ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
Prinkgold

กราฟทองรายวัน(ฟันธงหน้าเขียว-ถือต่อตามระบบ)

โพสต์แนะนำ

เนื่องจากวันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2554 เป็นวันหยุดสหรัฐอเมริกา เนื่องในวัน Martin Luther King Jr. Day ระบบ Gold phone และ Gold online จะเปิดทำการถึงตลาดลอนดอน คือเวลา 22:00 น. ไม่มีการวางคำสั่งซื้อขายในเวลา 20:00 – 21:45 น. การวางคำสั่งในช่วง 12:00-12:45 น. และ 17:00-17:45 น. จะมีผลถึง 22:00 น. เท่านั้น

thank :rolleyes:

ถูกแก้ไข โดย LOSO

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับที่ส่งข่าว :lol:

ถูกแก้ไข โดย lala

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รบกวนสอบถามเพื่อนๆ หน่อยครับว่าที่เพื่อนๆลงทุนทองคำกันนั้น เป็นการลงทุนทองคำที่มีการซื้อขาย online ได้ถึงเที่ยงคืน ใช่ไใหมครับ

หากผมต้องาการเริ่มลงทุนนั้นต้องไปเปิดพอร์ทกับที่ไหนดีครับหรือ มีที่ไหนบ้างครับ

เพื่อนๆเปิดกับที่ไหนกันหรือครับ ผมติดตามอ่านกระทู้มาสักระยะแต่ไม่เหงมีข้อมูลในส่วนตรงนี้

มีแต่ GT Gold bullion ไม่ทราบว่าส่ในหญ่ก็ลงทุนกับที่นี่กันหรือป่าวครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มารอปู่ครับเช้าวันนี้จะไปทางไหนนะน้องทองเรา !023

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะปู่วันนี้เอาข่าวน้ำมันให้อ่านค่ะ :wub:

 

ข่าวปิดท่อส่งน้ำมันในอะแลสกาหนุนน้ำมันดิบปิดพุ่ง $1.22

สัญญาน้ำมัน ดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าบริษัท Alyeska Pipeline Service Co. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการท่อส่งน้ำมัน Trans Alaska Pipeline System ประกาศปิดท่อส่งน้ำมันในรัฐอะแลสกาตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาเนื่องจากพบ รอยรั่ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทบีพีและเอ็กซอนโมบิลต้องระงับการผลิต น้ำมันในเขตนอร์ธสโลป

 

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 6.98 เซนต์ ปิดที่ 2.5561 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 4.12 เซนต์ ปิดที่ 2.4543ดอลลาร์/แกลลอน

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กได้แรงหนุนจากข่าวทีว่า บริษัท Alyeska Pipeline Co. ประกาศปิดท่อส่งน้ำมัน Trans Alaska Pipeline System หลังจากพนักงานของบริษัทพบรอยรั่ว ซึ่งการปิดท่อส่งน้ำมันดังกล่าวส่งผลให้บีพีและเอ็กซอนโมบิล รวมทั้งบริษัทพลังงานอีกหลายแห่งต้องระงับการผลิตน้ำมันในเขตนอร์ธสโลปของมล รัฐอะแลสกา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวสามารถผลิตน้ำมันได้ราว 630,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของผลผลิตน้ำมันโดยรวมในสหรัฐ

 

รายงานระบุว่า รอยรั่วที่ท่อน้ำมันดังกล่าวอยู่ใต้พื้นดินของบ่อสูบน้ำมัน Pump Station 1 ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันมีข้อจำกัดให้สูบน้ำมันขึ้นมาได้เพียง 5% ของผลผลิตในอัตราปกติ นอกจากนี้ การปิดท่อส่งน้ำมันแห่งนี้ ยังส่งผลกระทบให้บีพีต้องระงับการผลิตน้ำมันราว 95% ในเขตนอร์ธสโลป

 

การปิดท่อส่งน้ำมันครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อบีพีอีกครั้ง หลังจากที่บีพีประสบปัญหาแท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิดในอ่าวเม็กซิโก เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วจนส่งผลให้เกิดวิกฤตคราบน้ำมันตามแนวชายฝั่งครั้ง ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

 

สำหรับข้อมูลของท่อส่งน้ำมัน Trans Alaska Pipeline System นั้นมีรายงานว่า ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ท่อส่งน้ำมันแห่งนี้สามารถลำเลียงน้ำมันได้เฉลี่ยที่ 642,261 บาร์เรลต่อวัน จากจุดเริ่มต้นที่แหล่งน้ำมัน Prudhoe Bay ในเขตนอร์ธสโลปไปยังแหล่งน้ำมัน Valdez ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดในอเมริกาเหนือเป็นระยะทาง 800 ไมล์ และนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการขนส่งน้ำมันในปี 2520 บริษัท Alyeska มียอดขนส่งน้ำมันกว่า 1.6 หมื่นล้านบาร์เรล

 

นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานแห่งหนึ่งของสหรัฐกล่าวว่า โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากต้องพึงพาน้ำมันดิบจากรัฐอะแลสกา ซึ่งการปิดท่อส่งน้ำมันในครั้งอาจส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานพลังงานตึงตัว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไป แตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในระยะใกล้นี้

ถูกแก้ไข โดย หนู๋หยก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำปิดบวก $1.2 หลังข้อมูลแรงงานสหรัฐอ่อนแอ

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากข้อมูลด้านแรงงานที่น่าผิดหวังของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจยังไร้ทิศทาง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องแม้มีรายงานว่าการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลสเปนและอิตาลีผ่านไปอย่างราบรื่นก็ตาม

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,387 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,377.20 - 1,392.90 ดอลลาร์

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.82 เซนต์ ปิดที่ 29.263 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 3.45 เซนต์ ปิดที่ 4.377 ดอลลาร์/ปอนด์

 

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 20.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,821.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 6.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 813.45 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เทรดเดอร์ในตลาดทองคำนิวยอร์กตั้งข้อสังเกตุว่า แม้สัญญาทองคำถูกกดดันเล็กน้อยจากการที่ความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปลดน้อยลง หลังจากรัฐบาลสเปนและอิตาลีประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตร แต่นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเพราะมองว่าการขายพันธบัตรในครั้งนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะให้หมดไปได้

 

นอกจากนี้ จำนวนคนว่างงานที่พุ่งขึ้นของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงไร้ทิศทาง

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ม.ค. พุ่งขึ้น 35,000 ราย แตะระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 405,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 5,500 ราย แตะระดับ 416,500 ราย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แรงซื้อหนุนยูโรแข็งเทียบดอลล์ แต่ตลาดยังวิตกปัญหาหนี้ยุโรป

ค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินยูโรเพื่อเก็งกำไร หลังจากยูโรร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป และความเป็นไปได้ที่ว่าโปรตุเกสจะขอรับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินยูโรตลอดทั้งวัน

 

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.26% แตะที่ 1.2950 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2916 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.12% แตะที่ 1.5574 ปอนด์ จากระดับ 1.5556 ปอนด์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.37% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.710 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 83.020 เยน แต่ดีดตัวขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9671 ฟรังค์ จากระดับ 0.9667 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.05% แตะที่ 0.9959 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9964 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.42% แตะที่ 0.7637 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7605 ดอลลาร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการแสดงความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนใน ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กว่า นักลงทุนกลับเข้าซื้อสกุลเงินยูโรเพื่อเก็งกำไร เพราะมองว่ายูโรได้ถูกเทขายมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา โดยค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเกือบต่ำกว่าระดับเฉลี่ยรอบ 200 วันที่ระดับ 1.3075 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร

 

 

 

อย่างไรก็ตาม กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป และข่าวที่ว่าฝรั่งเศสและเยอรมนีพยายามกดดันโปรตุเกสให้ยอมรับความช่วยเหลือ จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังคงสร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินยูโร

 

นิตยสารแด สปีเกล ของเยอรมนีรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลเยอรมนีและรัฐบาลฝรั่งเศสได้แสดงความวิตกกังวลว่า โปรตุเกสอาจประสบความยากลำบากในการเข้าถึงตลาดทุน พร้อมกับเรียกร้องให้โปรตุเกสหาทางป้องกันตนเองภายใต้แผนความช่วยเหลือครั้ง ใหม่ของอียูโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

นักลงทุนจับตาดูการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลโปรตุเกสในวันที่ 12 ม.ค. และการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปนในวันที่ 13 ม.ค.นี้ หลังจากมีรายงานว่า ต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรยุโรปได้ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็น ประวัติการณ์ในวันจันทร์ โดยการออกพันธบัตรของรัฐบาลสเปนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของปี 2554 หลังจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสเปนได้นำพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 15 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรล็อตสุดท้ายสำหรับปี 2553 ออกประมูลขาย ซึ่งสามารถระดมทุนให้ได้ถึง 3 พันล้านยูโร (4 พันล้านดอลลาร์)

 

ยูโรสแตท ซึ่งเป็นสำนักงานด้านสถิติของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า อัตราว่างงานใน 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร (ยูโรโซน) ประจำเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.1% ส่วนอัตราว่างงานใน 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 9.6% ทำสถิติทรงตัวที่ระดับดังกล่าวติดต่อกันนานถึง 10 เดือน

 

คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการจ้างงานเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนพ.ย. แตะระดับ 99.3 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

 

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย. รายงานงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนธ.ค. ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนจ่อสร้างสนามบินใหม่ในปักกิ่ง 01/17/2011

 

ปักกิ่ง - จีนเปิดเผยแผนการสร้างสนามบินแห่งใหม่ในกรุงปักกิ่ง เพื่อผลักดันให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางการบินของเอเชีย โดยสนามบินแห่งใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปีของปักกิ่ง จะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของปักกิ่ง และจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 40 ล้านคนต่อปี สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แคปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ท ซึ่งปัจจุบันเป็นสนามบินนานาชาติหลักที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของจีน สามารถรองรับนักท่องเที่ยว 70 ล้านคนในปีที่แล้ว ทำให้สนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินที่รองรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก รองจากสนามบินแอตแลนตาในสหรัฐ หากการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่แล้วเสร็จ ก็จะทำให้สนามบินสองแห่งของปักกิ่งรอบรับนักท่องเที่ยวรวมกันได้ 120 ล้านคนต่อปีภายในปี 2558 และทำให้ปักกิ่งกลายเป็นศูนย์กลางการบินนานาชาติ และเป็นประตูสู่ทวีปเอเชีย

 

เจพีมอร์แกนยิ้ม

 

นิวยอร์ก - เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า ธนาคารมีรายได้สุทธิในไตรมาส 4 ปี 2553 เพิ่มขึ้น 47% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท เนื่องจากจำนวนเงินที่ธนาคารกันสำรองไว้สำหรับชดเชยเงินกู้หนี้เสียนั้น มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจพี มอร์แกน ออกบัตรเครดิตล็อตใหม่ในปี 2553 ซึ่งช่วยให้เม็ดเงินในบัญชีใหม่ของธนาคารปรับตัวสูงขึ้น 9% จากปี 2552 นอกจากนี้ อัตราการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตในรอบบัญชี 30 วันของลูกค้าธนาคาร อยู่ที่ระดับ 3.6% ซึ่งลดลงจากระดับ 5.52% ของปีที่แล้ว นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนได้ส่งสัญญาณกับนักลงทุนเมื่อไม่นานมานี้ว่า เจพีมอร์แกนอาจจะจ่ายเงินปันผลรายปีเพิ่มขึ้นจาก 20 เซนต์ต่อหุ้น เป็น 1 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยนายไดมอนกล่าวว่า หากได้รับอนุมัตรจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แล้ว เจพีมอร์แกนจะเริ่มจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 1 เม.ย.2554

 

อุตฯสหรัฐขยายตัว

 

นิวยอร์ก - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลผลิตในเหมืองแร่ โรงงาน และผลผลิตด้านสาธารณูปโภค ขยายตัว 0.8% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.5% ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมตลอดปี 2553 ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐบังคงฟื้นตัว ข้อมูลของเฟดระบุว่า ผลผลิตในโรงงาน ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดในการคำนวณผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากปริมาณการผลิตสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปีและต่ำกว่า 3 ปี ปรับตัวสูงขึ้น โดยผลผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เป็นผลผลิตเพียงหมวดเดียวเท่านั้นที่ปรับตัวลดลง

ถูกแก้ไข โดย หนู๋หยก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประเด็นร้อน 17 ม.ค.

 

เข้าสู่สัปดาห์ว่าด้วยการเมืองในสภาจะร้อนเร่าเมื่อได้ฤกษ์เปิดสภาสมัยสามัญวันที่ 21 ม.ค.นี้ ด้วยวาระโหวตรัฐธรรมนูญที่ไม่ลงตัวในพรรคร่วมรัฐบาล ตามด้วยศึกซักฟอกรัฐบาล ส่วนการหาทางช่วยคนไทยที่ถูกเขมรคุมตัวยังต้องติดตาม

 

1.เปิดด้วยปัญหาดอกเบี้ยขยับตัว ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นทุกฝ่ายต้องกังวลเป็นพิเศษ ในฝั่งของนักธุรกิจคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะสามารถผลักภาระต้นทุนไปให้ผู้บริโภครับภาระแทนได้

 

สถานการณ์นี้ผู้บริโภคต้องรับไปเต็มๆ เริ่มจากดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเริ่มเห็นดอกเบี้ย 0% ในระยะเวลาสั้นลงแล้ว จากเดิมที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะให้ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี เหลือเพียง 0% 3-6 เดือน คงที่แค่ 3-6 เดือนเท่านั้น

 

หรือกรณีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ก็เริ่มส่งสัญญาณจะขยับดอกเบี้ยขึ้นอีกประมาณ 0.1-0.2% ตามต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น โดยรายใหญ่อย่างบริษัท ทุนธนชาต ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นภายในเดือน ม.ค.นี้ ทั้งนี้ถ้าดอกเบี้ยปรับ 0.1-0.2% จะมีผล|ให้ผู้ซื้อรถยนต์มีภาระผ่อนเพิ่มขึ้นงวดละประมาณ 100-400 บาทต่องวด ที่สำคัญ ถ้ารายใหญ่อย่างธนชาตขยับขึ้น ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็น่าจะขยับตามแน่นอน ผู้บริโภคทุกครัวเรือนที่มีภาระหนี้ต้องปรับตัวให้ดี

 

 

2.ประเด็นติดตามต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ เห็นจะเป็นการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในเวลา 15.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ถือว่าเป็นการประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกประจำปี 2554 จับตาวาระการประชุมทั้งเรื่องการแก้ปัญหาพลังงาน ซึ่งรัฐบาลเข้าไปแทรกแซงกลไกราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซแอลพีจี จนเกิดเสียงคัดค้านวิจารณ์กระหึ่มทั่วประเทศ และแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2554 ของรัฐบาล

 

3.มองไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อร่วมงานคุรุวีรชนครั้งที่ 3 เช้าวันที่ 17 ม.ค. ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี ประจวบเหมาะกับเกิดเหตุลอบยิงนายมาโนช ชฎารัตน์ ครูโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูลปัตตานี เสียชีวิตในวันครู มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์บั่นทอนขวัญกำลังใจในวันครู และเป็นการท้าทายอำนาจรัฐจากการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี

 

การลงพื้นที่ของนายกฯ อภิสิทธิ์ จึงมาพร้อมความตึงเครียด ซึ่งต้องดูปฏิกิริยาของข้าราชครูในพื้นที่ ว่าจะต้อนรับการเดินทางของนายกฯ ในรูปแบบใด และนายกฯ จะสามารถปลุกขวัญกำลังใจข้าราชการครูด้วยวิธีไหน

 

4.เวลา 10.30 น. ต้องจับตาการหารือทวิภาคีระหว่างนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายฮอร์นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ที่จะคุยกันนอกรอบในเวทีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่เมืองลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย ว่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับ 7 คนที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัว อย่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ แจ้งไว้ก่อนหน้าหรือไม่

 

5.วันที่ 21 ม.ค. จะมีการเปิดสภาสมัยสามัญทั่วไป วาระร้อนคือการรอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา สส.เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 จากนี้ไปต้องดูว่านายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จะส่งสัญญาณบรรจุวาระเมื่อไหร่

 

ล่าสุดกับการออกมาปูดข้อมูลของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่หนุนสูตรที่มา สส.แบบ 400 บวก 100 ระบุเบื้องหลังพรรคการเมืองใหญ่ที่ต้องการสูตร 375 บวก 125 เพราะต้องการนำจำนวน 125 ที่นั่ง ในระบบบัญชีรายชื่อไปเร่ขายเก้าอี้ สส.กับพ่อค้านายทุนตัวละ 30-40 ล้านบาท จะได้เข้ามาเป็นรัฐบาล งานนี้มองไปอื่นไม่ได้นอกจากมุ่งตีกระทบพรรคประชาธิปัตย์โดยตรงที่หนุนสูตร 375 บวก 125

 

6.ขณะที่พรรคเพื่อไทย นัดประชุมในวันที่ 18 ม.ค. เพื่อหารือถึงการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยวางไว้ 2 ประเด็นเบื้องต้น คือ ความเดิมเกี่ยวกับการเสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดง และการทุจริตในรัฐบาล ซึ่งจะมีการวางตัวบุคคลในการอภิปราย แต่ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนเห็นจะเป็นความไม่ลงรอยในตำแหน่งว่าที่นายกฯ ที่จะต้องเขียนพ่วงท้ายในญัตติซักฟอก โดยกลุ่มหนึ่งหนุนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ขณะที่อีกฟากยังไม่ค่อยเห็นด้วย เห็นได้จากกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศไม่ร่วมอภิปรายครั้งนี้ ดูท่าการโชว์ลีลาอภิปรายของนายมิ่งขวัญสู่บันไดฝันไม่ราบรื่นแน่ วันนี้เป็นต้นไปต้องเกาะติดความเคลื่อนไหวกลุ่มต้านจะโยนระเบิดวาทะทำลายความมั่นใจฟากนายมิ่งขวัญหรือไม่

 

7.ฝั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบาย การพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ โดยประเด็นน่าสนใจ คือ กรมปศุสัตว์จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาถึงโครงสร้างบอร์ดไข่ใหม่ ตามผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เสนอให้มีการปรับลดคณะที่ปรึกษาในส่วนของเอกชนลง และให้มีตัวแทนจากนักวิชาการเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเสนอให้บอร์ดชุดเดิมทำการต่อไปจนหมดวาระกลางปี 2554

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสิกรฯคาดบาทสัปดาห์หน้ากรอบ30.20/60 บาท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเงินบาทสัปดาห์หน้าแกว่งในกรอบ 30.20-30.60 จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเงินบาทในประเทศ (onshore)ในสัปดาห์หน้า (17-21 ม.ค.)ว่า อาจเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ 30.20-30.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจะต้องจับตาการรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค. 53 ของไทย ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ประกอบด้วย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนม.ค. ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังจับตาการหารือของรัฐมนตรีคลังยูโรโซนในช่วงต้นสัปดาห์เกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินยุโรป การเดินทางเยือนสหรัฐฯ ครั้งสำคัญในช่วงกลางสัปดาห์ของประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ของจีน อนึ่ง ตลาดและหน่วยงานราชการสหรัฐฯปิดทำการในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค. นี้ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

 

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาท ผันผวนในทิศทางอ่อนค่า โดยเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ และแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ของผู้นำเข้า (โดยเฉพาะผู้ค้าทองคำ) อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงติดลบลงเกือบทั้งหมดในช่วงกลางสัปดาห์หลังจากที่ธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2.25% ตามการคาดการณ์ของตลาด ก่อนจะกลับมาเผชิญแรงเทขายอีกครั้งท่ามกลางทิศทางที่อ่อนค่าของสกุลเงินในภูมิภาค และความต้องการเงินดอลลาร์ฯ จาก Offshore

 

สำหรับในวันศุกร์(14 ม.ค.) เงินบาทปิดตลาดที่ 30.46 เทียบกับระดับ 30.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 ม.ค.)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รบกวนสอบถามเพื่อนๆ หน่อยครับว่าที่เพื่อนๆลงทุนทองคำกันนั้น เป็นการลงทุนทองคำที่มีการซื้อขาย online ได้ถึงเที่ยงคืน ใช่ไใหมครับ

หากผมต้องาการเริ่มลงทุนนั้นต้องไปเปิดพอร์ทกับที่ไหนดีครับหรือ มีที่ไหนบ้างครับ

เพื่อนๆเปิดกับที่ไหนกันหรือครับ ผมติดตามอ่านกระทู้มาสักระยะแต่ไม่เหงมีข้อมูลในส่วนตรงนี้

มีแต่ GT Gold bullion ไม่ทราบว่าส่ในหญ่ก็ลงทุนกับที่นี่กันหรือป่าวครับ

 

www.mtsgold.co.th/ ครับ

มันจะเป็นคนละบัญชีกันกับ Gold Futures นะครับ ถามพนักงานเขาได้เลยครับ เขาจะบอกขั้นตอนการสมัครให้เอง โชคดีครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศุภชัยชี้เศรษฐกิจปี54โต3.2%

เลขาธิการอังค์ถัด ชี้ เศรษฐกิจไทยปี 54 โต 3.2 % แต่ระวังเงินเฟ้อปัจจัยเสี่ยง

 

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2554 จะเติบโตมากกว่าร้อยละ 3.2 ที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ แต่ไม่ขยายตัวสูงเท่ากับปีที่ผ่านมาที่เติบโตร้อยละ 7 แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันคือสถานการณ์การเมือง เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาประเทศไทยให้น้ำหนักกับปัจจัยการเมืองมากเกินไป ทำให้ปัจจัยการเมืองมาถ่วงการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

นายศุภชัย ยังกล่าวด้วยว่า ในปีนี้หลายคนแสดงความเป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาจากการปรับขึ้นราคาน้ำมัน แต่ทั้งนี้ยังเชื่อว่าจะไม่ส่งผลทำให้นโยบายการเงินรัดตัวเกินไปจนไปมีผลต่อการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยได้แนะไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ว่าหากมีความจำเป็นในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็ควรจะปรับให้น้อยที่สุดและควรจะทำเท่าที่จำเป็น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ผู้มาเยือน
กระทู้นี้ถูกปิดรับการตอบกลับแล้ว

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...