ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

การเงิน - การลงทุน

 

วันที่ 5 มกราคม 2556 03:39

 

เปิดฉากปีงูทองผันหนัก โดนทุบราคาเก็งกำไร

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

news_img_484517_1.jpg

 

นายกสมาคมค้าทองคำเผยเปิดฉากปีงู ทองผันผวนหนัก โดนถล่มขายทำกำไร ฟังเหตุผลไม่ขึ้นคิวอี4-หน้าผาการคลัง เตือนนักลงทุนระมัดระวังลงทุน

 

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวราคาทองคำในวันที่ 3 ของการเปิดทำการศักราชใหม่ พบว่ามีความผันผวนมากขึ้น โดยราคาทองคำในประเทศในวันที่ 4 มกราคม 2556 สมาคมทองคำจะต้องปรับราคาอ้างอิงถึง 8 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันเริ่มมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในตลาดทองคำอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปความผันผวนจะทยอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากนี้ เพราะบรรดานักลงทุนรายใหญ่ในตลาดทองคำยังหยุดต่อเนื่องจากเทศกาลหยุดวันขึ้นปีใหม่ ถ้าหากกลับเข้ามาในตลาดแบบตามปกติคาดว่าราคาทองคำจะผันผวนมีความสวิงแรงกว่านี้

"หลังจากเปิดทำการในปี 2556 ราคาทองคำมีความผันผวนแรง โดยในวันแรกปรับราคาอ้างอิงไป 5 ครั้ง วันที่สองนิ่งๆ วันที่ 3 ปรับไปแล้ว 8 ครั้ง โดยราคาทองคำในประเทศปรับลงไป 500 บาทต่อ 1 บาททองคำ และในระยะสั้นจะยังมีความผันผวนต่อเนื่อง ซึ่งมองว่าเป็นไปตามความคาดหมายที่มองว่าปีนี้ราคาทองคำจะขึ้นลงแรง และรอบนี้อาจจะเห็นราคาทองคำมีส่วนต่างระดับ 1 พันบาท ต่อ 1 บาททองคำก็มีความเป็นไปได้สูง "นายกสมาคมค้าทองคำกล่าว

เขากล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำน่าจะยังคงแกว่งตัวในกรอบไม่สูงมากจากปัจจุบันอยู่ในระดับ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ระยะกลางมองว่าราคาทองคำอาจจะผันผวนและปรับลดลงไปที่ระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปที่ระดับ 1940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำผันผวน เนื่องจากมีแรงเก็งกำไรเข้ามามากกว่า ส่วนปัจจัยเรื่องของการคาดการณ์มาตรการคิวอี 4และเรื่องภาวะหน้าผาการคลังของสหรัฐนั้นมองว่าเป็นปัจจัยที่นักลงทุนนำมาอ้างอิง ซึ่งจริงๆแล้ว ราคาขึ้นลงจะเกิดจากความต้องการเก็งกำไรของนักลงทุนมากกว่า

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงมาสามารถซื้อทยอยสะสมได้บางส่วน แต่ต้องระมัดระวังการลงทุนและควรเกาะติดอย่างใกล้ชิด

Tags : ราคาทองจิตติ ตั้งสิทธิภักดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เศรษฐีนีร้อยล้าน ทำงานกวาดถนน หวังสอนคุณธรรมสู้งานหนักแก่ลูกๆ

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มกราคม 2556 15:14 น.

blank.gif 556000000118501.JPEG

 

อี๋ว์ โหยวเจิน (ขวา) และหญิงชราโชว์หนังสือพิมพ์ ฉบับที่ลงเรื่องปก ชีวิต เศรษฐีนีร้อยล้าน ผู้ยังทำงานเป็นคนกวาดขยะให้สำนักงานเศกิจ เงินเดือน 1,420 หยวน หรือ ราว 7 พันบาท

blank.gif เอเจนซี--เช้าตรู่วันแรกของปี 2013 นางอี๋ว์ โหยวเจิน วัย 53 ปี ขับรถจักรยานยนต์ฝ่าอากาศหนาวเหน็บเจ็บกระดูก มาถึงที่หมายบริเวณถนนสีว์เล่อ เขตอู่ชาง 6 โมงครึ่ง ตรงเวลาเข้าทำงานพอดี เธอเริ่มกวาดถนนดั่งเช่นที่ปฏิบัติทุกวัน ผู้คนสัญจรผ่านไปมา หารู้ไม่ว่าหญิงสวมชุดเครื่องแบบพนักงานกวาดถนนสีส้มนางนี้ เป็นเจ้าของสินทรัพย์และโครงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าสูงถึงหลายร้อยล้านหยวน

 

ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น อู่ฮั่น อีฟนิ่ง นิวส์ ได้ฝ่าลมหนาว ไปสัมภาษณ์เธอในวันที่ 1 ม.ค.

 

อี๋ว์ โหยวเจิน ผู้นี้ เป็นเจ้าของตึก/ห้องชุด 17 หลัง มูลค่า มากกว่า 10 ล้านหยวน หรือ ราว 50 ล้านบาท แต่กลับเลือกอาชีพกวาดถนน เพื่อสอนคุณธรรมการต่อสู้ทำงานหนักแก่ลูกหลาน

 

นางอี๋ว์ ได้ใช้ชีวิตแตกต่างไปจากกลุ่มเศรษฐีที่มักชอบอวดรวย โชว์เฟอร์นิเจอร์หรูเพื่อประกาศตนเป็นคนมั่งคั่ง เธอยังยึดอาชีพเป็นคนงานกวาดถนนให้แก่สำนักงานเทศกิจเขตอู่ชาง นครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย เงินเดือน 1,420 หยวน สัปดาห์หนึ่ง ทำงาน 6 วัน เมื่อตะวันฉายแสง ก็ตื่นไปทำงาน รับผิดชอบกวาดถนนและทางเท้าเป็นระยะทาง 3 กม. แต่ละวันต้องเดินทางไปๆมาๆเพื่อกวาดถนนรวมเวลา 6 ชม. ขัดล้างถังขยะ 8 ใบ

 

...แบกผัก 100 กก. ขี่จักรยาน นำไปขายที่ตลาดในเมือง

อี๋ว์เติบโตมีชีวิตเฉกเช่นเดียวกันคนในเขตตอนกลางประเทศจีน ซึ่งเป็นถิ่นของผู้ไม่มีอันจะกิน เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาในปี 1976 จากนั้นก็ออกมาทำสวนผักที่บ้านในหมู่บ้านตงหู เขตหงซาน แปลงผักของเธอขึ้นงอกงามดีมาก อี๋ว์ตื่นแต่ตีสาม ลงสวนมาเด็ดผักล้างผัก แบกผลผลิตหนักถึง 100 กก. ขึ้นรถจักรยาน ขี่ไปยังตลาดขายผัก

 

ในช่วงทศวรรษที่ 1980 อี๋ว์และสามีได้สร้างบ้าน 3 ชั้น หลังหนึ่ง ขณะนั้นมีแรงงานต่างถิ่นเข้ามาทำงานอู่ฮั่นยิ่งมากขึ้นๆ อี๋ว์เปิดห้องที่ว่างในบ้านให้แรงงานต่างถิ่นเช่าอาศัยอยู่ จนถึงต้นทศวรรษที่ 1990 อี๋ว์เก็บค่าเช่าห้องๆละ 50 หยวนต่อเดือน สามีภรรยาเก็บหอมรอมริบ จนมีเงินมากขึ้น ก็สร้างบ้านเพิ่มอีก ไม่กี่ปีต่อมาก็มีตึก 5 ชั้น 3 หลัง เป็นบ้านของเธอเอง ส่วนใหญ่ปล่อยให้คนเช่า เธอเล่าว่า สมัยนั้นในเขตชนบทสามารถสร้างบ้านกันได้สบายๆ แต่ละครอบครัวต่างก็สร้างบ้านกัน กระทั่งในปี 2002 ในจีนมีการสำรวจที่ดินไล่ที่ชดเชยบ้านกันคึกคัก อี๋ว์ได้บ้าน/ห้องชุด รวม 21 หลัง ต่อมา ได้ขายไป 4 หลัง

556000000118502.JPEG

 

อี๋ว์ โหยวเจิน คนกวาดถนนของสำนักงานเทศกิจอู่ชาง รับผิดชอบกวาดถนน 3 กม. ล้างถังขยะ 8 ใบ ทุกวัน

blank.gif ...“ฉันไม่ใช่คนมีวัฒนธรรมนักหนา แต่ก็อยู่เฉยๆไม่เป็น”

อี๋ว์เล่าอีกว่าเธอเคยออกไปเผชิญโชคที่เซินเจิ้น ในปี 1993 ตอนนั้นการพัฒนาเขตเมืองขยายตัวมาก ที่ดินสวนผักถูกรุกหดเล็กลงๆ และงานที่อี๋ว์ทำได้ก็มีน้อยลงๆด้วย ตอนนั้นหลายคนในหมู่บ้านแห่กันไปทำงานที่เซินเจิ้น เธอและสามีปรึกษากัน จ่ายเงิน 4 หมื่นหยวนซื้อรถบรรทุกคันหนึ่ง ไปรับจ้างบรรทุกของที่เซินเจิ้น

 

ที่จริงตอนนั้น ลำพังรายได้จากค่าเช่าบ้าน อี๋ว์ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดได้อย่างไม่ลำบากเลย แต่ “ก็อยากออกไปเผชิญโชคดู ฉันไม่ใช่คนมีวัฒนธรรมอะไร แต่ก็อยู่เฉยๆไม่ได้”

 

อี๋วและสามีทำธุรกิจรับจ้างบรรทุกขนส่งของที่เซินเจิ้น ไม่ถึงสองปี ก็ล้มเหลว ทั้งสองกลับมายังอู่ฮั่น

 

อี๋ว์บอกว่า นอกจากปลูกผักแล้ว เธอก็ไม่มีทักษะทำงานอื่น มีคนแนะนำให้เธอไปทำงานที่โรงงานสิ่งพิมพ์ที่อู่ชาง ทำอาหารให้แก่คนงาน ทำอยู่สองปีกว่า โรงงานเจ็ง ตกงานอีก แต่อี๋ว์ก็อยู่เฉยไม่เป็น ในปี 1998 มีเพื่อนมาถามเธอว่าทำงานเป็นคนทำความสะอาดให้กับสำนักงานเทศกิจอู่ชางได้ไหม งานลำบากหน่อย เมื่อทำไประยะหนึ่ง อี๋ว์คิดว่า งานกวาดพื้น ก็คือการทำความสะอาด ไม่เห็นจะลำบากเลย

 

...“วิถีชีวิตราชาที่ดิน จะทำลายลูกๆในระยะยาว”

แม้มั่งมีมากขึ้น แต่อี๋ว์ยังรู้สึกงานเป็นชีวิตของเธอ

 

ตอนที่อี๋ว์ทำงานเป็นคนทำความสะอาดของสำนักงานเทศกิจเขตอู่ชาง สัปดาห์หนึ่งๆได้พักผ่อน 1 วัน เช้าตรู่ตี 3 ครึ่ง ก็ต้องไปถึงที่ทำงาน แม้ต่อมาร่ำรวยเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านแล้วก็ตาม ก็ยังไม่เลิกทำงานเป็นคนกวาดถนน หลายคนเขม่นหมั่นไส้เธอ แต่เธอก็ยังมีความสุขกับการทำงาน

 

“ฉันต้องการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกๆ ไม่ต้องการนั่งกินนอนกินบุญเก่า

 

“ไม่ต้องการให้ลูกๆดำเนินชีวิตเยี่ยงราชินีหรือราชาที่ดิน นั่งเก็บค่าเช่าเป็นรายได้เลี้ยงชีวิต วิถีชีวิตแบบนี้จะทำลายพวกเขาในระยะยาว ” อี๋ว์ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว

 

อี๋ว์เล่าว่าตอนที่มีการสำรวจไล่ที่ชดเชยบ้านในหมู่บ้าน หลายคนเมื่อได้บ้านชดเชยแล้ว ก็ไม่ทำงานทำการ หมกหมุ่นเล่นการพนัน สูดยาเสพติด เธอบอกกับลูกๆว่า “ถ้าพวกเธอไม่ทำงาน แม่ก็จะเอาบ้านไปบริจาคให้ประเทศชาติ”

 

ขณะนี้ ลูกๆของเธอ ประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างกินเงินเดือน บุตรชายเป็นคนขับรถมีรายได้ 2,000 หยวนต่อเดือน ลูกสาวเป็นพนักงานบริษัท กินเงินเดือน 3,000 หยวน

 

อี๋ว์ ยังเล่าว่า เธอถูกผู้คนหัวเราะเยาะบ่อยๆว่า คงมีเศรษฐีอย่างเธอหันมาทำงานแบบนี้กัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง คนขับแท็กซี่ ร้องแดกดันว่า “เงินของเธอ...มีเป็นฟ่อนโตๆ เอามาฟาดคุณตายได้เลย!”

556000000118503.JPEG

 

อี๋ว์ โหยวเจิน กวาดถนน สร้างแบบอย่างที่ดี และสอนคุณธรรมสู้งานหนักแห่งลูกๆ blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

10 คำถามมหัศจรรย์ไขพลังคิดบวก/ดร.นพ.ยุทธนา ภาระนันท์

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

4 มกราคม 2556 14:24 น.

 

 

blank.gif 556000000023501.JPEG ขอบคุณภาพจาก meritgest.com blank.gif

อย่างไหนช่วยไขพลังคิดบวกได้มากกว่ากัน ระหว่าง สมองซีกซ้าย กับ สมองซีกขวา

 

คมคิด: แม้มือซ้ายจะชนะมือขวา ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

 

หลังจากผลสอบวิชาศิลปะผ่านฉลุย แต่วิชาคณิตศาสตร์ออกมาต่ำกว่าเกณฑ์

พ่อจึงให้เวลาเพื่อติววิชานี้กับลูกบอยซึ่งอยู่ชั้นป. 1

 

“ชาวนาคนหนึ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่เห็นกระต่าย 5 ตัวกำลังกินผักกาดหอมของเขาอยู่

เขาจึงยิงกระต่ายตัวหนึ่ง แล้วเหลือกระต่ายกี่ตัว?”

พ่อถามขึ้นมา พร้อมกับคิดในใจว่าทดสอบเรื่องบวกลบเลขง่ายๆ อย่างนี้ไม่น่าตอบผิดนะลูก

 

ลูกบอยยกนิ้วทั้งห้ามานับ แล้วหักออกไป 1 นิ้ว พร้อมกับขมวดคิ้วนิดหน่อย

หันมองหน้าพ่อพร้อมกับยิ้ม ๆ แบบรู้ทัน

ตอบด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “จะไปเหลือกระต่าย 4 ตัวได้ยังไงล่ะพ่อ มันก็วิ่งหนีกันไปหมดนะซิครับ”

 

คำตอบของลูกบอยถูกต้องใช่มั้ยครับ...เรื่องนี้สอนเราบางอย่างว่า สมองของมนุษย์เวลาคิดแก้ปัญหาสามารถใช้ทั้ง 2 ซีกร่วมกันได้ (อาทิ สมองซีกซ้าย เด่นเรื่อง คณิตศาสตร์ การใช้เหตุผล การแยกแยะ, ส่วนสมองซีกขวา เด่นเรื่อง ศิลปะ จินตนาการ เห็นภาพรวม เป็นต้น)

 

ครั้งหนึ่งผมไปบรรยายเรื่อง “ถอดรหัส 7Habits plus ไขพลังคิดบวก คิดสร้างสรรค์”

ให้แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมเล่าเรื่องเร้าพลัง โดยใช้ 12 คำที่เหมือนกัน

พอทำเสร็จให้แต่ละกลุ่มมานำเสนอเรื่องราว ปรากฏว่าผลออกมาเป็นเรื่องราวแตกต่างกันไป

แล้วแต่ว่าเขาจะจินตนาการด้วยพลังสมองซีกขวาออกมาเป็นแบบไหนอย่างไร

ทำให้ทุกคนได้ข้อคิดว่าความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ

ก็เกิดขึ้นมาได้จากการนำสิ่งที่มีอยู่เดิมนี่แหละมาเชื่อมต่อกันในมุมมองใหม่

ด้วยจินตนาการที่เป็นของตัวเอง

 

เช่นกันครับ การคิดบวก วิธีหนึ่งที่ทำได้ก็คือใช้พลังสมองซีกขวาการจินตนาการด้านบวกให้ออกมาเป็นเรื่องราว จากนั้นใช้พลังสมองซีกซ้ายคัดสรร แยกแยะสิ่งดีๆ จากเรื่องราวนั้นๆ ออกมาแล้วปรับแต่งจนใช้การได้

 

วันนี้ ผมขอเสนอทักษะคำถามมหัศจรรย์ (Miracle question) เป็นการกระตุ้นสมองซีกขวาให้จินตนาการเหตุการณ์หลังจากปัญหาคลี่คลายแล้วว่าเป็นอย่างไร แล้วมองกลับมาว่าการคลี่คลายดังกล่าว หน้าตามันเป็นอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้เราก้าวข้ามกรอบความคิดเก่าๆ อารมณ์ด้านลบ ตลอดจนการยึดติดกับเหตุผลเดิมๆ ไปได้...(Adapted from Wikipedia, the free encyclopedia.2010)

 

ทักษะคำถามมหัศจรรย์ (Miracle question)

 

กรุณานึกถึงปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกสัก 1 เรื่อง แล้วจินตนาการเรื่องราวผ่านการตอบคำถามต่อไปนี้...

 

เมื่อท่านเข้านอนคืนนี้ ขณะที่ท่านหลับได้เกิดอัศจรรย์บางอย่างขึ้นและทำให้สถานการณ์ปัญหาที่เผชิญอยู่คลี่คลายลงได้ และแล้วท่านก็ตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้น...

(กรุณาตอบโดยอาศัยจินตนาการต่างๆ อย่างมีอิสระ)

1.เหตุการณ์ปัญหานั้น เปลี่ยนไปเป็นอย่างไร (เพราะปัญหาคลี่คลายแล้ว)

2.ทำให้ฉันรู้สึกอย่างไร, พฤติกรรมแรกที่เปลี่ยนไปของฉันคืออะไร

3.ฉันสังเกตเห็นว่าอะไรเกิดขึ้น (เพราะทุกอย่างลงตัว ไปกันได้ด้วยดี)

4.คนอื่นจะปฏิบัติต่อฉันอย่างไร เมื่อเห็นฉันเริ่มเปลี่ยนแปลงตนเอง

5.ความห่วงกังวลที่เคยมีลดลงใช่หรือไม่, อะไรที่เกิดขึ้นที่ทำให้ฉันลดความห่วงกังวลลง

6.ฉันรู้ได้อย่างไรว่าปัญหานั้นดีขึ้นแล้ว, อะไรเป็นสัญญาณบ่งชี้

7.อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

8.ใครเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเป็นจริง เขาคนนั้นทำอะไร

9.คนอื่นๆรู้ได้อย่างไรว่า ปัญหาได้คลี่คลายลงแล้ว, อะไรเป็นสัญญาณบ่งชี้

10.ใครน่าจะเป็นคนที่รู้ก่อน, เขาจะพูดถึงเรื่องดังกล่าวว่าอย่างไร

 

เพื่อคัดสรรสิ่งดีๆ ออกมาจากคำตอบข้างต้น (ซึ่งมีไอเดียบางอย่างที่ผุดมาแล้วนั้น) นำมาพิจารณาต่อว่า

 

1.แรงกดดันจากปัญหานี้ลดลงจาก คะแนนเต็ม 10 ลดเหลือเท่าไร?

2.สรุปว่า ปัญหานี้ ฉันจะรับมือด้วยวิธีใดบ้าง?

3.นับจากนี้ไป ฉันมั่นใจว่าสามารถรับมือปัญหานี้ได้กี่เปอร์เซ็นต์?

4.ปัญหานี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรเพิ่ม?

 

เพื่อพัฒนาในเรื่องนี้ ผมมีหลักสูตรแนะนำ ได้แก่ เพิ่มผลผลิตอย่างเหนือชั้น...ด้วยพลังคิดนอกกรอบ (Creative thinking), คิดแบบผู้นำที่เหนือชั้น...ด้วยพลัง Smart Brain, คิดเหนือระดับ: คิดเชิงระบบ (Systems thinking)

 

“ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา” ท่านเห็นด้วยหรือไม่?

 

ข้อมูลอ้างอิง

Source: Adapted from Wikipedia, the free encyclopedia (2010). Solution focused brief therapy.

Retrieved Apr 14,2010. from http://en.wikipedia....d_brief_therapy

 

Proverbs 9:10 (2012). Biblica. Retrieved Feb 24,2012. From http://www.biblica.c...e/browse-books/

------------

 

บทความโดย

ดร. นพ. ยุทธนา ภาระนันท์ MD., FP., Ed.D.

yparanan@gmail.com

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการให้คำปรึกษาและเวชศาสตร์ครอบครัว

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

23 พฤศจิกายน 2555 20:24 น. blank.gif blank.gif

เรื่องย่อ จบบริบูรณ์

 

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์

 

บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ

กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร

ผลิต : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช

แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี

วันเวลา ออกอากาศ : ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 3

ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555 -

จำนวนตอนออกอากาศ : 14 /+/-

 

หลังวิกฤตการณ์เปิดโปงแผนการร้ายขององค์กรฯ ลับที่อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายของสังคมไทย เหตุการณ์ทุกอย่างดูเหมือนคลี่คลายไปได้ด้วยดี...

 

ดร.เมฆา (นพพล โกมารชุน) กับ นภา (สินจัย เปล่งพานิช) ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุข

เมฆาก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของเมืองไทยได้เกือบ 4 ปีแล้ว

เขาใช้ความสามารถและความซื่อสัตย์สุจริต บริหารบ้านเมืองและสังคมไทยให้เจริญรุดหน้า

นภาหันหลังให้กับการปราบปรามและสืบสวน ใช้ชีวิตแม่บ้านเต็มตัว

เป็นคู่คิดให้กับดอกเตอร์เมฆาในทุก ๆ เรื่อง

รวมทั้งการวางแผนเลือกตั้งเพื่อให้ดอกเตอร์เมฆาเป็นนายกฯ สมัยที่ 2

 

พายุ (ชาคริต แย้มนาม) กับ ฟ้า (เข็มอัปสร สิริสุขขะ) แต่งงานกันด้วยความเข้าใจ

ร่วมกันทำงานบริหารองค์การเพื่อสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศ

และกลับมาเยี่ยมเมฆากับนภาปีละครั้ง

ครั้งล่าสุดทั้งคู่กลับมาบอกข่าวดีว่าทั้งสองคนกำลังจะได้เป็นคุณปู่และคุณยาย

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

คราม (พศุตม์ ปานแย้ม) กับ ทอรุ้ง (รัชวิน วงศ์วิริยะ) จะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ครามก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยกลยุทธ์ ของ สำนักงานสืบสวนพิเศษ

ส่วนทอรุ้งดำเนิน มูลนิธิครูอารี เพื่อสืบทอดเจตนารมย์ที่ดีของครูอารีที่มีต่อเด็กกำพร้าในชุมชนแออัด โดยกำหนดการแต่งงานทั้งสองคนจะมีดอกเตอร์เมฆากับนภาร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

 

หากแต่ใครจะคาดคิด... ท่ามกลางท้องฟ้าที่ดูเหมือนกำลังสดใส กลับมีเมฆหมอกทะมึนกำลังเคลื่อนคล้อยเข้ามาปกคลุม ความเลวร้ายกำลังจะบังเกิด !

 

ในรอบปีที่ผ่านมา เกิดอาชญากรรมอุกอาจปล้นทองคำแท่งและวัตถุโบราณหลายชิ้น

แม้บางครั้งจะจับผู้ต้องหาได้ แต่ทองคำและวัตถุโบราณของกลางจะสูญหายไปทุกครั้ง

ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม หลายคนเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม

และที่สำคัญ...ทุกคนจดจำเหตุการณ์ที่กระทำลงไปไม่ได้เลยสักครั้ง !

 

คล้ายผู้ต้องหาเหล่านั้น..ถูกสะกดให้ทำทุกอย่างตามความต้องการของผู้มีอำนาจบงการจิตใจ

 

ชักจูงใจให้ทำทุกอย่างไปตามที่ตัวเองต้องการ !

 

น้อยคนจะทราบถึงความสำคัญของโบราณวัตถุ 4 ชิ้นล่าสุดที่หายไป โดยชิ้นล่าสุดคือ

 

สังข์ไชยมงคล 1 ใน 4 ศาสตราวุธโบราณ ตรีศูลวัชระ, อนันตคทา, จักระนารายณ์ และ สังข์ไชยมงคล ซึ่งปราฏอยู่ในตำราโบราณ คัมภีร์เทวาศาสตราวุธ

 

“หากผู้ใดหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่ด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ในคืนเดือนดับ

ศาสตราวุธใหม่ที่ได้จะมีอานุภาพทำลายล้างมากกว่าอาวุธทุกชิ้นในโลก

ผู้ครอบครองยังจะมีพลังเหนือฅน สามารถครองใจและมีอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล!”

 

คราม ได้รับมอบหมายจากสำนักงานสืบสวนพิเศษ ให้รับผิดชอบโดยตรงในการติดตามโบราณวัตถุที่หายไปรวมทั้งจับเอาตัวคนผิดมาลงโทษ โดยร่วมกับ จ่าสมิง (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง)

ตำรวจหนุ่มใหญ่ที่ดูมีบุคลิกแปลกแยกกับสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าสายตาคนโดยทั่วไป

คล้ายเป็นตำรวจขี้เมาไม่ได้เรื่องได้ราว..แต่น่าแปลกที่จับคนร้ายได้ด้วยเหตุบังเอิญทุกครั้ง

และนายตำรวจคนใหม่ของสำนักงานสืบสวนพิเศษอีกหนึ่งคน แสงกล้า (ปริญ สุภารัตน์)

ตำรวจหนุ่มผู้มุทะลุ

 

แสงกล้ากับจ่าสมิงเหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน มักจะขัดแย้งต่อล้อต่อเถียงกันอยู่เสมอ

ด้วยบุคลิกที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง

จ่าสมิงบ้าหวยเชื่อโชคลางถือฤกษ์ผานาทีเป็นชีวิต ขี้เมา เฮฮา ปากเสีย

 

ขณะที่แสงกล้าเครียดเอาจริงเอาจังกับหน้าที่ ไม่เคยเชื่อถือในไสยศาสตร์

ยึดหลักทุกอย่างต้องอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์เท่านั้น

 

จ่าสมิงมีประวัติความเป็นมาอย่างไรไม่มีใครรู้

รู้แต่เพียงตำรวจหนุ่มใหญ่คนนี้ย้ายหน่วยงานอยู่บ่อย ๆ มาหลายปีแล้ว

และทุกครั้งที่ย้ายไปที่ไหนก็เข้าทำนองคนกินนาย.. เพราะหัวหน้าหน่วยของจ่าสมิงต้องจบชีวิตลงอย่างปริศนาทุกครั้ง คล้ายจ่ามีของอยู่ในตัว!

 

จ่าสมิง แสงกล้า และคราม ทั้งสามคนพยายามสืบหาความจริง

แต่ก็ยังไม่ทราบว่าทำไมโบราณวัตถุเหล่านั้นหายไป ผู้ที่ขโมยไปต้องการอะไรกันแน่

ดูเหมือนสำนักงานสืบสวนพิเศษยังไม่ระแคะระคาย

ความลับเรื่องคัมภีร์เทวาศาสตราวุธเลยแม้แต่น้อย !

 

จ่าสมิงและแสงกล้าร่วมกับคราม เข้าสกัดการปล้นวัตถุโบราณชิ้นสำคัญ อนันตคทา

จากงานแสดงวัตถุโบราณนานาชาติ ขณะกำลังต่อสู้กับคนร้ายอยู่นั้น

ทั้งสามต้องพบกับศัตรูที่มีอำนาจมืด

 

โจรขมังเวทย์ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) กระสุนปืนและอาวุธทุกชนิดไม่สามารถทำร้ายได้

แม้แสงกล้ากับครามจะร่วมมือกันต่อสู้แต่ก็ยังไม่อาจต้านทาน

หนำซ้ำครามยังถูกเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บอาการปางตาย

ส่วนแสงกล้าเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ดีที่ได้จ่าสมิงมาช่วยไว้ทัน !

 

แต่น่าแปลกที่โจรขมังเวทย์ต้องล่าถอยเมื่อเผชิญหน้ากับจ่าสมิงที่มีลีลายียวนกวนโทสะ

ยืนผงาดขึ้นวาดปืนในมือออกยิงเข้าใส่โจรขมังเวทย์โดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือ...

 

กระสุนจากปืนของจ่าสมิงกลับเรียกเลือดออกจากตัวโจรขมังเวทย์ได้ !

อนันตคทา รอดพ้นจาก

 

การโดนปล้นไปได้ด้วยฝีมือของจ่าสมิง !

 

ครามถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน โดยทอรุ้งเฝ้าพยาบาลไม่ห่าง

ขณะที่แสงกล้าพยายามจะสอบสวนค้นหาความจริงจากจ่าสมิงถึงเรื่องราวโจรขมังเวทย์

เพราะท่าทางของทั้งคู่ขณะเผชิญหน้ากันนั้น เหมือนรู้จักกันมานาน..

แต่เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรจากจ่าสมิงมากนักเพราะสมิงพูดจาไปทางเลอะเทอะซะมากกว่า

 

สมิงเฝ้าแต่พูดด้วยแววตาแข็งกร้าวว่า.. ไสยศาสตร์ดำกำลังจะกลับมา

พวกมันกำลังไล่ล่าโบราณวัตถุด้วยวัตถุประสงค์ร้ายแน่นอน แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร !

หากต้องการป้องกันภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น แสงกล้าต้องเชื่อฟังเขาในทุกกรณี

ซึ่งส่งผลให้แสงกล้าต้องรำคาญใจกับอาการแปลก ๆ ของจ่าสมิงเป็นอย่างยิ่ง

 

คืนวันนั้นเกิดเรื่องไม่คาดคิด ครามคุ้มคลั่งหนีออกจากโรงพยาบาลไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ในวันถัดมาสำนักงานสืบสวนพิเศษจึงพบว่าอนันตคธาหายไป

และยังพบร่างที่ไร้วิญญาณของครามกับ

 

ทอรุ้งอยู่ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการฯ !

 

ไม่เท่านั้นภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดยังบันทึกไว้ว่า

ครามกับทอรุ้งต่อสู้กันอย่างรุนแรงภายในห้องจัดแสดงฯ

เพราะทอรุ้งขัดขวางไม่ให้ครามขโมยอนันตคธาออกไป

ในที่สุดครามพลั้งมือทำร้ายทอรุ้งจนเสียชีวิต ทำให้เขาทนไม่ได้ต้องลั่นกระสุนฆ่าตัวตาย..

จบชีวิตตัวเองตายไปพร้อมกับคนรัก !

 

การตายของคนทั้งสองสร้างความประหลาดใจกับแสงกล้าและจ่าสมิงเป็นอย่างมาก

เพราะครามไม่น่าจะทำแบบนี้ แสงกล้าขอให้ ดอกเตอร์แพรไพลิน (ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง)

สาวสวยผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบโดยละเอียด

แต่หลักฐานกลับชัดเจนว่าครามลั่นกระสุนเข้าใส่ทอรุ้ง และลั่นกระสุนระเบิดหัวตัวเอง

แพรไพลินปลอบใจให้แสงกล้าจำนนต่อหลักฐาน แต่แสงกล้ากลับเริ่มไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

 

มีเพียงจ่าสมิงที่สีหน้าเครียดมากกว่าที่เคยเป็น

อารมณ์ขันที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือกลับกลายเป็นอารมณ์เครียดแบบเกินพิกัด

 

“มนต์ดำชั่วกลับมาแล้ว.. เราต้องไม่เชื่อในสิ่งที่ปรากฏต่อสายตา ความรู้สึกและจินตนาการเท่านั้นที่จะนำเราไปสู่ความจริง!” จ่าสมิงได้แต่พร่ำพูดกับแสงกล้า

 

แสงกล้าตำรวจไฮเทคเริ่มคล้อยตามคำพูดของจ่าสมิงเรื่องอำนาจไสยศาสตร์ที่มองไม่เห็น

เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองตกลงจะร่วมมือกันไขปัญหานี้ให้ลุล่วงให้จงได้

 

ภาพที่ไม่คุ้นตาจึงเกิดที่สำนักงานสืบสวนพิเศษ เมื่อนายตำรวจมือปราบผู้ทันสมัยและไฮเทค

กลับต้องโอนอ่อนต่อการเชื่อถือโชคลางของจ่าคู่ใจ ยอมทำตามทุกอย่าง

แม้กระทั่งเสี่ยงทายสูดลมหายใจ ก้าวเท้าด้วยข้างซ้ายหรือข้างขวา !

 

ศพของทอรุ้งและครามถูกฌาปนกิจอย่างเร่งด่วน และเพราะเหตุที่ทั้งคู่ไม่มีญาติพี่น้อง

ถึงไม่มีใครคิดสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แต่หากมีใครสังเกตจะพบความจริงว่าโลงศพที่ถูกเผาทั้งสองโลงนั้นเป็นโลงที่ว่างเปล่า !

 

จ่าสมิงและแสงกล้าร่วมมือกับแพรไพลิน พยายามสืบหาสาเหตุและวัตถุโบราณสองชิ้นที่หายไป โดยผสมผสานทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยและไสยศาสตร์ลี้ลับ

หลายครั้งที่เกือบจะค้นพบความจริง แต่ที่สุดแล้วกลับพบทางตัน

เมื่อทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคลถูกเก็บหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หรือบางคนที่ยังมีชีวิตอยู่และพร้อมจะให้ความร่วมมือ จู่ ๆ กลับมีอาการเหมือนคนวิกลจริต

ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้ หนำซ้ำในครั้งหลังสุดพวกเขายังต้องต่อสู้กับศัตรูหนุ่มสาว

ที่มีรูปร่างและเค้าใบหน้าคล้ายกับทอรุ้งและครามราวกับเป็นคน ๆ เดียวกัน !

 

ส่วนอีกด้านหนึ่ง.. ดร.เมฆานายกฯ คนปัจจุบันต้องประสบกับปัญหาบริหาร

เพราะความไม่ลงรอยกันในพรรคไทธิวัตถ์ เขาจำต้องแต่งตั้ง จักร (ดอม เหตระกูล)

นักการเมืองหนุ่มที่มีประวัติไม่โปร่งใสเป็นรองนายกฯ

เพราะไม่สามารถขัดมติที่ประชุมพรรค

จักรเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารประเทศในหน่วยงานสำคัญ

แต่งตั้งให้ วิญญู (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) หนุ่มใหญ่ที่มีแววตาขรึมขลัง เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว

และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทุกอย่าง

 

มีข่าวลือปรากฏขึ้นอยู่เนือง ๆ ว่า นอกจากวิญญูจะเป็นกุนซือในเรื่องบริหารให้กับจักรแล้ว

 

ยังเป็นที่เลื่องลือว่าเขาสนใจศาสตร์ด้านมืด ทรงอำนาจในด้านคุณไสยฯ อย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง

 

การบริหารงานของจักรดูเหมือนจะราบรื่น คล้ายมีอำนาจมืดบางอย่างบงการให้คนรอบตัวโอนอ่อนยอมทำตามจักรทุกกรณี ศัตรูกลายเป็นมิตร..

จักรทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เขาเป็นทายาทของ อาวุธ

นักธุรกิจการเมืองหมื่นล้านนายทุนพรรคไทธิวัตถ์ผู้เพิ่งล่วงลับไปแล้ว และเมื่อเงินต้องต่อเงิน..

จักรคบหาอยู่กับดร.แพรไพลิน เจ้าหน้าที่พิเศษทางนิติวิทยาศาสตร์

ลูกสาว เพชรแท้ (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) เจ้าแม่ธุรกิจเครือข่ายสื่อสารอันดับหนึ่งของเมืองไทย

แพรไพลินพบกับจักรตั้งแต่สมัยเรียนต่อที่อเมริกา...

และจำต้องคบหาด้วยเพราะเหตุผลทางครอบครัว

 

ปัจจุบันแพรไพลินทำตัวเหมือนเป็นลูกสาวนอกคอกของเพชรแท้

เธอปฏิเสธที่จะทำงานธุรกิจครอบครัว

มุ่งรับใช้สังคมทางนิติวิทยาศาสตร์ตามหาหลักฐานเอาคนผิดมาลงโทษ

เธอต้องปะทะคารมบ่อยครั้งกับเพชรแท้เพราะไม่พอใจการทำธุรกิจแบบไม่ซื่อตรงของแม่

เพชรแท้ถึงกับเคยประกาศตัดแม่ตัดลูกกับลูกสาวคนนี้

แต่ในที่สุดจำต้องยอมคืนดีด้วย เพราะอยากเป็นทองแผ่นเดียวกันกับจักรนักการเมืองฟากรัฐบาล

 

ดร.เมฆามีปากเสียงอย่างรุนแรงกับจักรในเรื่องสัมปทานดาวเทียมฯ ดวงใหม่

เพราะจักรต้องการให้เครือข่ายของเพชรแท้ได้รับอนุมัติ

เมฆาถึงกับประกาศปลดจักรออกจากทุกตำแหน่ง

แต่โดนกรรมการทัดทานไว้เพราะอีกไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่

เมฆาจำเป็นต้องพึ่งอิทธิพลจักรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ดูเหมือนความเครียดจะทำให้เมฆากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นหลายครั้งที่เขาระเบิดอารมณ์มีปากเสียงกับคนรอบข้างเหมือนไร้สติ แม้กระทั่งกับ...นภา

นภาพยายามเป็นกำลังใจให้สามี ซึ่งก็ทำให้เมฆาผ่อนคลายลงไปได้บ้าง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป...นภาก็เริ่มใจไม่ดีมากขึ้นทุกที เพราะพฤติกรรมของดอกเตอร์เมฆารุนแรงมากขึ้นจนคล้ายคู่แฝดเมฆินทร์มากขึ้นเรื่อย ๆ !

บางห้วงของความคิด…นภาเริ่มไม่มั่นใจว่าคนที่รอดชีวิตในหลังเหตุการณ์ล่มสลายขององค์กรฯ คือดอกเตอร์เมฆาจริงหรือ ?

 

ในพิธีเปิดสถานีสื่อสารแห่งใหม่ของเพชรแท้ เมฆาจำต้องไปเป็นประธานพร้อมกับนภาท่ามกลางการอารักขาเป็นพิเศษของสำนักงานสืบสวนฯ แต่แล้วโจรขมังเวทย์ปรากฏตัวขึ้น

ต่อสู้กับกองกำลังตำรวจและผู้คนที่มาร่วมงาน โดยมีเป้าหมายคือชีวิตของเมฆา !

นภาร่วมกับจ่าสมิงและแสงกล้าต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตเมฆาแต่ไม่สำเร็จ

เนื่องจากสองสมุนเอกของโจรขมังเวทย์ดูเหมือนมีพิษสงเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้เมื่อเผชิญหน้ากันแบบซึ่งหน้า สมิงกับครามถึงกับต้องผงะ

เพราะทั้งสองคนคือครามและทอรุ้ง! ที่ดูเหมือนยังคงมีชีวิตอยู่ หากแต่ทั้งคู่แข็งกร้าวและมีแววตาแห่งความชั่วร้ายปรากฏให้เห็นชัดเจน !

 

ในที่สุดเมฆาถูกกระสุนอาคมของโจรขมังเวทย์เจาะเข้าไปฝังในกะโหลกศีรษะอาการปางตาย ! นภาร่ำไห้ด้วยความเสียใจกระหน่ำยิงเข้าใส่โจรขมังเวทย์อย่างไม่นับ

จนโจรขมังเวทย์จำต้องล่าถอยออกไป

 

รถพยาบาลนำร่างดอกเตอร์เมฆาส่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่ในระหว่างทางรถติดตามของนภากลับถูกปิดล้อมจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ถูกถล่มด้วยอาวุธหนักและลงท้ายด้วยระเบิดเอ็ม 79 !

 

ร่างของนภาอดีตผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษต้องหายวับไปในพริบตา

คล้ายแหลกสลายไปเพราะแรงระเบิดนั้น !

 

และนับจากวันนั้น..ดร.เมฆา ฐานรัฐ นายกรัฐมนตรีต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา !

 

สำนักงานสืบสวนฯ เต็มไปด้วยความโกลาหล แสงกล้าได้รับมอบหมายจาก ผู้การอินทนนท์ (เกรียงไกร อุณหะนันท์) ให้เป็นหัวหน้าหน่วยกลยุทธ์เพื่อสืบหาตัวคนร้ายมาลงโทษ ในเบื้องต้นสำนักงานฯ คาดว่าเป็นฝืมือของ สมาชิกขององค์กรฯ คู่ปรับเก่าของเมฆาที่อาจจะยังมีชีวิตอยู่

แสงกล้าทำในเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือแต่งตั้งให้จ่าสมิงเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยฯ

 

เป็นกรณีพิเศษ เพราะมั่นใจว่าจะช่วยงานเขาได้เป็นอย่างดี ยังความแปลกใจให้กับผู้การฯ และผู้ร่วมงานเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่มีใครเชื่อว่าจ่าบุคคลิกบ้าบอ บ้าหวยจะทำอะไรได้มากไปกว่างมงายไปกับเครื่องรางของขลัง!

 

จ่าสมิงประกาศกร้าวกลางที่ประชุมว่าจะต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้

 

จากการร่วมมือกันตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าผบ.นภา ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแสงกล้ากับดร.แพรไพลินแนบแน่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสายตาของเพชรแท้อยู่ตลอดเวลา

แต่เพชรแท้ไม่ขัดขวางเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้รู้ความเป็นไปของสำนักงานสืบสวนพิเศษ

ผ่านทางแสงกล้า ในขณะที่แสงกล้าเองก็รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดแพรไพลิน

..ผู้หญิงคนที่ทำให้เขาทึ่งในความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

เมื่อเมฆาต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน

ทุกอย่างเหมือนจะเข้าทางกลุ่มอำนาจมืด จักรได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการณ์นายกฯ ภารกิจแรกที่จักรทำคือแต่งตั้งให้วิญญูดูแลงานโดยตรงของสำนักงานสืบสวนพิเศษ ซึ่งเหมือนแต่งตั้งโจรให้ควบคุมผู้พิทักษ์รักษากฏหมาย !

 

วิญญูมอบหมายให้ รวิ (ซอนย่า คูลลิ่ง) สาวมือขวาคู่ใจให้เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษของสำนักงานสอบสวนพิเศษ มีหน้าที่ควบคุมงานและรายงานตรงต่อเขาโดยไม่ผ่านอินทนนท์ !

ทุกครั้งที่สำนักงานสืบสวนพิเศษจะปฏิบัติการเรื่องใดก็ตาม...

ดูเหมือนจะก้าวตามหลังเหล่าร้ายไปหนึ่งก้าวเสมอ !

 

แสงกล้ากับจ่าสมิงเริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าผู้อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายในสังคมขณะนี้

จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกลุ่มนักธุรกิจการเมืองที่นำโดย จักร และ วิญญู

แต่จนใจที่พยายามหาหลักฐานมาเล่นงานไม่ได้ ในทางตรงข้ามพวกเขา

กลับต้องทำงานลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนตรงจากผู้บังคับบัญชา

แต่น่าแปลกที่แสงกล้ากลับได้หลักฐานทางลับ ๆ จากบุคคลปริศนา ส่งหลักฐานชิ้นสำคัญมาให้หลายชิ้น แสงกล้าเล่นงานหน่วยงานในความดูแลของจักรได้หลายหน่วยงาน

เหมือนการริดกิ่งก้านสาขาความชั่วร้ายของจักรไม่ให้แผ่ขยายมากไปกว่านี้

แสงกล้าได้แต่สงสัยว่า...บุคคลปริศนาคนนี้คือใคร ?

 

ในช่วงระหว่างเวลานี้เองที่โบราณวัตถุสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง จักระนารายณ์ ถูกโจรกรรมออกไปจากพิพิธภัณฑ์ของรัฐอย่างอุกอาจ รวิที่ทำหน้าที่ควบคุมสำนักงานสืบสวนพิเศษกลับทำนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงกล้ากับจ่าสมิงต้องขัดคำสั่งนำกองกำลังสำนักงานสืบสวนพิเศษติดตามร่องรอย..

ด้วยความร่วมมือทางเทคโนโลยีจาก ดร.แพรไพลิน รวมทั้งคุณไสยฯ ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือของจ่าสมิง ทำให้ทั้งแสงกล้าสืบพบว่าโบราณวัตถุสามชิ้นสำคัญที่หายไป

ยู่ที่คลังสินค้าเก่าของเพชรแท้ !

แพรไพลินปะทะคารมกันอย่างรุนแรงกับเพชรแท้ เธอรู้สึกว่าแม่ถลำลึกเลวร้ายเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว แต่เพชรแท้กลับปฏิเสธไม่รู้เรื่องโดยสิ้นเชิง !

 

ในเวลาเดียวกัน.. แสงกล้าร่วมกับจ่าสมิงนำกองกำลังไปถล่มคลังสินค้าเพื่อจะช่วงชิงวัตถุโบราณเหล่านั้นกลับมา แต่กลับถูกตลบหลังเพราะเมื่อบุกเข้าไปคลังสินค้ากลับว่างเปล่า.. ตำรวจหน่วยกลยุทธ์ของแสงกล้าถูกถล่มด้วยอาวุธหนักล้มตายเกือบทั้งหมด โดยฝีมือของกองโจรที่นำทัพโดยทอรุ้งและคราม!

 

โจรขมังเวทย์ปรากฏตัวขึ้นและปะทะกับจ่าสมิงจนสมิงล้มคว่ำ พร้อม ๆ กับปะทะคารมเหมือนเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ขัดแย้งกันในเรื่องความดีงาม เวทมนตร์ และไสยศาสตร์ลี้ลับ

 

ทั้งสองต่อสู้ด้วย มนตรา เวทมนตร์และไสยศาสตร์ เป็นภาพที่แสงกล้าแทบไม่เชื่อสายตา !

 

ระหว่างการต่อสู้นั้นเองที่ทำให้แสงกล้ารู้ว่าความจริง ! โจรขมังเวทย์ กับ วิญญู เป็นคน ๆ เดียวกัน

 

ข่าวลือเกี่ยวกับอำนาจมืดในตัววิญญูเป็นเรื่องจริง วิญญูต้องการล่าวัตถุโบราณตามคัมภีร์เทวาศาสตราวุธก็เพื่ออำนาจ บารมี และความยิ่งใหญ่ของตัวเอง จักรเป็นเพียงบันไดที่จะทำให้วิญญูก้าวไปสู่จุดมุ่งหมาย !

 

 

ดูเหมือนอำนาจมืดของวิญญูจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเทวาศาสตราวุธที่แย่งชิงไปได้ !

 

อนันตคธา จักระนารายณ์ สังข์ไชยมงคล ขาดแต่ก็เพียง ตรีศูลวัชระ เท่านั้น วิญญูก็จะได้ทุกสิ่งไปตามต้องการขณะนี้ไม่มีใครต่อกรกับโจรขมังเวทย์ได้อีกแล้ว ! ในที่สุดจ่าสมิงก็พลาดท่า !

ก่อนที่วิญญูจะเล่นงานจ่าสมิงจนถึงแก่ชีวิต แสงกล้ากับสมิงได้รับความช่วยเหลือจากสตรีนิรนามในชุดดำคนหนึ่ง !

เธอปราดเอาตัวเองเข้าเสี่ยงช่วยชีวิต ยิงกระหน่ำกระสุนอาคมเข้าใส่โจรขมังเวทย์แบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เธอสามารถช่วยชีวิตแสงกล้ากับจ่าสมิงออกมาได้อย่างหวุดหวิด !

และเมื่อหญิงสาวคนนั้นก้าวหลุดพ้นออกมาจากความมืด แสงกล้าแทบล้มทั้งยืนเพราะคนที่เสี่ยงชีวิตมาช่วยพวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหนเลย..

เธอคือ ผบ.นภา อดีตตำรวจมือปราบหญิงแห่งสำนักงานสืบสวนพิเศษ !

 

เมื่อทั้งสามคนหนีรอดออกมาได้ สมิงจึงสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้แสงกล้ากับนภาได้รับรู้

เขาเพิ่งทราบวันนี้เองว่าวิญญูต้องการสร้างอำนาจและความยิ่งใหญ่ถาวรให้กับตัวเอง

ด้วยการรวบรวมเทวาศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้นตามคัมภีร์ฯ

การทำร้ายเมฆาและนภาก็เป็นหนึ่งในแผนร้ายนี้ โชคดีที่สมิงสามารถชิงตัวนภาออกมาจากรถคันที่โดนระเบิดไว้ได้ นภาใช้เวลาระยะหนึ่งรักษาตัว และหลบซ่อนตัวไม่ให้วิญญูรู้ เพราะต้องการรวบรวมหลักฐานเล่นงานทั้งวิญญูกับจักรมาลงโทษตามกฏหมาย

 

แสงกล้ากับนภาไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับทอรุ้งและคราม สมิงนิ่งแล้วตอบตามความเข้าใจว่า

 

ทอรุ้งกับครามน่าจะถูกมนตราของวิญญูครอบงำ จึงไม่มีสติและต้องตกอยู่ในอำนาจมืดของคนพวกนั้นเพื่อให้สังคมไทยมีทางออก.. แสงกล้า ตกลงใจร่วมกับ นภา และสมิง ต่อต้านแผนการครอบครองสังคมไทยของวิญญู เพราะขณะนี้เหลือเพียง ตรีศูลวัชระ วัตถุโบราณอีกเพียงชิ้นเดียว ซึ่งหากวิญญูได้ไปครอบครองอำนาจโจรขมังเวทย์จะมีมากขึ้นมหาศาลจนยากจะต่อสู้ !

จ่าสมิงยิ้มอย่างเหนือชั้น.. มั่นใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตรีศูลวัชระ ไม่มีวันจะตกอยู่ในมือของ

โจรขมังเวทย์แน่นอน เพราะตรีศูลวัชระติดตัวแสงกล้ามาตลอดชีวิต

นั่นคือล็อคเก็ตที่ห้อยอยู่ที่คอแสงกล้ามาตั้งแต่ครั้งแบเบาะในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า !

จ่าสมิงยังเล่าเรื่องสำคัญในชีวิตให้แสงกล้าได้รู้ เขาเฝ้าติดตามดูแลแสงกล้ามาตั้งแต่เล็กแล้ว...

แสงกล้าไม่ใช่เด็กกำพร้าอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นลูกชายคนเดียวของ โชติญาณ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ศิษย์ผู้พี่สาย ไสยเวทย์ขาว ของสมิง โชติญาณสืบทอดวิชาไสยเวทย์ขาวมาแต่โบราณทางสายเลือดจึงมีวิชาแก่กล้ามากกว่าสมิง หากแต่โชติญาณพลาดท่าเสียที..โดน วิญญู ศัตรูคู่ปรับในสาย ไสยเวทย์ดำ ทำร้ายจนเสียชีวิต

สมิงเปิดเผยความจริงที่แสงกล้าแทบล้มทั้งยืน.. คน ๆ เดียวที่จะสามารถล้มโจรขมังเวทย์ได้ขณะนี้ต้องเป็นสายเลือดไสยเวทย์ขาวโดยตรงของโชติญาณ นั่นคือแสงกล้านั่นเอง !

ฤาโชคชะตาฟ้าลิขิตให้มือปราบแสงกล้าผู้เชื่อมั่นแต่เทคโนโลยีอันสมัย ต้องฝึกปรือวิชา

ไสยศาสตร์มนตราลี้ลับกับ จ่ามือปราบจอมขมังเวทย์

เพื่อปกป้องสังคมให้ผ่านวิกฤตเลวร้ายนี้ไปได้ !

 

ก่อนที่แสงกล้ากับจ่าสมิงจะเปิดโปงความชั่วร้ายของวิญญูว่าเป็นคน ๆ เดียวกับโจรขมังเวทย์

พวกเขากลับโดนไล่ล่าเล่นงานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด รวิสั่งปลดแสงกล้ากับสมิงออกจากทุกตำแหน่ง !

หนำซ้ำพวกเขายังโดนป้ายข้อหาในคดีที่ไม่ได้ก่อ.. กลายเป็นผู้ต้องหาที่ทางการต้องการตัวหนีหัวซุกหัวซุน เครือข่ายสื่อสารของเพชรแท้ได้รับสัมปทานสื่อสารใหม่หลายโครงการ นภาตระหนักว่าต้องตัดท่อน้ำเลี้ยงช่องทางลำเลียงเงินทางการเมืองโดยตรงของจักร เธอร่วมกับจ่าสมิงและแสงกล้าหาหลักฐานให้อินทนนท์รื้อฟื้นคดีเปิดโปงการฟอกเงินของเพชรแท้ได้สำเร็จ

แต่แผนการกลับพลาดเพราะหลักฐานสำคัญหายไป

เมื่อเข้าไปสู่กระบวนการของสำนักงานสืบสวนที่รวิดูแลอยู่

ด้วยความร่วมมือของนภา แสงกล้าตัดสินใจบุกเข้าไปหาแพรไพลินถึงสำนักงานฯ เพื่อช่วงชิงหลักฐานที่เหลือ เมื่อเผชิญหน้ากัน..แพรไพลินกลับเคร่งครัดทำตามกฏหมายไม่ยอมให้แสงกล้านำหลักฐานสำคัญออกมา ทำให้ทั้งคู่ต้องมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ก่อนแสงกล้าจำต้องหนีออกมาเมื่อ แพรไพลินเปิดสัญญาณเตือนภัยว่าสำนักงานสืบฯ กำลังถูกบุกรุก

แสงกล้าเริ่มไม่ไว้ใจในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างหน้าที่ของแพรไพลิน กับความเป็นลูกสาวนักธุรกิจอย่างเพชรแท้ เพราะในอดีตที่ผ่านมา..มันอาจทำให้การทำงานของเขากับสมิงผิดพลาดโดยตั้งใจของแพรไพลิน !

 

การเปิดโปงความเลวร้ายของวิญญูกับจักรยากมากขึ้นเรื่อย ๆ ความหวังที่เหลืออยู่ของนภา

กับแสงกล้าคือ การฟื้นขึ้นมาจากการเป็นเจ้าชายนิทราของเมฆา เพราะนั่นจะทำให้อำนาจบริหารประเทศกลับมาจากจักรซึ่งเป็นหุ่นเชิดของวิญญู ภารกิจการฉีกหน้ากากเลวร้ายของวิญญูกับจักรก็อาจจะง่ายขึ้น

นภา แสงกล้า และ สมิง ร่วมกันวางแผนชิงตัวเมฆาซึ่งยังคงเป็นนายกฯ ออกมาจากห้องไอซียูของโรงพยาบาลได้สำเร็จ โดยหวังจะทำการรักษาให้ถูกต้องเพื่อให้เมฆาหายโดยเร็ว หากแต่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อนายแพทย์คนที่พวกเขาตั้งใจจะนำมาช่วยชีวิตเมฆากลับถูกจับกุมโดยสำนักงานสืบฯ เพราะรวิรู้ทันแผนการนี้ !

ชีวิตเมฆาเหมือนตกอยู่บนเส้นด้าย..เป็นตายเท่ากัน !

แต่แล้วดร.แพรไพลินก็ปรากฏกายขึ้น ณ เซฟเฮ้าส์แห่งนั้น อาสาช่วยเมฆาให้รอดชีวิต

แสงกล้าจ้องเธออย่างค้นหาเพราะยังไม่ไว้ใจ แต่ทันทีที่เห็นแววตาของแพรไพลินเขาก็ต้องโอนอ่อนผ่อน ตามด้วยรู้ว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาไว้ใจได้ !

ด้วยความสามารถของแพรไพลินและวิชาไสยเวทย์ขาวของสมิง ทำให้เมฆาฟื้นรู้สึกตัวขึ้นมาโดยใช้เวลาไม่นาน นภาโผเข้ากอดเมฆาด้วยความดีใจอย่างที่สุดที่เขารอดชีวิต หากแต่เมื่อจ้องดูที่แววตาของเมฆาเธอถึงกับผงะ..

 

แววตาคู่นี้ของเมฆา..ไม่ใช่แววตาอ่อนโยน เข้มแข็งเต็มไปด้วยความผูกพัน

หากแต่แววตานี้เต็มไปด้วยความแข็งกร้าว ดุร้าย โหดเหี้ยม !

โดยนภาไม่ทันตั้งตัว เมฆากระชากปืนออกมาจากเอวนภายิงเข้าใส่เธอเปรี้ยง ๆ ๆ ๆ ๆ อย่างไม่นับ

แสงกล้าต้องปราดเอาตัวขวาง โดนกระสุนเลือดสาดเพื่อป้องกันนภาไม่ให้เกิดอันตราย สมิงต้องรีบปราดเข้าต่อสู้กับเมฆาแล้วพานภากับแสงกล้าออกมาทันที..

แต่เมฆาหนีออกไปได้ พร้อม ๆ กับกระชากล็อตเก็ต ตรีศูลวัชระ หลุดออกไปจากคอของแสงกล้าเสียงหัวเราะอย่างสะใจของเมฆาดังกังวาลก้องไปทั่ว !

แท้ที่จริง ดร.เมฆา ฐานรัฐ เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่โดนลอบสังหารครั้งก่อน ร่างที่เหลืออยู่เป็นเพียงหุ่นพยนต์ที่วิญญูใช้ไสยศาสตร์ดำสร้างขึ้น เพื่อรอเวลาที่จะช่วงชิงตรีศูลวัชระมาจากแสงกล้า ซึ่งตอนนี้โจรขมังเวทย์ได้ทุกอย่างตามต้องการแล้ว

เหลือเพียงรอเวลาวันแรม 15 ค่ำ.. คืนเดือนดับเท่านั้น พิธีไสยศาสตร์ดำหล่อหลอมเทวาศาสตราวุธทั้งสี่จะจัดขึ้น เพื่อพลังอำนาจและบารมีที่ไม่มีวันดับสูญของ วิญญู โจรขมังเวทย์ !

 

แสงกล้า นภา และ สมิง สืบจนรู้ว่าวิญญูจะทำพิธีที่ไหน ด้วยความร่วมมือของแพรไพลินทำให้พวกเขาสามารถบุกเข้าไปได้ถึงใจกลางพิธี โดยเล็ดรอดผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีอันทันสมัย และต้องเผชิญหน้าครามกับทอรุ้งที่ตกอยู่ใต้อำนาจของวิญญู !

มนตราที่ครอบงำครามกับทอรุ้งมีอำนาจมากมาย แต่ด้วยความเป็นเจ้ามนตราและอาคมของสมิง ขณะต่อสู้กันอย่างรุนแรง สมิงใช้พลังแห่งคุณไสยฯ ขาวถอนมนตราออกจากครามกับทอรุ้งได้สำเร็จ ! ทั้งหมดเฝ้ารอเวลาจะจัดการกับวิญญูกับพวก !

แต่แล้วทุกอย่างกลับเป็นแผนการของวิญญู เขาล่วงรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าพวกสมิงจะบุกเข้ามา หลังการต่อสู้อย่างรุนแรง..

นภาพลาดท่า สมิงบาดเจ็บสาหัสเพราะมีความดีในจิตใจมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถต่อกรสู้กับอาคมไสยเวทย์ดำของวิญญู

เหลือก็แต่...แสงกล้าสายเลือดโดยตรงทางไสยเวทย์ขาว ที่ต้องแสดงฝีมือปะทะกับ วิญญู

ไสยเวทย์ดำ ผู้จบชีวิตตำนานจอมขมังเวทย์ โชติฌาณ !

 

แสงกล้าใช้วิชาไสยเวทย์ขาวที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสมิงอย่างสุดฝีมือ แรก ๆ ดูเหมือนยากจะต่อสู้กับโจรขมังเวทย์อย่างวิญญูได้ แม้จะมีความสามารถที่ผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัยเข้ากับการใช้

ไสยศาสตร์โบราณ แต่ก็ไม่อาจรับมือกับโจรขมังเวทย์อย่างวิญญูได้

แต่แล้วขณะที่แสงกล้ากำลังเสียทีให้กับวิญญูนั้นเอง จ่าสมิงก็กัดฟันลุกขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย รวบรวมพลังคุณไสยฯขาวที่มีอยู่ในตัวทั้งหมด โดดเข้าขวางคุณไสยฯดำของวิญญูที่กำลังซัดเข้าใส่แสงกล้า จ่าสมิงประกาศกร้าว...ยอมตายดีกว่ายอมให้ความดีพ่ายแพ้ต่อความเลวร้าย ! เขาสละชีวิตเพื่อป้องกันแสงกล้า !

ร่างของจ่าสมิงล้มคว่ำสิ้นชีวิต ! แต่อำนาจคุณไสยขาวและคุณความดีทั้งหมดพุ่งเข้าปะทะกับวิญญู จนวิญญูกระอักเลือดล้มคว่ำ แสงกล้าผงาดขึ้นอยู่เหนืออำนาจมืดทั้งหมดของวิญญู

แต่แล้ว.. ขณะที่แสงกล้ากำลังจะใช้อาคมชั้นสูงทำลายวิชาไสยเวทย์ดำที่อยู่ในตัววิญญูนั้นเอง เขากลับต้องรู้ความจริงที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต !

วิญญูที่นอนอยู่แทบเท้าแสงกล้าเวลานี้ หัวเราะกึกก้อง...ประกาศว่าแสงกล้ากำลังจะทำผิดที่สุดในชีวิต กำลังจะทำปิตุฆาต..ฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง !

วิญญูลุกขึ้นชี้หน้าร่างสมิงที่ไร้วิญญาณ ประนามแผนการนี้ของสมิงอย่างรุนแรง เพราะยังมีความจริงที่สมิงเล่าให้ฟังไม่ครบ.. นั่นคือ โชติฌาณ ไม่ได้จบชีวิตลงเพราะไสยเวทย์ดำของวิญญู หากแต่เป็นเพราะโชติฌาณบรรลุวิชาไสยเวทย์ขาว แล้วหันมาฝึกปรือวิชาไสยเวทย์ดำต่างหาก อำนาจมืดไสยศาสตร์ดำครอบคลุมจิตใจโชติฌาณจนต้องกลายเป็น วิญญู โจรขมังเวทย์ มาจนทุกวันนี้

ความจริงแล้ว วิญญู กับ โชติฌาณ คือคน ๆ เดียวกัน !

แสงกล้าน้ำตาคลอด้วยความแค้นและสะเทือนใจ สมาธิที่ตั้งมั่นหลุดลอยทำให้เขาโดนวิญญูเล่นงานจนล้มคว่ำ วิญญูร่ายเวทย์มนตร์ทำลายไสยเวทย์ขาวในตัวแสงกล้าจนหมดสิ้น !

แสงกล้า นภา คราม และทอรุ้ง โดนจับกุมอย่างไม่มีทางสู้ !

ย่างเข้าคืนวันแรม 15 ค่ำ.. คืนเดือนดับ.. พิธีกรรมไสยเวทย์ดำเริ่มขึ้นตามกำหนดการ !

ฤาความดีงามของแสงกล้า นภา และสมิง ที่พยายามต่อสู้กับความชั่วร้ายจะสูญเปล่า..

วิญญูกำลังจะได้ทั้งอาวุธ ฤทธาอานุภาพ พร้อม ๆ กับอำนาจบารมีอันที่ยิ่งใหญ่ อมตะ..ตลอดกาล..

 

แต่ทันทีที่เทวาศาสตราวุธชิ้นสุดท้ายถูกหล่อหลอมรวมกับชิ้นอื่น ๆ กลับบังเกิดระเบิดกึกก้อง !

เสียงระเบิดดังกัมปนาท.. แสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ

วิญญูที่ยืนอยู่กลางพิธีกรรม เบิกดวงตาลุกโพลงด้วยความตกใจที่สุดในชีวิต !

เทวาศาสตราวุธที่ถูกหลอมละลาย..กลับผกผันหล่อรวมกลับสภาพเดิม

ตรีศูลวัชระ อนันตคธา จักระนารายณ์ และ สังข์ไชยมงคล กลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง !

พร้อม ๆ กับพุ่งลอยหายวับไปบนท้องฟ้า...กลับไปอยู่ ณ จุดเดิมที่เคยสถิตย์

ฤทธานุภาพแห่งความดีงาม ไม่มีวันหลอมรวมเพื่อความชั่วร้าย !

ความดีงามจะคงสถิตย์อยู่ ณ จุดที่ถูกต้องตลอดไป !

อำนาจมืดไสยเวทย์ดำ ฤทธานุภาพ อาถรรพ์เวทย์ อันเปรียบเหมือนเป็นตัวแทนความชั่วร้ายในตัววิญญู รวมตัวกันตรงหน้า...พวยพุ่งลอยวนไปเหนือทั่วท้องฟ้า แล้วม้วนกลับเข้าปะทะเข้าที่กลางร่างวิญญูโจรขมังเวทย์ เขาร้องโหยหวนด้วยทรมานแสนสาหัส ร่างทรุดลงกองแทบพื้น

ร่างอันไร้วิญญาณของสมิงกลับฟื้นคืนชีวิต สมิงปราดเข้าเล่นงานโจรขมังเวทย์ล้มคว่ำจนต้องล่าถอยไม่มีทางต่อสู้

ฉับพลัน...ปรากฏธรณีแยกแตกออกเป็นรอยร้าว ดูดกลืนร่างวิญญูตกลงไปภายในคล้ายต้องการฝังกลบความเลวร้ายให้สูญสิ้น วิญญูขาดใจตายไปตรงนั้นพร้อม ๆ กับที่ร่างโดนดูดกลืนหายวับไปในพริบตา !

นั่นคือบทพิสูจน์อำนาจ พลังวิเศษ และความยิ่งใหญ่ที่จีรังยั่งยืนนั้น...ย่อมไม่มี !

 

แสงกล้า นภา และ สมิง ลุกขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้าที่แจ่มใส ดูเหมือนเมฆหมอกความเลวร้ายผ่านพ้นไปแล้ว ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาพความดีงาม..

ตามที่ควรจะเป็น

 

คือความสงบ ว่างเปล่า

 

การรู้จักตัวเอง ดำรงตนระลึกรู้สัจธรรม

 

ทุกสรรพสิ่ง..ไม่มีอะไรจริงแท้

 

มีเกิด..มีดับ..สลับกันไป

 

ผู้เรียนรู้และตระหนักความจริงในข้อนี้

 

นั่นแหละ..คือผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!”

 

จบบริบูรณ์

 

ตัวละคร เหนือเมฆ2 ตอน "มือปราบจอมขมังเวทย์”

 

จ่าสมิง

 

จ่าหนุ่มใหญ่แห่งสำนักงานสืบสวนพิเศษ รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายเป็นขี้เมาไม่ได้เรื่องได้ราว บ้าหวย เชื่อถือโชคลางและไสยศาสตร์ แต่ความจริงแล้วเป็นผู้กุมความลับของแสงกล้า มีฤทธาอาคมแกร่งกล้า เป็นรองก็แต่โชติฌาณศิษย์ผู้พี่เท่านั้น เป็นเหมือนกุญแจสำคัญของเรื่องที่จะนำให้เกิดความจริงทุกอย่าง เป็นคนที่มีสองบุคคลิกในตัวคนเดียว ซ่อนความเครียด และภารกิจอันใหญ่หลวงอยู่ภายใต้ลีลาขี้เล่นกวนโทสะ

 

แสงกล้า

นายตำรวจมือปราบหนุ่มหล่อ เด็กกำพร้าที่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ของตัวเอง จริงจังกับการทำงาน ติดจะเป็นคนปากเสีย พูดจาขวานผ่าซาก จนบางครั้ง ความหล่อก็ช่วยทำให้คนรอบข้างปลาบปลื้มไม่ได้ เชื่อในสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้เท่านั้น เกลียดและชิงชังกับเรื่องงมงายและโชครางเป็นอย่างยิ่ง

 

ดร.แพรไพลิน

นักวิทยาศาสตร์สาวสวย จบดอกเตอร์ทางนิติวิทยาศาสตร์มาจากต่างประเทศ จริงจังกับการทำงานและความถูกต้องโดยไม่ละเลยกับการแต่งตัว เสื้อผ้าและพล็อบส่วนตัวของเธอจึงทันสมัย สวยเฉี่ยวเสมอราวกับหลุดมาจากแคทวอล์ค เป็นคนตรงไปตรงมาไม่ต่างจากแสงกล้าแต่นุ่มนวลกว่า ขัดแย้งกับเพชรแท้ผู้เป็นแม่ในเรื่องธุรกิจสีเทาของแม่ที่มักจะทำร้ายประเทศชาติอยู่เสมอ

 

นภา ฐานรัฐ

ภรรยาของเมฆา อดีตผู้บังคับบัญชาสำนักงานสืบสวนพิเศษ รักครอบครัวจึงยอมลาออกจากงาน แต่ต่อมาภายหลังจำต้องออกมาปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง เพื่อความถูกต้องและช่วยสามีให้รอดชีวิตจากอำนาจมืด

 

วิญญู หรือ โชติฌาณ

หนุ่มใหญ่ เข้มขรึม ดูน่าเกรงขามยากจะล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงภายในโลภและทำทุกอย่างได้เพื่อความสำเร็จของตัวเอง มุ่งหวังอำนาจสูงสุดของรัฐ มีอำนาจคุณไสยฯ ขั้นสูงสุดจนยากจะมีคนต่อต้าน ความจริงแล้วเขาคือ โชติญาณ พ่อแท้ๆ ของแสงกล้า ผู้บรรลุไสยศาสตร์ในด้านดี แต่ถูกความเลวร้ายในจิตใจครอบงำจนกลายเป็นโจรขมังเวทย์

 

ดร.เมฆา ฐานรัฐ นักการเมืองน้ำดี จริงจังและมุ่งมั่นในหลักการ ทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้องแบบยอมหักไม่ยอมงอ บางครั้งเครียดและระเบิดอารมณ์กับคนรอบข้าง

 

จักร

นักการเมืองหนุ่มที่มุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จของตัวเองจนลืมความถูกต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้มีอิทธิพลเถื่อน เมื่อมาพบกับวิญญูจึงเพียบพร้อมไปด้วยกลุ่มนักเลงเลวร้ายและคุณไสยฯ อำนาจมืด

 

รวิ

สาวสวยมือขวาของจักร เฉลียวฉลาดและเชี่ยวชาญทั้งอาวุธการฆ่าและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เคยมีความดีอยู่ในตัวเองแต่โดนอำนาจเงินและสังคมที่ฟุ้งเฟ้อทำให้เปลี่ยนความคิดกลายเป็นพวกวัตถุนิยม

 

เพชรแท้

นักธุรกิจสาวใหญ่แม่ของแพรไพลิน เป็นตัวแทนของนักธุรกิจที่มุ่งหวังแต่ตัวเลขและตัวเงินในบัญชี มากกว่าความดีงามในสังคม มีอดีตเลวร้ายโดนผู้มีอำนาจหลอกใช้จนแทบจะหมดเนื้อหมดตัว จึงหันหลังให้กับความดีงาม หันมาทำร้ายสังคมเพื่อถีบตัวเองให้เป็นใหญ่ จึงต้องขัดแย้งกับแพรไพลินลูกสาวอยู่เสมอ

 

ผู้การอินทนนท์

ผู้การตำรวจที่ทำหน้าที่รับผิดชอบสำนักงานสืบสวนพิเศษ เป็นตำรวจน้ำดีที่ต้องการทำให้สังคมดีขึ้น แต่มักจะถูกอำนาจสูงของนักการเมืองเข้ามา แทรกแซงจนทำงานได้ไม่สะดวกนัก

 

และนักแสดงรับเชิญจาก เหนือเมฆ ภาค1

พายุ / ฟ้า / คราม / ทอรุ้ง

 

รายชื่อ นักแสดง

 

ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท วิญญู หรือ โชติฌาณ หรือจอมขมังเวทย์

พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง รับบท จ่าสมิง

สินจัย เปล่งพานิช รับบท นภา

ปริญ สุภารัตน์ รับบท แสงกล้า

ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง รับบท แพรไพลิน

กมลเนตร เรืองศรี รับบท น้ำใส

จริณ สอโส รับบท คมศร

ดอม เหตระกูล รับบท จักร

ซอนย่า คูลลิ่ง รับบท รวิ

สมจิตร จงจอหอ รับบท จ่าหวาน

ศรสุธา กลั่นมาลี รับบท ดาบแหบ

 

นักแสดงรับเชิญ

นพพล โกมารชุน รับบท เมฆา

ชาคริต แย้มนาม รับบท พายุ

เข็มอัปสร สิริสุขขะ รับบท ฟ้า

พศุตม์ ปานแย้ม รับบท คราม

รัชวิน วงศ์วิริยะ รับบท ทอรุ้ง

เพ็ญพักตร์ ศิริกุล รับบท เพชรแท้

เกรียงไกร อุณหนันท์ รับบท ผู้การอินทนนท์

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Cat Duet - Boys Choir

 

http://youtu.be/d63jKihoYRg

 

 

 

ปิยสีโลภิกขุ - พระภูวดล ปิยสีโล

 

December 30, 2012

 

 

 

"..คนที่ยึดมั่นความเห็นของตนมาก ไม่โอนอ่อนผ่อนตามใคร

มักสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ที่อยู่ร่วมกันไม่มากก็น้อย.."

 

คณะไม่ประสาน

 

 

คนที่มาวัดป่าในวันสำคัญทางศาสนามักชื่นชมการสวดมนต์แปลเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเนื้อหาของบทสวดไพเราะและมีความหมายลึกซึ้

ยิ่งเวลาที่คนจำนวนมากสวดอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงจะดังกระหึ่ม ฟังดูจับใจยิ่งนัก

แต่ใครเลยจะรู้ว่า ในยามที่พระสวดกันเองไม่กี่รูปนั้น จะฟังดูทุลักทุเลเพียงใด

 

ครั้งหนึ่งเคยจำพรรษาในวัดที่มีพระเพียงห้ารูป แต่ละรูปมีเสียงต่างกันไปคนละคีย์

พระใหม่รูปหนึ่งเสียงสูงกว่าใคร แถมยังสวดเสียงดังด้วย

คณะสวดมนต์จึงสับสนอลหม่านไม่รู้จะตามใครดี

หลังจากที่ทนสวดได้ไม่ถึงสัปดาห์ ท่านอาจารย์ก็แก้ปัญหานี้ด้วยการให้ผลัดกันเป็นผู้นำคนละวัน

 

คราวนี้แต่ละคนได้ตระหนักว่าผู้นำสวดต้องลำบากเพียงใด

เสียงสวดมนต์จึงค่อย ๆ ปรับให้เข้ากันมากขึ้น สถานการณ์นี้บีบบังคับให้เรียนรู้ไปโดยปริยาย

 

ผู้โชคดีคือคนที่มีโทนเสียงอยู่ในระดับกลาง ๆ สามารถปรับให้เข้ากับใครก็ได้

ไม่ว่าผู้นำจะสวดเร็วหรือช้า

จะสวดด้วยสำเนียงญี่ปุ่น ไทย อีสาน หรือฝรั่ง

ก็ปรับสำเนียงให้กลมกลืนได้ หรือเวลาที่ต้องนำสวด คนส่วนใหญ่ก็สวดตามไปได้ไม่ลำบาก

 

เคล็ดลับสำคัญในเรื่องนี้อยู่ที่การเงี่ยหูฟังแล้วปรับเสียงให้คล้อยตามเสียงส่วนใหญ่

 

ฟังดูเหมือนไม่ยาก แต่เชื่อหรือไม่ว่า หาคนที่ยินดีปรับเสียงตัวเองได้น้อยมาก

การสวดมนต์ในบางคราวจึงเหมือนการผจญภัยอีกลักษณะหนึ่ง

เพราะไม่รู้เลยว่าจะต้องประสานเสียงกับคีย์ใดบ้าง และจะสวดไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่

 

การรู้จักยืดหยุ่นต่อสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้สะท้อนท่าทีการปรับตัวในชุมชนด้วย

คนที่ยึดมั่นความเห็นของตนมาก ไม่โอนอ่อนผ่อนตามใคร

มักสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ที่อยู่ร่วมกันไม่มากก็น้อย

 

การใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับอุดมคติของพระป่าคือการทำตัวให้เหมือนธาตุน้ำ

ยามอยู่ในภาชนะรูปทรงใดก็กลมกลืนไปกับรูปทรงนั้น

แต่ไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญคือ

เมื่อไปอยู่ที่ไหนก็สร้างความผาสุกร่มเย็นในที่นั้น

 

คืนก่อน ผู้นำสวดคนใหม่เริ่มหน้าที่เป็นวันแรก เพียงท่านขึ้นต้นเสียงอย่างมั่นใจเต็มที่

พระเณรทั้งศาลาก็มีอันต้องนิ่งอึ้งไปตาม ๆ กัน

และแล้ว...เสียงหัวเราะก็ดังก้องมาจากท่านอาจารย์ซึ่งอยู่หัวแถว แล้วไล่ตามมาเป็นระลอกจนกระทั่งปลายแถว การสวดมนต์ในคืนนี้จึงชะงักเสียแต่ยังไม่เริ่ม

 

ได้ยินเสียงหลวงตาที่นั่งอยู่ด้านข้างกระซิบบอกผู้นำมือใหม่ว่า

“ลดเสียงลงสักครึ่งคีย์เถิด...พ่อคุณ”

 

 

หมายเหตุ

บทความนี้เขียนขึ้นระหว่างจำพรรษาที่วัดจิตตวิเวก ประเทศอังกฤษ

และเคยตีพิมพ์ในคอลัมน์ My Secret นิตยสารซีเคร็ต

 

ขอแนะนำว่า หากจะอ่านบทความนี้ให้ออกรส ควรเปิดดูคลิปวิดีโอนี้ไปด้วย

http://www.youtube.com/watch?v=d63jKihoYRg

 

Credit ภาพการ์ตูน วาดโดย Yuree ม.ย.ร. มะลิ

จัดหน้าโดย Pom Haruthai Knight

See Translation

 

 

6344_261355870660505_1408444406_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ปิยสีโลภิกขุ - พระภูวดล ปิยสีโล

December 17, 2012

 

แด่ผู้สูญเสียในเหตุการณ์รุนแรงที่รัฐ Connecticut

 

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน Sandy Hook ในเช้าวันที่ 14 ธันวาคม

เป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลจนหาคำอธิบายไม่ได้ เมื่อได้รับรู้ข่าวสารนี้ นอกจากความตระหนกตกใจและเศร้าสลดแล้ว แทบทุกคนคงมีคำถามในใจด้วยว่า เรื่องร้ายแรงขนาดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

 

ในฐานะชาวพุทธ เราพยายามตั้งสติในการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ

แม้จะรู้สึกเศร้าใจก็พยายามมองให้เห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่เข้าไปยึดเอาไว้

หรือปล่อยใจให้คิดจินตนาการไปตามเรื่องราวแล้วทำให้จิตใจเศร้าหมองยิ่งขึ้น

 

การทำเช่นนี้ ไม่ใช่การเพิกเฉยไม่เอาใจใส่ต่อทุกข์ของผู้อื่น

แต่เป็นการประคับประคองใจไม่ให้จมอยู่ในอารมณ์นั้น ๆ จนกระทั่งทำอะไรไม่ได้

เพราะไม่ว่าจะเศร้าโศกเพียงใด เราก็คงไม่สามารถแก้ไขทุกอย่างให้กลับคืนเช่นเดิม

 

จุดหมายสำคัญอยู่ที่การแสวงหาปัญญาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มีเพียงการใช้สติและปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถรักษาจิตใจในการเผชิญสถานการณ์อันหนักหน่วงเช่นนี้ และช่วยให้เราพ้นจากการปรักปรำและกล่าวโทษบุคคลผู้ก่อเหตุ

เพราะแท้จริงแล้ว เขาเองก็ตกเป็นเหยื่อคนหนึ่งเช่นกัน

 

รากฐานของความรุนแรงนั้นมาจากความโกรธเกลียดในใจ

ตามปกติแล้ว คนเราย่อมต้องมีเมตตากรุณาในใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

การลงมือสังหารเด็กเล็กที่ไร้ความผิดได้เช่นนี้สะท้อนให้เห็นความผิดปกติของจิตใจในระดับรุนแรงยิ่ง

ความโกรธเกลียดในใจจะต้องมีมากจนกระทั่งเขากลายเป็นทาสของอารมณ์

และปล่อยให้อารมณ์ชักนำไปสู่การกระทำอันรุนแรงได้ถึงเพียงนี้

 

 

เราเองคงไม่อยู่ในฐานะที่จะสืบสาวได้ว่า

ความโกรธเกลียดในใจของผู้กระทำการรุนแรงนี้มีที่มาอย่างไร

เพราะไม่รู้รายละเอียดในชีวิตของเขา

แต่เราย่อมตระหนักได้ว่าความพ่ายแพ้ต่ออารมณ์โกรธเกลียดนั้นเป็นภัยอันตรายอย่างยิ่ง

 

ใจที่ท่วมทับไปด้วยความโกรธเกลียด

ไม่มีที่ว่างให้เมตตากรุณาได้อาศัย

ทำให้ไม่เห็นคุณค่าในการดำรงชีวิตอยู่ของตนเอง

และไม่เห็นคุณค่าของชีวิตอื่นด้วย

สายตาที่ว่างเปล่านี้ทำให้การทำลายล้างชีวิตผู้อื่นกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป

 

เมื่อลุแก่อารมณ์โกรธเกลียดไปแล้ว

ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

ตัวผู้ลงมือเองก็ต้องได้รับผลจากการกระทำของตนเองด้วย

คงยากที่จะมีใครหยั่งรู้ได้ว่าผลของกรรมเช่นนี้จะหนักหนาสาหัสเพียงไร

 

อีกส่วนหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือ การภาวนาแผ่เมตตาให้กับผู้ที่ล่วงลับตลอดจนครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวข้อง ความทุกข์ที่ต้องเผชิญนั้นแสนสาหัสนัก

เราสามารถร่วมรับรู้ทุกข์นี้ได้ด้วยความเห็นอกเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

และส่งความปรารถนาดีให้คนเหล่านั้นสามารถคลี่คลายทุกข์โศกอันใหญ่หลวงนี้ได้ในที่สุด

 

การไว้อาลัยที่แท้จริง คือ การระลึกว่าทั้งเราทั้งเขาล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน

เรื่องที่เกิดห่างไกลตัวเราก็ไม่ต่างจากเรื่องของเราเอง

แต่ละคนมีหน้าที่ที่จะทำในส่วนของตนให้ดีที่สุด

เพื่อทำให้โลกนี้มีผู้ตกเป็นเหยื่อของความโกรธเกลียดแบบนี้น้อยลง

แม้ว่าเราจะแก้ปัญหาไม่ได้โดยตรง แต่อย่างน้อยก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ทางปัญญา

 

สำหรับพื้นที่เล็ก ๆที่เรามีส่วนรับผิดชอบอยู่ เราจะลงมือทำในสิ่งที่ทำได้โดยไม่ลังเลหรือผัดผ่อน

 

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลที่ล่วงลับพร้อมทั้งครอบครัว

ตลอดจนบุคคลที่พ่ายแพ้ต่อความโกรธเกลียดในใจจนกระทั่งทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ด้วย

 

ขอไว้อาลัยต่อชีวิตที่ล่วงลับไป

ขอให้เราแต่ละคนได้มีส่วนในการหยิบยื่นสันติสุขให้กันและกัน

และมีส่วนในการยับยั้งความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ด้วยการหันมาดูแลจิตใจของตนเองและคนรอบข้างให้มากขึ้น

รวมทั้งทำความเข้าใจต้นตอของความรุนแรงที่เริ่มจากภายใน

จนกระทั่งสามารถปล่อยวางความโกรธเกลียดในใจได้ในที่สุด

 

 

Credit ภาพและจัดหน้า Montri Sirithampiti

 

 

576383_255688654560560_1279217312_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
406167_321216874650267_1924545373_n.jpg ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

318539_186946898118211_569859636_n.jpg

พ่อหลวง ธ ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์

แบกรับความรับผิดชอบด้วย ความเมตตา คาามรัก ความเพียร

ขอจง ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ในอดีต ๓ มกราคม ๒๕๑๘

 

ทอดพระเนตรไร่ถั่วของราษฎรชาวเขา ณ บ้านแม่โถ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

 

ข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักราชเลขาธิการ

http://www.ohm.go.th/other_media/media_detail/album_item/101250/th?iframe=true&width=1020&height=1164

6110_418716534866025_98926687_n.jpg

 

 

วันนี้ในอดีต ๓ มกราคม ๒๕๑๘

 

ราษฎรเผ่าม้งทำพิธีทูลพระขวัญ ก่อนเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรโรงเรียนหลวงพัฒนาบ้านพุย

ซึ่งราษฎรและเจ้าหน้าที่โครงการหลวงพัฒนาชาวเขาได้ร่วมกันสร้างขึ้น ณ บ้านพุย อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

 

ข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักราชเลขาธิการ

http://www.ohm.go.th/other_media/media_detail/album_item/101252/th?iframe=true&width=1020&height=1164

542160_418717411532604_999782516_n.jpg

Information Division of OHM

 

วันนี้ในอดีต ๔ มกราคม ๒๕๑๕

พระราชทานขนม สมุด ดินสอ และ เสื้อกันหนาวแก่นักเรียนโรงเรียนมหาราช ๖ ณ บ้านห้วยผักไผ่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

206220_419158358155176_563647439_n.jpg

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ

Krugman ควรเป็น รมต.คลังสหรัฐ ?

 

(สรุปความโดย วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง 6 มค 56)

 

หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษ ระบุว่า....

 

ขอให้ประธานาธิบดีโอบามา แต่งตั้งให้ Paul Krugman เป็น รมต.คลังสหรัฐแทนตำแหน่งที่จะว่างลง

 

ภายในไม่กี่สัปดาห์นนี้ ทดแทน Tim Geithner ที่ขอลาออก

 

เหตุผลสนับสนุนคือ Krugman จะเป็น รมต.คลังที่ต่อสู้กับ Wall Street ได้ และจะไม่สนใจในความกดดันที่จะให้ตัดลดงบประมาณลง ซึ่งสิ่งที่ Krugman วิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจก็ถูกต้อง ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์และสื่อต่างๆ มองผิดพลาดกันเป็นส่วนใหญ่

 

ตัวอย่างเช่น ....

 

เป็นผู้เขียนเตือนเรื่องฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ก่อนที่ตลาดบ้านจะพังทลายลงและทำให้เกิด The Great Recession

 

เขาเป็นผู้คาดการณ์และอธิบายว่าการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาลกับการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ(ออก QE) นับล้านล้านดอลลาร์จะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ คือไม่ทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวพุ่งขึ้น

 

เขาเตือนว่ารัฐบาลยังไม่ควรใช้นโยบายรัดเข็มขัดเพราะจะเผชิญกับภาวะถดถอย ฯลฯ

 

และเหนือสิ่งอื่นใด Paul Krugman คือผู้ที่ยืนอยู่ข้างคนอเมริกันส่วนใหญ่ของประเทศโดยเขียนบทความจำนวนมากเกี่ยวกับนโยบายที่จะทำให้เกิดการสร้างงาน ทั้งยังอธิบายข้อเสียของการตัดลดงบประมาณในช่วงที่เศรษฐกิจยังอ่อนแอ กับเป็นผู้ต่อต้านการตัดลดงบประมาณสวัสดิการสังคมอย่าง Social Security และ Medicare ลง

 

ที่สำคัญก็คือ ไม่มีเหตุผลที่ดีเลยที่ รมต.คลัง จะเป็นบุคคลที่ยอมให้ผลประโยชน์ต่อ Wall Street มาก่อนผลประโยชน์ของคนอเมริกันส่วนรวม ทั้งๆ ที่อาชญากรรมทางการเงินอันมีผลตjอเศรษฐกิจในวงกว้างก็มาจากคนพวกนี้

\

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

537380_537741526244038_2034295366_n.png

 

LikeMe Thailand

 

 

ใครอินกับเรื่อง "เหนือเมฆ" ต้องอ่าน!!

 

โปรดใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินสิ่งใด นะค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นิตยสาร : Kids & Family

Vol. : สิงหาคม ๒๕๔๘

 

คอลัมน์ Last Page : ฟังเสียงต้นไม้พูด

By : รินใจ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

378812_511781922175214_1101129979_n.jpg

อรศรีไปเยี่ยมเพื่อนซึ่งมีบ้านอยู่ชานเมือง เธอเห็นต้นไม้ใหญ่สูงเด่นต้นหนึ่งอยู่กลางสวน

ก็ชอบใจ แต่เจ้าของบ้านบอกว่ากำลังจะโค่นต้นไม้ต้นนี้ในเร็ว ๆ นี้ เธอแปลกใจจึงถามเหตุผล

ก็ได้คำตอบว่า “ตอนซื้อมาคนขายเขาบอกว่ามันจะมีดอก เราก็รอ เฝ้ารอ รดน้ำ ทำอะไรก็แล้ว

แต่ปรากฏว่าไม่มีดอกสักที มีแต่ใบ เจ็บใจนัก เลยจะตัดทิ้งเสียเลย”

 

อรศรีฟังแล้วก็อึ้ง เพราะแม้ต้นไม้ต้นนี้จะไม่มีดอก แต่ก็ให้ร่มเงาแผ่กว้าง และเป็นที่อาศัยของสัตว์สารพัดชนิด ทั้งนก กระรอก และมด ฯลฯ ถ้าโค่นลงมาแล้ว สัตว์พวกนี้จะอยู่กันอย่างไร

 

แต่เจ้าของบ้านนั้นถือว่าตนเองเป็นเจ้าของต้นไม้ต้นนี้ เพราะจ่ายเงินซื้อมา จึงมีสิทธิใช้แต่ผู้เดียว ส่วนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เป็นเพื่อนร่วมสวนจะเดือดร้อนอย่างไร เธอไม่สนใจเอาเลย

เพราะนึกถึงแต่ประโยชน์ของตนอย่างเดียว ยิ่งสุขทุกข์ของต้นไม้ต้นนี้ด้วยแล้ว

ไม่อยู่ในห้วงคำนึงของเธอแม้แต่น้อย

อันที่จริงแม้จะไม่นึกถึงใครเลย แค่นึกถึงประโยชน์ที่จะเกิดกับตัวเองอย่างเดียว

ก็มีเหตุผลมากมายที่ไม่สมควรตัดต้นไม้ต้นนี้ เพราะร่มเงาของเขาช่วยทำให้บ้านร่มเย็น

และบรรยากาศในสวนร่มรื่น เสียงร้องของนกนานาชนิดที่มาเกาะต้นไม้ก็ไพเราะเสนาะโสต

ตื่นเช้าขึ้นมามีอะไรที่จะจรรโลงใจให้ชื่นบานเท่ากับชีวิตชีวาจากธรรมชาติ

 

มองแค่ประโยชน์ส่วนตัว ต้นไม้ก็มีคุณค่ามากมาย แต่ทุกวันนี้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตัว

เราก็มองอย่างคับแคบ ต้นไม้จึงมีความหมายเพียงแค่สิ่งที่ให้ดอก ผล หรือเนื้อไม้เท่านั้น

แต่ถ้าเรามองประโยชน์ส่วนตัวให้กว้างกว่านี้ เราย่อมอดไม่ได้ที่จะทนุถนอมต้นไม้และธรรมชาติทั้งปวง เพราะสิ่งที่เราจะได้จากเขานั้นมีมากมายหลายมิติ

534730_398618710210735_1885052098_n.jpg

สุพิศไปเป็นอาสาสมัครช่วยปลูกป่าที่วัดแห่งหนึ่ง วันรุ่งขึ้นก่อนจะกลับเธอปลีกตัวไปนั่งอยู่ราวป่า

เพ่งพินิจต้นไม้ด้วยใจสงบ แล้วเธอก็ได้ยินต้นไม้บอกเธอว่า

“อย่าท้อแท้ ฉันอยู่นี่ เมื่อใดที่เธอรู้สึกอ่อนแอ ขอให้ระลึกว่าฉันยังเป็นเพื่อนเธออยู่ที่นี่ ขอให้เข้มแข็ง อย่าสิ้นหวัง” สุพิศรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันที ความทดท้อที่เธอแบกมาจากกรุงเทพ ฯ มลายหายไป

อีกครั้งหนึ่งที่เธอยิ้มได้ด้วยใจสดใส

น่าแปลกที่ความรู้สึกดังกล่าวคล้ายกับประสบการณ์ของหญิงผู้หนึ่งซึ่งถูกทรมานอยู่ในค่ายนรก

ของนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเล่าว่าสิ่งเดียวที่ให้ความหวังและกำลังใจแก่เธอก็คือ ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้หน้าต่างคุก เธอชอบคุยกับต้นไม้ต้นนั้น

และต้นไม้ก็บอกเธอว่า “ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่ ฉันคือชีวิตนิรันดร์”

ต้นไม้นั้นสามารถให้พลังบันดาลใจแก่เราโดยเฉพาะในยามทุกข์

เมื่อผู้นำนักศึกษากรณี ๖ ตุลาถูกจับเข้าคุกด้วยข้อหาที่ร้ายแรง นอกเหนือจากการเตรียมสู้คดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำก็คือปลูกต้นไม้ ต้นกล้าที่แทงยอดและผลิใบอ่อน แม้ดูบอบบาง แต่ให้กำลังใจพวกเขาได้เป็นอย่างดี ต้นไม้ยิ่งเติบโต จิตใจของเขาก็ยิ่งเข้มแข็งตามไปด้วย

อันที่จริงแล้ว นอกเหนือจากกำลังใจแล้ว ต้นไม้ตลอดจนธรรมชาติทั้งปวงยังสามารถให้อะไรแก่จิตใจของเราได้มากมาย ขอเพียงแต่เราเปิดใจรับฟังกระแสเสียงจากเขาเท่านั้น

 

ท่านอาจารย์พุทธทาสมักแนะนำให้ผู้ไปเยือนสวนโมกข์

หัดฟังเสียงต้นไม้พูดและฟังก้อนหินสอนธรรมบ้าง

 

เมื่อมีคนสงสัยว่าหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตรู้ธรรมได้อย่างไรในเมื่อไม่ได้เรียนหนังสือ หลวงปู่มั่นตอบว่า “ธรรมะมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา”

ปัญญาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงวุฒิการศึกษาหรือปริญญา แต่หมายถึงการรู้จักพินิจพิจารณา

เมื่อมองให้เป็น นกกระเต็นกลางสระก็สอนเราให้รู้จักคอยและใฝ่สันโดษได้

เพราะเขาสามารถเกาะนิ่งบนก้านบัวได้เป็นชั่วโมงกลางแดดกล้า โดยไม่อนาทรร้อนใจแต่อย่างใด และไม่ว่าจะได้ปลาตัวเล็กหรือใหญ่ เขาก็พอใจทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาเขาก็บินอพยพไปที่อื่น

โดยไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรนอกจากปีกสองข้างเท่านั้น

แม้แต่ใบไม้ร่วงเพียงใบเดียว หากพินิจด้วยใจสงบ ก็สามารถเข้าถึงสัจธรรม

จนปล่อยวางความทุกข์ได้ ปัญหาก็คือทุกวันนี้เราวุ่นกับสารพัดเรื่อง จนไม่มีเวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ เราคิดไม่หยุด จนจิตไม่ว่างพอที่จะได้ยินกระแสเสียงจากธรรมชาติ

314904_197221717017103_1168450834_n.jpg

แต่ไม่ต้องรอให้ชีวิตหายวุ่นหรือจิตว่างเต็มที่ เพียงแค่มีเวลาให้ตนเองได้อยู่กับธรรมชาติอย่างเงียบ ๆ และผ่อนคลาย แล้วเราจะพบว่าแม้ต้นไม้ที่ไร้ดอกก็สามารถมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่จิตใจของเราได้มากมาย

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...