ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

485353_608004689216755_460159826_n.jpg

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

KING'S ARMY

ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

KING RAMA 9

 

ขอขอบคุณภาพภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จาก iamzoof

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Information Division of OHM

7 hours ago

 

ตรุษจีนในราชสำนัก “พระราชพิธีสังเวยพระป้าย”: ในเทศกาลตรุษจีนของทุกปี ราชสำนักมีพิธีถวายราชสักการะแด่ดวงพระวิญญาณแห่งองค์บูรพมหากษัตริย์เป็นพิธีแบบจีน เรียกว่า “พระราชพิธีสังเวยพระป้าย”

 

“พระป้าย” คือ แผ่นป้ายที่จารึกพระปรมาภิไธยเป็นอักษรจีน ตามขนบธรรมเนียมจีนที่นิยมจารึกชื่อบรรพบุรุษไว้บนแผ่นป้ายสำหรับบูชาประจำบ้านเพื่อแสดงกตัญญูกตเวที พระป้ายนี้ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และพระที่นั่งเวศหาศจำรูญ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีสังเวยพระป้ายทั้ง ๒ แห่ง

 

พระราชพิธีสังเวยพระป้ายกำหนดเป็น ๒ วัน ในวันแรกหรือตรงกับ “วันไหว้” ของจีน เป็นการสังเวยพระป้าย คือ พระป้ายพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) กับสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และพระป้ายพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) กับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ โดยพระป้ายทั้ง ๒ องค์ จารึกเป็นภาษาจีนบนแผ่นไม้จันทน์หอมแกะสลักลวดลายจีนและลงรักปิดทองที่ขอบพระป้าย ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้วแบบเก๋งจีนลงรักปิดทอง ตั้งอยู่ ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วนวันที่สองหรือตรงกับ “วันตรุษจีน” คือวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ ตามปฏิทินจีน จะเป็นการสังเวยพระป้ายที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยพระป้ายจะแปลกออกไป คือเป็นเทวรูปหล่อทรงเครื่องกษัตริยาธิราช พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายจีบขึ้นเสมอพระอุระ เหมือนกับองค์พระสยามเทวาธิราชทุกประการ แต่พระพักตร์มีลักษณะเหมือนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้วแบบจีน ทำด้วยไม้จันทน์หอมแกะสลักลวดลายลงรักปิดทอง พร้อมฉัตร ๕ ชั้น ตั้งเคียงอยู่ทั้งสองข้าง และมีพระปรมาภิไธยจารึกไว้ด้านหลังซุ้มเรือนแก้วเป็นภาษาจีน

 

ภาพ : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พุทธศักราช ๒๕๕๔

 

 

535742_437401442997534_107578071_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภารกิจพิชิต EM

-------------------

485315_362761663830753_817526028_n.jpg

 

 

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

ภารกิจพิชิต EM

 

กร ดุรงคเวโรจน์

ทีมจัดการกองทุนบัวหลวง

 

10 กุมภาพันธ์ 2556

 

เมื่อคืนก่อน CEO ของผมส่งการบ้านมาให้ทำ และบอกว่าไม่ต้องรีบ แต่ทำให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง !!! จะได้ไม่ต้องทำงานในช่วงตรุษจีน (ใจดีชะมัด)

 

การบ้านที่ส่งมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝรั่งมองตลาดเกิดใหม่หรือ Emerging Market – EM ว่าจะเป็นอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งคำว่า “ตลาดเกิดใหม่” หรือ Emerging Market – EM ตามนิยามของธนาคารโลก ก็คือประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวไม่เกิน 11,456 ดอลลาร์ หรือประมาณ 350,000 บาท/ปี

 

CEO เคยบอกว่า หมั่นไส้ฝรั่งที่มาตั้งชื่อประเทศอื่นๆ เป็นตลาดเกิดใหม่ ทั้งๆ ที่หลายประเทศในตะวันตกที่เรียกตนเองว่าพัฒนาแล้วก็เพิ่งจะเกิดมาไม่นาน อย่างสหรัฐอมเริกา แถมยังเอาจำนวนเงินมาวัดความเจริญอีกด้วย

 

ตอนแรกผมก็อ่านอย่างเซ็งๆ เพราะกลับจากออกกำลังช่วงค่ำ แต่อ่านไป อ่านไป เอ๊ะ มันน่าสนใจ เพราะ Mckinsey & Company วิเคราะห์ว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า ตลาดเกิดใหม่จะกลายเป็นโอกาสทางการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทุนนิยมของโลก โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณการบริโภคในตลาดเกิดใหม่จะมีมูลค่าเป็น 50% ของการบริโภคทั้งโลกภายในปี 2568 หรือคิดเป็นเม็ดเงินมหาศาลกว่า 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (2 เท่าของ GDP สหรัฐในปี 2012)

 

ดังนั้น ตลาดเกิดใหม่จึงเป็นตลาดที่ธุรกิจทั่วโลกจะต้องจับตามองและหาทางเข้าร่วมให้ได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก และเป็นสมรภูมิซึ่งยังไม่มีการจับจองอย่างถาวรหรือมีผู้ชนะดังเช่นในตลาดพัฒนาแล้ว

 

ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่มองตลาดเกิดใหม่เป็นเพียงแหล่งกระจายสินค้าของบริษัท เนื่องจากเป็นตลาดที่เล็ก กำลังซื้อไม่มาก และเป็นตลาดที่ยังไม่คุ้นเคย เราจึงมักเห็นแบรนด์ระดับโลกต่างๆ มาตั้งเพียงสำนักงานขายในประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดมักจะอยู่ที่สำนักงานใหญ่หรือสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในประเทศตลาดพัฒนาแล้ว

 

แต่ Mckinsey รายงานว่า ในช่วง 5-7 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศตลาดเกิดใหม่นั้นเติบโตเร็วกว่าบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้วกว่า 200% และโตเร็วกว่าถึง 250% หากทั้ง 2 บริษัทต่างทำธุรกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งทั้ง 2 บริษัทไม่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่

 

เหตุผลแรก มาจากบริษัทในตลาดเกิดใหม่มักมีขนาดเล็กกว่า จากมูลค่าบริษัทเฉลี่ยที่ประมาณ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับขนาดเฉลี่ย 8 พันล้านเหรียญในตลาดพัฒนาแล้ว จึงทำให้เติบโตได้ในอัตราสูงจากฐานที่ต่ำกว่า

 

เหตุผลที่สอง คือบริษัทในตลาดเกิดใหม่มีอัตราการนำกำไรที่ได้ไปลงทุนต่อ (Reinvestment Rate) สูงกว่าในตลาดพัฒนาแล้ว จากสถิติพบว่า บริษัทในตลาดเกิดใหม่โดยเฉลี่ยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลเพียง 39% ของกำไรแก่ผู้ถือหุ้น (เทียบกับ 80% ในตลาดพัฒนาแล้ว) โดยนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพื่อขยายธุรกิจในอัตราที่สูงกว่า โดยสถิติแล้วบริษัทในตลาดเกิดใหม่มีการหมุนเวียนสินทรัพย์ไปยังโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้มากและรวดเร็วกว่าบริษัทในตลาดที่พัฒนาแล้ว 50% ถึง 100% จึงสามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจตามสภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นๆ ได้ว่องไวกว่า

 

นอกจากนี้ บริษัทในตลาดพัฒนาแล้วมักจะเน้นคุณค่าของแบรนด์สินค้า (Brand Recognition) เป็นหลักซึ่งเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายและอัตราการทำกำไรต่อชิ้นสูงกว่า แต่สินค้าเหล่านี้มักจะมีกลุ่มเป้าหมายที่แคบและเจาะจง ในขณะที่บริษัทในตลาดเกิดใหม่มักทำธุรกิจด้วยผลิตภัณฑ์ซึ่งมีต้นทุนในการผลิตต่ำ ราคาขายไม่แพงมาก ซึ่งมักจะเป็นสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของชนชั้นกลางทั่วโลกซึ่งกำลังเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว

 

ดร.มาร์ค โมเบียส กูรูการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ มักจะเน้นย้ำอยู่เสมอถึงความสำคัญของฐานผู้บริโภคและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดเกิดใหม่ จากฐานประชากรที่มีกำลังซื้อจำนวนมหาศาลและกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการขยายตัวของชุมชนเมือง (Urbanizaion) ที่ทำให้รายได้ของประชากรในประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการใช้จ่ายบริโภค อาหาร พลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ มากขึ้นตามลำดับ ประกอบกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยของประเทศในตลาดเกิดใหม่ในปัจจุบันที่มีหนี้สาธารณะในสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีอัตราเงินเฟ้อกับอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ไม่สูง จึงเหมาะสมแก่การเข้ามาลงทุนเพื่อทำธุรกิจป้อนสินค้าให้กับความต้องการในพื้นที่ ทำให้แหล่งผลิตทรัพยากรหรือสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ก็จะมาจากภายในตลาดเกิดใหม่นี่เอง

 

หากเราดูจากประวัติศาตร์ทุนนิยมในสหรัฐ เราจะเห็นได้ว่าผู้ชนะจำนวนมากในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในศตวรรษที่ 19 ยังคงเป็นผู้ครองตลาดอันดับ 1 หรือ 2 ของตลาดในปัจจุบันแม้จะผ่านมาเกือบ 80 ปีแล้ว

 

อย่างเช่น Kraft Foods ในตลาดบิสกิต

อย่าง Del Monte Foods ในอุตสาหกรรมผลไม้กระป๋อง

และ Wrigley ในตลาดหมากฝรั่ง

 

โดยผู้เล่นที่ไม่สามารถจับจองพื้นที่ได้ในอดีตต่างก็เลือนหายไปตามกาลเวลา สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความสำคัญของการเข้าสนามแข่งขันให้ถูกเวลา ถูกจังหวะ และพยายามเข้าเส้นชัยก่อนคู่แข่งให้ได้

 

ดังนั้น Emerging Market จะไม่ใช่เป็นเพียงตลาดที่ “น่าสนใจ” เท่านั้น แต่ยังเป็นตลาดที่ “ต้องสนใจ” ซึ่งบริษัทต่างๆ จะไม่เพียงแค่ทดสอบตลาดอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องเข้ามาแย่งชิงเพื่ออยู่รอดในเวทีโลกในระยะยาวให้ได้

 

ที่น่าสนใจต่อก็คือ ประเทศไทยนั้น เป็นหนึ่งในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจมาตั้งธุรกิจมากที่สุด โดยเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา Bloomberg ได้จัดอันดับให้ไทยเป็นที่ 3 ของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนมากที่สุด รองจากจีนและเกาหลีใต้ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนจากการขยายตัวของ GDP อัตราเงินเฟ้อ อัตราส่วนหนี้สาธารณะ และความง่ายในการเข้าไปทำธุรกิจ

 

อีกไม่นานนับจากนี้ ธุรกิจในประเทศไทยจะต้องเผชิญบททดสอบที่สำคัญจากการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น ทั้งผู้เล่นในประเทศหน้าเก่าและหน้าใหม่ ผู้เล่นจากประเทศเพื่อนบ้าน และผู้เล่นยักษ์ใหญ่ระดับโลก

 

นอกจากจะสนใจทำมาค้าขายกันเองแต่ในประเทศแล้ว ธุรกิจจะต้องพยายามขยายกิจการไปยังตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เพื่อจับจองส่วนแบ่งเค้กก้อนใหญ่นี้ และธุรกิจที่สามารถยืนหยัดในการแข่งขันครั้งนี้ได้ก็จะกลายเป็นเป็นยักษ์ใหญ่ในเวทีโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ป.ล. โชคดีจริงๆ ที่ผมส่งการบ้านให้ CEO ได้ทันเวลา 24 ชั่วโมงครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

547759_336856549748004_1549280128_n.jpg

 

 

 

276571_163576530409341_1290136169_q.jpg

Life 101 Co.,Ltd.

 

» เรียนรู้จากยอดคนสามก๊ก...`วิถีเล่าปี่´

 

เล่าปี่ไม่ใช่ตัวละครที่มีคนชอบในสามก๊กมากที่สุด ทว่าใครก็ตามที่อยากจะสร้างตัว ....นอกจากจะศึกษาเถ้าแก่มหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จแล้ว ก็ควรเอาอย่าง`เล่าปี่´

 

วันนี้ Life 101 ขอโหนกระแสตรุษจีน.. โดยนำบทสรุป `วิถีเล่าปี่´ในเชิงกลยุทธ์และการจัดการสมัยใหม่มาให้เห็นเป็นตัวอย่างชัดๆ

 

-------

 

#1 : Image คือทุกสิ่งทุกอย่าง

 

เล่าปี่สร้างตัวจากไม่มีอะไร

 

ในยามกลียุค เกิดศึกสงครามทั่วแผ่นดินนั้น ใครก็สามารถสร้างตัวขึ้นเป็นใหญ่ได้ หากรู้จักสร้างโอกาสให้ตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ

 

เล่าปี่คงไม่รู้หลักการตลาดในทางทฤษฎี ทว่าในภาคปฏิบัติแล้ว เขาคือปรมาจารย์

 

การตลาดที่เล่าปี่ใช้ก็คือการตลาดแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth Marketing ในยามสื่อทั้งหลายยังไม่เจริญ การใช้ปากคนพูดต่อๆไปนั้น จะได้ผลดีที่สุด

 

ถ้าจะให้คนพูดถึงตัวเองในแง่ดี ก็ต้องวางตัวและประพฤติปฏิบัติให้คนเห็นว่าเป็นคนดี

 

ยุคสามก๊กเป็นยุคที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ยากที่มวลชนจะฝากผีฝากไข้ไว้กับผู้ปกครองคนหนึ่งคนใดได้

 

เล่าปี่วางตัวเป็นคนมีคุณธรรมไม่แย่งยึดเมืองจากคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสกุลเดียวกันอย่างไร้คุณธรรม ...ทั้งๆ ที่ในยุคนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายต้องไม่คำนึงถึงวิธีการที่ใช้

 

การทำตัวมีคุณธรรม แม้จะทำให้ “ต้นทุน” การตั้งตัวสูงขึ้น แต่ ทว่าในเชิงภาพลักษณ์แล้วได้เต็มๆ

 

ภาพลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ผู้มีคุณธรรม จิตใจโอบอ้อมอารี เห็น แก่อาณาประชาราษฎร์ นี่เอง ทำให้ชนะใจมวลชน

....เมื่อจะทำการใหญ่ก็ง่ายกว่าคนอื่น

 

แต่ท้ายที่สุด...เล่าปี่ก็คือนักการเมืองผู้หนึ่งเช่นเดียวกับโจโฉ เพียง แต่เลือกเดินคนละสายเท่านั้น

 

เล่าปี่เลือกเดินสายพิราบ สมานฉันท์ สันติภาพ

 

เล่าปี่ไม่สามารถเดินสายเดียวกับโจโฉ เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

 

ความสำเร็จของเล่าปี่...คือความสำเร็จของการตลาดภาพลักษณ์ (Image Marketing)

 

ตัวตนจริงๆ ของเล่าปี่จะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ ...แต่เมื่อประชาชน มองว่าเขาเป็นคนดีมีคุณธรรม

 

ภาพลักษณ์นี้ก็จะติดตัวเขาตลอดไป...

 

---------

 

 

#2 : มอบอำนาจสิทธิ์ขาดให้ผู้มีสติปัญญาเหนือตน

 

ผู้ประกอบที่เริ่มตั้งตัวนั้นต้องมีปณิธานต้องการตั้งตัวเป็นใหญ่

 

มีความฝัน ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัญญาและความ สามารถตลอดจนกระทั่งบุคลากรเพียบพร้อมหรือไม่

 

จุดที่ทำให้ผู้ตั้งตัวเป็นใหญ่ไปไม่ถึงไหนก็คือคนแวดล้อมนั้นล้วน แต่เป็นผู้ประจบสอพลอ ทำให้ไม่สามารถสานฝันจนถึงฝั่งได้

 

จุดอ่อนอีกประการก็คือ ไม่รู้จุดอ่อน จุดแข็งของตน

 

เล่าปี่รู้ตัวดีว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำคนอื่นๆแล้ว ตนนั้นเต็มไป ด้วยจุดอ่อนมีจุดแข็งน้อยมาก

 

จุดแข็งเด่นๆของเล่าปี่มีเพียงสองประการเท่านั้น

 

นั่นคือภาพลักษณ์คนดีมีคุณธรรมและมีศิลปะในการครองใจคน

 

ทว่าหากจะตั้งต้นเป็นใหญ่ จุดแข็งทั้งสองประการไม่เพียง

 

ต้องมีสติปัญญาเหนือคนเพราะในยุคสามก๊กไม่ได้รบกันด้วย กำลัง ไม่เช่นนั้นลิโป้คงเป็นใหญ่ในแผ่นดินแล้ว

 

เมื่อเล่าปี่สำนึกว่าตนนั้นด้อยสติปัญญา ก็ไม่ฝืน พยายามหาผู้มี สติปัญญามาเป็นกุนซือ

 

เพราะรู้ว่าการมีสามทหารเอกกวนอู เตียวหุย จูล่ง ไม่เพียงพอกับ การตั้งตัวเป็นใหญ่เขายังขาดมันสมองใหญ่ในการกำหนดแผน รบและครองแผ่นดิน

 

เขาแตกต่างจากโจโฉที่ทั้งมีความสามารถในการรบและวางแผน การรบด้วยตัวเองได้

 

ขณะที่เล่าปี่ไม่มีในสิ่งที่โจโฉมี จึงต้องหาคนมากระทำการแทน

 

การเพียรพยายามไปเยือนกระท่อมหญ้าของขงเบ้งที่เขาโงลังกั๋ง ถึง3 ครั้งแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับกุนซืออย่างสูง เพราะก่อนหน้าเขาเห็นว่าการรบอย่างมีแผน กับการรบอย่างไร้ แผนนั้นผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างไร

 

เมื่อชีซีและสุมาเต็กโช ให้การยกย่องขงเบ้งอย่างสูง

 

เขาจึงเชื่อมั่นและให้ความสำคัญกับพญามังกรแห่งเขาโงลังกั๋งมากๆ ทั้งๆที่ขงเบ้งอายุเพียง 27 ปี และไม่มีประสบการณ์มาก่อน

 

ทว่าเล่าปี่ก็พร้อมมอบอำนาจให้ขงเบ้งเป็นซีอีโอ

 

ส่วนตนเองนั่งเก้าอี้ Chairman

 

ถ้าเขาใช้คนผิดก็อาจล่มสลาย

 

ถ้าใช้คนถูก ก็เป็นใหญ่ในแผ่นดิน

 

----------

 

 

Life 101 ชวนต่อยอด...แยกการวิเคราะห์ SWOT ของ `เล่าปี่´ ออกเป็น 2 กลุ่ม

 

กลุ่มที่ 1 คือ Strengths (จุดแข็ง) Weaknesses (จุดอ่อน) ...เป็นกลุ่มที่เกิดจากปัจจัยภายใน

 

กลุ่มที่ 2 คือ Opportunities (โอกาส) Threats (อุปสรรค) ....เป็นกลุ่มที่เกิดจากปัจจัยภายนอก

 

 

» Strength (จุดแข็ง) ของเล่าปี่ คือ ความเป็นคนโอบอ้อมอารีย์ มีเมตตา ซื่อสัตย์ มีความทะเยอทะยาน มีลักษณะดี (โหวงเฮ้งดี) เป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น และมีปฏิ ทานอย่างแรงกล้า

 

 

» Weakness (จุดอ่อน) คือ จน ไม่มีความรู้ ไม่มี connection ไม่มี ประสบการณ์ทางการทหาร ใจอ่อน และมักจะลังเล ไม่เฉียบขาด

 

 

» Opportunities (โอกาส) คือ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง (โจรโพก ผ้าเหลือง) และ ตัวโจโฉ

 

 

» Treats (อุปสรรค) คือ ชัยภูมิที่ตั้งมั่น ความแข็งแกร่งของวุยก๊ก และข้อจำกัดด้านสติปัญญา

 

------

 

 

-- สรุป การวิเคราะห์ SWOT ของเล่าปี่ --

 

เล่าปี่ถือกำเนิดในชนชั้นล่าง ด้วย Image แห่งความโอบอ้อมอารีย์ และสัตย์ซื่อถือคุณธรรม ที่สำคัญคือ มีลักษณะดี รวมถึงเป็นเชื้อพระวงค์ฮั่น

 

สิ่งเหล่านี้ทำให้กองกำลังจ๊กก๊กของเล่าปี่ ถูกตามหลักความเป็นธรรม

 

(ความเป็นธรรม“เต้า” หนึ่งในปฐมบทของพิชัยสงครามซุนวูเต้า เทียนตี้เจียงฝ่า) กล่าวคือ... เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกน้องและ ราษฎรยินดีร่วมเป็นตายด้วย

 

นี่เป็นเหตุผลที่โจโฉเกรงกลัวเล่าปี่ เพราะหากจะวัดกันแล้ว ทั้ง เทียน(ฟ้า) ตี้(ดิน) เจียง(แม่ทัพ) และฝ่า(กฏระเบียบ) โจโฉไม่เกรงกลัวใครทั้งแผ่นดิน

 

แต่สิ่งที่โจโฉขาด คือ ความชอบ ธรรมที่มีอยู่ในตัวเล่าปี่อย่างเต็มเปี่ยม

 

ในขณะที่...แผ่นดินเกิดกลียุคทั้งโจรโพกผ้าเหลือง และ การแก่งแย่งอำนาจ จึงถือเป็นโอกาสที่ทำให้คน ธรรมดาคนหนึ่งสามารถสร้างผลงานได้

 

ขณะที่โจโฉเติบใหญ่ขึ้น มีอำนาจข่มเหงฮ่องเต้และประชาราษฎร์

 

ภาพของผู้นำเช่นเล่าปี่ จึงถูกยกสูงขึ้น เหล่าแม่ทัพและปราชญ์จึงยื่นมือเข้าสนับสนุนเล่าปี่

 

แต่อุปสรรคที่ทำให้ จ๊กก๊ก ของเล่าปี่ไม่สามารถรวมแผ่นดินได้ ก็คือ ชัยภูมิที่ตั้ง

 

จะเห็นว่าโจโฉสร้างตัวที่ เมืองหลวง ซึ่งเป็นเมืองที่มีชัยภูมิที่แข็งแกร่ง และยึดครองทางทิศเหนือ ที่มีกำแพงเมืองจีนเป็นเกราะกำบัง

 

ขณะที่ง่อก๊ก (ซุนกวน) มีชัยภูมิทางน้ำ

 

ส่วนจ๊กก๊ก ของเล่าปี่ มีพวกม่านที่อยู่ทางใต้ จึงต้องเสียเวลา และกำลังมากมายไปปราบ

 

---------

 

 

Credit : Thaicoon , Marketing & Management — with Arms Chinnapong Srinil,Suphat Fuses, Aoms Ploychanok, Xiao Lin, King Thipklom, Tatar Apatchar, TaPe Bongkot Chov and Fuse Whats.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...