ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

:lol: :lol: +ขอบคุณค่ะ เมื่อวานเก็บไป 2 เป้าหมายแล้วแต่เป้าหมายที่ 3 ยังไม่ได้เก็บ หลับไปก่อน วันนี้รอเก็บเป้าหมานที่ 1361เพิ่มค่ะ แล้วต่อไปที่1345เหรอคะ :lol: :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:lol: :lol: +ขอบคุณค่ะ เมื่อวานเก็บไป 2 เป้าหมายแล้วแต่เป้าหมายที่ 3 ยังไม่ได้เก็บ หลับไปก่อน วันนี้รอเก็บเป้าหมานที่ 1361เพิ่มค่ะ แล้วต่อไปที่1345เหรอคะ :lol: :lol:

มีสิทธิ์เป็นไปได้ แต่ไม่มีอะไรที่แน่นอนครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาตรฐาน Basel ทำธนาคารทั่วโลกแบกต้นทุนเพิ่มเฉียด 8 แสนล้านเหรียญ

 

Posted on Friday, December 17, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤ. 16 พ.ค. 2553)

• ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน (พ.ย.) 555,000 ยูนิต

• ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 420,000 ราย

• ดุลบัญชีเดินสะพัด (Q3/2010) ขาดดุล 127,200 ล้านดอลลาร์

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศ. 17 ธ.ค. 2553)

• ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (พ.ย.) โดย Conference Board

 

 

มาตรฐาน Basel ทำธนาคารทั่วโลกแบกต้นทุนเพิ่มเฉียด 8 แสนล้านเหรียญ

 

คณะกรรมการที่ดูแลธุรกิจธนาคารทั่วโลกเผยต้นทุนที่สถาบันการเงินต่างๆ ต้องแบกรับอันเนื่องมาจากกฏเกณฑ์ความต้องการสำรองเงินทุน อยู่ที่เฉียด ๆ 8 แสนล้านเหรียญในปีนี้

 

กฏเกณฑ์สำรองเงินทุนสร้างต้นทุนให้กับบรรดาแบงก์และธุรกิจการเงินต่างๆ เป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 602,000 ล้านยูโร หรือราว 797,000 ล้านเหรียญ ขณะเดียวกัน ยังขาดแคลนเงินทุนอยู่อีกกว่า 2.89 ล้านล้านยูโรในส่วนของการระดมทุนแบบปกติ เพื่อให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องที่ถูกแยกออกมาดูแลโดยเฉพาะ

 

ผู้กำกับมาตรฐานกิจการสถาบันการเงินทั่วโลกแห่งนี้ ตกลงกันเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำหรับการทยอยบังคับใช้กฏเกณฑ์ที่เกี่ยวกับเงินทุนและสภาพคล่องให้เสร็จสิ้นภายในปี 2019 ด้วยจุดประสงค์เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อต่อผู้ปล่อยกู้ทั่วโลก

 

ในขณะนี้ หน่วยงานดูแลมาตรฐานธนาคารดังกล่าวกำลังพยายามปฏิรูปกฏเกณฑ์ความต้องการดำรงเงินทุนและสภาพคล่อง หลังจากข้อบังคับในปัจจุบัน หรือที่รู้จักกันว่า Basel II ไม่สามารถปกป้องผู้ปล่อยกู้ให้พ้นจากสถานะความล้มเหลวทางการเงินได้ในช่วงวิกฤติ ก่อนที่เพิ่งจะมาในเดือนที่แล้ว ที่ส่วนประกอบสำคัญของกฏเกณฑ์นี้ได้รับไฟเขียวให้ถูกปรับปรุงแก้ไข โดยที่ประชุมกลุ่มผู้นำประเทศ G20

 

ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจธนาคารรายหนึ่งมองว่า การเดินตามมาตรฐาน Basel จะสร้างต้นทุนให้แก่ธุรกิจการเงินอย่างมหาศาล แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งคำถามที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ จะทำอย่างไรกับกำไรสะสม การขายสินทรัพย์ การเพิ่มระดับทุน หรือแม้แต่การปรับลดระดับเงินปันผลลง

 

 

สหรัฐยื่นฟ้องบีพี กรณีน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก

 

นายอีริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้อง บีพี บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษและบริษัทน้ำมันรายอื่นๆ อีก 8 แห่ง ต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวออร์ลีนส์

 

กรณีแท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเกิดน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกและส่งผลให้เกิดความเสียหายทางทะเลครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

 

นอกจากบีพีแล้ว บริษัทอื่นๆ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ประกอบด้วยบริษัท อานาดาร์โก ปิโตรเลียม คอร์ป และ MOEX ซึ่งเป็นกิจการในเครือมิตซุย แอนด์ โค ลิมิเต็ด รวมทั้งลอยด์ส ออฟ ลอนดอน ผู้ค้ำประกันของบีพี

 

รัฐบาลสหรัฐได้เรียกร้องให้บริษัทเหล่านี้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากเหตุน้ำมันรั่วไหลตามข้อกฎหมายว่าด้วยมลภาวะทางน้ำมัน (Oil Pollution Act) และกฎหมายว่าด้วยน้ำสะอาด (Clean Water Act)

 

โฮลเดอร์กล่าวว่า บริษัทที่เข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับด้านความปลอดภัยและการดำเนินงานถูกตรวจสอบแล้วว่าได้ทำกระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับดังกล่าวจนส่งผลให้เกิดน้ำมันรั่วไหลจำนวนมาก

 

นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่รัฐบาลสหรัฐจะยื่นฟ้องบีพี มีประชาชนหลายพันคนรวมถึงภาคธุรกิจขนาดเล็กได้ยื่นเอกสารฟ้องร้องบีพีต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวออร์ลีนส์ด้วยเช่นกัน ขณะที่สื่อของสหรัฐรายงานการยื่นเอกสารฟ้องร้องกว่า 300 กรณีที่เกี่ยวข้องกับเหตุน้ำมันรั่วไหล

 

 

สเปนเดินหน้าขายพันธบัตรระดมทุน

 

รัฐบาลสเปนได้นำพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 15 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรล็อตสุดท้ายสำหรับปีนี้ออกมาจำหน่ายในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนให้ได้ถึง 3 พันล้านยูโร (4 พันล้านดอลลาร์)

 

แม้มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนก็ตาม

ซึ่งความพยายามของรัฐบาลสเปนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า สเปนสามารถระดมทุนได้เพียงพอต่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2554

 

มูดีส์เตือนว่า อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรสเปนซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ Aa1 ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน

 

เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ตัวเลขขาดทุนในภาคธนาคาร และยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล

 

แคทริน มูห์บรอนเนอร์ นักวิเคราะห์ของมูดีส์กล่าวว่า "สเปนจำเป็นต้องระดมทุนจำนวนมาก ไม่เพียงแต่เฉพาะระดมทุนสำหรับรัฐบาลกลางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐบาลระดับภูมิภาค และภาคธนาคารด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้สเปนประสบปัญหาความตึงเครียดในการระดมทุน"

 

การประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปนมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มผู้นำยุโรปเดินทางมาร่วมประชุมที่เมืองบรัสเซลล์ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการสร้างกลไกลถาวรเพื่อสนับนุนประเทศที่ประสบับปัญหาด้านการเงิน

 

 

S&P ชี้เศรษฐกิจเยอรมนีฟื้นตัวปีหน้า

 

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ชี้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายวงกว้างมากขึ้นในปีหน้า จากอานิสงส์ของความต้องการผู้บริโภค และการลงทุนภาคธุรกิจที่ขยายตัวดีขึ้น

 

S&P ระบุว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2554 เมื่อเทียบกับระดับที่ขยายตัว 0.5% ในปี 2553 ขณะที่อัตราการขยายตัวด้านการลงทุนในภาคธุรกิจจะถีบตัวขึ้นแตะ 10.5% ในปีหน้า จากระดับ 10% ในปีนี้

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมนีได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวในยุโรป โดยหลายบริษัทเพิ่มการจ้างงานและเพิ่มอัตราการผลิตเพื่อรองรับอุปสงค์ด้านการส่งออก ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค

 

ขณะที่ความต้องการภายในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นจะหนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่องบนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอ่อนแรงลงจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลกที่เริ่มหมดอายุได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า ยอดส่งออกสุทธิแทบจะไม่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอีก 2 ปีข้างหน้า และการเพิ่มการพึ่งพาอุปสงค์จากต่างประเทศอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ เนื่องจากบรรยากาศทางการค้าทั่วโลกซบเซา

 

ทั้งนี้ S&P ระบุว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะชะลอตัวลงจากระดับ 3.5% ในปี 2553 ไปอยู่ที่ระดับ 2.4% ในปี 2554 และ 2.1% ในปี 2555

 

 

จีน-สหรัฐลงนามหลายมาตรการในการประชุม JCCT

 

แกรี่ ล็อค รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมประจำปีคณะกรรมาธิการร่วมจีน-สหรัฐ ว่าด้วยการพาณิชย์และการค้า (JCCT) ครั้งที่ 21 ว่า ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบในหลายมาตรการซึ่งจะทำให้ธุรกิจสัญชาติอเมริกันมีความสามารถในการแข่งขันในจีนและตลาดทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการช่วยสร้างงานให้สหรัฐฯ และยังทำให้ชาวจีนได้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลก

 

รมว.พาณิชย์สหรัฐกล่าวว่า การประชุมประจำปีครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมา และยังจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้ง 2 ประเทศอีกด้วย

 

ในระหว่างการประชุมนั้น ทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลายประเด็น เช่น การส่งเสริมการลงทุน เกษตรกรรม การตรวจสอบและการกักกัน การประหยัดพลังงานและน้ำ และข้อมูลสถิติการค้า

 

ทั้งนี้ การประชุม JCCT จัดตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2536 เพื่อทำหน้าที่เป็นเวทีการส่งเสริมการค้าและแก้ไขประเด็นที่น่าวิตกกังวลร่วมกัน

 

ส่วน นายเจิ้น เต๋อหมิง รัฐมนตรีการค้าของจีน กล่าวภายหลังการประชุม JCCT ว่า จีนคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศที่มีบทบาทที่สำคัญต่อทั้งโลก

 

โดยนายเชนกล่าวว่า "สหรัฐกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจขยายตัวต่ำและอัตราการว่างงานสูง ในขณะที่จีนเองก็ประสบกับปัญหายุ่งยากทางเศรษฐกิจหลายประการ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจสหรัฐจึงเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งโลก"

 

นอกจากนี้ จีนหวังว่าสหรัฐจะผ่อนปรนมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าไฮเทคมายังจีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย

 

นายหวัง คีฉาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นประธานร่วมในที่ประชุมร่วมกับนายแกรี่ ล็อคเค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ และ นายรอน เคิร์ค ตัวแทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า การค้าระหว่างจีนและสหรัฐมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะระดับ 3.469 แสนล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมมีบทบาทตั้งแต่ปี 2526 ในการส่งเสริมการค้าและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการร่วมได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือทั้งหมด 7 ฉบับในการประชุมในปีนี้ ซึ่งครอบคุมเกี่ยวกับการเกษตร พลังงาน และ การลงทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
em0009.gifขอบคุณอ.ทองใหม่คร้า em0009.gif cd08785a.gif จากนี้ไปราคาทองคงลงตลอดถึงปลายเดือนใช่มั้ยคะจารย์ :P ถูกแก้ไข โดย Arpat

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!thk !thk วันนี้รีบแวะมาทวงกราฟคะ เดี๋ยวอดดูอีก :lol:

วันนี้อากาศเย็นลงเยอะเลย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาตรฐาน Basel ทำธนาคารทั่วโลกแบกต้นทุนเพิ่มเฉียด 8 แสนล้านเหรียญ

 

Posted on Friday, December 17, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤ. 16 พ.ค. 2553)

• ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน (พ.ย.) 555,000 ยูนิต

• ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 420,000 ราย

• ดุลบัญชีเดินสะพัด (Q3/2010) ขาดดุล 127,200 ล้านดอลลาร์

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศ. 17 ธ.ค. 2553)

• ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (พ.ย.) โดย Conference Board

 

 

มาตรฐาน Basel ทำธนาคารทั่วโลกแบกต้นทุนเพิ่มเฉียด 8 แสนล้านเหรียญ

 

คณะกรรมการที่ดูแลธุรกิจธนาคารทั่วโลกเผยต้นทุนที่สถาบันการเงินต่างๆ ต้องแบกรับอันเนื่องมาจากกฏเกณฑ์ความต้องการสำรองเงินทุน อยู่ที่เฉียด ๆ 8 แสนล้านเหรียญในปีนี้

 

กฏเกณฑ์สำรองเงินทุนสร้างต้นทุนให้กับบรรดาแบงก์และธุรกิจการเงินต่างๆ เป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 602,000 ล้านยูโร หรือราว 797,000 ล้านเหรียญ ขณะเดียวกัน ยังขาดแคลนเงินทุนอยู่อีกกว่า 2.89 ล้านล้านยูโรในส่วนของการระดมทุนแบบปกติ เพื่อให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องที่ถูกแยกออกมาดูแลโดยเฉพาะ

 

ผู้กำกับมาตรฐานกิจการสถาบันการเงินทั่วโลกแห่งนี้ ตกลงกันเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำหรับการทยอยบังคับใช้กฏเกณฑ์ที่เกี่ยวกับเงินทุนและสภาพคล่องให้เสร็จสิ้นภายในปี 2019 ด้วยจุดประสงค์เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อต่อผู้ปล่อยกู้ทั่วโลก

 

ในขณะนี้ หน่วยงานดูแลมาตรฐานธนาคารดังกล่าวกำลังพยายามปฏิรูปกฏเกณฑ์ความต้องการดำรงเงินทุนและสภาพคล่อง หลังจากข้อบังคับในปัจจุบัน หรือที่รู้จักกันว่า Basel II ไม่สามารถปกป้องผู้ปล่อยกู้ให้พ้นจากสถานะความล้มเหลวทางการเงินได้ในช่วงวิกฤติ ก่อนที่เพิ่งจะมาในเดือนที่แล้ว ที่ส่วนประกอบสำคัญของกฏเกณฑ์นี้ได้รับไฟเขียวให้ถูกปรับปรุงแก้ไข โดยที่ประชุมกลุ่มผู้นำประเทศ G20

 

ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจธนาคารรายหนึ่งมองว่า การเดินตามมาตรฐาน Basel จะสร้างต้นทุนให้แก่ธุรกิจการเงินอย่างมหาศาล แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งคำถามที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ จะทำอย่างไรกับกำไรสะสม การขายสินทรัพย์ การเพิ่มระดับทุน หรือแม้แต่การปรับลดระดับเงินปันผลลง

 

 

สหรัฐยื่นฟ้องบีพี กรณีน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก

 

นายอีริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้อง บีพี บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษและบริษัทน้ำมันรายอื่นๆ อีก 8 แห่ง ต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวออร์ลีนส์

 

กรณีแท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเกิดน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกและส่งผลให้เกิดความเสียหายทางทะเลครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

 

นอกจากบีพีแล้ว บริษัทอื่นๆ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ประกอบด้วยบริษัท อานาดาร์โก ปิโตรเลียม คอร์ป และ MOEX ซึ่งเป็นกิจการในเครือมิตซุย แอนด์ โค ลิมิเต็ด รวมทั้งลอยด์ส ออฟ ลอนดอน ผู้ค้ำประกันของบีพี

 

รัฐบาลสหรัฐได้เรียกร้องให้บริษัทเหล่านี้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากเหตุน้ำมันรั่วไหลตามข้อกฎหมายว่าด้วยมลภาวะทางน้ำมัน (Oil Pollution Act) และกฎหมายว่าด้วยน้ำสะอาด (Clean Water Act)

 

โฮลเดอร์กล่าวว่า บริษัทที่เข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับด้านความปลอดภัยและการดำเนินงานถูกตรวจสอบแล้วว่าได้ทำกระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับดังกล่าวจนส่งผลให้เกิดน้ำมันรั่วไหลจำนวนมาก

 

นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่รัฐบาลสหรัฐจะยื่นฟ้องบีพี มีประชาชนหลายพันคนรวมถึงภาคธุรกิจขนาดเล็กได้ยื่นเอกสารฟ้องร้องบีพีต่อศาลรัฐบาลกลางในนิวออร์ลีนส์ด้วยเช่นกัน ขณะที่สื่อของสหรัฐรายงานการยื่นเอกสารฟ้องร้องกว่า 300 กรณีที่เกี่ยวข้องกับเหตุน้ำมันรั่วไหล

 

 

สเปนเดินหน้าขายพันธบัตรระดมทุน

 

รัฐบาลสเปนได้นำพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 15 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรล็อตสุดท้ายสำหรับปีนี้ออกมาจำหน่ายในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนให้ได้ถึง 3 พันล้านยูโร (4 พันล้านดอลลาร์)

 

แม้มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนก็ตาม

ซึ่งความพยายามของรัฐบาลสเปนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า สเปนสามารถระดมทุนได้เพียงพอต่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2554

 

มูดีส์เตือนว่า อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรสเปนซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ Aa1 ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน

 

เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ตัวเลขขาดทุนในภาคธนาคาร และยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล

 

แคทริน มูห์บรอนเนอร์ นักวิเคราะห์ของมูดีส์กล่าวว่า "สเปนจำเป็นต้องระดมทุนจำนวนมาก ไม่เพียงแต่เฉพาะระดมทุนสำหรับรัฐบาลกลางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐบาลระดับภูมิภาค และภาคธนาคารด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้สเปนประสบปัญหาความตึงเครียดในการระดมทุน"

 

การประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปนมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มผู้นำยุโรปเดินทางมาร่วมประชุมที่เมืองบรัสเซลล์ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการสร้างกลไกลถาวรเพื่อสนับนุนประเทศที่ประสบับปัญหาด้านการเงิน

 

 

S&P ชี้เศรษฐกิจเยอรมนีฟื้นตัวปีหน้า

 

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ชี้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายวงกว้างมากขึ้นในปีหน้า จากอานิสงส์ของความต้องการผู้บริโภค และการลงทุนภาคธุรกิจที่ขยายตัวดีขึ้น

 

S&P ระบุว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2554 เมื่อเทียบกับระดับที่ขยายตัว 0.5% ในปี 2553 ขณะที่อัตราการขยายตัวด้านการลงทุนในภาคธุรกิจจะถีบตัวขึ้นแตะ 10.5% ในปีหน้า จากระดับ 10% ในปีนี้

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมนีได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวในยุโรป โดยหลายบริษัทเพิ่มการจ้างงานและเพิ่มอัตราการผลิตเพื่อรองรับอุปสงค์ด้านการส่งออก ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค

 

ขณะที่ความต้องการภายในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นจะหนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่องบนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอ่อนแรงลงจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลกที่เริ่มหมดอายุได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า ยอดส่งออกสุทธิแทบจะไม่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอีก 2 ปีข้างหน้า และการเพิ่มการพึ่งพาอุปสงค์จากต่างประเทศอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ เนื่องจากบรรยากาศทางการค้าทั่วโลกซบเซา

 

ทั้งนี้ S&P ระบุว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะชะลอตัวลงจากระดับ 3.5% ในปี 2553 ไปอยู่ที่ระดับ 2.4% ในปี 2554 และ 2.1% ในปี 2555

 

 

จีน-สหรัฐลงนามหลายมาตรการในการประชุม JCCT

 

แกรี่ ล็อค รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมประจำปีคณะกรรมาธิการร่วมจีน-สหรัฐ ว่าด้วยการพาณิชย์และการค้า (JCCT) ครั้งที่ 21 ว่า ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบในหลายมาตรการซึ่งจะทำให้ธุรกิจสัญชาติอเมริกันมีความสามารถในการแข่งขันในจีนและตลาดทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการช่วยสร้างงานให้สหรัฐฯ และยังทำให้ชาวจีนได้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลก

 

รมว.พาณิชย์สหรัฐกล่าวว่า การประชุมประจำปีครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมา และยังจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้ง 2 ประเทศอีกด้วย

 

ในระหว่างการประชุมนั้น ทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลายประเด็น เช่น การส่งเสริมการลงทุน เกษตรกรรม การตรวจสอบและการกักกัน การประหยัดพลังงานและน้ำ และข้อมูลสถิติการค้า

 

ทั้งนี้ การประชุม JCCT จัดตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2536 เพื่อทำหน้าที่เป็นเวทีการส่งเสริมการค้าและแก้ไขประเด็นที่น่าวิตกกังวลร่วมกัน

 

ส่วน นายเจิ้น เต๋อหมิง รัฐมนตรีการค้าของจีน กล่าวภายหลังการประชุม JCCT ว่า จีนคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศที่มีบทบาทที่สำคัญต่อทั้งโลก

 

โดยนายเชนกล่าวว่า "สหรัฐกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจขยายตัวต่ำและอัตราการว่างงานสูง ในขณะที่จีนเองก็ประสบกับปัญหายุ่งยากทางเศรษฐกิจหลายประการ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจสหรัฐจึงเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งโลก"

 

นอกจากนี้ จีนหวังว่าสหรัฐจะผ่อนปรนมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าไฮเทคมายังจีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย

 

นายหวัง คีฉาน รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นประธานร่วมในที่ประชุมร่วมกับนายแกรี่ ล็อคเค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ และ นายรอน เคิร์ค ตัวแทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า การค้าระหว่างจีนและสหรัฐมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะระดับ 3.469 แสนล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมมีบทบาทตั้งแต่ปี 2526 ในการส่งเสริมการค้าและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการร่วมได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือทั้งหมด 7 ฉบับในการประชุมในปีนี้ ซึ่งครอบคุมเกี่ยวกับการเกษตร พลังงาน และ การลงทุน

ขอบคุณสำหรับข่าวคะ รอราคาต่ำกว่า1345 คะ ติดตามต่อปายคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!thk !thk วันนี้รีบแวะมาทวงกราฟคะ เดี๋ยวอดดูอีก :lol:

วันนี้อากาศเย็นลงเยอะเลย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

post-237-062453000 1292561463.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟวิเคราะห์ ให้ดูกราฟประกอบ

ก่อนเปิดสถานะควรดูแนวโน้มว่าขึ้นหรือลง หากแนวโน้มขึ้นเปิดสถานะL หากราคาขึ้นถึงH3 หากต้านอยู่ ให้ปิดสถานะL เปลี่ยนเปิดสถานะS แต่หากราคาทะลุด่าน

H3แตก ให้ถือLต่อ ถ้าราคาถึงH4ให้ทยอยออกหรือปิดL แต่ถ้าชอบเสี่ยงก็ให้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายที่H5

หากเปิดSไว้ก่อน ราคาไปที่L3 หากรับไว้อยู่ ให้ปิดSแล้วเปิดL หากL3แตกให้ถือSต่อ ราคาถึงL4ให้ทยอยปิดS แต่ถ้าชอบเสี่ยงให้ถือSต่อ โดยมีเป้าหมายที่L5

post-237-022172700 1292561495.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟวิเคราะห์ ให้ดูกราฟประกอบ

ก่อนเปิดสถานะควรดูแนวโน้มว่าขึ้นหรือลง หากแนวโน้มขึ้นเปิดสถานะL หากราคาขึ้นถึงH3 หากต้านอยู่ ให้ปิดสถานะL เปลี่ยนเปิดสถานะS แต่หากราคาทะลุด่าน

H3แตก ให้ถือLต่อ ถ้าราคาถึงH4ให้ทยอยออกหรือปิดL แต่ถ้าชอบเสี่ยงก็ให้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายที่H5

หากเปิดSไว้ก่อน ราคาไปที่L3 หากรับไว้อยู่ ให้ปิดSแล้วเปิดL หากL3แตกให้ถือSต่อ ราคาถึงL4ให้ทยอยปิดS แต่ถ้าชอบเสี่ยงให้ถือSต่อ โดยมีเป้าหมายที่L5

post-237-010043200 1292561537.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...