ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เป้าหมาย2ถึงแล้วครับท่าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิชาการเชื่อจีนจำเป็นต้องซับสภาพคล่องออกจากระบบ

 

Posted on Tuesday, December 14, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อ. 14 ธ.ค. 2553)

• ดัชนีราคาผู้ผลิต (พ.ย.) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• ยอดค้าปลีก (พ.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ต.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

 

นักวิชาการเชื่อจีนจำเป็นต้องซับสภาพคล่องออกจากระบบ

 

ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งนับเป็นการเพิ่มเพดานสำรองครั้งที่ 3 ในเดือนนี้ เพื่อเป้าหมายที่จะควบคุมผลกระทบที่เกิดจากการปล่อยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก จนส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

การประกาศครั้งล่าสุดจะทำให้สัดส่วนการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็น 18.5%

 

กัว เตียนหยง อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Central University of Finance and Economics กล่าวว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่และยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเกินคาด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้จีนต้องเร่งดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบทันที

 

ข้อมูลของธนาคารกลางจีนระบุว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ในเดือนพ.ย.มีอยู่มากถึง 5.64 แสนล้านหยวน และยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ตลอดปี 2553 อาจสูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน

 

อาจารย์กัวยังกล่าวด้วยว่า สภาพคล่องส่วนเกินและภาวะเงินเฟ้อสะท้อนให้เห็นได้จากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวอย่างร้อนแรง โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองขนาดใหญ่ของจีนพุ่งขึ้น 7.7% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดการส่งออกทะยานขึ้นเกินความคาดหมาย

 

นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง (QE2) ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาวะเงินเฟ้อในจีนเพิ่มขึ้นด้วย

 

หยิน เจียนเฟิง นักวิจัยจากสถาบันสังคมศาสตร์ของจีน กล่าวว่า การเพิ่มเพดานกันสำรองครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนได้ปรับนโยบายการเงินให้คืนสู่สภาวะปกติ จากที่เคยใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานั้นจีนนำนโยบายดังกล่าวมาใช้เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินโลก

 

แม้ธนาคารกลางจีนยกระดับการบริหารจัดการสภาพคล่อง แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การตัดสินใจเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องแทนการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีนมีท่าทีระมัดระวังในเรื่องการรับมือกับสภาวะต่างๆทางเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลกังวลว่าการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไปอาจจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจได้

 

เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตรา 9.6% ต่อปีในไตรมาส 3 ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ดีถึง 10.3% และไตรมาสแรกที่ 11.9% แม้ภาคการผลิตของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม

 

หยาง เสิ่นตี นักวิเคราะห์จากบริษัทเซียงไค ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า การเพิ่มเพดานสำรองสภาพคล่องถือเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบโดยไม่ทำให้มีเม็ดเงินเก็งกำไรทะลักเข้าประเทศเหมือนกับการขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ นายหยางคาดว่าธนาคารกลางจีนจะเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องอีกในปี 2554

 

ขณะที่หลู ติง นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา-เมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า แม้ธนาคารกลางจีนเล็งเห็นความจำเป็นในการควบคุมเงินเฟ้อ แต่ธนาคารกลางจะไม่ยอมขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือ ใช้มาตรการระงับการปล่อยเงินกู้

 

อย่างไรก็ดี นายกู ฮงบิน นักวิเคราะห์จากเอเชีย อีโคโนมิค รีเสิร์ช กล่าวว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับปานกลางถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรับมือกับวิกฤตเงินเฟ้อ เรายังเชื่อว่าจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเร็วๆนี้"

 

 

ทำเนียบขาวย้ำ “โอบามา” ยังได้รับการสนับสนุนจากเดโมแครต

 

เดวิด แอกเซลรอด ผู้ช่วยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโอบามายังได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคเดโมแครต ถึงแม้หลายคนจะไม่พอใจต่อข้อตกลงขยายโครงการลดหย่อนภาษี

 

พร้อมระบุว่า เขายังไม่เห็นว่าจะมีใครมาเป็นคู่แข่งของโอบามาในการแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคฯ เพื่อไปลงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2556

 

นายแอกเซลรอดกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า "โดยส่วนตัวเค้าไม่สามารถคาดได้ เพราะใครๆ ก็สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ แต่นายแอกเซลรอดเห็นการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากสมาชิกพรรคเดโมแครต โดยทุกคนเข้าใจว่าโอบามาต่อสู้เต็มที่ และมีความพยายามในการผลักดันประเทศนี้ไปข้างหน้า รวมทั้งเข้าใจว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว"

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามากำลังเผชิญกับการต่อต้านจากสมาชิกพรรคฯ หลังจากที่เขาให้ความร่วมมือในโครงการลดหย่อนภาษีกับพรรคลีพับลิกัน โดยข้อตกลงดังกล่าวได้ขยายระยะเวลากฎหมายลดหย่อนภาษีของอดีดประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งกำลังจะหมดอายุลงออกไปอีกเป็นเวลา 2 ปี และขยายเวลาการให้สวัสดิการแก่ผู้ว่างงานฉุกเฉินออกไปจนถึงปี 2554

 

กรอบข้อตกลงดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดหย่อนภาษีให้แก่ชาวอเมริกันที่มีรายได้สูง ได้ถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนักจากแกนนำพรรคเดโมแครตในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยหลายคนเชื่อว่าโอบามาไม่ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่และประนีประนอมกับพรรคลีพับลิกันเร็วเกินไป

 

ทั้งนี้ นายแอกเซลรอดกล่าวแสดงความเห็นต่อโอบามาว่า "ประธานาธิดีโอบามายังเป็นประธานาธิบดีคนเดิม เขาเป็นผู้ที่พยายามจะแก้ปัญหาให้ชาวอเมริกัน"

 

 

ผู้ค้าปลีกของอังกฤษช่วงปลายปีจะไม่แย่ไปกว่าปีที่แล้ว

 

ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกของอังกฤษส่วนใหญ่เชื่อว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้จะไม่เลวร้ายไปกว่าเมื่อปีที่แล้ว ทั้งที่มีแรงกดดันทางการเงินตลอดทั้งปีที่ผ่านมาและเกิดพายุหิมะรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้

 

สมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งอังกฤษ (BRC) ซึ่งสอบถามความคิดเห็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ 17 ราย พบว่า เกือบ 2 ใน 3 คาดว่า ยอดจำหน่ายสินค้าในช่วงคริสต์มาสนี้จะเท่ากับหรือดีกว่าปีที่แล้ว โดย 35% คิดว่า คริสต์มาสปีนี้จะคึกคักกว่าปี 2552 ส่วน 29% คาดว่า อาจจะพอ ๆ กับปีที่แล้ว ขณะที่ 36% คิดว่า คริสต์มาสปีนี้จะเลวร้ายกว่าปีที่แล้ว

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นยังพบว่า 71% ของผู้ค้าปลีกคิดว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ในวันที่ 4 ม.ค. 2554 นี้ จะทำให้ผู้บริโภครีบซื้อสินค้าไว้ก่อน และกว่า 8 ใน 10 คาดว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอาจส่งผลลบต่อการจำหน่ายสินค้าในเดือนมกราคมปีหน้า

 

นายสตีเฟน โรเบิร์ตสัน ประธานสมาคมบีอาร์ซี เปิดเผยว่า ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่เชื่อว่า ยอดจำหน่ายสินค้าในช่วงคริสต์มาสนี้จะพอ ๆ กับปีที่แล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่ 3.2% ในขณะนี้จะพบว่า มูลค่ายอดค้าปลีกและค้าส่งทั้งประเทศที่แท้จริงจะลดลง

 

และนอกเหนือจากสภาพอากาศอันเลวร้ายแล้ว ผู้ค้าปลีกของอังกฤษยังวิตกกังวลว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มและการตัดลดค่าใช้จ่ายภาครัฐจะส่งผลกระทบต่อความต้องการของผู้บริโภค

 

 

Airbus ปรับเพิ่มมุมมองธุรกิจ เล็งดีมานด์จากตลาดเกิดใหม่

 

จากข่าวดีตัวเลขเศรษฐกิจในระยะหลัง ทำให้ผู้บริหารของหลายบริษัทต่างมั่นใจถึงอานิสงส์ที่จะมีต่อกิจการของตน ซึ่งมุมมองทางด้านบวกเช่นนี้ก็รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่จากยุโรปด้วย

 

บริษัท Airbus ระบุในแถลงข่าวว่า มีมุมมองในด้านดีมากขึ้นสำหรับแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจการบิน เมื่อเทียบกับการประเมินในปีที่ผ่านมา พร้อมกันนั้นยังได้ประเมินด้วยว่า เหล่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อเครื่องบินที่รองรับผู้โดยสารได้รวมๆ กันถึงเกือบ 26,000 คนในระยะ 20 ปีข้างหน้า

 

เจ้าแห่งการผลิตนกยักษ์สัญชาติฝรั่งเศสรายนี้ ปรับเพิ่มระดับการคาดการณ์จำนวนเครื่องบินที่ตนจะขายได้ สูงกว่าการประเมินเมื่อปีที่แล้วถึงกว่า 900 ลำ โดยที่ดีมานด์ที่จะมีเข้าส่วนใหญ่ในช่วงสองทศวรรษหน้า ทาง Airbus ก็เล็งว่าน่าจะเป็นเครื่องบินรุ่นที่มีห้องโดยสารประเภทหนึ่งช่องทางเดิน ซึ่งในการนี้บริษัทก็ได้จัดเครื่องรุ่น A320 ไว้รองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเกิดขึ้นแล้ว

 

นาย John Leahy หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารงานปฏิบัติการ (COO) บอกว่า การฟื้นตัวของธุรกิจเกิดขึ้นดีเกินคาด ขณะเดียวกับที่ความยืดหยุ่นภายในอุตสาหกรรมเองก็ช่วยรองรับแรงกระแทกในช่วงธุรกิจขาลงได้เป็นอย่างดี นอกจากความต้องการในการเดินทางของผู้คนที่มีเพิ่มขึ้น

 

Airbus ประเมินว่า ความต้องการเครื่องบินประเภทบรรทุกผู้โดยสารที่จะมีมากขึ้นในช่วง 20 ปีข้างหน้า นั้น เครื่องจำนวน 10,000 ลำจะถูกนำไปทดแทนเครื่องรุ่นเก่าและมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่า ขณะที่อีก 15,000 ลำจะเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการให้ธุรกิจขยายตัว

บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายนี้ยังเชื่อด้วยว่า ประเทศตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่จะเป็นตัวกระตุ้นการฟื้นตัวของธุรกิจการบินในอนาคต เมื่อเห็นความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้

 

 

OECD เผยการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ทั่วโลกมีเพิ่มขึ้น

 

องค์การความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา ระบุการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ทั่วโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้น

 

องค์การเพื่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) เผยมูลค่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั่วโลกในปี 2550 มีมูลค่าถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ที่มีมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะบทลงโทษเบาเกินไป ขาดการควบคุมอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ผู้ที่ชื่นชอบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมากพากันหันมาสั่งซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางอินเทอร์เน็ต เพราะทั้งสะดวกสบาย และไม่เสี่ยงต่อการถูกจับกุม โดยสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตในจีน

 

 

จีนคาดการผลิตเหล็กดิบชะลอตัวปีหน้า

 

หยาว ซีปิง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ไมน์เมทัลส์ เดเวลล็อปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของผลผลิตเหล็กดิบของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงหลายปีข้างหน้า เนื่องจากรัฐบาลยังคงใช้นโยบายในการควบคุมด้านพลังงานในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก

 

พร้อมกับคาดการณ์ว่า เป้าหมายในการประหยัดพลังงานและการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงจะยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตเหล็กดิบในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า และผลผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กก็อาจจะได้รับผลกระทบในปีต่อๆไป เนื่องจากรัฐบาลคุมเข้มนโยบายที่เกี่ยวข้อง

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลผลิตเหล็กดิบของจีนอ่อนตัวลงมาแล้ว 5 ครั้งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ทางการได้สั่งให้โรงงานเหล็กใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสม

 

ข้อมูลล่าสุดที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนได้เปิดเผยชี้ให้เห็นว่า ผลผลิตเหล็กดิบร่วงลง 0.3% แตะ 50.17 ล้านตันในเดือนพ.ย. จากระดับเดือนต.ค.ที่ 50.3 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตทั้งหมดในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. เพิ่มขึ้น 10.1% ต่อปี แตะ 577.3 ล้านตัน

 

นายหยาวคาดการณ์ว่า ผลผลิตเหล็กดิบตลอดทั้งปีในปีนี้จะอยู่ที่ 625 ล้านตัน ซึ่งขยายตัวขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตเหล็กที่ชะลอตัวลง แต่นายหยาวก็ยังมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับการส่งออกเหล็ก โดยคาดว่ายอดการส่งออกสินแร่เหล็กและเหล็กกล้าอาจจะฟื้นตัวพร้อมๆกับเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวขึ้น

 

สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กพุ่งขึ้นถึง 87% ต่อปี แตะ 39.70 ล้านตันในเดือนม.ค.-พ.ย.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

14 Dec 07:28 AM

ตลาดอนุพันธ์

Gold Futures Today (14/12/10)

 

Email PDF (190kb) Research by: Mayuree Chowvikran

 

 

 

ราคาทองคำส่งมอบทันที ตลาดลอนดอน วานนี้ฟื้นตัวขึ้นทะลุ US$1,390 มาปิดที่ US$1,392.99/ounce เพิ่มขึ้น US$9.84 หรือ 0.7% เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร และความต้องการซื้อทองคำ เพื่อการลงทุนและเป็นเครื่องประดับมีมากขึ้น ผลักดันราคาทองคำทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

ด้านเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ Onshore วานนี้ปิด 30.05 บาท/US$ ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้สุทธิ ย่อมกดดันค่าเงินบาททั้งทางตรงและทางอ้อมก็ตาม

 

การซื้อขาย SPDR Gold Trust Fund วานนี้ปิดที่ 1,289.83 ตัน ทรงตัวเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ จากตลอด 4 วันทำการก่อนหน้าปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

 

มุมมองต่อราคาทองคำส่งมอบทันที ตลาดลอนดอนช่วงสั้นนี้ KimEng เชื่อว่าแนวต้านหลัก US$1,400 ยังคงต้องใช้เวลาในการสร้างฐานอีกระยะหนึ่ง การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เพียงด้านเดียว อาจไม่เพียงพอต่อการผลักดันราคาทองคำได้ในช่วงสั้นนี้ ทั้งนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการประชุมเฟดในคืนนี้ หากเฟดส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจ พร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระดับต่ำ ย่อมกดดัน Upside ของราคาทองคำในตลาดโลกเช่นกัน

 

นอกจากนี้ทิศทางค่าเงินบาทไทยเป็นลักษณะแข็งค่า เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ย่อมกดดันราคาทองคำภายในประเทศเช่นกัน

 

ประเมินกรอบ

 

1. GFZ10: 19,850 -20,000 บาท

 

2. GFG11: 19,950 – 20,100 บาท

 

กลยุทธ์วันนี้

 

1. ผู้ถือสถานะ Long ใน GFZ10/ GF10Z10 : ควรปิดสถานะบริเวณ 20,000 +/- และถือเงินสด

 

2. ผู้ถือสถานะ Short ใน GFZ10/ GF10Z10 : ควรถือสถานะ เพื่อรอปิดบริเวณ 19,850 บาทหรือต่ำกว่า

 

3. ผู้ที่ไม่มีสถานะ: แนะนำให้เปิดสถานะ Short ใน GFG11/GF10G11 บริเวณ 20,050 บาท

 

Turning Point:

 

1. GFZ10 / GF10Z10 > 20,050 บาทปิด Short

 

2. GFG11 / GF10G11> 20,100 บาท ปิด Short

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิชาการเชื่อจีนจำเป็นต้องซับสภาพคล่องออกจากระบบ

 

Posted on Tuesday, December 14, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อ. 14 ธ.ค. 2553)

• ดัชนีราคาผู้ผลิต (พ.ย.) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• ยอดค้าปลีก (พ.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ต.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

 

นักวิชาการเชื่อจีนจำเป็นต้องซับสภาพคล่องออกจากระบบ

 

ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งนับเป็นการเพิ่มเพดานสำรองครั้งที่ 3 ในเดือนนี้ เพื่อเป้าหมายที่จะควบคุมผลกระทบที่เกิดจากการปล่อยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก จนส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

การประกาศครั้งล่าสุดจะทำให้สัดส่วนการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็น 18.5%

 

กัว เตียนหยง อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Central University of Finance and Economics กล่าวว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่และยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเกินคาด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้จีนต้องเร่งดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบทันที

 

ข้อมูลของธนาคารกลางจีนระบุว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ในเดือนพ.ย.มีอยู่มากถึง 5.64 แสนล้านหยวน และยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ตลอดปี 2553 อาจสูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน

 

อาจารย์กัวยังกล่าวด้วยว่า สภาพคล่องส่วนเกินและภาวะเงินเฟ้อสะท้อนให้เห็นได้จากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวอย่างร้อนแรง โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองขนาดใหญ่ของจีนพุ่งขึ้น 7.7% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดการส่งออกทะยานขึ้นเกินความคาดหมาย

 

นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง (QE2) ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาวะเงินเฟ้อในจีนเพิ่มขึ้นด้วย

 

หยิน เจียนเฟิง นักวิจัยจากสถาบันสังคมศาสตร์ของจีน กล่าวว่า การเพิ่มเพดานกันสำรองครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนได้ปรับนโยบายการเงินให้คืนสู่สภาวะปกติ จากที่เคยใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานั้นจีนนำนโยบายดังกล่าวมาใช้เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินโลก

 

แม้ธนาคารกลางจีนยกระดับการบริหารจัดการสภาพคล่อง แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การตัดสินใจเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องแทนการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีนมีท่าทีระมัดระวังในเรื่องการรับมือกับสภาวะต่างๆทางเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลกังวลว่าการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไปอาจจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจได้

 

เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตรา 9.6% ต่อปีในไตรมาส 3 ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ดีถึง 10.3% และไตรมาสแรกที่ 11.9% แม้ภาคการผลิตของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม

 

หยาง เสิ่นตี นักวิเคราะห์จากบริษัทเซียงไค ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า การเพิ่มเพดานสำรองสภาพคล่องถือเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบโดยไม่ทำให้มีเม็ดเงินเก็งกำไรทะลักเข้าประเทศเหมือนกับการขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ นายหยางคาดว่าธนาคารกลางจีนจะเพิ่มเพดานกันสำรองสภาพคล่องอีกในปี 2554

 

ขณะที่หลู ติง นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา-เมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า แม้ธนาคารกลางจีนเล็งเห็นความจำเป็นในการควบคุมเงินเฟ้อ แต่ธนาคารกลางจะไม่ยอมขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือ ใช้มาตรการระงับการปล่อยเงินกู้

 

อย่างไรก็ดี นายกู ฮงบิน นักวิเคราะห์จากเอเชีย อีโคโนมิค รีเสิร์ช กล่าวว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับปานกลางถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรับมือกับวิกฤตเงินเฟ้อ เรายังเชื่อว่าจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเร็วๆนี้"

 

 

ทำเนียบขาวย้ำ “โอบามา” ยังได้รับการสนับสนุนจากเดโมแครต

 

เดวิด แอกเซลรอด ผู้ช่วยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโอบามายังได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคเดโมแครต ถึงแม้หลายคนจะไม่พอใจต่อข้อตกลงขยายโครงการลดหย่อนภาษี

 

พร้อมระบุว่า เขายังไม่เห็นว่าจะมีใครมาเป็นคู่แข่งของโอบามาในการแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคฯ เพื่อไปลงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2556

 

นายแอกเซลรอดกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า "โดยส่วนตัวเค้าไม่สามารถคาดได้ เพราะใครๆ ก็สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ แต่นายแอกเซลรอดเห็นการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากสมาชิกพรรคเดโมแครต โดยทุกคนเข้าใจว่าโอบามาต่อสู้เต็มที่ และมีความพยายามในการผลักดันประเทศนี้ไปข้างหน้า รวมทั้งเข้าใจว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว"

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามากำลังเผชิญกับการต่อต้านจากสมาชิกพรรคฯ หลังจากที่เขาให้ความร่วมมือในโครงการลดหย่อนภาษีกับพรรคลีพับลิกัน โดยข้อตกลงดังกล่าวได้ขยายระยะเวลากฎหมายลดหย่อนภาษีของอดีดประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งกำลังจะหมดอายุลงออกไปอีกเป็นเวลา 2 ปี และขยายเวลาการให้สวัสดิการแก่ผู้ว่างงานฉุกเฉินออกไปจนถึงปี 2554

 

กรอบข้อตกลงดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดหย่อนภาษีให้แก่ชาวอเมริกันที่มีรายได้สูง ได้ถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนักจากแกนนำพรรคเดโมแครตในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยหลายคนเชื่อว่าโอบามาไม่ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่และประนีประนอมกับพรรคลีพับลิกันเร็วเกินไป

 

ทั้งนี้ นายแอกเซลรอดกล่าวแสดงความเห็นต่อโอบามาว่า "ประธานาธิดีโอบามายังเป็นประธานาธิบดีคนเดิม เขาเป็นผู้ที่พยายามจะแก้ปัญหาให้ชาวอเมริกัน"

 

 

ผู้ค้าปลีกของอังกฤษช่วงปลายปีจะไม่แย่ไปกว่าปีที่แล้ว

 

ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกของอังกฤษส่วนใหญ่เชื่อว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้จะไม่เลวร้ายไปกว่าเมื่อปีที่แล้ว ทั้งที่มีแรงกดดันทางการเงินตลอดทั้งปีที่ผ่านมาและเกิดพายุหิมะรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้

 

สมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งอังกฤษ (BRC) ซึ่งสอบถามความคิดเห็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ 17 ราย พบว่า เกือบ 2 ใน 3 คาดว่า ยอดจำหน่ายสินค้าในช่วงคริสต์มาสนี้จะเท่ากับหรือดีกว่าปีที่แล้ว โดย 35% คิดว่า คริสต์มาสปีนี้จะคึกคักกว่าปี 2552 ส่วน 29% คาดว่า อาจจะพอ ๆ กับปีที่แล้ว ขณะที่ 36% คิดว่า คริสต์มาสปีนี้จะเลวร้ายกว่าปีที่แล้ว

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นยังพบว่า 71% ของผู้ค้าปลีกคิดว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 20 ในวันที่ 4 ม.ค. 2554 นี้ จะทำให้ผู้บริโภครีบซื้อสินค้าไว้ก่อน และกว่า 8 ใน 10 คาดว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอาจส่งผลลบต่อการจำหน่ายสินค้าในเดือนมกราคมปีหน้า

 

นายสตีเฟน โรเบิร์ตสัน ประธานสมาคมบีอาร์ซี เปิดเผยว่า ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่เชื่อว่า ยอดจำหน่ายสินค้าในช่วงคริสต์มาสนี้จะพอ ๆ กับปีที่แล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่ 3.2% ในขณะนี้จะพบว่า มูลค่ายอดค้าปลีกและค้าส่งทั้งประเทศที่แท้จริงจะลดลง

 

และนอกเหนือจากสภาพอากาศอันเลวร้ายแล้ว ผู้ค้าปลีกของอังกฤษยังวิตกกังวลว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มและการตัดลดค่าใช้จ่ายภาครัฐจะส่งผลกระทบต่อความต้องการของผู้บริโภค

 

 

Airbus ปรับเพิ่มมุมมองธุรกิจ เล็งดีมานด์จากตลาดเกิดใหม่

 

จากข่าวดีตัวเลขเศรษฐกิจในระยะหลัง ทำให้ผู้บริหารของหลายบริษัทต่างมั่นใจถึงอานิสงส์ที่จะมีต่อกิจการของตน ซึ่งมุมมองทางด้านบวกเช่นนี้ก็รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่จากยุโรปด้วย

 

บริษัท Airbus ระบุในแถลงข่าวว่า มีมุมมองในด้านดีมากขึ้นสำหรับแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจการบิน เมื่อเทียบกับการประเมินในปีที่ผ่านมา พร้อมกันนั้นยังได้ประเมินด้วยว่า เหล่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อเครื่องบินที่รองรับผู้โดยสารได้รวมๆ กันถึงเกือบ 26,000 คนในระยะ 20 ปีข้างหน้า

 

เจ้าแห่งการผลิตนกยักษ์สัญชาติฝรั่งเศสรายนี้ ปรับเพิ่มระดับการคาดการณ์จำนวนเครื่องบินที่ตนจะขายได้ สูงกว่าการประเมินเมื่อปีที่แล้วถึงกว่า 900 ลำ โดยที่ดีมานด์ที่จะมีเข้าส่วนใหญ่ในช่วงสองทศวรรษหน้า ทาง Airbus ก็เล็งว่าน่าจะเป็นเครื่องบินรุ่นที่มีห้องโดยสารประเภทหนึ่งช่องทางเดิน ซึ่งในการนี้บริษัทก็ได้จัดเครื่องรุ่น A320 ไว้รองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเกิดขึ้นแล้ว

 

นาย John Leahy หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารงานปฏิบัติการ (COO) บอกว่า การฟื้นตัวของธุรกิจเกิดขึ้นดีเกินคาด ขณะเดียวกับที่ความยืดหยุ่นภายในอุตสาหกรรมเองก็ช่วยรองรับแรงกระแทกในช่วงธุรกิจขาลงได้เป็นอย่างดี นอกจากความต้องการในการเดินทางของผู้คนที่มีเพิ่มขึ้น

 

Airbus ประเมินว่า ความต้องการเครื่องบินประเภทบรรทุกผู้โดยสารที่จะมีมากขึ้นในช่วง 20 ปีข้างหน้า นั้น เครื่องจำนวน 10,000 ลำจะถูกนำไปทดแทนเครื่องรุ่นเก่าและมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่า ขณะที่อีก 15,000 ลำจะเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการให้ธุรกิจขยายตัว

บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายนี้ยังเชื่อด้วยว่า ประเทศตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่จะเป็นตัวกระตุ้นการฟื้นตัวของธุรกิจการบินในอนาคต เมื่อเห็นความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้

 

 

OECD เผยการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ทั่วโลกมีเพิ่มขึ้น

 

องค์การความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา ระบุการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ทั่วโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้น

 

องค์การเพื่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) เผยมูลค่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั่วโลกในปี 2550 มีมูลค่าถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ที่มีมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะบทลงโทษเบาเกินไป ขาดการควบคุมอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ผู้ที่ชื่นชอบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมากพากันหันมาสั่งซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางอินเทอร์เน็ต เพราะทั้งสะดวกสบาย และไม่เสี่ยงต่อการถูกจับกุม โดยสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตในจีน

 

 

จีนคาดการผลิตเหล็กดิบชะลอตัวปีหน้า

 

หยาว ซีปิง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ไมน์เมทัลส์ เดเวลล็อปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของผลผลิตเหล็กดิบของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงหลายปีข้างหน้า เนื่องจากรัฐบาลยังคงใช้นโยบายในการควบคุมด้านพลังงานในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก

 

พร้อมกับคาดการณ์ว่า เป้าหมายในการประหยัดพลังงานและการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงจะยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตเหล็กดิบในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า และผลผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กก็อาจจะได้รับผลกระทบในปีต่อๆไป เนื่องจากรัฐบาลคุมเข้มนโยบายที่เกี่ยวข้อง

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลผลิตเหล็กดิบของจีนอ่อนตัวลงมาแล้ว 5 ครั้งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ทางการได้สั่งให้โรงงานเหล็กใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสม

 

ข้อมูลล่าสุดที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนได้เปิดเผยชี้ให้เห็นว่า ผลผลิตเหล็กดิบร่วงลง 0.3% แตะ 50.17 ล้านตันในเดือนพ.ย. จากระดับเดือนต.ค.ที่ 50.3 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตทั้งหมดในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. เพิ่มขึ้น 10.1% ต่อปี แตะ 577.3 ล้านตัน

 

นายหยาวคาดการณ์ว่า ผลผลิตเหล็กดิบตลอดทั้งปีในปีนี้จะอยู่ที่ 625 ล้านตัน ซึ่งขยายตัวขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตเหล็กที่ชะลอตัวลง แต่นายหยาวก็ยังมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับการส่งออกเหล็ก โดยคาดว่ายอดการส่งออกสินแร่เหล็กและเหล็กกล้าอาจจะฟื้นตัวพร้อมๆกับเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวขึ้น

 

สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กพุ่งขึ้นถึง 87% ต่อปี แตะ 39.70 ล้านตันในเดือนม.ค.-พ.ย.

[/quoขอบคุณสำหรับข่าวนะคะ ติดตามต่อปาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เป้าหมาย2ถึงแล้วครับท่าน

 

รับทราบค่ะ รอเป้า 3 ค่ะ อาจารย์ขาาาาา :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จารย์คะ มีกราฟจีนที่เป็น set 50 มั้ยเอ่ย

 

ถ้ามี รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จารย์คะ มีกราฟจีนที่เป็น set 50 มั้ยเอ่ย

 

ถ้ามี รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :rolleyes:

กราฟหลายๆตัวชองผมก็มีภาษาจีน กราฟจีนที่ถามหมายถึงกราฟตัวไหนครับ?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...