ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[Soda 36]

ขอบคุณจ้า ชนิดอบแห้งใส่ชองชา ผมไปได้มาที่งานวิทยาศาสตร์คลอง5 ที่ผมเคยโพสไว้ว่าจะไปงานนั่นแหละครับ ปรากฏว่าไม่มีคนไปเลย มีคุณดักแด้คนเดียวที่ไปเจอกันในงาน ตอนนี้งานปิดไปแล้วครับ อยากซื้อต้องไปที่เชียงใหม่ ออกจะไกล...เอาไว้ผมรวยแล้วมีเงินผมจะเปิดโรงงานผลิตเอง จำหน่ายถูกกว่าที่เขาขายกัน ฮาฮา ในงานเขาขายห่อหนึ่งมี30ชอง ราคา150บาท เขาบอกว่าราคานี้เฉพาะในงานนี้เท่านั้น ปกติราคา200ครับ กำไรดีมาก ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ถึงวิธีการผลิดแล้ว ง่ายมากครับ ผมสามารถทำเองได้หากมียอดผักเชียงดามาให้ผม....โม้จบแค่นี้ก่อนจ้า ฮาฮา

เหงื่อตกเลยคะอาจารย์กว่าจะย้อนอ่านจนจบ .. สวัสดีอืม เที่ยงวันจันทร์คะ ขอบคำอวยพรของท่านอาจารย์จัง อ่านแล้วต้องยิ้มทุกครั้ง เอ อาจารย์บอกว่า จะทำยอดผักเชียงดาเอง ตอนแรก ว่าจะโทรไปหาน้องที่อยู่เจียงใหม่ ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนใจ จะรอของอาจารย์ดีป่าวน๊า.... ขอบคุณคะสำหรับสำหรับข่าวสาร ที่ให้พวกเราทุกๆท่านเกาะติดสถาณการณ์

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

หยิบเงินหยิบทอง - บล.กิมเอ็ง

วันจันทร์ที่ 12 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:45 น. บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง จำกัด ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

User Rating: / 0

แย่ดีที่สุด

หยิบเงินหยิบทอง - บล.กิมเอ็ง

 

กลยุทธ์วันนี้ Sideways Up

ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสามารถปิดบริเวณ 820 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาดก็ตาม ขณะที่เงินทุนต่างชาติยังคงทยอยสะสมตลาดหุ้น ทั้งตลาด Spot และตลาด Futures พร้อมกันต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 สะท้อนมุมมองเชิงบวกชัดเจน

ด้านทิศทาง SET INDEX วันนี้เชื่อว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง แต่เชื่อว่าแนวบริเวณ 820 จุดยังคงทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะปัจจัยบวกภายในประเทศจะยังรองรับการปรับฐานลงได้จำกัดต่อเนื่อง วันนี้เริ่มโครงการ Road Show กับบริษัทจดทะเบียน 10 แห่งที่ลอนดอน เย็นนี้จะคาดว่าธนาคารจะเริ่มทยอยประกาศงบ 2Q53 และตามมาด้วยการประชุมกนง.ในวันพุธนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้แรงขายหุ้นย่อมเป็นไปอย่างจำกัด

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานจะยัง Underperform เมื่อเทียบกับ SET INDEX โดยรวม แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะทรงตัวในระดับสูง แต่ผลการดำเนินงานใน 2Q53 มีแนวโน้มไม่โดดเด่น บวกกับความไม่

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอให้ “ถือพอร์ตการลงทุน” และแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” MINT/ THAI

การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามวัน” Stop Loss: S50U10 < 550 จุด ปิด Long และ เปิด Short

 

Portfolio HOLD: CPF/ TASCO / MCOT/ TTCL/ BBL/ KTB/ TISCO/ PTT/PTTEP/ TPC/ MINT/ THAI

Speculative Buy: MINT/ THAI

 

Technical View แนวรับ 810-812 จุด, 792-796 จุด และ 782-785 จุด ส่วนแนวต้าน 820-822 จุด, 840-845 จุด และ 855 จุด แนะนำซื้อขายเล่นรอบระหว่างสัปดาห์

 

 

 

-Strategy Today

 

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์สามารถทะลุแนวต้าน 820 จุดได้ตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดและเคลื่อนไหวในกรอบ 820-825 จุด ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกรอบเอเชีย ตามการไต่ระดับของ DJIA และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX คืนวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เกิดแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาด กดดัน SET INDEX อ่อนตัวลงมาปิดที่ 820.60 จุด บวก 3.03 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขาย 24,973 ล้านบาท

 

 

กลุ่มที่สร้างผลตอบแทนดีที่สุดวานนี้ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +5.77%, กลุ่ม IMM +3.82%, กลุ่มเกษตร 3.21% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร +0.67% และกลุ่มพลังงาน +0.02%

 

เชื่อว่า SET INDEX วันนี้จะขยับขึ้นจากปลายสัปดาห์ก่อนต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่มีประเด็นบวกชัดเจนก็ตาม

 

 

 

ทิศทาง SET INDEX ในวันนี้ KimEng เชื่อว่าจะไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก็ตาม แต่ด้วยประเด็นบวกดังต่อไปนี้

1. คาดเม็ดเงินทุนยังคงวนเวียนอยู่ในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก: ด้วยความเสี่ยงกลุ่ม PIIGS ลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับ VIX Index ย่อมสะท้อนได้อย่างหนึ่งว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มคลายความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวใน 2H53 และปัญหาหนี้สาธารณะสูงในยุโรป ซึ่งเป็นเพียงการผ่อนคลายชั่วคราวเท่านั้น ทำให้ในช่วงสั้นสัปดาห์นี้ KimEng ประเมินว่าเม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น และราคาน้ำมันดิบช่วงหน้าต่อเนื่อง

 

2. การฟื้นตัวของราคาทองคำใน Comex คาดว่าเป็นการปิด Short: หากประเมินราคาทองคำล่วงหน้า Comex เมื่อวันศุกร์เพิ่มขึ้นถึง US$13.70 แต่ SPDR Gold Trust Fund กลับถือทองคำลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 1.53 ตัน คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short Futures ในทองคำ Comex ก่อนหน้าที่ราคาทองคำดังกล่าวจะปรับฐานลง แต่ไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการถือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงแต่อย่างใด

 

3. ตลาดสหรัฐฯ มีมุมมองต่องบ 2Q53 ในลักษณะที่ระมัดระวัง โอกาสเกิด Positive Surprise น่าจะมี: จากการสำรวจ Reuters พบว่ากำไรของ S&P500 ใน 2Q53 จะเติบโต 27% ขณะที่ 1Q53 ขยายตัวไปทั้งสิ้น 58% ซึ่ง 26 บริษัทจาก 500 บริษัทใน S&P500 มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดถึง 69% ดังนั้นคืนนี้บริษัทใน DJIA จะเริ่มทยอยประกาศ Alcoa ตามมาด้วยสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ หากออกมาดีกว่าคาด ย่อมทำให้ DJIA ไต่ระดับขึ้นได้อย่างโดดเด่นและต่อเนื่องเช่นกัน

 

4. ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศต่างส่งสัญญาณบวกเช่นกัน: ไม่ว่าจะเป็นยอดขอส่งเสริม BOI, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค, จำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว หรือเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยปลายสัปดาห์ก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่เอื้อต่อการไต่ระดับขึ้นของ SET INDEX เช่นกัน

 

 

 

อย่างไรก็ตาม KimEng ยืนยันถึงภาพดังกล่าวจะทำให้ SET INDEX ไต่ระดับขึ้นทำระดับสูงสุดของรอบนี้ภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะเริ่มปรับฐานลงในสัปดาห์หน้า ดังนั้นนักลงทุนที่เก็งกำไรต่อประเด็นบวกดังกล่าวจึงต้องควรเพิ่มความระมัดระวังต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะใกล้เข้าสู่ช่วงของการรายงานผลการทดสอบ Stress Test ของ 91 ธนาคาร ซึ่งอาจสร้าง Negative Surprise ให้แก่ตลาดได้เช่นกัน

 

นอกจากนี้กลุ่มพลังงานยังคงจำเป็นต้อง “ทยอยลดการถือครองลง” อย่างต่อเนื่องเช่นกัน การขยับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ย่อมช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่ดีต่อการลดการถือครองลง เนื่องจาก

 

 

1. แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q53 อาจเห็นการลดลง qoq และ/หรือ yoy: โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยใน 2Q53 ต่ำกว่า 1Q53 และมีการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันกว่า US$1

 

 

2. ความยืดเยื้อของโครงการมอนทารา: ล่าสุด KELIVE ติดตามผลการรายงานของรัฐบาลออสเตรเลีย ผู้บริหารของ PTTEP คาดว่าจะมีการเลื่อนออกไปเป็นสิ้นเดือนก.ค.นี้ ทำให้ราคาหุ้น PTTEP ยังคงถูกกดดันต่อไป

3. โครงการโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ยังต้องล่าช้าออกไป: ทั้งนี้ต้องติดตามกรณีนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเตรียมเรียกประชุมกรณีการศึกษาของคณะกรรมการอิสระ ถึง 18 โครงการเข้าข่ายผิดด้านสิ่งแวดล้อม ยกเว้นโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ภายในสัปดาห์นี้

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้นักลงทุน “ซื้อเก็งกำไร” หุ้นต่อไปนี้

 

1. MINT : ราคาปิด 10.90 บาท ราคาเหมาะสมใน Bloomberg Consensus ที่ 12.50 บาท มีผู้ศึกษาทั้งสิ้น 17 ราย เป็นแนะนำ “ซื้อ” 13 ราย และ “ถือ” 4 ราย (หมายเหตุ: KELIVE ไม่ได้ทำการศึกษาหุ้นดังกล่าว จึงโปรดใช้วิจารณญาณต่อการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น)

a. MINT เป็น 1 ใน 10 หุ้นที่จะไป Roadshow ร่วมกับ SET และ TISCO ในลอนดอน เริ่มวันนี้เป็นวันแรก

b. ยอดผู้โดยสารผ่านสนามบินสุวรรณภูมิเริ่มเห็นการฟื้นตัวเป็นลำดับ หลังเหตุการณ์ทางการเมืองเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

c. คาดผลการดำเนินงาน 3Q – 4Q 53 เริ่มฟื้นตัวเป็นลำดับ

 

2. THAI: ราคาปิด 30.00 บาท

a. จำนวนนักท่องเที่ยวพบว่าปรับตัวดีขึ้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยรมว.การท่องเที่ยวยืนยันตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ 15 ล้านคน ยังมีความเป็นไปได้ ยอดนักท่องเที่ยว 6M53 สูงถึง 7.4 ล้านคน และล่าสุดยอดนักท่องเที่ยวผ่านสนามบินสุวรรณภูมิสูงถึง 30,000 คน

b. แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q53 ของ THAI ในแง่ของการดำเนินงานที่แท้จริงย่อมติดลบ แต่เชื่อว่าค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องนั้น จะช่วยให้ THAI มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมากเพียงพอที่จะชดเชยการขาดทุนจากการดำเนินงานได้เช่นกัน

c. แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q53 ของ THAI นั้นเริ่มเห็นสัญญาณบวกมากยิ่งขึ้น เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ทำให้สายการบินหลายแห่งงดเที่ยวบินมาประเทศไทย เมื่อเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ THAI กลับได้ส่วนแบ่งการตลาดด้านนี้มากยิ่งขึ้น

 

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือ ผลการดำเนินงาน Alcoa

[Soda 36]

แวะมากดบวกให้อาจารย์

[ทองใหม่ 7,435]

แวะมากดบวกให้อาจารย์

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 12, 2010 โดย ทองใหม่

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[Honeymew 6]

!thk !thk !thk

[alvino8 3]

!01 !gd

[J.Weeny 0]

ข่าวสุดยอด เป็นประโยชน์มากๆค่ะ ขอบคุณค่ะ

[bbeem 71]

ขอบคุณค่ะ

[ทองใหม่ 7,435]

คัมภีร์ไร้เทียมทาน ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ห่วงไม่รักไม่บอกนะเนี่ย ฮาฮา แหย่เล่นจ้า

แนวหนุนต้านระยะกลางยาว จุดยุทธศาสตร์ที่สำมะคัน

ต้าน๓1247.5 ----------จุดสูงของวันที่30 มิย. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๒1225.0-----------จุดต่ำของวันที่23 มิย. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๑1214.40---------จุดสูงของวันที่02 กค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย หากแตก ให้ซื้อขึ้น

 

หนุน๑1185.00---------จุดต่ำของวันที่07กค. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น

หนุน๒1166.00---------จุดต่ำของวันที่21พค. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๓1145.00---------จุดต่ำของวันที่03มีค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อลงเทขายและเปลี่ยนเป็นซื้อขึ้น

 

เวลาอ่านแล้วต้องรู้จักคิดด้วยนะครับ เช่น"หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย" ต้องรู้จักคิดกลับ---"หากถึงและมีแรงส่งขึ้นต่อ ผู้ซื้อขึ้นก็ถือต่อ ผู้ซื้อลงให้ตัดเนื้อขายออกเสีย " อะไรทำนองนี้เป็นต้นนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง เอาแนวดูวิธีทองรายวันมาลงโดยไม่ได้แก้ เวลาดูให้ทำความเข่าใจเองนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในช่วงนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ

ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ

กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ