ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

สวัสดีคับ yot lavender Hong fairy wann ดอกเหมย ตู้เย็น

อยากเล่นด้วยคน เด็กสยาม ลูกแก้ว เพื่อนๆ

 

 

MUSICA CELTA CON ARPA RELAJANTE, CELTIC RELAXATING

 

http://youtu.be/5sujKEHe41s

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

994553_335228246611942_1602828367_n.jpg

-ขอบคุณ ความเยาวํวัยที่คงอยูเสมอ-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณหมอ 5 บาท อีกหนึ่งคนดีในสังคมไทย

 

 

11219-1.jpg

Dino-Lite กล้องจุลทรรศน์พกพา รางวัลยอดเยี่ยมโลก

 

 

 

คุณหมอ 5 บาท ยังคงเปิดให้บริการแก่ประชาชน อยู่เหมือนเคยครับ ถ้าใครมีคนรู้จัก ที่เจ็บป่วย และยากจน

อาจารย์ ' หมอห้าบาท ' กำลังตรวจคนไข้อย่างแข็งขัน <img height="5" width="5" /> <img height="5" width="5" /> ไม่นานมานี้ ผมได้ดูรายการจมูกมด ซึ่งเขาสัมภาษณ์ รศ.นพ. สภา ลิมพาณิชย์การ อาจารย์ประจำโรงเรียนเวชนิทัศน์ โรงพยาบาลศิริราช ผู้ซึ่งได้ฉายาว่า "หมอ ๕ บาท" ใครฟังแล้วก็ต้องประทับใจ

คุณหมอท่านให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ใช่คนเรียนเก่ง อยากจะเรียนถ่ายรูป เพราะหลงใหลการถ่ายภาพ แต่คอรบครัวต้องการให้เป็นหมอ ครั้นเมื่อสอบเข้าได้ จึงใช้เวลาในการศึกษานานกว่าเพื่อนๆ โดยจบทีหลังนักเรียนแพทย์ร่วมรุ่น ๒ ปี

ท่านรับราชการมาจนกระทั่งเกษียณ ได้รับบำนาญปัจจุบันเดือนละ ๒๒ , ๐๐๐ บาท และมีเงินค่าสอนอีกเดือนละ ๒๐ , ๐๐๐ บาท แต่ต่อมาเทางมหาวิทยาลัยขาดแคลนเงิน ก็ขอลดค่าสอนเหลือเดือนละ ๑๒ , ๐๐๐ บาท แต่ปีงบประมาณใหม่ คือเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้

ท่านก็จะไม่ได้ไปสอนอีกแล้ว เนื่องจากมีปัญหาทางด้านสุขภาพ

เงินจำนวนนี้ต้องถูกตัดไป เหลือเพียงบำนาญล้วนๆ!

เมื่อจบการศึกษาแพทย์ และทำงานได้สักพัก ท่านอาจารย์หมอก็เช่าห้องแถวไม้ ในซอยระนอง ๑ เขตดุสิต ของเพื่อนเปิดเป็นคลินิก โดยขึ้นป้ายว่า "สำนักงานแพทย์" โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๗

นี่ก็เข้าไปเกือบ ๔๐ ปี แล้ว

แม้ท่านอาจารย์หมอจะย่างเข้าวัยชราแล้ว แต่ท่านก็ยังเปิดบริการทางการแพทย์ของท่านอยู่ ที่น่าอัศจรรย์ คือ

ท่านเก็บบริการทางการแพทย์ หรือค่ารักษาครั้งละ ๕ บาท รวมค่ายาด้วย รายใดที่จะต้องใช้ยาดีราคาแพง ก็ไม่เกิน ๗๐ บาท

นั่นหมายความว่า ยาต้องดีและราคาแพงจริง

คุณหมอเล่าว่า เหตุที่คิดราคาได้ถูก เพราะซื้อยาได้ถูก และยาดี เรื่องยานั้นคุณหมอซื้อกับเจ้าประจำมีส่วนลดด้วย เพราะคุณหมอไม่ต้องการให้ผู้ป่วย ไปซื้อยารับประทานเอง

ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ

การตรวจวินิจฉัยที่ละเอียดลออ ของหมอห้าบาทต่างหาก คนไข้ก็หายเป็นปกติทุกราย ส่วนคนที่ไม่หาย เมื่อกลับมาหาท่านอีกครั้ง พอไล่เลียงกันเข้า

อาจารย์หมอสภาก็บอกว่า

" จับได้ทุกครั้งว่า กินยาไม่ครบ กินมื้อเว้นสองมื้อ ให้กิน ๔ เวลา กินเสีย ๒ เวลา เลยต้องกำชับให้กินให้ถูกต้อง...แล้วก็หายทุกราย!"

ยิ่งกว่านั้น ถ้าคนไข้ไม่มีเงินจริงๆ แม้แต่ค่ายาคุณหมอก็ไม่คิด หรือหาก มีไม่พอ ก็มีเท่าไร ก็เท่านั้น

หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เคยทำข่าวเรื่องของคุณหมอมาเมือ ๒ ปีที่แล้ว เคยสัมภาษณ์คนไข้ของคลินิก ๕ บาทแห่งนี้ ชื่อ คุณป้ามารศรี อายุ ๗๒ ปี เจ้าของร้านทำผมแถวๆ ซอยระนอง ๑ ท่านเป็นคนไข้ที่รักษากับคุณหมอ มานานกว่า ๔๐ ปี เล่าว่า

รักษาตั้งแต่สมัยเพื่อนคุณหมอมาเปิดคลินิก จนถึงคุณหมอสภา มาเช่าคลินิกของเพื่อนต่อ ส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยโรคหวัด แต่วันนี้ไม่ได้มาด้วยโรคหวัด แต่ระคายเคืองตา คุณหมอบอกว่าเป็นตาแดง ก็นอกจากคุณป้าแล้ว ลูกสาวและหลานสาว หรือแม้แต่ทหารที่ทำงานอยู่ในบ้านก็มารักษา

" คุณหมอสภารักษาดี คิดถูก แล้วก็หายด้วยนะ บางทีเป็นหวัด ๒๐-๓๐ บาทก็หายแล้ว ลูกชายป้าเป็นหวัดไปหาหมอ ที่โรงพยาบาล เอกชนยังตั้ง , ๔๐๐...ป้ามานี่แค่ ๔๐ บาท บางคนบ้านอยู่ไกลยังมารักษา เพราะรักษากันชิน...เวิ้งนี้ของหมอสภาทั้งนั้น"

ลูกค้าของคุณป้ามารศรี เล่าให้ฟังพร้อมโชว์ยารักษาในถุงให้ดู

ผู้สัมภาษณ์ได้ถามคุณหมอว่า เดือนหนึ่งมีกำไรเท่าไหร่รักษาแบบนี้ ? คุณหมอบอกว่าไม่เคยคิด บัญชีก็ไม่เคยทำ

คนถามเลยบอกว่า

" อ้าว...ไม่ทำบัญชีแล้วจะรู้ว่าต้นทุนเท่าไหร่ จ่าไปไปเท่าไหร่ ถ้าเดือนไหนเงินไม่พอจ่ายค่ายา ทำอย่างไรครับ ? "

 

คุณหมอบอกว่า "ก็ไปกด (เอทีเอ็ม) เอาเงินบำนาญ ออกมาใช้"

ผู้สัมภาษณ์เกาหัว แล้วบอกว่า "แล้วคุณหมอ จะทำไปทำไม ?"

ไม่น่าเชื่อว่า อาจารย์หมอตอบว่า

" เพราะคิดว่า...มันเป็นหน้าที่!"

ฟังแล้วอึ้งไปเลย...ผมเองเดาเอาว่า

คุณหมอท่านคงคิดว่า เมื่อตอนเรียนแพทย์ หลวงท่านก็ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนก็ไม่ค่อยเก็บ เหมือนไปเรียนโรงเรียนเอกชน ที่ค่าเล่าเรียนแพทย์แพงมากพอจบมีงานทำ เกษียณแล้ว ทางราชการก็มีบำนาญเลี้ยงดู จนกว่าชีวิตจะหาไม่

ตายไปแล้วคนอยู่ข้างหลัง ก็ได้บำเหน็จตกทอดอีกด้วย

ดังนั้น อะไรพอช่วยเหลือประชาชน พี่น้องเพื่อนร่วมชาติได้ ท่านก็ทำด้วยความเต็มใจ และได้ทำอย่างต่อเนื่องมาเนิ่นนานแล้ว

คุณหมอกระทำโดย ไม่ได้หวังในความร่ำรวย แต่กระทำเพราะถือว่าเป็นหน้าที่แห่งตน ทั้งๆที่หลวงท่านก็ให้หยุดพักผ่อนนานแล้ว

แต่คุณหมอท่านไม่ยอม เพราะสงสารพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ

คนคิดอย่างอาจารย์หมอสภาฯมีอยู่ ผมเคยเห็น...แต่น้อย น้อยเอามากๆ

อาจารย์หมอไม่เคยทวงบุญคุณ ไม่เคยประกาศยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้กล้า วีรบุรุษที่เสียสละให้ชาติบ้านเมือง ไม่เคยทวงบุญคุณไป

ดูคุณหมอแล้ว...น้ำตาซึม

ภาวนาให้คนไทยคิดเหมือนคุณหมอมีจำนวนมากขึ้น...และมากขึ้น

บ้านเมืองเรา จะได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างอบอุ่น ด้วยความเมตตามากกว่านี้

ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ นักรบในหนังเรื่อง Saving Private Ryan ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เพราะตายในที่รบ ไม่ได้กลับไปทำหน้าที่ เป็นครูตามที่ได้ดังใจไว้

แต่นักรบอย่าง อาจารย์หมอสภาฯ ที่ชาวบ้านเรียกขานว่า "หมอ ๕ บาท" นั้น ภารกิจท่านยังไม่สิ้น

ทุกวันตอนเย็น คุณหมอพาร่างสูงวัยของท่าน ค่อยๆเดินอย่างช้าๆ เพื่อมาเปิดคลินิกเล็กในซอยระนองของท่าน

ซึ่งเป็น ' สนามรบ ' ส่วนตัวของ "ไฟว์บาท-ด๊อกเตอร์" ( ฝรั่งเรียกอย่างนั้น)

ท่านต้องลงประจำโต๊ะตรวจ ซึ่งเปรียบเสมือน ' หลุมบุคคลนอนยิง ' ที่มั่นในสมรภูมิแห่งนี้ คว้าอาวุธประจำกายคือ สเททโทสโคปหรือหูฟังขึ้นคล้องคอ และเครื่องมือที่จำเป็น พร้อมลั่นกระสุน ยิงสู้รบประจัญบาน ต่อต้านเจ้าโรคภัยไข้เจ็บ อันเป็นศัตรูตัวร้ายของพี่น้องประชาชน ต่อไปอย่างไม่ยอมหยุดยั้ง โดยไม่ได้หวังเหรียญตรา หรือเกียรติยศใด แต่เพียงเพราะเป็นหน้าที่ของชายชาญทหารไทย

ถ้านำชีวิตของท่านอาจารย์หมอ มาสร้างเป็นหนัง ผมต้องคิดคำโฆษณา หรือพากย์ประกอบเรื่องได้ง่ายๆ เช่น

' หมอห้าบาท '.. เมตตาไม่มีขาด

นักรบแค่ห้าบาท แต่หัวใจ...หลายพันล้าน!

ขุนศึกห้าบาท ทระนงองอาจ ต่อสู้กับโรคร้าย...สมชายชาตรีนัก!...ฯลฯ

กราบเรียน ท่านอาจารย์หมอสภา ที่เคารพ

โปรดได้รับ ความคารวะอย่างสูง จากใจของผู้เขียนด้วย!!

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

น้ำใจเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของป้าหาบ...แม่ค้า 5 บาท

011111567.jpg

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร ค ฅน

 

ยุคสมัยนี้ เดินไปทางไหน หันไปร้านใด ก็มักจะเจอป้ายขอปรับขึ้นราคาสินค้า และอาหารอยู่จนชินตา

โดยเจ้าของร้านมักจะอ้างว่า เพราะของมันแพงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า

เพื่อให้สามารถประคับประคองร้านให้อยู่ต่อไปได้

 

แต่ทว่า ในอีกมุมหนึ่งของสังคม ยังมีแม่ค้าวัยย่างหกสิบปีคนหนึ่ง

ประกอบอาชีพหาบเร่ค้าขายกับข้าวมานานกว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ไข่ไก่ยังราคาเพียงฟองละห้าสิบสตางค์

และแม้วันนี้ราคาไข่ไก่จะพุ่งเกือบฟองละ 5 บาท

แต่แกก็ยังคงยืดหยัดขายกับข้าวทุกอย่างในราคา 5 บาทเหมือนเมื่อสามสิบปีที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน

 

ในเวลาใกล้บ่ายสองของทุกวัน สายตาหลายคู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 33 แยก 3 จะเฝ้ามองหา

ป้าแดง บุญยัง พิมพ์รัตน์ หรือที่ทุกคนเรียกแกว่า "ป้าหาบ" เพื่ออุดหนุนกับข้าวอร่อย ๆ ของแก

ที่ทุกวันหาบหน้าของแกจะเต็มไปด้วยมะละกอ ข้าวเหนียว และครก

ขณะที่หาบหลังเต็มไปด้วยกับข้าวและขนมหวานใส่ถุงพลาสติกกองสูงเป็นภูเขา

 

"ของทุกอย่างป้าแกขาย 5 บาท ที่ขายสิบบาทก็มีอย่างเดียว คือปลาหมึกเท่านั้น แกขายของแกอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร

ไม่เคยขึ้นราคาสักที" ลูกชายเจ้าของบ้านที่ป้าหาบใช้เป็นพื้นที่ขายของพูดถึงป้า

 

จุดเริ่มต้นของแม่ค้า 5 บาท ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยปี พ.ศ.2520

ที่ป้าหาบเดินทางจากจังหวัดร้อยเอ็ดเข้ามาอยู่กรุงเทพมหานคร และตัดสินใจจะขายส้มตำครกละ 5 บาท

ให้คนงานในซอยซึ่งมีรายได้น้อยได้ทานกันอย่างอิ่มท้อง จนหลายสิบปีผ่านไป

แกก็มีเงินเก็บไปปลูกบ้านที่ร้อยเอ็ดได้หนึ่งหลัง ทั้ง ๆ ที่ขายส้มตำในราคาเพียงครกละ 5 บาท

และไม่เคยขยับราคาเลยสักครั้ง แม้ข้าวของจะแพงขึ้น แพงขึ้น เกือบเท่าตัว

 

"ขายราคานี้เพราะมันขายง่าย คนซื้อก็จ่ายง่าย ทุนฉันแต่ละวันก็พันกว่าบาท ก็พอมีกำไรนิด ๆ หน่อย ๆ

ไอ้เรามันไม่มีหนี้สิน ก็อยู่ได้ ไม่ต้องไปโขกเอากำไรกับเขามากเกินไป" ป้าหาบ บอกถึงเหตุผลที่ขายกับข้าวเพียง 5 บาท

02222.jpg

 

ป้าหาบ หรือ ป้าแดง ยังบอกอีกด้วยว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าหาบของแกมีมากหน้าหลายตา ทั้งขาประจำ

ขาจร โดยเฉพาะช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ.2540 หาบของแกยิ่งขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ซึ่งถ้าตอนนั้นแกปรับขึ้นราคาก็คงมีกำไรอู่ฟู่ไปแล้ว แต่แกไม่เคยคิดจะขึ้นราคาเลยสักที

 

"เคยยุให้แกขึ้นราคา แกก็งอนนะ บอกว่าขึ้นแล้วสงสารพวกโรงงาน ป้าแกมองถึงคนล่าง ๆ ที่ซื้อของแกกิน" ลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนวัดสุวรรณาราม แอบกระซิบเรื่องของป้าอย่างชื่นชม

 

หลายคนสงสัยว่า แกขายกับข้าวในราคาเพียง 5 บาทมาได้อย่างไรตั้งนานกว่า 3 ทศวรรษ แล้วจะมีกำไรหรือ

ป้าหาบยิ้มแล้วบอกว่า ตัวแกเองก็จำไม่ได้หรอกว่า ได้กำไรหรือขาดทุนอย่างไร เพราะแกคิดเพียงว่า

แม้แกจะขายข้าวในราคา 5 บาท แต่ตัวแกเองไม่ได้เดือดร้อนอะไร อยากทานอะไรก็ได้ทาน

ไม่เคยลำบาก และไม่ทำให้เป็นหนี้ใคร เพราะฉะนั้นก็ยังขาย 5 บาทได้อยู่

 

นอกจากป้าหาบจะใจดีขายกับข้าวทุกอย่างในราคาถุงละ 5 บาทแล้ว บ่อยครั้งที่จะเห็นแม่ค้าวัยชราคนนี้

หยิบยื่นกับข้าวให้ลูกค้าที่ไม่ค่อยมีเงินได้ทานกันฟรี ๆ แถมยังให้เสียเยอะจนผู้รับเองยังตกใจ

 

"นึกถึงตัวเองเวลาไม่มี ท้องหิวมันทรมานมากนะ คนเงินเดือนน้อย ๆ ก็อยากให้เขากินอิ่ม

บางคนมีเงินมา 10 บาท มาซื้อกับป้า ป้าก็ให้เขาเยอะ ๆ เป็นข้าวเหนียวเป็นอะไรอย่างนี้ บางคนมาไกล ๆ

ไม่มีเงินมา ป้าก็ให้ไปบ้าง หรือไม่ก็คิดเขาแค่ครึ่งเดียว 20 บาท เอา 10 บาทพอ" ป้าหาบ บอก

 

1312951316labourcrisiscentercom1.jpg

 

 

ความใจดีของป้าหาบ อาจจะเป็นเพราะในสมัยสาว ๆ แกเคยลำบากมาก่อน ทำมาหมดแล้วทุกอย่าง

ไม่ว่าจะทำนา ทำไร่ เป็นแม่บ้าน สุดท้ายมาจบที่แม่ค้าขายส้มตำ และเก็บหอมรอมริบเรื่อยมาจนพอมีเงินเก็บ

แต่แกก็ยังเข้าใจหัวอกของคนยากไร้เป็นอย่างดี

 

"ของอย่างนี้นะหนู คนไม่เคยลำบากมาก่อนไม่มีทางเข้าใจหรอก บางทีแค่ยี่สิบบาท

เราเห็นว่าน้อยนิด เขาก็หาไม่ได้นะ หรือบางคนย้ายไปอยู่ที่ไกล ๆ มาซื้อของป้า ป้าก็ยิ่งไม่เอาเงินเขาเลย

กลัวเขาจะไม่มีค่ารถกลับบ้าน" ป้าหาบ เล่าด้วยความเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน

 

เคล็ดลับที่ทำให้ป้าหาบสามารถคงราคา 5 บาทมาได้กว่า 30 ปี ก็ไม่ยากอะไร

เพราะป้าหาบแกจะพยายามทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด และซื้อวัตถุดิบจากเจ้าประจำทำให้ได้มาในราคาไม่แพงมาก

ซึ่งแกก็จะตื่นแต่เช้ามืดมาทำกับข้าวเป็นหม้อ ๆ แล้วหาบของหนัก ๆ ออกมาขายช่วงบ่าย ๆ

เป็นประจำเกือบทุกวันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ป้าหาบยังบอกอีกด้วยว่า แกสนุกกับสิ่งที่แกทำ

เพราะได้คุยกับคนมากหน้าหลายตา และหากแกหยุดขายไปหนึ่งวันหรือสองวัน วันรุ่งขึ้นจะมีลูกค้ามาตัดพ้อเลยทีเดียว

 

0333333.jpg

"ถ้าเขาไม่มี เราก็ให้เขากินได้ เวลาเราไม่มี ก็คงจะมีคนยื่นมาให้เรากินบ้าง เหมือนว่าเราทำบุญ

ยิ่งกว่าใส่บาตรอีกนะ การให้คนเขาได้กิน ใส่บาตรบางทีพระมีของกินเยอะ ๆ พระท่านก็ไม่ฉันอันนั้นอันนี้

แต่คนที่ไม่มีจะกิน ให้เขาไปเขาก็กินหมด และอิ่มด้วย ยิ่งบางคนให้ไป เขาไม่ลืมเลย ไปเจอกันอยู่กลางทาง

เขาเห็นป้าแล้วบอกดีใจจังเลย นึกถึงที่ป้าให้ของกิน เขาบอกว่าไม่เคยลืมเรา ขนาด 9 ปี 10 ปี มาเจอกันวันนี้

ยังมีคนมาทักป้าเลย" ป้าหาบ เล่าด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง

 

ป้าหาบยังบอกด้วยว่า ชีวิตของแกพอมีพอกิน เงินเก็บก็พอมี หนี้สินไม่มี ลูกเต้าก็โตได้งานทำกันหมดแล้ว

เพราะฉะนั้น ชีวิตของแกก็ไม่ได้ลำบากอะไร เช่นนั้นแล้ว เมื่อแกพร้อม

ก็สามารถทำอะไรอย่างที่แกอยากจะทำได้ด้วยความสบายใจซึ่งสิ่งนั้นก็คือ "การให้" นั่นเอง

 

เห็นไหมว่า เพียงแค่ความคิดเล็ก ๆ ของป้าหาบที่เจือจานน้ำใจอันยิ่งใหญ่สู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

กลับทำให้มุมหนึ่งของสังคมไทยในยุคข้าวยากหมากแพงดูแล้วมีความสุขขึ้นมาถนัดตา

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 

นิตยสาร ค ฅนเดือนกรกฎาคม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำรวจโลก

Araucana เป็นไก่ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศชิลี ไก่ชนิดนี้มีความแตกต่างไปจากไก่ชนิดอื่นคือ

 

ไข่ของมันจะเป็นสีเขียวอมฟ้า และบริเวณหูของมันจะมีขนอยู่เป็นกระจุก ไก่มีหลากหลายสี

 

ไก่ตัวผู้มีหนัก 2.7-3.2 กิโลกรัม ตัวมีจะมีขนาดเล็กกว่าหนัก 2.3-2.7 กิโลกรัม

 

>> ชมช่องทีวีสำรวจโลก ผ่านกล่องทีวีดาวเทียม Infosat HD by DTVwww.nextsteptv.com/infosat

 

 

999701_10151721376187226_1442675682_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

สำรวจโลก

Yesterday

 

Hawaiian Bobtail Squid เป็นหมึกขนาดเล็ก อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ฝั่งฮาวาย

ตัวเต็มวัยมีขนาด 3.3 เซนติเมตร มีหนวดที่สั้นมาก อาศัยอยู่ในน้ำตื้นรอบๆเกาะฮาวาย

ในช่วงกลางวันมักจะฝังตัวอยู่ในทรายมีตาโผล่ออกมา ออกหากินในเวลากลางคืน เป็นหมึกที่สามารถเรืองแสงได้

 

รับชมช่องสำรวจโลก ได้ทางกล่องดาวเทียม Infosat HD by DTV

www.nextsteptv.com/infosat

 

 

969384_10151719081717226_935378062_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

สำรวจโลก

4 hours ago

 

 

Ribbon seal แมวน้ำสายพันธุ์ที่มีลวดลายเหมือนกับมีริบบิ้นมาพันไว้รอบๆตัวจึ่งเป็นที่มาของชื่อ

มันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Histriophoca fasciata ลูกที่พึ่งคลอดนั้นจะเป็นสีขาวยังไม่มีลวดลาย

โตเต็มที่ลำตัวยาว 1.5 เมตร หนัก 80 กิโลกรัม มีช่วงอายุ 20-.

20-30 ปี กินปลาขนาดเล็ก ปู กุ้ง หมึก เป็นอาหาร

เป็นจำนวน 9 กิโลกรัมต่อวัน อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะแบริ่ง

และบางส่วนของมหาสมุทรอาร์กติก ปัจจุบันนี้เหลือแมวน้ำริบบิ้นราว 250,000 ตัว เพราะถูกล่าเพื่อเอาหนัง

>> ชมช่องทีวีสำรวจโลก ผ่านกล่องทีวีดาวเทียม Infosat HD by DTVwww.nextsteptv.com/infosat

577214_10151720887707226_2012582618_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Laccaria amethystina เป็นเห็ดที่กระจายพันธุ์อย่างกว้างขวาง

พบได้มากทางตะวันออกของเทือกเขาร็อคกี้ บนต้นบีช ต้นโอ๊ก

ในช่วงเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน ต้นสูง 1-7 เซนติเมตร ดอกเห็ดมีขนาด 0.5-3.5 เซนติเมตร

มีสีม่วงสดใสเมื่อนานไปก็จะเหี่ยวจนสีม่วงค่อยๆจางไปจนเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง เป็นเห็นที่สามารถรับประทานได้

 

>> ชมช่องทีวีสำรวจโลก ผ่านกล่องทีวีดาวเทียม Infosat HD by DTV www.nextsteptv.com/infosat

971931_10151719577367226_854365174_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

ปุจฉา - กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ ลูกมีเรื่องทุกข์ค่ะ ลูกสับสนใจของลูกมาก

 

คือเรื่องของของเป็นแบบนี้ค่ะ ลูกเลิกกับแฟนที่คบกันมา ๑๐ ปีค่ะ สาเหตุเพราะเค้ามีคนใหม่

 

ตัวลูกเองก็กว่าจะทำใจได้กว่าจะผ่านมาได้ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่า ผ่านมันไปได้จริงๆรึยัง มาเกือบ ๑๐ เดือนได้แล้วค่ะ

 

พักหลังได้รับการติดต่อจากเค้ามาตลอด (ทั้งๆที่ยังไม่เลิกกับแฟน ยังมาบอกว่าลืมลูกไม่ได้)

 

ลูกจิตใจยังไม่นิ่งพอทำให้ลูกเศร้ามาก อะไรหลายๆอย่างมันไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก ในใจลูกมันสับสน

 

หลวงพ่อคะหลังจากที่ลูกตัดใจเลิกกับเค้ามา ลูกมีคนดีดี คนที่มีทั้งความพร้อมทั้งหน้าตา การงาน

 

เข้ามาให้ลูกได้รู้จักและศึกษา แต่ไม่ว่าเค้าจะทำดีแค่ไหนใจลูกก็คิดอยู่เสมอว่ามันจะเป็นแบบนี้นานแค่ไหน

 

จะตลอดไปรึป่าว คนคนเหล่านั้นจากลูกไป ลูกก็มีความคิดว่าสิ่งเหล่านี้มัน แค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด

 

ทุกอย่างเข้ามาให้เราได้เรียนรู้ แต่ทำไมค่ะทำไมใจลูกยังโหยหาความรักอยู่

 

ทุกวันนี้ลูกเปิดโอกาสเปิดใจแต่พอเอาเข้าจริงๆลูกกลับปฏิเสธมัน ลูกเป็นอะไรไปแล้ว

 

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ฟังดูคุณยังตัดใจจากคนรักเก่าไม่ได้

 

ทั้งนี้เพราะคุณเองยังโหยหาความรักจากคนอื่น แต่คุณเองก็รู้จากประสบการณ์ว่าเขาไม่ใช่คนที่คุณจะฝากใจไว้ได้

 

อันที่จริงไม่ว่าใครถึงจะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถฝากใจไว้กับเขาได้อย่างตลอดหรือปลอดภัยเลย

 

เพราะไม่มีใครที่จีรังยั่งยืนได้ ถึงจะดีแค่ไหน เขาก็ต้องตายจากเราไม่ช้าก็เร็ว

 

ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่เปลี่ยนนิสัยใจคอกลายเป็นคนไม่น่ารัก เห็นแก่ตัว หรือเจ้าชู้

 

คนเราโหยหาความรัก เพราะข้างในนั้นพร่องความรัก สาเหตุสำคัญที่ทำให้พร่องความรักก็คือ

 

ขาดความรักตนเองอย่างแท้จริง (ซึ่งอาจเกิดจากความรู้สึกว่าคนอื่นไม่รักเรา ก็เลยรู้สึกไม่ดีกับตนเอง)

 

คุณลองหันมารักตนเองให้มากขึ้น เห็นคุณค่าของตนเองมองเห็นว่าเรามีอะไรบ้าง

 

อย่ามองแค่ว่าเราขาดอะไร ที่สำคัญคืออย่าเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดไว้กับใครหรืออะไร

 

ขณะเดียวกันก็ควรเผื่อแผ่ความรักหรือมีน้ำใจให้คนอื่นด้วย เมื่อคุณให้ความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ

 

คุณย่อมได้รับความรักกลับมาเอง แต่ถ้าเอาแต่เรียกร้องหรือคาดหวังความรักจากผู้อื่น

 

คุณกลับจะไม่ได้ ยิ่งอยากได้ กลับยิ่งไม่ได้ แต่พอไม่อยากได้ กลับได้มา

 

 

 

1011706_707961979231122_1964992156_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...