ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 30, 2013 dream love อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 กลุ่มกิจกรรมพิเศษ กรมชลประทาน วันนี้ในอดีต วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๕ (7 photos) เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยบ้านตามพระราชดำริ และทรงเยี่ยมราษฎร ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยบ้าน ในท้องที่บ้านห้วยไคร้ ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ได้พระราชทานพระราชดำริ “ควรพิจารณาวางโครงการ และก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามลำน้ำสาขาต่างๆ ของแม่น้ำอิง เพื่อจัดหาน้ำให้ราษฎรหมู่บ้านต่างๆ สามารถมีน้ำทำการเพาะปลูกกับเพื่อบรรเทาอุทกภัย สำหรับพื้นที่เพาะปลูกในเขตลุ่มน้ำอิงที่น้ำแม่ลอยไหลมาบรรจบกับน้ำแม่อิง” อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 Wealth Station The Federal Reserve, saying economic growth had "paused" in recent months, announced Wednesday it will continue its $85 billion monthly bond buying and hold interest rates near zero until unemployment falls to at least 6.5 percent. เป็นสรุปข่าวเฟดเมื่อคืนครับ ว่าอัตราดอกเบี้ยและการเข้าซื้อพันธบัตรจะขึ้นกับตัวเลขการจ้างงาน โดยเลี่ยงที่จะกรอบเวลาให้ชัดเจน ว่าปลายปีนี้หรือกลางปีหน้า ทำให้ในแต่ละเดือนยังต้องตามลุ้นตัวเลขการจ้างงานต่อไป โดยคืนที่มาการจ้างงานภาคเอกชน + 192,000 ตำแหน่ง ยังต้องตามตัวเลขสำคัญในวันศุกร์อีกวันเพราะอาจขัดแย้งกันเหมือนเดือนก่อนได้ครับ โดยเทคนิคแล้ว ราคาทองควรจะยืนเหนือ 1665 - 1668 ในวันนี้เพื่อทำทรงขึ้นต่อครับ ถ้าหลุดแนวนี้ก็ให้ระวังหลุดยาวอยู่ครับ แต่โดยรวมถ้าสามารถปิดสัปดาห์ที่ระดับราวๆ นี้ได้ จะสวยและอาจเป็นจุดเริ่มต้นการขึ้นในช่วงเดือนข้างหน้าได้ครับ แนวต้าน 1684 1686 1692 แนวหนุน 1665 1668 1673 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 อรุณสวัสดิ์ค้า ช่วงนี้น้องทองของเราเล่นยากหน่อยนะค่ะ เนื่องจากถึงน้องทองเราจะ Rebound ขึ้นมา แต่บาทน้อยก็กลับมาแข็งซะเนี้ยยยย ราคาก็เลยไม่ได้ขยับมากนัก >_< ดังนั้น แนวโน้มการเล่นให้ได้กำไรน่าจะเป็นการเล่น Short ค่ะ เนื่องจาก ส้มเปรี้ยวคาดว่า แนวโน้มขาลงยังไม่จบ ดังนั้น แตะแนวต้านแล้วไม่ผ่าน ก็เปิด Short เล่นสั้นๆ ได้ค่ะ หรือ Trading ในกรอบไปเป็นรอบๆ หากดูจากรูปกราฟรายสัปดาห์ จะเห็นว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1626 – 1696 มาสัก 6 – 7 สัปดาห์แล้ว ดังนั้น ไม่อาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้า น้องทองของเราคงจะเลือกทิศแล้วค่ะว่า จะลงต่อ หรือว่าขึ้นสักที จุดที่จะบอกการขึ้นชัดๆ คือ ทะลุ 1696 ให้ได้ – เป้าหมาย คือ 1720 ขึ้นไป ขณะที่การหลุด 1650/1640 ก็จะไม่โอเคแล้วนะค่ะ อาจจะลงไปถึง 1626 อีกครั้ง หรือต่ำกว่า ทั้งนี้ หากดูจาก Indicators อย่าง Sto จะเห็นว่า ในกราฟรายเดือน (ระยะยาว) ยังดูลงได้ --- ดังนั้น ส้มเปรี้ยวจึงให้ % การลงมากกว่า อีกอย่างปัจจัยลบมีมากกว่าปัจจัยบวก --- ยกเว้น เฟดจะบอกในสัปดาห์นี้ว่า มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ หรือ ตัวเลขสหรัฐออกมาไม่ดี (คือ ถ้าออกมาไม่ดีก็จะเป็นผลบวกต่อทองนะค่ะ) --- อันนี้ก็ต้องมาลุ้นกันในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก มีการประชุมเฟด และตัวเลขสำคัญหลายตัว เช่น GDP / จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน รายสัปดาห์ / ยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือน ม.ค. ส่วนแนวโน้มวันนี้ ดูย่อได้เล็กๆ ลุ้นว่าจะสร้างฐานเหนือ 1659/1655 หรือ เต็มที่ 1650 ได้ไหม ถ้าได้ ก็ไปต่อค่ะ จะไปเป็นดาวโดดเด่นบนฟากฟ้า จะไปไขว้ขว้า 1680 เอามาดังใจหวัง ^^ แนวรับ 1659/1655 --- 1650/1640 – 1635/1625 แนวต้าน 1666/1673/1680 --- 1696 – 1700 UP UP UP ดึกดื่นคืนนี้ ประชุมเฟดพัดโชยมา ฉันมองไปที่ขอบฟ้า เนิ่นนาน น้องทองตัวน้อย เปิดต้อนรับแสง 1680 แสงลงกำลังประชัน แสงขึ้น ^__^ ลุ้นให้สนุกนะค่ะ คืนนี้ ซินแซ ส้มเปรี้ยว (เมื่อวาน) อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 ประทัดอันตราย อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo ความแปรเปลี่ยนนั้นเป็นธรรมดาของโลก อย่างไปมองว่ามันเป็นปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ"ใจ" ของเราต่างหาก ที่ไป "ยึด"อยากให้บางอย่างคงที่เหมือนเดิม หรือเป็นไปตามใจเราเสมอ ทันทีที่คิดแบบนั้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ก็เตรียมตัวทุกข์ไว้ได้เลย พระไพศาล วิสาโล อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
Alan 1,136 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 ขอบคุณคุณgingerมากๆค่ะ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 ขอบคุณคุณgingerมากๆค่ะ ค่ะ Kanon Kikkapu Thamcharoen 13 hours ago 555+ ขำทองคำพุ่งปรู๊ด 300 บาทกว่า ๆ เดี๋ยวก็หัวใจวายกันอีก "ลงก็บ่น ขึ้นก็บ่น นี่หละวิถีแห่งพญาเม่า" เอิ๊ก ๆ ๆ — withSomapa Bhensirikul. อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 (มีการแก้ไข) Life 101 Co.,Ltd. » Life 101 ภูมิใจเสนอ...เคล็ดวิชา "อิจฉา Management" โดยทั่วไปเราจะรู้สึกอิจฉาคนอื่นเมื่อ... 1. เห็นข้อดีของคนอื่น » นำมาเทียบกับข้อด้อยของตนเอง เช่น...เห็นคนอื่นรวยกว่า, บ้านหลังโตกว่า, มีตำแหน่งใหญ่กว่า, ใช้ของดีกว่า, มีคู่ครองมีชีวิต, ครอบครัวที่มีความสุขกว่า, ดูดีกว่า...ผอมกว่า 2. เห็นสิ่งที่ยังไม่สมหวังในตัวเอง อยากมี อยากเป็น แต่ยังไม่มี ไม่เป็น เช่น อยากสวยอยากหล่อ อยากรูปร่างดี อยากเรียนเก่ง อยากพูดเก่ง อยากมีเพื่อนมากๆ เมื่อเห็นความจริงบางอย่างของตัวเอง ก็มักจะทำให้รู้สึกเศร้าใจ น้อยใจ ผิดหวังกับตัวเอง โกรธตัวเอง มากๆ เข้าก็พาลโกรธคนอื่นที่ดูมีมากกว่า... รู้สึกไม่พึงพอใจทั้งตัวเองและคนอื่น บางคนอาจจะแยกตัว เพราะไม่ อยากรู้สึกแย่กับตัวเอง... ไม่อยากเห็นภาพที่คนอื่นดีกว่าเรา ....เป็นความรู้สึกที่เป็นทุกข์มาก นอกจากนี้...เรามักจะถูกสอนว่าการอิจฉาเป็นเรื่องไม่ดี คนที่อิจฉาเป็นคนไม่ดี ในละครไทย...ไม่มีนางเอกคนไหนที่ขี้อิจฉา มีแต่ตัวร้ายที่อยากเป็นนางเอกทั้งนั้น แต่พอตัวเรารู้สึกอิจฉาขึ้นมาจริงๆ ก็อดที่จะโทษและตำหนิตัวเองไม่ได้ ...ว่าเป็นคนไม่ดี (เพราะรู้สึกอิจฉา) ทำให้ทุกข์ใจเพิ่มจากเดิมเป็นสองเท่า (ทุกข์เพราะอิจฉาและโกรธตัวเองที่รู้สึกอิจฉา) -------- ความจริงแล้วความรู้สึกอิจฉาก็เหมือนกับความรู้สึกอื่นๆ เช่น ความ โกรธ เกลียด หงุดหงิด ซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราว อยู่ได้ไม่นาน และอาจเกิดขึ้นอีกได้ ถ้ามีเหตุมากระตุ้น และที่สำคัญมันสะท้อนอะไรบางอย่างในใจ ของเราที่ยังรู้สึก "ไม่อิ่ม" ทั้งทางกาย และทางใจ อะไรก็ตามถ้ายังคงอยู่ก็แสดงว่า...กำลังทำหน้าที่อะไรบางอย่างอยู่ ความรู้สึกอิจฉามีบทบาทหน้าที่ของมัน เป็นต้นว่า ...สะท้อนให้เห็นความ จริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวเราเอง เช่น - เห็นอะไรบางอย่างที่ตัวเราเองยังขาด ยังรู้สึกยอมรับตัวเองไม่ได้ ช่วย ใ ห้เห็นตัวเองชัดเจนขึ้น - เห็นอะไรที่ดีที่ตัวเองต้องการ (แต่บังเอิญไปอยู่กับคนอื่น) ก็ช่วยให้เห็น เป้าหมายของตัวเองชัดเจนขึ้น ความอิจฉานั้นบางครั้งมีพลังเป็นพลังผลักดันให้ชีวิตไปในทิศทางที่เราต้องการ แค่ขึ้นอยู่กับว่า ...เราจะใช้ในทิศทางใด ...จะทำให้ชีวิตไปสู่เป้าหมายนั้นก็ได้ ... จะทำให้คนอื่นแย่ลงก็ได้ เพื่อให้รู้สึกขาดเหมือนๆ กับเรา เข้า ทำนองถ้าเราแย่คนอื่นก็ต้องแย่ด้วย อยู่ที่ว่าเราจะแปลความอิจฉาให้ เป็นทุนในการทำอะไร -------- Case Study : Bruce Lee มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง บรู๊ซ ลี ได้ดูการทดสอบฝีมือของศิษย์สองคน โดยพบว่าศิษย์คนโตมีฝีมือด้อยกว่าแต่อาศัยประสบการณ์ในการต่อสู้ ตัดจังหวะที่ศิษย์คนรองจะได้แสดงฝีมือ เมื่อจบการทดสอบศิษย์คนโต ชนะและรู้สึกภูมิใจที่ตัวเองใช้วิธีดังกล่าว... บรู๊ซ ลี ได้เรียกศิษย์ทั้งสองเข้ามาหา และลากเส้นที่พื้นสองเส้นยาวเท่าๆ กัน แล้วบอกให้แต่ละคนทำให้เส้นของคู่ต่อสู้สั้นลงด้วยวิธีอะไรก็ได้ ศิษย์คนโตใช้วิธี `ลบ´ เส้นของอีกฝ่าย ส่วนศิษย์คนรองเลือกที่จะ `ต่อ´ ความยาวเส้นของตัวเอง จะเห็นได้ว่าด้วยเงื่อนไขอย่างเดียวกันบางคนเลือกที่จะทำให้คนอื่นแย่ลง แต่บางคนเลือกที่จะทำให้ตนเองดีขึ้น ดังนั้น...การที่เราจะด้อยกว่าใครไม่ใช่เรื่องเสียหาย และการอิจฉาคนอื่นบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ชั่วร้ายอะไร หากแต่วิธีที่เราจะเลือกใช้ ในการชดเชยข้อด้อยต่างหาก ที่สะท้อนให้เห็นถึง `ธาตุแท้ภายในใจ´ ของคนคนนั้น -------- ลองพิจารณาดูเรื่องที่ทำให้เรามักจะเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ จนรู้สึกอิจฉานั้น... แทบทุกเรื่องเป็นตัวแทนของ การยอมรับของสังคมและคนรอบข้าง ความรู้สึกไม่อิ่ม » สะท้อนให้เห็นถึงบางอย่างในตัวตนของเราที่เรายังรู้สึก ...ยอมรับตัวเองไม่ได้ หรือยังไม่พอใจตัวเอง จึงต้องสร้าง `เงื่อนไข´ ให้ได้ปัจจัยภายนอกมาชดเชย... ถ้าใครกำลังทุกข์ใจจากความอิจฉาอยู่.. .มีวิธีลดความทุกข์ใจที่ ใช้ได้ดีกับทั้งตัวเองและคนรอบข้าง มาแนะนำ 1. ยอมรับกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์ ว่ากำลังรู้สึกอิจฉาอยู่ ไม่ต้องละอายใจ ไม่ต้องโทษใคร เพราะการรู้สึกอิจฉาบ้างเป็นเรื่องปกติและไม่ได้แปลว่า เราเป็น "ตัวอิจฉา" ในละคร เรายังธรรมดาเหมือนๆ คนอื่น 2. มองหาความต้องการของตัวเอง อะไรที่ยังต้องการ อยากมี อยากเป็น ให้ซื่อสัตย์กับตัวเอง... กำหนดให้ชัดเจนและอยู่ในวิสัยที่เราทำได้ชั่งใจดู ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรบ้าง เช่น เงินทอง เวลาในชีวิตต้องเหนื่อยยาก อดทน ตรองดูว่าคุ้มหรือไม่ ถ้าโอเคก็ลุยเลย (ต้องกำหนดในใจตลอด เวลาว่าความสำเร็จทุกอย่างต้องแลกด้วยอะไรบางอย่างเสมอ เราจะรู้ เองว่าความพอดีอยู่ตรงไหน) 3. มองหาสิ่งที่พอจะชดเชยความต้องการในปัจจุบัน เช่น...อยากขี่เบนซ์ แต่มีเงินไม่พอ ก็เลือกใช้รถญี่ปุ่นก่อน, อยากเรียนต่อต่างประเทศ ก็ลองไปที่ใกล้ๆ แต่คุณภาพสูสีดูก่อน แล้วลองสังเกตดูดีๆ เราอาจจะตระหนักได้ว่า ไอ้ที่เคยต้องการนั้น พอเอาเข้าจริงๆ จะทำให้พอใจได้จริงหรือไม่ --------- เมื่อได้ทำทุกทางแล้วก็ยังรู้สึกไม่พอใจตัวเองอยู่ดี ...แสดงว่าปัญหาอาจจะอยู่ที่ ความรู้สึกที่เรามีต่อตัวเอง คงต้องเริ่มเรียนรู้การยอมรับตัวเอง อย่างไม่มีเงื่อนไข ยอมรับและรัก เมตตาตัวเอง ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบ จะเห็นได้ว่า `ความอิจฉา´ นั้น อีกด้านคือพลัง คือศักยภาพ ถ้าเรารู้จัก แปลงความอิจฉาให้เป็นทุนของชีวิตได้ ชีวิตของเราก็มีโอกาสที่จะดีขึ้นกว่าเดิม และไม่ปล่อยให้ความอิจฉาทำลายชีวิตของตัวเราเองและใครอื่น. ...ขอขอบคุณความอิจฉาที่ให้พลังแก่ชีวิต... --------- Credit : นพ.อนันต์ ธนาประเสริฐกรณ์ / บทความ "ดีท็อกซ์หัวใจ"...จาก นิตยสารชีวจิต ฉบับที่156, 2548 ถูกแก้ไข มกราคม 31, 2013 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 ว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi) ท่ามกลางเวลาของชีวิตที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ เราไม่จำเป็นต้องสนใจไปเสียทุกเรื่อง ใส่ใจไปเสียทุกคน เพราะมิเช่นนั้นแล้ว เวลาอันแสนจำกัดในชีวิตของเราจะถูกพร่าผลาญไปอย่างไม่คุ้มค่า In the midst of the limited time that we have in life, We need not be interested in all topics, nor care for everyone, or else our limited time in life would be wasted meaninglessly without worthiness. (นิตยสาร WHO, ฉบับวันที่ ๑ พ.ย. ๕๕, คอลัมน์ Who? Mind) อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 Wealth Station เมฆ...ภาคขอ BIAS ตรุษจีนทีเถอะ See Translation Gold ,Energy and Stock: มามั่ง/ไม่มามั่ง by นักขายหมูขอรับ(31.1.56)ubwealth.blogspot.com อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 (มีการแก้ไข) น้ำตาของลูกผู้ชายชาวจีนชื่อ “อาคิม” เรื่องแปล 3 ตอนจบ #7 กัลปจันทรา ...ตอนสุดท้าย... ชั้นจะตีแกที่นี่แหละ ฉันจะให้โลกได้รู้ได้เห็น และต่อหน้านังไร้ยางอายคนนี้... แม่คนนี้แหละจะจูงใบหูแก เธอ...เธอนั่นแหละ...อยู่นี่แหละอย่าไปไหน!"... ตอน : ทำไม "อาคิม" ถึงร้องไห้ ตอนสุดท้าย "แต่แม่ผมเป็นผู้ที่ผมนับถือ" เขากำลังอธิบายให้ลีฟ้าฟัง เขาเป็นคนที่ไม่มีความสุขอย่างซ่อนเร้น ลีฟ้าแน่ใจ เมื่อแม่ของเขา...มิสซิสไทฟูไปไหว้พระที่วัดหนึ่ง และนำอาหารเช่นเป็ดอบแห้งไปถวายและสวนมนต์อ้อนวอนให้สุขภาพของนางดีขึ้น ลีฟ้าได้ใช้ฉวยโอกาศนั้นมาหานายอาคิมของเราที่ร้าน ลีฟ้ามุ่ยปากที่ไม่เคลือบสีลิปสติกนั้นให้เป็นรูปกุหลายตูมที่กำลังแย้มกลีบนิดๆ และตอบว่า "ก็คงจะดีสำหรับเมืองจีนนะคะ ฉันไม่รู้จักเมืองจีน ที่นี่คืออาวายอินะคะ ชาวต่างชาติทำให้เปลี่ยนแปลงประเพณีไปบ้าง" "แต่แม่ก็เป็นบรรพบุรุษของผมนะครับ" เขาพูดแย้งออกมา "แม่ให้กำเนิดผม ไม่ว่าที่จีนหรือฮาวายอิ โอ...แม่ดอกเหมยแสนสวย ในแสงจันทร์สีเงินของเรียมเอ๋ย ผมอยากได้คุณเป็นเมียขวัญของเรียมเหลือเกิน" "ฉันมีสามีสองคนแล้วนะคะ" ลีฟ้าพูดเสียงเรียบๆอย่างต้องการให้เขารู้เรื่องของเธออย่างถูกต้อง "คนหนึ่งเป็นลูกจีน อีกคนเป็นชาวโปรตุกีส ฉันเรียนรู้จากเขาทั้งสองมากมาย ฉันจบมัธยมปลาย (1) ฉันเล่นเปียนโนเป็นและเล่นในที่มีคนดูมากมายแล้วด้วย ที่ฉันเรียนรู้มาก็คือ ชายคนจีนเป็นสามีที่ดีที่สุด ฉันจะไม่แต่งกับใครอีกแล้วนอกจากคนจีน แต่จะจูงใบหูฉันนั้น..." "เอ๊...รู้ได้อย่างไรครับเรื่องใบหูนี่น่ะ?" เขาโพล่งออกมาอย่างกังขา "มิสซิสลูซี่ แชง สิคะ" เธอตอบ "เธอบอกทุกอย่างเลยละว่าแม่คุณพูดอะไรบ้าง และแม่ของคุณก็บอกเธอมากเชียวละ ดังนั้นขอให้คุณรู้ไว้เถอะว่า ใบหูของฉันนะคะ ไม่ใช่ใบหูชนิดนั้น!!" "แม่ที่เคารพของผมก็บอกอย่างนั้นเหมือนกัน" นายอาคิมตอบเสียงคราง "และนั่นคือสิ่งที่ "แม่ที่เคารพ" ของคุณบอกมิสซิส ลูซี่ แชง และ... มิสซิส ลูซี่ แชงบอกฉันทุกอย่างที่แม่คุณบอกเธอ" ลีฟ้าต่อให้ "และตอนนี้...ฉันบอกคุณ "โอ...ท่านสามีในอนาคตคนที่สาม" จำไว้นะคะว่า ผู้ชายที่จะจูงใบหูฉันนั้นยังไม่เกิด นั่นไม่ใช่ประเพณีในฮาวายอิ ฉันจะไปด้วยกับผู้ชายที่จูงมือฉันไปเท่านั้น เคียงข้างเขา ห้าสิบ-ห้าสิบ แบบภาษาสแลงของคนผิวขาวที่กำลังพูดกันอยู่ในปัจจุบัน พ่อเจ้าสามีชาวโปรตุกีสของฉันเขาคิดต่างกัน เขาพยายามตบตีฉัน ให้ยอมทำตามที่เขาบังคับ ฉันฟ้องศาลตำรวจสามครั้ง และแต่ละครั้งเขาต้องถูกทำโทษ... โดนใช้ทำงานแถวๆปะการัง นั้นเป็นสาเหตุที่เขาจมน้ำตายไงคะ" "แม่เป็นแม่ของผมมาตั้งห้าสิบปีนะครับ" นายอาคิมประกาศเสียงหนักแน่น "ค้า...และห้าสิบปีที่นางเฆี่ยนตีคุณ" ลีฟ้าหัวเราะกิ๊กด้วยความขบขัน "พ่อคนจีนของฉันเคยหัวเราะเยาะนาย "แยบ เท็น ชิน". ..เหมือนคุณนี่แหละ นายแยบ เท็น ชิน เกิดที่จีนและเอาขนบประเพณีของจีนมาด้วย พ่อแก่ๆของเขานั้นเฆี่ยนตีเขาด้วยไม้เรียว เขารักพ่อของเขานะคะ แต่พ่อของเขาก็เฆี่ยนเขาหนักขึ้นเมื่อเขาเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสเตียน และกลายเป็นคนจีนของผู้สอนศาสนาคริสต์ พ่อเขาเฆี่ยนเขาทุกครั้งเมื่อเขาไปโบสถ์ และผู้สอนศาสนาผิวขาวก็โกรธทุกครั้งที่เขายอมให้พ่อเฆี่ยน และพ่อของฉันนั้นก็สนุกสนานเหลือเกิน หัวเราะแทบกลิ้งทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องนี้ เพราะพ่อของฉันนั้นเป็น "พาเค" หรือคนจีนที่มีความก้าวหน้า ปรับเปลี่ยนขนบธรรมเนียมประเพณีบางอย่างได้เร็วกว่าพวกต่างด้าวทั้งหลาย และปัญหาของนาย แยบ เท็น ชินมีอย่างเดียวคือ เขามีหัวใจที่มีความรัก เขารักพ่อที่เคารพของเขา เขารักพระเจ้าของหมอสอนศาสนาคริสต์ และสุดท้ายเขารักฉัน ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักที่ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง และเพราะเขารักฉันพอที่จะลืมความรักที่มีแก่ศาสนาและที่มีให้พ่อของเขา" "และเขาก็เสนอให้พ่อของฉันหกร้อยเหรียญทองเป็นค่าสินสอด...ราคาต่ำไปหน่อยเพราะฉันไม่ได้รัดเท้า และเพราะฉันเป็นลูกครึ่งฮาวายเอียน ฉันบอกเขาว่าฉันไม่ใช่ทาสจะได้ถูกขายให้ใครก็ได้ ครูของฉันที่มัธยมปลายคนหนึ่งนะคะ เป็นชาวผิวขาวและสาวโสด เธอสั่งสอนพวกเราว่า ความรักที่ให้ผู้หญิงนั้นมีค่ามากกว่าจะตีราคาได้และต้องไม่ขายมัน... อ้อ...ที่จริงนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เธอเป็นสาวโสด.. เพราะไม่สามารถที่จะให้ตัวเธอแก่ใครได้ แม่ชาวฮาวายเอียนของฉันนั้นบอกมาตลอดว่าไม่ใช่ประเพณีของเรา ที่จะขายลูกสาวไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม พ่อฉันนั้นหรือ...อย่างที่บอกท่านเป็นคนทันสมัย ถามฉันว่าต้องการนายแยบ เท็น ชินหรือไม่ ฉันตอบว่า "ค่ะ" และฉันก็ไปกับเขาด้วยความสมัครใจ เขา..." เสียงแสนเศร้า "คือสามีที่ถูกม้าเตะตายนั่นเอง" "สำหรับคุณนะคะ อาคิม ฉันจะรักคุณ จะให้เกียรติคุณตลอดไป และสักวันหนึ่งเมื่อคุณตระหนักว่า ไม่จำเป็นต้องจูงใบหูฉันนะคะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ และจะอยู่กับคุณตลอดไป และเชื่อเถอะ คุณจะเป็นชายชาวจีนที่มีความสุขที่สุดในฮาวายอิ ทำไม หรือคะ... เพราะฉันนี่นะคะเคยมีสามีมาแล้วสองคน ฉันเรียนจบมัธยมปลาย ฉันรู้วิธีทำให้ผู้ชายมีความสุขแน่นอน แต่ต้อง...นะคะ แม่ของคุณต้อง...หยุดเฆี่ยนตีคุณด้วย มิสซิส ลูซี่ แชงบอกว่า แม่คุณเฆี่ยนตีคุณแรงๆไม่ยั้งมือเลย" "ครับใช่แล้ว" นายอาคิมยืนยัน "ดูสิครับ" เขาเลิกแขนเสื้อถึงข้อศอกเผยแขนที่มีผิวเรียบเนียน บนท่อนแขนนั้นมีรอยสีดำ สีนํ้าเงิน ยืนยันให้เห็นถึงความแรงและการตีหลายครั้งของไม้เรียวที่เขาได้รับ เพราะใช้มือและท่อนแขนปกป้องศีรษะและใบหน้า "แต่ผมก็...ไม่เคยร้องไห้..." เขาบอกอย่างลังเลไม่แน่ใจว่าควรบอก "ไม่เคยเลยตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ แม่ผมไม่เคยทำให้ผมร้องไห้ได้" "มิสซิส ลูซี่ แชงก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ" ลีฟ้ากล่าว "เธอว่าแม่ที่เคารพของคุณบ่น...บ่นนะคะ... ให้เธอฟังว่า นางไม่เคยทำให้คุณร้องไห้ได้เลย" และทันใดนั้น การส่งสัญญาณเตือนจากพนักงานขายของคนหนึ่งก็ช้าไปเสียแล้ว แม่ของเขากลับมาบ้านทางตรอกหลังบ้าน มิสซิส ไท ฟูเดินมาจากส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย นายอาคิมไม่เคยเลยในชีวิตที่จะเห็นดวงตาของแม่ที่แทบมีความร้อนพลุ่งออกมาอย่างโกรธจัด (ลมคงออกหูด้วย) นางไม่มองลีฟ้าสักนิด นางได้แต่ตะโกนใส่ลูกชายทันทีว่า "คราวนี้ละ...ฮึ่ม...ไอ้เจ้าลูกไม่รักดี ชั้นจะตีให้แกร้องไห้ให้ได้...คราวนี้แหละ" "งั้นก็ไปทางห้องหลังนะจ้ะแม่ที่เคารพ" นายอาคิมแนะ "เราจะปิดประตูและหน้าต่าง และแม่ก็เฆี่ยนตีผมได้เลยจ้ะ" "ไม่อ้าว...ไม่เอา ชั้นจะตีแกที่นี่แหละ ฉันจะให้โลกได้รู้ได้เห็น และต่อหน้านังไร้ยางอายคนนี้...แม่คนนี้แหละจะจูงใบหูแกและ... ไม่มีทางที่ชั้นจะยอมรับการแต่งงานที่น่าขายหน้า ...นี่แม่หน้าหนา เธอ...เธอนั่นแหละ...อยู่นี่แหละอย่าไปไหน!" "ฉันจะไม่มาอีกนะคะ" ลีฟ้ามองคนขายของผู้ส่งสัญญาณช้าไป ด้วยสายตาเขม็ง...ฉุนจัด "ฉันไม่อยากเห็นตำรวจโยนตัวฉันออกจากที่นี่" "แกไม่มีวันจะเป็นลูกสะใภ้ฉันแน่ จะบอกให้ย่ะ" มิสซิส ไท ฟู เกรี้ยวใส่ ลีฟ้าพยักหน้ายอมรับ "แต่ก็คงต้องเรียนให้ทราบเหมือนกันนะคะ" เธอพูดต่อ "ลูกชายคุณจะเป็นสามีคนที่สามของฉันแน่เหมือนกัน" "ว้าย...แกว่าเมื่อฉันตายใช่ไหม?...แช่งนี่นะ... ว้ายๆๆๆ" หญิงชรากรีดร้อง "พระอาทิตย์ขึ้นทุกเช้า" ลีฟ้ากล่าวต่อเสียงเรียบ...อย่างยากที่จะเข้าใจ "ตลอดชีวิตของฉัน ฉันเห็นมันขึ้น..." "เธอน่ะแก่ตั้งสี่สิบแล้วย่ะ แถมใส่คอร์เซ็ตรัดนมรัดสะโพก...ฮึ..." "โอ๋...แต่ยังไม่ได้ย้อมผมนะคะ...แต่ก็จะย้อมทีหลังค่ะ" ลีฟ้าย้อนตอบเสียงเรียบๆ "และเรื่องอายุนั้นนะคะ พูดถูกแล้ว ฉันจะอายุสี่สิบเอ็ดวัน "คาเมอาเมฮา "(2) ที่จะถึงนี่แหละ ตั้งสี่สิบปีนะคะที่ฉันเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น พ่อของฉันก่อนตาย...ตอนนั้นท่านก็แก่แล้ว เคยบอกฉันว่าไม่เคยเห็นความแตกต่างของการขึ้นของพระอาทิตย์ เหมือนกันตั้งแต่ท่านยังเป็นแค่เด็กชายอยู่ โลกนี้กลมแต่ท่านขงจู้ท่านไม่รู้ แต่...คุณจะอ่านได้ในหนังสือภูมิศาสตร์นะคะ โลกนี้กลมหมุนรอบๆและกลม และชีวิตและเวลาก็หมุนตามโลก ที่เคยเป็นมาก่อนจะเป็นอีก ผลไม้อย่างมะม่วงและเบรดฟรุตออกผลอีก ชายหญิงก็ทำซ้ำที่เคยทำต่อไป นกโรบินสร้างรัง นกโพลเวอร์บินมาจากทางเหนือตอนฤดูใบไม้ผลิ และทุกฤดูใบไม้ผลิจากไป แต่ก็มีฤดูใบไม้ผลิตามมาอีก และต้นมะพร้าวโตเสียดฟ้า มีลูกมะพร้าว พอแก่ก็ล่วงหล่นจากไป แต่ก็มีลูกใหม่มาแทนอยู่ตลอดมา นี่...ไม่ใช่เป็นคำพูดของฉันเท่านั้นนะคะ พ่อของฉันบอกฉันมา เชิญค่ะ...เชิญ มิสซิสไท ฟู ที่นับถือ เชิญเลยค่ะ...เฆี่ยนตีลูกชายของคุณที่จะเป็นสามีคนที่สามของฉัน... เชิญตามสบายนะคะ แต่ขอเตือนก่อน ฉันคงจะหัวเราะ" นายอาคิมคุกเข่าลงเพื่อแม่เขาจะได้ตีเขาง่ายขึ้น และขณะที่นางใช้ไม้เรียวไม้ไผ่หวดเขานั้น ลีฟ้าเริ่มด้วย...ยิ้มก่อน และหัวเราะกิ๊กกั๊กและที่สุด...อย่างกลั้นไม่อยู่ เธอหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น "ฮะ...ฮะ...ตีให้แรงกว่านั้นหน่อ...หน่อยค่ะ ...ฮิๆ...มิสซิสไทฟูที่ ...ที่เคา...กิ๊กๆ เคารพ...ครึ่...ครื่ๆๆๆ...โธ...โธ่...ฮิ...ฮิ...ตีให้แรงกะ...กว่านั้นหน่อยสิคะ...ฮ่าๆๆๆ" เธอพยายามยุ...ระหว่างหัวเราะ คำพูดนั้นยากจะเข้าใจด้วยเสียงกระตุกเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ส่วนมิสซิสไท ฟูนั้นก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหวดแรงๆ แต่เห็นว่านางไม่ค่อยมีแรง และแล้ว... นางก็เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม้เรียวหลุดจากมืออย่างตกใจและแปลกใจอย่างเหลือเกิน... นายอาคิมของเรากำลังร้องไห้ครับ ...น้ำตาไหลย้อยลงมาบนแก้มเป็นทางยาว ลีฟ้าก็งงเหมือนกัน และงงด้วยอย่างที่สุด...ก็คือพนักงานขายของที่อ้าปากค้าง แต่นายอาคิมร้องไห้ต่ออย่างหยุดไม่ได้ ใช่ครับ... ไม่มีไม้ที่หวดลงมาอีกแล้ว แต่เขาก็ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้...ฮือๆ...สะอื้น...สะอื้น....ฮักๆ... ลีฟ้าเคยถามเขา "ร้องไห้ทำไมคะ? ไม่น่าร้องเลย นางไม่ได้ทำให้คุณเจ็บสักนิด" "รอตอนเราแต่งงานกันแล้วจะบอกนะครับ" เป็นคำตอบของนายอาคิม "และตอนนั้นนะครับ โอ... "แม่ลิลลี่งามเหมือนดวงจันทร์ของเรียม" ...ผมจะบอกคุณ" สองปีต่อมา ในตอนบ่ายวันหนึ่ง นายอาคิมซึ่งเหมือนอุ้มลูกแตงโมที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน ได้กลับมาบ้านหลังจากไปประชุมกับกลุ่ม "คุ้มครองชาวจีน" เขาพบแม่ของเขานอนตายเสียแล้ว...อยู่บนโซฟา ผมก็ยังหวีตึงเรียบ...จากหน้าผากที่แคบและเถิกมากขึ้นกว่าเดิม แต่บนใบหน้าของแม่ที่เคารพของเขามีรอยยิ้มนิดๆ อา ...พระเจ้าจีนที่นับถือได้มีความกรุณากับแม่ของเขา นางตายอย่างไม่เจ็บปวดทรมาณ เบอร์โทรศัพท์แรกที่เขาโทรคือเบอร์ของลีฟ้า แต่เธอไม่อยู่ เขาจึงโทรไปที่มิสซิส ลูซี่ ชาง(นักกระจายข่าว) ข่าวได้ออกมาแล้ว วันแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้อย่างไม่รอช้า เร็วกว่าประเพณีเก่าของจีนสิบเท่า ถามว่า...มีอะไรที่คล้ายๆจีนบ้างไหมในงานแต่งงานนี้หรือครับ....ก็เพื่อนเจ้าสาวไงล่ะครับ...มิสซิส ลูซี่ ชาง นั่นแหละครับ เป็นตัวแทนของอะไรๆที่เป็นจีน "ทำไมคะ?" ลีฟ้าถามเมื่อเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังในคืนวันแต่งงาน "ร้องไห้ทำไม่คะเมื่อแม่คุณตีคุณวันนั้นที่ร้านน่ะ? ไม่เห็นน่าร้องเลย นางไม่ได้ทำให้คุณเจ็บสักนิด" "นั่นแหละทำไมผมถึงร้องไห้" อาคิม...เจ้าบ่าวของเราตอบ ลีฟ้าเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจคำตอบ "ผมร้องไห้" อธิบาย "เพราะผมตระหนักตอนนั้นว่า แม่ผมกำลังจะจากไป เธอไม่มีแรงหวดลงมาเลย ไม่เจ็บเลย...ผมร้องไห้ เพราะว่า แม่ไม่มีกำลังทำให้ผมเจ็บได้อีกแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ผมร้องไห้ครับ "โอ...แม่ยาหยียอดดวงใจ...ที่รัก ... ที่ให้ความพักผ่อนสงบสุข...ของเรียม" นั่นเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมผมร้องไห้" จบบริบูรณ์ Jack London, WAIKIKI, HONOLULU. June 16, 1916. (1)หญิงที่จบมัธยมปลายสมัย 1915 ถือว่าเรียนสูงมาก โดยเฉพาะที่ฮาวายอิ ซึ่งไม่มีสถานศึกษาสูงกว่ามัธยมปลาย (2) Kamehameha Day วันหยุดเทศกาลของฮาวายอิ ถือเป็นวันประกาศอิศรภาพ Kamehameha เป็นชื่อของกษัตริย์อาวายเอียนซึ่งรวบรวมหมู่เกาะฮาวายเอียนเข้าด้วยกัน Kamehameha ได้ชื่อว่าเป็น นโปเลียนแห่งปาซิฟิค ขอบคุณผู้เขียน ผู้แปล คุณกัลปจันทรา ถูกแก้ไข มกราคม 31, 2013 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 (มีการแก้ไข) พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo " น้องชายป่วยทางจิต เป็นเวรเป็นกรรมอย่างไร ? " Orawan Puangpetchsawat - กราบเรียนถามพระอาจารย์ค่ะ คือดิฉันมีคนในครอบครัวป่วยทางจิตมาตั้งแต่เด็ก (โรคย้ำคิดย้ำทำ,ซึมเศร้า) ค่ะ จนบัดนี้เกือบ 30 ปีแล้ว เค้าจะพบแพทย์มาตลอด โดยปกติคนภายนอกจะดูไม่ออก เพราะเค้าก็ดำเนินชีวิตไปได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เวลาเค้าโมโหโกรธ ไม่ได้ดังใจ ก็จะอาละวาดด่าทอ ตะโกนเสียงดัง ขว้างปาข้าวของในบ้านซึ่งพฤติกรรมนี้จะเป็นเฉพาะกับคนที่บ้าน และเมื่อหายโมโหก็จะปกติ แต่ไม่มีทำร้ายใครนะคะ นอกจากตัวเอง เช่นเอาหัวโขกกำแพง ประมาณนี้ ซึ่งบางทีเราก็ไปพบหมอเล่าให้ฟัง หมอก็จะบอกว่าเป็นเพราะเค้าอาจจะไม่กินยาสม่ำเสมอ แต่ตรงนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ที่ดิฉันห่วงคือเวลาโมโหแกจะด่าพี่ๆ น้อง ๆ ที่ขัดใจ ด้วยถ้อยคำแรงๆๆ ซึ่งเป็นผิดศีลอย่างมาก และที่สำคัญ แกก็จะสร้างปัญหาให้คนในบ้าน รวมทั้งพ่อทุกข์ใจตลอด มีครอบครัวก็แตกแยก เพราะความเจ้าชู้ เราต้องคอยดูแลช่วยเหลือเค้ามาตลอด เวลาเค้าสำนึกได้หรือยามจิตปกติ ก็จะเอาดอกไม้ธูป เทียน มากราบขอขมาพ่อ พี่ๆ น้อง ว่าทำผิดไป แต่เดี๋ยวก็เป็นแบบนี้อีก ทุกวันนี้พ่อแก่มากแล้ว ก็ทุกข์ใจเพราะห่วงเค้า ไม่ทำใจปล่อยวางจนดิฉันก็คิดว่าเราทำได้ดีที่สุดเท่านี้ อยากเรียนถามนะคะ - ว่าที่เค้าเป็นโรคนี้และมีพฤติกรรมแบบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกรรมในอดีต และกรรมในปัจจุบันด้วยหรือเปล่าคะ ด้วยเพราะเค้าเป็นโรคทางจิต + พฤติกรรมที่ผิด มันจะทำให้ชีวิตเค้าแย่ลงไปเรื่อยๆ - แล้วถ้าเค้าตายไป มันก็จะเป็นเวรกรรมติดตัวเค้าไป หลายภพหลายชาติไม่มีทางดีขึ้นหรือเปล่าคะ เพราะดิฉันว่ามันจะมีบาปติดตัวเค้าไปตลอด เมื่อก่อนดิฉันเคยคิดว่ามันเป็นเวรกรรม ที่เราต้องเกิดมาชดใช้เค้า ก็ดีทนๆๆ ตายไปก็หมดเวร.....แต่ดิฉันเคยอ่านธรรมะที่พระอาจารย์เขียน ที่ว่าสามีลาออกจากงานมาเลี้ยงดูภรรยาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ว่า ไม่ใช่เวรกรรม แต่เป็นสิ่งดี ๆ ที่เค้าอยากดูแลภรรยา เลยมาคิดได้ว่า เราเกิดมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็เป็นสิ่งดีที่เราควรช่วยเหลือเค้าในทุกๆๆ ด้านเพื่อให้เค้าดีขึ้นจะได้เป็นบุญต่อเค้าและเราด้วย.... พระอาจารย์ช่วยแนะนำ ในความเห็นของพระอาจารย์น้องคนนี้ เค้าจะมีอนาคตต่อๆๆ ไปอย่างไร เพราะอายุทั้งเค้าทั้งเราก็มากขึ้นเผื่อมีอันเป็นไป ดิฉันก็ยังเป็นห่วงเค้าอยู่และก็สงสารที่เค้าเกิดมาเป็นแบบนี้ เคยสั่งลูกๆๆไว้ให้ดูแลแกไปตลอดชีวิตเค้า แบบนี้ถูกไม๊คะ พระไพศาล วิสาโล - การที่น้องชายคุณมีความผิดปกติทางจิตตั้งแต่เล็ก อาจเป็นเพราะกรรมในอดีต หรือไม่เกี่ยวกับกรรมในอดีตเลยก็ได้ เช่น เป็นเพราะความผิดปกติทางสมองจากเหตุปัจจัยบางประการ (ซึ่งเป็นไปตามกฎที่พุทธศาสนาเรียกว่า พีชนิยาม คือกฎธรรมชาติเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ เช่น พันธุกรรม) แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด กรรมในปัจจุบันก็มีส่วนด้วย คือ ถ้ามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (โดยมีคนแวดล้อมคอยช่วยเหลือสนับสนุน) ปัญหาก็จะลดลง แต่ถ้าปล่อยตัวไปตามอารมณ์ ไม่มีการฝึกฝนพัฒนาจิต ปัญหาก็จะคงอยู่หรือแย่ลง ฟังจากที่คุณเล่า เขามีพฤติกรรมทั้งบวกและลบ ดีและร้าย กรรมดีย่อมส่งผลดีแก่เขาทั้งในชาตินี้และชาติถัดไป ส่วนกรรมไม่ดีนั้นก็ส่งผลทัั้งในชาตินี้และชาติหน้าเช่นกัน แต่อาตมาบอกไม่ได้ว่าจะส่งผลไปหลายภพหลายชาติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการกระทำของเขาทั้งในชาตินี้และชาติถัด ๆ ไปด้วย เรื่องแบบนี้ไม่ตายตัว เพราะกรรมนั้นสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ด้วยเหตุนี้คุณจึงไม่ควรท้อแท้หรือหมดหวังในตัวเขา หากส่งเสริมช่วยเหลือให้เขามีการฝึกฝนจิตใจ มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ของตนอยู่เนือง ๆ ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้มากขึ้น ในระยะแรกอาจต้องพึ่งยา แต่ต่อไปก็สามารถทิ้งยาได้ และอาศัยสติปัญญาของตนเป็นหลัก ที่คุณพยายามช่วยเหลือเขานั้นถูกต้องแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกรรมดี ไม่ใช่การใช้กรรมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามคุณควรพยายามรักษาใจไม่ให้ทุกข์ด้วย สติและขันติหรือความอดกลั้น จะช่วยคุณได้มาก ถูกแก้ไข มกราคม 31, 2013 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น