ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

Wealth Station

ทิศทางราคาทองดีดตัวจากแนวหนุน 1267 ได้ดีขึ้นทดสอบแนวต้านหลักแถว 1300 อีกรอบ น่าจะย่อมาตั้งหลักให้เก็บของอีกทีก่อน มองว่ามีโอกาสที่จะผ่าน 1300 ไปได้ในสัปดาห์นี้ และเปลี่ยนใจเมื่อหลุด1260

 

 

972216_562779230427223_1146269214_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

ข่าว Hot วันจันทร์

SET ผันผวนขาดเสถียรภาพ

 

http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=46898

 

 

1044797_597289483648498_2059386451_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ สำหรับข้อมูลข่าวสาร

และแง่คิดดี ๆ ...ได๋สติขึ้นหลายเลยหล่ะ

D ตู้เย็น ฟังเพลงเนาะ

 

Adele - Rolling In The Deep

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จาวกะทิ จาว

ความน่ากลัว .. ความไม่ชัดเจน .. ความชัดเจน

อยู่ที่แนวคิด และวิธีการมองของคน

อยู่กับปัจจุบัน และตรองความเสี่ยง

ระมัดระวังกันเองครับ

 

263308_581659818545809_1910772542_n.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

ดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ10ปีของรัฐบาลสหรัฐฯอาจพุ่งขึ้นเป็น4%ปลายปีนี้

 

หลังจากดูภาวะการดอกเบี้ย เศรษฐกิจยูโรโซนและการทำQEของเฟด Michael Pento ผู้ก่อตั้ง Pento Portfolio Strategies คาดการว่าดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯอายุอาจพุ่ง4%ภายในปีนี้

 

ถ้าเป็นเช่นนี้ระบบการเงินจะเป็นเช่นใด แน่นอนทรุดหนักบักโกรก

 

เพราะว่าแค่ดอกเบี้ยพันธบัตร10ปีเพิ่มจาก 1.6%เมื่อเดือนพฤษภาคม มาเป็น 2.6% ณ ปัจจุบัน ตลาดบ้านในสหรัฐฯมีการซื้อขายลดลง28%เวลาเดียวกัน

 

เพียงเพราะเฟดบอกว่าอาจจะแตะเบรคการพิมพ์เงินผ่านคิวอี และทำให้มีการขายทรัพย์สินเกือบทุกประเภทในตลาด

 

แสดงว่าผู้บริโภคสหรัฐฯอ่อนแอ sensitiveมากกับดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่เพิ่มตามดอกเบี้ยพันธบัตร10ปีของรัฐบาล ที่เป็นดอกเบี้ยอ้างอิง มาตรฐาน

 

เฟดมองดูตลาดบ้านอย่างเดียวในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะการบริโภคอื่นๆหนี้เยอะ ภาคการผลิตก็แทบไม่มี ส่งออกโรงงานไปผลิตที่จีนหมดแล้ว เหลือแต่งานภาคบริการ งานpart timeเล็กๆน้อยๆ และการใช้จ่ายภาครัฐที่อุ้มเศรษฐกิจตอนนี้

 

Pentoมองดูปัจจัยต่างๆแล้วแย่หมด โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่อยู่เหนือน้ำนิดหน่อย

 

1. ราคาโลหะตกหกเดือนติดๆกัน

2. ส่งออกจีนตก3.1%เดือนมิถุนายน ส่งออกจีนไปยุโรปตก8.3%

3. IMF ปรับลดเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็น1.7% สหรัฐฯต้องโต3.5%จ ถึงจะอยู่ระดับปกติให้การจ้างงานฟื้นชีพ

4. อัตราว่างงานที่ยุโรปเลวร้ายมากที่ระดับ12.2% ที่กรีซ 26.8%

5. เงินเยนญี่ปุ่นมีท่าจะกู่ไม่กลับ ตลาดบอนด์ญี่ปุ่นจะพัง

6. ตลาดเกิดใหม่ มีไทยแลนด์ด้วยกำลังจัเริ่มทุกข์หนัก

 

แล้วเราจะไปใหนกัน? Pentoบอกว่าน้ำมันก็ขึ้น ตะวันออกกลางเจอกระแสปฏิวัติ ดอกเบี้ยขยับขึ้นในหลายประเทศ ดอกเบี้ยพันธบัตร 10ปีรัฐบาลโปรตุเกสพุ่งจาก 5.2% เป็น7%กว่า ดอกระดับ7%นี้คือล้มละลาย จ่ายดอกอย่างเดียวก็ไม่ไหว

 

ข้อสรุปของPentoคือ ดอกเบี้ยที่ขึ้นจะทำให้ราคาทุกอย่างขึ้น เศรษฐกิจจะไม่ฟื้นทำให้

 

1. เบนเบอร์นันเก้ ประธานเฟดจะกลับลำ พิมพ์เงินคิวอีต่อไปอย่างไม่ลดละ

2. ราคาทองจะปรับตัวเป็น$2,000ตั้งแต่ช่วงกลางปีหน้า

 

 

 

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/7/13_This_Market_Collapse_Will_Shake_The_World_Financial_System.html

 

 

1003449_144852075711175_1836719913_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wealth Station

อัพเดทช่วงบ่าย มองขึ้นบนเส้นเทรนด์และแนวหนุนที่ทำไว้

ไม่หลุด 1267 มองขึ้นต่อ 1300 1327 1363 หลุด 1267 มองลง 1247 1232

Wealthstation มองว่าย่อตัวมาที่แนวหนุนก่อนถ้ามีแรงค่อยลากกันขึ้นไปทดสอบหรือผ่าน 1300 อีกที มีแนวหนุนวัดใจก่อน 1267 คือ 1281 1278 หลุด 2 แนวนี้จะลงมา 1267 ใหม่ สังเกตอาการและสัญญาณซื้อกันที่แนวดังกล่าว ( 1267 1278 1281 ) มีสัญญาณซื้อค่อยซื้อครับ

 

1002767_562846513753828_1717942977_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปั้นข้าวเหนียว

ภู มิ ใ จ...ใน สิ่งที่มี

ตั้ ง ใ จ...ใน สิ่งที่ฝัน

มั่ น ใ จ...ใน สิ่งที่ทำ

แล้วสักวัน...จะเป็นวันของเรา...

 

ขอบคุณภาพจาก : Rommy Rommanee

 

 

58117_601549339867045_447840998_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1010834_594543547234056_1058847598_n.jpg

หัวใจ....สีเขียว..... สดใส

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

2010_496007447141650_409523922_n.jpg

เก็บใจไว้กับตัว ทำเกินตัวมีแต่หนักใจ

 

Kimheng 9999

บทความแนวโน้มราคาทอง วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2556 (รอบเย็น)

 

สรุปภาพรวมของตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

ขับเคลื่อนโดย Risk appetite หลังตลาดได้รอคอยผลของ FOMC minutes และถ้อยแถลงของ Fed’s Bernanke โดยใน FOMC Minutes ยังสะท้อนความคิดที่แตกแยกกันของประธานเฟดสาขาต่างๆซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เกิดความผันผวนต่อตลาดมากนัก แต่ก็มาผันผวนเอาหลังคำพูดของ Fed’s Bernanke โดยประโยคเด่นๆก็คือ Highly Accommodative policy still needed และอัตราดอกเบี้ยอาจจยังคงกดไว้ต่ำ ถึงแม้อัตราการว่างงานจะลดลงมาที่ 6.5% อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสังเกตุคือ การพูดคนละประเด็นกันเท่านั้นเอง นาย Bernanke ไม่ได้พูดว่าเฟดจะไม่ลดขนาดของ QE ลงในเร็วๆนี้ (กันยายน) แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้แทบทุกอย่างทะยาน Against USD รวมถึงหุ้นและน้ำมันดิบด้วย

 

สรุปภาพรวมของตลาดสัปดาห์นี้

 

ต่างจากสัปดาห์ก่อนค่อนข้างมาก โดยสัปดาห์นี้กลับคับคั่งไปด้วยตัวเลขสำคัญๆมากมาย รวมไปถึง Fed’s Bernanke Testimony (น่ากลัวจัง) เริ่มกันวันจันทร์เลย โดยผ่านไปแล้วในตลาดเอเซีย คือตัวเลข GDP ประจำไตรมาสที่2 ของจีน ซึ่งโดยรวมก็ได้ออกมาค่อนข้างอ่อนแอตามคาด ในตลาดอเมริกาก็จะมีตัวเลขยอดขายปลีกของสหรัฐฯซึ่งถูกคาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า วันอังคารก็เริ่มกันแต่เช้าด้วย Minutes ของ RBA (ออสเตรเลีย) ซึ่งก็คงมีผลโดยตรงต่อค่าเงินออสเตรเลียหลังตลาดเริ่มมีการคาดกันมากขึ้นว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ส่วนในตลาดยุโร ปก็จะมีการประกาศตัวเลข CPI ของทั้งอังกฤษและยูโรโซนโดยรวมในเวลา 15.30น. และ 16.00น. ตามลำดับและมีเยอรมนีและยูโรโซน ZEW ด้วยเวลา 16.00น. ส่วนในตลาดอเมริกาก็จะมีการประกาศตัวเลข CPI เช่นกันเวลา 19.30น. และ Industrial Production เวลา 20.15น. วันพุธเริ่มกันที่ตลาดยุโรปโดยจะมี BOE Minutes และตัวเลขการจ้างงานของอังกฤษในเวลาเดียวกัน (15.30น.) ซึ่งก็คงมีผลโดยตรงต่อค่าเงินปอนด์ครับ ส่วนในตลาดอเมริกาก็จะมีการประกาศตัวเลข Housing Starts และ Building Permits เวลา 19.30น. ซึ่งทั้งคู่ถูกคาดว่าจะดีขึ้นหลังเดือนก่อนหน้าออกมาน่าผิดหวังเล็กๆ ส่วน Highlight ของวันหรือถือเป็น Major focus ของสัปดาห์นี้ก็คือ Fed’s Bernanke delivers SEMI – ANNUAL Policy Report to House เวลา 21.00น. แต่คราวนี้ตลาดอาจมีความระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังประธานเฟดคนนี้ชอบเล่นลิ้นตัวเอง ตบท้ายค่อนข้างดึกด้วย Fed Releases Beige Book เวลา 01.00น. วันพฤหัสบดีเริ่มกันที่ตลาดยุโรปโดยจะมีการประกาศตัวเลขยอดขายปลีกของอังกฤษเวลา 15.30น. ต่อด้วยตลาดอเมริกาคือ Weekly Jobless Claims เวลา 19.30น. ตบท้ายด้วยตัวเลข Phil Fed Manuf Ind เวลา 21.00น. ซึ่งถูกคาดว่าจะต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าค่อนข้างเยอะและ Fed’s Bernanke อีกครั้งคราวนี้แค่รายงานต่อสภาสูง (Senate) ซึ่งรายละเอียดก็คงเหมือนกับที่รายงานไปในวันพุธ วันศุกร์ Highlight จะไปอยู่ที่การประชุม G-20 ที่รัสเซีย ซึ่งผู้เขียนก็เชื่อว่าคงไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมครับ ส่วนในตลาดอเมริกาก็คงมีตัวเลข CPI ของแคนาดาซึ่งก็คงมีผลโดยตรงต่อค่าเงินแคนาดาครับโดยไม่มีตัวเลขสำคัญอะไรของสหรัฐฯซึ่งก็จะถือว่าเป็น Long week-end ของบ้านเรา

 

สิ่งที่น่าสนใจและจับตาดูวันนี้

 

คงเหลือเพียงตัวเลขยอดขายปลีกของสหรัฐฯเวลา 19.30น. ซึ่งถูกคาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งในครั้งก่อน (13/06/13) ราคาทองคำก็รูดลงหลังผลของตัวเลข แต่ก็อาจจะวิเคราะห์ได้ยากหน่อยต่อผลของตัวเลขครั้งนี้เพราะครั้งนั้นบังเอิญว่ามีการประกาศตัวเลข Jobless claims ด้วยในเวลาเดียวกันและได้ออกมาดีมากแบบเหลือเชื่อเลยไม่แน่ใจว่าราคาทองคำรูดลงจากผลของตัวเลขไหนแน่

 

แนวโน้มและกลยุทธ์ประจำวันที่ 15/7/56 (รอบเย็น)

 

ในวันศุกร์ราคาทองคำปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังช่วงต้นตลาดเข้าทดสอบด้านบนก่อน แต่ก็สามารถ Hold support สุดท้ายซึ่งผู้เขียนให้ไว้และดีดตัวขึ้นหลังตัวเลข PPI สูงกว่าคาด (ดัชนีเงินเฟ้อภาคผู้ผลิต) และ U.Mich sent (P) ซึ่งออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดและเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย ซึ่งก็เข้าสูตรรอดักซื้อของผู้เขียน (รับทรัพย์ไปเล็กน้อยเพราะไปเข้าซื้อน้ำมันดิบมากกว่า รวมถึง ค่าเงิน EUR.USD ด้วย)

 

ส่วนวันนี้ก็เข้าสูตรการซื้อขายธรรมดาๆซึ่งผู้อ่านและนักลงทุนทุกท่านก็น่าจะคุ้นๆกันแล้ว คือ วันนี้ต้นตลาดราคาทองคำได้ขึ้นไปก่อนหรือทดสอบแนวต้านก่อนก็ย่อมเหมาะแก่การเข้า"ดักขาย" (Low risk)

 

ในขณะที่ทดสอบด้านบนนั้นทั้ง Stochastic และ RSI ก็ได้เข้าสู่ภาสะ Overbought เรียบร้อยแล้ว ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเนอะสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าขายโดยภาพรวมตลาดน่าจะมีการซื้อขายอยู่ในกรอบ หรือ Consolidate ซึ่งภาพลักษณะเช่นนี้บ่งชี้ว่า เร็วๆนี้จะมีการ Breakout อีกแล้ว (จะไรจะเป็นตัวประตุ้น หรือจะเป็น Fed’s Bernanke อีก) ผู้เขียนเชื่อว่าเป็นไปได้สูงเหมือนกันนะครับ แต่คราวนี้เขาจะพูดว่ายังไง อาจจะแทงกั๊กก็ได้หลังแทงต่ำแทงสูงมาแล้ว แต่ถ้าดูหรือพิจารณาจากกราฟ (ปัจจัยทางเทคนิค) อย่างเดียวแล้วเหลือบไปดูที่กราฟทองคำเทียบค่าเงินยูโรแล้วก็ดูคล้ายๆจะมีโอกาสเป็น Bear flag ได้นะครับ ซึ่งถ้าเป็นทองเทียบ USD มันมี Error สูงขึ้นไ ปเล็กน้อย โดยปรกติน่าจะอยู่แถวบริเวณ 1295 แต่ Error ขึ้นไป 1298 (ก็เพราะนาย Bernanke นั่นแหล่ะ) อย่างไรก็ตามในกราฟทองคำรายสี่ชั่วโมง H4 ซึ่งก็มีโอกาสเป็น Uptrend Channel ได้เหมือนกัน ซึ่งบ่งบอกแนวโน้มของการ Breakout ทางด้านล่างเพียงแต่อาจแตกต่างกันที่ Timing และถ้าเป็นเช่นนี้จริงก็คงน่าเสียดายไปอย่างน้อย 1 รอบที่บรรดา Bears ไม่ได้เข้าดักขายเช้านี้ แต่ก็อย่าเพิ่งเศร้าใจไปเพราะภาพแบบนี้ตามสถิติอาจใช้เวลาอย่างน้อย 4 ถึง 5 วันซึ่งวันนี้ถือเป็นเพียงวันที่ 3 เท่านั้น (เอ้า แล้วถามว่าโอกาสรูดลงไปเลยในวันที่ 3 ไม่มีเหรอ) ก็มีครับเพียงแต่ค่อนข้างน้อยเทียบกับกรณีแรก

 

*Sentiment วันนี้ถือว่า Neutral กลยุทธ์วันนี้ผ่านไปแล้วตามเคย แต่ถ้าเป็นบรรดา Aggressive Bears อยากจะไล่ขายก็ตามสบายนะครับ ผู้เขียนก็อยากอยู่เหมือนกันติดตรงผู้เขียนยึดเอาหลักการ Low risk high return ซึ่งขณะนี้ถ้าจะให้เข้าขายก็จะต้องวาง Stop loss orders ค่อนข้างไกลพอสมควรเลยคิดว่าคงตีตั๋วดูอย่างน้อยก็ไปจนถึงผลของตัวเลขค่ำคืนนี้เลยครับแต่คงไม่เข้าซื้อเหมือนคืนวันศุกร์ครับ ขอให้ผู้อ่านและนักลงทุนทุกท่านโชคดีครับ

 

แนวรับ-แนวต้านวันที่ 15/7/56 updated at 16.15น. GOLD

R2 =1295

R1 =1288/1290

S1 =1280/1278

S2 =1275

S3 =1270/1267

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

1069333_627099023967015_633281496_n.jpg

 

 

373480_130257473651175_1224328206_q.jpg

Maruey Knowledge and Resource Center

 

ลงทุนหุ้น Value Stock เพื่อป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น

 

ความผันผวนของตลาดหุ้นเดือนนี้ยังคงมีอยู่ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศเตรียมชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของสหรัฐฯ (Quantitative Easing, QE) ช่วงปลายปีหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว คาดจะทำให้ตลาดโดยรวมยังคงผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศออกมา ดังนั้นในช่วงที่ตลาดยังคงมีความเปราะบางแนะนำ เข้าลงทุนหุ้น Value Sock ที่มีพื้นฐาน แข็งแกร่งและหุ้นที่จะประกาศกำไรในไตรมาส 2 ปีนี้โดดเด่น

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ S&P ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือจากเชิงลบสู่มีเสถียรภาพ สร้างความกังวลว่าสหรัฐ จะถอนมาตรการอัดฉีดเงินที่มีมูลค่าสูงกว่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือนทันที จนทำให้มีการโยกเงินกลับไปลงทุนในสหรัฐฯ จากตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่อย่าง ประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ อย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ที่อยู่สูงกว่า 7.5% เทียบกับเมื่อหกปีก่อนที่ระดับ 4.5% ยังมีนัยสำคัญและส่งผลให้ FED เลือกที่จะคงนโยบาย QE ต่อไป และจะเริ่มชะลอลงในช่วงปลายปี จากเดิมที่คาดว่าจะลดการอัดฉีดลงเหลือเพียง 6.5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน นับจากเดือนกันยายน เป็นต้นไป ทั้งนี้ FED ระบุจะสิ้นสุดการทำ QE ในช่วงกลางปีหน้า

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดอีกประการ คือการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังอาจออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งอาจทำให้ธนาคารโลกปรับลดประมาณการจีดีพีโลกอีกครั้ง

 

จากล่าสุดที่ลดประมาณการจีดีพีโลกปี 2556 ลงเป็น 2.2% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 2.4% เนื่องจากการชะลอตัวกว่าคาดในกลุ่มประเทศยูโรโซนและจีนที่มีการประเมินว่า จีดีพีปี 2556 ของสองประเทศจะลดลงเป็น -0.6% และ 7.7% จากที่คาดไว้ -0.1% และ 8.4 %

 

ขณะที่ จีดีพี อเมริกาและญี่ปุ่นดีขึ้นเป็น 2.0% และ 1.4% จาก 1.9 % และ 0.8 % ตามลำดับ แม้ตัวเลขดังกล่าว จะทำให้ผมยังคงเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งกลุ่มประเทศยูโรโซนและญี่ปุ่นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มยูโรโซน ที่มีการผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัด โดยการขยายเวลาสำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อลดภาวะขาดทุนงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต อาทิ ฝรั่งเศส ได้รับการขยายเวลาอีก 2 ปี เป็นปี 2558 และสเปน ได้รับการขยายเวลาอีก 2 ปี เป็นปี 2559 เพื่อลดการขาดดุลให้เหลือ 3% ของจีดีพี แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ อาจทำให้ FED ยังคงมาตรการ QE จนกว่าจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่มั่นคง ซึ่งความไม่ชัดเจนของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะทำให้หุ้นทั่วโลกที่ยังมีความเปราะบางยังมีความผันผวนอยู่

 

กล่าวโดยสรุป แม้จะมีความชัดเจนมากขึ้นถึงแผนการชะลอมาตรการ QE ในช่วงปลายปี 2556 อย่างไรก็ตาม ความช้าเร็วของการถอนมาตรการดังกล่าวจะขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน

 

อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย และคาดตลาดหุ้นไทยจะสามารถยืนได้ในระดับเหมาะสมไม่ต่ำกว่าที่ 1350 (P/E Ratio 12.5 เท่า ) จากปัจจัยพื้นฐานที่ยังมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งทิศทางของกำไรยังปรับตัวดีขึ้นโดย Bloomberg ประเมินกำไรหุ้นไตรมาส 2 ปีนี้ ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯจะเพิ่ม เป็น 25.91 บาท จาก 16.03 บาทในไตรมาส 2 ปีนี้

 

กลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ผมกลับมาให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Value Stock เพิ่มมากขึ้นจากเดิม 46 % เป็น 50% เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก แต่พื้นฐานยัง แข็งแกร่งและคาดจะรายงานกำไรในไตรมาส 2 ปีนี้โดดเด่น ผมเลือกหุ้น ADVANC และ TASCOเข้าพอร์ตการลงทุน SIRI และ QH สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี 80 % และลงทุนในหุ้นเก็งกำไรไม่เกิน 20 % ของพอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดสำหรับเดือนนี้ เลือกลงทุนในหุ้น Value Stock เท่ากับ 50% และลงทุนในหุ้น Dividend Stock เท่ากับ 20%

 

นอกจากนี้ ยังลงทุน 18% และ12 % ในหุ้น Speculative และ Cyclical Stock ภายใต้แนวคิด Portfolio Optimization ของ Markowitz พอร์ตการลงทุนเดือนนี้ คาดจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนต่อเดือน 0.8% หรือเท่ากับ 10.4% ต่อปี

 

สำหรับรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนในเดือนกรกฎาคม 2556 แบงออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้

 

1. Value Stock ความชัดเจนของการขายหุ้น BAY และกำไรที่ยังเติบโตดีในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดจะทำให้ราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหวดีกว่าตลาดอีกครั้ง ขณะที่ ราคาหุ้น KK ยังมีความน่าสนใจหลังปรับลงเกินพื้นฐานประกอบกับทิศทางผลการดำเนินงานยังอยู่ในขาขึ้นหลังรวมธุรกิจกับ บล.ภัทร

สำหรับ CPALL การบริโภคในส่วนของร้านสะดวกซื้อยังเติบโตดี อีกทั้ง การเข้าซื้อกิจการ MAKRO จะช่วยให้แผนการขยายการลงทุนในต่างประเทศมีความชัดเจนและหนุนให้กำไรเติบโตมั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ ผมยังคงชอบ BGH จากการเป็นผู้นำในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีเครือข่ายทั้วประเทศ เช่นเดียวกับ SCC ที่ธุรกิจปิโตรเคมีผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่วัสดุก่อสร้างและกระดาษยังขยายตัวได้ดีในช่วงที่เหลือของปี

 

2. Dividend Stock อัตราผลตอบแทนของ ADVANC อยู่ในเกณฑ์ดีที่ 5-6% ประกอบกับการย้ายฐานลูกค้าไปยัง 3 จีเร็วกว่าคาด หนุนผลการดำเนินงานยังขยายตัว สำหรับ TMT คาดกำไรในไตรมาส 2 ปีนี้ ยังยืนได้ดีที่ ระดับ 70-80 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากฐานลูกค้าที่มั่นคงช่วยหนุนให้ยอดขายเติบโตสม่ำเสมอ

 

3. Cyclical Stock หุ้น TASCO กลับมาอยู่ในความสนใจของผมอีกครั้ง หลังจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศเติบโตเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ยืนได้ดีจากความผันผวนของราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ

 

4. Speculative Stock ผมประเมินแม้ราคาหุ้นจะยังไม่ปรับตัวโดดเด่น เนื่องจากตลาดกลับมากังวลในส่วนการพิจารณา พ.ร.บ. เงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราประเมินการประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว(หมอชิต-คูคต) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) จะทำให้หุ้นกลุ่มผู้รับเหมาฯ กลับมาเคลื่อนไหวเหนือกว่าตลาดอีกครั้ง โดย CK และ STEC ยังเป็นบริษัทที่มีโอกาสชนะงานประมูล ซึ่งงานในมือที่สูงเป็นประวัติการณ์ ยังช่วยต่อยอดกำไรให้อยู่ในช่วงขาขึ้น

 

จัดพอร์ตปลอดภัย

 

SET 50 Index Futures เป็นเครื่องมือที่ป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดหุ้นปัจจุบันเนื่องจากตราสารอนุพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ มีสภาพคล่องสูง และสามารถเข้าใจได้ง่าย ทั้งนี้การใช้ SET50 Index Future ในการป้องกันความเสี่ยงมีหลักการง่ายๆ คือ การเปิดสถานะ Short Future เพื่อปิดความเสี่ยงในอนาคตกรณีที่มูลค่าของกลุ่มสินทรัพย์การลงทุนจะลดลงตามภาวะตลาด

 

สำหรับการลงทุนจริงนั้น นักลงทุนอาจเลือกปิดความเสี่ยงเพียงบางส่วนตามความเสี่ยงที่คาดการณ์ไว้ เช่น คาดว่า มีโอกาส50% ที่ตลาดจะเป็นขาลง นักลงทุนอาจเลือกที่จะ Short Future เพียง50% ของอัตราส่วนข้างต้น และถ้าในกรณีที่คาดว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นนักลงทุนอาจจะเลือกที่จะไม่Short Futures เนื่องจาก Short Futures จะทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับกำไรจากหุ้นที่จะปรับตัวขึ้น

 

ทิศทางตลาดฯเดือนนี้ยังมีความผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมา แม้จะมีความชัดเจนของการออกมาตราการผ่อนคลายเชิงปริมาณของสหรัฐ (Quantitative Easing, QE) ดังนั้น ผมยังแนะนำให้ทำการป้องกันความเสี่ยง 100% โดย Short SET50 Index Future 1 สัญญา

 

เรื่องโดย : ณัฐ พนัสสุทธากร

 

ที่มา : วารสาร Money & Wealth ฉบับเดือนกรกฎาคม 2556 ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

D ตู้เย็น ฟังเพลงเนาะ

 

Adele - Rolling In The Deep

 

 

 

:01 ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ สำหรับเพลงของ Adele

ลูกสาวมักเปิดให้ฟังตอนเช้า ๆ ระหว่างไปส่งเธอที่โรงเรียน

ม่วนดีคือกันเสียงเพลงของคนรุ่นใหม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ สำหรับเพลงของ Adele

ลูกสาวมักเปิดให้ฟังตอนเช้า ๆ ระหว่างไปส่งเธอที่โรงเรียน

ม่วนดีคือกันเสียงเพลงของคนรุ่นใหม่

Dตู้เย็น อยากเล่นด้วยคน เด็กสยาม yot Alan wann GoldLeng Hong meng fairy เพื่อนๆนักลงทุน

 

36563_531715370217584_196510436_n.jpg

 

บทความแนวโน้มราคาทอง Short News 16/7/2556 (รอบเช้า)

สรุปเหตุการณ์เมื่อวานนี้

 

เริ่มด้วยรายงานตัวเลข GDP ประจำไตรมาสที่2 ของจีน ซึ่งโดยรวมก็ได้ออกมาค่อนข้างอ่อนแอตามคาด และตลาดอเมริกาก็จะมีตัวเลขยอดขายปลีกของสหรัฐฯ (Retail Sales) ออกมาเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์เพียงเล็กน้อย(ออกมาลดลงกว่าที่คาด) นั่นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในสหรัฐนั้น ยังขาดแรงผลักดัน ขณะที่ดัชนีการผลิตสหรัฐฯ

 

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจวันที่ 16/7/2556 (รอบเช้า)

 

เริ่มกันแต่เช้าด้วย Minutes (Monetary Policy Meeting Minutes ) ของ RBA (ออสเตรเลีย) ซึ่งก็คงมีผลโดยตรงต่อค่าเงินออสเตรเลียหลังตลาดเริ่มมีการคาดกันมากขึ้นว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

 

ส่วนในตลาดยุโรปก็จะมีการประกาศตัวเลข CPI ของทั้งอังกฤษและยูโรโซนโดยรวมในเวลา 15.30น. และ 16.00น. ตามลำดับและมีเยอรมนีและยูโรโซน ZEW ด้วยเวลา 16.00น.

 

ส่วนในตลาดอเมริกาก็จะมีการประกาศตัวเลข CPI เช่นกันเวลา 19.30น. และ Industrial Production เวลา 20.15น.

*ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คงต้องจับตาดู Fed Chairman Bernanke Testifies หรือ การเป็นพยานในการรายงานนโยบายการเงิน แก่วุฒิสภาคณะกรรมการธนาคารในกรุงวอชิงตันดี ว่าจะกล่าวอะไรออกมา ในวันพุธ และวันพฤหัสฯ 3 ทุ่ม

 

แนวโน้มและกลยุทธ์ประจำวันที่ 16/7/2556 (รอบเช้า)

 

โดยภาพรวมตลาดน่าจะมีการซื้อขายอยู่ในกรอบ หรือ Consolidate ซึ่งภาพลักษณะเช่นนี้บ่งชี้ว่า เร็วๆนี้จะมีการ Breakout อีกแล้ว (จะไรจะเป็นตัวประตุ้น หรือจะเป็น Fed’s Bernanke อีก) ซึ่งเชื่อว่าเป็นไปได้สูงเหมือนกันนะครับ ....แต่คราวนี้เขาจะพูดว่ายังไง อาจจะแทงกั๊กก็ได้หลังแทงต่ำแทงสูงมาแล้ว

 

แต่ถ้าดูหรือพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิค อย่างเดียว ภาพ Consolidate แบบนี้ของราคาทองคำรายชั่วโมง หรือ H1 ตามสถิติอาจใช้เวลาอย่างน้อย 4 ถึง 5 วันซึ่งวันนี้ถือเป็นเพียงวันที่ 3 เท่านั้น (หากถามว่าโอกาสรูดลงไปเลยในวันที่ 3 ไม่มีเหรอ) ก็มีครับเพียงแต่ค่อนข้างน้อยเทียบกับกรณีแรก

สำหรับจังหวะการเคลื่อนไหวของราคาทองในกราฟ H1 ที่เหลือ คงอาศัยดูจาก Stochastic และ RSI ไปพร้อมๆกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ พร้อมรอ Big Match เลือกทางของราคาทอง อย่างวันพุธ และวันพฤหัสฯ 3 ทุ่ม Fed Chairman Bernanke Testifies

 

แนวรับ-แนวต้านวันที่ 16/7/2556 (รอบเช้า)

R2=1294/1298

R1=1288/1290

S1=1280/1278

S2=1271

S3=1270/1267

.......................................................

หมายเหตุ: บทความนี้ถูกจัดทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่เชื่อว่าหรือควรเชื่อว่ามี ความน่าเชื่อถือ และ / หรือมีความถูกต้อง อย่างไรก็ตามผู้จัดทำไม่รับรองความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลดังกล่าวข้อมูลและความเห็นที่ปรากฎข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผู้จัดทำไม่มีความประสงค์ที่จะชักจูงหรือชี้ชวนให้ผู้ลงทุนลงทุนซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผู้จัดทำจึงไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการนำข้อมูลหรือความเห็นของบทความนี้ไปใช้ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุน

 

 

1005591_334047523393895_1138679012_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...