ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

I Will Do for King

จากหัวใจชาวประชา.. " รักราชวงศ์จักรี "

 

...ในหลวงทรงปลื้มพระทัย จดหมายตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง...

 

ได้รับการเปิดเผยจากท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ว่าตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงบ้านจันทร์ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้เขียนจดหมายถึงท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ศาลารวมใจ อ.แม่แจ่ม เพื่อแสดงความรู้สึกถึงข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร กองราชเลขานุการฯได้นำจดหมายดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งประทับเฝ้าพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอ่านจดหมายดังกล่าวถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลื้มพระทัย และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงขอพระบรมราชานุญาตนำมาเผยแพร่ต่อประชาชน ดังนี้......

 

ศาลารวมใจบ้านจันทร์

 

16 ตุลาคม 2552

 

เรื่อง พ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง รัก เป็นห่วงมาก

 

เรียนท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล

 

เมื่อทราบข่าวว่าพ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงตั้งจิตอธิษฐาน ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านจันทร์ คุ้มครองรักษาพ่อหลวงหายจากอาการไม่สบายโดยเร็ว อยู่คู่กับคนไทยไปนานๆ พ่อหลวงองค์เดียวของแผ่นดิน พ่อองค์เดียวนี้หาไม่มี เมื่อพ่อหลวงสุขสบาย กะเหรี่ยงยิ้มแย้ม มีกำลังใจ เมื่อพ่อหลวงไม่สบาย กะเหรี่ยงเมื่อยล้า หมดแรง อบอุ่นใดไม่เหมือนอบอุ่นอยู่กับพ่อหลวงของเรา กะเหรี่ยงเกิดมาร่วมชาติกับพ่อหลวงไม่มีอะไรตอบแทน นอกจากขอเป็นคนดีของคนไทย รักและเป็นห่วงพ่อหลวงมาก

 

ลงชื่อ นางวราภรณ์ คำมิสอน

 

ตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง

 

ขอบคุณ: "The Greatest of The Kings The Greetings of The Land"

 

550354_587909381223784_1269287347_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อความรักแปลงกายมาในรูปกระจิริด

 

เมื่อความรักแปลงกายมาในรูปกระจิริด

 

 

l_2.jpg

รักกระจิริด (Life & Family)

 

โดย: รินใจ

 

ความรัก...เป็นเรื่องนานาจิตตัง ทำนองลางเนื้อชอบลางยา สิ่งที่ยังความรัญจวนใจแก่เรา อาจสร้างความรู้สึกตรงกันข้ามแก่ผู้อื่น ซึ่งอยู่ในยุคสมัยหนึ่ง หรืออยู่ในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ในทางกลับกัน คนสมัยก่อนเขาอาจพิศวาสในสิ่งซึ่งคนสมัยนี้รังเกียจ คงไม่ลืมกันว่าเท้าของหญิงสาวที่ถูกรัดจนเบี้ยวบิดผิดรูปนั้น ในสายตาของชายจีนเมื่อหลายร้อยปีก่อน ถือว่าเป็นเสน่ห์เย้ายวนของหญิงสาวอย่างยิ่ง แต่คนยุคนี้เห็นแล้วพูดไม่ออก

 

อย่างไรก็ตาม ความรักไม่ว่าชาติใดภาษาใด จะยุคไหนก็แล้วแต่ ล้วนมีภาษาสากลร่วมกัน ภาษานั้นมีชื่อว่า "การให้" แม้วัตถุที่ยังความสิเนหาจะมีรูปลักษณ์ต่างกัน แต่เนื้อแท้ของความรักที่แสดงออกมา คือการให้เสมอ และเป็นการให้สิ่งที่ตนเห็นว่ามีคุณค่าต่อทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าคิดจะเอาอย่างเดียว นั่นเป็นได้อย่างมากแค่สิเนหาอันว่างเปล่าจากแก่นสาร

 

การให้อย่างมีคุณค่า ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการให้สิ่งซึ่งมีราคาค่างวด หรือให้สิ่งใหญ่โต ทั้งไม่ใช่การเสียสละเยี่ยงวีรกรรมเสมอไป เพียงแค่ให้ความสนใจ ก็สามารถยังความสุขใจให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้ ซึ่งก็พลอยทำให้เรามีความสุขไปด้วย ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข คือสัจธรรมสากลที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้นานแล้ว

 

ความใส่ใจนั้นทรงคุณค่าเสมอ แม้จะเป็นความใส่ใจในเรื่องที่เราเห็นว่าเล็กน้อย แต่สำหรับอีกฝ่ายหนึ่ง อาจเป็นเรื่องที่สำคัญก็ได้ เช่น ความใส่ใจในยามที่เขาหรือเธอเงียบงัน หรือรู้สึกหม่นหมอง แม้แต่ในยามที่ประสบความสำเร็จ เขาหรือเธอก็ปรารถนาที่จะมาร่วมรับรู้ความภาคภูมิใจของตนด้วยเช่นกัน

 

ความใส่ใจนั้น ช่วยให้เราเอื้อเฟื้อต่อกันอย่างจริงใจและเป็นธรรมชาติ อันความเอื้อเฟื้อนั้นแม้เพียงเล็กน้อย ก็อย่านึกว่าไม่มีความหมาย อย่าว่าแต่กับคนรักเลย แม้แต่กับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ความมีน้ำใจในเรื่องเล็กน้อยก็ยังสามารถตราตรึงใจได้ไม่รู้ลืม หากย้อนระลึกถึงเหตุการณ์ประทับใจในอดีต เราแต่ละคนคงจำได้อย่างชัดเจน ถึงความเอื้อเฟื้อของใครบางคนที่เราไม่รู้จัก แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว เขาอาจไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า พาเราข้ามถนน ลุกให้เรานั่ง หรือประคองเราให้ลุกขึ้นหลังจากพลัดหกล้ม

 

มิใช่แต่ความเอื้อเฟื้อที่ได้รับในวัยเด็กเท่านั้น กระทั่งเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องประทับใจทำนองนี้อยู่มากมายมิใช่หรือ บางคนยังจำได้ดีว่ายามหลงทางหรือตก เครื่องบินในต่างแดน น้ำใจของคนแปลกหน้าบางคนได้ช่วยคลายทุกข์ให้แก่เราอย่างไรบ้าง เธอผู้นั้นอาจเป็นพนักงานสายการบิน ที่ช่วยแก้ปัญหาให้เราอย่างยิ้มแย้มแจ่มใจ เขาอาจเป็นอาสาสมัครที่เพียรพยายามอธิบายช่วยเหลือเราทางโทรศัพท์ โดยไม่แสดงความหงุดหงิดที่เราขอให้เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากข้อจำกัดทางภาษา

 

ในชีวิตจริงของคนเรา โดยเฉพาะในยามที่เราสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกัน ความใส่ใจและน้ำใจในเรื่องเล็กน้อยนั้น เป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสมอ มันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเรา แต่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะในยามที่เขากำลังเดือดร้อน หวาดวิตก ทุกข์โศก กังวลใจ ในยามนั้นคนเราอ่อนไหวและเปราะบางมาก ไม่ว่าจะเก่งกล้ามาจากไหนก็ตาม ในยามนั้น ความเอื้อเฟื้อแม้เพียงเล็กน้อย กลับกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ประทับใจเขาไม่รู้ลืม

 

ความรักที่แท้จริง บ่อยครั้งก็แปลงกายมาในรูปกระจิริดเหมือนตัวหมัดยังไงยังงั้นเลย

kapook

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

880z1-355.jpg

 

โดย:ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หัวหน้าภาควิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเล

คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

การเขียนถึงใครคนหนึ่งกับผลงานที่เขาทำเกี่ยวกับธรรมชาติ เกี่ยวกับท้องทะเลและป่าเขา

เกี่ยวกับโลกสีครามทั้งใบ อาจเป็นโจทย์ที่ยากแสนสาหัส แต่ผมกลับเขียนเรื่องนี้ด้วยความปลื้มปีติ

เขียนด้วยความรื่นรมย์ เพราะว่าใครคนนั้นคือ “ในหลวง”

 

ผมไม่จำเป็นต้องเสกสรรปั้นแต่งข้อความ ผมเพียงนำหลักฐานตามความเป็นจริงมาบอกเล่า

สิ่งที่คุณรู้จักเกี่ยวกับธรรมชาติมากที่สุดในยามนี้คงไม่พ้นคำว่า “ภาวะโลกร้อน” คนทั้งโลกต่างตื่นกลัว

เมื่อได้รับชมสารคดี An Inconvenient Truth ของอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ อัล กอร์ ในปี พ.ศ.2549

 

แต่ในหลวงของปวงชนชาวไทยมีพระราชดำรัสไว้ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2532

 

“…เพราว่ามีสารคาร์บอน (คาร์บอนไดออกไซด์) ขึ้นไปในอากาศมากจะทำให้เหมือนเป็นตู้กระจกครอบ แล้วโลกนี้ก็จะร้อนขึ้น เมื่อโลกนี้ร้อนขึ้นมีหวังว่าน้ำแข็งจะละลายลงทะเล และรวมทั้งในน้ำทะเลจะพองขึ้น…ถ้าเรามาศึกษาอย่างใจเย็น อย่างมีเหตุผลแล้ว ก็จะหาทางแก้ไขได้ หรืออย่างน้อยก็ให้พยามยามแก้ไข มันจะดีกว่าที่จะมาขัดแย้งกัน…”

 

หากพระองค์สามารถบอกกับคนไทย ก่อนหน้าที่อัล กอร์ จะบอกกับชาวโลกเป็นเวลาถึง 17 ปี

ไม่มีสิ่งดีเหลือให้ต้องสงสัยถึงผลงานของพระองค์กับธรรมชาติเพราะว่านี้คือความจริงถึงแก่นแท้โดยไร้ข้อกังขา

และความรู้เหล่านั้นมิใช่จะมีผู้ใดสามารถถวายรายงานแด่พระองค์ ไม่ได้มีทีมงานสารคดีมาช่วยค้นคว้าหาข้อมูลเหมือนทีมของอัล กอร์

 

พระองค์ทรงมีเพียงความวิริยะอุตสาหะอย่างสูงในการค้นคว้าหาความรู้และไตร่ตรองด้วยพระองค์เอง ยิ่งถ้าคิดว่าท่านทรงงานแทบทุกด้านเสด็จพระราชดำเนินไปทุกถิ่นฐาน

ผมยิ่งเขียนยิ่งขนลุกซู่ พระองค์ทรงเอาเวลามาจากไหน เอาพลังใจจากหนใดในการทรงงานเช่นนี้

น้ำตาผมกำลังเริ่มรินไหล เมื่อตระหนักว่าผมโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาในแผ่นดินนี้

หาไปเถิด หาไปทั้งโลกหล้า ไปทั่วฟ้ามหาสมุทรสุดขอบทวีป ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีทางมีบุคคลใดเฉกเช่น “ในหลวงของเรา”

เพราะพระองค์ทรงธรรมและทรงทำ

....................................

ที่มา:หนังสือ My King

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คิดถุง - The Jukks (feat. พันธมิตร) [Official Music Video]

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

...น้ำตาของลูกผู้ชายชาวจีนชื่อ "อาคิม"

cry_smile.png สามตอนจบ

 

"วะไอ้ลูกคนนี้...ฉันนี่นะยะมีรสนิยมดีพอที่จะแต่งงานครั้งที่สามแล้วไง และผัวทั้งสามนะยะ ตายอย่างมีเกียรติย่ะ ตายบนเตียงย่ะ ไม่ใช่ตายเพราะม้าเตะตาย หรือจมน้ำทะเลตายย่ะ..

นี่ไอ้ลูกเลว...พูดเสียเสียงดัง...

379022_339764406043634_1255661529_n.jpg

 

 

ตอน : น้ำตาของลูกผู้ชายชาวจีนชื่อ “อาคิม” เรื่องแปล ลงสามตอนจบแล้วค่ะ ---กัลปจันทรา

น้ำตาของลูกผู้ชายชาวจีนชื่อ "อาคิม" cry_smile.png ตอนที่ 1 ของนักเขียนอเมริกัน Jack London

 

เสียงอึกทึกครึกโครม omg_smile.png ที่แว่วมานั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะทำให้ใครขายหน้าหรือคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจ สถานที่นั้นเป็น

"เมืองจีน" หรือที่เรียกกันว่า "ไชน่าทาวน์" ของฮอนโนลูลู ฮาวายอิ คนที่ได้ยินเสียงนั้นต่างก็ยักไหล่และยิ้มอย่างอดทนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำจนหลายคนเกิดความเคยชิน

 

"อะไรนั่น?" นายชินโม ซึ่งกำลังนอนเจ็บด้วยโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ร้องถามภรรยา

เธอเดินไปที่หน้าต่างนิ่งฟังเสียงนั้นอยู่อึดใจหนื่ง

"ก็อาคิมนั่นแหละค่ะ" เธอกล่าว "แม่ตีเขาอีกแล้ว"wink_smile.png

533590_543367319016674_1422427290_n.jpg

 

เสียงอึกทึกนั้นดังมาจากสวนนอกบ้านwilted_rose.png ซึ่งอยู่ด้านหลังบริเวณที่เป็นที่อยู่อาศัยของ ร้านที่มีป้ายแขวนไว้อย่างภาคภูมิว่า

"ร้านอาคิม ร้านสารพัดสิ่ง" สวนนั้นเล็กนิดเดียว ราวๆ 20 ตารางฟุตแต่ตกแต่งไว้อย่างดี

ทำให้ยามที่กวาดสายตามองเข้าไปในสวนนี้ มีความรู้สึกว่าใหญ่กว่าความเป็นจริงมาก มีต้นไม้แคระจำพวกไพน์และโอ็ค

ซึ่งอายุมาก แต่เตี้ยเพียงสองหรือสามฟุตเท่านั้น ซึ่งการนำเจ้าต้นไม้เหล่านี้เข้ามาในฮาวายอิเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง

และเสียค่าใช้จ่ายมากมาย มีสะพานเล็กๆแค่เดินได้สองก้าวอยู่เหนือลำธารเล็กๆมีสายน้ำไหลเอื่อย

มีปลาทองสีแสดจ้าตัวโตว่ายไปมาอย่างมีความสุข ซึ่งหากจะนำขนาดเจ้าปลาทองมาเปรียบกับลำธารนี้

ปลาเหล่านี้คือปลาวาฬดีๆนั่นเอง ตัวอาคารซอมซ่อหลายชั้นแห่งนี้

มีหน้าต่างหลายบานเปิดออกมาทางสวนเพื่อให้คนได้ชื่นชม_และมีความสุขไปกับความร่มรื่นของสวน ใจกลางสวน

บนถนนโรยกรวดเส้นเล็กๆในสวนแห่งนี้นี่เอง นายอาคิมกำลังถูกตี

 

ไม่มีชายชาวจีนคนไหนที่มีอายุพอจะถูกเฆี่ยนตีได้ ถูกเฆี่ยนตีได้มากเท่าอาคิม เขานี่แหละที่เป็นเจ้าของร้านอาคิม

เขาเก็บเงินได้จากเป็นคนงานในไร่อ้อยปีแล้วปีเล่า เขาเก็บเงินอย่างกระเหม็ดกระเหม่ เก็บได้จากแรงงานวันละนิดหน่อยจนได้เงินเป็นพันๆดอลลาร์และใครๆก็เห็นว่าเขาเป็นคนน่าไว้ใจ thumbs_up.png ถ้าเขาอยากกู้เงิน เขาอายุไม่น้อยแล้ว

หน้าหนาวหน้าร้อนนั้น ผ่านเขาไปมากกว่าครึ่งศตวรรษ เขาเตี้ย มีพุงใหญ่อย่างกับแตงโมที่เต็มไปด้วยเม็ดดำๆ

ใบหน้ากลมอย่างกับพระจันทร์วันเพ็ญ เสื้อผ้านั้นก็ใส่ผ้าไหมอย่างผู้มีเงิน

มีหมวกจีนสีดำมีกระดุมสีแดงตรงกลางครอบกระหม่อมอยู่ แต่ตอนนี้ร่วงไปอยู่ที่พื้นเสียแล้ว

หมวกปิดกระหม่อมนี้นะครับ. pic_no_2251_1_11939.jpg spacer.gif spacer.gif spacer.gif spacer.gif spacer.gif

 

.. คนจีนที่มีร้านเป็นของตนเองหรือมีเงินเท่านั้นถึงจะใส่เพื่อบอกฐานะความเป็นอยู่

และให้ทุกคนในเชื้อชาติเดียวกับเขารู้ว่าเขามีเกียรติน่านับถือแค่ไหน

550347_542935922393147_765812213_n.jpg

แต่ตอนนี้เรียกว่าเกียรติยศหรือความสง่าไม่มีเหลือแน่

นายอาคิมที่น่าสงสารกำลังถูกหวดด้วยไม้เรียวที่เป็นไม้ไผ่

เขาคุกเข่างอตัวแทบเกือบว่าเหลือแค่ครึ่งส่วนสัดตามปกติ เอามือปิดหน้าไว้

แต่ก็ถูกหวดไม่หยุดบนข้อนิ้วและข้อศอก เขาสะดุ้งทำสีหน้าเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้

เพื่อนบ้านต่างก็เยียมหน้ามาทางหน้าต่าง พวกนี้มองเขาอย่างขบขัน

wilted_rose.png

และผู้หญิงที่กำลังหวดไม่เรียวอย่างชำนาญที่ถูกฝึกมาหลายปีนั้นเป็นหญิงชราอายุเจ็ดสิบสี่

และหน้าตาท่าทางเหมือนกับอายุเจ็ดสิบสี่ทุกนาทีเลยแหละครับ... ผมขาวโพลนเกล้าเป็นมวยเล็กๆดึงเสียตึงเห็นหน้าผากแคบๆเถิกๆ คิ้วนั้นไม่มีแล้ว หายไปตั้งนานแล้ว เธอสวมกางเกงสีดำผ้าฝ้ายเนื้อหนาแต่ก็มันวาว

ดวงตาเล็กนิดเดียวนั้นสีดำยิ่งกว่าถ่านสีดำ หน้าตาท่าทางเธอก็ผอมซีดอย่างไม่น่าเป็นไปได้

ต้นแขนที่เห็นได้จากชายเสื้อแขนสั้นนั้น

ม่มีมากไปกว่าเส้นเอ็นมีเนื้อนิดหนึ่งติดอยู่บนกระดูกที่หุ้มด้วยผิวแห้ง

ราวกระดาษซีดๆ แต่แขนเหมือนมัมมี่นี้สวมกำไลหยกหลายอัน

ซึ่งวิ่งขึ้นลงบนแขนของนางอย่างสนุกสนามเวลานางยกมือขึ้นลงหวดลูกชาย omg_smile.png

 

"อ้า...อา" เธอส่งเสียงตะโกนเป็นจังหวะหวดลูกชายเป็นชุดๆ ชุดละสามขวับ

"บอกไม่ให้พูด กับ นัง "ลีฟ้า" ไง เห็นนะ...(หวดๆๆ) ที่แกหยุดคุยกับยายนั่นน่ะ เมื่อกี้นี้เองสักชั่วโมงมานี้เอง

...คุยได้ตั้งครึ่งชั่วโมง....นี่..นี่...นี่ (หวดอีกสามที) คุยเรื่องอะไรยะ?"

angry_smile.png

"นี่เจ้าโทรศัพท์บ้าบอทำเรื่องอีกแน่นอน" อาคิมครางออกมา

ขณะที่แม่ของเขาเงื้อไม้เรียวค้างเพี่อจะได้ยินเสียงของเขา

ขืนหวดก็ไม่ได้ยินน่ะสิ "มิสซิสลูซี่ แชง" บอกมาม้าแน่เลย ผมรู้นะ ผมเห็นเธอจ้องมองผม

ผมจะเอาโทรศัพท์ออกจากบ้านนี้ มันเป็นปีศาจแท้ๆเลย"

 

"เออ...ไช่ มันเป็นเครื่องมือปีศาจ" นางยอมรับ ขยับไม้เรียวในมือให้หวดได้ถนัดขึ้น

"แต่ห้ามเอาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ชั้นชอบคุยกับมิสซิสลูซี่ แชงย่ะ เข้าใจมั้ย..."

 

"แอ๊ะ...ยายนั่นน่ะ มีตาเยอะแยะเท่ากับแมวหนึ่งหมื่นตัวนะมาม้า" นายอาคิมว่า หลบไม้เรียวที่ฟาดลงมาที่ข้อนิ้วอีก

อุ๊ย...เจ็บๆแสบๆ "และก็มีลิ้นมากเท่ากับคางคกหนึ่งหมื่นตัวด้วย...ไย้ค์...มาม้าๆ....เจ็บๆ"

ขาก้มหลบไม้ที่มาอีกชุด...สามขวับ

omg_smile.png

"ยายนั่นไม่มีความเกรงใจ ไม่มีมารยาทและก็...แสนจะใจง่าย" มิสซิส "ไท ฟู" ตอบลูกชาย ย้ำทุกคำ

"ไช่...ไช่ครับ เหมือนที่มาม้าพูดทุกคำ" regular_smile.png

อาคิมตอบรับอย่างลูกชายที่รู้จักหน้าที่ว่าควรปฏิบัติต่อแม่อย่างไรบ้าง

 

"เอ๊ะ...นี่แน่..." หวดอีกสามที " angry_smile.png ชั้นพูดเรื่องยัยลีฟ้า ย่ะ" หอบแฮ็กๆ "ยัยนั้นมันแค่ลูกครึ่งจีน

แกก็รู้ดีแก่ใจนะยะ

แม่มันก็พวกหน้าด้าน ใส่กระโปรงฉุยฉายอย่างพวกใจง่ายทั้งหลาย...อ้อ...

แถมใส่คอร์เซตรัดนมรัดสะโพกด้วย

และลูกมันไปไหนหมดยะ? ผัวก็อีก...ผัวตายไปตั้งสองคนแล้ว...เฮอะ"

 

"คนหนึ่งจมน้ำตายจ้ะ อีกคนหนึ่งถูกม้าเตะตาย" อาคิม อธิบาย omg_smile.png

 

"เพิ่งตายไปได้ปีเดียวเท่านั้นแหละ ไอ้ลูกที่...ที่...ไม่ควรมีพ่อแสนจะมีเกียรติอย่างแกน่ะ

ยังอยากจะไปให้ตัวเองจมน้ำตายหรือให้ม้าเตะตายหรือไงแกน่ะ?...ฮะ?"

 

เสียงหัวเราะอย่างพยายามกลั้นก็แล้ว ปิดปากก็แล้ว teeth_smile.png แต่ก็ยังได้ยินเสียงลอยลมมา จากเพื่อนบ้านทั้งหลาย

ได้ยินมาถึงที่สวนเลยละครับ ดังลอยมาเสมือนจะสนับสนุนประโยคสุดท้าย...ฮะ...ฮ่าๆ

 

"โธ่....มาม้าที่นับถือของลูก...มาม้าน่ะ ทำศพให้สามีสองคนเหมือนกันนะจ้ะ" อาคิมอดเตือนไม่ได้

 

"วะไอ้ลูกคนนี้...ฉันนี่นะยะมีรสนิยมดีพอที่แต่งงานครั้งที่สามแล้วไง และผัวทั้งสามนะยะ ตายอย่างมีเกียรติย่ะ ตายบนเตียงย่ะ ไม่ใช่ตายเพราะม้าเตะตาย หรือจมน้ำทะเลตายย่ะ...นี่ไอ้ลูกเลว...พูดเสียเสียงดัง เพื่อนบ้านรู้ไปโม้ด...รู้ทุกคน รู้ไปหมดเลย...ว่าชั้นมีสามีสองคนหรือสิบหรือศูนย์คน ไม่ใช่เรื่องของเพื่อนบ้านสักนิด ...

ใช่ไหมล่ะ ไอัหัวขอ...ฮะ? แกทำให้ชั้นเสียชื่อเสียงด้วยปากแกนี่นะ

เอาละชั้นต้องเฆี่ยนให้จำ....จำ....จำ..." ขวับๆๆๆ musical_note.png

486045_542831879070218_857748053_n.jpg

นายอาคิมทนรับไม้ที่หวดขวับๆ ไม่ต่อว่าอะไร พอแม่ของเขาหอบเหนื่อยจนต้องหยุดหายใจ เขาก็ว่า

 

"มาม้า...ผมขอร้องกี่ครั้งแล้วจ้ะว่า ให้เฆี่ยนผมในบ้าน ปิดประตูปิดหน้าต่าง ผมจะไม่ว่าเลย...

นี่...ทำไมต้องตีผมในสวนที่มีหน้าต่างแต่ละบ้านมองเห็นชัดๆอย่างกะดูละครนะมาม้า...โธ่..."

 

"ก็แกดันไปเรียกยายลีฟ้าว่า "แม่ดอกเหมยงามเย็นเช่นแสงเพ็ญ" เข้าน่ะซี...ไม่น่าเชื่อหูเล้ย..."

มิสซิส ไทฟู กล่าวอย่างไม่มีเหตุผลอย่างผู้ยิ้ง...ผู้หญิง

แต่ก็อย่างประสบความสำเร็จที่เถียงเจ้าลูกชายที่เถียงไม่หยุดได้ก็แล้วกัน...ฮึ...

 

"ยายมิสซิสลูซี่ ชางอีกละซี" เขากล่าวอย่างเอาเรื่อง...ไม่กลัวไม้เรียวเลย...

"เอ...ใครก็ไม่รู้ที่บอกมาในโทรศัพท์น่ะ" เธอเลี่ยง "ใครจะจำเสียงที่...ผ่านไอ้เครื่องมือผีร้ายซาตานได้ล่ะ"

 

นายอาคิมนั้นทำกิริยาที่น่าแปลกใจที่สุดคือ เขาไม่เคยหนีไม้เรียวของแม่ทั้งที่ทำได้ง่ายมาก

แม่ของเขานั้นหรือ หาเรื่องใหม่ๆสดที่จะต้องตีลูกได้อีกเรื่องละ...

lightbulb.png

 

"นี่เอ๊ะ...ไอ้ลูกดื้อหัวขอ...ยังไม่มีน้ำตาอีกเรอะ? โห...อ้ายลาแสนดื้อ...ไม่เค้ย...ไม่เคยเลยนะที่ชั้นจะทำให้แกร้องไห้ได้...ไม่เคย (ขวับๆๆ) ตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็กๆแล้ว บอกมานะ....บอกมา ทำไมไม่ร้องไห้...ฮะ...บอกมา?" แล้ว...ขวับอีกสามขวับ angry_smile.png

 

หญิงชราเหนื่อยใจแทบขาด เธอเขวี้ยงไม้ทิ้งพร้อมเสียง...เฮอะ... หายใจหอบฮัก ตัวสั่น

 

"ผมก็ไม่รู้นะมาม้าจ๋า" อาคิมตอบ ค่อยๆเงยหน้าดูแม่อย่างระมัดระวัง "เดี๋ยวผมไปเอาเก้าอี้มาให้นั่งนะจ้ะ

มาม้าที่เคารพจะได้พักสักนิด...นะจ้ะ?" wink_smile.png

 

แต่หญิงชราหันหลังไห้เขา กระย่องกระแย่งเดินจากไป ฝีเท้านั้นไม่ค่อยมั่นคงเพราะความชรา

ออกจากสวนเข้าไปในบ้าน

และแล้วนายอาคิมของเราก็หยิบหมวกจากพื้นขึ้นมาสวม ดึงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

confused_smile.png เอามือนวดถูที่ต่างๆที่โดนไม้เรียว พลางมองตามหลังแม่ด้วยสายตาที่เต็มด้วยความรักและความเสียสละ แถมยิ้มอย่างกับเขามีความสุขที่แม่ตีเขา teeth_smile.png

 

ตอนที่ 2 จะลงไม่เกินวันที่ 27 ค่ะ ตอนนี้แฟนนายอาคิมทั้งหลายจงอยู่อย่างมีสุขนะคะ

กัลปจันทรา...สนุกกับเรื่องนี้มากค่ะ

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

...น้ำตาของลูกผู้ชายชาวจีนชื่อ "อาคิม"

cry_smile.png สามตอนจบ

จะรอติดตามอ่าน มีสาระดีมาก ขอบคุณครับ :21

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จะรอติดตามอ่าน มีสาระดีมาก ขอบคุณครับ :21

ยินดีที่ชอบคับ

ต้องขอบคุณกัลปจันทรา และ นักเขียนอเมริกัน Jack Londonไว้ ณ ที่นี้ด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำตาของลูกผู้ชายชาวจีนชื่อ “อาคิม” เรื่องแปล 3 ตอนจบ #6

spacer.gif กัลปจันทรา

spacer.gif

...ตอนที่ 2 นายอาคิมถูกเฆี่ยนตีมาก

wilted_rose.png ตั้งแต่เขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ตั้งแต่เขายังอาศัยอยู่บนฝั่งสูงของลำธารสายที่สิบเอ็ด ที่แยกมาจากแม่นํ้าแยงซี น...

 

 

ตอน : ไม่มีทางจะยอมรับผู้หญิงที่ใส่คอร์เซ็ตรัดนมรัดสะโพก...อย่างนังลีฟ้า

 

ตอนที่ 2

 

 

317067_242126889255412_349220457_n.jpg

นายอาคิมถูกเฆี่ยนตีมาก wilted_rose.png ตั้งแต่เขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ตั้งแต่เขายังอาศัยอยู่บนฝั่งสูงของลำธารสายที่สิบเอ็ด

ที่แยกมาจากแม่นํ้าแยงซี นี่คือที่ที่พ่อของเขาเกิดและทำงานทั้งวันตั้งแต่หนุ่มเป็นกรรมกรลากโยงเรือ

เมื่อพ่อตาย นายอาคิมเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มก็ทำงานที่พ่อเขาทำต่อมา ตระกูลนี้ที่สืบสวยเล่าขานกันมา

ผู้ชายทำงานกรรมกรลากโยงเรือกันมาทั้งนั้น ตั้งแต่พระเยซูเพิ่งเกิดนั้นแหละ ผู้ชายในตระกูลของเขาทำงานอย่างที่กล่าวมา ชนิดและรูปร่างของเรือคงเปลี่ยนไปบ้าง แต่พวกผู้ชายเหล่านี้จะรอเรือที่เข้ามา

ยืนอยู่ข้างบนหน้าผาสูงที่นํ้าเชี่ยวแตกกระจายเป็นสีเงิน โยนเชือกหนักยาวเป็นครึ่งไมล์ลงมาที่เรือ

ทีนี้ก็แล้วแต่ขนาดของเรือ บางทีจะมีคนเป็นร้อยที่ฉุดดึงเรือ ฉุดด้วยแรงคนจริงๆไม่มีเครื่องทุ่นแรง

ฉุดจนบางครั้งผู้ชายแต่ละคนต้องออกแรงจนตัวก้มลง หน้าห่างพื้นดินแค่หนึ่งฟุตเท่านั้นเอง

และด้วยแรงคนพวกนี้ เรือจะเข้ามาจอดผ่านหน้าผาที่มีนํ้าเชี่ยวแตกกระจายเป็นฟองสีเงินนั้นได้

539363_10150238365574943_242649899_n.jpg

เห็นได้ว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ศตวรรษ ค่าจ้างคนพวกนี้ก็ไม่ได้ขึ้นตามเวลา ปู่...พ่อ...และตัวอาคิมเอง

มีรายได้จำนวนคล้ายๆกัน...แต่ละเรือ เขาได้แค่หนึ่งส่วนสิบสี่ของหนึ่งเซนต์ นี้คือเงินที่เทียบกับเงินที่ฮาวายอิ

ตอนหน้าร้อน เวลากลางวันยาวนาน แม่น้ำไม่ค่อยไหลเชี่ยวนัก เรือเข้ามามากมาย

พวกเขาทำงานวันละสิบหกชั่วโมง แต่ได้เงินเทียบเท่าหนึ่งเซนต์เท่านั้น

 

ทั้งปีคนพวกนี้มีรายได้ไม่เกินหนึ่งดอลลาร์ห้าสิบเซนต์ เชื่อไหมครับว่า...คนพวกนี้อยู่ได้ด้วยรายได้แค่นี้?

ตอนนั้นมีผู้หญิงทำงานบ้านมีรายได้ปีละหนึ่งดอลลาร์ พวกกรรมกรเรียกว่า "ธีวี"

เหล่านี้ทำเงินได้แค่นี้นั่นคือ...ระหว่าง หนึ่งถึงสองดอลลาร์ต่อปี เขาอยู่ด้วยรายได้นั้น....

คือ...พูดว่า...เขายังไม่อดตายเท่านั้นนะครับ

 

อาชีพกรรมการลากจูงเรือนี้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ thumbs_up.png พวกเขามีเป็นกลุ่มคล้ายๆสหภาพแรงงาน

เรือที่ลากโยงนั้น หนึ่งในห้าลำจะล่ม แต่หนึ่งในสิบเท่านั้นทีจะศูนย์เสียทุกอย่าง

คนพวกนี้จะรีบช่วยเอาของมีค่าออกจากเรือที่กำลังจะจม พวกเขาเป็นพวกที่กรรมกรอื่นๆนับถือในความสามารถ

อย่างน้อยพวกนี้ก็ดื่มชาแก่ๆได้ และกินข้าวเกรดสี่ได้ทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะเมื่อมีกิน

62354_542883472398392_1833574788_n.jpg

นายอาคิมของเราคงจะอยู่อย่างไม่เดือดร้อน มีความสุขตามสภาพและภูมิใจในงานที่ทำไปเรื่อยๆถ้าวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ wink_smile.pngเป็นวันที่อากาศเย็นจัด มีฝนตกเป็นลูกเห็บ เขาได้ฉุดลากลูกเรือคนหนึ่งเข้าฝั่งอย่างทุลักทุเล

ชายผู้นี้เดินทางไปทั่วสารพัดทิศ เขาเล่าให้นายอาคิมฟังระหว่างนั่งผิงไฟร่วมกับเขา นายคนนี้มีชื่อว่า นาย "ฮาวายอิ"

ชื่อนี้...นายอาคิมเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกว่าและรู้ตอนนั้นเองว่าคืออะไร ตัวนายฮาวายอินั้นไม่เคยทำงานในเกาะนั้นเลย

แต่ก็ได้ยินจากกรรมกรแรงงานและจดหมายที่พวกจีนจากเมืองกวางตุ้งขียนเล่าว่า ค่าแรงในไร่อ้อยที่เกาะฮาวายอินั้นสูง

และที่ฮาวายอิไม่มีน้ำค้างแข็งเย็นจัด ไม่มีการอดตาย หมูในฮาวายอิ ไม่ได้มีใครเลี้ยงมันหรอกวิ่งไปมาอย่างอิสระ

แต่ตัวก็อย่างกับยักษ์ คนก็อ้วนท้วนคล้ายๆกับหมูนั่นแหละ ชาวจีนกวางตุ้งหรือว่าครอบครัวจากแม่น้ำแยงซีนะ beer_yum.png

แค่กินพวกของเหลือๆจากกรรมกรพื้นเมืองก็อยู่ได้อย่างสบาย

 

โอ...แต่ที่ดีที่สุดก็คือ ค่าแรง ค่าแรงนั้นจ่ายเป็น "ดอลลาร์ทอง" เชียวนะ ตั้งสิบเหรียญทองต่อเดือน

แลกเปลี่ยนได้ราวๆสองดอลลาร์ต่อเดือน ต่อเดือนนะครับไม่ใช่ต่อปี นั้นละคือเงินเดือนที่จ่ายให้แรงงานชาวจีนที่เซ็นสัญญาทำงานกับพวกผิวขาวเจ้าพ่อผลิตน้ำตาลที่ฮาวายอิ ภายในหนึ่งปี กรรมกรจีนได้ถึงสองร้อยสี่สิบดอลลาร์...

มากกว่าสองร้อยเท่าที่กรรมกรจีนจะทำได้ ทั้งๆที่ทำงานหนักกว่ากันเป็นสิบเท่า ที่นี่...

ที่ลำธารสายที่สิบเอ็ดของแม่นํ้าแยงซี สรุปก็คือ...กรรมกรที่ฮาวายอิ ได้ค่าแรงหนึ่งร้อยเท่าตัวและถ้าดูการลงแรงไปนะครับ

...ดีกว่าหนึ่งพันเท่าด้วยซ้ำ และอะไรจะดีไปกว่า...ที่ได้อยุ่กับอากาศที่แสนดี...แสนบริสุทธ์ rose.png

269298_460946337294488_518295947_n.jpg

เมื่อนายอาคิมอายุยี่สิบสี่ปี เขาลาออกจากอาชีพที่มีเกียรติ...สหภาพแรงงานลำธารสายที่สิบเอ็ด...

ทันที ทิ้งแม่ให้ไปเป็นคนทำงานบ้านของหัวหน้ากรรมกรได้เงินเดือนปีละหนึ่งดอลลาร์ และมีของแถมให้ด้วยนะ...

นั่นคือ...หัวหน้าจะซื้อกระโปรงติดกันราคาราวๆสามสิบเซ็นต์ให้ปีละหนึ่งตัว

ตัวเขาเองจากแม่นํ้าแยงซีไปสู่อ้อมแขนทะเลที่กว้างใหญ่ ไปเป็นลูกเรือเรือเดินทะเล

ผ่านความทุกข์ยากแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน และกลับมากับเรือเดินสมุทรถึงเมืองกวางตุ้งหรือเมืองแคนทอนอีกครั้ง

เมื่ออายุยี่สิบหก เขาเซ็นสัญญาเป็นแรงงานของไร่อ้อยในฮาวายอิเป็นระยะเวลาห้าปี

และเดินทางไปพร้อมกับกรรมกรอีกแปดร้อยคนบนเรือที่สกปรก มีคัปตันบ้าๆบอๆ beer_yum.png และลูกเรือที่เมาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

 

ความมีเกียรติของนายอาคิมในหมู่กรรมการลากเรือไม่มีเหลืออยู่เลยในไร่อ้อยที่ฮาวายอิ thumbs_down.png

ใช่...เขาได้รับค่าแรงมากกว่าเป็นร้อยเท่า แต่เป็นกรรมกรที่ต่ำที่สุด...นั่นคือกรรมกรไร่อ้อย

ไม่มีใครจะเป็นคนชั้นต่ำกว่านี้อีกแล้ว สำหรับคนอย่างนายอาคิมที่มีบรรพบุรุษลากโยงเรือมาอาจจะก่อนที่พระเยซูจะเกิด

เขาได้รับสิ่งหนึ่งที่ฝังแน่นเป็นเลือดเนื้อมา นั่นคือ "ความอดทน"

thumbs_up.pngหลังจากห้าปีผ่านไป สัญญา "ความเป็นทาส"หมดเวลาแล้ว ร่างกายของนายอาคิมผอมกะหร่อง

wilted_rose.png แต่เรื่องเงินในธนาคารน่ะหรือครับ...เขาขาดเพียงสิบดอลลาร์เท่านั้นก็จะถึงหนึ่งพันดอลลาร์

s05.jpg

จำนวนเงินเท่านั้น เขากลับไปนอนตีพุงที่ฝั่งแม่น้ำแยงซีได้สบายๆ แบบคนรวยด้วยนะครับ

เขาจะมีเงินมากกว่านี้ถ้าไม่เล่นไพ่ชื่อ "แฟน แทน" หรือ "ชี ฟา" บ้าง หรือว่าถ้าไม่ทำงานอย่างฝันๆเพราะเมาฝิ่นเสียปีหนึ่ง ทำไมเขาไม่เมาฝิ่นทั้งห้าปีน่ะหรือครับ? ก็มันแพงน่ะซีไม่อยากใช้เงินซื้ออีก

ไม่ใช่เพราะเขาเกิดสำนึกผิดอะไรหรอกครับ

wink_smile.png

 

แต่นายอาคิมก็ไม่กลับเมืองจีน เขาเฝ้าดูอย่างสังเกตธุรกิจที่ฮาวายอิ

และเขาก็มีความทะเยอทะยานอย่างยิ่งยวดที่จะเป็นนักธุรกิจ ก่อนอื่นต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้

เขาเลยไปเป็นพนักงานขายของตำแหน่งต่ำสุดที่ร้านขายของของไร่อ้อยนั่นเอง

ในเวลาหกเดือนที่เขาอยู่ที่นี่เขารู้เรื่องธุรกิจเกี่ยวกับร้านขายสารพัดอย่างนี้มากกว่าผู้จัดการเสียอีก

thumbs_up.png เมื่อเขาลาออกจากงานที่ได้เงินเดือนสี่สิบเหรียญทองต่อเดือน หรือแปดสิบดอลลาร์ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น

เขาคิดว่าพวกที่เซ็นสัญญามาเป็นกรรมกรในไร่อ้อยนั้นช่างเป็นคนชั่นต่ำงี่เง่าเสียจริง...

teeth_smile.png ผู้จัดการบอกว่าจะให้เงินเดือนเพิ่ม เป็นจำนวนไม่น่าเชื่อคือ ปีละหนึ่งพันสี่สิบดอลลาร์

หรือเป็นเจ็ดร้อยเท่าของเงินปีที่ลุ่มแม่น้ำแยงซี

ที่หาได้ด้วยขาแข็งแรงราวกับขาม้าทั้งสองของมนุษย์ในค่าแรงหนึ่งในสิบสี่ส่วนของหนึ่งเซนต์เหรียญทองแต่ละเรือที่ฉุดโยง

537229_462068153846442_918344022_n.jpg

นายอาคิมของเราไม่ยอมรับเงินดีๆนั้น เขาออกเดินทางไปเมืองฮอนโนลูลู และที่ร้าน "ฟองและฟองจำกัด"

เขาได้งานที่ต่ำที่สุด(อีกแล้ว) ได้เงินสิบห้าเหรียญทองต่อเดือน เขาทำงานหนึ่งปีครึ่ง

ลาออกเมื่ออายุสามสิบสามปี แม้ว่าผู้จัดการจะขึ้นเงินเดือนให้เป็นเจ็ดสิบห้าเหรียญทองต่อเดือน

นายอาคิมก็เดินออกมาอย่างหน้าชื่น และเขาก็ยกป้ายที่เป็นของเขาเองชื่อว่า "ร้านอาคิม ร้านขายสารพัดสิ่ง"

musical_note.png โอ้...เกือบลืมบอกไป...เขาได้กินอาหารดีๆ ตอนนี้เขามีรูปร่างที่เริ่มมีส่วนท้องเป็นแตงโมที่มีเม็ดเยอะๆนั่นแหละครับ

ตอนนี้แตงโมลูกนี้ยังเล็กอยู่และจะเติบโตตามปีที่จะมาในอนาคต

 

แต่ละปีเขาก็รุ่งเรืองขึ้น star.png ตอนที่เขาอายุสามสิบหกปีร่างกายของเขาก็ชักใหญ่เพิ่มขึ้นที่ท้อง

เขาเป็นสมาชิกของ "กลุ่มไฮกัมธัง" เป็นสมาชิก "สมาคมพ่อค้าชาวจีน"

เคยชินกับนั่งกินอาหารชุดจีนที่กินเสียเหนื่อยกว่าจะเลิกเรียงกันมาเสิรพ...เฮ้อ...กรรมจริงๆ regular_smile.png

..ชินกับอาหารราคาแต่ละชุดที่ต้องใช้แรงงานลากโยงเรือถึงสามสิบปี

แต่มีสิ่งที่เขายังไม่มีนั่นคือ "เมียขวัญ" และ "แม่" ที่เคยเฆี่ยนตีเขาในอดีต

 

เมื่อนายอาคิมอายุสามสิบเจ็ดปี เขาตรวจบัญชีเงินสด มีสามพันเหรียญทอง

ถ้าจะซื้ออาคารสามชั้นพร้อมทั้งที่ดินด้วยก็คงได้ เอาเงินดาว์นสักสองพันห้าร้อยแล้วจ่ายเป็นเดือนๆอีกอย่างสบายๆ อื๋อ...

ถ้าทำอย่างนั้น มีเงินเหลือแค่ห้าร้อยสำหรับหาภรรยา sad_smile.png ต้องได้ผู้หญิงที่ถูกรัดเท้าให้เล็กสวยด้วยนะ

เขารู้ว่าผู้หญิงมีเท้าเล็กๆนี้ ต้องเอามาจากเมืองจีนโดยตรง และมีราคาตั้งแปดร้อยเหรียญทอง

และก็ต้องจ่ายค่าเดินทางค่าเข้าเมืองอีก แต่นายฟูยีโพมีลูกสาวในเมืองจีนและ พร้อมจะเป็นเจ้าสาว

และเขาก็จะยอมรับค่าสินสอดห้าร้อยก่อน เหลือสามร้อยนั้นผ่อนส่งได้แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยหกเปอร์เซ็นต์ต่อปี

omg_smile.png

Plum+Blossom.jpg

นายอาคิมที่อ้วนท้วนและยังเป็นโสดพร้อมแล้วที่จะมี "เมียรักเมียขวัญ"

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หญิงที่มีเท้าเล็กๆ ถูกเลี้ยงมาในเมืองจีน

เขามีจินตนาการเรื่องผู้หญิงรัดเท้าจนเท้าเป็นชิ้นส่วนเล็กๆเท่าบัวตูมมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว

นอกจากผู้หญิงที่จะมาเป็นศรีภรรยาแล้ว เขาคิดถึงการเฆี่ยนตีของแม่ ที่จริงคิดถึงมากกว่าเรื่องผู้หญิงเสียอีก

ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธนายฟูยีโพ และด้วยราคาที่ถูกกว่าส่งเงินไปรับแม่ของเขาจากงานบ้าน

ในบ้านของหัวหน้ากรรมกรลากโยงเรือ จากเงินปีละหนึ่งดอลลาร์สามสิบเซนต์ (ค่ากระโปรงชุด)

นั้นแล้วเอาแม่มาแต่งตัวอย่างนายหญิงของอาคารสามชั้น thumbs_up.png มีคนรับใช้สามคน

พนักงานขายของสามคน และคนขนส่งหนึ่งคนที่มีนายอยู่คนเดียว นั่นคือ "แม่" ของเขา นี่ไม่นับนะครับ...

เสื้อกระโปรง ที่แขวนๆอยู่ที่มีมูลค่าเกินหนึ่งพันดอลลาร์ได้อย่างสบาย

เธอมีทั้งนั้นแหละครับแขวนบ้าง พับไว้บนชั้นบ้าง ในตู้บ้าง ตั้งแต่เสื้อกระโปรงกางเกงราคาถูกๆทำด้วยผ้าฝ้าย

ถึงพวกที่ทำด้วยผ้าเครป ผ้าไหมที่ปักสวยงาม เพราะว่าร้านนายอาคิมของเรานั้น

เป็นที่รู้กันว่าสั่งของต่างๆมาเพื่อขายพวกนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ

(ตอนนี้นะครับ 1915...ฮาวายอิเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ)

 

เป็นเวลาสิบสามปีแล้วที่นายอาคิมอยู่อย่างสุขบ้าง rose.png ต้องอดทนบ้างกับแม่ของเขา การเฆี่ยนตีของแม่ที่บางทีก็มีเหตุสมควร wilted_rose.png บางครั้งก็ไม่ยุติธรรม บางครั้งแม่เขาก็ฝันขึ้นมาเอง เ

อาเป็นเหตุให้เฆี่ยนตี ทำให้หัวใจและศีรษะของเขาปวดมึนอย่างต้องการศรีภรรยาอย่างสุดๆ เอ้อ...ระหว่างขาของเขา embaressed_smile.png

ก็มีความต้องการอยากทำลูกชายสักสองสามคนด้วยครับ ถ้าไม่ทำ...ใครจะสืบต่อตระกูลอาคิมเล่าครับ?

ความฝันความต้องการนี้เป็นความฝันความต้องการของผู้ชายตั้งแต่สมัยที่คนเราจองสิทธิล่าสัตว์

จับจองที่เพื่อเอาแหดักปลา หรือตั้งแต่พวกผู้ชายทั้งหลายในแต่ละหมู่บ้านต้องสู้กันด้วยดาบ ฆ่าเฉพาะผู้ชาย

จ้าฟ้าข้าแผ่นดิน เศรษฐี และพ่อค้าคนจีนในฮอนโนลูลูมีความต้องการและฝันอย่างเดียวกันแม้ว่าพวกเขาจะสวดมนต์ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เขาเป็นคนที่แตกต่างและมีหน้าตาที่พอใช้ได้และพอใจแล้วก็ตาม moon.png

p921841722-150x150.jpg

และผู้หญิงในอุดมคติของนายอาคิมตอนที่อายุห้าสิบ เปลี่ยนไปไม่เหมือนตอนที่เขาอายุสามสิบเจ็ดแล้ว

ไม่อยากได้ผู้หญิงที่รัดเท้าจนเล็กเท่าฝาหอยอีกแล้ว แต่เขาต้องการผู้หญิงที่มีอิสระ

มีเท้าเท่าคนธรรมดาที่ย่างไปข้างนอกบ้านได้ตามสบาย

ผู้หญิงที่เขาฝันถึงทั้งกลางวันกลางคืนคือผู้หญิงอย่าง "ลีฟ้า"

แม่ผู้หญิงที่เขาคิดว่า เป็น "แม่ดอกเหมยที่งามเย็นอย่างแสงเพ็ญ" rose.pngนั่นเอง

ไม่เห็นจะแคร์ที่เธอเป็นหม้ายแล้วสองครั้ง เป็นลูกสาวของหญิงชาวฮาวายเอียนที่เรียกกันว่า "คานาคา"

เป็นผู้หญิงที่ชอบใส่กระโปรงบานๆของชาวผิวขาวผู้เป็นภูติปีศาจอย่างแม่ว่า

อ้อ...ใส่คอร์เซ็ทรัดสัดส่วนด้วยและใส่ส้นสูงก็ไม่เห็นเป็นไร เขาต้องการเธอ เชื่อสิ...

นายอาคิมเขาเชื่อครับว่าผู้หญิงคนนี้ถูกสร้างมาให้เป็นภรรยาเขา ถึงเขาจะเป็นสามีคนที่สามของเธอก็เถอะ

เธอนี่แหละจะร่วมมือกับเขาสร้างลูกๆให้ต่ออนาคตบริษัทอาคิมจำกัดต่อไป

 

"ชั้นจะไม่เอาลูกสะใภ้ลูกครึ่งจีน "พาเค" เด็ดขาด" angry_smile.png แม่เขาบอกเขาบ่อยๆ "พาเค" เป็นคำฮาวายเอียนเรียกคนจีน

"ต้องเป็นจีนร้อย "ปูเซงต์" thumbs_up.png เหมือนแก เหมือนฉันนี่แหละ และเธอต้องใส่กางเกงจีน นะลูกชายนะ

เหมือนผู้หญิงที่เป็นย่ายายของแก ไม่มีทางจะยอมรับผู้หญิงที่ใส่กระโปรงของพวกภูตผีปีสาจ

และต้องไม่ใส่คอร์เซ็ตรัดนมรัดสะโพกด้วยนะ เฮอะ...อย่างแม่หน้าหนาลีฟ้านั่นไง

ไม่มีทางที่คอร์เซ็ตกับการรู้จักคารวะจะไปด้วยกันได้นะลูกชายนะ

อย่างแม่ลีฟ้านี่นะ...เป็นผู้หญิงมีอิสระเกินไป ไม่มีคารวะ ไม่มีความเชื่อและนับถือในสกุลของใคร สกุลของแม่สาวนี้น่ะ

thumbs_down.png เริ่มที่ตัวยายนี่ หัวเราะเยาะเราที่เราจุดธูปบูชาปู่ย่าตายาย และเผากระดาษและบนบานไหว้เจ้า

และมีคนบอกด้วยว่ายายนี่นะ..."

421631_541813789172027_1808136372_n.jpg

"คนนั้นชื่อมิสซิส ลูซี่ แชงจ้ะมาม้า" นายอาคิมพูดเสียงเกือบคำราม หมายความว่า เสียงยังเกรงใจแม่อยู่ ไม่ได้คำรามชัดๆ wink_smile.png

 

"ไม่ใช่แต่มิสซิสลูซี่ แชงเท่านั้นนะ...เจ้าลูกชายที่กตัญญู...แม่ ถามมาแล้ว

ตั้งเป็นโหลๆคนนะอย่างน้อยน่ะ ใครๆก็บอกว่านังลีฟ้าว่า เราว่า จุดธูปเทียนไหว้เจ้า

ไหว้บรรพบุรุษน่าโง่ๆอย่างกับพวกลิงหลอกเจ้า แม่นั่นพูดอย่างนี้เชียวนะลูก... omg_smile.png

แม่นั่นซึ่งกินปลาดิบๆ ปลาหมึกดิบๆด้วย และกินหมาย่างด้วยละ หาว่าเราทำโง่ๆอย่างพวกลิง ฮึ

...แต่ทำไมนะอยากแต่งงานกับลูกที่คงเป็นลิงเหมือนกัน?

อ้อ...นึกออกแล้ว...เพราะอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ร้านนี้ นี่คือวังที่มีสมบัติละทำให้แกเป็นเหมือนกษัตริย์ใช่ไหมล่ะ?

และถ้าเอาแม่นั่นเข้าบ้านนะ ผีบรรพบุรุษของเราคงอับอายขายหน้าไม่เมตตาเราอีกแล้ว...จริงๆนะ" confused_smile.png

 

แล้วก็ไม่มีคำปรึกษาหารือกันเรื่องนั้นอีก นายอาคิมรู้ว่าแม่เขาพูดถูก ลีฟ้าได้กำเนิดจากพ่อที่เป็นคนจีนเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว

regular_smile.pngแม่เป็นคนพื้นเมืองฮาวายเอียนหรือ "คานาคา" ที่ทำให้ความเชื่อของพ่อเธอหย่อนยานไป แม่ของเธอก็เหมือนกัน

ทั้งพ่อและแม่ของเธอยอมรับพระเยซูและพระเจ้าตามพวกสอนศาสนา

ละทิ้งพระเจ้าต่างๆของโพลีนีเชียนและละทิ้งประเพณีและความเชื่อของชาวจีน

แม้เธอจะกลัวพวกคาฮูนาส์ หรือที่เรียกว่า "พ่อมดหมอผี" ของฮาวายเอียน

ที่เธอเชื่อว่าทำให้โชคร้ายหรือแช่งให้คนตายได้ก็ตาม แต่ลีฟ้าไม่มีทางจะมาเป็นสมาชิกครอบครัวอาคิมแน่

ไม่มีทางที่จะมาคุกเข่าเอาหัวโขกพื้นเคารพแม่ของเขา หรือมาเป็นลูกสะใภ้ปรนนิบัติพัดวีแม่ของเขาแน่

ลีฟ้า ได้กลายเป็นผู้หญิงลูกครึ่งจีนที่รู้สิทธิของผู้หญิง เธอขี่ม้าคร่อมอย่างผู้ชาย

ถอดเสื้อผ้าออกเหลือติดตัวนิดเดียวเพื่อจะยืนอย่างมั่นคงบนกระดานโต้คลื่นที่หาดไวกิกิ

อ้อ...และที่งาน "ลูอาหุ" (ลูเอา) หรืองานเลี้ยงแบบฮาวายเอียนที่มีหมูตัวเท่าช้างย่างนั่นก็...โห

...แม่คุณลีฟ้าก็เต้นระบำฮูล่า ส่ายไปมาอย่างเซ็กซี่ เสียจนหนุ่มน้อยหนุ่มไม่น้อยแทบจะหัวใจวายไปตามๆกัน

เอ...แต่แค่คิดถึงเธอก็ช่างยั่วยวนปั่นป่วนใจและ....ของผู้ชายดีเสียนี่กระไร...เฮ้อ... embaressed_smile.png embaressed_smile.png

 

นายอาคิมที่เป็นรุ่นหลังของแม่นั้นถูกกัดกร่อนด้วยน้ำกรดของความก้าวหน้า แต่ขนบธรรมเนียมประเพณีเก่านั้น

เขายังสำนึกและตระหนักถึงมือจากอดีตที่ยึดตัวเขาไว้แน่น อยู่ในสายเลือด

แต่เขาก็ก้าวหน้าที่จะกล้าซื้อประกันภัยอย่างหนักหน่วงเพื่อประกันร้านและที่อยู่อาศัย

เป็นเหรัญญิกของสมาคมชาวจีนที่มีหัวก้าวหน้าที่ต้องการเปลี่ยนประเทศจีนไม่ให้มีกษัตริย์ที่โหดร้ายมาให้เป็นรัฐของประชาชน บริจาคเงินให้สร้างสนามเบสบอลให้เด็กชายจีนที่เกิดที่ฮาวายอิ

จนเป็นทีมที่ดีเท่าๆกับทีมเบสบอลแยงกีส์ในรัฐนิวยอร์ค พูดเรื่องศาสนากับนายคัตสุ ซูการิ

thumbs_up.png ที่เป็นชาวพุทธญี่ปุ่นและเป็นคนเอาผ้าไหมเข้ามาขาย เขาตกหลุมพรางติดสินบนตำรวจ

บริจาคเงินเพื่อช่วยพวกนักการเมืองที่ต้องการให้ฮาวายอิ กลายเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ

และเขากำลังคิดจะซื้อรถมาใช้สักคัน นายอาคิมไม่มีทางจะยอมรับกับตนเองว่าเขาได้สลัดความเชื่อและประเพณีเก่าๆ

ไปมากแค่ไหน แม่ของเขานั้นเป็นผู้หญิงเก่า (และแก่) แต่เขารักแม่และนับถือแม่อย่างล้นเหลือ

และก็มีความสุขกับไม้เรียวของแม่ โอ๋...ลีฟ้า.. "แม่ดอกเหมยงามเย็นเช่นแสงเพ็ญ ของเรียมrose.png

" นั้นเป็นของใหม่ก็จริงแต่..."เรียม" ท้องแตงโมคนนี้...ไม่มีวันมีความสุขถ้าปราศจากสาวลีฟ้าแน่

14767_460937350628720_55460684_n.jpg

เพราะเขารักลีฟ้า เขานี่แหละ หน้ากลมอย่างพระจันทร์ในวันเพ็ญ มีท้องเหมือนอุ้มแตงโมที่มีเม็ดเยอะแยะ

ฉลาดสุขุมด้วยอยู่มาตั้งครึ่งศตวรรษแล้ว thumbs_up.png

...เขานี่แหละ...นายอาคิมของเรากลายเป็นคนที่มีความอ่อนหวานในใจเมื่อนึกถึงสาวใหญ่ลีฟ้า

เขาคิดถึงกลอนรักที่มีชื่องามๆเพราะๆและเทียบความงามของหญิงเป็นดอกไม้สารพัดชื่อ

 

เธอน่ะเป็น "ดอกพลับ" แสนสวย เป็นของเขาคนเดียว ผู้ชายอื่นไม่เกี่ยวและห้ามเกี่ยว star.png

...เป็นดอกไม้ที่ให้ความสดชื่น...สงบสบายใจ เป็นลิลลี่พระจันทร์ เป็นที่ที่เขาจะพักผ่อนได้อย่างไม่มีความกังวล

และตอนที่เขาพึมพำชื่ออันเป็นที่รักนั้น เขารู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ

เสียงกระทบกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งที่แขวนเป็นพวงไว้รับลมเล่น regular_smile.png

ได้กลิ่นของมะลิและไม้พุ่มมีดอกกลิ่นหอมที่เรียกว่าต้นโอเลียนเดอร์

เธอเป็นบทกลอน เป็นเนื้อเพลงที่สดใส เป็นสิ่งที่มีตัวตนที่มีวิญญาณทำให้เขาแสนรัญจวน

เป็นโชคชะตาและโชคดีที่กำหนดไว้แล้ว

เป็นสิ่งที่มากับความผิดของผู้หญิงและผู้ชายคู่แรกของโลกที่ทำความผิดจนคนทั้งหลายมีทั้งทุกข์และสุข

...แสนจะรัญจวนและมีความสุข embaressed_smile.png

 

แต่แล้วแม่ของเขาก็เอาปากกามายัดใส่มือเขา และใต้ขวดหมึกบนโต๊ะคือกระดาษสำหรับเขียน...รอเขาอยู่

"เอ้า...วาด" เธอบอกเขา "เขียนคำจีนว่า "แต่งงาน" เขียนเลย"

 

เขาทำตาม เขียนหรือเรียกว่าวาดก็คงได้ อักษรจีนที่คนในเชื้อชาติของเขาทำได้อย่างสวยงาม

 

"ทีนี้ลองแก้พิจารณาทีละตัวดูซิ" แม่เขาสั่ง

 

นายอาคิมมองหน้านาง... งง แต่ก็อยากรู้ และอยากตามใจแม่ ทั้งๆที่ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไร regular_smile.png

 

"ดูให้ดีว่าคำนี้มีตัวอักษรอะไรบ้าง" นางพูดต่อ "มีอะไรที่รวมกันเป็นคำว่า "แต่งงาน"

ที่นำมาถึงงานแต่งงานของผู้หญิงและผู้ชาย? ลองวาดอีก วาดแยกกันนะ เป็นอักษรแต่ละตัว

เรารู้ว่าผู้ฉลาดบรรพบุรุษของเราคิดเอาตัวอักษรอะไรมารวมเป็นคำว่า "แต่งงาน" ลองดูนะ" star.png

 

นายอาคิมแสนดีของเราก็เชื่อฟังและวาดต่อ เขาเห็นว่าแต่ละส่วนที่เขาวาดนั้นเป็นรูปหรือสัญญลักษณ์หรือรูปสามรูป

นั่นคือ รูปมือ รูปหูข้างหนึ่ง และรูปของผู้หญิง

228092_460950083960780_822217105_n.jpg

"บอกชื่อสัญญลักษณ์มา" แม่เขาสั่ง และเขาก็บอกว่าแต่ละสัญญลักษณ์คืออะไร shades_smile.png

 

"นี่คือความจริง" นางว่า "เป็นการเล่าเรื่องที่ดี นี่คือสัญญลักษณ์ของการแต่งงาน

บ้านนี้จะเป็นอย่างนี้ในเรื่องแต่งงานตั้งแต่เริ่มต้นและจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป มือของผู้ชายต้องจูงใบหูของผู้หญิง

นำเธอไปที่บ้านของเขา ซึ่งจะเป็นที่เธอจะต้องรู้จักเชื่อฟังเขาและแม่ของเขานะ

จำไว้...แม่นี่นะ...พ่อของลูกจูงหูแม่เข้าบ้าน(ภูมิใจนะจะบอกให้ teeth_smile.png ) แต่...แม่ดูมือลูกแล้วละ

thumbs_down.png...ไม่เหมือนมือของพ่อแกหรอก และแม่ก็ดูหูยายลีฟ้าแล้วด้วย ไม่ใช่หูที่จะถูกดึงแน่

ดังนั้น...จำไว้ให้ดี...บ้านนี้จะมีแม่เท่านั้นที่จะเป็นใหญ่ จะอยู่อีกนานด้วยย่ะ

จงรู้ไว้...และก็จะไม่มีทางเปลี่ยนไปจากประเพณีเก่าๆนี้แน่จนกว่าจะตาย...ไม่รีบร้อนด้วยนะยะ...จงจำไว้" shades_smile.png

angry_smile.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Ernesto Cortazar - The Greatest Miracle of Love

 

 

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MTS GOLD

เวลา 18:15 น.

 

คาดว่าวันนี้น่าจะเคลื่อนตัวเป็น Sideway Up เริ่มพิจารณาทำสถานะ Long Position บ้าง คือซื้อกลับและรอจังหวะขายเมื่อราคาสูงขึ้น

 

ในคืนนี้จะมีแนวรับที่ระดับ 1,655 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 1,675 เหรียญ

 

สำหรับ Gold Futures จะมีแนวรับแนวต้านระยะสั้นรายวันดังนี้

 

Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,530 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,710 บาท

Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,650 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,830 บาท

Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 900 บาท และแนวต้านที่ระดับ 980 บาท

 

ถ้าท่านต้องการรายละเอียดสามารถติดตามได้ในบทวิเคราะห์ Dr. Gold Analysis ผ่าน www.mtsgold.co.th

 

 

— at สถาบันพัฒนาทองคํา MTS.

 

321422_560615460615707_457558442_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Relaxing Music

 

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...