ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

มาขอบคุณอาจารย์ค่ะ พร้อมกดบวกให้หมดหน้าตักเลยยยยย :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองในปท.ร่วง350บ. ทองแท่งขาย 19,750บ.รูปพรรณ 20,150บ.

 

ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

เขียนโดย ณัฐญา เนตรหิน

วันพุธที่ 05 มกราคม 2011 เวลา 09:30 น.

 

 

สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณวันนี้ (5 ม.ค.) ทองคำแท่งรับซื้อคืนที่บาทละ19,650 บาท และขายที่บาทละ 19,750 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนที่บาทละ 19,359.32 บาท และขายที่บาทละ20,150 บาท

 

 

 

ราคาทองวันนี้ลดลงบาทละ 350 บาท เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 4 ม.ค.ซึ่งทองคำแท่งขายที่บาทละ 20,100บาท และทองรูปพรรณขายที่ 20,500 บาท

ซึ่งเป็นการลดลงตามราคาทองในต่างประเทศที่ร่วงแรงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร

 

โดยตลาดทองคำต่างประเทศปิดเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 44.10 ดอลลาร์ ปิดที่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิดตลาดที่ 30.10/30.12บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

เขียนโดย ณัฐญา เนตรหิน

วันพุธที่ 05 มกราคม 2011 เวลา 09:08 น.

นักบริหารเงินธนาคารซีไอเอ็มบีไทย รายงานว่าเงินบาทเปิดตลาดวันนี้ (5 ม.ค.) ที่ระดับ 30.10/30.12บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 30.07/30.09 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง

 

ซีไอเอ็มบีไทย สรุปสถานการณ์ตลาดเงินเมื่อวาน บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันอังคาร (4 ม.ค.) เงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้นในช่วงต้นปี ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียหลายสกุลรวมทั้งเงินบาทปรับแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

 

 

 

เยน/ดอลลาร์ เมื่อวันอังคาร (4 ม.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนต่อเนื่องจากวันจันทร์หลังจากข้อมูลคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานในสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายนปรับดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งขึ้นในช่วงนี้

 

ยูโร/ดอลลาร์ เมื่อวันอังคาร (4 ม.ค) ค่าเงินยูโรอ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันค่าเงินยูโรก็ปรับแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนเนื่องจากมีแรงขายเงินเยนเพื่อซื้อเงินสกุลอื่นๆ ในเอเชียมากขึ้นจากการที่ตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศในเอเชียขยายตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วางกลยุทธ์

ตลาดอนุพันธ์-05/01/54

SH – 110105 ดัชนีสัญญา TFEX ไต่ระดับตามภาพตลาดฯหลักวานนี้ในวันแรกของปี โดยขึ้นไปทดสอบแนวปะทะบริเวณ 722-725 จุด และเริ่มผ่านขึ้นไปได้ สัญญาณ MACD ยกตัวขึ้นได้ดีในแดนบวกช้าๆ เครื่องมือแกว่งสโตร์เริ่มขึ้นใกล้แนว 80% โดยอยู่ที่ระดับ 72.10% และคาดว่ายังมีแรงส่งต่อ กลยุทธ์เป็นการซื้อขายตามแนวโน้มเดิมหลังการพักฐานระยะสั้นเสร็จสิ้นลง แนวปะทะอยู่ที่ 735 และ 750-755 จุด ส่นแนวรองรับอยู่ที่ 722, 715 และ 700-705 จุด สรุป - ทิศทางทางด้านข้างเริ่มเสร็จสิ้นการพักฐานระยะสั้น และเพิ่มโอกาสการไต่ระดับต่อเนื่อง สถานะ - มีสถานะตามเครื่องมือระยะสั้น : ซึ่ง ตอนนี้อยู่ที่ 86.90% เข้าสู่ช่วงที่มีโอกาสทำกำไรระดับสูงที่ 90-95%

post-237-082645400 1294197141.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:rolleyes:กราฟวิเคราะห์ ให้ดูกราฟประกอบ

ก่อนเปิดสถานะควรดูแนวโน้มว่าขึ้นหรือลง หากแนวโน้มขึ้นเปิดสถานะL หากราคาขึ้นถึงH3 หากต้านอยู่ ให้ปิดสถานะL เปลี่ยนเปิดสถานะS แต่หากราคาทะลุด่าน

H3แตก ให้ถือLต่อ ถ้าราคาถึงH4ให้ทยอยออกหรือปิดL แต่ถ้าชอบเสี่ยงก็ให้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายที่H5

หากเปิดSไว้ก่อน ราคาไปที่L3 หากรับไว้อยู่ ให้ปิดSแล้วเปิดL หากL3แตกให้ถือSต่อ ราคาถึงL4ให้ทยอยปิดS แต่ถ้าชอบเสี่ยงให้ถือSต่อ โดยมีเป้าหมายที่L5

post-237-047669900 1294197505.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

FOMC มองเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ยังคงดอกเบี้ยต่ำต่อไป

 

Posted on Wednesday, January 05, 2011

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อ. 4 ม.ค. 2553)

• ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน (พ.ย.) เพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก่อนหน้า

• สรุปรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ อังคารที่ 14 ธ.ค. 2553

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พ. 5 ม.ค. 2553)

• ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.) โดย ADP Employer Services

• ดัชนีภาคการบริการ (ธ.ค.) โดย สถาบันจัดการด้านอุปทาน

• สต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA

 

 

FOMC มองเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ยังคงดอกเบี้ยต่ำต่อไป

 

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) มีความคิดเห็นว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้สอดคล้องกับมาตรการอัดฉีดเม็ดเงิน 6 แสนล้านผ่านมาตรการ QE 2 โดยรายงานการประชุมระบุว่า ขณะที่แนวโน้มของเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อรวบรวมข้อมูลมากกว่านี้ รวมทั้งยังส่งสัญญานดอกเบี้ยต่ำต่อไป (Extended Period)

 

ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ตั้งแต่มีการเริ่มต้นของมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน การขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญานดีขึ้น นอกจากนี้ FOMC ยังให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อที่ยังคงต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นระดับที่เฟดค่อนข้างพอใจ ขณะที่การว่างงานก็น่าจะค่อยๆ ทะยอยลดลงไปตลอดทั้งปีนี้ โดยโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดว่าปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 9.4%

 

 

ชาวอเมริกันยื่นล้มละลายในปี 2553 พุ่ง

 

สถาบัน American Bankruptcy Institute (ABI) เผยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอล้มละลายในปี 2553 อยู่ที่ระดับ 1,530,000 ราย เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปี 2552 แต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 1.6 ล้านราย เนื่องจากผู้บริโภคมีหนี้สินน้อยลงและเริ่มปรับลดการใช้จ่าย

 

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดการจ้างงานเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานอาจขยับลงสู่ระดับ 9.7% จากระดับ 9.8%

 

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของ ABI กล่าวว่า บุคคลที่เสี่ยงต่อการล้มละลาย อันเนื่องมาจากผลกระทบของเศรษฐกิจ นั้นมีจำนวนลดลง แต่ตัวเลขผู้ขอยื่นล้มละลายในปี 2553 กลับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพราะสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายที่ทำให้เกิดความยุ่งยากต่อชาวสหรัฐในการชำระหนี้ภายใต้ความคุ้มครองของศาล และอาจส่งผลให้จำนวนผู้ยื่นขอล้มละลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีหน้า

 

 

สหรัฐฯ รัดเข็มขัดผ่านการปรับลดงบกลาโหม

 

แหล่งข่าวระบุว่า เลขาธิการด้านกลาโหมของสหรัฐฯ นาย โรเบิร์ต เกตส์ เตรียมที่แถลงแผนการลบค่าใช้จ่ายด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ในวันพฤหัสนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่างบประมาณก้อนดังกล่าวจะถูกปรับลดประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการนั้นก็จะถูกประกาศออกมาด้วย หลังจากที่ได้มีการพูดคุยถึงรายละเอียดกันมาร่วมเดือน

 

โดยกระทรวงกลาโหมถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ถูกจับตามองอย่างมากเกี่ยวกับการใช้จ่าย หลังจากที่ได้ใช้เงินไปเป็นจำนวนมากกับการทำสงครามในอิรัก ซึ่งหลายหน่วยกำลังพิจารณาปรับลดงบประมาณก่อนที่ประธานาธิบดี โอบามา จะแถลงงบประมาณประจำปีในช่วงกลางเดือนหน้า

 

 

โอบามาวอนรีพับลิกันร่วมทำงานฟื้นเศรษฐกิจ

 

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกมาเรียกร้องให้บรรดาผู้นำพรรคริพับลิกันในสภาคองเกรส พักเรื่องการเมืองในขณะนี้ไว้ แล้วหันมาทำงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศก่อนเป็นลำดับแรก

 

การขอร้องจากผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่พรรคริพับริกันกวาดที่นั่งในสภาฯ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

ส่วนกำหนดการโหวตกฏหมายที่สำคัญ ก็รวมถึงในวันที่ 12 มกราคมนี้ ที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงคะแนนเสียงในการออกรัฐบัญญัติใหม่ ซึ่งร่างโดยพรรคริพับริกันเพื่อเพิกถอนกฏหมายประกันสุขภาพของประธานาธิบดีโอบามา ที่ได้รับอนุมัติไปเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ทางพรรครีพับริกันยังได้พยายามชะลอการดำเนินงานด้านการปฏิรูปอุตสาหกรรมการเงินของโอบามาไว้ด้วย

 

 

อากาศหนาวดันตัวเลขว่างงานเยอรมนีพุ่ง

 

สำนักงานแรงงานกลางเยอรมนีเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานที่ปรับตามฤดูกาล (seasonally adjusted) เพิ่มขึ้น 3,000 คน มาอยู่ที่ 3.15 ล้านคนในเดือนธันวาคม 2553 หลังจากที่ปรับตัวลดลง 17 เดือนติดต่อกัน ซึ่งมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ส่งผลให้การเดินทางทางอากาศและการขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบ และทำให้บริษัทด้านการคมนาคมขนส่ง รวมถึงบริษัทด้านการก่อสร้างจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน ทั้งนี้ อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 7.5%

 

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า จำนวนคนตกงานที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้จะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจของเยอรมนีที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวได้ดี จากแรงหนุนด้านการส่งออกและการใช้จ่ายในประเทศ

 

 

รัฐบาลกรีซโชว์รายได้เพิ่ม คาดขาดดุลงบฯ น้อยลง

 

รมว.คลังของกรีซ เผยว่า รายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 5.4% ในปี 2553 สู่ระดับ 51,100 ล้านยูโร เฉพาะเดือน ธ.ค. เดือนเดียว รายได้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 10% ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ยอดการขาดดุลงบประมาณของกรีซในปี 2553 อาจจะลดลงมาขาดดุลเพียง 9.6% ของจีดีพี

 

ส่วนในปีนี้ รัฐบาลกรีซตั้งเป้าจะทำให้การขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 7.4% ของจีดีพีเท่านั้น

 

 

อังกฤษยืนยันเดินหน้ารัดเข็มขัดต่อในปี 2554

 

ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดย Financial Times ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 55% มองว่า รัฐบาลอังกฤษจะยังคงเดินหน้ารัดเข็มขัดต่อในปี 2554 เนื่องจากการปรับขึ้นภาษี และ การปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐ จะไม่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากถึงขั้น double-dip recession

 

นักเศรษฐศาสตร์ในการสำรวจสรุปคล้ายกันว่า มาตรการรัดเข็มขัดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 20% หรือ มาตรการอื่นๆ ถือว่าเป็นการเสี่ยงครั้งใหญ่ แต่รัฐบาลก็จำเป็นที่จะต้องลองเสี่ยงดู

 

นอกจากนี้ความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของอังกฤษมากกว่า น่าจะเป็นเรื่องของปัญหาหนี้ในยุโรปและปัญหาเงินเฟ้อมากกว่า

 

 

น้ำท่วมกระทบอุตฯ ถ่านหินในควีนส์แลนด์ถึง $1 พันล้าน

 

สภาทรัพยากรควีนส์แลนด์ (QRC) เปิดเผยว่า เหตุน้ำท่วมที่ควีนส์แลนด์ส่งผลกระทบต่อการผลิตของอุตสาหกรรมถ่านหินของรัฐมูลค่าถึง 1,010 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ไมเคิล โร้ช ซีอีโอของ QRC กล่าวว่า เหตุน้ำท่วมนั้นส่งผลกระทบต่อทางรถไฟที่เชื่อมไปยังท่าเรือแกลดสโตน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใจกลางของรัฐควีนส์แลนด์ และกว่าที่การผลิตจะกลับเข้าสู่ภาวะปกตินั้นคงจะต้องมีการดำเนินการอีกมาก โดยเหมืองต่างๆนั้นมีน้ำอยู่มาก และเราจะเจรจากับทางรัฐบาลของรัฐควีนส์แลนด์เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยและการกำจัดน้ำที่ท่วมขัง

 

ซีอีโอกล่าวต่อไปว่า หากเราสามารถฟื้นการผลิตได้เต็มรูปแบบเมื่อไร เราก็จะมีรายได้เข้ามาเร็วเท่านั้น โดยเหมืองหลายแห่งยังอยู่ใต้กระแสน้ำ หากเหมืองตกอยู่ภายใต้น้ำเป็นเวลานานมากขึ้น โอกาสที่จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องความเค็มก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย

 

 

นายกฯ ญี่ปุ่นแถลงนโยบายปี 54

 

นายกรัฐมนตรีนะโอโต คัง ของญี่ปุ่น แถลงนโยบายปี 2554 โดยแสดงความหวังว่าปีใหม่นี้ จะเป็นปีแห่งการเปิดประเทศของญี่ปุ่น ผ่านการค้าเสรี และปฏิรูปนโยบายปกป้องภาคการเกษตรของญี่ปุ่น ผู้นำญี่ปุ่นยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ญี่ปุ่นจะต้องขึ้นภาษีการค้าจากเดิม 5% เป็น 10% รวมทั้งขึ้นภาษีผู้บริโภคเพื่อพยุงฐานะการคลังของประเทศ

 

นอกจากนี้ นาโอโตะ ยังเรียกร้องให้บรรดานักการเมืองมีความสามัคคี เพื่อความเจริญก้าวหน้าของระบบรัฐสภาญี่ปุ่น (และยังได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องของฐานทัพสหรัฐฯว่า เขาจะยึดมั่นในข้อตกลงกับสหรัฐ ที่จะย้ายฐานทัพสหรัฐไปยังพื้นที่ที่มีประชากรอยู่อาศัยน้อยด้วย)

 

 

แนวโน้มเศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวสดใสในปี 2554

 

หนังสือพิมพ์บิซิเนส ไทม์ส รายงานโดยอ้างคำพูดของนายเหลียง ไหว่ โฮ นักเศรษฐศาสตร์จากบาร์คเคลย์ส แคปปิตอล ว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2554 จากภาคบริการและอิเล็คทรอนิกส์ แต่จะมีอัตราเร่งที่ลดลงจากปีที่แล้วบ้าง

 

ด้านกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์คาดว่า ตัวเลขการเติบโตของปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ 14.7%

 

รายงานของฝ่ายวิจัยของธนาคาร BBVA กล่าวว่า หลังจากสิงคโปร์ฟื้นตัวจากวิกฤติการเงินโลกในปี 2552 ก็มีแนวโน้มว่าจะโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารคาดว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์จะเติบโต 5% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ประมาณ 4-6% ของรัฐบาล ในปี 2554

 

นอกจากนี้ ธนาคาร OCBC คาดว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัว 4-5% ในปี 2554 บนสมมติฐานที่ว่า การเติบโตของภาคการผลิตชะลอตัวลงเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียวในปีนี้ ในขณะที่ ดีเอ็มจี รีเสิร์ซ คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 5.6% ในปี 2554

 

 

เกาหลีใต้ประมาณการ GDP/2553 สูงกว่า $1 ล้านล้าน

 

ข้อมูลเบื้องต้นของรัฐบาลเกาหลีใต้ชี้ว่า จีดีพี ปี 2553 คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นรวดเร็วเกินคาด และยังทีการคาดว่าเกาหลีใต้จะสามารถแข่งขันกับออสเตรเลียและเม็กซิโกเพื่อก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 13 หรือ 14 ของโลก จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 15

 

มูลค่าจีดีพีของเกาหลีใต้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่แล้ว ทั้งในรูปสกุลเงินวอนและดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2550 มูลค่าจีดีพีเกาหลีใต้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.05 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม วิกฤตการเงินโลกส่งผลให้สกุลเงินวอนร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และฉุดมูลค่าจีดีพีร่วงลงแตะระดับ 9.31 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2551 และ 8.33 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2552

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5 ม.ค. 54

 

ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

เขียนโดย กอง บก.ออนไลน์

วันพุธที่ 05 มกราคม 2011 เวลา 10:01 น.

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5 ม.ค. 54

 

 

 

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5 ม.ค. 2554 "WTI ร่วง หลังโดดรับปีกระต่าย เหตุนักลงทุนขายทำกำไร"

 

 

 

-ปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลงถึง 2.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 89.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากทำสถิติสูงสุดในรอบ 27 เดือน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจาก

- นักลงทุนเทขายน้ำมัน รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เพื่อทำกำไร หลังจากราคาปรับตัวอยู่ในระดับสูง ประกอบกับได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรหลังจากตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดี เช่น ยอดขายรถในเดือนธ.ค.ที่เพิ่มเป็น12.6 ล้านคันต่อปี ขยายตัว 2.4% จากเดือนพ.ย. หรือคิดเป็นขยายตัว 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานในเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 0.7% มากกว่าที่คาดการณ์ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

- ราคาทองคำลดลง 44.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ โดยปิดที่ 1,378.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนเชื่อว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีน่าลงทุนในระยะยาว เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความกังวลจากปัญหาหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรปและการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

 

+ รายงานของการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2553 เปิดเผยว่าสหรัฐฯยังจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE2) โดยการซื้อคืนตราสารหนี้ 600 พันล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ถึงแม้ว่าดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจออกมาดีขึ้น ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจะหนุนราคาน้ำมัน

+ นักพยากรณ์อากาศส่วนใหญ่คาดว่า อุณหภูมิในสหรัฐฯจะหนาวเย็นกว่าปกติในช่วง 5 วันถัดไป หลังจากนั้นอุณหภูมิจะกลับเข้าสู่ปกติ

+ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับยังคงปรับเพิ่มขึ้น 20.58 จุด ปิดที่ 11,691.33 จุด โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของสหรัฐฯ และยุโรปที่ประกาศออกมาดีอย่างต่อเนื่อง

+ สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) ประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2553 ปรับลดลง 7.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของรอยเตอร์โพล เนื่องด้วยปริมาณการนำเข้าลดลง

 

(หน่วย: ล้านบาร์เรล)

 

API รอยเตอร์โพล

น้ำมันดิบคงคลัง ลดลง 7.5 ลดลง 1.8

น้ำมันเบนซินคงคลัง เพิ่มขึ้น 5.6 เพิ่มขึ้น 0.3

น้ำมันดีเซลคงคลัง เพิ่มขึ้น 2.2 เพิ่มขึ้น 0.4

 

 

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลง 1.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 93.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น 3.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 91.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์:

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ทั้งนี้ยังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัวเนื่องจากโรงกลั่นขนาดใหญ่ในประเทศอินเดียและอินโดนีเซียมีแผนหยุดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2554 รวมทั้งปริมาณความต้องการน้ำมันเบนซินจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และปากีสถาน โดยราคาน้ำมันเบนซินทำสถิติสูงสุดในรอบ 27 เดือน

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่ตึงตัวและปริมาณความต้องการจากจีนที่ยังสูงอย่างต่องเนื่อง ด้วยเหตุว่าปริมาณถ่านหินคงคลังลดลง ซึ่งอาจทำให้ไม่พอเพียงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า จึงทำให้จีนนำเข้าน้ำมันดีเซลในเดือนม.ค. เพื่อป้องกันการขาดแคลนในประเทศ โดยราคาน้ำมันดีเซลทำสถิติสูงสุดในรอบ 27 เดือนเช่นกัน

 

-ทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้น

 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 87- 93 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ติดตามรายงานสถานการณ์การจ้างงาน ดัชนีชี้วัดภาคการบริการ และการประกาศปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ โดยกระทรวงพลังงานที่จะประกาศในคืนนี้ รวมทั้งสภาพอากาศในอเมริกาและยุโรปที่หนาวเย็นกว่าปกติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการน้ำมันดีเซลเพื่อทำความร้อน

 

 

-ปัจจัยที่น่าจับตามอง

• ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันพุธ: รายงานสถานการณ์การจ้างงาน และดัชนีชี้วัดภาคการบริการ

วันพฤหัสฯ: ตัวเลขผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ยอดขายร้านสาขา

วันศุกร์: การจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน

• ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีนว่าจะปรับลดลงหรือไม่ ภายหลังจากที่จีนได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว

• ติดตามสถานการณ์หนี้ในยุโรป หลังไอร์แลนด์รับอนุมัติรับเงินช่วยเหลือจาก EU/IMF แล้ว จับตาดูประเทศโปรตุเกส ซึ่งอาจเป็นรายต่อไปที่จะต้องขอเงินช่วยเหลือ รวมทั้ง มีหลายประเทศในสหภาพยุโรปที่มีความเสี่ยงถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเร็วๆ นี้

• ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพื่อทำความร้อนในช่วงฤดูหนาว โดยคาดว่า การใช้จะปรับสูงขึ้นมาก ในสหรัฐฯ และ ยุโรป ที่พยากรณ์ว่า อากาศในปีนี้จะหนาวเย็นกว่าปกติ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่คะ อ.ทองใหม่ กลับมาได้หลายวันแล้ว แต่ยังไม่ได้แวะมาทักทาย ต้องรีบเคลียร์งานด้วยคะ

วันนี้ได้กราฟแล้ว ไม่ต้องทวงเลย :lol: !thk !thk นะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...