บรรยากาศทองคำ ณ ช่วงเวลานี้ BY Rจานอั๋น

[ขุนศึกปทุม 301]

ขอบคุณจารอั๋นมากครับ สำหรับข้อมูลสุดแจ๋ว วิเคราะห์ได้ตรงใจเป๊ะ ข้าน้อยขอคารวะท่าน หนึ่งจอก ศึกนี้หากมิมี ผู้หยั่งรู้เช่นท่าน ไหนเลยการศึก ครานี้ เราจะมิรบชนะได้ ฮิๆๆๆๆ

[wong53 10]

ขอบคุณครับ Rจานอั๋น

[pichthiam 4]

ขอบคุณครับ

[jewjang40 5,712]

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 30 พฤษภาคม 2555 07:29

 

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลง หลังมีข่าวสเปนถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หนุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และสร้างแรงกดดันให้สัญญาทองคำ

 

 

 

ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 20.2 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1,548.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออีแกน-โจนส์ ปรับลดอันดับเครดิตสเปนลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 เดือน โดยปรับลดเครดิตตราสารหนี้สเปนลงสู่ B จาก BB-

 

อีแกน-โจนส์ ระบุว่า ความวิตกเกี่ยวกับหนี้สินของรัฐบาล รวมทั้งการว่างงานของสเปนที่ระดับ 24.4% ขณะที่ยอดขาดดุลอยู่ที่ 9.6% และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลดลง 1.7% นอกจากนี้ การขาดทุนเพิ่มขึ้นของธนาคารและแนวโน้มการถอนเงินของผู้ฝากเงินจากระบบการธนาคาร ยังทำให้ฐานะการเงินของประเทศที่อ่อนแออยู่แล้วย่ำแย่ลง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สเปนจะต้องเข้าอุ้มภาคธนาคารส่วนหนึ่งรวมทั้งแคว้นที่อ่อนแอ

 

นอกจากนี้ อีแกน-โจนส์ ยังปรับเพิ่มความเป็นไปได้ในการผิดนัดชำระหนี้ของสเปนใน 1 ปีเป็น 15% จาก 5%

 

ส่วนยูโร อ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวทางในการเพิ่มทุนแก่ธนาคารบังเกียของสเปน ส่งผลให้ตลาดกังวลมากขึ้นว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนจะย่ำแย่ลง โดยยูโรแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1.2545 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 09.06 น.ตามเวลานิวยอร์ก หลังแตะระดับ 1.2496 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่กลางปี 2553

 

เมื่อวานนี้ หุ้นแบงเกีย ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 4 ของสเปน ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมของสเปนก็พุ่งสูงขึ้น หลังจากที่ธนาคารแบงเกียขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 1.9 หมื่นล้านยูโร (2.38 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์สำหรับสเปน ทำให้นักลงทุนกังวลว่า รัฐบาลสเปนจะหาเงินมาช่วยเหลือได้หรือไม่

 

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของสเปน เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ลดลง 9.8% หลังจากที่ปรับตัวลง 3.8% ในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ย่ำแย่และผู้บริโภคต่างก็ระมัดระวังในการใช้จ่าย

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 30 พฤษภาคม 2555 06:06

แห่ตุน 'ดอลลาร์' รับความเสี่ยง ศก.โลก

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

นักลงทุนและสถาบันการเงินแห่ตุนเงิน "ดอลลาร์" ที่กำลังเนื้อหอมสุดๆ ในฐานะสินทรัพย์คุณภาพสูง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง

 

 

แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปั๊มเงินดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินมากถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ผ่านการกว้านซื้อคืนพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) รอบ 1 และ 2 แต่ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ในฐานะสินทรัพย์คุณภาพสูงที่พร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจโลกหดตัว

 

"บลูมเบิร์ก" ระบุว่า นับจากค่าเงินอยู่ในระดับต่ำเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมปีที่แล้ว ปัจจุบันดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ 16 สกุล โดยดัชนีดอลลาร์ อินเด็กซ์ ปรับเพิ่มขึ้น 12% สูงกว่าเมื่อครั้งที่เฟดเริ่มนำเงินดอลลาร์กว้านซื้อพันธบัตรในช่วงสิ้นปี 2551

 

เหตุผลที่ทำให้ดอลลาร์เนื้อหอม เพราะนักลงทุนต่างชาติและสถาบันการเงินต้องการถือครองดอลลาร์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูงสุด เพื่อให้เป็นไปตามคำแนะนำด้านการลงทุน หรือกฎระเบียบใหม่ ซึ่งมีทางเลือกไม่มากนอกเหนือจากสินทรัพย์สกุลดอลลาร์

 

โดยปัจจุบันสหรัฐเป็น 1 ใน 5 เขตเศรษฐกิจหลักที่มีสัญญาสวอปความเสี่ยงในการผิดนัดชําระหนี้ (ซีดีเอส) ต่ำกว่า 1% (100 basis points) ซึ่งหมายความว่าแทบจะไร้ความเสี่ยง เทียบกับปีก่อนที่มี 8 เขตเศรษฐกิจจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมจี10 ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ขณะที่ 5 เขตเศรษฐกิจนี้มีหนี้รวมกันราว 14 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐมีสัดส่วน 75%

 

"เอียน สแตนนาร์ด" หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ค่าเงินยุโรปของมอร์แกน สแตนเลย์ มองว่า จำนวนสินทรัพย์คุณภาพสูงหดตัวลง ไม่ใช่แค่ในยูโรโซน แต่รวมถึงที่อื่นๆ ด้วย เมื่อส่วนหลักๆ ของยุโรปหดตัว และสินทรัพย์ที่ใช้เป็นทุนสำรองก็หดตัว ทำให้ยูโรโซนมีความน่าดึงดูดน้อยลง

 

น่าสนใจว่า ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินยูโรเสื่อมค่าลงเกือบ 5% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 9 สกุลในตะกร้าของบลูมเบิร์ก เพราะประเทศอย่างสเปนและอิตาลีต่างก็ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากวิกฤตหนี้ที่เกิดขึ้นในภูมิภาค

 

"เคน ดิคสัน" ผู้อำนวยการฝ่ายลงทุนค่าเงินของสแตนดาร์ด ไลฟ์ อินเวสต์เมนต์ ที่บริหารเงินราว 2.57 แสนล้านดอลลาร์ กล่าวว่า เรามองเห็นการซื้อดอลลาร์เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้

 

เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นราว 2.06% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ที่ 1.2517 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังทำสถิติ 1.2496 ดอลลาร์ต่อยูโร ซึ่งเป็นระดับที่แข็งค่าสุดนับจากเดือนกรกฎาคม ปี 2553 และแข็งค่า 0.84% อยู่ที่ 79.68 เยนต่อดอลลาร์

 

ธนาคารฮังการี เป็นตัวอย่างหนึ่งที่กำลังบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้มีความหลากหลาย ท่ามกลางคุณภาพสินทรัพย์ยุโรปที่ลดลง โดยเตรียมเพิ่มการถือครองเงินดอลลาร์ เยน และปอนด์อังกฤษไว้ในทุนสำรองระหว่างประเทศ จากปัจจุบันที่ลงทุนเน้นหลักทรัพย์สกุลยูโร

 

เช่นเดีวกับบรรษัทเพื่อการลงทุนแห่งชาติจีน (ซีไอซี) ซึ่งมีสินทรัพย์ราว 4.4 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก โดย "เกา สีกิง" ประธานซีไอซี ระบุว่า กองทุนความมั่งคั่งของจีนได้หยุดซื้อตราสารหนี้ภาครัฐในยุโรป เนื่องจากปัญหาที่หนักหนามากขึ้น

 

จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า สัดส่วนของเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 62.1% ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2554 มากสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2553 ขณะที่สัดส่วนเงินยูโรลดลงสู่ระดับ 25% ต่ำสุดนับจากเดือนกันยายน ปี 2549

 

ด้านกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า การถือครองตราสารหนี้สหรัฐของบรรดารัฐบาลต่างชาติเพิ่มขึ้น 3.24% อยู่ที่ 3.73 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้

 

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 30 พฤษภาคม 2555 06:17

เปิดแผนฉุกเฉินเอกชนยุโรปรับกรีซพ้นยูโรโซน

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

เอกชนทั่วยุโรป เตรียมแผนฉุกเฉินรับมือกรีซพ้นยูโรโซน ทั้งในแง่ความวุ่นวายทางสังคมและความยุ่งยากในการทำธุรกรรมและติดต่อธุรกิจ

 

บริษัทดิกสันส์ ผู้ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าของอังกฤษ ใช้เวลาช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จัดเตรียมประตูม้วนนิรภัยเพื่อนำมาใช้ป้องกันร้านค้าเกือบ 100 แห่งของทางบริษัทในกรีซ ถ้าหากเกิดเหตุจลาจล โดยนายเซบาสเตียน เจมส์ ซีอีโอของดิกสันส์ บอกว่า แผนการดังกล่าวดูเหมือนเกิดจากความตื่นตระหนก แต่การเตรียมความพร้อมไว้ถือเป็นสิ่งที่ดี

 

ผู้บริหารบริษัทจำนวนมากทั่วยุโรป เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยในขณะที่วิกฤติการเงินในกรีซเลวร้ายลงเรื่อยๆ ภาคเอกชนก็เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุจลาจลและการล่มสลายของระบบการเงินในกรีซ ซึ่งการเตรียมพร้อมในเรื่องนี้ รวมถึงการโอนเงินสดออกจากกรีซทุกคืน, การปรับลดหนี้, การตัดลูกค้าที่มีปัญหาในการจ่ายเงิน และการเตรียมความพร้อม เพื่อหันไปใช้สกุลเงินแดรคมาของกรีซ ถ้าหากกรีซจำเป็นต้องถอนตัวออกจากยูโรโซน

 

นายโรเจอร์ เบย์ลี หุ้นส่วนของบริษัทเคพีเอ็มจี กล่าวว่า "บริษัทส่วนใหญ่กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับกรณีที่กรีซออกจากยูโรโซน และได้พิจารณาประเด็นปัญหาในด้านเงินสด, การคลัง และสกุลเงิน"

 

ดิกสันส์เป็นผู้ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อันดับสองของยุโรป และเป็นเจ้าของเครือข่ายห้างคอทโซโวลอส ที่เป็นผู้นำตลาดในกรีซ ถึงแม้ห้างนี้มีผลขาดทุน โดยคอทโซโวลอสครองส่วนแบ่งตลาด 25 % ในการขายไอแพดและคอมพิวเตอร์แลปท็อปในกรีซ และยังขายเครื่องซักผ้า, โทรทัศน์ และเครื่องปรับอากาศด้วย

 

นายเจมส์ กล่าวว่า ดิกสันส์มีแผนรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยการ สั่งปิดห้างร้านในกรีซลงในระยะสั้นเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยจากเหตุจลาจล และเพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินแดรคมา โดยดิกสันส์เป็นเจ้าของในห้างร้าน 69 แห่งในกรีซ และถือแฟรนไชส์ในห้างร้านอีก 29 แห่งในกรีซ

 

ดิกสันส์มียอดขายอยู่ที่ราว 8.2 พันล้านปอนด์ต่อปี แต่มีเพียงแค่ราว 3 % เท่านั้นในจำนวนนี้ ที่มาจากกรีซ ขณะที่ดิกสันส์ต้องแข่งขันกับบริษัทเมโทรของเยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายห้างขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของยุโรป และต้องแข่งขันกับบริษัทกรีซจำนวนหนึ่งด้วย แต่นายเจมส์กล่าวว่า บริษัทกรีซอาจอยู่รอดได้ยากถ้าหากเกิดวิกฤติ

 

ด้านบริษัทไดอาจีโอ ของอังกฤษ ได้ปรับลดงบการตลาดในกรีซ, ลดสต็อกสินค้าในกรีซ และโอนเงินสดออกจากกรีซอย่างรวดเร็ว หลังจากไดอาจีโอ พบว่ายอดขายในกรีซลดลงครึ่งหนึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์

 

ไดอาจีโอ เป็นบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของวิสกี้ยี่ห้อจอห์นนี วอล์คเกอร์ และวอดก้ายี่ห้อสเมอร์นอฟ นอกจากนี้ บริษัทยังจัดประชุมทุกสัปดาห์เพื่อปรับลดการลงทุนในกรีซ และ

 

เพื่อคุ้มครองยอดขายในปัจจุบัน ผ่านทางการส่งเสริมเครือข่ายการจัดจำหน่ายภายใน, การระงับการจัดส่งสินค้าให้แก่บาร์ขนาดเล็กบางแห่ง และการมุ่งเป้าการขายไปที่คลับและโรงแรมหรูหรา

 

ด้านสมาคมผู้จัดการฝ่ายการคลัง (เอซีที) ในกรุงลอนดอน ระบุว่า ภาคธุรกิจควรเตรียมความพร้อมด้วยการกำหนดให้จ่ายเงินเมื่อส่งมอบสินค้าและด้วยการเขียนสัญญาขายโดยใช้สกุลเงินอื่นๆ เช่น ปอนด์หรือดอลลาร์แทนที่ยูโร

 

นายเบย์ลี แนะนำให้ลูกค้าใช้วิธีตรวจสอบหลัก 6 ประการที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร C ในการเตรียมความพร้อมสำหรับกรณีที่กรีซออกจากยูโรโซน โดยหลัก 6 ประการนี้ได้แก่ เงินสด (cash), สัญญา (contracts),ความต่อเนื่อง (continuity), คู่สัญญา (counterparties), การควบคุม(control) และการพาณิชย์ (commercial)

 

นายเบย์ลีเชื่อว่า บริษัทรถยนต์, บริษัทจัดทัวร์ และบริษัทเวชภัณฑ์ จะได้รับผลกระทบในทันทีในระดับที่มากที่สุดถ้าหากกรีซออกจากยูโรโซนในเร็วๆนี้

ที่สำคัญ นายเบย์ลี เตือนว่าภาคเอกชนควรเตรียมพร้อมรับมือกับการล้มละลายของซัพพลายเออร์และคู่สัญญา, ควรเข้มงวดด้านการควบคุมเพื่อป้องกันความผิดพลาดและการฉ้อโกง และควรเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบทางการพาณิชย์ ที่อาจเกิดขึ้นถ้าหากมีการเปลี่ยนรูปแบบรัฐบาลและพฤติกรรมผู้บริโภค

 

ด้านบริษัทบีเอ็มดับเบิลยู ของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์หรูหรารายใหญ่ที่สุดในโลก ระบุว่า ทางบริษัทมีความพร้อมแล้วในการรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หลังจากบริษัทตัวแทนจำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยู ในกรีซปิดกิจการไปแล้วราว 25 % นับตั้งแต่ปี 2551 และยอดการจัดส่งสินค้าของบริษัทในกรีซลดลงมาแล้วกว่า 2 ใน 3 จากระดับสูงสุดราว 7,000 คันต่อปี

 

ส่วนบริษัททียูไอ ของเยอรมนีที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว ได้ดำเนินมาตรการตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554 ด้วยการขอให้ผู้ประกอบการโรงแรมทำสัญญาใหม่ในการจ่ายเงินเป็นสกุลแดรคมาถ้าหากมีการใช้สกุลเงินใหม่ พร้อมเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยการย้ายลูกค้าไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆด้วย ถ้าหากเกิดเหตุจลาจลขึ้น โดยทูยูไอ เคยนำมาตรการนี้มาใช้ในปีที่แล้วหลังจากเกิดเหตุปฏิวัติอาหรับ สปริงในแอฟริกาเหนือ

 

ด้านบริษัทผู้ผลิตยาขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงแกลกโซสมิธไคลน์ ของอังกฤษ และโรชของสวิตเซอร์แลนด์ กำลังทำงานร่วมกับทางการยุโรป จัดเตรียมแผนฉุกเฉินเพื่อจัดส่งยาที่จำเป็นเข้าสู่กรีซอย่างต่อเนื่องถึงแม้กรีซออกจากยูโรโซน

 

ส่วนโวดาโฟน ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรศัพท์มือถือของอังกฤษ ระบุว่า โวดาโฟนมีแผนรับมือถ้าหากระบบธนาคารของกรีซกลายเป็นอัมพาต และเกิดเหตุจลาจลขึ้น จากประสบการณ์ของโวดาโฟนกรณีเหตุจลาจลในอียิปต์ ทำให้ทางบริษัทได้เรียนรู้ว่า จำเป็นต้องปกป้องอาคารของตนเอง และต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับโทรศัพท์แบบเติมเงิน และบริษัท G4S ของอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกคาดว่า บริษัทอาจได้ทำงานแจกจ่ายธนบัตรใหม่ไปทั่วประเทศกรีซ ถ้าหากกรีซกลับไปใช้สกุลเงินแดรคมาอีกครั้ง

 

 

 

Tags : เอกชนตั้งรับกรีซพ้นยูโรโซน

ถูกแก้ไข พฤษภาคม 30, 2012 โดย กระต่ายทอง

[jewjang40 5,712]

 

ดีคะจานอั๋น เพื่อนๆมีความสุขมีกำไรทุกการลงทุนนะคะ

[aunson 1,403]

สวัสดีครับทุกคน สวัสดีตอนเช้าก่อนเที่ยงนะครับทุกคน

 

เมื่อวาน ราคาทองคำไหล ลงมาเป็นน้ำตกอีกแล้ว ไม่ค่อยได้เห็นนาน เลยช่วงนี้.............

 

หวังว่าคงจะมีใครได้กำไร กันเยอะเยอะนะครับ

 

เมื่อวานราคาทองคำถูกเทขายออกมา ลงมาทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1547.91 เหรียญ หลังจากราคาขึ้นไปทำ High ราคาสูงสุดในรอบวันก่อนที่จะลงอยู่ที่ 1582.53 เหรียญ

 

รวมทั้งวันวิ่งทั้งหมดประมาณ 35 เหรียญ โดยราคาทองคำเคลื่อนตัวเป็นไปในลักษณะ Side Ways อยู่ในกรอบ 10 เหรียญ 1570-1580 เหรียญ ก่อน

 

และหลังจากนั้นจึงถูกแรงขายออกมาอย่างหนัก ลงทดสอบแนวรับ 1550 ส่งผลทำให้วันนี้ ถ้ามองจากรูปแแบบกราฟ ราคาทองคำยังคงมีทิศทางอยู่ในรูปแบบของ

 

Down trend อีกครั้ง สาเหตุ ข่าวน่าจะมาจากข่าว สเปนถูกลดอันดับเครดิตลง จากบริษัทจัดอันดับความน่าเชือถือด้านการลงทุน อีแกน-โจนส์ ส่งผลทำให้ ราคาทองคำ

 

สกุลเงินยูโร ถูกเทขายออกมาพร้อม ๆ กัน ตามข่าว และนำเงินเข้าไปเสี่ยงซื้อ สกุลเงิน ดอลล่าร์ แทน เพื่อป้องกันความเสี่ยง

 

(หากวันใดยูโร แตกสลายหรือมีใครออกจากกลุ่ม ยูโร ระบบสกลุเงินยูโรจะล่มสลาย ก่อน และนักลงทุนจะแห่เข้าไปซื้อดอลล่าร์ แทนก่อน เพือ่ป้องกันความเสี่ยง

 

หลังจากนั้น เงินจะออกดอลล่าร์ และไหลกลับเข้ามาหาสินทรัพย์ที่เป็น Safe Haven เช่นพระเอกที่แท้จริงของเรา คือพี่ทองคำ นั้นเองครับ ไม่ตกใจไปนะครับ ทุกคน

 

หากวันนั้นมาถึง แต่ดูครับว่า หากเวลาที่ยูโร ล่มสลาย จริงมาถึง ทองคำ จะอยู่ ณ ราคา ใด และ จะถูกเทขาย ออกไปตามสกุลเงินยูโรมากแค่ ไหน )

 

ถ้าดูจากกราฟ คาดว่า หากราคามีแรงรีบาวดื ขึ้นยืนเหนือ 1550-1560 ได้ ยังไม่แนะนำให้นักลงมั่นใจมากนักนะครับ ว่า ราคาทองคำ จะกลับตัวเป็นขาขึ้นระยะสั้นแล้ว

 

เพราะถ้าดูจากข่าว ที่จะประกาศออกมา ในวัน พฤหัสบดี และวันศุกร์ นี้ ตามที่เขียนไว้เมื่อวาน (ซึ่งจะส่งผลดีต่อสหรัฐและสกุลเงินดอลล่าร์ )

 

คาดว่าราคาทองคำ น่าจะ Side Ways อยู่ในกรอบ 1530-1560 ก่อน หรือมีโอกาศลงทดสอบ 1520-1530 อีกครั้งซึ่ง ยังไม่อยากจะให้นักลงทุนประมาทในการลงทุน

 

ตามที่ได้เขียนตอบให้ EBBy ไปแล้วเมื่อวาน ครับ

 

แนวรับและแนวต้าน วันนี้

 

แนวต้าน ตอนนี้ คงต้องลุ้น ๆ ให้ผ่านและยืนเหนือ 1550 ขึ้นไป ให้ได้ก่อนครับ **** 1556 **** ตรงนี้ดูครับ ถ้าไม่ผาน ระวังแรงขาย *******1563**

 

แนวรับ ถ้ามองจากกราฟ ราคาหลุด 1560 ลงมา จะกลับตัวเป็นขาลง อีกครั้ง โดยจะมีจุดที่แนะนำหากหลุดลงไป 1530 เหรียญ ครับ แนวรับ ตอนนี้

 

คงต้องมองระยะสั้นกันก่อนที่ ลุ้นครับว่าจะหลุด 1537-1540 ลงไปหรือไม่ ****** 1530 **** 1526 -1523 LoW เดิม *** ถ้าหลุด 1520 มา ระวัง

 

อาจจะมีการ ลงทดสอบ 1500-1480 อีกครั้ง ******

 

กรอบเล็ก 1530-1560 = 30 เหรียญ

 

กรอบใหญ่ 1530-1580 = 50 เหรียญ

 

คืนนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญดังนี้่

 

1. เวลา 15:00 ยุโรป ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจและเงินฝากในธนาคาร(M3) คาดการณ์เป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

 

2. เวลา 15.00 ยุโรป ยอดสินเชือส่วนบุคคลและธุรกิจเอกชน คาดการณ์เป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

 

3. เวลา 15:10 ยุโรป ดัชนีมุมมองต่อการทําธุรกิจของฝ่ายจัดซื อ(ธุรกิจค้าปลีก) ไม่มีคาดการณ์

 

4. เวลา 21:00 สหรัฐฯ ยอดทีอยู่อาศัยทีรอการปิดการขาย เป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

 

5. เวลา 22:30 ยุโรป ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) มาริโอ ดรากี[speak]

 

 

 

 

โชคชะตาฟ้าลิขิต ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะคน

 

การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้ต่อไปไม่รู้จบ ครับ

 

แนะนำให้นักลงทุน จงใช้ความนิ่ง สยบ ความเคลื่อนไหว ครับ

[jewjang40 5,712]

[gejen 5,749]

ขอบคุณมากๆๆค่ะอาจานอั๋น

[wong53 10]

ขอบคุณครับ Rจานอั๋น

[deb99 290]

ขอบคุณครับ

[Ebby 2]

คำถามนี้ ต้องแวะมาตอบนิดหน่อย เผื่อจะได้เป็นประโยชน์กับทุกคน นะครับ

 

1. ต้องบอกว่า ตอนนี้ ราคาทองคำ ไม่ได้เป็นไปตาม รูปแบบเหมือนดังเช่นปีที่ผ่านมา 2008-2011 ที่เป็นตลาดขาขึ้น แบบเดียว

 

ดังนั้น นักลงทุนที่เข้าไปซื้อสะสมไว้นำมาขายวันไหน เมือ่ไหร่ก็ได้กำไร

 

2. ตอนนี้รูปแบบ สถานการณ์ เปลี่ยนไป หลังจากราคาทองคำ ขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1920 เหรียญ ถ้ามองจากกราฟ ต้องบอกว่าราคาทองคำ

 

หลังจากราคาขึ้นไปทำ High สูงสุด ราคาทองคำเปลี่ยนจากตลาดขาขึ้น ระยะยาว มาเป็นตลาดขาลง ระยะสั้น อยู่ครับ สังเกตุได้จากกราฟ ราย DAy หรือ Week

 

ที่ราคา ได้สร้าง ราคาทำ High ลดลง ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันนี้

 

3. ถ้ามองจากตอนนี้ หรือ มุมมอง จากเศรษฐกิจ ของโลก ในอนาคต ก้ขอเตือนแนะนำให้นักลงทุนไม่ให้ประมาท นะครับ

 

เพราะ ว่า ถ้าถาม ว่าโอกาศ มีโอกาศลงไปทดสอบ 14 XX มีความเป็นไปได้ไหมในอนาตคต มีครับ แต่จะเมือ่ไหร่ นั้น ไม่สามารถ คาดการณ์ได้ ครับ ว่าเมือ่ไหร่

 

ต้องขึ้นอยู่กับบรรยากาศ ณ ช่วงเวลานั้นของเวลาทองคำ และโอกาศที่จะขึ้นถึง 1900-2000 ในอนาคต มีความเป็นไปได้ไหม ก็ตอบว่ามี ครับ เพราะ ในอนาคต

 

ยังจะมีหนี้ ที่ พี่ เบิ่ม เมกา ขุดหลุมฝังดิน ไว้หลาย ล้าน ล้าน ล้าน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีใคร กล้าไปขุดขึ้นมาแค่นั้นเอง

 

ถ้ามีใครกล้าขุดขึ้นมา ไม่อยากจะคิดครับ ว่า โลกใบเล็ก แต่กว้างใหญ่ของเราจะเป็นยังไง มีก็มีระบบเงินที่ เริ่มจะเสือ่มมูลค่าลงไป เรือ่ย ๆ อีกครับ

 

4. ตอนนี้ ทองคำ มีการพัฒนา นำมาเป็นระบบการเก็งกำไรกันมากขึ้น จึงเป็นเหตุผล ง่าย ๆ ครับ ที่ พอราคาทองคำขึ้นไปชนแนวต้านที่สำคัญ จึงมักจะถูกแรงขาย

 

ออกมาเพื่อทำกำไร และป้องกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นไปตาม ระบบกลไกตลาดในเรื่องของการเก็งกำไรอยู่แล้วครับ

 

5. หากคุณ Ebby อยากจะซือ้สะสมไว้นาน หรือเก็บไว้เป็นสมบัติ ก็ได้นะครับ เพียง แต่ขอให้ เข้าซื้อ ทองคำเก็บ เพียงแค่ ไม่กี่ส่วน ของเงินเก็บที่เราทั้งหมดก็พอนะครับ

 

เพราะว่ายังไง เราก็คงต้องใช้เงิน ในการแลกซือ้-ขาย สิ่งของต่าง ๆ ได้ ง่าย กว่าทองคำและ ด้วยเหตุผล ใน ข้อ 3 ที่ไม่อยากให้ประมาท ในการลงทุน

 

เพราะ สหรัฐ มี ตัวเลขที่บอกว่ามี ทองคำ มากที่สุดในโลก สหรัฐ มีอำนาจในการทำสงครามมากที่สุดในโลก(ตรงนี้หากมีประเทศอื่นที่มีอำนาจมากกว่าสหรัฐก็ขอโทษที ครับ)

 

สหรัฐมีสกุลเงินดอลล่าร์ ที่ถูกนำไปใช้ มากที่สุดในโลก ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลง่าย เลยครับ ว่า ข้าใหญ ข้าทำอะไรไม่ผิด หรือจะมีใครกล้า เถียง

 

ส่วนถ้าคุณ Ebby จะซือ้ เพิ่ม ก็ แนะนำให้ขายออกมา ทำกำไร ส่วนหนึ่งด้วยละกันนะครับ ถึงแม้มุมมอง ระยะยาวจะเป็นขาขึ้น แต่ มันก็ไม่รู้เมื่อไหร่

 

 

บางที่ราคาทองคำมันอาจจะลงไปก่อนขึ้นก็ได้ แล้วจะมาบ่น ว่า รู้งี้ ขายออกไปก่อนก็ดี ภายหลังก็ไม่ได้แล้วนะครับ โม้มาเยอะไปแล้วครับ

 

หาจังหวะ และ ศึกษาข้อมูลให้มาก ก่อนการลงทุน เพราะ การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุน แล้วรู้ว่า เราจะได้ผลตอบแทน เท่าไหร่มีกว่าครับ

 

ขอขอบคุณอาจารย์อั๋นยิ่งครับ ผมจะทำตามคำแนะนำนี้

[watch.kasemsuk 23]

ขอบคุณคำแนะนำอ.อั๋นครับ

[jewjang40 5,712]

 

 

ดีคะจานอั๋น เพื่อนๆมี่ความสุขมีกำไรทุกการลงทุนนะคะ

ถูกแก้ไข มิถุนายน 3, 2012 โดย กระต่ายทอง

[jewjang40 5,712]

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 06:05

 

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ราคาทองคำตลาดสหรัฐปิดร่วง 1% เนื่องจากตลาดวิตกปัญหาภาคธนาคารสเปนฉุดความต้องการลงทุนตลาดโภคภัณฑ์มีค่า

 

ราคาทองคำ ล่วงหน้าส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดโคเม็กซ์ ร่วงลง 14.80 ดอลลาร์ หรือ 1% ที่ 1,565.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทั้งนี้ การช่วยเหลือธนาคารแบงเกียของสเปน ยังคงเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงแนวทางในการดำเนินการ ตลอดจนความสามารถในการรับมือกับแบงก์ที่มีปัญหารายอื่นๆของประเทศ หลังจากที่แบงเกียขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 1.9 หมื่นล้านยูโร (2.38 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์สำหรับสเปน

 

ด้านสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออีแกน-โจนส์ ลดอันดับเครดิตสเปนลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 เดือนเมื่อวานนี้ โดยปรับลดเครดิตตราสารหนี้สเปนลงสู่ B จาก BB-

 

อีแกน-โจนส์ ระบุถึงความวิตกเกี่ยวกับหนี้สินของรัฐบาล รวมทั้งการว่างงานของสเปนที่ระดับ 24.4% ขณะที่ยอดขาดดุลอยู่ที่ 9.6% และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลดลง 1.7%

 

นอกจากนี้ การขาดทุนเพิ่มขึ้นของธนาคารและแนวโน้มการถอนเงินของผู้ฝากเงินจากระบบการธนาคาร ยังทำให้ฐานะการเงินของประเทศที่อ่อนแออยู่แล้วย่ำแย่ลง

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 06:06

ยูโรอ่อนค่าใกล้ต่ำสุดรอบ 2 ปี

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ยูโรอ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากวิตกปัญหาภาคธนาคารสเปน

 

ยูโรร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีเทียบดอลลาร์ โดยปรับลง 0.4% ที่ 1.2452 ดอลลาร์ หลังอ่อนค่าแตะ 1.2425 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนก.ค.2553

 

ยูโรร่วงลง ขณะที่สเปนประสบปัญหาในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารที่ย่ำแย่ ซึ่งยิ่งจุดปะทะความวิตกว่าวิกฤตหนี้ภูมิภาคจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆนอกจากนี้ ยูโรร่วงลง 1% แตะ 98.43 เยน และเยนแข็งค่า 0.5% ที่ 79.06 เยน/ดอลลาร์

 

ทั้งนี้ ตลาดกำลังตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวทางที่สเปน จะระดมเงินเพื่อช่วยเพิ่มทุนแก่ธนาคารที่ประสบปัญหา หลังจากที่มีการแปรรูปกิจการบางส่วนของธนาคารแบงเกียไปเป็นของรัฐบาลเมื่อต้นเดือนนี้ และเมื่อเร็วๆนี้ แบงเกียขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 1.9 หมื่นล้านยูโร (2.38 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์สำหรับสเปน

 

ขณะที่ คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในยูโรโซนปรับตัวลงสู่ระดับ 90.6 ในเดือนพ.ค. จาก 92.9 ในเดือนเม.ย. ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า วิกฤตหนี้ในกรีซและสเปน กำลังส่งผลกระทบไปทั่วภูมิภาค

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 06:07

เตือน!แก้วิกฤตยูโรโซนแบบเข้มอาจส่งผลร้าย

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ผู้อำนวยการไอแอลโอเตือนนโยบายที่เข้มงวดในการแก้วิกฤตยูโรโซนอาจก่อปฏิกริยารุนแรง

 

นายฮวน โซมาเวีย ผู้อำนวยการองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) กล่าวเตือนว่า นโยบายที่สุดโต่งในการจัดการวิกฤตยูโรโซนอาจจะทำให้เกิดปฏิกริยาที่รุนแรง

 

คำเตือนของนายโซมาเวีย มีขึ้นในการประชุมแรงงานระหว่างปรแทศครั้งที่ 101 ซึ่งเปิดฉากขึ้นที่เจนีวาเมื่อวานนี้

 

“การให้ความเชื่อมั่นเฉพาะกับนักลงทุนในตลาดการเงิน ขณะที่ทำให้ประชาชนสูญเสียความไว้วางใจ ไม่เพียงแต่จะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจช่วงขาลงมีความรุนแรงขึ้น แต่ยังจะเปิดทางสู่แนวทางแก้ไขป้ญหาที่รุนแรงด้วย แนวทางรัดเข็มขัดเพียงอย่างเดียว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการคลัง กำลังนำไปสู่ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ การว่างงาน การปกป้องที่ลดลงและความเสียหายด้านบุคคลากรอย่างมาก ซึ่งจะบั่นทอนคุณค่าทางสังคมที่ยุโรปได้นำร่องไว้"นายโซมาเวีย กล่าว

 

นายโซมาเวีย กล่าวเตือนเกี่ยวกับแนวทางการหารือ ในแบบดั้งเดิมที่อ่อนแอลงระหว่างรัฐบาล กลุ่มนายจ้างและกลุ่มลูกจ้างในยุโรป

 

“เป็นที่ชัดเจนว่า การหารือทางสังคมทำให้เราสามารถหลุดพ้นจากวิกฤต โดยผ่านทางการลงทุนที่ประสบผลในองค์กรที่ยั่งยืน ซึ่งจะสามารถสร้างงาน อุปสงค์ของผู้บริโภคและรายรับทางการคลังในเวลาเดียวกัน" ผอ.ไอแอลโอ ระบุ

 

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการไอแอลโอ ยังเรียกร้องให้ทั่วโลกเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการคลัง และมีความรับผิดชอบทางสังคมกันมากขึ้น

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 06:08

นักวิเคราะห์ชี้วิกฤตสเปนยังไม่รุนแรงถึงขีดสุด

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

นักวิเคราะห์ชี้วิกฤตสเปนยังไม่รุนแรงถึงขีดสุด คาดเศรษฐกิจและการเงินย่ำแย่ต่อไป

 

ประเด็นที่ว่ารัฐบาลสเปน จะให้ความช่วยเหลือทางการเงิน 1.9 หมื่นล้านยูโรแก่ธนาคารแบงเกีย ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 และเป็นผู้ปล่อยเงินกู้จำนองรายใหญ่ที่สุด กลายเป็นประเด็นความสนใจของสาธารณชนและประเด็นถกเถียงในวงการสื่อ เนื่องจากทำให้เกิดข้อสงสัยว่ารัฐบาลจะนำเงินมาจากไหน ในขณะที่ภาวะสินเชื่อในประเทศตึงตัว และแบงเกีย ก็มีหนี้เสียจากภาคการเคหะจำนวนมหาศาล

 

นอกจากนี้ ภาวะฟองสบู่ภาคที่อยู่อาศัยของสเปน และการทรุดตัวลงของภาคเคหะเป็นปัจจัยสำคัญ ในวิกฤตการเงินสเปน ที่อาจทำให้สเปนต้องรับความช่วยเหลือจากนานาประเทศเหมือนกับไอร์แลนด์ โปรตุเกส และกรีซ โดยในช่วง 10 ปีจนถึงปี 2551 ราคาบ้านในสเปนพุ่งขึ้น 2 เท่า แต่ในขณะนี้ได้ลดลง 30%

 

แต่นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาจะลดลงต่อไป ซึ่งในยุคที่เฟื่องฟูนั้น ภาคการเคหะสร้างงานให้ชาวสเปน 1 ใน 7 คน เมื่อเทียบกับ 1 ใน 22 ในสหรัฐ แต่ในตอนนี้บ้าน 2 ล้านหลังในสเปน ยังไม่มีผู้ซื้อ และจะมีการประกาศขายบ้านในตลาดเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ผู้ขอเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย 20% อยู่ในภาวะย่ำแย่

 

นักวิเคราะห์บางราย คาดการณ์ว่า การเข้าอุ้มธนาคารแบงเกียจะยิ่งเพิ่มหนี้ให้กับสเปน ซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้น 50% ถ้ารัฐจำเป็นต้องเข้าช่วยเหลือภาคธนาคารมากขึ้น

 

นายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน ต้องการให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซื้อตราสารหนี้สเปน แต่เป็นสิ่งที่ถูกคัดค้านจนถึงขณะนี้ โดยธนาคารกลางสเปนได้กู้ยืมเงินจากอีซีบี 3.85 แสนล้านยูโรแล้ว

 

สำหรับขณะนี้ ประเด็นความวิตก อยู่ที่เศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของสเปน ไม่ใช่การแห่ถอนเงินอย่างหนัก โดยอัตราว่างงานของสเปน นับว่าสูงสุดในยุโรป ที่เกือบ 25% และอัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวอยู่สูงกว่า 40% ขณะที่เศรษฐกิจอ่อนตัวลง 0.3% ในไตรมาสแรก และนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจจะอ่อนแอลงในไตรมาสต่อๆไป ซึ่งจะทำให้การว่างงานยิ่งเพิ่มสูงขึ้น

[jewjang40 5,712]

วิวัฒนาการ : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=31652

 

นักลงทุนที่จริงจังและประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งนั้น ผมเชื่อว่าจะต้องมีวิวัฒนาการในเรื่องของหลักความคิดและวิธีการลงทุน ไม่มาก ก็น้อย ความหมายก็คือ เป็นเรื่องยากที่นักลงทุนจะสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยความคิดความเข้าใจที่สมบูรณ์แบบ และสามารถใช้หลักการและวิธีการนั้นได้ตลอดไป นอกจากนั้น ภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปก็ทำให้แนวทางที่เคยใช้และประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดต่อไป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ บางทีแทบไม่รู้ตัว

 

วิวัฒนาการที่รุนแรงจนอาจจะเรียกว่าเป็นการปฎิวัติวิธีการลงทุนที่ผมคิดว่าเป็นทางบวก ก็คือ การปรับเปลี่ยนตัวเองจากการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรเป็นการลงทุนที่ยึดแนวทางแบบ Value Investment นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่หลายๆคน เขาอาจจะไม่ต้องผ่านวิวัฒนาการนี้เลยเพราะคำว่า Value Investment ไม่ใช่เรื่องที่คนไม่รู้จักอีกต่อไป และนักลงทุนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเริ่มต้นชีวิตการลงทุนในแนวทางนี้อย่างมั่นคง

 

วิวัฒนาการเรื่องที่สองที่ผมคิดว่าน่าจะส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อความมั่งคั่งส่วนตัว ก็คือ การจัดสรรเงินลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินต่างๆ ความคิดของการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในทรัพย์สินต่างๆที่หลากหลาย ทั้งเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้ หน่วยลงทุน และหุ้น กับความคิดในการเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์เฉพาะอย่าง เป็นเรื่องที่จะตัดสินชะตากรรมทางการเงินของคนได้มหาศาล

 

ผมเอง เริ่มจากการกระจายการลงทุนตามตำราที่ร่ำเรียนมาและโดยสามัญสำนึก แต่วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ และกลายเป็นคนที่มีทรัพย์สิน 99% อยู่ในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรือผิด สำหรับหลายๆคน นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะความผิดพลาดถ้าเกิดขึ้นอาจจะกลายเป็นหายนะ แต่สำหรับผม นี่คือวิวัฒนาการ ดังนั้น ผมคิดว่าผมปรับตัวกับมันได้เป็นอย่างดี และเท่าที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สำหรับอีกหลายคน การปรับตัวจากการมีหุ้นเพียงน้อยตัวเป็นหุ้นมากตัว หรือการมีพันธบัตร มีหน่วยลงทุน หรือมีความหลากหลายของการลงทุนอาจจะเป็นวิวัฒนาการที่ดีขึ้นก็เป็นได้

 

วิวัฒนาการต่อมาที่ผมคิดว่ากำลังเป็นมากขึ้นเรื่อยๆของผมก็คือ การวิ่งหา “คุณภาพ” มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ลดความเข้มข้นทางด้านราคาที่ถูกของหุ้นลง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะหุ้นที่มีราคาถูกอาจจะมีน้อยลงในภาวะปัจจุบัน เมื่อเทียบกับช่วงที่ผมเริ่มการลงทุนแบบ Value Investment ใหม่ ๆ หลังวิกฤติเศรษฐกิจ

 

วิวัฒนาการอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องระยะเวลาของการถือครองหุ้น เมื่อคนมีประสบการณ์การลงทุนมานานขึ้น ระยะเวลาของการถือหุ้นอาจจะเปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่ก็น่าจะนานขึ้น การ “Take Profit” หรือ การ “Cut Loss” อาจจะเปลี่ยนแปลง หลายๆคน “Let Profit Run” และ “Cut Loss” เร็ว นี้เป็นวิวัฒนาการที่อาจจะสำคัญมากสำหรับหลายคน สำหรับผมเอง วิวัฒนาการของผมก็คือ ผมแทบจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมถือหุ้นยาวเกินกว่าที่จะพูดถึงเรื่องกำไร เพราะหุ้นเกือบทุกตัวถ้าจะนับกำไรก็มีกำไรมหาศาล แต่เป็นกำไรที่ถือมา 5 หรือ 10 ปี ซึ่งทำให้ไม่มีความหมายมากนักในแง่ของการลงทุน

 

วิวัฒนาการที่ผมคิดว่า Value Investor น่าจะต้องมีก็คือ เรื่องของความคึกคักของหุ้น นี่คือความคิดว่า หุ้นที่น่าสนใจหรือเข้าข่ายที่จะซื้อจะต้องเป็นหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงพอสมควร มีรายงานการวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ หรืออย่างน้อย ต้องเป็นหุ้นที่มีการพูดถึงกันในอินเตอร์เน็ตในหมู่ Value Investor ด้วยกัน เช่นเดียวกัน หุ้นที่เข้าข่ายจะต้องมีความเคลื่อนไหวของราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้นเหล่านี้ ผมคิดว่าวิวัฒนาการควรจะเป็นการเคลื่อนจากการดูกิจกรรมของหุ้น มาเป็นการดูกิจกรรมทางธุรกิจและผลการดำเนินงาน เพราะนี่คือวิวัฒนาการที่จะนำให้เราไปสู่การเป็น Value Investor ที่ดีขึ้น และจะทำให้เราสามารถค้นพบหุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนมหาศาลได้

 

วิวัฒนาการที่ผมเริ่มสังเกตอีกอย่างหนึ่ง และน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการลงทุน ในแง่ผลตอบแทนก็คือ การซื้อหุ้นแต่ละตัวในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ผมจำได้ว่าในช่วงแรกของการลงทุนแบบ Value Investment ของผมนั้น ผมซื้อเป็นหลักร้อยหรือพันหุ้นก็ถือว่ามากแล้ว แต่ในระยะหลังดูเหมือนว่า ผมจะซื้อเป็นหลักแสนหรือล้านหุ้นในหุ้นแต่ละตัว เหตุผลส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะมีการแตกพาร์ของหุ้นจาก 10 บาทเป็น 1 บาท เป็นส่วนใหญ่ แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพอร์ตของหุ้นมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ดี และอีกส่วนหนึ่งมาจากการพยายามที่จะเน้นลงทุนในหุ้นน้อยตัวลง และแต่ละตัวมีจำนวนหุ้นที่มากขึ้น ประสบการณ์ของผมก็คือ หุ้นที่ผมมีมากอย่างมีนัยสำคัญ มักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นที่เป็นเบี้ยหัวแตก

 

ผมเชื่อว่าผมคงจะมีวิวัฒนาการต่อไปเรื่อย ทั้งอย่างรู้ตัวและไม่รู้ตัว Value Investor ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่จริงจังกับการลงทุน ถ้าเราลงทุนมา 5 ปี แล้วและเมื่อมองย้อนหลังกลับไปพบว่า เรายังทำแบบเดิมทุกอย่าง เราคงจะต้องทบทวนว่ามีอะไรผิดหรือไม่ เป็นไปได้ว่าเรายังทำอย่างเดิมทุกอย่างเพราะมันเป็นสิ่งที่ดีและไม่มีอะไรผิด แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันว่า เรากำลังจมอยู่กับกลยุทธ์ที่ล้มเหลวไม่ก้าวหน้า และจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น อย่าลืมว่า แม้แต่ วอเร็น บัฟเฟตต์เอง ก็บอกว่า ตนเองนั้นมีวิวัฒนาการ สิ่งที่เขาทำในวันนี้ แตกต่างไปมากจากสิ่งที่เขาทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงต้นๆในชีวิตการลงทุนของเขา