ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

หวัดดีครับคุณginger

ดี คับ yot

สบายใจทุกวันนะคับ

ใจของเรา เราจัดการได้

เราไม่จัดการ หัวใจของเรา

แล้วจะขึ้นอยู่ก้บอะไร ใจจึงจะเป็นอิสระ

 

เคล็ดลับถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 5 กุมภาพันธ์ 2556 20:00 น.

blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif 556000001577201.JPEG blank.gif blank.gif blank.gif blank.gif TabOver.gif ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน ยิ่งใช้มากขึ้นก็ยิ่งทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ มีรายงานสถิติพบว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์กว่าร้อยละ 50 มีอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า และปวดศีรษะ ซึ่งมักเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน โรงพยาบาลจักษุ รัตนินเผยถึงเคล็ดลับง่ายๆ ในการถนอมรักษาดวงตาจากภัยที่มาจากการใช้คอมพิวเตอร์

 

1 กะพริบตาให้ถี่ขึ้น

 

การมีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้อัตราการกระพริบตาลดลงจาก 20 - 22 ครั้งต่อนาที เหลือเพียง 6 - 8 ครั้งต่อนาที ทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ ควรกระพริบตาให้ถี่ขึ้น หรือใช้น้ำตาเทียมหยอดตา

 

2จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม

 

ควรให้หน้าต่างอยู่ทางด้านข้างของจอคอมพิวเตอร์เพื่อลดแสงตกสะท้อนบนจอ จัดให้มีระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเราประมาณ 50 - 70 ซ.ม. จัดระดับจอภาพให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4 - 9 นิ้ว ไม่ควรให้จอภาพอยู่สูงหรือต่ำเกินไป

3ปรับความสว่างของห้อง

 

ควรปิดไฟบางดวงที่ทำการรบกวนการทำงาน เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความสว่างที่มากเกินไป ถ้ามีแสงจ้าจากหน้าต่าง ควรใช้มูลี่เพื่อปรับแสงให้ผ่านได้เพียงบางส่วน และไม่เข้าตาโดยตรง หลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีผิวสะท้อน

 

4เลือกใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่

 

เวลาพิมพ์งาน ควรเลือกใช้ขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่และปรับความเข้มให้เหมาะสมสามารถตรวจสอบได้โดยการที่เราอ่านตัวอักษรได้ในระยะห่างเป็น 3 เท่าของระยะที่นั่งทำงาน

 

5เลือกใช้แว่นที่เหมาะสมกับการใช้คอมพิวเตอร์

 

ควรเลือกใช้เลนส์สีเขียวอ่อน ที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ และลดแสงสะท้อนจากจอภาพโดยเลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายสำหรับระยะ 50 - 70 ซ.ม. (ระยะกลาง)สำหรับใช้กับคอมพิวเตอร์

 

6 พักสายตา

 

เปลี่ยนอิริยาบถ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง เพื่อพักสายตาและป้องกันอาการปวดเมื่อยจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน

TabUnder.gif blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แต่งเพลงมีลายมือ

51-264x300.jpg

 

ทุกครั้งที่ได้ฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ว่าจะเป็นบทใด

หัวใจมักเต้นแรงด้วยความปลื้มปีติ ลำพองใจ

อยากจะอวดนักดนตรีทั้งโลกว่านี่คือเพลงที่พระมหากษัตริย์ของไทยเป็นผู้แต่ง

 

การที่คนคนหนึ่งจะเล่นเครื่องดนตรีได้อย่างเชี่ยวชาญ จนสามารถบรรเลงเพลงได้ตามจินตนาการ

และอารมณ์ของผู้เล่น ต้องอาศัยความอดทน พากเพียรและใช้เวลาต่อเนื่องอย่างยาวนาน

บางคนต้องสละเวลาทั้งชีวิต จึงมีความแตกฉานและช่ำชอง

 

52-245x300.jpg

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักแซกโซโฟน นักแคลริเน็ต

และยังทรงเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกประเภท

ทรงปฏิบัติได้ประดุจนักดนตรีอาชีพนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ

ที่ได้มีโอกาสได้เล่นดนตรีถวายหรือมีโอกาสได้บรรเลงร่วมกับพระองค์

ต่างกล่าวขานถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ไปทั่วสารทิศ

 

การที่นักดนตรีสักคนจะประพันธ์เพลงให้เกิดความไพเราะตามแรงบันดาลใจของตน

โดยให้เป็นที่นิยมฟังเป็นหมูมาก ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความคิดจินตนาการ แรงบันดาลใจ เข้าใจถึงผู้ฟัง

เข้าใจถึงรูปแบบของดนตรี เข้าใจถึงความพอดีระหว่างผู้แต่ง ผู้เล่น และผู้ฟัง

และสำคัญไปกว่านั้น ต้องมีความกล้าที่จะตัดสินใจว่า แค่ไหนพอดีแล้ว

นอกจากนั้นบทเพลงยังสะท้อนเอกลักษณ์ของตนเองหรือเรียกว่า “แต่งเพลงมีลายมือ”

ซึ่งความสามารถเช่นนี้ในหนึ่งล้านคนจะมีสักหนึ่งคนก็หายาก

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงไว้หลายสิบบทเพลงมีความเป็นเอกลักษณ์

มีรูปแบบ มีหลักวิชาการทางดนตรีครบถ้วน เป็นที่นิยมในหมู่นักดนตรี

เมื่อเล่นแล้วเกิดความรื่นรมย์และลื่นไหล เกิดความสุขในขณะที่บรรเลง

เกิดความเป็นไพเราะ และถ่ายทอดเป็นอารมณ์ต่างๆ ให้แก่ผู้ฟังจนเป็นที่นิยมและยอมรับในระดับโลก

เสียงเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์จะคอยสร้างพลังใจ

สร้างภูมิใจและคอยกระตุ้นเตือนให้พสกนิกรของพระองค์ ไม่ว่าจะอยู่ในสายอาชีพใด

จะระลึกและจะปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ให้ถึงพร้อมซึ่งความมานะพากเพียร

จนเกิดผลสำเร็จในอาชีพตน

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

 

โดย: ภูษิต ไล้ทอง รองกรรมการผู้จัดการ บ.ทีวี ธันเดอร์ จำกัด

ที่มา:หนังสือ My King

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“ยิ้มสู้”

 

 

 

 

ยิ้มสู้

 

prnews_13518.jpg

ประวัติเพลงพระราชนิพนธ์ “ยิ้มสู้”“SMILES”

ยิ้มสู้ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2495 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า จักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย เพื่อเป็นการปลอบขวัญ และให้กำลังใจแก่คนตาบอด แล้วพระราชทานให้นำไปบรรเลงในงานสมาคมช่วยคนตาบอดในพระบรม ราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2495 ส่วนคำร้องภาษาอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์

 

ยิ้มสู้

โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป

จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง

ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง

ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้

คนเป็นคนจะจนหรือมี ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่

ยามปวงมารมาพาลลบหลู่ ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย

ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป

จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่น

 

 

smilechild.gif

 

 

SMILES

 

Don’t you think a smile is quite a strange thing?

When you start to smile, it wrinkles your face,

And when it is gone, you cannot find

Its peculiar secret hidding place.

But it’s really far more wonderful thing,

Just to see what can each little smile do.

When you smile at one, he smiles at you.

So one little smile makes two.

Since you smiled, he’s smiling too.

Then someone starts smiling back,

And that one will be smiling,

Till, in truth, you fail in keeping track.

And because a smile can do us great good.

By just cheering heart of love and of care.

Let us smile, and smile, and not forget

Smiles are welcomes everywhere

This entry was posted in and tagged ยิ้มสู้, เพลงพระราชนิพนธ์, ในหลวง by welovethaiking. Bookmark the permalink.

 

ONE THOUGHT ON ““ยิ้มสู้””

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความฝันอันสูงสุด กองทัพอากาศ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ศึกษาธรรมะวันละนิด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

February 2

 

อนาคตนั้น เราสร้างของเราเอง

ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวของเรา

ชีวิตเป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้ไว้

สุดแต่เราจะใช้ไปในทางดีหรือทางร้าย

 

 

734606_10151467098784396_1451868611_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

426734_501436466562362_447080037_n.jpg

moon beam

รากขวัญของชีวิต คือ จิตวิญญาณที่ดี

จิตที่ใฝ่ดี คำว่าดี คือ มีความละอายต่อการเบียดเบียนตนและผู้อื่น

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

379303_497329626973046_1182695173_n.jpg

คิด

คิดนอกกรอบ

คิดตามบทบาท

คิดเชิงจินตนาการ

คิดเชิงวิพากษ์

คิดเชิงวิเคราะห์

คิดเชิงเปรียบเทียบ

คิดเชิงสังเคราะห์

คิดเชิงมโนทัศน์

คิดเชิงสร้างสรรค์

คิดเชิงประยุกต์

คิดเชิงกลยุทธ์

คิดเชิงบูรณาการ

คิดเชิงอนาคต

think big

คิด คิด คิด

คนต่างกันด้วยทัศนคติการเรียนรู้และวีธีคิด

โอกาสแสวงหาได้

ginger

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Common Nonsense

 

โดย : วรากรณ์ สามโกเศศ

 

มนุษย์ทั่วไปมักมีสามัญสำนึก (common sense)

แต่มีบางพวกที่ขาดสามัญสำนึกหรือมีสามัญสำนึกที่ผิดชาวบ้านเขา (uncommon sense)

 

ที่ร้ายสุดก็คือพวกที่มีสามัญสำนึกแบบไร้สาระ (common nonsense) ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษอีกคำว่าพวก bull shit หรือ BS

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมได้ไปฟังการบรรยายหัวข้อเกี่ยวกับการศึกษา

ของ Sir Harold Kroto ผู้ได้รับรางวัลโนเบิลสาขาเคมีในปี ค.ศ. 1996

ก่อนการบรรยายมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ให้ท่านด้วย ปัจจุบัน Sir Harold Kroto ทำงานวิจัยเกี่ยวกับ nanotechnology

ไอเดียเรื่อง sense ต่างๆ ข้างต้นนี้มาจากการบรรยายในวันนั้นของท่าน

557988_511357152249862_1506713702_n.jpg

คนที่มี common sense จะรู้ว่าถ้าเอามีดแทงคนก็จะได้เลือดและอาจตายได้

ที่รู้อย่างนี้ก็เพราะว่ามีหลักฐานปรากฏชัดเจนเสมอว่า

คนโดนมีดแทงแล้วเลือดไหลแน่นอนและอาจตายได้

 

ส่วนคนที่มี uncommon sense นั้นอาจบอกว่าเมื่อโดนมีดแทงก็จะมีเลือดไหลแต่ไม่ตายแน่นอน เพราะถึงแม้มีดจะมีปลายแหลมและยาวอย่างไรก็ไม่มีทางตาย

เขาเชื่ออย่างนี้โดยมิได้คำนึงถึงความเป็นไปได้บนหลักฐานที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ uncommon sense ของเขาทำให้เห็นเช่นนั้น

 

สำหรับพวก common nonsense นั้น เชื่อว่ามีดปลายแหลมเท่าใดก็แทงไม่เข้า

เพราะคนถูกแทงมีของดี ไม่ว่าจะกินว่านหรือมีสิ่งเหนือวิทยาศาสตร์ก็ตาม

เขาเชื่อโดยไม่ดูหลักฐานว่าเมื่อมีดปลายแหลมทิ่มเนื้อนั้นเลือดไหลและอาจตายได้

เหตุที่เชื่อว่าแทงไม่เข้าก็มาจากความเชื่อของเขาที่ปราศจากหลักวิทยาศาสตร์

ไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองว่าแทงไม่เข้าแต่ก็เชื่อๆ ตามกันมาแบบนั้น

481065_511300382255539_1297491957_n.jpg

น่าเสียดายที่ประเทศไทยเรามีพวก common nonsense อยู่มากมาย

ได้ยินอะไรก็เชื่อไปหมดโดยปราศจากการไตร่ตรองว่า

มันมีเหตุมีผลและมีหลักฐานสนับสนุนความเชื่อนั้นหรือไม่

เหตุผลที่สังคมเราอุดมด้วยข่าวลือไร้สาระก็เพราะเรามีพวกนี้อยู่เต็มไปหมด

การซื้อซองบอกใบ้หวยจากแผงหนังสือพิมพ์หรือ

เชื่อการบอกเลขหวยจากหลวงพ่ออย่างมั่นใจคืออาการของคนพวกนี้

คำถามง่ายๆ ก็คือถ้าคนทำธุรกิจนี้รู้ว่ามันจะออกเลขอะไรแล้ว

จะมามัวขายเบอร์ในซองอยู่ทำไม ไปแทงเองเสียไม่ดีกว่าหรือ

บางคนอาจเถียงว่ามันศักดิ์สิทธิ์เพราะไม่ซื้อหรือแทงเอง

ถ้าซื้อเองแล้วความวิเศษของเขาจะหมดไปและก็ไม่ถูกด้วย

ถ้าหากจะโต้กลับก็อาจเป็นว่าก็ไม่แทงหรือซื้อเองสิ

แต่กระซิบให้คนอื่นกระทำแทนแล้วแบ่งเงินกัน

ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรไปจากการที่พวกเดียวกันซื้อซองหวยไปแทง (ทำพิธีซื้อซองหน่อยก็ได้)

และแบ่งเงินให้เป็นสินน้ำใจก้อนใหญ่

 

พวกยอมเสียเงินเพื่อไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ก็คือพวก common nonsense อีกเหมือนกัน ก็เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วซึ่งหมายถึงการดับขันธ์ไม่กลับมาเกิดอีก

แล้วท่านจะอยู่ให้เฝ้าได้อย่างไร

 

พวกขูดตัวเลขบนต้นไม้เพื่อขอหวย เห็นงูเผือกตะขาบเผือก

ก็กราบไหว้บูชาเพื่อขอเลขโดยดูมูลที่ถ่ายว่าเป็นตัวเลขอะไร

หลวงพ่อชื่อดังคายหมากออกมามีเค้าเลขอะไร

2012 คือ ปีโลกาวินาศ พวกคอร์รัปชันก็ปล่อยมันไปแล้ววันหนึ่งเวรกรรมจะตามทันเอง ภาครัฐให้อะไรเราฟรีโดยประชาชนไม่ต้องเสียอะไรเลย ฯลฯ

65230_510239969028247_654158642_n.jpg

พวกอุดมด้วย common nonsense หรือกลุ่ม BS

เหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการปกครองประเทศ ต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ

และต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนอื่นเป็นอันมาก

เนื่องจากเขาเชื่อ นับถือ ยึดมั่น ในสิ่งที่ขาดหลักฐาน

และขาดสามัญสำนึกของคนธรรมดา

 

ตราบใดที่การศึกษาของเราไม่สอนให้คนคิดเป็น

เราก็จะติดกับดัก common nonsense อยู่อย่างนี้

และจะมีคนประเภทนี้อยู่เต็มไปหมดทั้งในปัจจุบันและอนาคต

พวก common nonsense ที่มีอาการหนักนั้นเขาเรียกกันว่าพวก “เต่าถุย”

กล่าวคือเป็นเง่าบัวที่อยู่ใต้โคลนตมชนิดที่เต่ากินเข้าไปแล้วยังคายออกมาเลย

Tags : วรากรณ์ สามโกเศศ

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Kung Kamolkorn

เบรก 1678ได้ อาจติด 83 อีกจุด ถ้าผ่านได้ มีลุ้น 89

 

579618_339177579520404_20159128_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wealth Station

ทองดีดตัวขึ้นจากแนวหนุนย่อยที่ 1668 - 1670 ขึ้นมาได้

กำลังทดสอบแนวต้านย่อยที่ 1675 ผ่านและยืนได้มีลุ้นขึ้นทดสอบ 1682 1685 การกลับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1682 - 1685 ได้อีกครั้งก็ต้องถือว่าดูดีใช้ได้ครับ

ส่วนตัวผมรู้สึกว่านับเอาลักษณะของทรงกราฟที่จะปรับตัวขึ้นได้เรื่อยๆ จึงมองว่ามีลุ้นที่เราจะเห็นขึ้นทดสอบ 1700 เร็วนี้ โดยยังให้ระวังการหลุดแนวหนุนไว้ด้วยครับ ที่1660

ช่วงนี้อึดอัดกันหน่อย จากที่คุยๆ มาก็บ่นกันครับ ถ้าโชคดี น่าจะมีเบรกไปซักทางในเร็วนี้ ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงนะครับ และหวังว่าจะขึ้น

 

2945_501801099858370_979741167_n.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย

★ "โครงการศิลปะเพื่อชีวิตและอิสรภาพของคนรุ่นใหม่" หรือ "โครงการป่วน" ★

 

โครงการให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีความเข้าใจตนเองมากขึ้น สามารถรู้เท่าทันอารมณ์ตนเองและความคิดตนเอง ให้อภัยอดีต เห็นคุณค่าในตนเอง

 

รับรู้ความมุ่งหมายในชีวิตอย่างชัดเจน มั่นใจในชีวิตมากขึ้น อยู่กับปัจจุบันขณะมากขึ้น และสามารถที่จะยอมรับและอยู่กับสภาวะอารมณ์ที่เป็นตัวป่วน (นิวรณ์ 5) ได้อย่างสงบและเท่าทัน

 

อีกทั้งยังได้แนวทางการปฏิบัติตนเพื่อให้เท่าทันสภาวะอารมณ์ด้านลบของตนเองด้วย (คือเอาเรื่อง นิวรณ์ 5 ที่เป็นธรรมะ มาให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจ แต่ไม่ใ้ช้คำว่า "นิวรณ์ 5" ใช้คำว่า "ป่วน" แทน)

 

รายละเอียด: www.facebook.com/PuanPeeSong

 

71460_611837872174949_1426247619_n.jpg

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

ในเมื่อ "ตน" ไม่มี จะเป็นที่พึ่งแก่ "ตน" ได้อย่างไร?

 

ที่มีคำที่ทำให้ฉงนลังเล

คือมีคำตรัสคำสอนที่ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแก่ตน"

ให้ฝึกตนให้จัดการกับตน

 

นั่นมันเกิดขัดกันอยู่ว่า

เดี๋ยวว่าไม่มีตัวตน เดี๋ยวว่ามีตัวตน

 

มันไม่ขัดกันดอก

เพราะว่าสิ่งที่เรียกว่า "ตัวตน" นั้น

จิตมันคิดเอาเอง

จิตนั่นแหละเมื่อมันโง่ มันก็คิดว่าเป็นตัวตน

“ฉันเป็นตัวตน มีตัวตนของฉัน”

 

จิตมันโง่...ตัวตนนั้นก็คือจิตโง่

มันโง่แล้วใครจะมาช่วยให้หายโง่

มันเองอีกนั่นแหละ

ที่มันเวียนว่ายไปในกองทุกข์

ในกองทุกข์ ในกองทุกข์มากขึ้น

มันก็ค่อยลืมหูลืมตาฉลาดขึ้นมา

จนละเสียซึ่งตัวตน

 

พุทธทาสภิกขุ

 

ที่มา : บรรยายธรรมประจำวันเสาร์ ภาคมาฆบูชา ชุดธรรมะเล่มน้อย

" อะไร ๆ ในชีวิตสักแต่ว่าเป็นเรื่องของจิตสิ่งเดียว "

ครั้งที่๙, ๕ มีนาคม ๒๕๒๖

 

 

 

531528_10151459077110535_1353299634_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...