เห็นมีเรื่องอธิบายเรื่อง Shift และอีกหลาย ๆ ตัวน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยคับ !17
ขอโทษคับพี่ฟ้า ตอบช้าไปหน่อยยังอยู่ กทม. ตื่นมาให้นมเห็ดน้อยอัยก์
เปิดเน็ตปุ๊บก็ต้องเปิดมา Goldhips.com + Thaigold.info ก่อนอีกละ(ท่าทางจะเป็นสิ่งเสพติด 555+)
เพิ่งเห็นคำถามพี่ฟ้าเลยเพิ่งได้ตอบคับ
ตามรูปเลยนะคับอันนี้เป็นค่าปกติที่ตั้งกันและส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้
ขยายความอีกนิดเกรงว่าในรูปจะเห็นไม่ชัดคับ
Period = 20 คือนำค่า 20 ค่าสุดท้ายมาคิดคำนวนเป็นเส้น BB กลางถ้าในรายวันจะเรียกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันนั่นเอง
Shift = 0 คือให้เกิด ณ แท่งเทียนปัจจุบัน
ถ้าตั้งเป็น + เช่น +1' date='+2,+3 เส้นBB หรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ เส้นที่เกิดจะเลื่อนไปทางขวา 1,2,3 Step ตามที่เราตั้งคับ
ส่วนถ้าตั้งเป็น - เช่น -1,-2,-3 ก็กลับกันโดย BB หรืออินดิเคเตอร์จะเกิดล่นไปทางซ้าย 1,2,3 Step คือเกิดหลังแท่งเทียน(อันนี้ไม่แนะนำเพราะอ่านยากตาจะลายคับ)[/color']
Deviation = 2 คือความเบี่ยงเบนมาตรฐานให้เส้นบนและเส้นล่างของ BB
คลอบคลุมค่าสวิงทั้งหมดของกราฟให้ได้ 90% จากค่ากลางคือ MA20
(อันนี้ถ้าอธิบายจะยาวมากและอาจ"งง"คับ เพราะเป็นวิชาสถิติ)
Apply = close คือใช้ราคาปิดในแต่ละแท่งมาคำนวนหา เส้นกลาง BB คับ
อธิบายเพิ่มค่าต่างใน Apply นะคับ ว่าแต่ละคำหมายความว่าเอาราคาไหนมาคำนวน
open คือ เอาราคาเปิดมาคำนวนหาเส้นกลาง
high คือ เอาราคาสูงสุดมาคำนวนหาเส้นกลาง
low คือ เอาราคาต่ำสุดมาคำนวนหาเส้นกลาง
Median price(HL/2) คือ หาค่ากลางโดยการเอา (ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด)หาร 2 มาคำนวนหาเส้นกลาง
Typical price(HLC/3) คือ หาค่ากลางโดยการเอา (ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด)หาร 3 มาคำนวนหาเส้นกลาง
Weighted price(HLCC/4) คือ หาค่ากลางชนิดถ่วงน้ำหนักโดยการเอา (ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด + ราคาปิด)หาร 4 มาคำนวนหาเส้นกลาง
"ถ่วงน้ำหนัก"โดยการเอาราคาปิดแท่งเทียนมาถึงสองครั้ง เพราะให้ความสำคัญว่าราคาที่เกิดหลังสุดมีผลทางจิตวิทยาต่อตลาดมากกว่าราคาก่อนหน้า
ขยายความเพิ่มก็คือ ราคาที่เกิดหลังสุดมีผลต่ออนาคตมากกว่าราคาที่เกิดก่อนหน้านั่นเอง
ส่วนนี่คือวิธีการอ่านจากพี่ทองใหม่คับลากมาจากข้างบน อิอิ