันหลากหลายรูปปลาคาร์ป ขึ้นแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เด็กเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ประดุจปลาคาร์ปที่ว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยว

ในปี ค.ศ. 1914 ได้มีผู้นำปลาคาร์ปขึ้นทูลเกล้าฯ มงกุฎราชกุมารโชวะ ซึ่งนับเป็นจุดที่ทำให้ความนิยมในการเลี้ยงปลาคาร์ปเผยแพร่กว้างไกลยิ่งขึ้น ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดภาวะขาดแคลนอาหารภายในประเทศญี่ปุ่น ปลาคาร์ปจึงถูกใช้ทำเป็นอาหารอีกครั้ง เมื่อสงครามยุติลง ยังมีผู้ที่เลี้ยงปลาที่ได้รักษาสายพันธุ์ไว้ พยายามฟื้นฟูและสงวนสายพันธุ์ขึ้นมา ปลาคาร์ปจึงได้กลับมาอีกครั้งในฐานะปลาสวยงามในวัฒนธรรมญี่ปุ่น จนมาถึงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

แหล่งผลิตปลาคาร์ปสวยงามของญี่ปุ่นในปัจจุบัน ได้แก่ โอจิยะ, ฮามามัตสึ, ยามาโคชิ, นากาโอะ, โตชิโอะ และคิตะอุโอนุมา ซึ่งประชากรในเมืองเหล่านี้ส่วนมากจะประกอบเพาะพันธุ์ปลาคาร์ปจำหน่าย โดยอาศัยแหล่งน้ำธรรมชาติ ตลอดจนภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยที่อยู่บนเขาซึ่งเหมาะแก่การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง การเลี้ยงปลาคาร์ปในประเทศญี่ปุ่นจึงเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ทุกปีจะมีการประกวดทั่วทั้งประเทศ ที่กรุงโตเกียว อันเป็นเมืองหลวง นอกจากนี้แล้วยังมีการประกวดในระดับภูมิภาคแยกย่อยอีก รวมถึงในระดับนานาชาติอีกด้วย

ในปี ค.ศ. 1966 สมาคมผู้เลี้ยงปลาคาร์ปแห่งญี่ปุ่น ได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์ปลาคาร์ปขึ้น โดยสลักคำว่า "แหล่งกำเนิดนิชิกอย" (錦鯉起源の新) ขึ้นไว้เป็นอนุสรณ์ขึ้นที่หน้าโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองนิกาตะ เพื่อเป็นการระลึกถึงเมืองที่เป็นจุดกำเนิดปลาแฟนซีคาร์ป

สำหรับประวัติการเลี้ยงปลาคาร์ปในประเทศไทย ในรูปแบบปลาสวยงามนั้น เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2493 โดยการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นปลาสวยงามที่มีราคาสูงมาก ในปี พ.ศ. 2498 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงนำเข้าปลาชนิดนี้มาจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเลี้ยงเป็นปลาพ่อแม่พันธุ์ และให้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า "ปลาอัมรินทร์" ในขณะที่กรมประมงได้เรียกว่า "ปลาไนญี่ปุ่น" หรือ "ปลาไนสี" หรือ "ปลาไนแฟนซี" จากนั้นก็ได้มีผู้นำเข้ามาเลี้ยงกันมาอีกอย่างแพร่หลาย จนถึงในปัจจุบัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

มะต้องถาม ส๋วยกะ

สวยอยู่แร้วมั่งเนอะคริคริ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

206316_474987772531504_64174540_n.jpg

ในหลวงทรงห่วง ทอดพระเนตรของบริจาคช่วยเหลือน้ำท่วม

ทรงพระเจริญ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
สวยอยู่แร้วมั่งเนอะคริคริ

 

อารมณ์ดีทั้งวันนะ นี่ต่ายชอบมะ วาดเก่งเนอะ

 

423861_265488330229619_329311637_n.jpg

Sawako

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

296725_267957556649363_901267989_n.jpg

ช่วยหนีภัย เอาชีวิตรอด

อุ้มมาด้วยเพราะปล่อยไว้ก็หนีไม่ทัน

fb

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รรมะอินเทรนด์ ธรรมะออนไลน์

อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง

เพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้เราเป็นทุกข์

แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรง ๆ อย่างยาวนานของเราด้วย

[ว.วชิรเมธี]

 

183259_363694507048720_671692524_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

IMF เตรียมลงดาบรบ.อาร์เจนตินา 17 ธ.ค.นี้ หลังรมต. “โกหกสีขาว” บิดเบือนตัวเลขศก. blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กันยายน 2555 14:56 น.

blank.gif 555000012152001.JPEG blank.gif เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกโรงเตือนรัฐบาลอาร์เจนตินาเมื่อวันอังคาร (18) ว่า อาจถูกลงโทษในเดือนธันวาคมนี้ หากยังไม่เริ่มเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีความถูกต้องน่าเชื่อถือ หลัง 2 รัฐมนตรีออกมายอมรับต้อง “โกหกสีขาว” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีทางเศรษฐกิจและหวังผลด้านการลงทุน

 

รายงานข่าวล่าสุดยืนยันว่า บอร์ดบริหารของไอเอ็มเอฟจะให้เวลากับรัฐบาลอาร์เจนตินาอีก 3 เดือน จนถึงวันที่ 17 ธันวาคม เพื่อให้มีการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แท้จริง หลังจากที่ไอเอ็มเอฟเคยเตือนอาร์เจนตินาในเรื่องเดียวกันมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่คำขู่ในครั้งนั้นก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลบัวโนสไอเรส

 

“เราขอเรียกร้องให้อาร์เจนตินาเร่งปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องโดยปราศจากการรั้งรออีกต่อไป มิฉะนั้น อาร์เจนตินาอาจต้องเผชิญกับมาตรการกดดันเพิ่มเติม” คำแถลงของไอเอ็มเอฟระบุ

 

ท่าทีล่าสุดของไอเอ็มเอฟมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอาร์เจนตินา ภายใต้การนำของประธานาธิบดีหญิงกริสตินา เฟร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ วัย 59 ปี ยังคงเดินหน้าเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขทางเศรษฐกิจ ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อ รวมถึงอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อ “สร้างภาพ” ให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศดูดีเกินจริง

 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอาร์เจนตินาเพิ่งออกมาประกาศตัวเลขเงินเฟ้อช่วงเดือนสิงหาคมซึ่ง ทางการระบุ เงินเฟ้อของประเทศอยู่ที่ราวร้อยละ 10 แต่กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนออกมาตอบโต้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว อัตราเงินเฟ้อของประเทศได้พุ่งสูงถึงร้อยละ 24 และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่าย รวมถึงบรรดานักลงทุนเกิดความคลางแคลงใจต่อภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงของอาร์เจนตินา และกระทบภาพลักษณ์ด้านความน่าเชื่อถือของรัฐบาลบัวโนสไอเรส

 

ก่อนหน้านี้เอร์นัน กัสปาร์ โลเรนซิโน รัฐมนตรีคลังอาร์เจนตินา วัย 40 ปี ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว รวมถึง การ์โลส อัลฟองโซ โตมาดา รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน การจ้างงานและความมั่นคงทางสังคม วัย 64 ปี เคยออกมายอมรับว่า มีการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจ และด้านแรงงานที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยทั้งคู่ต่างยืนยันว่า พวกเขาไม่มีเจตนาที่จะโกหกเกี่ยวกับตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงข้อมูลบางอย่างโดยหวังผลด้านการลงทุน

 

ทั้งนี้ หากรัฐบาลอาร์เจนตินายังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ถูกต้องและสอดคล้องกับความเป็นจริงภายในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ จะส่งผลให้อาร์เจนตินาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการเป็นประเทศแรกของโลกที่จะถูกไอเอ็มเอฟลงดาบ เพราะเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เป็นเท็จ โดยบทลงโทษสูงสุดอาจถึงขั้น การขับอาร์เจนตินาออกจากการเป็นสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้

555000012152002.JPEG blank.gif

555000012152003.JPEG

 

การ์โลส อัลฟองโซ โตมาดา รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน การจ้างงานและความมั่นคงทางสังคม blank.gif

555000012152004.JPEG

 

เอร์นัน กัสปาร์ โลเรนซิโน รัฐมนตรีคลังอาร์เจนตินา blank.gif

555000012152005.JPEG

 

ประธานาธิบดีหญิงกริสตินา เฟร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในหลวง” พระราชทานถุงยังชีพช่วยเหยื่อน้ำท่วม “บางระกำ”

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กันยายน 2555 14:50 น.

blank.gif

blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif 555000012161901.JPEG blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif TabOver.gif

 

 

blank.gif blank.gif พิษณุโลก - มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบางระกำ 1,000 ครอบครัว

 

วันนี้ (19 ก.ย.) นายประสงค์ พิฑูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำถุงยังชีพพระราชทานของมูลนิธิไปมอบให้แก่ราษฎรตำบลท่านางงาม และตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ที่ประสบอุทกภัยจำนวน 1,000 ราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรในเบื้องต้น โดยมีนายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมนายกเหล่ากาชาดฯร่วมในพิธี เพื่อการสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่

 

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยอันเนื่องมาจากฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลให้มีน้ำปริมาณมากไหลเอ่อท้นเข้าท่วมพื้นที่ ทำความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎร รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตรและสิ่งสาธารณะประโยชน์ จึงได้พระราชทานความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยพิบัติผ่านทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ

 

สำหรับอำเภอบางระกำ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม รวม 4 ตำบล 20 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 50,000 ไร่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...