ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 สวัสดีคับ yot lavender Hong fairy wann ดอกเหมย ตู้เย็น อยากเล่นด้วยคน เด็กสยาม ลูกแก้ว เพื่อนๆ MUSICA CELTA CON ARPA RELAJANTE, CELTIC RELAXATING http://youtu.be/5sujKEHe41s อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 FEELStory Flower Story อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 HAVE A NICE MOMENT. อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 ANY THINGS IS UP TO U. อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 วันหยุด.... อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 -ขอบคุณ ความเยาวํวัยที่คงอยูเสมอ- อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
yot111 510 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 คุณหมอ 5 บาท อีกหนึ่งคนดีในสังคมไทย Dino-Lite กล้องจุลทรรศน์พกพา รางวัลยอดเยี่ยมโลก คุณหมอ 5 บาท ยังคงเปิดให้บริการแก่ประชาชน อยู่เหมือนเคยครับ ถ้าใครมีคนรู้จัก ที่เจ็บป่วย และยากจน อาจารย์ ' หมอห้าบาท ' กำลังตรวจคนไข้อย่างแข็งขัน <img height="5" width="5" /> <img height="5" width="5" /> ไม่นานมานี้ ผมได้ดูรายการจมูกมด ซึ่งเขาสัมภาษณ์ รศ.นพ. สภา ลิมพาณิชย์การ อาจารย์ประจำโรงเรียนเวชนิทัศน์ โรงพยาบาลศิริราช ผู้ซึ่งได้ฉายาว่า "หมอ ๕ บาท" ใครฟังแล้วก็ต้องประทับใจ คุณหมอท่านให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ใช่คนเรียนเก่ง อยากจะเรียนถ่ายรูป เพราะหลงใหลการถ่ายภาพ แต่คอรบครัวต้องการให้เป็นหมอ ครั้นเมื่อสอบเข้าได้ จึงใช้เวลาในการศึกษานานกว่าเพื่อนๆ โดยจบทีหลังนักเรียนแพทย์ร่วมรุ่น ๒ ปี ท่านรับราชการมาจนกระทั่งเกษียณ ได้รับบำนาญปัจจุบันเดือนละ ๒๒ , ๐๐๐ บาท และมีเงินค่าสอนอีกเดือนละ ๒๐ , ๐๐๐ บาท แต่ต่อมาเทางมหาวิทยาลัยขาดแคลนเงิน ก็ขอลดค่าสอนเหลือเดือนละ ๑๒ , ๐๐๐ บาท แต่ปีงบประมาณใหม่ คือเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ ท่านก็จะไม่ได้ไปสอนอีกแล้ว เนื่องจากมีปัญหาทางด้านสุขภาพ เงินจำนวนนี้ต้องถูกตัดไป เหลือเพียงบำนาญล้วนๆ! เมื่อจบการศึกษาแพทย์ และทำงานได้สักพัก ท่านอาจารย์หมอก็เช่าห้องแถวไม้ ในซอยระนอง ๑ เขตดุสิต ของเพื่อนเปิดเป็นคลินิก โดยขึ้นป้ายว่า "สำนักงานแพทย์" โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๗ นี่ก็เข้าไปเกือบ ๔๐ ปี แล้ว แม้ท่านอาจารย์หมอจะย่างเข้าวัยชราแล้ว แต่ท่านก็ยังเปิดบริการทางการแพทย์ของท่านอยู่ ที่น่าอัศจรรย์ คือ ท่านเก็บบริการทางการแพทย์ หรือค่ารักษาครั้งละ ๕ บาท รวมค่ายาด้วย รายใดที่จะต้องใช้ยาดีราคาแพง ก็ไม่เกิน ๗๐ บาท นั่นหมายความว่า ยาต้องดีและราคาแพงจริง คุณหมอเล่าว่า เหตุที่คิดราคาได้ถูก เพราะซื้อยาได้ถูก และยาดี เรื่องยานั้นคุณหมอซื้อกับเจ้าประจำมีส่วนลดด้วย เพราะคุณหมอไม่ต้องการให้ผู้ป่วย ไปซื้อยารับประทานเอง ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การตรวจวินิจฉัยที่ละเอียดลออ ของหมอห้าบาทต่างหาก คนไข้ก็หายเป็นปกติทุกราย ส่วนคนที่ไม่หาย เมื่อกลับมาหาท่านอีกครั้ง พอไล่เลียงกันเข้า อาจารย์หมอสภาก็บอกว่า " จับได้ทุกครั้งว่า กินยาไม่ครบ กินมื้อเว้นสองมื้อ ให้กิน ๔ เวลา กินเสีย ๒ เวลา เลยต้องกำชับให้กินให้ถูกต้อง...แล้วก็หายทุกราย!" ยิ่งกว่านั้น ถ้าคนไข้ไม่มีเงินจริงๆ แม้แต่ค่ายาคุณหมอก็ไม่คิด หรือหาก มีไม่พอ ก็มีเท่าไร ก็เท่านั้น หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เคยทำข่าวเรื่องของคุณหมอมาเมือ ๒ ปีที่แล้ว เคยสัมภาษณ์คนไข้ของคลินิก ๕ บาทแห่งนี้ ชื่อ คุณป้ามารศรี อายุ ๗๒ ปี เจ้าของร้านทำผมแถวๆ ซอยระนอง ๑ ท่านเป็นคนไข้ที่รักษากับคุณหมอ มานานกว่า ๔๐ ปี เล่าว่า รักษาตั้งแต่สมัยเพื่อนคุณหมอมาเปิดคลินิก จนถึงคุณหมอสภา มาเช่าคลินิกของเพื่อนต่อ ส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยโรคหวัด แต่วันนี้ไม่ได้มาด้วยโรคหวัด แต่ระคายเคืองตา คุณหมอบอกว่าเป็นตาแดง ก็นอกจากคุณป้าแล้ว ลูกสาวและหลานสาว หรือแม้แต่ทหารที่ทำงานอยู่ในบ้านก็มารักษา " คุณหมอสภารักษาดี คิดถูก แล้วก็หายด้วยนะ บางทีเป็นหวัด ๒๐-๓๐ บาทก็หายแล้ว ลูกชายป้าเป็นหวัดไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล เอกชนยังตั้ง ๑ , ๔๐๐...ป้ามานี่แค่ ๔๐ บาท บางคนบ้านอยู่ไกลยังมารักษา เพราะรักษากันชิน...เวิ้งนี้ของหมอสภาทั้งนั้น" ลูกค้าของคุณป้ามารศรี เล่าให้ฟังพร้อมโชว์ยารักษาในถุงให้ดู ผู้สัมภาษณ์ได้ถามคุณหมอว่า เดือนหนึ่งมีกำไรเท่าไหร่รักษาแบบนี้ ? คุณหมอบอกว่าไม่เคยคิด บัญชีก็ไม่เคยทำ คนถามเลยบอกว่า " อ้าว...ไม่ทำบัญชีแล้วจะรู้ว่าต้นทุนเท่าไหร่ จ่าไปไปเท่าไหร่ ถ้าเดือนไหนเงินไม่พอจ่ายค่ายา ทำอย่างไรครับ ? " คุณหมอบอกว่า "ก็ไปกด (เอทีเอ็ม) เอาเงินบำนาญ ออกมาใช้" ผู้สัมภาษณ์เกาหัว แล้วบอกว่า "แล้วคุณหมอ จะทำไปทำไม ?" ไม่น่าเชื่อว่า อาจารย์หมอตอบว่า " เพราะคิดว่า...มันเป็นหน้าที่!" ฟังแล้วอึ้งไปเลย...ผมเองเดาเอาว่า คุณหมอท่านคงคิดว่า เมื่อตอนเรียนแพทย์ หลวงท่านก็ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนก็ไม่ค่อยเก็บ เหมือนไปเรียนโรงเรียนเอกชน ที่ค่าเล่าเรียนแพทย์แพงมากพอจบมีงานทำ เกษียณแล้ว ทางราชการก็มีบำนาญเลี้ยงดู จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ตายไปแล้วคนอยู่ข้างหลัง ก็ได้บำเหน็จตกทอดอีกด้วย ดังนั้น อะไรพอช่วยเหลือประชาชน พี่น้องเพื่อนร่วมชาติได้ ท่านก็ทำด้วยความเต็มใจ และได้ทำอย่างต่อเนื่องมาเนิ่นนานแล้ว คุณหมอกระทำโดย ไม่ได้หวังในความร่ำรวย แต่กระทำเพราะถือว่าเป็นหน้าที่แห่งตน ทั้งๆที่หลวงท่านก็ให้หยุดพักผ่อนนานแล้ว แต่คุณหมอท่านไม่ยอม เพราะสงสารพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ คนคิดอย่างอาจารย์หมอสภาฯมีอยู่ ผมเคยเห็น...แต่น้อย น้อยเอามากๆ อาจารย์หมอไม่เคยทวงบุญคุณ ไม่เคยประกาศยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้กล้า วีรบุรุษที่เสียสละให้ชาติบ้านเมือง ไม่เคยทวงบุญคุณไป ดูคุณหมอแล้ว...น้ำตาซึม ภาวนาให้คนไทยคิดเหมือนคุณหมอมีจำนวนมากขึ้น...และมากขึ้น บ้านเมืองเรา จะได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างอบอุ่น ด้วยความเมตตามากกว่านี้ ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ นักรบในหนังเรื่อง Saving Private Ryan ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เพราะตายในที่รบ ไม่ได้กลับไปทำหน้าที่ เป็นครูตามที่ได้ดังใจไว้ แต่นักรบอย่าง อาจารย์หมอสภาฯ ที่ชาวบ้านเรียกขานว่า "หมอ ๕ บาท" นั้น ภารกิจท่านยังไม่สิ้น ทุกวันตอนเย็น คุณหมอพาร่างสูงวัยของท่าน ค่อยๆเดินอย่างช้าๆ เพื่อมาเปิดคลินิกเล็กในซอยระนองของท่าน ซึ่งเป็น ' สนามรบ ' ส่วนตัวของ "ไฟว์บาท-ด๊อกเตอร์" ( ฝรั่งเรียกอย่างนั้น) ท่านต้องลงประจำโต๊ะตรวจ ซึ่งเปรียบเสมือน ' หลุมบุคคลนอนยิง ' ที่มั่นในสมรภูมิแห่งนี้ คว้าอาวุธประจำกายคือ สเททโทสโคปหรือหูฟังขึ้นคล้องคอ และเครื่องมือที่จำเป็น พร้อมลั่นกระสุน ยิงสู้รบประจัญบาน ต่อต้านเจ้าโรคภัยไข้เจ็บ อันเป็นศัตรูตัวร้ายของพี่น้องประชาชน ต่อไปอย่างไม่ยอมหยุดยั้ง โดยไม่ได้หวังเหรียญตรา หรือเกียรติยศใด แต่เพียงเพราะเป็นหน้าที่ของชายชาญทหารไทย ถ้านำชีวิตของท่านอาจารย์หมอ มาสร้างเป็นหนัง ผมต้องคิดคำโฆษณา หรือพากย์ประกอบเรื่องได้ง่ายๆ เช่น ' หมอห้าบาท '.. เมตตาไม่มีขาด นักรบแค่ห้าบาท แต่หัวใจ...หลายพันล้าน! ขุนศึกห้าบาท ทระนงองอาจ ต่อสู้กับโรคร้าย...สมชายชาตรีนัก!...ฯลฯ กราบเรียน ท่านอาจารย์หมอสภา ที่เคารพ โปรดได้รับ ความคารวะอย่างสูง จากใจของผู้เขียนด้วย!! วาทตะวัน สุพรรณเภษัช 3 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 บ้องแบ๊ว อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 http://hilight.kapook.com/view/61607 น้ำใจเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของป้าหาบ...แม่ค้า 5 บาท เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร ค ฅน ยุคสมัยนี้ เดินไปทางไหน หันไปร้านใด ก็มักจะเจอป้ายขอปรับขึ้นราคาสินค้า และอาหารอยู่จนชินตา โดยเจ้าของร้านมักจะอ้างว่า เพราะของมันแพงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า เพื่อให้สามารถประคับประคองร้านให้อยู่ต่อไปได้ แต่ทว่า ในอีกมุมหนึ่งของสังคม ยังมีแม่ค้าวัยย่างหกสิบปีคนหนึ่ง ประกอบอาชีพหาบเร่ค้าขายกับข้าวมานานกว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ไข่ไก่ยังราคาเพียงฟองละห้าสิบสตางค์ และแม้วันนี้ราคาไข่ไก่จะพุ่งเกือบฟองละ 5 บาท แต่แกก็ยังคงยืดหยัดขายกับข้าวทุกอย่างในราคา 5 บาทเหมือนเมื่อสามสิบปีที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน ในเวลาใกล้บ่ายสองของทุกวัน สายตาหลายคู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 33 แยก 3 จะเฝ้ามองหา ป้าแดง บุญยัง พิมพ์รัตน์ หรือที่ทุกคนเรียกแกว่า "ป้าหาบ" เพื่ออุดหนุนกับข้าวอร่อย ๆ ของแก ที่ทุกวันหาบหน้าของแกจะเต็มไปด้วยมะละกอ ข้าวเหนียว และครก ขณะที่หาบหลังเต็มไปด้วยกับข้าวและขนมหวานใส่ถุงพลาสติกกองสูงเป็นภูเขา "ของทุกอย่างป้าแกขาย 5 บาท ที่ขายสิบบาทก็มีอย่างเดียว คือปลาหมึกเท่านั้น แกขายของแกอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยขึ้นราคาสักที" ลูกชายเจ้าของบ้านที่ป้าหาบใช้เป็นพื้นที่ขายของพูดถึงป้า จุดเริ่มต้นของแม่ค้า 5 บาท ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยปี พ.ศ.2520 ที่ป้าหาบเดินทางจากจังหวัดร้อยเอ็ดเข้ามาอยู่กรุงเทพมหานคร และตัดสินใจจะขายส้มตำครกละ 5 บาท ให้คนงานในซอยซึ่งมีรายได้น้อยได้ทานกันอย่างอิ่มท้อง จนหลายสิบปีผ่านไป แกก็มีเงินเก็บไปปลูกบ้านที่ร้อยเอ็ดได้หนึ่งหลัง ทั้ง ๆ ที่ขายส้มตำในราคาเพียงครกละ 5 บาท และไม่เคยขยับราคาเลยสักครั้ง แม้ข้าวของจะแพงขึ้น แพงขึ้น เกือบเท่าตัว "ขายราคานี้เพราะมันขายง่าย คนซื้อก็จ่ายง่าย ทุนฉันแต่ละวันก็พันกว่าบาท ก็พอมีกำไรนิด ๆ หน่อย ๆ ไอ้เรามันไม่มีหนี้สิน ก็อยู่ได้ ไม่ต้องไปโขกเอากำไรกับเขามากเกินไป" ป้าหาบ บอกถึงเหตุผลที่ขายกับข้าวเพียง 5 บาท ป้าหาบ หรือ ป้าแดง ยังบอกอีกด้วยว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าหาบของแกมีมากหน้าหลายตา ทั้งขาประจำ ขาจร โดยเฉพาะช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ.2540 หาบของแกยิ่งขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งถ้าตอนนั้นแกปรับขึ้นราคาก็คงมีกำไรอู่ฟู่ไปแล้ว แต่แกไม่เคยคิดจะขึ้นราคาเลยสักที "เคยยุให้แกขึ้นราคา แกก็งอนนะ บอกว่าขึ้นแล้วสงสารพวกโรงงาน ป้าแกมองถึงคนล่าง ๆ ที่ซื้อของแกกิน" ลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนวัดสุวรรณาราม แอบกระซิบเรื่องของป้าอย่างชื่นชม หลายคนสงสัยว่า แกขายกับข้าวในราคาเพียง 5 บาทมาได้อย่างไรตั้งนานกว่า 3 ทศวรรษ แล้วจะมีกำไรหรือ ป้าหาบยิ้มแล้วบอกว่า ตัวแกเองก็จำไม่ได้หรอกว่า ได้กำไรหรือขาดทุนอย่างไร เพราะแกคิดเพียงว่า แม้แกจะขายข้าวในราคา 5 บาท แต่ตัวแกเองไม่ได้เดือดร้อนอะไร อยากทานอะไรก็ได้ทาน ไม่เคยลำบาก และไม่ทำให้เป็นหนี้ใคร เพราะฉะนั้นก็ยังขาย 5 บาทได้อยู่ นอกจากป้าหาบจะใจดีขายกับข้าวทุกอย่างในราคาถุงละ 5 บาทแล้ว บ่อยครั้งที่จะเห็นแม่ค้าวัยชราคนนี้ หยิบยื่นกับข้าวให้ลูกค้าที่ไม่ค่อยมีเงินได้ทานกันฟรี ๆ แถมยังให้เสียเยอะจนผู้รับเองยังตกใจ "นึกถึงตัวเองเวลาไม่มี ท้องหิวมันทรมานมากนะ คนเงินเดือนน้อย ๆ ก็อยากให้เขากินอิ่ม บางคนมีเงินมา 10 บาท มาซื้อกับป้า ป้าก็ให้เขาเยอะ ๆ เป็นข้าวเหนียวเป็นอะไรอย่างนี้ บางคนมาไกล ๆ ไม่มีเงินมา ป้าก็ให้ไปบ้าง หรือไม่ก็คิดเขาแค่ครึ่งเดียว 20 บาท เอา 10 บาทพอ" ป้าหาบ บอก ความใจดีของป้าหาบ อาจจะเป็นเพราะในสมัยสาว ๆ แกเคยลำบากมาก่อน ทำมาหมดแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำนา ทำไร่ เป็นแม่บ้าน สุดท้ายมาจบที่แม่ค้าขายส้มตำ และเก็บหอมรอมริบเรื่อยมาจนพอมีเงินเก็บ แต่แกก็ยังเข้าใจหัวอกของคนยากไร้เป็นอย่างดี "ของอย่างนี้นะหนู คนไม่เคยลำบากมาก่อนไม่มีทางเข้าใจหรอก บางทีแค่ยี่สิบบาท เราเห็นว่าน้อยนิด เขาก็หาไม่ได้นะ หรือบางคนย้ายไปอยู่ที่ไกล ๆ มาซื้อของป้า ป้าก็ยิ่งไม่เอาเงินเขาเลย กลัวเขาจะไม่มีค่ารถกลับบ้าน" ป้าหาบ เล่าด้วยความเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน เคล็ดลับที่ทำให้ป้าหาบสามารถคงราคา 5 บาทมาได้กว่า 30 ปี ก็ไม่ยากอะไร เพราะป้าหาบแกจะพยายามทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด และซื้อวัตถุดิบจากเจ้าประจำทำให้ได้มาในราคาไม่แพงมาก ซึ่งแกก็จะตื่นแต่เช้ามืดมาทำกับข้าวเป็นหม้อ ๆ แล้วหาบของหนัก ๆ ออกมาขายช่วงบ่าย ๆ เป็นประจำเกือบทุกวันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ป้าหาบยังบอกอีกด้วยว่า แกสนุกกับสิ่งที่แกทำ เพราะได้คุยกับคนมากหน้าหลายตา และหากแกหยุดขายไปหนึ่งวันหรือสองวัน วันรุ่งขึ้นจะมีลูกค้ามาตัดพ้อเลยทีเดียว "ถ้าเขาไม่มี เราก็ให้เขากินได้ เวลาเราไม่มี ก็คงจะมีคนยื่นมาให้เรากินบ้าง เหมือนว่าเราทำบุญ ยิ่งกว่าใส่บาตรอีกนะ การให้คนเขาได้กิน ใส่บาตรบางทีพระมีของกินเยอะ ๆ พระท่านก็ไม่ฉันอันนั้นอันนี้ แต่คนที่ไม่มีจะกิน ให้เขาไปเขาก็กินหมด และอิ่มด้วย ยิ่งบางคนให้ไป เขาไม่ลืมเลย ไปเจอกันอยู่กลางทาง เขาเห็นป้าแล้วบอกดีใจจังเลย นึกถึงที่ป้าให้ของกิน เขาบอกว่าไม่เคยลืมเรา ขนาด 9 ปี 10 ปี มาเจอกันวันนี้ ยังมีคนมาทักป้าเลย" ป้าหาบ เล่าด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง ป้าหาบยังบอกด้วยว่า ชีวิตของแกพอมีพอกิน เงินเก็บก็พอมี หนี้สินไม่มี ลูกเต้าก็โตได้งานทำกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ชีวิตของแกก็ไม่ได้ลำบากอะไร เช่นนั้นแล้ว เมื่อแกพร้อม ก็สามารถทำอะไรอย่างที่แกอยากจะทำได้ด้วยความสบายใจซึ่งสิ่งนั้นก็คือ "การให้" นั่นเอง เห็นไหมว่า เพียงแค่ความคิดเล็ก ๆ ของป้าหาบที่เจือจานน้ำใจอันยิ่งใหญ่สู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กลับทำให้มุมหนึ่งของสังคมไทยในยุคข้าวยากหมากแพงดูแล้วมีความสุขขึ้นมาถนัดตา ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร ค ฅนเดือนกรกฎาคม 2 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 (มีการแก้ไข) สำรวจโลก Araucana เป็นไก่ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศชิลี ไก่ชนิดนี้มีความแตกต่างไปจากไก่ชนิดอื่นคือ ไข่ของมันจะเป็นสีเขียวอมฟ้า และบริเวณหูของมันจะมีขนอยู่เป็นกระจุก ไก่มีหลากหลายสี ไก่ตัวผู้มีหนัก 2.7-3.2 กิโลกรัม ตัวมีจะมีขนาดเล็กกว่าหนัก 2.3-2.7 กิโลกรัม >> ชมช่องทีวีสำรวจโลก ผ่านกล่องทีวีดาวเทียม Infosat HD by DTVwww.nextsteptv.com/infosat ถูกแก้ไข สิงหาคม 4, 2013 โดย ginger อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 สำรวจโลก Yesterday Hawaiian Bobtail Squid เป็นหมึกขนาดเล็ก อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ฝั่งฮาวาย ตัวเต็มวัยมีขนาด 3.3 เซนติเมตร มีหนวดที่สั้นมาก อาศัยอยู่ในน้ำตื้นรอบๆเกาะฮาวาย ในช่วงกลางวันมักจะฝังตัวอยู่ในทรายมีตาโผล่ออกมา ออกหากินในเวลากลางคืน เป็นหมึกที่สามารถเรืองแสงได้ รับชมช่องสำรวจโลก ได้ทางกล่องดาวเทียม Infosat HD by DTV www.nextsteptv.com/infosat อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 สำรวจโลก 4 hours ago Ribbon seal แมวน้ำสายพันธุ์ที่มีลวดลายเหมือนกับมีริบบิ้นมาพันไว้รอบๆตัวจึ่งเป็นที่มาของชื่อ มันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Histriophoca fasciata ลูกที่พึ่งคลอดนั้นจะเป็นสีขาวยังไม่มีลวดลาย โตเต็มที่ลำตัวยาว 1.5 เมตร หนัก 80 กิโลกรัม มีช่วงอายุ 20-. 20-30 ปี กินปลาขนาดเล็ก ปู กุ้ง หมึก เป็นอาหาร เป็นจำนวน 9 กิโลกรัมต่อวัน อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะแบริ่ง และบางส่วนของมหาสมุทรอาร์กติก ปัจจุบันนี้เหลือแมวน้ำริบบิ้นราว 250,000 ตัว เพราะถูกล่าเพื่อเอาหนัง >> ชมช่องทีวีสำรวจโลก ผ่านกล่องทีวีดาวเทียม Infosat HD by DTVwww.nextsteptv.com/infosat อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 Laccaria amethystina เป็นเห็ดที่กระจายพันธุ์อย่างกว้างขวาง พบได้มากทางตะวันออกของเทือกเขาร็อคกี้ บนต้นบีช ต้นโอ๊ก ในช่วงเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน ต้นสูง 1-7 เซนติเมตร ดอกเห็ดมีขนาด 0.5-3.5 เซนติเมตร มีสีม่วงสดใสเมื่อนานไปก็จะเหี่ยวจนสีม่วงค่อยๆจางไปจนเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง เป็นเห็นที่สามารถรับประทานได้ >> ชมช่องทีวีสำรวจโลก ผ่านกล่องทีวีดาวเทียม Infosat HD by DTV www.nextsteptv.com/infosat อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ginger 11,058 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 4, 2013 พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo ปุจฉา - กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ ลูกมีเรื่องทุกข์ค่ะ ลูกสับสนใจของลูกมาก คือเรื่องของของเป็นแบบนี้ค่ะ ลูกเลิกกับแฟนที่คบกันมา ๑๐ ปีค่ะ สาเหตุเพราะเค้ามีคนใหม่ ตัวลูกเองก็กว่าจะทำใจได้กว่าจะผ่านมาได้ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่า ผ่านมันไปได้จริงๆรึยัง มาเกือบ ๑๐ เดือนได้แล้วค่ะ พักหลังได้รับการติดต่อจากเค้ามาตลอด (ทั้งๆที่ยังไม่เลิกกับแฟน ยังมาบอกว่าลืมลูกไม่ได้) ลูกจิตใจยังไม่นิ่งพอทำให้ลูกเศร้ามาก อะไรหลายๆอย่างมันไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก ในใจลูกมันสับสน หลวงพ่อคะหลังจากที่ลูกตัดใจเลิกกับเค้ามา ลูกมีคนดีดี คนที่มีทั้งความพร้อมทั้งหน้าตา การงาน เข้ามาให้ลูกได้รู้จักและศึกษา แต่ไม่ว่าเค้าจะทำดีแค่ไหนใจลูกก็คิดอยู่เสมอว่ามันจะเป็นแบบนี้นานแค่ไหน จะตลอดไปรึป่าว คนคนเหล่านั้นจากลูกไป ลูกก็มีความคิดว่าสิ่งเหล่านี้มัน แค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ทุกอย่างเข้ามาให้เราได้เรียนรู้ แต่ทำไมค่ะทำไมใจลูกยังโหยหาความรักอยู่ ทุกวันนี้ลูกเปิดโอกาสเปิดใจแต่พอเอาเข้าจริงๆลูกกลับปฏิเสธมัน ลูกเป็นอะไรไปแล้ว พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ฟังดูคุณยังตัดใจจากคนรักเก่าไม่ได้ ทั้งนี้เพราะคุณเองยังโหยหาความรักจากคนอื่น แต่คุณเองก็รู้จากประสบการณ์ว่าเขาไม่ใช่คนที่คุณจะฝากใจไว้ได้ อันที่จริงไม่ว่าใครถึงจะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถฝากใจไว้กับเขาได้อย่างตลอดหรือปลอดภัยเลย เพราะไม่มีใครที่จีรังยั่งยืนได้ ถึงจะดีแค่ไหน เขาก็ต้องตายจากเราไม่ช้าก็เร็ว ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่เปลี่ยนนิสัยใจคอกลายเป็นคนไม่น่ารัก เห็นแก่ตัว หรือเจ้าชู้ คนเราโหยหาความรัก เพราะข้างในนั้นพร่องความรัก สาเหตุสำคัญที่ทำให้พร่องความรักก็คือ ขาดความรักตนเองอย่างแท้จริง (ซึ่งอาจเกิดจากความรู้สึกว่าคนอื่นไม่รักเรา ก็เลยรู้สึกไม่ดีกับตนเอง) คุณลองหันมารักตนเองให้มากขึ้น เห็นคุณค่าของตนเองมองเห็นว่าเรามีอะไรบ้าง อย่ามองแค่ว่าเราขาดอะไร ที่สำคัญคืออย่าเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดไว้กับใครหรืออะไร ขณะเดียวกันก็ควรเผื่อแผ่ความรักหรือมีน้ำใจให้คนอื่นด้วย เมื่อคุณให้ความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ คุณย่อมได้รับความรักกลับมาเอง แต่ถ้าเอาแต่เรียกร้องหรือคาดหวังความรักจากผู้อื่น คุณกลับจะไม่ได้ ยิ่งอยากได้ กลับยิ่งไม่ได้ แต่พอไม่อยากได้ กลับได้มา อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น