ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[mrballz 0]

ขอให้สุขภาพแข็งแรงครับ ^^

[Honeymew 6]

อรุณสวัสดิคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงคะ+

[thongthai_99 0]

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะครับ

[am-pang 0]

ขอให้ อจ.มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ

[nuchaba 987]

ขอให้โชคดีนะครับ ต้องเล่นสั้นนะครับ ตราบใดยังไม่ยืนเหนือ1400 ทิศทางยังคงลงอยู่ครับ

ขอบคุณค่ะ อ.ทองใหม่ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ เดินทางไปกลับปลอดภัยค่ะ

!thk !thk !30 !30

[คุณสา 0]

เดินทางปลอดภัยนะคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

ราคาน้ำมันดิบลดลงเล็กน้อย หลังดอลลาร์แข็งค่ามากสุดในรอบ 6 สัปดาห์

 

Posted on Tuesday, November 16, 2010

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวลดลง 0.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาปิดที่ 84.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

- หลายชาติในยุโรป เช่น สเปน โปรตุเกส และเยอรมันนี ยังคงออกมากดดันให้ทางรัฐบาลไอร์แลนด์เร่งตัดสินใจขอเงินช่วยเหลือจากภายนอก ภายหลังจากความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของไอร์แลนด์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เห็นได้จากนักลงทุนรวมทั้งบรรดานักค้าเงินต่างพากันขายพันธบัตรและเงินสกุลยูโรและหันกลับมาซื้อพันธบัตรและเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแทน ส่งผลให้ดอกเบี้ยของพันธบัตรในยุโรปปรับตัวสูงขึ้นมาก จนทำให้หลายฝ่ายกังวลกันว่าจะเป็นปัจจัยขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยว่ามีการหารือกับรัฐบาลไอร์แลนด์เกี่ยวกับวงเงินช่วยเหลือที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 63,000 - 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไอร์แลนด์เพื่อขอความช่วยเหลือดังกล่าว

 

- สถานการณ์ในประเทศไอร์แลนด์ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์เทียบกับยูโร และกดดันให้ราคาน้ำมันไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้

 

- ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขารัฐฟิลาเดลเฟียนำเสนอผลสำรวจการคาดการณ์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาส 4/53 ปรากฎว่าตัวเลขปรับลดลงจากการคาดการณ์ในครั้งก่อนหน้า โดยครั้งนี้อยู่ที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี จากร้อยละ 2.8 เมื่อสามเดือนที่แล้ว

 

+/- ตัวเลขยอดขายปลีกของสหรัฐฯ ประจำเดือนต.ค.ขยายตัว 1.2% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน อย่างไรก็ดีตัวเลขผลสำรวจการผลิตภาคอุตสาหกรรมในบริเวณรัฐนิวยอร์คประจำเดือนพ.ย. ออกมาต่ำกว่าคาดและต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังค่อนข้างเปราะบาง ซึ่งหมายรวมถึงความต้องการใช้น้ำมันด้วย

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาปิดที่ 86.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 0.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 84.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันเบนซินสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 0.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 93.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการที่อินเดียมานำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มเติมสำหรับช่วงสิ้นเดือนพ.ย.นี้

 

ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ ลดลง 0.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 98.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดี ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันดีเซลในจีน ที่ส่งผลให้จีนต้องนำเข้าน้ำมันดีเซล จากที่เป็นผู้ส่งออก ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนสำหรับราคาน้ำมันดีเซลภายในภูมิภาค โดยล่าสุดทางสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกมาคาดการณ์ว่าสถานการณ์การขาดแคลนน้ำมันดีเซลในจีนจะต่อเนื่องไปถึงก.พ. 2554 และปริมาณการขาดแคลนอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาร์เรลต่อวัน

 

- สนับสนุนข้อมูลโดยบมจ. ไทยออยล์ -

[ทองใหม่ 7,435]

ราคาทองคำปิดบวก 3 เหรียญ นักลงทุนซื้อทองเลี่ยงความเสี่ยงหนี้ยุโรป

 

Posted on Tuesday, November 16, 2010

เทรดเดอร์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้มาจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะไอร์แลนด์ และนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลไอร์แลนด์ยืนยันว่ามีความเป็นไปได้ที่ทางรัฐบาลจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะภายในประเทศ ขณะที่ผู้นำยุโรปเตรียมประชุมร่วมกันที่เบลเยียมในวันอังคารนี้ เพื่อหารือกันเรื่องการให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์

 

- ทองคำ ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดที่ 1,368.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+3.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

- เงิน ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดที่ 26.092 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+0.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)

[ทองใหม่ 7,435]

ดาวโจนส์ปิดบวก หลังยอดค้าปลีกสหรัฐฯพุ่งเกินคาด

 

Posted on Tuesday, November 16, 2010

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยแล้ว โดยเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 1.2% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากยอดขายยานยนต์และวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น โดยยอดขายยานยนต์พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ยอดขายวัสดุก่อสร้างขยายตัวขึ้น 1.9%

 

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯรายงานว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่ยอดขายในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งบ่งชี้ว่าผลกำไรที่เพิ่มขึ้นทำให้ภาคธุรกิจปรับเพิ่มปริมาณสินค้าในสต็อก นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ในยามที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับความไม่แน่นอนก็ตาม

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ปัจจัยบวกจากข่าวแคทเทอร์ พิลลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องมือที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก ตกลงซื้อกิจการบริษัท บูซีรัส อินเตอร์เนชันแนล เป็นเงินสดมูลค่า 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายกิจการในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

 

ทั้งนี้ ข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg ระบุว่า การเทคโอเวอร์ของกิจการต่างๆ ทั่วโลกเท่าที่ผ่านมาในปีนี้ รวมกันแล้วอยู่ที่ 1.78 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะไอร์แลนด์ หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลไอร์แลนด์กำลังเจรจากับเจ้าหน้าทีสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไอร์แลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินจากตลาดการเงินของรัฐบาลไอร์แลนด์ปรับตัวพุ่งขึ้นอีก ขณะเดียวกันมีกระแสความวิตกกังวลว่า ไอร์แลนด์อาจเผชิญปัญหาเหมือนกับกรีซ และวิกฤตหนี้สาธารณะรอบใหม่อาจลุกลามยุโรปอีกครั้ง ซึ่งจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน เช่นสเปนและโปรตุเกส หดตัวลงด้วย

 

ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขค้าปลีกปรับตัวขึ้น 1.2% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือนและสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ จนส่งผลให้ภาพการจับจ่ายซื้อของในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีมีทิศทางที่ดีดียิ่งขึ้น แม้เรื่องการว่างงานจะยังเป็นปัญหาที่กดดันภาพรวม

 

- Dow Jones ปิดที่ 11,201.97 จุด (+0.08%)

- S&P 500 ปิดที่ 1,197.75 จุด (-0.12%)

- Nasdaq ปิดที่ 2,513.82 จุด (-0.17%)

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]