ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ปรับปรุงใหม่---ย้ายเส้นปากถุงมารวมกับกราฟGold1

เส้นปากถุงเส้นกลาง ปรุงปรุงใหม่ สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีแดง ---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง

เส้นปากถุง (BollingerBandsเส้นสีขาวทั้ง๓เส้น(เส้นกลางสีขาวเปลี่ยนเปลี่ยนปรุงปรุงใหม่เป็น สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีแดง---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า

 

เส้นบน---แนวต้าน

เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)เส้นปากถุงเส้นกลาง ปรุงปรุงใหม่ สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีเหลืองอ่อน---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง

เส้นล่าง---แนวหนุน

ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง

ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น

เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ

ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้

ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น

ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้หรือทะลุเส้นบน จงขาย ใกล้หรือทะลุเส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก

ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง

ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่

วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น gold(XAUUSD)หรือset50เป็นต้น

กราฟGold 1

ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ(เส้นปากถุงเส้นกลางที่เปลี่ยนสีได้) หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้

ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา

ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น gold(XAUUSD)หรือset50เป็นต้น

post-237-009512300 1287378880.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม.

 

 

D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น gold(XAUUSD)หรือset50เป็นต้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Fed พร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบท่ามกลางการว่างงานสูง-เงินเฟ้อต่ำ

 

Posted on Monday, October 18, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (ศ. 15 ต.ค. 53)

• ดัชนีราคาผู้บริโภค (ก.ย.) เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้า

• ยอดค้าปลีก (ก.ย.) เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.) อยูที่ระดับ 67.9 จุด

• สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ส.ค.) เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (จ. 18 ต.ค. 53)

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (ก.ย.) โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ

• ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย (ต.ค.) โดยสมาคมผู้รับสร้างบ้านแห่งชาติสหรัฐฯ

 

 

เฟดพร้อมผ่อนคลายทางการเงินท่ามกลางการว่างงานสูง-เงินเฟ้อต่ำ

 

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้น ณ ที่ทำการเฟดสาขาบอสตันเมื่อค่ำของคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยกล่าวว่า อัตราว่างงานที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน และตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อาจทำให้เฟดจำเป็นต้องใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการอัดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล

 

เพราะหากปล่อยให้อัตราว่างงานเอยู่ในระดับสูงนานจะส่งผลกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และหากเงินเฟ้อต่ำเกินไป ก็อาจทำให้สหรัฐเผชิญกับภาวะเงินฝืด โดยขณะนี้ ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย

 

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเฟดต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหม่นี้ควรจะใช้วงเงินเท่าใด

 

การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งล่าสุดของเบอร์นันเก้มีใจความสอดคล้องกับรายงานการประชุมรายงานการประชุมประจำวัน 21 ก.ย. ซึ่งระบุว่า เฟดมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหากจำเป็น และสอดคล้องกับที่เบอร์นันเก้กล่าวปาฐกถาในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโร้ดไอร์แลนด์เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้ประโยชน์หากเฟดตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีกครั้ง

 

การแสดงความคิดของเบอร์นันเก้ในช่วงหลังๆ นั้น ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า เฟดจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.นี้

 

 

เก็งข่าวดีตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมจากเฟดสัปดาห์นี้

 

นักลงทุนให้น้ำหนักกับข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจอัดฉีดเงินผ่านตลาดพันธบัตร จนส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดครั้งใหม่

 

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนหลายคนอาจต้องการพิสูจน์ความร้อนแรงของตลาดหุ้นอีกครั้ง หลังจากที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 12% นับตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคม ผนวกกับท่าทีของประธานเฟด ที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นาย Ben Bernanke แย้มออกมาว่าอาจจำเป็นต้องดำเนินมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อเห็นตัวเลขเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควร ขณะที่อัตราการว่างงานก็สูงเกินไป

 

มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญๆ ที่จ่อรอการประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนการเริ่มก่อสร้างบ้านและตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จำนวนบ้านที่เริ่มลงมือก่อสร้างในเดือนกันยายนอาจลดลงราว 3% หากเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับยอดการยึดจำนองที่ขยับเพิ่มขึ้น และยอดขายบ้านที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

 

อย่างไรก็ดี ความหวังน่าจะฝากไว้กับภาคการผลิต ที่นักลงทุนเก็งว่าตัวเลขจากเฟด อย่าง ผลผลิตอุตสาหกรรม อาจปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่สอง เมื่อผู้ประกอบการต่างๆ เริ่มขยายวงเงินใช้จ่ายทางธุรกิจและมั่นใจมากขึ้นภายหลังจากที่เห็นสภาวะเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลกที่แสดงความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดก็ทำให้ภาคการผลิตดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหนนี้

 

 

สหรัฐฯ ขาดดุลงบฯ เกิน 1 ล้านล้านเหรียญเป็นปีที่สอง

 

ยอดขาดดุลงบประมาณประจำปี 2553 ของสหรัฐปรับตัวลดลงจากปีก่อน แต่ตัวเลขขาดดุลยังอยู่สูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นปีที่สองติดต่อกัน

 

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณประจำปี 2553 (สิ้นสุด ณ 30 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 8.6% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2552 (ที่ 1.42 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)

 

แถลงการณ์ของนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐที่ระบุว่า การใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อยับยั้งกระแสตื่นตระหนกในตลาดเงินมีส่วนสำคัญในการช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ขณะที่รายได้การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ปรับตัวสูงขึ้นช่วยลดยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐได้ส่วนหนึ่ง

 

แต่ถึงกระนั้น สหรัฐยังต้องอาศัยเวลาอีกนานในการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้ปัญหาขาดดุลงบประมาณในระยะยาว

 

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของยอดขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพี ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.9% จากระดับ 10.0% ในปีงบการเงินก่อนหน้านี้

 

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณประจำปี 2554 ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. 2553 จะยังคงอยู่เหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว สหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณทั้งสิ้น 34,490 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติขาดดุลต่อเนื่องนานเป็นประวัติการณ์ถึง 24 เดือน

 

 

ยูโรสแตทเผยเงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.8%

 

สำนักงานสถิติสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อกลุ่มยูโรโซน (16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.8% ในเดือนก.ย. สูงสุดในรอบ 22 เดือน แต่ยังต่ำกว่าเพดาน 2% ที่ ECB กำหนดไว้

 

ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนพลังงาน-อาหารที่ปรับตัวขึ้น โดยต้นทุนด้านพลังงานพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบปีนี้ที่ 4.1% / ต้นทุนราคาอาหารเพิ่มขึ้น 1.2%

 

ส่วนอัตราเงินเฟ้อของสหภาพยุโรป (27 ประเทศสมาชิก) อยู่ที่ระดับ 2.2% ในเดือนก.ย. โดยไอร์แลนด์มีเงินเฟ้อที่ระดับต่ำสุดที่ 1% ขณะที่เงินเฟ้อในโรมาเนียสูงสุดที่ 7.7%

 

นักวิเคราะห์คาดว่า เงินเฟ้อในกลุ่มยูโรโซนที่ขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายอาจทำให้ ECB ยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1% ไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อหนุนเศรษฐกิจยุโรปให้ฟื้นตัวขึ้น

 

 

ยอดขาดดุลการค้าในยูโรโซนแตะระดับ 6 พันล้านเหรียญ

 

ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของกลุ่มยูโรโซน (16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร) อยู่ที่ระดับ 4,300 ล้านยูโร (6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค.

 

ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของกลุ่มยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1% ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 1.8% ซึ่งส่งผลให้ยูโรโซนมียอดขาดดุลการค้าในเดือนส.ค.

 

ส่วนยอดขาดดุลการค้าของสหภาพยุโรป (27 ประเทศสมาชิก) อยู่ที่ระดับ 17,300 ล้านยูโร (2.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค. มากกว่าเดือนก่อนหน้า โดยยอดการส่งออกเดือนส.ค.ของอียูลดลง 0.1% ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.3%

 

ในช่วง 7 เดือนแรกของปี มูลค่าการค้าระหว่างอียู-คู่ค้าหลักขยายตัวขึ้น โดยอียูส่งออกสินค้าไปยังบราซิล จีน และตุรกี มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

 

 

ผู้เชี่ยวชาญจีนเตือนปัญหาสภาพคล่อง-ต้นทุนแรงงานกระทบเศรษฐกิจ

 

นายลู่ ฉีเจิน รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน คาดการณ์ว่า จีดีพีของจีนจะขยายตัว 9% ในปีหน้า

 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจอาจจะเผชิญปัญหาท้าทายหลายด้าน รวมถึงต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น ปัญหาด้านสภาพคล่อง และความยากลำบากในการพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืนในระยะยาว

 

ส่วนตัวเลขจีดีพีในปีนี้นั้น นายหลี่คาดว่าจะขยายตัวราว 10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจีนชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

นอกจากนี้ นายหลี่คาดว่า ยอดการส่งออกและอัตราการลงทุนของจีนในปีหน้าจะขยายตัวได้ดีกว่าในปีนี้ แต่อัตราการอุปโภคบริโภคในปีหน้าจะขยายตัวช้ากว่าในปีนี้

 

นายหลี่กล่าวว่า "แม้รัฐบาลพยายามพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน แต่เศรษฐกิจจีนอาจจะเผชิญกับปัญหาท้าทายใหญ่ๆ 2 ปัญหาในระยะยาว โดยปัญหาแรกคือต้นทุนแรงงานที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทจีนพยายามแข่งขันกันด้วยการเพิ่มค่าแรงให้กับคนงาน

 

ส่วนอีกปัญหาหนึ่งคือสภาพคล่อง เนื่องจากจีนกำลังถูกกดดันจากนานาประเทศให้ปรับขึ้นค่าเงินหยวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศความพร้อมว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของสภาพคล่องในระบบการเงินของสหรัฐ"

 

 

ฟอร์ดเล็งขายหุ้นในมาสด้า

 

ฟอร์ด มอเตอร์ เตรียมขายหุ้นใน มาสด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่

 

แหล่งข่าวระบุว่า ฟอร์ด ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐอาจลดสัดส่วนการถือครองหุ้นที่มีอยู่ 11% ในมาสด้า ลงเหลือ 3% หรือต่ำกว่านั้น หลังจากที่ฟอร์ดมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในมาสด้ามาตั้งแต่ปี 2522

 

อย่างไรก็ตาม มาสด้าปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อข่าวข้างต้น โดยระบุแต่เพียงว่ารายงานข่าวที่ออกมาเป็นเพียงการคาดเดาของสื่อเท่านั้น ซึ่งทางมาสด้าระบุว่าทั้งสองบริษัทยังคงเป็นหุ้นส่วนทางกลยุทธ์ที่ใกล้ชิดและไม่มีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์

 

ทั้งนี้ หุ้นของมาสด้าที่ฟอร์ดถือครองอยู่นั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 195 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 42,000 ล้านเยน อ้างอิงจากราคาปิดที่ตลาดหุ้นโตเกียวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

ปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต่างเร่งกระตุ้นการดำเนินธุรกิจในจีนและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางตลาดโลก

 

ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในการพัฒนารถไฮบริดจ์และรถประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด

ถูกแก้ไข โดย ทองใหม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เสนอเก็บภาษีหุ้นสกัดบาทแข็ง

 

Posted on Monday, October 18, 2010

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บอกถึงการดูแลปัญหาเงินบาทแข็งค่าของรัฐบาลว่า มาตรการที่ออกมายังไม่แรงพอ ดังนั้นจึงเสนอให้มีการเก็บภาษีจากกลุ่มทุนต่างประเทศ ที่นำเงินเข้าและออกจากตลาดทุน เพราะมีการนำเงินเข้ามาเก็งกำไร ทำให้เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งจะช่วยชะลอการไหลเข้าออกของเงินดอลลาร์สหรัฐได้

 

แม้ว่าวิธีนี้จะกระทบกับตลาดหุ้นไทยบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นเสียหายมากนัก โดยการคิดอัตราภาษีนั้น อาจเก็บเป็นขั้นบันได โดยเริ่มเก็บที่ 0.5% ตามปริมาณเงินที่เข้าตลาดหุ้น ในอัตราที่เหมาะสม ส่วนจะเก็บเท่าใดนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย คงต้องพิจารณาอีกครั้ง

 

นายพรศิลป์ บอกด้วยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายเล็ก (SMEs) ได้รับผลกระทบมาก ซึ่งบางรายหากปล่อยไว้ 1-2 เดือน อาจต้องปิดกิจการ จึงต้องการให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน เบื้องต้นอาจตั้งกองทุนช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหาย คล้ายกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว คิดดอกเบี้ยถูกระยะยาวในอัตราที่อาจต่ำกว่า 1%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 18 ต.ค. 53 (ภาคเช้า)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2553 12:19:25 น.

กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงเช้าทรงตัวในกรอบ 1,355-1,360 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ หลังจากปรับตัวร่วงลงหนักในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงท้ายสัปดาห์ปรับตัวดีขึ้นทั้งตัวเลขด้านการค้าปลีกและกิจกรรมภาคการผลิต ประกอบกับการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน FED ยังคงไม่มีสัญญาณใหม่ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์เริ่มปรับแข็งค่าอีกครั้ง ขณะเงินบาทช่วงเช้าปรับอ่อนค่ามาใกล้ระดับ 29.88 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ SPDR รายงานการขายทองออก 2.43 ตัน ทำให้มีการถือครองที่ระดับ 1,301.91 ตัน โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม (GFV10) เปิดตลาดปรับตัวลดลง 190 บาทจากช่วงปิดตลาดวันศุกร์ (15 ต.ค. 53) โดยเปิดที่ระดับราคา 19,340 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 19,150 บาท ราคาเสนอขาย 19,250 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ราคาที่ปรับย่อเนื่องจากตลาดเริ่มไม่แน่ใจในแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐว่าจะออกมาในแนวทางใด และทำให้เริ่มมีแรงซื้อดอลล่าร์กลับ แต่เรายังคงคาดว่าในช่วงก่อนหน้าการประชุม FOMC ครั้งหน้าในช่วงวันที่ 2-3 พ.ย. นี้จะยังมีการเก็งกำไรในราคาทองอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้ราคาทองคำผัวผวนในกรอบสูงไปอีกระยะ ขณะการลงทุนในทองคำล่วงหน้าในสัญญาสิ้นสุดเดือนตุลาคม เริ่มเหลืออายุของสัญญาค่อนข้างน้อย นักลงทุนที่เปิดสถานะใหม่อาจจะเริ่มขยับไปทำการซื้อขายในสัญญาสิ้นสุดเดือนธันวาคม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Home Breaking News ข่าวในประเทศ คืนนี้ น้ำประปาบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในไม่ไหล

คืนนี้ น้ำประปาบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในไม่ไหล

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2010 เวลา 11:56 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

ด้วย การประปานครหลวง (กปน.) จะทำการหยุดผลิตและสูบจ่ายน้ำประปา จากโรงงานผลิตน้ำสามเสนทั้งหมด เพื่อให้การไฟฟ้านครหลวงปรับปรุงระบบไฟฟ้า ในคืนวันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 23.00-05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ในระหว่างดำเนินการส่งผลให้น้ำไม่ไหลบริเวณกรุงเทพฯ ชั้นใน ในพื้นที่ดังต่อไปนี้:- • ถนนสวรรคโลก ถนนพิษณุโลก ถนนนครสวรรค์ ถนนบำรุงเมือง

• ถนนพระสุเมรุ ถนนสามเสน ถนนพระราม 6 ซอยอารี ถนนประดิพัทธ์

• ถนนราชวิถี ถนนโยธี ถนนพญาไท ถนนศรีอยุธยา ถนนราชปรารภ ถนนทหาร

• อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนโยธี ถนนพญาไท ถนนพระราม 1 ถนนสุโขทัย

• และ ถนนนครไชยศรี

 

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และได้โปรดสำรองน้ำประปาไว้ใช้ล่วงหน้าในช่วงวันและเวลาดังกล่าว หากประสบข้อขัดข้อง กรุณาแจ้ง “ ศูนย์บริการประชาชน ” โทร. 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Home Breaking News ข่าวในประเทศ ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน18ต.ค.2553

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน18ต.ค.2553

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2010 เวลา 10:14 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน18ต.ค.2553

 

 

 

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 18 ต.ค. 2553 "WTI ร่วงต่อ นักลงทุนไม่เชื่อมั่นแม้เฟดย้ำออกมาตรการเพิ่มเติมแน่"

 

 

 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลง 1.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 81.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจาก

 

 

 

+ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายเบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาว่า การประชุมที่จะมาถึงในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯจะออกมาตรการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบเพิ่มเติมอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดน้ำมันตอบรับข่าวดีดังกล่าวและราคาน้ำมันได้ดีดตัวขึ้นในช่วงต้นของการซื้อขาย

- อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับเริ่มมีคำถามมากขึ้นเกี่ยวกับขนาดของมาตรการ รวมทั้งระยะเวลาที่ธนาคารกลางจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวนั้น นายเบน เบอร์นันเก้ ยังไม่ได้ให้คำตอบที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ทำให้นักลงทุนในตลาดเริ่มมีความไม่มั่นใจและตัดสินใจเทขายเพื่อทำกำไร ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงและกลับไปอยู่ในแดนลบในช่วงปิดตลาด

 

 

+ ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯต่อเงินยูโร แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า แต่ก็ถือได้ว่ายังเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบกว่า 8 เดือน และได้อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดของปี เมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน

-/+ ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในเดือน ต.ค. อยู่ที่ 67.9 ปรับลดลงไปอยู่ระดับต่ำสุดนับจากเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยอดขายปลีกออกมาปรับเพิ่มขึ้น 0.6% มากกว่าคาดการณ์ และ ดัชนีชีวัดภาคการผลิตของรัฐนิวยอร์กในเดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 15.73 เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่สูงขึ้น

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 1.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 82.45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลง 0.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 80.64 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

 

ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์:

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เอย่างไรก็ตามตลาดเอเชียยังคงได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินในยุโรปซึ่งปรับสูงขึ้น จากผลกระทบของเหุตประท้วงที่ยืดเยื้อในฝรั่งเศส ส่งผลให้มีการลดกำลังการผลิตและปิดท่าเรือขนส่งน้ำมันที่สำคัญ

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายในตลาดกลับเป็นไปอย่างคึกคัก และจากสถานการณ์การประท้วงที่โรงกลั่นฝรั่งเศส ส่งผลให้มีความต้องการน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจากทวีปยุโรป

 

- ทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้น

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 80-85 เหรียญสหรัฐฯ ติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสถานการณ์ตลาดบ้านจากตัวเลขดัชนีตลาดบ้านที่จะประกาศในคืนนี้

 

- ปัจจัยที่น่าจับตามอง

• ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่

วันจันทร์ : ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และ ดัชนีตลาดบ้าน

วันอังคาร : ยอดการขอสร้างบ้านใหม่

วันพุธ : Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาต่างๆ

วันพฤหัสบดี : ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐฟิลาเดลเฟีย

วันศุกร์ :-

• การประการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ไตรมาส 3/53 โดยที่สำคัญเช่น บริษัท แอปเปิล, ซิตี้กรุ๊ป, ไอบีเอ็ม, แบงค์ออฟอเมริกา,ยาฮู, มอร์แกน สแตนลีย์ และ อเมซอน

• ธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมตัวที่จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบระลอก 2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่ให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจช้าลงไปกว่านี้ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย. นี้

• การประท้วงของคนงานท่าขนส่งน้ำมันหลักของฝรั่งเศสที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. ซึ่งถ้ายังคงยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมัน 12 แห่ง ในฝรั่งเศส (กำลังการผลิตรวมกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน) อาจจะต้องหยุดการผลิต และติดตามการประท้วงทั่วประเทศที่จะมีการนัดชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 19 ต.ค. นี้ เกี่ยวกับแผนปฏิรูประบบบำนาญที่รัฐบาลจะเลื่อนอายุการเกษียร จาก 60 ปี เป็น 62 ปี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ อ.ทองใหม่ครับได้ความรู้และแนวทางเพิ่มขึ้อีกเยอะเลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วายแอลจี ชี้ทิศทางราคาทองคำสัปดาห์นี้เคลื่อนไหว 1,326-1,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2553 12:45:37 น.

 

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--PRdd

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลักจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 21 ก.ย.ของเฟดที่ ระบุว่า เฟดมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมาย

 

ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดว่า เฟดจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ มากยิ่งขึ้น โดยรายงานดังกล่าวก็สอดคล้องกับถ้อยแถลงของเบอร์นันเก้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เฟดพร้อมใช้มาตรการผ่อนคลายเนื่องจากอัตราว่างงานคงอยู่ในระดับสูงและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำและได้หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 21.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ราคาทองคำถูกกดดันในช่วงท้ายของสัปดาห์จากการแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลดอลลาร์ ภายหลังมีการรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ขยายตัวต่อเนื่องในเดือนก.ย.โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% จาก 0.7% ในเดือน ก.ค.ก่อนหน้านี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% รวมทั้ง Empire State Manufacturing Index ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายจาก 7.1จุด เป็น 15.7 จุด จากก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ระดับ 4.1จุด นอกจากนี้ดอลลาร์ได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากการที่นักลงทุนมองว่าดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงมากเกินไปในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ตลาดก็ยังคาดว่าดอลลาร์จะไม่สามารถแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ เนื่องจากยังคงมีกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการที่สหรัฐจะใช้นโยบาย ผ่อนคลายทางการเงินต่อไป อย่างไรก็ตามทางวายแอลจี มองว่าหากความชัดเจนของมาตรการยังไม่ออกมา การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์หรือการอ่อนตัวลงของทองคำก็ยังมีข้อจำกัดอยู่

 

ทางวายแอลจีมองว่าในระยะกลางทองคำยังคงเป็นขาขึ้นอยู่ แม้ในระยะสั้นนี้ยังถูกกดดันจากแรงขายทำกำไร ดังนั้นแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบตั้งรับคือให้รอซื้อจังหวะราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญๆ บวกกับราคามีการตั้งฐานราคาที่แข็งแกร่งเท่านั้นและให้นักลงทุน STOP LOSS ทันทีเมื่อราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญๆลงไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการ PANIC SELL หลังจากราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมามากแล้ว ในขณะที่การพักฐานของราคายังคงมีน้อยอยู่ สำหรับแนวรับแนวต้านที่สำคัญในสัปดาห์นี้ให้ไว้ดังตารางที่ 1

 

ตาราง 1: สรุปแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญในสัปดาห์นี้

แนวรับ2 แนวรับ1 แนวต้าน1 แนวต้าน2

1,326 1,340 1,365 1,385

ที่มา : YLG Bullion & Futures

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...