ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
aunson

บรรยากาศทองคำ ณ ช่วงเวลานี้ BY Rจานอั๋น

โพสต์แนะนำ

หวัดดีครับ คุณกระต่าย วันหยุดไม่ห่างจากหน้าคอมฯ เลยนะครับ หาข้อมูลและสิ่งดี ๆ มาให้กับสมาชิก และเพื่อน ๆ ตลอดเวลาเลย ขอขอบคุณแทน หลาย ๆ่ท่านด้วยนะครับ เอ หวังว่าเปิดมาวันอังคาร พวกเราน่าจะยังมีกำไร กันทุกคนนะครับ :uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หวัดดีครับ คุณกระต่าย วันหยุดไม่ห่างจากหน้าคอมฯ เลยนะครับ หาข้อมูลและสิ่งดี ๆ มาให้กับสมาชิก และเพื่อน ๆ ตลอดเวลาเลย ขอขอบคุณแทน หลาย ๆ่ท่านด้วยนะครับ เอ หวังว่าเปิดมาวันอังคาร พวกเราน่าจะยังมีกำไร กันทุกคนนะครับ :uu

:bye ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ดีคะจานอั๋น เพื่อนๆ มีความสุขมีกำไรทุกการลงทุนนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=52213

 

 

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%99.html

 

ผมได้อ่านหนังสือเรื่อง “กฎของชีวิต” (The Rules of Life) เขียนโดย Richard Templar แล้วก็นึกไปถึงเรื่องของการลงทุน เพราะกฎหลาย ๆ ข้อนั้น ผมคิดว่ามันนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนได้เป็นอย่างดี ลองมาดูกันทีละข้อ

 

ข้อแรกที่ผมคิดว่านักลงทุนควรนำมาใช้ก็คือ “รู้ว่าอะไรสำคัญและอะไรไม่สำคัญ” ผมคงไม่พูดในเรื่องอื่น ๆ ของชีวิต แต่ในเรื่องของการลงทุนแล้ว นี่คือสิ่งที่จะทำให้เราชนะหรือแพ้ได้ ยกตัวอย่างเช่น เราคิดว่าการอยู่รอดของเศรษฐกิจกรีซนั้นสำคัญต่อการทำกำไรหรือผลประกอบการระยะยาวของบริษัทหรือหุ้นที่เราลงทุนอยู่ไหม? ถ้าเราคิดว่าไม่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปกังวลว่ากรีซจะแก้ปัญหาของตนเองได้หรือไม่ ในความเป็นจริง สิ่งที่สำคัญในเรื่องของการลงทุน ก็เช่นเดียวกับในเรื่องของชีวิต คือมันมีอยู่ไม่มาก และเราก็ควรจะต้องรู้ อย่าสนใจหรือทุ่มเทกับสิ่งที่ไม่สำคัญมากนัก

 

ข้อสอง “ถ้าคุณจะกระโดดลงคลอง ก็ขอให้แน่ใจว่าคุณรู้ว่าน้ำนั้นลึกเท่าไร” นี่ก็เป็นเรื่องของการรู้ว่าความเสี่ยงของชีวิตและในกรณีของเราก็คือ การลงทุน เป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อหุ้นตัวเดียวด้วยเงินทั้งหมดและใช้มาร์จินด้วยโดยที่เราคิดว่าหุ้นตัวนั้นดีเยี่ยมและถูกมากและมันจะทำให้เรารวยไปเลย เราก็อาจจะพลาดและเกิดหายนะได้ ดังนั้น ในการลงทุนทุกครั้งและตลอดเวลา เราจะต้องรู้ว่า “น้ำนั้น ลึกแค่ไหน” ประเด็นก็คือ เราจะเสี่ยงอะไรก็ตาม ตรวจสอบและวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนที่สุด ดูว่าถ้าพลาดร้ายแรง เราจะยังอยู่รอดได้และไม่เสียหายมากเกินไป

 

ข้อสาม ซึ่งผมจะรวมกฎสามข้อเข้าด้วยกันก็คือ “มีระบบความเชื่อของตนเอง” “มีความมั่นคงและยึดมั่นในสิ่งที่ทำ” และ “มีศรัทธาต่อสิ่งนั้น” นี่คือกฎที่จะทำให้เราไม่วอกแวก และความคิดและการกระทำของเราจะเป็นระบบที่ถูกต้องและสอดคล้องกันในระยะยาว แต่สิ่งที่ผมอยากจะกล่าวเพิ่มเติมก็คือ ระบบความเชื่อของเรานั้นจะต้องเป็นระบบที่ถูกต้องที่มีการพิสูจน์มาช้านาน ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีความเชื่อว่าการลงทุนในหุ้นนั้น ก็คือการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของธุรกิจ วิธีที่จะชนะในระยะยาวก็คือ การถือหุ้นหรือบริษัทที่ดีเยี่ยมในราคาที่ยุติธรรมให้ยาวที่สุด เราก็จะต้องเชื่อและทำแบบนั้น อย่ากลับไปกลับมาโดยการขายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์บางอย่างที่เราอาจจะกลัวเกินเหตุหรือคิดว่าราคาหุ้นอาจจะสูงเกินไปแล้วชั่วคราว

 

บางคนอาจจะสงสัยว่า “ระบบที่ถูกต้อง” ที่ผมพูดถึงในข้อสามนั้น มีเพียงระบบเดียวหรือ? และใครจะเป็นคนบอกว่าระบบความคิดไหนเป็นระบบที่ดีและถูกต้องที่สุด คำตอบของผมก็คือ คงไม่มีใครบอกได้ มีระบบมากมายที่มีคนคิดและเสนอขึ้นมา เราเองจะต้องเป็นคนเลือกที่จะเชื่อ บางคนอาจจะบอกว่าวิธีการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนสูงที่สุดก็คือการซื้อหุ้นในยามที่มันมีราคาถูกและขายเมื่อมันมีราคายุติธรรมหรือแพงแล้ว การคิดถึงหุ้นเราไม่ควรคิดว่าเราเป็นเจ้าของธุรกิจเพราะเราไม่ได้มีอำนาจอะไรเลยในการควบคุมกิจการ นี่ก็เป็นระบบความเชื่ออีกแบบหนึ่งซึ่งผมก็บอกไม่ได้ว่าดีกว่าแบบแรกหรือไม่ บางทีมันอาจจะดีกว่าในบางตลาดหุ้นและแย่กว่าในบางแห่ง ประเด็นของผมก็คือ ถ้าคุณเชื่อแบบไหน คุณก็ควรจะทำแบบสม่ำเสมอและสอดคล้องกันทุกอย่าง- ด้วยความศรัทธา อย่างเริ่มต้นซื้อหุ้นด้วยความคิดหนึ่งแต่ขายหุ้นด้วยความคิดอีกชุดหนึ่งซึ่งอยู่ตรงกันข้าม

 

ข้อสี่ “อยู่ข้างเทพ อย่าอยู่ข้างมาร” นี่ก็เป็นกฎที่น่าจะมีคำถามตามมาว่า ข้างไหนคือเทพและข้างไหนคือมาร? คำตอบก็คือ เราก็ต้องเป็นคนที่คิดและเลือก ว่าที่จริง คงไม่มีใครเลือกที่จะเป็นมารหรืออยู่ข้างมาร เขาคิดว่าฝั่งที่เขาเลือกคือเทพ สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่านักลงทุนนั้นจะต้องเลือกข้าง “ผู้ชนะ” ซึ่งก็คือ ข้างเทพ เพราะผู้ชนะนั้นจะเป็นคน “เขียนประวัติศาสตร์” และแน่นอน เขาจะต้องเขียนว่าเขาเป็นฝ่ายเทพ ความหมายของผมก็คือ ในการลงทุน เราควรเลือกบริษัทที่อยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงของการเติบโต เป็นธุรกิจที่กำลังมี “กระแส” หรือมี “ลมพัดมาทางข้างหลัง” เป็นอุตสาหกรรม “เทพ” นอกจากนั้น เราควรเลือกบริษัทที่กำลังเป็น “ผู้ชนะ” เป็นบริษัท “เทพ” วิธีที่เราจะเลือกได้ถูกต้องนั้น นอกจากการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งบ่อยครั้งจะต้องมองไปถึง “กระแสระดับโลก” ที่อาจจะมาก่อนแล้ว เรายังต้องพยายามตัดอคติและความรู้สึกส่วนตัวที่มีออกให้มากที่สุด เพราะนั่นมักทำให้เรามีความลำเอียงจนทำให้วิเคราะห์ผิดไปได้

 

ข้อห้า “คุณจะไม่มีวันเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้” ว่าที่จริงผมคิดว่าคนเราอาจจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งเฉพาะในบางเรื่องเท่านั้น เรื่องส่วนใหญ่นั้นเราไม่ค่อยจะเข้าใจหรอกแต่เราอาจจะคิดว่าเราเข้าใจ กฎข้อนี้เพื่อที่จะเตือนใจเราให้รู้ว่ายังมีเรื่องที่เราไม่เข้าใจอีกมาก และถ้าเราไม่เข้าใจแต่เราตัดสินใจลงทุน เราก็อาจจะพบกับความผิดหวังได้ง่าย ๆ วิธีการของผมก็คือ ถ้าเรายังไม่ค่อยจะเข้าใจหุ้นตัวไหน ก็อย่าไปลงทุนหรืออย่าลงทุนมาก ถ้าเราลงทุนก็จะต้องรู้ว่ามันคือการ “เก็งกำไร” และโอกาสเสียก็มีไม่น้อย โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมจะพยายามทำความเข้าใจในเรื่องของโลกในวงกว้าง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ ปรัชญา และอื่น ๆ อีกร้อยแปด ผมพยายามที่จะเข้าใจ “ภาพใหญ่” ของสิ่งเหล่านี้ ในขณะที่ถ้าเป็นเรื่องที่ผมสนใจเป็นพิเศษ เช่น การลงทุน ผมก็จะพยายามศึกษาให้มากเพื่อที่จะได้ “รู้จริง” โชคดีที่ว่า ในการลงทุนนั้น การมีความรู้ในเรื่องของโลกอย่างกว้าง สามารถที่จะช่วยทำให้การลงทุนดีขึ้นมาก

 

ข้อหก “รักษาคุณธรรมและจริยธรรมให้สูงเข้าไว้” นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับชีวิตเช่นเดียวกับการลงทุน เป็นเรื่องธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตซึ่งรวมถึงคนจะต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด บางครั้งก็เกิดการ “แย่งชิง” ทรัพยากรกัน การที่เราจะมีชีวิตที่ดีได้ เราต้องยึดถือคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีตลอดเวลาเพราะนี่คือ “กติกา” ที่คนส่วนใหญ่ยอมรับและยกย่อง ถ้าเราทำผิดเราจะไม่ได้รับความเชื่อถือไปนานหรือตลอดไป และนั่นจะทำให้ชีวิตในอนาคตของเราตกต่ำลงและยากที่จะแก้ไขได้ ในเรื่องของการลงทุนนั้น ก็เช่นเดียวกัน อย่าใช้วิธีการที่ไม่มีคุณธรรมในการลงทุนหรือเล่นหุ้นแม้ว่ามันจะทำให้เราได้กำไรเร็วและมาก อะไรคือคุณธรรมในการลงทุนนี่ก็เป็นประเด็นอยู่เหมือนกัน แน่นอน การทำผิดกฎหมายไม่ว่าจะถูกจับได้หรือไม่ก็ต้องถือว่าไม่มีคุณธรรมแน่นอน แต่การกระทำอย่างอื่นที่ทำให้นักลงทุนคนอื่นเสียหายโดยที่เราได้ประโยชน์ ตัวอย่างเช่น เราแนะนำให้เขาซื้อหุ้นตัวหนึ่งแต่ในเวลาเดียวกันเราขาย แล้วหลังจากนั้นราคาหุ้นก็ตกต่ำลงมามากเนื่องจากข้อมูลที่เรารู้อยู่ก่อนแล้ว แบบนี้ก็อาจจะถือว่าเราไม่ได้มีคุณธรรมที่สูงพอ แม้จะยอมรับกันว่า ในเรื่องของการลงทุน ทุกคนต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตนเอง

 

สุดท้าย สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนจนทำให้มีเงินมากพอที่จะใช้ชีวิตแบบเศรษฐี หรือแม้แต่คนที่มุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วจากการลงทุนก็คือ “รู้ว่าความสุขที่แท้จริงมาจากไหน” เรื่องนี้ผมขอตอบเองว่า เงินนั้นก่อให้เกิดความสุขได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น เงินที่มากขึ้นจากนั้นจะสร้างความสุขเพิ่มขึ้นได้น้อยลงและน้อยลงเรื่อย ๆ ดังนั้น การมุ่งที่จะหาความสุขจากเงินมากเกินไปรังแต่จะก่อให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาแทน เพราะความสุขที่แท้จริงนั้น ผมว่าอยู่ในใจเสียมากกว่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แม้จะเป็นวันหยุด ข้อมูลของคุนกระต่ายทอง ม่ายมีวันหยุด

ขอบคุนนะค๊า ..... ♪(´ε` )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 3 มิถุนายน 2555 05:57

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ในการประชุมเดือนนี้ หลังตลาดแรงงานไม่ฟื้นอย่างที่คาด

 

เฟดส่งสัญญาณอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ ระหว่างการประชุมเดือนนี้ หลังตัวเลขจ้างงานเพิ่มในสหรัฐประจำเดือน พ.ค.ต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี

 

เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางรายอาจประสานเสียงกับ นายอีริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน สนับสนุนให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ ระหว่างการประชุมวันที่ 19-20 มิ.ย.นี้ หลังข้อมูลการจ้างงานแสดงให้เห็นว่า ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 69,000 ตำแหน่ง น้อยที่สุดในรอบ 1 ปี และทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะเวลาชำระคืน 10 ปี ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี

 

นายโรเซนเกรน ระบุ ก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรเดินหน้ากระตุ้นการจ้างงานอย่างเต็มรูปแบบ และยืดระยะเวลาโครงการที่รู้จักกันในชื่อ "โอเปอเรชั่น ทวิสต์" หรือการเข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรให้เกินเดือน มิ.ย.ไป

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 4 มิถุนายน 2555 06:33

ดอกเบี้ยพันธบัตรสเปนพุ่ง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสเปนพุ่งหลังนายกฯเรียกร้องความช่วยเหลือจากอีซีบี

 

อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลสเปน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.50% มาอยู่ที่ 6.62% และแตะระดับสูงสุดที่ 6.70% เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 7% ส่งผลให้กรีซ โปรตุเกส และ ไอร์แลนด์ ต้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราฮอย ออกมาส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ยอดหนี้สินของสเปนกำลังอยู่ในระดับเสี่ยง

 

นักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า อนาคตของเงินยูโร กำลังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อมูลสถิติระบุว่า สเปน มีทุนเหลือเพียง 6.6 หมื่นล้านยูโร (8.1 หมื่นล้านดอลลาร์) เท่านั้น

 

นักวิเคราะห์ของเบเยอร์ริชเชอร์ แลนเดสแบงก์ ให้ความเห็นว่า นักลงทุน ขาดทุนในตราสารหนี้ของสเปนสูงกว่าตราสารหนี้ของรัฐบาลประเทศอื่นๆ ยกเว้นกรีซในปีนี้ โดยสเปน มียอดหนี้สินทั้งหมด 7.31 แสนล้านยูโร ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่ายอดหนี้สินของทั้งกรีซ โปรตุเกส และ ไอร์แลนด์ รวมกัน

 

ขณะที่นายราฮอยชี้ว่า สเปน อาจถูกบังคับให้ต้องออกจากตลาดทุน อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการบริหารหนี้สินของประเทศ

 

นายราฮอย ระบุเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมว่า “ขึ้นอยู่กับอีซีบีในการตัดสินใจดำเนินการอีกครั้ง" หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี ได้ยุติโครงการซื้อพันธบัตรหลังจากที่ได้ดำเนินมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินราว 1 ล้านล้านยูโรเข้าสู่ระบบในระหว่างเดือนธันวาคม 2554 - กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

ด้านนายโฮเซ มานูเอล กอนซาเลซ-พาราโม อดีตคณะกรรมการบริหารของบีอีซี เตือนว่า รัฐบาลสเปน ควรจะออกมาแสดงความคิดเห็นน้อยครั้งลงว่าอีซีบีควรดำเนินการอย่างไร

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 4 มิถุนายน 2555 07:53

รัสเซียจี้แบงก์ชาติรักษาเสถียรภาพรูเบิล

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

นายกรัฐมนตรีรัสเซียเรียกร้องธนาคารกลางรักษาเสียรภาพค่าเงินรูเบิล

 

นายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย เรียกร้องให้ธนาคารกลางรัสเซีย เร่งดำเนินการ เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระดับมหภาคของประเทศ และเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา หากมีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินรูเบิล

 

การแสดงความคิดเห็นของนายเมดเวเดฟ มีขึ้นหลังจากที่ค่าเงินรูเบิลร่วงแตะ 33.74 รูเบิลต่อดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2552

 

นายเมดเดเวฟ กล่าวในงานแถลงข่าว ในการดำเนินการเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินในเศรษฐกิจของรัสเซียว่า “ถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่ยังมีบางกฎเกณฑ์ที่ธนาคารกลางควรดำเนินการ ซึ่งรวมไปถึงการปริวรรตเงินตราและการเข้าแทรกแซงตลาด ซึ่งการเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา ควรพิจารณาถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แนวโน้มในยุโรป และ ราคาน้ำมันด้วย"

 

ด้านนายเซอร์ไก อิกเนติเยฟ ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย กล่าวกับนายเมดเวเดฟว่า หากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นค่าเงินรูเบิล ก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่หากราคาน้ำมันลดลงค่าเงินรูเบิลก็จะอ่อนแรงลงอีกครั้ง

 

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ในตลาดให้ความเห็นว่า การอ่อนค่าของเงินรูเบิล เกิดจากเงินทุนไหลออกจากรัสเซียอย่างต่อเนื่องและความเสี่ยงจากการแปลงค่าเงินของนักลงทุน ซึ่งคิดว่าเงินรูเบิลเป็นทรัพย์สินเสี่ยงเนื่องจากมูลค่าของรูเบิลมีความสัมพันธ์โดยตรงกับควมผันผวนกับราคาน้ำมันในตลาดโลก

 

 

ธุรกิจ : CEO Blogs

วันที่ 4 มิถุนายน 2555 04:00

ผลกระทบจากวิกฤติของกรีซต่อเศรษฐกิจเอเชีย

 

 

news_img_454781_1.jpg

 

news_img_454781_2.jpg

 

แบงก์ออฟอเมริกาเมอร์ริล ลินช์ (BOAML) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ 2 ฉบับ

 

ที่ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการให้ทัศนะเกี่ยวกับวิกฤติของกรีซและผลกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชีย ผมจึงขอนำมาสรุปให้อ่านกันในวันนี้ครับ

 

 

บทวิเคราะห์ฉบับแรกประเมินว่าผลการเลือกตั้งของกรีซที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 มิ.ย.นั้น น่าจะนำไปสู่ ทางออกได้ 3 ทาง คือ

 

 

1. กรีซยังสามารถอยู่ในระบบเงินยูโรได้ต่อไป ซึ่งเป็นทางออกที่ BOAML มองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด ทั้งนี้ จะต้องมีการผ่อนปรนเงื่อนไขในการรัดเข็มขัดทางการคลังให้กับกรีซบ้างในระดับหนึ่งและจะต้องกระทำอย่างรวดเร็ว เพื่อนำความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาโดยเร็ว การคาดการณ์ดังกล่าวต้องยอมรับว่าเป็นการคาดการณ์ที่มองโลกในแง่ดีอย่างยิ่ง เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายของผู้นำยุโรปนั้นขาดความชัดเจนและเด็ดขาดในการจัดการปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ (แต่จะดำเนินมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อซื้อเวลา) ซึ่งถ้าสถานการณ์พัฒนาไปอย่างราบรื่นดังกล่าวข้างต้น เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปก็จะหดตัวเพียง 0.5% ในปีนี้ และจะฟื้นตัวได้ในปีหน้าและปีต่อๆ ไป

 

 

2. กรีซออกจากระบบเงินยูโรแต่ยังสามารถรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้ ในกรณีนี้จะต้องมีการออกมาตรการเพื่อปกป้องมิให้เกิดผลกระทบลุกลามไปสู่ประเทศอื่นๆ อย่างเต็มที่และทันท่วงที หมายความว่า จะต้องมีออกมาตรการที่เหนือความคาดหมายและสร้างความมั่นใจอย่างสูงเช่น

 

 

ก. ทั้ง 16 ประเทศที่เหลือในระบบเงินยูโรประกาศสนับสนุนให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซื้อพันธบัตรรัฐบาลทุกประเทศที่อาจมีปัญหาอย่างไม่มีข้อจำกัด

 

 

ข. ประกาศค้ำประกันเงินฝากทั้งระบบโดยไม่จำกัดจำนวน

 

 

ค. เพิ่มทุนธนาคารพาณิชย์ของยุโรปอย่างครบถ้วนทั้งระบบตามความจำเป็น

 

 

ง. อีซีบีปล่อยกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องของระบบธนาคาร (LTRO) ในจำนวนที่ไม่จำกัดเป็นรอบที่ 3

 

 

จ. การดำเนินการอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลกลุ่มยูโรที่จะออกพันธบัตรยูโรร่วมกัน (Eurobond) กล่าวคือ ทุกรัฐบาลร่วมกันค้ำประกันพันธมิตรยูโร แปลว่าในทางปฏิบัติรัฐบาลเยอรมนีจะช่วยร่วมค้ำประกันหนี้ให้กับรัฐบาลสเปน เป็นต้น

 

 

ฉ. อีซีบีจะต้องลดดอกเบี้ยลงและสัญญาว่าจะกดดอกเบี้ยลงอีกนาน

 

 

ในกรณีดังกล่าว BOAML มองว่าเศรษฐกิจยุโรปจะหดตัวประมาณ 1.5% แต่ทั้งนี้ จะต้องดำเนินมาตรการข้างต้นโดยทันที

 

 

3. กรีซออกจากกลุ่มเงินยูโรและผลกระทบลุกลามออกไป จะเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งเกิดจากการดำเนินมาตรการไม่ครบถ้วนดังที่กล่าวข้างต้น (กรณี 2) หรือดำเนินการล่าช้าไป 2-3 เดือน ทั้งนี้ BOAML มองว่าผลกระทบในกรณีเลวร้ายนี้จะไม่รุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นหลังการล่มสลายของเลแมน บราเธอร์ส แต่ความตกต่ำอาจยืดเยื้อยาวนานกว่า เพราะในครั้งนั้น ธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับสภาพคล่องได้อย่างรวดเร็วและพร้อมเพรียงกัน ในกรณีเลวร้ายนี้ BOAML มองว่าอีซีบีจะสามารถซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างไม่มีข้อจำกัด (ข้อ ก.ในกรณี 2) และปล่อยกู้ระยะสั้น (LTRO III) ได้อย่างฉับพลัน แต่รัฐบาลกลุ่มยูโรไม่สามารถตกลงกันเพื่อออกมาตรการอื่นๆ ได้อย่างทันท่วงที เช่น การค้ำประกันเงินฝากทั้งระบบและการเพิ่มทุนธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบทำให้ระบบการธนาคารเผชิญกับความชะงักงัน ซึ่ง BOAML มองว่าจะฉุดให้เศรษฐกิจยุโรปติดลบมากถึง 4%

 

 

ทีมเศรษฐกิจของ BOAML ได้ปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ลงโดยสะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในยุโรป ประกอบกับความเป็นห่วงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สหรัฐอาจไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีที่จะหมดอายุลงในปีนี้ (เรื่องนี้ผมเคยเขียนถึงแล้วเมื่อวันที่ 14 พ.ค.) หรือที่เรียกกันว่า Fiscal Cliff นอกจากนั้น ก็ยังมีความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้ BOAML ปรับลดการขยายตัวของเอเชียลงจาก 7.1% ในปีนี้เป็น 6.6% และปี 2013 ปรับลงจาก 7.4% เป็น 7% (ตาราง 1)

 

 

การปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในรายละเอียดของแต่ละประเทศนั้นมี ข้อน่าสังเกต 3 ประการ คือ

 

 

1. ประเทศเล็กที่มีเศรษฐกิจเปิด เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ สิงคโปร์และไต้หวันจะได้รับผลกระทบมากที่สุด

 

 

2. ประเทศที่มิได้ปรับการคาดการณ์หรือปรับการคาดการณ์เล็กน้อย คือ ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและอินโดนีเซีย

 

 

3. ประเทศเสาหลักในเอเชีย คือ จีน อินเดียและอินโดนีเซียดูเสมือนว่าจะยังขยายตัวได้ดีมาก แต่ผมเองเป็นห่วงเป็นการส่วนตัวว่าทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบในทางลบ มากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก็ได้

 

 

ส่วนปัญหาเงินเฟ้อนั้น มีความกังวลลดลง คือ เงินเฟ้อในเอเชียจะอยู่ที่ระดับ 3.9% ในปี 2012 และ 3.7% ในปี 2013 (สำหรับไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.4% ในปี 2012 และ 3.0% ในปี 2013) ประเทศที่ยังน่าจะมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ คือ อินเดียที่เงินเฟ้อจะยังสูงถึง 7.6% ในปี 2012 และ 6.5% ในปี 2013 และอินโดนีเซียที่คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 4.7% ในปี 2012 และ 5.5% ในปี 2013 โดยรวมนั้น BOAML จึงมองว่าดอกเบี้ยจึงจะไม่ต้องปรับขึ้นหรือลง สำหรับประเทศส่วนใหญ่ แต่อาจมีการปรับดอกเบี้ยลงในเกาหลีและอินเดียในปี 2012

 

 

ในกรณีที่เลวร้าย คือ กรีซออกจากเงินสกุลยูโรและเกิดผลกระทบลามออกไป รวมทั้งสหรัฐเกิด Fiscal Clift BOAML มองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียจะปรับลดลงอย่างมาก (ตาราง 2)

 

โดย : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะคุณกระต่ายทอง สำหรับข้อมูลข่าวสาร อาหาร และรูปน่ารักๆๆ :wub: :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แม้จะเป็นวันหยุด ข้อมูลของคุนกระต่ายทอง ม่ายมีวันหยุด

ขอบคุนนะค๊า ..... ♪(´ε` )

ขอบคุณค่ะคุณกระต่ายทอง สำหรับข้อมูลข่าวสาร อาหาร และรูปน่ารักๆๆ :wub: :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

rJGdJX.jpg เรื่องของ ในหลวง ที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้

บทความ เกร็ดความรู้ เรื่องของ ในหลวง ประวัติในหลวง รูปในหลวง ที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้ เป็น บทความ เกร็ดความรู้ เกี่ยวกับ ในหลวง ตั้งแต่เมื่อทรง พระเยาว์ พระอัจฉริยภาพ ในหลวง งานของในหลวง ของทรงโปรด ในหลวง และเรื่องส่วนพระองค์ … อ่าน บทความ เกร็ดความรู้ เรื่องของ ในหลวง ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ที่นี่ค่ะ

 

FKfWoz.jpg

 

เมื่อทรงพระเยาว์

1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.

2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์

3.พระนาม "ภูมิพล" ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช

5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก

6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี

มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"หมายเลขประจำตัว 449

7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า "แม่"

8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง

9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม

10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้"

12. ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจด อะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุก ขึ้นบ่อยๆ

13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ทีมากเกินไป 2 ทีพอแล้ว

14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ

15. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก "การให้" โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า "กระป๋องคนจน" เอาไว้

หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก "เก็บภาษี" หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุม เพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำ อะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน

16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า "ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"

17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา

18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง

พระอัจฉริยภาพ

19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก "การเล่น" สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บ สตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง

20. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทยโดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทย

เป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์

21. ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ ***บเพลง (แอกคอร์เดียน)

22. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสม ส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้

23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส

24. ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ "แสงเทียน" จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์ เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง

25. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซอง จดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง "เราสู้"

26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่ 5

27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้ มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย

28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "นายอินทร์" และ "ติโต" ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ "พระมหาชนก" ทรงพิมพ์ลง ในเครื่องคอมพิวเตอร์

29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบ ประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์") ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510

30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน

31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์ คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536

33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็น พลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว

34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549

เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง

 

3XKHTB.jpg

เรื่องส่วนพระองค์

35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า "น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง

37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท หลังอภิเษกสมรส ทรง"ฮันนีมูน"ที่หัวหิน

38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน

39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจาก น้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น

41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา

42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดี ีแก่ประเทศชาติ

43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม

44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่

ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง

SN78MI.jpg

 

งานของในหลวง

45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ

46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอ ที่มียางลบ

47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน

48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนักข้าราชการ และราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน

49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติ ที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน

50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้

51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด

52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก

บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ

53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้

ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน

 

ของทรงโปรด

54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา

55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย

56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก

57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง

แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง

58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง

59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก

60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง

61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่าน

นิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก

62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย

นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว

63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์

โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ

64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว

Q6omIQ.jpg

 

 

 

รู้หรือไม่ ?

65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง

66. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน

67. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า "ทำราชการ"

68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง

ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน

ชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี

69. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้

บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า"อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"

70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด

71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิง

ติดต่อกันหลายปี

72. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์

73. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค

มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน

74. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง

ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน

75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง

76. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง

77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

WWW.CORRECT.GO.TH

ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ร้านทองเค้าเปิดซื้อขายทองแท่งรึเปล่าคับ ฮั่วเซ่งเฮง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณกระต่ายทองที่นำบทความดีๆมาลงตลอดค่ะ โชคดีของพวกเรานะคะที่มีในหลวงที่ประเสริฐเหมือนพ่อที่รักลูกทุกคน พยายามทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านานค่ะ รักและบูชาพ่อหลวงเสมอค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ร้านทองเค้าเปิดซื้อขายทองแท่งรึเปล่าคับ ฮั่วเซ่งเฮง

 

เปิดขายตามปรกติค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...