ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

โพลล์ระบุเศรษฐกิจสหรัฐฯ โตช้าลง

 

Posted on Tuesday, October 26, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (จ. 25 ต.ค. 53)

• ยอดขายบ้านมือสอง (ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 4.53 ล้านยูนิต (เพิ่มขึ้น 10% จากเดือนก่อนนหน้า)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อ. 26 ต.ค. 53)

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.) โดย Conference Board

 

 

โพลล์ระบุเศรษฐกิจสหรัฐฯ โตช้าลง

 

ผลการสำรวจจาก National Association for Business Economics ของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ถึงแม้ว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้มีการปรับมุมมองต่อการคาดการณ์เศรษฐกิจ

 

ผลการสำรวจฉบับล่าสุดได้ถูกจัดทำเมื่อ 21 ก.ย. - 6 ต.ค. ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถามมีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้น ย้อนไปในไตรมาสที่ 2 มีนักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 67% มองว่า เศรษฐกิจในปี 2553 นี้จะโตมากกว่า 2%

 

ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดที่ทำขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 54% มองว่าเศรษฐกิจในปี 2553 นี้จะโตมากกว่า 2% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนดังกล่าวนั้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจระบุว่ายังมีหลายภาคส่วนที่ปรับตัวดีขึ้น โดยนายวิลเลี่ยม สเตราส์ นักเศรษฐศาสตร์และที่ปรึกษาของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาชิคาโก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ช่วยทำการสำรวจครั้งนื้ กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศทางธุรกิจก็เริ่มดีขึ้น

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า ความต้องการ และ profit margins ยังคงเติบโตในไตรมาสล่าสุด โดยการสำรวจแสดงให้เห็นว่า มาร์จิ้นของภาคบริการ ภาคการผลิตสินค้า ภาคการเงิน ภาคประกัน และ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวดีขึ้น แต่ มาร์จิ้นของภาคการขนส่ง สาธารณูปโภค ภาคข้อมูลและการสื่อสาร ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก

 

ส่วนแนวโน้มการจ้างงานดูมีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้สัดส่วนของบริษัทเอกชนที่จะลดการจ้างงานหรือเลย์ออฟพนักงานมีน้อยลงในไตรมาสที่ 3 นี้ แต่ก็ยังไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะจ้างงานเพิ่มด้วย โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่าสถานการณ์การจ้างงานในสหรัฐฯ ยังอยู่ในสภาวะที่ทรงตัว

 

ส่วนการใชจ่ายด้านทุนเริ่มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น และ การลงทุนภาคธุรกิจ ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นตัวช่วยในการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยภาคธุรกิจเตรียมที่จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในการลงทุนเฉพาะด้าน เช่น คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์ด้านการสื่อสาร

 

อย่างไรก็ดี ต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนแรงงานจะเริ่มสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจ โดยบริษัมเอกชนยอมรับว่าเป็นการยากที่จะผลักภาระต้นทุนเหล่านั้นไปสู่ผู้บริโภค

 

 

รัฐมนตรีคลังสหรัฐหารือประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนกับจีน

 

นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศจีนในช่วงสุดสัปดาห์ ได้หารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐ รวมทั้งประเด็นอัตราแลกเปลี่ยน

 

การเดินทางเยือนจีนของไกธ์เนอร์มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดเกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน เนื่องจากสหรัฐระบุว่าจีนปล่อยเงินหยวนให้อ่อนค่าเกินจริงเพื่อหวังผลทางการค้า

 

ไกธ์เนอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ข้อตกลงจากที่ประชุม G20 ทำให้หลายประเทศที่ค่าเงินของตนเองอยู่ในระดับที่ต่ำเกินจริงนั้น มีความตื่นตัวมากขึ้น และประเทศเหล่านี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้ความสมดุลและสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง"

 

ทั้งนี้ สหรัฐและนานาประเทศพยายามกดดันให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน แต่ที่ผ่านมาจีนไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนทำให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการปฏิรูปสกุลเงินเพื่อการค้าที่เป็นธรรม (Currency Reform for Fair Trade Act) เพื่อเปิดทางให้สหรัฐสามารถคว่ำบาตรการค้า ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับประเทศคู่ค้าที่มีพฤติกรรมปั่นค่าเงินอย่างผิดกฎหมาย โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะกดดันให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวนให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่กำลังขยายตัวขึ้น

 

ส่วนในการประชุม G 20 ครั้งล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้นั้น ที่ประชุมมีมติผลักดันให้มีการใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ตลาดเป็นผู้กำหนดมากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้หลีกเลี่ยงการลดมูลค่าของสกุลเงิน

 

 

G 20 ออกแถลงการณ์ไม่แข่งกันลดค่าเงิน-ปฏิรูป IMF

 

การประชุม G 20 ระดับรัฐมนตรีคลังได้ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมด้วยความคืบหน้าเรื่องค่าเงินและข้อตกลงเรื่องการปฏิรูปกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

 

สำหรับมติสำคัญของการประชุม ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาสองวันที่เมืองเกียงจู ประเทศเกาหลีใต้ ได้แก่ ที่ประชุมยืนยันว่า เศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัว ถึงแม้ว่าจะเป็นการฟื้นตัวที่เปราะบางและไม่สม่ำเสมอ โดยจะผลักดันให้มีการใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ตลาดเป็นผู้กำหนดมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการลดมูลค่าของสกุลเงิน

 

นอกจากนี้ ประเทศพัฒนาแล้วยังยืนยันจะดูแลไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากจนเกินไปและเคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นระเบียบ พร้อมกับะส่งเสริมนโยบายเพื่อช่วยลดความไม่สมดุลต่างๆ ไม่ให้มากจนเกินไป และทำให้ความไม่สมดุลของบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับที่ยั่งยืน

 

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้ข้อสรุปเรื่องการปฏิรูป IMF ซึ่งรวมถึงการโอนสิทธิการออกเสียงใน IMF ให้กับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มอีกกว่า 6% ทั้งนี้ ประเทศในยุโรปจะสละที่นั่งในคณะกรรมการบริหารของ IMF ให้กับประเทศกำลังพัฒนาจำนวนสองที่นั่ง เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนามีอำนาจกำกับดูแลองค์กรเพิ่มมากขึ้น

 

ทั้งนี้ จะมีการส่งมอบแถลงการณ์ที่ออกภายหลังการประชุมครั้งนี้ให้กับการประชุมสุดยอดผู้นำ G 20 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11 - 12 พ.ย.นี้ ที่กรุงโซล

 

 

คะแนนนิยม “ซาร์โกซี” ร่วง หลังผลักดันแผนยืดเวลาเกษียณอายุ

 

การผลักดันแผนยืดเวลาเกษียณอายุของผู้นำฝรั่งเศส ส่งผลให้คะแนนนิยมของเขาดิ่งลงอย่างฮวบฮาบ ขณะที่บรรดาสหภาพแรงงานโรงกลั่นน้ำมันยังคงผละงานประท้วง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนทั่วประเทศ

 

ชัยชนะของประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ที่สามารถผลักดันให้วุฒิสภา ผ่านความเห็นชอบแผนขยายอายุการทำงานของคนงานจาก 60 ปี เป็น 62 ปี กำลังเป็นภัยต่อตัวเขาเอง

ผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดที่ประชาชนมีต่อผู้นำฝรั่งเศสพบว่า คนฝรั่งเศสมากถึง 70% ไม่พอใจในตัวผู้นำประเทศ

 

ขณะที่การประท้วงของบรรดาสหภาพแรงงาน ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ สหภาพแรงงานหลายแห่งประกาศจะผละงานประท้วงทั่วประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนนี้ไปจนถึงต้นเดือนหน้า

 

ล่าสุดคนงานที่โรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ยืนกรานจะประท้วงยืดเยื้อ ส่งผลให้ขณะนี้ปั๊มน้ำมันราว 1 ใน 4 ของทั่วประเทศขาดแคลนน้ำมันแล้ว และคาดว่าพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนน้ำมันมากที่สุด คือภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และภาคกลาง

 

ด้านสหภาพแรงงานการรถไฟ ก็ประกาศว่า คนงานราว 20% ของทั้งหมดจะหยุดงานประท้วงในสัปดาห์หน้า

 

 

ญี่ปุ่น-อินเดียกระตุ้นความสัมพันธ์ผ่าน FTA

 

นายเซอิจิ มาเอฮาระ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นและนายกรัฐมนตรีมานโมฮาน ซิงห์ ของอินเดีย เห็นพ้องที่จะกระตุ้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคีผ่านการทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นได้กล่าวชื่นชมความเป็นผู้นำของซิงห์ในการพัฒนาความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ระดับทวิภาคี รวมถึงเป็นผู้นำในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 3 วัน โดยเขาได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านมาทางนายมาเอฮาระ กรณีที่ญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือแก่อินเดียในด้านต่างๆ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเชิงลึกมากขึ้น

 

ซิงห์กล่าวว่า เทคโนโลยีขั้นสูงของญี่ปุ่นและแรงงานหนุ่มสาวชาวอินเดีย ประกอบกับตลาดในประเทศที่กำลังขยายตัวจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่โดดเด่นระหว่างญี่ปุ่นและอินเดียได้เป็นอย่างดี

 

 

IMF คาดเศรษฐกิจตะวันออกกลางโต 4.2% ปีนี้

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจะขยายตัวแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า แต่ตะวันออกกลางจำเป็นต้องเพิ่มการจ้างงานเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้ IMF คาดว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจะขยายตัว 4.2% ในปีนี้ และ 4.8% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่ขยายตัวได้เพียง 2.3%

 

เนื่องจากรายได้จากการขายน้ำมันปรับตัวลดลงและได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก

IMF กล่าวว่า เศรษฐกิจตะวันออกกลางฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการณ์การเงินโลกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2553 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นช่วยหนุนรายได้จากการส่งออกน้ำมันทะยานขึ้นด้วย

 

และจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบนี้เอง ทำให้ IMF เชื่อว่ายอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.50 แสนล้านดอลลาร์ในปีหน้า จากระดับ 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2552

 

อย่างไรก็ตาม IMF แนะนำว่ากลุ่มประเทศตะวันออกกลางควรลดการพึ่งพาการส่งออกน้ำมันดิบและหันมาลงทุนในด้านอื่นๆเพื่อกระจายความเสี่ยง เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆนอกกลุ่มตะวันออกกลางยังคงอ่อนแอ ซึ่งอาจทำให้ยอดนำเข้าน้ำมันดิบของประเทศเหล่านี้ลดลงด้วย

 

 

ตลาดหุ้นสิงคโปร์ควบรวมตลาดหุ้นออสเตรเลีย

 

ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) และตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (ASX) ประกาศควบรวมกิจการเป็นกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก

 

SGX เสนอซื้อกิจการของ ASX ในราคา 8,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 246,000 ล้านบาท) เพื่อตั้งกลุ่ม ASX - SGX จำกัด ทั้งสองฝ่ายจะยังคงชื่อของตนเองอยู่ การควบรวมครั้งนี้มุ่งใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียที่อุดมด้วยบริษัททรัพยากร และจุดแข็งของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ที่มีความเป็นสากลและมีสายสัมพันธ์กับตลาดจีนที่กำลังเฟื่องฟู และคาดว่าการควบรวมกิจการจะเรียบร้อยในไตรมาสสองของปีหน้า

 

นายแมกนุส บอกเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SGX จะควบตำแหน่งซีอีโอของกลุ่มที่ตั้งขึ้นใหม่

 

เขากล่าวว่า การควบรวมสองตลาดจะเอื้อให้นักลงทุนได้ประโยชน์เต็มที่จากโอกาสในอนาคตเพราะเอเชียแปซิฟิกเป็นแหล่งสร้างความมั่งคั่งด้านทุนและโอกาสในการซื้อขายของโลก

 

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดว่า การควบรวมดังกล่าวจะสร้างตลาดมูลค่าประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 57 ล้านล้านบาท)

 

 

จีน-อินเดียเป็นตลาดสำคัญในภาคท่องเที่ยวออสเตรเลีย

 

จีนและอินเดียยังคงเป็นตลาดสำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของออสเตรเลีย และจะมีอัตราการขยายตัวต่อปีที่แข็งแกร่งแซงหน้าสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นภายในปี 2558

 

บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านธุรกิจ Deloitte เปิดเผยรายงานซึ่งระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของออสเตรเลียได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจีนและอินเดียที่ขยายตัวดีขึ้น โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มที่ช่วยชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในออสเตรเลียที่ปรับตัวลดลงได้

นอกจากนี้ จำนวนชนชั้นกลางในจีนและอินเดียที่เพิ่มขึ้นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์ใหม่ ๆ ในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้อย่างมากมายมหาศาล

 

นอกจากนี้ รายงานระบุด้วยว่า ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป ประชากรในจีนและอินเดียจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 26 ต.ค. 53 (ภาคเช้า)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 26 ตุลาคม 2553 11:32:36 น.

กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงเช้าเคลื่อนไหวใกล้ 1,340 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงวันจันทร์ แรงซื้อยังคงเป็นการเข้าเก็งกำไรจากการคาดการณ์ว่าในการประชุมในวันที่ 2-3 พฤศจิกายน FED จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 โดยค่าเงินดอลล่าร์เริ่มปรับตัวอ่อนค่าอีกครั้ง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงคืนที่ผ่านมาจะปรับตัวดีขึ้น ปริมาณการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กมีประมาณ 145,000 สัญญา ขณะเงินบาทช่วงเช้าปรับอ่อนค่าเล็กน้อยใกล้ระดับ 29.87 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ SPDR คงการถือครองที่ระดับ 1,298.27 ตัน โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม (GFV10) เปิดตลาดราคาปรับเพิ่มขึ้น 180 บาทจากช่วงปิดตลาดวันศุกร์ (22 ต.ค. 53) โดยเปิดที่ระดับราคา 19,010 บาท โดย GFV10 จะหมดอายุในวันที่ 28 ตุลาคม 2553 ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,900 บาท ราคาเสนอขาย 19,000 บาท

 

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ก่อนการประชุม FOMC ในช่วงสัปดาห์หน้า (2-3 พฤศจิกายน 2553) หลังจากที่นักลงทุนในตลาดหันไปจับตาการประชุม G20 และคาดหวังข่าวใหม่ ๆ ที่จะกระตุ้นตลาด แต่หลังการประชุมยังคงไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนทำให้ดอลล่าร์ที่ปรับแข็งค่าก่อนการประชุมปรับอ่อนค่าอีกครั้ง และยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องจากแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาเก็งกำไรในทองคำอีกครั้ง ทำให้ช่วงก่อนการประชุมน่าจะยังมีแรงซื้อต่อเนื่องและส่งให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะอ.ทองใหม่(webเข้ายากเช่นกันค่ะ)+1ค่ะ :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ เฮียทองใหม่ เข้ามาขอรับข่าวสารไปแจก นสพ.น้องๆ ที่ร้านกาแฟเหมือนเดิมค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูง

 

เออ..เฮียทองใหม่ เข้าร่วมสัมนางานไทยโกลด์รอบนี้ด้วยหรือเปล่าค่ะ อยากพบตัวจริงนานแล้วค่ะ :lol: :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ เฮียทองใหม่ เข้ามาขอรับข่าวสารไปแจก นสพ.น้องๆ ที่ร้านกาแฟเหมือนเดิมค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูง

 

เออ..เฮียทองใหม่ เข้าร่วมสัมนางานไทยโกลด์รอบนี้ด้วยหรือเปล่าค่ะ อยากพบตัวจริงนานแล้วค่ะ :lol: :wub:

ผมยังไม่ทราบเรื่องเลย สัมนางานไทยโกลด์หัวข้อเรื่องอะไรครับ?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โกลเบล็กฟันธงราคาทองคำปีนี้พุ่ง1,400-1,425ดอลล์/ออนซ์

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2010 เวลา 13:32 น. ณรงค์ เวศนารัตน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

โกลเบล็กฯ ขยับเป้าราคาทองคำในตลาดโลกปี2553 พุ่งแตะ 1,400-1,425 ดอลล์/ออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศมีแววแตะ 19,800-20,200 บาท/บาททอง ฟันธงเข้าช่วงไฮซีซั่นราคาทอง วัฏจักรขาขึ้นยังไม่จบ แถมยิลด์สูงจูงใจน่าถือครองมากกว่าบอนด์สหรัฐ แนะ”ทยอยซื้อสะสม”เมื่ออ่อนลงในกรอบ 1,310-1,350 ดอลล์/ออนซ์ พร้อมอัดโปรโมชั่นส่งท้ายปีกระตุ้นยอดในงานSet in the city ลุ้นรับรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ และทองคำ รวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาท ลั่นบัญชีซื้อขายทองปี2554ทะลุเป้า 3 พันบัญชี

 

 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน)หรือ GBX เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับราคาทองคำโลกปี2553 ขึ้นเป็น 1,400 – 1,425 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวในช่วงที่เหลือของปี2553อยู่ที่ 1,300-1,425 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนการปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศคาดอยู่ที่ 19,800-20,200 บาท/บาททอง และกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 18,400-19,800 บาท/บาททอง โดยอิงประมาณการณ์ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

 

ทั้งนี้เนื่องจาก Dollar Index มีแนวโน้มทรุดตัวลงต่อเนื่อง จากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 2 ซึ่งหากไม่มีการเปิดเผยแนวทางการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม Dollar Index อาจจะไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ทดแทนกันในแง่ของ Safe Haven ยังอยู่ในระดับต่ำ ทองคำจึงมีความน่าสนใจในการถือครองมากกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ

 

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ของทุกปีถือเป็นช่วง High Season ของราคาทองคำ โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3-5%ต่อเดือน รวมทั้งประเมินว่าวัฏจักรขาขึ้นยังไม่จบลงง่าย ๆ เนื่องจากหากพิจารณาการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในอดีตจะพบว่า การปรับขึ้นของราคาทองคำในระลอกสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลงจะถูกผลักดันด้วยการใช้ทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจุบันเงินเฟ้อยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นภาพทางเทคนิคของกราฟระดับเดือนสะท้อนว่า แนวโน้มการปรับขึ้นยังแข็งแกร่ง โดยราคาอยู่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้น และดัชนีบ่งชี้ต่าง ๆยังยืนเหนือ Signal Line ตัวเอง

 

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุน “ทยอยซื้อสะสม” ในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงมาในกรอบ 1,310-1,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยตั้งจุดถอยสำหรับการลงทุนรอบนี้ไว้ที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หากเข้าซื้อแล้วราคาไม่ได้ดีดขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากมองว่าราคาทองคำพุ่งขึ้นมาแรงและรวดเร็ว จึงคาดว่าราคาอาจย่อตัวเพื่อพักฐานระยะสั้นเพื่อชะลอความร้อนแรง ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนต.ค. ถึงต้นเดือนพ.ย. 2553

 

นายณัฐพล กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมออกบูธในงาน Set in the city 2010 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายนนี้ ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ซึ่งลูกค้าที่เปิดบัญชีซื้อขายทองคำภายในงานจะได้รับส่วนลดมูลค่า 1,000 บาทสำหรับซื้อทองคำแท่งภายในเดือนธันวาคม 2553 พร้อมลุ้นรับรางวัลรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ และทองคำ รวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาท

 

โดยบริษัทคาดว่า การจัดโปรโมชั่นดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาเปิดบัญชีซื้อขายทองคำมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีจำนวนบัญชีทั้งสิ้น 2,000 บัญชี โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนระยะสั้นที่มียอดซื้อขายสม่ำเสมอประมาณ 600 ราย ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนระยะยาว โดยในปี2554 บริษัทตั้งเป้าจะมียอดบัญชีซื้อขายทองคำทั้งสิ้น 3,000 บัญชี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอขอบคุณอาจารย์ทองใหม่ครับ :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมยังไม่ทราบเรื่องเลย สัมนางานไทยโกลด์หัวข้อเรื่องอะไรครับ?

 

มี Link มาฝากค่ะ รายละเอียดงาน สมาชิกร่วมสัมนาครบแล้ว 200 ที่นั่ง ส่วน กูรู วิทยากรรอเฮียทองใหม่แจมกันเฮียกัมพลบนเวที คงมีที่จองให้เฮียแน่ๆ เลยค่ะ http://www.thaigold.info/Board/index.php?showtopic=371&st=

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟตาแป๊ะทองรายวัน ตาแป๊ะเขาเปิดให้ดูฟรีเฉพราะวันอังคารกับพฤหัสฯจ้า มีบางวันหากเขาลืมปิดก็ได้ดูเพิ่มครับ

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว 卖 ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง买----ซื้อ เส้นหักมุม(เส้นเส้นคู่เล็กบางสีขาง+เหลืองอ่อน)ขึ้น—ลง ตามมุมที่หัก(ให้ผลระยะกลางยาว)

ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้อมากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง

ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน

ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้

ขอบคุณอ.ทองใหม่คร้า !01 !01 !01 !57 ตาแป๊ะหน้าหงิก จาลงแค่ไหนนะคร้าจารย์ อยากให้ลงต่ำๆซะทีค่ะ จะได้เก็บให้หมดซะเลย ไม่ต้องเก็บทีละนิด !ee !ee !ee

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG : ผลประชุมจี20ไม่ชัดเจนนักลงทุนหันกลับมาซื้อทองคำ

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2010 เวลา 17:46 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 26 ตุลาคม 2553 สภาวะตลาดวันที่ 26 ตุลาคม 2553 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ ที่ระดับ $1,335.20 – $1,343.10 ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV10 อยู่ที่ 18,990 บาท โดยราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 160 บาทจากวันก่อนหน้า ที่ 18,830 บาท

 

แนวโน้มวันที่ 27 ตุลาคม 2 553 เนื่องจากประเด็นต่างๆทั้งในเรื่องการประชุมรัฐมนตรีคลังจี-20ที่ยังไม่มีมาตรการชัดเจนในการแก้ปัญหาสงครามค่าเงินที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ในขณะที่แนวโน้มของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐยังคงจะมีอยู่ต่อไป ดังนั้น ณ ปัจจุบัน นักลงทุนส่วนใหญ่จึงหันกลับมาให้ความสนใจกับการประชุมของเฟดที่จะมีขึ้นในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมีการคาดการณ์ว่าทางเฟดอาจมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงนโยบายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าราคาทองคำเริ่มมีการตั้งฐานของราคาโดยเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง $1,333 - $1,343 หากราคามีการปรับตัวเหนือกรอบราคานี้ไป จะมีผลเชิงบวกให้ราคาทองคำปรับตัวได้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญได้อีกครั้ง

 

แนวรับ 1,336 1,327 1,314 แนวต้าน 1,349 1,358 1,375

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...