ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

หวัดดีค่ะ อาจารย์ทองใหม่ ไปหาหมอ ผลเป็นยังไงบ้างคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หวัดดีค่ะ อาจารย์ทองใหม่ ไปหาหมอ ผลเป็นยังไงบ้างคะ

ยังไม่มีไรครับ วันที่22นี่ต้องไปที่รามาอีกครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ.ทองใหม่กลับมาแล้วเหรอคะ.. เร็วจัง..เห็นบอกว่าจะกลับมาประมาณเที่ยง

ขอให้ผลการตรวจออกมาดีขึ้น..ดีขึ้นนะคะ :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ.ทองใหม่กลับมาแล้วเหรอคะ.. เร็วจัง..เห็นบอกว่าจะกลับมาประมาณเที่ยง

ขอให้ผลการตรวจออกมาดีขึ้น..ดีขึ้นนะคะ :rolleyes:

วันนี้โรงบาลคลองหลวงคนป่วยน้อย เลยกลับเร็ว วันที่22ต้องไปโรงบาลรามา กว่าจะได้กลับถึงบ้าน วันนั้นต้องเย็นแน่ๆครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิกฤตไอร์แลนด์จ่อเป็นวาระสำคัญในที่ประชุมรมว.คลัง EU

 

Posted on Tuesday, November 16, 2010

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (จ. 15 พ.ย. 53)

• ยอดค้าปลีก (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า

• สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ก.ย.) เพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อ. 16 พ.ย. 53)

• ดัชนีราคาผู้ผลิต (ต.ค.) โดย กระทรวงแรงงาน

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (ต.ค.) โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ

• ดัชนีตลาดอสังหาริมทรัพย์ (พ.ย.) โดย สมาคมผู้รับสร้างบ้านแห่งชาติ

 

 

วิกฤตไอร์แลนด์จ่อเป็นวาระสำคัญในที่ประชุมรมว.คลัง EU

 

สำนักข่าวซินหัวระบุว่า รัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) เตรียมเปิดประชุมรายเดือนในวันอังคารที่ 16 พ.ย.นี้คาดว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์อาจเป็นวาระหลักของการประชุมในครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าวกำลังทำให้หลายฝ่ายจับตาดูว่าไอร์แลนด์จะขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากต่างประเทศ เพื่อป้องกันการลุกลามของวิกฤตการเงินหรือไม่

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า การเจรจาเรื่องการให้ความช่วยเหลือแก่ไอร์แลนด์ระหว่างเจ้าหน้าที่ EU และรัฐบาลไอร์แลนด์ยังคงดำเนินต่อไป แม้ทางไอร์แลนด์ปฏิเสธว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสดแบบเร่งด่วนก็ตาม

 

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไอร์แลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 9% เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542 ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินจากตลาดการเงินของรัฐบาลไอร์แลนด์ปรับตัวพุ่งขึ้นอีก

 

ขณะเดียวกันมีกระแสความวิตกกังวลว่า ไอร์แลนด์อาจจะเผชิญปัญหาเหมือนกับกรีซ และวิกฤตอาจแผ่ขยายวงกว้าง ซึ่งจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน

 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไอร์แลนด์ย้ำว่า รัฐบาลยังสามารถรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งไปจนถึงช่วงกลางปี 2554 และปฏิเสธที่จะขอความช่วยเหลือจากกองทุนฉุกเฉินที่ก่อตั้งโดย EU และ IMF เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบกับวิกฤตหนี้

 

นายโฮเซ่ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า EU พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ไอร์แลนด์

 

รัฐมนตรีคลังจากเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่กรุงโซล เพื่อพยายามสยบกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในไอร์แลนด์ โดยระบุว่า แผนการผลักดัน “ให้นักลงทุนมีส่วนร่วมในการแบกรับต้นทุนการให้ความช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์นั้น” จะไม่ส่งผลกระทบต่อการการจัดการหนี้สาธารณะในปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในตลาดส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคำกล่าวของนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีซึ่งยืนกรานมาโดยตลอดว่า นักลงทุนไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการให้ความช่วยเหลือในภาคธนาคาร และประชาชนผู้เสียภาษีไม่ควรต้องแบกภาระต้นทุนของการลงทุนที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง

 

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่วิกฤตหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์จะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในกลุ่ม EU เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนและโปรตุเกสพุ่งขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

 

วิกฤตหนี้ไอร์แลนด์ถูกจับตามองมาตั้งแต่เดือนก.ย. หลังรัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศว่าอาจจะต้องอัดฉีดเงินกว่า 3 หมื่นล้านยูโร เพื่อพยุงกิจการของแองโกล-ไอริชแบงค์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของไอร์แลนด์ในปี 2553 พุ่งขึ้นเป็น 32% ของจีดีพี จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 11%

 

นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่า ต้นทุนในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารของไอร์แลนด์อาจพุ่งสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าไอร์แลนด์อาจเผชิญการผิดนัดชำระหนี้

 

 

โอบามาจ่อเผชิญโจทย์หินเศรษฐกิจ หลังจบภารกิจเยือนเอเชีย

 

หลังจากจบทริปการเดินทางเยือนเอเชียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ก็ต้องเตรียมใจเผชิญศึกหนักที่กำลังรออยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่ยังค้างคาทั้งเรื่องในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงมาตรการทางการค้าไปจนถึงเรื่องภาษี ขณะที่ทางพรรครีพับลิกันก็กำลังเดินเครื่องทดสอบผู้นำสหรัฐฯ ภายหลังคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหนล่าสุด

 

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจเยือน 4 ประเทศในเอเชียว่า สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากทริปนี้ รวมถึงผลการเลือกตั้งที่ออกมา ก็คือ การวางเฉยของทางวอชิงตันจะทำให้ประเทศตกอยู่ในสภาวะเสียประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ขณะที่คนอเมริกันต้องการที่จะเห็นความคืบหน้าสำหรับการฟื้นฟูสถานะการแข่งขันของประเทศ

 

และการเปิดสภาในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังจะเจอขั้วอำนาจใหม่ในคองเกรส หลังพรรครีพับลิกันกวาดเข้ายึดสภาล่าง ขณะที่ในวุฒิสภา ทางฝั่งเดโมแครตก็เหลือที่นั่งที่เป็นเสียงข้างมากน้อยลง

 

ส่วนเรื่องนโยบายที่ยังค้างคาและต้องการหาข้อสรุปให้ได้ในเวลานี้ก็คือ การหาทางประนีประนอมเพื่อขยายมาตรการลดภาษีเงินได้ที่ดำเนินต่อเนื่องมาจากสมัยประธานาธิบดี บุช และยังมีเรื่องการเจรจาหาข้อสรุปสำหรับข้อตกลงเสรีทางการค้าฉบับแก้ไขที่ทำไว้กับเกาหลีใต้ หรือแม้แต่การเซ็นข้อตกลงในสนธิสัญญาทางด้านอาวุธนิวเคลียร์กับรัสเซีย

 

 

เฟดสาขาริชมอนด์ชี้ QE2 เพิ่มความเสี่ยงให้กับสหรัฐฯ

 

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบต่อมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

นายเจฟฟรีย์ แล็กเกอร์ ผู้ว่าการเฟดสาขา ริชมอนด์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า โดยส่วนตัวเค้าไม่เห็นด้วยกับนโยบายผ่อนปรนเชิงปริมาณผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาว หรือ มาตรการ QE2 ของสหรัฐฯ มูลค่า 6 แสนล้าน ที่เพิ่งประกาศใช้ไปในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เพราะเจฟฟรีย์ มองว่าเป็นนโยบายที่สร้างความเสี่ยงให้กับตลาดการเงินและไม่มีประสิทธิภาพ

 

เจฟฟรีย์ แล็กเกอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การตัดสินใจต่างๆ ได้ถูกตัดสินใจไปแล้ว แต่ตัวเข้าเป็นหนึ่งคนที่มองว่าการตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวมีความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์ โดยผู้ว่าการเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า นโยบายการเงินนั้นสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงานได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น

 

นอกจากนี้ เจฟฟรีย์ แล็กเกอร์ ยังได้กล่าวอีกว่า การที่ผู้นำจากหลากหลายประเทศออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการ QE2 ของเฟด และกล่าวหาว่าสหรัฐฯ จงใจที่จะใช้นโยบายดังกล่าวในการกดค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนเพื่อสนับสนุนการส่งออก ถือว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและไม่ยุติธรรมต่อสหรัฐฯ

 

อย่างไรก็ดี ผู้ว่าเฟดสาขาริชมอนด์ท่านนี้ยังไดบอกอีกว่า เฟดได้มีเครื่องมือที่จำเป็นในการถอนสภาพคล่องออกจากระบบเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

 

ขณะที่ อาวัง อาเดค ฮัสซิน รมช.กระทรวงคลังมาเลเซียเปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียจะจับตาดูผลกระทบของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับแนะนำว่า ทุกฝ่ายไม่ควรที่จะตื่นเต้นกับมาตรการ QE มากจนเกินไป

 

อาวัง อาเดค กล่าวว่า มาตรการ QE2 อาจจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าไปยังประเทศอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุน และตลาดการนำเข้าและส่งออก

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่มาเลเซียจะส่งผลให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพหรือไม่ นายอาวัง อาเดคกล่าวว่า เศรษฐกิจมาเลเซียมีเสถียรภาพแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้

 

 

การท่องเที่ยวออสเตรเลียตั้งเป้าดูดนักท่องเที่ยวเอเชียเพิ่ม

 

รายงานของคณะกรรมการประมาณการด้านการท่องเที่ยว ระบุว่า การท่องเที่ยวของออสเตรเลียมีเป้าหมายที่จะดึงดูดจำนวนนักท่องเที่ยวจากเอเชียเพิ่มขึ้นในอนาคต

 

โดยรายงานระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังออสเตรเลียคาดว่าจะเติบโต 5.3% ในปี 2553 และเพิ่มขึ้นเป็น 5.6% ในปี 2554 เนื่องจากจำนวนนักท่องเทียวจากเอเชียเพิ่มสูงขึ้น

 

มาร์ติน เฟอร์กูสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวของออสเตรเลีย กล่าวว่า ผลการประเมินได้บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างออสเตรเลียและเอเชีย เนื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคดังกล่าวมีสัดส่วนสูงสุดของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังออสเตรเลีย

 

แถลงการณ์ของเฟอร์กูสัน ระบุว่า เศรษฐกิจของออสเตรเลียยังมีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของเอเชียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นการสะท้องถึงแนวโน้มของการส่งออกของอุตสาหกรรมอื่นๆ

 

นอกจากนี้ เฟอร์กูสันประกาศว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศออสเตรเลีย ได้จัดเตรียมงบประชาสัมพันธ์จำนวน 150 ล้านดอลลาร์ ในการประชาสัมพันธ์แคมเปญ "There's Nothing Like Australia" ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยแคมเปญดังกล่าวรวมถึงงบประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ของรัฐบาลในการทำการตลาดในจีนมากขึ้น

 

นิค เชอร์รี่ วุฒิสมาชิกที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่า การคาดการณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวมีความสอดคล้องกับรายงานทิศทางการท่องเที่ยวโลกขององค์การสหประชาชาติ ที่ระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากเอเชียเพิ่มขึ้น 14% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2553

 

อย่างไรก็ตาม วุฒิสมาชิกเชอร์รี่ ชี้ว่า หนึ่งในความท้าทายของการท่องเที่ยวของออสเตรเลียก็คือ จำนวนนักท่องเที่ยวจากเอเชียอาจเพิ่มขึ้น 15% ในปีนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย

 

นอกจากนี้ นายเชอร์รี่กล่าวเสริมว่า "เราส่งเสริมให้ชาวออสเตรเลียท่องเที่ยวในประเทศด้วยแคมเปญจ์ "No Leave No Life" ซึ่งมีเป้าหมายส่งเสริมให้พนักงานใช้วันลาพักและเดินทางพักผ่อนในออสเตรเลีย"

 

 

คุณภาพอากาศยานที่ย่ำแย่ ป่วนอุตสาหกรรมสายการบิน

 

สายการบินแควนตัสของออสเตรเลียเปิดเผยว่า เครื่องบินโบอิ้ง 747 ของแควนตัสที่กำลังมุ่งหน้าไปยังอาร์เจนตินาต้องบินกลับไปยังนครซิดนีย์ของออสเตรเลียในวันนี้ เนื่องจากมีปัญหาระบบไฟฟ้า

 

เที่ยวบินดังกล่าวที่มีผู้โดยสารบนเครื่อง 199 คน ลงจอดยังท่าอากาศยานซิดนีย์อย่างปลอดภัย หลังบินวนอยู่นานสองชั่วโมง

 

แถลงการณ์ของสายการบินระบุว่า เครื่องบินมีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า แต่ไม่ระบุรายละเอียด และว่า ไม่มีการสูญเสียความดันอากาศหรือออกซิเจนในห้องโดยสาร

 

สายการบินแควนตัสเผชิญปัญหาด้านความปลอดภัยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเครื่องบินเอ 380 ที่มีผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่อง 466 คน ต้องร่อนลงจอดฉุกเฉินในสิงคโปร์หลังบินขึ้นได้ไม่นานเพราะมีปัญหาเครื่องยนต์

 

จากนั้นในวันถัดมา เครื่องบินโบอิ้ง 747 เที่ยวบินมุ่งหน้านครซิดนีย์ ก็ต้องบินกลับสิงคโปร์เนื่องจากมีปัญหาเครื่องยนต์เช่นกัน

 

และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เที่ยวบินที่มุ่งหน้านครเมลเบิร์น พร้อมผู้โดยสาร 234 คน ต้องบินกลับเมืองเพิร์ท ในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย เพราะเครื่องยนต์สั่น

 

สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลนส์เริ่มให้บริการเครื่องบินแอร์บัส A380 2 ใน 3 ลำที่เคยสั่งระงับการบินชั่วคราว ภายหลังเปลี่ยนเครื่องยนต์จากบริษัทโรลส์รอยซ์แล้ว หลังพบรอยเปื้อนคราบน้ำมันที่เครื่องยนต์

 

โฆษกสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลนส์ แถลงว่า เครื่องบิน 2 ลำดังกล่าวให้บริการช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนเครื่องลำที่ 3 กำลังตรวจสอบอยู่ ภายหลังพบรอยเปื้อนคราบน้ำมันจึงสั่งเปลี่ยนเครื่องยนต์หมดทั้งสามลำเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน

 

สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลนส์มีบริการเครื่องบินโดยสารแอร์บัสเอ380 จำนวน 3 ลำจากที่สั่งซื้อทั้งหมด 11 ลำโดยอีก 8 ลำอยู่ในระหว่างการจัดซื้อ.

 

 

จีนอาจใช้นโยบายคุมการเก็งกำไร-สกัดเงินร้อน

 

นายหม่า เต๋อหลุน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนอาจจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายด้านการเงิน เพื่อสกัดกั้นกระแสเงินเก็งกำไร และป้องกันกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าสู่ประเทศ

 

หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายหม่าว่า เครื่องมือที่จีนคาดว่าจะนำมาใช้นั้น ครอบคลุมถึงการกำหนดเพดานสำรองสภาพคล่อง การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการดำเนินการในตลาดเปิด เพื่อป้องกันการไหลข้าวของกระแสเงินร้อน

 

นอกจากนี้ นายหม่ากล่าวว่า ธนาคารกลางจีนจะติดตามดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ พร้อมกับกล่าวว่า จีนจะยังคงสนับสนุนการปฏิรูปกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน

 

ขณะที่ จาง เจียนหัว ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยของธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า จีนควรจะกลับมาใช้นโยบายการเงินที่มั่นคงโดยเร็วที่สุด เมื่อพิจารณาจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนประกาศเพิ่มเพดานสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ไปแล้ว 5 ครั้งในปีนี้ และได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในช่วง 3 ปีเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดที่สูงเกินไปและจากการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อ เมื่อเร็วๆนี้ ตลาดต่างคาดการณ์ว่า จีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในปีนี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

 

 

ICBC ปฏิเสธข่าวระงับการปล่อยกู้แก่บ.พัฒนาอสังหาฯ

 

ดิ อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC) อ้างว่า ธนาคารไม่ได้ระงับการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

 

ไชน่า เรียล เอสเตท บิสิเนส รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่าแบงก์ของรัฐ 4 แห่ง ระงับการปล่อยเงินกู้เพื่อการพัฒนาอสังหา เมื่อช่วงสิ้นเดือนต.ค.และจะไม่ปล่อยกู้เพิ่มในช่วงที่เหลือของปี

 

เซียะ ไทเฟิง เจ้าหน้าที่ของ ICBC กล่าวว่า การปล่อยกู้ของธนาคารขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธนาคารจะพิจารณาตรวจสอบโครงการและบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ อย่างเข้มงวด

 

ด้านโฆษกของไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ กล่าวว่า ธนาคารยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการระงับการปล่อยกู้ และจะขอยืนยันข่าวดังกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน

 

 

ศูนย์สารสนเทศจีนคาดจีดีพีขยายตัว 8.7% ใน Q4/53

 

ศูนย์สารสนเทศแห่งชาติของจีน (SIC) คาดการณ์ว่า จีดีพีของประเทศจะขยายตัว 8.7% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชะลอตัวลงจากระดับ 9.6% ในไตรมาส 3

 

สำหรับในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2553 จีดีพีจีนขยายตัว 10.6% เมื่อเทียบรายปี

 

SIC ระบุว่า เศรษฐกิจขยายตัวช้าลงด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งรวมถึงการที่อุตสาหกรรมหนักจำกัดการเพิ่มกำลังการผลิต การควบคุมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ การควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และการที่จีดีพีปีที่แล้วอยู่ในระดับสูง

 

อย่างไรก็ตาม SIC คาดการณ์ว่า จีดีพีของจีนตลอดปีนี้จะขยายตัวถึง 10% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าระดับ 9.1% ในปีที่แล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้ว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวราว 8%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยังไม่มีไรครับ วันที่22นี่ต้องไปที่รามาอีกครับ

 

em0009.gifขอให้อ.ทองใหม่แข็งแรงค่ะ ขอบคุณอาจารย์คร้า em0009.gif em0009.gif cd08785a.gif วันนี้ตาแป๊ะร้องไห้อีกแล้ว ขอให้ร้องเยอะๆไปเลยแล้วก็ยิ้มนานๆนะคร้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยังไม่มีไรครับ วันที่22นี่ต้องไปที่รามาอีกครับ

 

ขอโทษนะคะ อาจารย์ ไม่ทราบว่า จะเป็นการละลาบ ละล้วงเกินไปมั้ย ที่จะถามว่า อาจารย์เป็นอะไรเหรอคะ :unsure:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคะอาจารย์ทองใหม่

 

ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์

 

ขอให้สุขภาพแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้นนะคะ :wub: :wub: :wub:

 

พักผ่อนมาก ๆ นะคะ :wub: :wub: :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...