ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 มดจอมพลัง อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 Unbelievable Beautiful specie, Victoria Crowned Pigeon อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 The Blue Parrotfish! — อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 Beautiful sky-blue mushroom พิเศษสำหรับวันศุกร์นะคะ 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 แมงปอสีน้ำเงิน อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 รังที่ปลอดภัย กันแดด ลม อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 สาระแห่งสุขภาพ 15 minutes ago ***เรื่องที่ไม่รู้มาก่อนกับพาราเซตามอล*** ยาพาราเซตามอล (paracetamol) หรือ อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) เป็นยาแก้ปวดลดไข้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายหาซื้อได้ง่าย เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกวิธี พาราเซตามอลสามารถบรรเทาปวดจากสาเหตุต่างๆได้หลากหลาย และมักเป็นยาที่นึกถึงเป็นขนานแรกเมื่อมีอาการปวด เมื่อใช้ในรูปแบบยาเดี่ยว พาราเซตามอลมีฤทธิ์ลดอาการปวดจำกัด รักษาได้เพียงอาการปวดขั้นอ่อนถึงปานกลางเท่านั้น อาการปวดที่ยาพาราเซตามอลใช้ได้ผลน้อยหรือไม่ได้ผล -อาการปวดขั้นรุนแรง เช่น ปวดจากแผลผ่าตัดใหญ่ หรือจากมะเร็ง ยาพาราเซตามอลแต่เพียงขนานเดียวไม่สามารถรักษาได้แม้ว่าจะใช้เกินขนาดไปเท่าใดก็ตาม ดังนั้นผู้ป่วยที่มีความปวดระดับดังกล่าวห้ามใช้พาราเซตามอลเกินขนาดที่แนะนำเพื่อหวังผลลดปวดและควรพบแพทย์เพื่อรับยาที่เหมาะสมต่อไป -อาการปวดที่มีลักษณะอาการแบบแปลกๆ อาการปวดโทยทั่วไปที่พาราเซตามอลมีผลรักษาเช่น ปวดตื้อ หรือ กดเจ็บ จากเนื้อเยื่อที่มีการอักเสบ หรือปวดศีรษะทั่วไป แต่มีอาการบวดบางแบบที่พบได้ในผู้ป่วยเช่น ปวดแสบปวดร้อน เสียวแปลบเป็นพักๆ ปวดเหมือนเข็มเล็กๆทิ่มแทง ปวดเหมือนไฟช๊อต ปวดร้าวไปที่บริเวณอื่นๆ อาการปวดเหล่านี้อาจบ่งถึงอาการปวดจากการที่เส้นประสาททำงานผิดปกติ ปวดร่วมกับอาการชา ยาพาราเซตามอลมีผลน้อยมากในการรักษาอาการดังกล่าว ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเส้นประสาทมักมีอาการเรื้อรังจึงอาจใช้ยาพาราเซตามอลเองเป็นระยะเวลานานซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของตับ หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง -อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง การใช้ยาพาราเซตามอลรักษาอาการปวดศีรษะบ่อยๆ โดยเฉพาะการใช้ยามากกว่า 15 วันต่อเดือนประมาณ 2-3 เดือนติดต่อกันจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิด “โรคปวดศีรษะเหตุใช้ยาเกิน (medication overuse headache)” ดังนั้นผู้ที่อาการปวดศีรษะบ่อยครั้ง เช่นปวดศีรษะไมเกรนมากกว่าเดือนละ 3-4 ครั้ง หรือปวดศีรษะจากความเครียดที่มีลักษณะอาการปวดเหมือนศีรษะถูกบีบรัดมากกว่า 15 วันต่อเดือน ควรปรึกษาบุคคลากรทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและอาจจำเป็นต้องรับยาอื่นที่ไม่ใช่พาราเซตามองเพื่อป้องกันอาการปวดศีรษะต่อไป คำแนะนำการใช้ยาพาราเซตามอลในการระงับปวดให้ปลอดภัย 1.รับประทานยาอย่างเคร่งครัดตามที่ได้รับการแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ หรือห้ามใช้เกินขนาดที่แนะนำ -ขนาดยาพาราเซตามอลโดยทั่วไปเมื่อใช้ในการรักษาความปวดเบื้องต้นในผู้ใหญ่คือ 500 มิลลิกรัมครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ใน 1 วัน (24 ชั่วโมง) ไม่เกิน 8 เม็ด (4,000 มิลลิกรัม) จากขนาดยาดังกล่าวสังเกตว่าหากรับประทานครั้งละ 2 เม็ดทุก 4 ชั่วโมง จะเท่ากับ 6,000 มิลลิกรัมซึ่งเกิน 4,000 มิลลิกรัม ให้ระมัดระวังการใช้ยาในขนาดสูงดังกว่า ขนาดยาที่แนะนำในผู้ใหญ่นี้ ใช้สำหรับรักษาความปวดเบื้องต้น แนะนำให้รับประทานติดต่อกันไม่เกิน 5-7 วัน หากจำเป็นต้องใช้นานกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์ 2.หากใช้ยาบางชนิดร่วมด้วยต้องใช้พาราเซตามอลภายใต้การดูแลของแพทย์ -ยาบางชนิดอาจทำให้พิษต่อตับของยาพาราเซตามอลเพิ่มขึ้นเช่น ยารักษาวัณโรค เช่น rifampin หรือยารักษาโรคลมชักเช่น phenytoin, carbamazepine และ phenobarbital หรือการดื่มสุราจัดติดต่อกันเป็นเวลานาน พาราเซตามอลอาจเพิ่มฤทธิ์ของยาบางชนิด เช่น warfarin ซึ่งเป็นยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด หากได้รับยาดังกล่าวควรใช้ยาพาราเซตามอลหรือยาแก้ปวดทุกชนิดภายใต้การดูแลของแพทย์ 3.ตรวจสอบชื่อสามัญทางยาของยาที่ใช้อยู่ให้ถี่ถ้วนเพื่อป้องกันการได้รับพาราเซตามอลเกินขนาด ในกรณีที่ผู้ป่วยใช้ยาอยู่หลายขนานให้ทำการตจาวลสอบชื่อสามัญทางยาว่ามี พาราเซตามอล (paracetamol) หรือ อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) อยู่ในยาแต่ละขนานอย่างซ้ำซ้อนหรือไม่ เพราะมียาหลายชื่อการค้าที่มีพาราเซตามอลแฝงอยู่โดยเฉพาะยาสูตรผสมแก้หวัด เช่น Tiffy® Decolgen®, Pharcold® และ Apracur® และยาสูตรผสมแก้ปวด เช่น Norgesic®, Ultracet® และ Tylenol with codeine® การได้รับยาเหล่านี้ซ้ำซ้อนกันหลายชนิดอาจเป็นเหตุให้ได้รับยาพาราเซตามอลเกิดขนาดโดยไม่ตั้งใจได้ หากไม่แน่ใจในขนาดยารวมของพาราเซตามอลที่ใช้ให้ปรึกษาเภสัชกร ที่มา : คณะเภสัชศาสตร์มหิดล/by สาระแห่งสุขภาพ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 .... .... ..... อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 MySci ป่าพรุ เป็นประเภทของป่าดิบชื้นประเภทหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดจากแอ่งน้ำจืดเกิดขังตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีการสะสมของชั้นดินอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืช, ซากสัตว์, เศษซากของต้นไม้ ใบไม้ ต่าง ๆ จนย่อยสลายช้า ๆ กลายเป็นดินพีตหรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำ ดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปีhttp://www.nextsteptv.com/mysci/?p=2400 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 ถนอมรักษ์ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 เครือข่ายกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต “คนเรามันรักสุข เกลียดทุกข์นี่ หนักก็หนักอยู่ตรงนี้แหละ ไม่รับความจริง เราเกิดมา นินทา สรรเสริญก็ดี อย่าไปรับเอามาหมักไว้ในใจ ปล่อยผ่านไปเสีย…ความรัก ความชัง ความโลภ ความหลง เกิดขึ้นก็เพราะกิเลสมันเสวนากันอยู่… จาโค ปฏินิสฺสคฺโค สละคืนถอนออกจากใจนี้เสีย" หลวงปู่แหวน สุจิณโน วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ภาพ : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงปู่แหวน สุจิณโน ณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 ชายแคนาดาตกบันได ค้นพบว่ามองเห็นได้หลังตาบอดแต่กำเนิดมา 68 ปี 2013-08-02 17:08:38 คุณลุงปิแอร์-พอล โทมัส วัย 68 ปี อาศัยอยู่ในโลกที่เทาหม่นมืดมาตลอดชีวิตนับตั้งแต่เกิด แต่เมื่อสองปีที่แล้วคุณลุงก็พลันได้ความสามารถในการมองเห็นกลับมาอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน หลังจากพลัดตกบันได !! เว็บไซต์เดลี่เมลรายงานเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมว่า คุณลุงปิแอร์-พอล โทมัส จากเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เกิดมาพร้อมความผิดปกติทางดวงตา ที่เป็นโรคตากระตุก (nystagmus) โดยคุณลุงมีอาการตากระตุกแกว่งไปทางซ้าย-ขวาตลอดเวลาอย่างไม่สามารถบังคับได้ เส้นประสาทดวงตาได้รับความเสียหาย และมีต้อขึ้นบดบังลูกตามาตั้งแต่ตอนนั้น ทำให้คุณลุงไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ๆ ได้เลย นอกจากม่านหมอกสีเทาหม่น แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว คุณลุงเกิดเดินพลัดตกจากบันไดในอพาร์ทเม้นท์ของตัวเอง นอกจากร่างกายได้รับบาดเจ็บแล้วใบหน้าก็ได้รับความเสียหาย กระดูกเบ้าตาแตกหัก ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน และแล้วเมื่อถึงโรงพยาบาลมอลทรีออลคุณลุงเองก็ต้องแปลกใจ เมื่อแพทย์ถามด้วยอาการปกติว่านอกจากศัลยกรรมรักษาบาดแผลแล้วคุณลุงต้องการที่จะรักษาดวงตาไปพร้อมกันด้วยเลยหรือไม่ ลุงปิแอร์บอกว่า เพิ่งจะรู้ในตอนนั้นเองว่าอาการตาบอดที่ตัวเองเป็นมาตั้งแต่กำเนิดนี้สามารถรักษาได้ โดยแพทย์ได้ชี้แจงว่าสิ่งที่ทำให้คุณลุงไม่สามารถมองเห็นคือต้อที่ขึ้นมาบดบังลูกตา ไม่เกี่ยวข้องกับอาการของโรคตากระตุกแต่อย่างใด แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนักที่คุณลุงจะไม่เคยได้รับการรักษาเลย เพราะในตอนนั้นคุณยังไม่ได้รับสิทธิสวัสดิการในการรักษาฟรี รวมทั้งเทคโนโลยีในการรักษาดวงตาก็ยังไม่พัฒนาเหมือนทุกวันนี้ด้วย ดวงตาใหม่ที่คุณลุงได้มา ทำให้ลุงปิแอร์ต้องเรียนรู้ที่จะมองเห็นใหม่ไม่ต่างจากเด็ก ๆ โลกสีเทาของคุณลุงมีสีสันมากขึ้น แม้จะมีอุปสรรคในการแยกสีอยู่บ้าง อย่างสีเทากับสีเขียวของธนบัตรที่สร้างความสับสนให้คุณลุงอยู่บ่อยครั้ง หรือการจดจำแยกแยะด้วยการมองก็ยังไม่ค่อยแม่นยำนัก หลายครั้งที่คุณลุงเลือกจะใช้การสัมผัสเข้าช่วยในการแยกลักษณะสิ่งของมากกว่า แต่ถึงอย่างไรคุณลุงก็บอกว่ามีความสุขมากกับสายตาที่ได้รับกลับมา และสนุกกับการเรียนรู้โลกใบเดิมด้วยวิธีใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนเอามาก ๆ ทีเดียว ได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ดีใจแทนคุณลุงด้วยนะคะ อยากให้ผู้พิการทางสายตาท่านอื่น ๆ ได้มีโอกาสเหมือนคุณลุงปิแอร์บ้างด้วยจริง ๆ เลยเนอะ แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 สาระแห่งสุขภาพ ***แชมพูมะกรูดสูตรธรรมชาติมากๆ*** วันนี้มาแนะนำทำแชมพูมะกรูดแบบไร้สารเคมี คือ ไม่ใช้หัวแชมพูหรือผงฟอง ส่วนผสมหาง่ายๆ ใช้เพียงมะกรูด 1 กิโลกรัม กับน้ำสะอาด 1 ลิตร วิธีการทำ 1. นำผลมะกรูููดมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วผ่าซีีีก เอาเมล็็็ดออก หั่ั่ั่นทั้งเปลืืือกให้ เป็นชิ้น 2. นำไปต้มกับน้ำในหม้อ ปิดฝา ต้มนาน 15 นาที 3. ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำทั้งน้ำและเนื้อ มะกรูดไปปั่นในเครื่องปั่นจนละเอียด 4. นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง จะได้น้ำมะกรูดที่ข้นเหนียวเป็นครีม 5. นำน้ำมะกรูดที่ได้ไปนึ่ง หรือ ต้มไฟอ่อน พอเดือดปุดๆ ยกลงทิ้งไว้ ให้เย็น นำไปบรรจุขวดที่มีฝาปิด เก็บได้นาน 3-6 เดือน วิธีใช้ ใช้สระผมแทนแชมพูทั่วไป เวลาสระผมจะไม่มีฟอง แต่จะทำให้ผมสะอาด นุ่มสลวย ผมลื่นหวีง่าย ผมจะดกดำ เงางาม ที่มา : มูลนิธิสุขภาพไทย/by สาระแห่งสุขภาพ อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 2, 2013 The Reader, Jean-Honore Fragonard อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น