ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณมากค่ะ รบกวนถามอีกนิดค่ะ แล้วแบบนี้ เวลาที่ต้องใช้ภาษาจีนในการสือสาร (หมายถึงเขียน)เรามิสับสนเหรอคะ แล้วบางทีก้ออ่านไม่ออกค่ะ ที่อ่านไม่ออก คือ เราเรียนมาแบบไต้หวัน แต่ภาษาจีนที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้ เป็นแบบจีนแผ่นดินใหญ่ ยอมรับว่า สับสนค่ะ เลยคิดว่า นี่เราเรียนกะครูผิดคนรึป่าว น่าจะเรียนกะครู จีนแผ่นดินใหญ่มากกว่า :P

ที่เรียนมาไม่ผิดหรอกครับ สมัยผมเรียนก็แบบไต้หวัน พอเราสังเกตุจับหลักการของการย่อได้ มันง่ายนิดเดียวครับ ถึงจีนแผ่นดินใหญ่จะใช้ตัวย่อ แต่ส่วนใหญ่เขาก็อ่านจีนแบบดั้งเดิมได้เหมือนกันครับ :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ ประจำวันที่ 14 ก.ค. 53

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 14 กรกฎาคม 2553 10:12:08 น.

กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์

คำแนะนำการลงทุน Gold Futures

DAY TRADER

GFM10 ซื้อในช่วงราคา 18510 — 18560 ขายในช่วงราคา 18650 - 18700

GFQ10 ซื้อในช่วงราคา 18620 - 18680 ขายในช่วงราคา 18770 — 18800

SWING TRADER

ทิศทางราคาทองคำระยะกลางและระยะยาวยังคงเป็นทิศทางSIDEWAY UP โดยมีแนวรับและแนวต้านที่ 1200เหรียญและ1216เหรียญ คำแนะนำนักลงทุนรายวันให้เก็งกำไรในภาวะแกว่งตัวของตลาด นักลงทุนรายสัปดาห์รอดูความชัดเจน และคงถือครองLONG POSITION 50%ของPORTFOLIO

GFQ10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 18730 รอขายที่ระดับ 18900

ปัจจัยสำคัญ

ค่าเงินยุโรพุ่งขึ้น 0.97% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2711 ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2589 ดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าการประมูลตั๋วเงินคลังของรัฐบาลกรีซผ่านไปอย่างราบรื่นและสามารถระดมทุนได้ถึง 1.625 พันล้านยูโร ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป

 

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ A1 โดยมูดี้ส์ระบุว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสในครั้งนี้เป็นผลมาจากสถานะทางการเงินของโปรตุเกสมีแนวโน้มอ่อนแอลงในระยะกลาง ซึ่งในเบื้องต้นนั้น ข่าวดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันอย่างมากในตลาด

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนที่ 4.23 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้กระตุ้นดีมานด์การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้ากองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าถือครองทองคำแท่ง 1,314.819 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.304 ตันจากระดับของวันที่ 9 ก.ค.

 

กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดเข้าถือครองทองคำแท่งเท่าเดิมที่ระดับ 1314.819ตัน เมื่อวันที่13ก.ค. จากระดับของวันที่ 12ก.ค.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!thk ขอบคุณนะคะ งั้นพรุ่งนี้จะมาถาม อ.แต่เช้าละกัน(แบบว่าชอบ S มากเพราะตอนนี้มี L บนดอยเยอะแล้วเลยว่างจัดไม่มีไรให้ทำง่ะ) !uu

ทิศทางราคาทองคำระยะกลางและระยะยาวยังคงเป็นทิศทางSIDEWAY UP โดยมีแนวรับและแนวต้านที่ 1200เหรียญและ1216เหรียญ คำแนะนำนักลงทุนรายวันให้เก็งกำไรในภาวะแกว่งตัวของตลาด นักลงทุนรายสัปดาห์รอดูความชัดเจน และคงถือครองLONG POSITION 50%ของPORTFOLIO

 

คำตอบจะมีมาในข่าวสารที่ผมโพสต์อยู่แล้วครับ เขาเหล่านั้นเป็นมืออาชีพ ผมแค่มือสมัครเล่นครับ ฮาฮา

post-237-090716700 1279078447.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

EU แนะแบงก์ยุโรปเพิ่มทุน หาก stress test ชี้สถานะย่ำแย่

 

Posted on Wednesday, July 14, 2010

EU แนะแบงก์ยุโรปเพิ่มทุน หาก stress test ชี้สถานะย่ำแย่

 

เจ้าหน้าที่ในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) แนะนำให้ธนาคารพาณิชย์ในยุโรประดมทุนด้วยตนเองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ หากผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ออกมาพบว่าธนาคารอยู่ในกลุ่มเสี่ยง

 

แจน คีส์ เดอ เจเกอร์ รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับประเทศสมาชิกในกลุ่มยูโรโซนว่า ธนาคารในยุโรปอาจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะสามารถปรับโครงสร้างด้านการเงินได้

 

ขณะที่โอลี เรน คณะกรรมาธิการด้านกิจการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป กล่าวว่า ธนาคารในยุโรปควรจะหาวิธีการระดมทุนในตลาดเพื่อสร้างฐานเงินทุนให้แข็งแกร่งก่อน และหากไม่สำเร็จ จึงจะใช้วิธีการการยื่นขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นแนวทางต่อไป

 

คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS) กำลังทดสอบความแข็งแกร่งของธนาคาร 91 แห่งในยุโรป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าธนาคารเหล่านี้สามารถต้านทานภาวะขาดทุนอันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซ สเปน และโปรตุเกสได้

 

เจ้าหน้าที่กำลังหารือกันเรื่องการเปิดเผยผลการทดสอบ stress test และแนวทางในการเผยแพร่ต่อสาธารณะชน นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังผลักดันให้รัฐบาลของประเทศยุโรปเปิดเผยตัวเลขขาดทุนของธนาคารแต่ละแห่งด้วย

 

ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปที่เข้ารับการทดสอบ stress test ในครั้งนี้ คิดเป็น 60% ของอุตสาหกรรมธนาคารยุโรป รวมถึงดอยช์ แบงค์ เอจี ของเยอรมนี, บีเอ็นพี พาริบาส์ และไอเอ็นจี แบงค์ ของเนเธอร์แลนด์

 

ส่วนธนาคารพาณิชย์ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลเยอรมนี หรือที่เรียกกว่า "landesbanken" และธนาคารออมทรัพย์ของสเปน หรือที่เรียกว่า "cajas" ก็เข้ารับการทดสอบด้วยเช่นกัน

 

 

มูดี้ส์หั่นเครดิตโปรตุเกสลง 2 อันดับ

 

นักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปขานรับข่าวดีของผลประกอบการ อย่าง Alcoa รวมถึงการที่กรีซ สามารถเข็นพันธบัตรออกขายได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้ช่วยเหลือที่ได้รับจาก EU แต่ข่าวทางด้านลบก็ยังมีออกมา เมื่อบริษัทจัดอันดับเครดิต Moody’s Investors Service ออกมาปรับลดความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของโปรตุเกส

 

Moody’s Investors Service หั่นเครดิตเรทติ้งของโปรตุเกสลงสองอันดับ มาอยู่ที่ “A1” ด้วยความกังวลว่าเศรษฐกิจยังโตช้า ขณะภาระหนี้ภาครัฐเริ่มสูงขึ้น แต่รัฐบาลก็ปล่อยให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

 

Moody’s ระบุไว้ในแถลงการณ์ว่า สถานะความแข็งแกร่งทางการเงินของรัฐบาลโปรตุเกสมีแนวโน้มแย่ลง ซึ่งถ้าหากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างอย่างเป็นรูปธรรม ก็มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้ต่อเนื่องไปในระยะยาว

 

นักกลยุทธ์ตลาดพันธบัตร ของ Royal Bank of Scotland Group ในลอนดอน มองว่า การประกาศหั่นเครดิตของโปรตุเกส ทำให้หลายคนหันกลับมาจับตาดูกรณีของประเทศสเปนด้วยเช่นกัน โดยประเมินว่า สเปนจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลงสองอันดับ เหมือนกับกรณีของโปรตุเกส และถ้าลงไปดูในส่วนข้อมูลทางการคลัง โปรตุเกสมีสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณที่สูงถึง 9.3% ของจีดีพีในปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่ทางอียูกำหนดไว้ว่าไม่ควรเกินระดับ 3%

 

อย่างไรก็ดี ตัวเลขของโปรตุเกสยังถือว่าดีกว่าอีก 3 ประเทศเป็นอย่างน้อย เมื่อเทียบกับของไอร์แลนด์ ที่มีสัดส่วนการขาดดุลภาครัฐสูงที่สุดในยุโรป ที่ 14.3% ต่อจีดีพี ตามมาด้วยกรีซที่สถานะการคลังขาดดุลอยู่ 13.6% ขณะตัวเลขของสเปนอยู่ที่ 11.2%

 

 

ประธานเฟดจี้แบงค์ปล่อยกู้ให้ SMEs มากขึ้น

 

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมใช้มาตรการกดดันให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มปริมาณการปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็กภายในประเทศ โดยระบุว่าการเปิดทางให้ธุรกิจประเภทดังกล่าวเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและจะช่วยลดอัตราว่างงานลงด้วย

 

การแสดงความคิดเห็นครั้งล่าสุดของเบอร์นันเก้มีขึ้นในที่ประชุมเฟด มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐพยายามฟื้นฟูธุรกิจขนาดเล็กที่ประสบปัญหาด้านการเงิน และพยายามดิ้นรนขอเงินกู้เพื่อขยายธุรกิจและการจ้างงาน

 

เบอร์นันเก้กล่าวยืนยันว่าจะผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้มากขึ้น

 

เบอร์นันเก้ยังกล่าวด้วยว่า ความเหลื่อมล้ำระหว่างบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามคาด และอาจทำให้เศรษฐกิจถึงกับตกอยู่ในภาวะชะงักงัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วธุรกิจขนาดเล็กจัดเป็นเสาหลักสำหรับการกระตุ้นการจ้างงานในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นตัว

 

เบอร์นันเก้กล่าวในที่ประชุมเฟดว่า "บริษัทขนาดเล็กมีตัวเลขการจ้างงานประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนชาวอเมริกันทั้งหมด หรือคิดเป็น 60% ของตัวเลขการจ้างงานโดยรวม โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กรายๆใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตัวในตลาดได้ไม่ถึง 2 ปี บริษัทกลุ่มนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก

 

ในช่วงที่ผ่านมานั้น การปล่อยเงินกู้ให้กับริษัทขนาดเล็กในสหรัฐปรับตัวลดลงแม้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นก็ตาม โดยอัตราการปล่อยเงินกู้ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้มีอยู่ไม่ถึง 670,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับกว่า 710,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงิน

 

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทขนาดเล็กจะเพิ่มขึ้นไม่มากนักในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อขยายกิจการและการจ้างงาน และความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

 

นอกจากนี้ เฟดระบุว่า ยอดการกู้ยืมเงินผู้บริโภคในสหรัฐเดือนพ.ค.ร่วงลง 9,100 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะลดลงเพียง 2.3 พันล้านดอลลาร์

 

ตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้บริโภคจำนวนมากลังเลที่จะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังคงอ่อนแอ

 

ผู้บริโภคของสหรัฐกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินลดลงเป็นเวลาติดต่อกัน 15 เดือน เนื่องจากภาคครัวเรือนต้องรัดเข็มขัดเพื่อการอยู่รอดในยามที่เศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนและตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัว ขณะที่นักวิเคราะห์กังวลว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคสหรัฐที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะเปราะบาง เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐนั้น ยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ

 

 

IEA คาดดีมานด์น้ำมันทั่วโลกเพิ่ม 1.6% ปีหน้า

 

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 1.6% หรือ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 87.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาขยายตัวขึ้น

 

การคาดการณ์ของ IEA ในครั้งนี้ถือเป็นการคาดการณ์ครั้งแรกสำหรับความต้องการน้ำมันในปีหน้า ขณะที่ได้คงคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ไว้ที่ 86.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

IEA กล่าวว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกนั้น จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของการขยายตัวของดีมานด์ปีหน้า ซึ่งลดลงจากระดับ 50% ในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลจีนเริ่มลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน NYMEX เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้อ่อนตัวลงมาแล้ว 6% ในปีนี้ หลังจากที่สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มไม่แน่นอน

 

IEA ระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจจะต้องจัดหาน้ำมันดิบป้อนตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า เนื่องจากการขยายตัวของอุปทานในประเทศที่อยู่นอกกลุ่มโอเปคชะลอตัวลง

 

โอเปคซึ่งมีผลผลิตน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 40% ของผลผลิตทั่วโลกนั้น จะต้องจัดหาน้ำมันเฉลี่ย 29.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า หรือมากกว่าปีนี้ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน

 

สำหรับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปคนั้น IEA คาดว่าจะช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันอีก 4 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 52.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของอัตราการขยายตัวในปีนี้ โดยอุปทานที่เพิ่มขึ้นจะมาจากประเทศบราซิล อาเซอร์ไบจัน โคลัมเบีย กาน่า และโอมาน ส่วนอุปทานในทะเลเหนือจะลดลง

 

 

จีนเสี่ยงเผชิญหนี้เสียเพิ่ม หลังยอดปล่อยกู้ปีที่แล้วพุ่งสูง

 

ผลการสำรวจความคิดเห็นของธนาคารพาณิชย์ในประเทศจีนซึ่งจัดทำโดยไชน่า โอเรียนท์ แอสเซท แมเนจเมนท์ คอร์ป พบว่า อุตสาหกรรมการธนาคารของจีนอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะมีตัวเลขหนี้เสียเพิ่มขึ้นในอีก 2 -3 ปีข้างหน้านี้

 

เนื่องจากธนาคารได้ปล่อยวงเงินกู้จำนวนมากในปี 2552 โดยคาดว่าตัวเลขหนี้เสียจะพุ่งขึ้นสูงสุดในปี 2555 โดยส่วนใหญ่จะเป็นเงินกู้ที่ปล่อยให้กับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน

 

อย่างไรก็ดี ธนาคารส่วนใหญ่ที่ร่วมในการสำรวจคาดว่า สัดส่วนหนี้เสียมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยในปีนี้

 

สำหรับความเสี่ยงสูงสุดที่ธนาคารจะเผชิญ ได้แก่ ความเสี่ยงในการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ เงินกู้ที่ปล่อยให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และเงินกู้ที่ปล่อยให้กับรัฐวิสาหกิจ

 

ธนาคารเครดิต อกริโคล เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อัตราการขยายตัวของสินเชื่อพุ่งสูงมาก ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง โดยธนาคารคาดว่าตัวเลขหนี้เสียในอุตสาหกรรมการธนาคารของจีนจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในอีก 2 -3 ปีข้างหน้า หลังจากอัตราการปล่อยสินเชื่อขยายตัวอย่างมาก

 

นอกจากนี้ ธนาคารระบุว่าความเสี่ยงของสินเชื่อที่ปล่อยให้กับบริษัทด้านการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นนั้น ควรจับตาดูมากเป็นพิเศษ

 

นายเต๋า ตง นักวิเคราะห์จากเครดิตสวิส คาดว่าตัวเลขหนี้ค้างชำระของบริษัทการเงินท้องถิ่นของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8 ล้านล้านหยวนภายในปีนี้ หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของยอดเงินกู้รวมในอุตสาหกรรมการเงิน และคิดเป็นร้อยละ 24 ของจีดีพีจีน

 

ทั้งนี้ นายเต๋ากล่าวว่า ยอดเงินกู้เหล่านี้จะกลายเป็นระเบิดเวลาที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจจีนในอีก 3 ปีข้างหน้า

 

 

เอเชียรั้งแชมป์นักช็อปออนไลน์ของโลก

 

บริษัทวิจัยนีลสันเผย ชาวเอเชียแปซิฟิกเป็นลูกค้าตลาดออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในโลก และลูกค้าจำนวนมากพึ่งบทวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ

 

บริษัทวิจัยตลาดดังกล่าวระบุว่า 35% ของลูกค้าในภูมิภาคเอเชียใช้เงินเกิน 11% ของรายจ่ายประจำเดือนเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ เมื่อเทียบกับลูกค้าโดยเฉลี่ยทั่วโลกเพียง 27%

 

เกาหลีใต้เป็นลูกค้าตลาดออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งมีมากกว่า 59% ที่ซื้อสินค้าออนไลน์เกิน 11% ของรายจ่ายประจำเดือน ตามด้วยลูกค้าจากจีนที่มี 41%

 

นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าในเอเชียอีก 31% ที่ใช้เงินช้อปสินค้าออนไลน์ 6-10% ของรายจ่ายประจำเดือน

 

นีลสันชี้ว่า ลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกเป็นนักช้อปออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีแนวโน้มสุงขึ้นอีกใน 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งเกาหลีใต้ และจีนน่าจะผู้จับจ่ายมากที่สุด

 

สำหรับสินค้า ที่นักช็อปออนไลน์ในเอเชียน่าจะซื้อมากที่สุดในอีก 6 เดือนข้างหน้าคือ หนังสือ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า ตั๋วเครื่องบิน อุปกรณ์ไฟฟ้า และบริการจองโรงแรม

 

นีลสันยังเสริมว่า ความคิดเห็น ซึ่งโพสต์ทางอินเทอร์เน็ต นั้นมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องไฟฟ้า เครื่องสำอางค์ รถยนต์ ซอฟต์แวร์ และอาหาร

 

นอกจากนี้ ลูกค้าออนไลน์ในเอเชียยังน่าจะเป็นผู้ที่แสดงความไม่พอใจต่อสินค้าด้วยการโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตมากที่สุด เมื่อเทียบกับลูกค้าจากภูมิภาคอื่น และยังได้บอกเพิ่มเติมว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น สื่อสังคมออนไลน์ อย่างเฟซบุค และทวิตเตอร์ รวมถึงบล็อคต่างๆ กลายเป็นเครื่องมือทรงพลัง ที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในการซื้อสินค้า และกระตุ้นให้เกิดแนวโน้มทางธุรกิจในอนาคต

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 13 ก.ค. 53)

• ดุลการค้าระหว่างประเทศ (พ.ค.) ขาดดุล 42,300 ล้านดอลลาร์ (ขาดดุลมากกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 14 ก.ค. 53)

• ยอดค้าปลีก (มิ.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• ราคานำเข้า-ส่งออก (มิ.ย.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (พ.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

• ตัวเลขน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA

• สรุปรายงานการประชุมเฟด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2553

 

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ เฮียทองใหม่ ข่าวสารข้นทุกวัน ให้ 1 คะแนน

รบกวนถามข่าวนิดค่ะเฮีย เมื่อครู่ได้ข่าวว่าจะมี Bank อเมริกาล้ม มีความน่าเชื่อถือแค่ไหนค่ะ เฮียพอได้ข่าววันนี้บ้างหรือเปล่าค่ะ

กลัวว่าเป็นแค่การปล่อยข่าวเพื่อเก็งกำไรค่ะ (ได้ยินมาจากในร้านทอง) :lol: !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ เฮียทองใหม่ ข่าวสารข้นทุกวัน ให้ 1 คะแนน

รบกวนถามข่าวนิดค่ะเฮีย เมื่อครู่ได้ข่าวว่าจะมี Bank อเมริกาล้ม มีความน่าเชื่อถือแค่ไหนค่ะ เฮียพอได้ข่าววันนี้บ้างหรือเปล่าค่ะ

กลัวว่าเป็นแค่การปล่อยข่าวเพื่อเก็งกำไรค่ะ (ได้ยินมาจากในร้านทอง) :lol: !thk !thk

ไม่มีครับ ผมยังอ่านไม่เจอข่าวนี้เลยครับ

post-237-034725800 1279083372.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

14 ก.ค. 2553

 

 

ตลาดทองเอเชีย:ราคาทองทรงตัวเหนือ 1,210 ดอลล์หลังพุ่งแรงวานนี้

 

 

ราคาทองทรงตัวในเช้าวันนี้ หลังพุ่งขึ้นเกือบ 2% วานนี้ เมื่อความวิตก

เกี่ยวกับปัญหาหนี้สินในยูโรโซนได้หนุนความน่าดึงดูดใจของทองในฐานะแหล่งลงทุน

ที่ปลอดภัยจากความเสี่ยง และในฐานะการลงทุนทางเลือกที่นอกเหนือจากสกุลเงิน

แต่ราคาทองที่ระดับสูงก็กระตุ้นแรงเทขายในตลาด

ณ เวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ

1,210.90 ดอลลาร์/ออนซ์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดในตลาดสปอตนิวยอร์ค

เมื่อวานนี้ที่ระดับ 1,210.65 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองสปอตพุ่งขึ้นสูงถึง 1,217.60 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวานนี้

หลังมูดี้ส์ได้ปรับลดอันดับเครดิตของโปรตุเกส

สัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด COMEX อยู่ที่ 1,211.20

ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเทียบกับระดับปิดวานนี้ที่ 1,213.50 ดอลลาร์ โดยราคา

ไดัแตะ 1,218.80 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.

กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุด

ในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองคำที่ระดับ 1,314.819 ตัน

ณ วันที่ 13 ก.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งการถือครองทองคำ

ได้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ได้ลดลงจากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่

1,320.436 ตันเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.

 

แหล่งที่มา : รอยเตอร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ทองคำ (14-07-53)

 

14 ก.ค. 2553

 

 

 

สรุปภาวะตลาดก่อนหน้านี้

ทั้งราคาโกลด์ฟิวเจอร์สและทองคำสปอตต่างแกว่งตัวเพิ่มขึ้นรุนแรง ในขณะที่ราคาทองคำสปอตแกว่งตัวเพิ่มขึ้นและผันผวนรุนแรงมากขึ้นหลังTFEXปิดทำการ เงินบาททรงตัว ทองคำแท่งสมาคมปิดที่ 18,450/18,550 บาท

 

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้

รายงาน ZEW ของเยอรมันมีรายละเอียดที่ไม่ชัดเจนเท่าใดนักกล่าวคือนักวิเคราะห์เริ่มมองแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมันในแง่ลบมากขึ้นในขณะที่พวกเขากลับประเมินสถานการณ์ปัจจุบันไว้ดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน รายงานดังกล่าวจึงไม่สามารถส่งผลผลักดันสินทรัพย์ต่างๆได้มากนัก [ZEW, AFC Research]

สถาบันจัดอันดับสินเชื่อมูดีส์ตัดสินใจลดความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น จาก Aa2 เป็น A1 โดยให้ความเห็นว่าทั้งสถานะการเงินของภาครัฐและการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะยังค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งมูดีส์ได้ให้มุมมองแนวโน้มที่เป็นกลาง รายงานดังกล่าวจึงไม่ได้ส่งผลต่อสินทรัพย์ใดๆมากนัก [Mooody's, AFC Research]

นักลงทุนยังมีการซื้อขายสินทรัพย์ต่างๆในทิศทางบวกโดยยกผลประกอบการของอัลโคที่เปิดเผยออกมาดีกว่าคาดเป็นแนวทาง ซึ่งเรามองว่าการกระทำดังกล่าวเกิดจากปัจจัยทางจิตวิทยามากกว่าปัจจัยพื้นฐานคือรายงานผลประกอบการดังกล่าวเป็นการสร้างความหวังของนักลงทุนว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นได้อย่างจริงจัง นักลงทุนทั้งในยุโรปและสหรัฐฯจึงเข้ามาซื้อสินทรัพย์ต่างๆทั้งหุ้นและสินค้าวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งก็ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย [bloomberg, Reuters, AFC Research]

วันนี้นักลงทุนอาจนำผลประกอบการของอินเทลที่เปิดเผยออกมาค่อนข้างดีเมื่อคืนนี้มาเล่นผลักดันราคาอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่นักลงทุนสหรัฐฯอาจยังรอรายงานยอดค้าปลีกและมุมมองของเฟดที่จะเปิดเผยในคืนนี้

 

 

แนวโน้มทองคำวันนี้

ผลประกอบการของอินเทลที่ออกมาดีอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำได้ในตลาดเอเชียและยุโรป ก่อนที่นักลงทุนสหรัฐฯจะเริ่มขายทำกำไรสินทรัพย์ต่างๆเพื่อรอรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้และวันพรุ่งนี้ เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวขึ้นได้ระหว่างวัน ก่อนปรับตัวลดลงช่วงข้ามคืน" และแนะนำให้ "สะสม SHORT เมื่อราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นระหว่างวัน"

 

 

มุมมองทองคำ

สถานะของทองคำและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังผันผวน นักลงทุนจะต้องติดตามความคืบหน้าของปัญหาต่างๆ และแนวโน้มเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาคอย่างใกล้ชิด

post-237-063760400 1279083552.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตะกี้หลบไปทานเช้าและทำสูตรคัมภีร์ไร้เทียมทาน ทำเสร็จแล้วโพสต์เลยจ้า

คัมภีร์ไร้เทียมทาน ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ห่วงไม่รักไม่บอกนะเนี่ย ฮาฮา แหย่เล่นจ้า

แนวหนุนต้านระยะกลางยาว จุดยุทธศาสตร์ที่สำมะคัน

ต้าน๓1265.10 ----------สถิติจุดสูงสุด หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๒1247.40-----------จุดสูงของวันที่30 มิย. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๑1224.51-----------เส้นค่าเฉลี่ย20 หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย หากแตก ให้ซื้อขึ้น

 

วันที่ 14 กค. 2010

 

หนุน๑1195.50--------จุดต่ำของวันที่13กค. ผู้ซื้อขึ้นจะป้องกันขาดทุนในจุดนี้

หนุน๒1185.00---------จุดต่ำของวันที่7กค. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๓1166.00---------จุดต่ำของวันที่21พค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อลงเทขายและเปลี่ยนเป็นซื้อขึ้น

 

เวลาอ่านแล้วต้องรู้จักคิดด้วยนะครับ เช่น"หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย" ต้องรู้จักคิดกลับ---"หากถึงและมีแรงส่งขึ้นต่อ ผู้ซื้อขึ้นก็ถือต่อ ผู้ซื้อลงให้ตัดเนื้อขายออกเสีย " อะไรทำนองนี้เป็นต้นนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง เอาแนวดูวิธีทองรายวันมาลงโดยไม่ได้แก้ เวลาดูให้ทำความเข่าใจเองนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในช่วงนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ

ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ

กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

ขอบคุณค่ะอ.ทองใหม่ !031 !01 !10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตะกี้หลบไปทานเช้าและทำสูตรคัมภีร์ไร้เทียมทาน ทำเสร็จแล้วโพสต์เลยจ้า

คัมภีร์ไร้เทียมทาน ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ห่วงไม่รักไม่บอกนะเนี่ย ฮาฮา แหย่เล่นจ้า

แนวหนุนต้านระยะกลางยาว จุดยุทธศาสตร์ที่สำมะคัน

ต้าน๓1265.10 ----------สถิติจุดสูงสุด หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๒1247.40-----------จุดสูงของวันที่30 มิย. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๑1224.51-----------เส้นค่าเฉลี่ย20 หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย หากแตก ให้ซื้อขึ้น

 

วันที่ 14 กค. 2010

 

หนุน๑1195.50--------จุดต่ำของวันที่13กค. ผู้ซื้อขึ้นจะป้องกันขาดทุนในจุดนี้

หนุน๒1185.00---------จุดต่ำของวันที่7กค. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๓1166.00---------จุดต่ำของวันที่21พค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อลงเทขายและเปลี่ยนเป็นซื้อขึ้น

 

เวลาอ่านแล้วต้องรู้จักคิดด้วยนะครับ เช่น"หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย" ต้องรู้จักคิดกลับ---"หากถึงและมีแรงส่งขึ้นต่อ ผู้ซื้อขึ้นก็ถือต่อ ผู้ซื้อลงให้ตัดเนื้อขายออกเสีย " อะไรทำนองนี้เป็นต้นนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง เอาแนวดูวิธีทองรายวันมาลงโดยไม่ได้แก้ เวลาดูให้ทำความเข่าใจเองนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในช่วงนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ

ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ

กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

 

 

!thk !thk !gd !gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...