ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอแชร์ด้วยคะ อาจารย์ ตามนี้คะ www.globlexholding co.th คะ

อยากเล่นแชร์ด้วยคะ

อีกอันจีแคปที่เค้าเป็นญาติกัน เห็นbanner ด้านล่างขวา

http://www.bangkokgoldtrade.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อยากเล่นแชร์ด้วยคะ

อีกอันจีแคปที่เค้าเป็นญาติกัน เห็นbanner ด้านล่างขวา

http://www.bangkokgoldtrade.com/

post-237-079803000 1279519568.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็ง

วันจันทร์ที่ 19 กรกฏาคม 2010 เวลา 10:32 น. บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

User Rating: / 0

แย่ดีที่สุด

กลยุทธ์วันนี้ Sideways

ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมาถือว่าปรับตัวดีกว่าคาด ปิดบวก 0.79% มาอยู่ที่ 827.54 จุด แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะทดสอบ 830 จุดอยู่หลายครั้งก็ตาม ขณะที่เม็ดเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยโดดเด่นอีกครั้ง ด้วยการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ บวกกับ Long สุทธิใน Futures เป็นวันที่ 3 สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยชัดเจน

สำหรับตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะอ่อนตัวลงไม่มากนักแม้ว่าบรรยากาศการลงทุนในเอเชียจะเป็นลบ จากผลของการปรับฐานลงแรงของ DJIA – NYMEX คืนวันศุกร์ ด้วยผลการดำเนินงาน 2Q53 ของ Bank of America, Citigroup และ GE ที่ออกมาต่ำกว่าคาด บวกกับ Consumer Sentiment เดือนก.ค.ของสหรัฐฯ ลดลง

 

 

 

แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยอาจมีเกราะกำบังที่เหนือกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่เป็นบวก หลัง IMF ปรับเป้าหมาย GDP ไทยปีนี้ขึ้นเป็น 8% บวกกับเป็นสัปดาห์ของการประกาศงบ 2Q52 ของกลุ่มธนาคารที่ได้รับประเด็นบวกทั้ง ภาพรวมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งใน 2H53 และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น อาจมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะมีการปรับประมาณการ และราคาเป้าหมายขึ้นได้เช่นกัน น่าจะทำให้กลุ่มธนาคารกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง

 

 

 

ขณะที่กลุ่มพลังงานเชื่อว่าจะทรงตัวต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน แม้ว่า NYMEX จะปรับฐานลงต่อเนื่องก็ตาม เพราะราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวโดดเด่นในช่วงก่อน ราคาหุ้นของกลุ่มพลังงานไม่ตอบสนองเช่นกัน

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอให้ “ถือพอร์ตการลงทุน” และแนะนำ “ซื้อ” MAJOR

การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามวัน” เพื่อรอปิดทำกำไรบริเวณ 560 +/- Stop Loss: S50U10 < 550 จุด ปิด Long และ เปิด Short

Portfolio HOLD: CPF/ TASCO / MCOT/ BBL/ KTB/ TISCO/ PTT/PTTEP/ TPC/ MINT/ THAI/ AOT/ MK/ SENA/ KCE/ MAJOR

Buy: MAJOR

Technical View แนวรับ 820-822 จุด, 805-810 จุด และ 792-796 จุด ส่วนแนวต้าน 830 จุด และ 845-850 จุด แนะนำให้เพิ่มความระมัดระวัง พร้อมขายหุ้นเพื่อถือเงินสดในราคาที่ดีที่สุด

 

 

 

-Strategy Today

 

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ว่าไต่ระดับได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชีย และเหนือกว่าที่ KimEng คาดการณ์เช่นกัน ปิดบวกถึง 6.52 จุดหรือ 0.79% ปิดที่ 827.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,700 ล้านบาท นอกเหนือจากหุ้นขนาดกลางที่ไต่ระดับขึ้นอย่างโดดเด่นแล้ว หุ้นกลุ่มธนาคารเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น BBL/ KBANK/ SCB อย่างไรก็ตาม SET INDEX ยังไม่สามารถทะลุผ่าน 830 จุดได้เช่นกัน เนื่องจากเกิดแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

กลุ่มที่สร้างผลตอบแทนดีที่สุดวานนี้ได้แก่ กลุ่มอาหาร +4.57%, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +2.86%, กลุ่มไฟแนนซ์ +1.88% ด้านกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร +1.51% แต่กลุ่มพลังงาน -0.15%

 

แน่นอนว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วเอเชียจะเป็นลบ จากแรงกดดันของ NYMEX – DJIA ที่ปรับฐานลงแรงเมื่อวันศุกร์ แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าวันนี้จะอ่อนตัวลงจำกัด และสามารถยืนเหนือ 820 จุดได้เช่นกัน เนื่องจาก

 

 

 

1.IMF ปรับเป้าหมายเศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้น: เป็น 7-8% จากเดิม 7% เมื่อผลกระทบจากการเมืองเป็นไปอย่างจำกัด สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ

2.คาดแรงเก็งกำไรต่อกลุ่มธนาคารต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน: งบ 2Q53 จะประกาศเป็นวันสุดท้าย 21 ก.ค.นี้ เชื่อว่าแรงขายของหุ้นกลุ่มธนาคารย่อมเป็นไปอย่างจำกัด แต่อาจเกิดแรงซื้อเก็งกำไรช่วงสั้นเข้ามาได้เช่นกัน เพราะด้วยมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ 2H53 บวกกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น คาดว่าอัตราดอกเบี้ย RP1 วันจะขึ้นสู่ 2.0% ภายในสิ้นปีนี้ ย่อมทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเพิ่มขึ้นเช่นกัน

3.หุ้นขนาดกลางยังคงเป็นเป้าหมายของการลงทุนต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน: โดยเฉพระหุ้นที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงาน 2Q53 เติบโตโดดเด่น รวมถึงแนวโน้มใน 2H53 ที่ยังได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัวเช่นกัน น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยพยุง SET INDEX ในวันนี้

4.ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานเชื่อว่าจะทรงตัวต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน: แม้ว่าราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX จะลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แต่เชื่อว่าจะสร้างแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานไม่มากนัก เพราะในช่วงก่อนหน้าที่ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสู่บริเวณ US$78 ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานทรงตัวไม่สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าวเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม “TMB” คาดว่าจะปรับฐานลงแรงในวันนี้ เมื่อ TMB ปฎิเสธข่าวที่ทาง ING จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำ Due Diligence ใน TMB ขณะที่ราคาหุ้นปิดเพิ่มขึ้นถึง 8.24% มาอยู่ที่ 2.10 บาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเก็งกำไรต่อประเด็นการขายหุ้น 26.1% ของกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นใน TMB

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ KimEng เสนอให้นักลงทุน “ถือพอร์ตการลงทุน” เพื่อรอจังหวะทยอยขายทำกำไร คาดว่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้ และเริ่มกลับมาพิจารณาหุ้นขนาดกลางที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่โดดเด่น และ/หรือเงินปันผลระหว่างกาลที่สูงกว่า 3% แทน

 

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้นักลงทุน “ซื้อ” หุ้นต่อไปนี้

1.MAJOR : ราคาปิด 10.70 บาท เทียบกับราคาเหมาะสม 11.80 บาท

a.การประชุมผู้ถือหุ้น MJLF เพื่อพิจารณาการซื้อสินทรัพย์เข้าโครงการเพิ่มเติมวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ จะส่งผลบวกต่อ MAJOR ในแง่ของกำไรจากการขายสินทรัพย์และบันทึกใน 3Q53

b.สินทรัพย์ที่จะเสนอขายได้แก่ โครงการซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ราคาสูงสุด 1,150 ล้านบาท

c.แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q53 คาดว่าจะได้รับผลกระทบต่อกรณีการชุมนุบริเวณห้างพารากอนในวงจำกัด เนื่องจากธุรกิจโรงภาพยนตร์ได้ปรับขึ้นค่าตั๋ว และมีหนังภาพยนตร์ที่เข้าฉายและทำรายได้สูงอย่างต่อเนื่อง

d.แนวโน้ม 2H53 จะยังเป็นบวก ด้วยภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่องทยอยเข้าฉาย เช่น พระนเรศวร 3, Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I, The Twilight Sage : Eclipse และ The Chronicles of Narnia : The Voyage of the Dawn Treader เป็นต้น อีกทั้งในปีนี้ MAJOR จะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นโดยมีจำนวนโรงภาพยนตร์ 31 โรง

e. คาดกำไรทั้งปี 2553 MAJOR จะทำได้ทั้งสิ้น 449 ล้านบาท เติบโต 34.4% ซึ่งยังไม่รวมกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้า MJLF

 

What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 19 กรกฏาคม 2553

วันจันทร์ที่ 19 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:27 น. ทีมออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

User Rating: / 0

แย่ดีที่สุด

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 19 กรกฏาคม 2553 ปิดตลาดวันที่ 16 กรกฏาคม 2553 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุน (บวก) และกดดัน (ลบ) ราคาให้เคลื่อนไหวเพิ่มสูงขึ้นและลดลงสำคัญ ๆ ดังนี้

 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับลดลง 0.61 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 76.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจาก

 

- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในเดือน ก.ค. ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ที่ 66.5 (หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 2.5 ปี เมื่อเดือน มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับรายได้และการจ้างงาน ส่งผลทวีความกังวลของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงความต้องการใช้น้ำมัน

 

- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. ปรับลดลงอีก 0.1% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาต้นทุนพลังงานปรับตัวลดลง ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อภาวะเงินฝืด อย่างไรก็ตามดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน ยังคงปรับเพิ่มขึ้น 0.2%

 

- ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลงถึง 261.41 จุด มาปิดที่ 10,097.90 จุด จากแรงกดดันของตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในทางลบตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์

 

- เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลแคริบเบียนใกล้กับอ่าวเม็กซิโก มีโอกาสเพียง 10% ในการพัฒนาขึ้นเป็นพายุเฮอริเคนภายใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า

 

 

 

ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับลดลง 0.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 75.35 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ปรับลดลง 0.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 73.14 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

 

 

ส่วนราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์นั้น ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ประกอบกับความต้องการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียตนามและตะวันออกกลางเริ่มชะลอตัว ในขณะที่ความต้องการน้ำมันเบนซินจากอินเดียยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตามยังคงมีความต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากอินเดียและตะวันออกกลาง

 

สำหรับทิศทางแนวโน้มระยะสั้นนั้นคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 74 - 79 เหรียญสหรัฐฯ จากแรงหนุนของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะประกาศออกมาดีในสัปดาห์นี้ จับตาดูดัชนีตลาดบ้าน และผลประกอบการของบริษัทไอบีเอ็ม ที่จะประกาศในคืนนี้

 

ทั้งนี้ มีปัจจัยที่น่าจับตาติดตามดังนี้

 

• ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ /ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ สำหรับไตรมาส 2/53 ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่

 

วันจันทร์: ดัชนีตลาดบ้าน /บริษัท ไอบีเอ็ม

 

วันอังคาร: ยอดขอสร้างบ้านใหม่/ บริษัท แอปเปิ้ล, โกลด์แมน แซคส์, จอหน์สัน แอนด์ จอหน์สัน, และยาฮู

 

วันพุธ: --/บริษัท โคคา โคล่า, ยูไนเต็ด เทคโนโลยี, มอร์แกน สแตนลีย์ และเวลสฟารโก

 

วันพฤหัส: ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ และยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน/ บริษัท 3 เอ็ม, เอที แอนด์ ที, แคทเทอร์พิลาร์, ไมโครซอฟ, และ ทราเวลเลอร์

 

วันศุกร์: --/บริษัท แมคโดนัลด์, และ เวอริซอน

 

• ผลการตรวจสอบสถานะการเงินของธนาคารพาณิชย์ 91 แห่ง ในสหภาพยุโรป (Stress Test) ที่จะออกอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 ก.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้ทราบว่า มีกี่ธนาคารที่ประสบปัญหาสภาพคล่องและจำเป็นต้องเพิ่มทุน

 

• ฤดูกาลเฮอริเคน (มิ.ย. – พ.ย.) ที่อาจจะจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวเป็นพายุโซนร้อนในบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในบริเวณอ่าวเม็กซิโก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วายแอลจีชี้แนวโน้มราคาทองสัปดาห์นี้ยังขาดปัจจัยหนุน

วันจันทร์ที่ 19 กรกฏาคม 2010 เวลา 12:12 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

 

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ทองคำลงมาปรับฐานอยู่ในกรอบ 1,185 – 1,218 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์หลังถูกแรงเทขายทำกำไรจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าราคาทองคำจะพยายามกลับขึ้นไปอีกครั้งแต่ก็ต้องเจอกับแรงขายอยู่ตลอดเวลาจนไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,218 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ก่อนแรงขายดังกล่าวจะกดให้ราคาทองคำลงมาทดสอบกรอบล่างที่ 1,185 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

 

แม้ว่าในเบื้องต้นระดับราคาดังกล่าวสามารถรองรับแรงขายเอาไว้ได้แต่ในภาพรวมตลาดทองคำยังคงถูกปกคลุมไปด้วยแรงขาย ขณะที่ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนมากพอที่จะผลักดันให้ราคาทองคำกลับเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ในระยะสั้นนี้แนะนำนักลงทุนให้ความสำคัญกับแนวต้านที่ระดับ 1,203 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำไม่สามารถขึ้นมายืนเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง โอกาสที่ราคาทองคำจะลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่นั้นจะมีความเป็นไปได้สูงทันที และถ้าราคาทองคำสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ แนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ระดับ 1,218 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวต้านที่สำคัญต่อการกลับตัวของราคาทองคำ

 

 

 

ทั้งนี้ทางวายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและข้อมูลเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปโดยเฉพาะผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ภาคธนาคารในกลุ่มประเทศยุโรปที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด หากผลการทดสอบภาวะวิกฤต และสถานการณ์ในกลุ่มประเทศยุโรปได้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนก็จะทำให้เกิดการปรับพอร์ตการลงทุนจากทองคำไปยังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และถ้าหากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแสดงความอ่อนแอเช่นปัจจุบัน จะยิ่งทำให้นักลงทุนที่ได้เข้ามาถือครองทองคำก่อนหน้านี้ระบายทองคำออกมาเพื่อรักษามูลค่าพอร์ตการลงทุนต่อการคาดการณ์ว่าเงินสกุลดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอีกด้วย

 

นางสาวฐิภา กล่าววา สำหรับกลยุทธ์กา

 

รลงทุนในสัปดาห์นี้ทางวายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนซื้อขายภายในกรอบต่อไปโดยยังคงให้แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 1,185 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญต่อการตัดสินใจเข้าซื้อทองคำของนักลงทุนระยะยาว หากระดับดังกล่าวไม่สามารถที่จะรองรับแรงขายได้แนะนำให้นักลงทุนระยะยาวชะลอการเข้าซื้อทองคำออกไปก่อนจนกว่าตลาดจะมีการปรับฐานอีกครั้ง ในส่วนของนักลงทุนระยะสั้นให้เก็งกำไรในกรอบ โดยให้กรอบแรกที่ระดับราคา 1,185 – 1,218 ดอลลาร์ต่ออนซ์ และกรอบถัดไปอยู่ที่ระดับราคา 1,165 - 1,225 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หง่า เข้าประชุมก่อน เด่วมาอ่านข่าวอีกรอบคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟตาแป๊ะรายวัน

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว 卖 ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง买----ซื้อ เส้นหักมุม(เส้นเส้นคู่เล็กบางสีขาง+เหลืองอ่อน)ขึ้น—ลง ตามมุมที่หัก(ให้ผลระยะกลางยาว)

ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้อมากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง

ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน

ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้

วันนี้กราฟตาแป๊ะเขาลืมปิด เลยได้ดู

post-237-001535200 1279521606.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนุน1และต้าน1ยังไม่แตก ทิศทางก็ยังคงเดิมจ้า ระวังหนุน1อันตราย

 

ใกล้แตก หากแตกแบบยืนยัน เตรียมรับมือที่หนุน2เป็นด่านต่อไป

 

คัมภีร์ไร้เทียมทาน ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ห่วงไม่รักไม่บอกนะเนี่ย ฮาฮา แหย่เล่นจ้า

 

แนวหนุนต้านระยะกลางยาว จุดยุทธศาสตร์ที่สำมะคัน

 

ต้าน๓1265.10 ----------สถิติจุดสูงสุด หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๒1247.40-----------จุดสูงของวันที่30 มิย. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๑1218.40.51-----------เส้นค่าเฉลี่ย20 หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย หากแตก ให้ซื้อขึ้น

 

วันที่ 19 กค. 2010

 

หนุน๑1184.95--------จุดต่ำของวันที่7กค. ผู้ซื้อขึ้นจะป้องกันขาดทุนในจุดนี้

หนุน๒1179.06---------จุดสำคัญ. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๓1166.00---------จุดต่ำของวันที่21พค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อลงเทขายและเปลี่ยนเป็นซื้อขึ้น

 

เวลาอ่านแล้วต้องรู้จักคิดด้วยนะครับ เช่น"หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย" ต้องรู้จักคิดกลับ---"หากถึงและมีแรงส่งขึ้นต่อ ผู้ซื้อขึ้นก็ถือต่อ ผู้ซื้อลงให้ตัดเนื้อขายออกเสีย " อะไรทำนองนี้เป็นต้นนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง เอาแนวดูวิธีทองรายวันมาลงโดยไม่ได้แก้ เวลาดูให้ทำความเข่าใจเองนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในช่วงนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ

ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ

กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

ถูกแก้ไข โดย ทองใหม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GCap กับ GlobexHolding เป็นบริษัทน่าเชื่อถือมั้ยครับ แล้วหลักการ Trade กับการคำนวนราคา เหมือนพวก MTSGoldOnline หรือไม่ครับ ถ้าไม่มันต่างกันยังไงครับ วานผู้รู้ช่วยแชร์หน่อยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 19 ก.ค. 53 (ภาคเช้า)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2553 13:37:12 น.

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--GT Wealth

ราคาทองคำในตลาดโลกเช้าวันนี้ทรงตัวหลังปรับตัวลงแรงในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยทรงตัวใกล้ระดับ 1,190 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ โดยความเชื่อมั่นกลับมามากขึ้นในช่วงก่อนหน้าการประกาศผลการทำ Stress test ในช่วงวันศุกร์ที่จะถึง ทำให้ความต้องการในการถือสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงลดน้อยลง ขณะที่แรงขายจากกองทุนกดดันห้ราคาต่ำลง แม้จะมีแรงซื้อกลับในช่วงท้ายตลาด โดยตลาดนิวยอร์กมีปริมาณการซื้อขายประมาณ 151,997 สัญญา ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1 ตัน มีระดับการถือครองที่ระดับ 1,314.21 ตัน ส่วนค่าเงินบาทเช้าวันนี้ทรงตัวใกล้ระดับ 32.28 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม (GFQ10) ราคาปรับตัวลดลงจากเมื่อวันศุกร์ (16 ก.ค. 53) 150 บาท เปิดที่ระดับราคา 18,430 บาท ราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,250 บาท ราคาเสนอขาย 18,350 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ถึงสองสัปดาห์นี้ทิศทางราคาทองคำคงได้รับผลกระทบจากการทำ Stress test ของธนาคารในยุโรปทั้ง 20 ประเทศ ซึ่งเราคาดว่าน่าจะออกมาค่อนข้างดีและจะส่งผลให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลดน้อยลง รวมถึงทองคำด้วยเช่นกัน แต่การปรับลดลงอาจจะไม่มากนักเนื่องประมาณ 1,170-1,180 ดอลล่าร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 19 ก.ค. 53 (ภาคเช้า)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2553 13:37:12 น.

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--GT Wealth

ราคาทองคำในตลาดโลกเช้าวันนี้ทรงตัวหลังปรับตัวลงแรงในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยทรงตัวใกล้ระดับ 1,190 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ โดยความเชื่อมั่นกลับมามากขึ้นในช่วงก่อนหน้าการประกาศผลการทำ Stress test ในช่วงวันศุกร์ที่จะถึง ทำให้ความต้องการในการถือสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงลดน้อยลง ขณะที่แรงขายจากกองทุนกดดันห้ราคาต่ำลง แม้จะมีแรงซื้อกลับในช่วงท้ายตลาด โดยตลาดนิวยอร์กมีปริมาณการซื้อขายประมาณ 151,997 สัญญา ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1 ตัน มีระดับการถือครองที่ระดับ 1,314.21 ตัน ส่วนค่าเงินบาทเช้าวันนี้ทรงตัวใกล้ระดับ 32.28 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม (GFQ10) ราคาปรับตัวลดลงจากเมื่อวันศุกร์ (16 ก.ค. 53) 150 บาท เปิดที่ระดับราคา 18,430 บาท ราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,250 บาท ราคาเสนอขาย 18,350 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ถึงสองสัปดาห์นี้ทิศทางราคาทองคำคงได้รับผลกระทบจากการทำ Stress test ของธนาคารในยุโรปทั้ง 20 ประเทศ ซึ่งเราคาดว่าน่าจะออกมาค่อนข้างดีและจะส่งผลให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลดน้อยลง รวมถึงทองคำด้วยเช่นกัน แต่การปรับลดลงอาจจะไม่มากนักเนื่องประมาณ 1,170-1,180 ดอลล่าร์ต่อออนซ์

 

!01 .. !01 ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มานั่งอ่านข่าวรอบค่ำ ขอบคุณคะ อาจารย์5fc0f220.gif5fc0f220.gif5fc0f220.gif5fc0f220.gif5fc0f220.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะอาจารย์ทองใหม่ +1 ให้สำหรับข้อมูลที่แน่นปึ้ก ค่ะ !57 !gd !10 !thk !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...