ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

จาก FB คุณเสม เมื่อ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

 

ขออนุญาตนำมาแชร์ครับ

 

post-2297-0-20791700-1327630396_thumb.jpg

 

GC เวลานี้เวลา 20.31 ทองทะลุเเวต้าน Intrenal trend line ขึ้นไปเเล้วนะครับ Let's profit run ต่อไป เเนวต้านต่อไปที่ $1743 ดอลล่าเน่ามาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

post-2297-0-89022900-1327630468_thumb.jpg

 

CL รอราคา break previous high ที่ 103.8$เเล้วจะวิ่งอีกไกล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณเสม คุณส้มโอมือ และคุณเฮนรี่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ต่างประเทศ

 

 

โลกรับมือวิกฤตปั๊มดอลลาร์เมื่อเศรษฐกิจลุงแซมยังเข็นไม่ขึ้น

 

 

 

 

 

ผมไม่คิดว่าเราพร้อมที่จะประกาศว่าเราได้เข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในขณะนี้ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป

โดย...ธนพล ไชยภาษี

“ผมไม่คิดว่าเราพร้อมที่จะประกาศว่าเราได้เข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจที่แข็ง แกร่งขึ้นในขณะนี้ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย และปัญหาการว่างงานลดลงอย่างช้ามากๆ ดังนั้นตามหลักเหตุและผลของกรอบการทำงานของเราก็คือ การหาหนทางออกที่มากกว่านี้”

นั่นคือถ้อยแถลงชัดๆ ของ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ทำเอานักวิเคราะห์ตีความไปกันยกใหญ่ว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐในปัจจุบันที่ อาจจะต้องได้รับการ “ฉีดยา” กระตุ้นครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่ง

เพราะโรคซึมเศร้าทางเศรษฐกิจที่สหรัฐอยู่ในภาวะซบเซามาอย่างต่อเนื่องยาว นาน เข็นไม่ขึ้น กำลังกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง โดยที่ปัญหาการว่างงานแม้ว่าจะเริ่มลดต่ำลง แต่อัตราการลดนั้นเชื่องช้าเกินไปกลายเป็นปัญหาหอกข้างแคร่อยู่เช่นนี้

การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงถือเป็นทางเลือกที่เฟดอาจจะต้องงัดมาใช้อย่างเสียไม่ได้!

ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ก็ต้องบอกว่าอยู่ในช่วงที่เกื้อหนุนต่อการพิมพ์ธนบัตรปั๊มเงินเข้าสู่ระบบ มากที่สุด

เพราะหนึ่ง อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอยู่ในระดับที่ไม่น่ากลัวเอาเสียเลย โดยอยู่ที่ 1.7% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเพดานที่วางไว้ 2% สหรัฐสามารถอัดเงินเข้าระบบได้เต็มที่อย่างไม่ต้องหวั่นวิกฤตเงินเฟ้อเหมือน ในจีน

ประการที่สอง เฟดได้ประเมินออกมาแล้วว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะยังอ่อนแอ และเชื่องช้าต่อเนื่องไปอีกถึง 2 ปี จนถึงปี 2557 ทีเดียว ซึ่งเป็นเหตุผลที่เฟดจำต้องคงดอกเบี้ยระดับต่ำ 00.25% ไปจนถึงปี 2557 โดยเฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2555 นี้ จะเติบโตอยู่แค่ 2.2-2.7% เท่านั้นเอง โดยที่ปัญหาหลักๆ อยู่ที่การลงทุนของภาคธุรกิจที่ยังเซื่องซึม และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่กลับมาฟื้นชีพนัก

55939AF469B64345B0B45A87F74765BB.jpg

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ถ้อยแถลงของเฟดนั้นจะถูกตีความไปได้ว่า เฟดจะนำมาตรการการเงินแบบผ่อนปรนเชิงนโยบาย (Quantative Easing) รอบ 3มาใช้ ถึงเวลาที่เฟดจะต้องปั๊มพันธบัตรออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ ซึ่งในหนนี้เฟดน่าจะเข้ากว้านซื้อพันธบัตรในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก

ดังนั้น คำถามต่อไปคือ เมื่อไหร่เฟดถึงจะได้ฤกษ์ฟื้นชีพมาตรการคิวอีรอบ 3 ขึ้นมา

จากการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันการเงินรายใหญ่ในสหรัฐที่ติดต่อโดย ตรงกับเฟด โดยรอยเตอร์สนั้นพบว่า 12 จาก 18 แห่ง เชื่อมั่นว่าเฟดจะใช้มาตรการคิวอีนี้อย่างแน่นอน โดยครึ่งหนึ่งเห็นว่ามาตรการนี้จะมาถึงในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้แน่นอน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเห็นว่าอาจจะมาในช่วงครึ่งปีหลัง

แต่กระนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเฟดอาจจะรอให้มาตรการกระตุ้นครั้งก่อนหน้านี้หมดอายุลงเสียก่อน ซึ่งจะมาถึงในเดือน มิ.ย.

มาตรการดังกล่าวก็คือ “โอเปอเรชัน ทวิสต์” มาตรการที่เฟดใช้วิธีปล่อยขายพันธบัตรระยะสั้น เพื่อซื้อคืนพันธบัตรระยะยาวแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการพิมพ์ธนบัตรออกมาเพิ่ม ซึ่งทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีแนวโน้มสูงว่าเฟดจะเดินหน้าคิวอี 3 อย่างจริงจัง แต่เฟดก็กำลังถูกตั้งคำถามอย่างหนักว่า มาตรการเหล่านี้สามารถแก้ปัญหาภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้บ้างจริงหรือ ไม่

ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตการเงินในสหรัฐกำลังสุกงอมนั้น เฟดได้ใช้สารพัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งหั่นดอกเบี้ยลงเหลือ 0%

ตลอดจนพิมพ์ธนบัตรอัดเงินเข้าสู่ระบบผ่านการกว้านซื้อคืนพันธบัตรระยะยาว มาแล้วรวมถึง 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านนโยบายคิวอี 1 และคิวอี 2

และเมื่อคิวอี 2 หมดอายุลงไปเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว เฟดก็เข็นมาตรการโอเปอเรชัน ทวิสต์ ออกมาซ้ำอีก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกระเตื้องขึ้นอย่างน่าพอใจนัก

ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการคิวอียังส่งผลข้างเคียงรุนแรงต่อค่าเงินเหรียญสหรัฐ และที่สำคัญยังทำให้สหรัฐกลายเป็นผู้ร้ายในเศรษฐกิจโลกอีกด้วย เมื่อบรรดาประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก กันถ้วนหน้า อันเป็นผลจากการที่ค่าเงินแข็งค่าของแต่ละประเทศขึ้นรุนแรงเมื่อเทียบกับ เงินเหรียญสหรัฐ

โดยเฉพาะทวีปเอเชียที่ได้รับผลกระทบหนักมากที่สุด ทั้งจากค่าเงินที่แข็งขึ้น และกระแสทุนที่ไหลออกจากสหรัฐเข้ามาเก็งกำไรในระยะสั้น จนเกิดกระแสประณามสหรัฐว่ากำลังก่อสงครามค่าเงินขึ้น โดยเฉพาะเพื่อการล้างแค้นจีนที่ใช้มาตรการแทรกแซงค่าเงินหยวนให้อ่อนค่ากว่า ความเป็นจริงมาโดยตลอด

และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้การออกมาตรการกระตุ้นของเฟดครั้ง ต่อจากนั้น คือ โอเปอเรชัน ทวิสต์ ต้องหลีกเลี่ยงการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเติมออกมากว้านซื้อพันบัตรระยะยาวโดยตรง แต่ใช้วิธีเลี่ยงด้วยการปล่อยขายพันธบัตรระยะสั้นมาแทน

แต่กระนั้นก็ตาม แม้ว่าเฟดจะพิมพ์ธนบัตรออกมามากเพียงใด มาตรการกระตุ้นของเฟดที่ผ่านๆ มาตั้งแต่ปลายปี 2551 ก็ช่วยเศรษฐกิจสหรัฐได้เพียงชั่วครั้งชั่วยามเท่านั้น

โดยที่ไม่ได้พลิกฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ในระยะยาวแต่อย่างใดทั้งสิ้น

เป็นช่วง 3 ปี ที่สหรัฐยังต้องเผชิญหน้ากับภาวะการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงอยู่

เป็นช่วง 3 ปี ที่ภาคธุรกิจยังซบเซา และคนก็ยังไม่กล้าใช้เงิน หรือไม่มีเงินใช้มือเติบเหมือนวันวาน

ยิ่งไปกว่านั้น การส่งสัญญาณของเฟดในครั้งนี้ที่จะนำมาตรการคิวอี 3 ออกมาใช้นั้น กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักด้วยว่าก็เป็นเพียงยุทธศาสตร์ช่วยหาเสียงให้กับ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ที่กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเท่านั้นเอง

และที่เลวร้ายยิ่งกว่า ทั้งคิวอี 1 คิวอี 2 และโอเปอเรชัน ทวิสต์ ยังถูกโจมตีจากฝ่ายรีพับลิกัน ว่าเป็นหลักฐานสำคัญถึงความล้มเหลวของเฟดและรัฐบาลโอบามาต่อการแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจชาติอย่างแท้จริง

กระนั้นก็ตาม ข้อเท็จจริงในเวลานี้ก็คือ เฟดจะงัดมาตรการคิวอีออกมาใช้อย่างแน่นอน โดยในหนนี้จะพุ่งไปที่การกว้านซื้อพันธบัตรอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังเป็นภาคเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาอยู่ ซึ่งการเข้าซื้อพันธบัตรดังกล่าวจะช่วยกดให้ดอกเบี้ยในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว ต่ำลงมากไปอีก เพื่อสร้างแรงจูงใจ กระตุ้น และฟื้นความเชื่อมั่นให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของชาติ

ดังนั้น สิ่งที่โลกจะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดก็คือ เฟดจะใช้วิธีใดต่อการเข้าซื้อในครั้งนี้ ว่าจะเป็นวิธีปั๊มเงินเข้าซื้อโดยตรง หรือจะใช้วิธีเลี่ยงอย่างมาตรการโอเปอเรชัน ทวิสต์

ซึ่งหากเป็นวิธีแรก โลกก็อาจจะต้องรับมือกับความยากลำบากซ้ำซ้อน ที่สภาวะเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าจะกลับมาหลอกหลอนกันอีกครั้ง ในช่วงที่สภาวะตลาดยุโรปกำลังฟุบตัวอย่างหนัก และสหรัฐเองก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่

ก็ต้องเตือนกันว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ไม่ว่าจะจีน หรือชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดไปจนถึงญี่ปุ่น อาจจะต้องเจอกับงานหนักเพิ่มขึ้นเป็น2 เท่าในปีนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:wub: :rolleyes: :lol: :D :P ;) :wub: :wub: :wub:

 

 

ขอบคุณคุณเสม และคุณเฮนรี มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ

ถูกแก้ไข โดย เนเน่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับเฮียเสม ส้มโอมือ henry ขอบคุณทุกข้อมูลครับ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การลงทุนด้วยระบบจะมีเวลาว่างมาก เอาบุฟเฟ่ต์เนื้อปิ้งย่าง มาฝากสำหรับคนชอบกินเนื้อ

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มกราคม 2555 16:49 น.

 

 

Share117

 

 

“กูรูกิว ยากินิกุ” บุฟเฟ่ต์เนื้อปิ้งย่าง อร่อยพุงกาง นุ่มลิ้นเพลินปาก

555000001174501.JPEG บรรยากาศภายในร้าน “กูรูกิว ยากินิกุ” blank.gif อาการเดินพุงกาง แบบอิ่มแน่นท้องสุดๆ จนกางเกงแทบปริเกิดขึ้นกับ “ตรเวนกิน” อีกแล้ว เมื่อในมื้อนี้ได้มาตระเวนกินบุฟเฟ่ต์เนื้อปิ้งย่างแบบญี่ปุ่นกันที่ร้าน “กูรูกิว ยากินิกุ” (Guru Gyuu Yakiniku ) ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนชอบการกินเนื้อแบบปิ้งๆ ย่างๆ บนเตาถ่านร้อนๆ เสียจริงเชียว

555000001174502.JPEG เต็มอิ่มกับรายการบุฟเฟต์มากมาย blank.gif แม้ว่าร้าน “กูรูกิว ยากินิกุ” จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมากมาย แต่ภายในร้านก็จัดโต๊ะนั่งได้ดูโปร่งชวนนั่งแบบสบายๆ มีโต๊ะเก้าอี้ไม้ให้เลือกนั่งในหลายมุม และแต่ละโต๊ะก็มีเตาปิ้งย่างส่วนตัว ซึ่งเป็นเตาที่ทางร้านสั่งมาโดยเฉพาะจากเกาหลี มีระบบดูดควัน ที่มีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ตรงที่ เตาย่างเนื้อจะเป็นแบบเทฟล่อน ไม่ต้องคอยเปลี่ยนตะแกรงบ่อยๆ แค่ใช้ทิชชู่เช็ดเตาก็สะอาดพร้อมปิ้ง ได้อย่างง่ายดาย ส่วนถ่านที่ใช้เป็นถ่านกะลา ซึ่งมีควันน้อย ขี้เถ้าน้อย แต่ให้ความร้อนนานถึง 3 ชม.

555000001174503.JPEG ปิ้งย่างเนื้อบนเตาร้อนๆ blank.gif ส่วนในเรื่องของอาหารที่ร้านกูรูกิว ยากินิกุ เน้นคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดีมานำเสนอ ซึ่งที่นี่จะคัดสรรเนื้อไทยที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพ โดยเลือกใช้เนื้อไทยเฟรนช์เกรดพรีเมี่ยมเป็นหลัก รวมถึงมีเนื้อของ KU Beef และการเสิร์ฟเนื้อของที่นี่จะสไลด์สดทำแบบจานต่อจาน เรียกว่าสั่งแล้วค่อยนำเนื้อมาสไลด์ให้ได้ลิ้มรสกันแบบสดๆ ดังคอนเซ็ปท์ของร้านที่ว่า "ใส่ใจในทุกจาน ทานที่ร้านเหมือนบ้านคุณ"

555000001174504.JPEG เนื้อบลูโกกิ blank.gif การมากินบุฟเฟ่ต์ของที่ร้านนี้จะมีเวลากำหนดให้กินภายใน 2 ชม. และบุฟเฟ่ต์จะมีให้เลือกอยู่ 2 ราคา คือ มีราคา 399 บาทต่อคน (ไม่ รวมเครื่องดื่ม) โดยมีเนื้อหลากหลายที่สามารถเลือกสั่งเนื้อที่ชอบมากินได้ โดยสั่งมาเป็นจานๆ และเนื้อแต่ละจานจะมีซอสราดสูตรเฉพาะของทางร้านราดมาบนเนื้อ ซึ่งในรายการบุฟเฟต์มี 25 เมนู ให้ได้เลือกกินแบบไม่อั้น

555000001174505.JPEG เนื้อลายมัน blank.gif เริ่มจากเนื้อมี เนื้อมาราธอน เป็นเนื้อที่มีความกรุบกรอบของเอ็นเนื้อที่แทรกปนอยู่ เนื้อหินอ่อน เป็นเนื้อหมูส่วนสันคอสไลด์ เนื้อติดมัน เป็นเนื้อที่มีทั้งความหอมและความหวานจากไขมันที่แทรกปนอยู่อย่างทั่วถึง เนื้อสามศอก เป็นเนื้อส่วนหนอกวัว และเนื้อจำแลง เป็นเนื้อที่รวมความหวานและความกรุบกรอบอยู่ในตัวไม่ควรย่างให้สุกเกินไป

555000001174506.JPEG เนื้อใบบัว blank.gif แล้วยังมีเนื้อหมูหินอ่อน เป็นเนื้อหมูส่วนสันคอสไลด์ หมูติดมัน เป็นส่วนหมู 3 ชั้น ซี่โครงหมูกูรู เป็นส่วนซี่โครงหมู ซึ่งหมูก็จะมีซอสเฉพาะของทางร้านราดมาบนเนื้อหมู พร้อมกับยังมีกุ้งแม่น้ำตัวโต สะโพกไก่เนื้อนุ่ม หมึกไข่สดๆ ปลาโดริเนื้อนิ่ม ปลาไข่ย่างเกลือที่มาทั้งตัว ไส้กรอก ญี่ปุ่น เห็ดออรินจิ ซุบสาหร่าย ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น ข้าวผัดกระเทียม ข้าวสวยญี่ปุ่น ผักยำน้ำมันงา กิมจิ ผักสด ผักสำหรับย่าง ผลไม้รวม /1 คน และเยลลี่ผลไม้ 1 ชุด / 1 คน

555000001174507.JPEG ลิ้นวัว blank.gif ส่วนบุฟเฟต์อีกราคา คือ 499 บาทต่อคน (ไม่รวม เครื่องดื่ม) จะมีรายการเมนูทุกอย่างเหมือนกับราคา 399 บาท แต่ว่าจะมีเมนูเพิ่มขึ้นมาอีก 10 เมนู และมีความพิเศษเพิ่มเติมในส่วนของเนื้อที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับคนชอบกินเนื้อมากๆ โดยมีเนื้อที่เพิ่มมาคือ เนื้อบลูโกกิ เป็นเนื้อส่วนที่มีลายมันแทรกและมีรสชาติที่เคี้ยวนุ่มโดนใจ เนื้อลายมัน เป็นเนื้อระหว่างซี่โครงที่นุ่มชุ่มลิ้น เนื้อใบบัว เป็นเนื้อที่มีลายมันแทรกเคี้ยวนิ่มนุ่มปาก เนื้อลูกเต๋า ที่หั่นมาเป็นชิ้นลูกเต๋าเนื้อมีความนุ่มมาก พร้อมกับยังมีลิ้นวัว สไลด์มาเป็นชิ้นๆ ย่างให้สุกบีบน้ำมะนาวกินคู่กันเคี้ยวกรึบๆ ปาก แล้วยังมี เบคอน เนื้อนุ่มหอม กระเทียมสไลด์มาให้ย่างกินคู่กับเนื้อ ซุปมิโซะร้อนๆ หน่อไม้ฝรั่งและข้าวโพดอ่อนให้ย่างกินด้วย

555000001174508.JPEG เบคอน blank.gif พร้อมกับยังมีน้ำจิ้ม 3 แบบ 3สไตล์ให้เลือกจิ้มกินคู่กับเนื้อย่าง มีน้ำจิ้มกิว ทาเระ เป็นน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่มีส่วนผสมของ โชยุ สาเก มิริน และน้ำตาลหอมๆ รสกลมกล่อมดี น้ำจิ้มโคชุจัง แบบ ฉบับเกาหลี ที่มีความพิเศษของรสเผ็ดที่มาจากส่วนผสมหลัก คือ พริกป่นเกาหลี และน้ำจิ้มมิโซะ แบบฉบับญี่ปุ่น มีกลิ่นหอมและรสหวานแซบจากส่วนผสมหลัก คือ มิโซะ(เต้าเจี๊ยวญี่ปุ่น) และเสิร์ฟพร้อมผักสด

555000001174509.JPEG เนื้อลูกเต๋า blank.gif แต่ถ้าไม่เลือกที่จะกินแบบบุฟเฟต์ก็สามารถเลืกสั่งเมนูเนื้อต่างๆ มาแบบเป็นจานๆ ได้ รวมถึงยังมีเมนู a la carte อื่นๆ ที่ชวนสั่งมากินอีกมากมาย อาทิ ยำเนื้อย่างญี่ปุ่น (150 บาท) ยำสาหร่าย (110 บาท) ทงคัสซึ (110 บาท) ข้าวหน้าเนื้อตุ๋น (100 บาท) ข้าวแกงกะหรี่เนื้อ (100 บาท) ข้าวผัดกิมจิหมู (90 บาท) และอีกสารพัดเมนูที่ชวนกินให้อิ่มท้องแบบสุดๆ เมื่อมาที่ร้าน “กูรูกิว ยากินิกุ” แห่งนี้

555000001174510.JPEG ยำเนื้อย่างญี่ปุ่นและยำสาหร่าย blank.gif * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

 

“กูรูกิว ยากินิกุ” (Guru Gyuu Yakiniku ) ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 1121 ห้อง 2117 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. การเดินทางถ้าขับรถมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้วิ่งมาที่ถ.พหลโยธิน ตรงมาระหว่างพหลโยธินซ.3กับพหลโยธินซ.5 ร้านจะอยู่ก่อนถึงพหลโยธินซ.5 ประมาณ 50 ม. จอดรถได้บริเวณลานจอดรถรัมภาแมนชั่นด้านหลังร้าน หรือนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงได้ทั้ง 2 สถานี คือ อารีย์กับสนามเป้า ร้านจะอยู่ระหว่างรถไฟฟ้าทั้ง 2 สถานีประมาณ 200 ม. เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.30-23.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-23.30 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2619-6939, 08-9534-2446 และทางร้านมีโปรโมชั่น มา 4 อิ่ม ฟรี 3 ดื่ม หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.facebook.com/GuruGyuu

คลิก!! อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน “กูรูกิว ยากินิกุ” (Guru Gyuu Yakiniku )

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

399.-/ท่าน นะครับ

ALL You Can Eat!!!!!!!!!!!

 

รายการอาหารสำหรับเมนู Buffet ที่ร้านกูรูกิว

เนื้อมาราธอน

เนื้อหินอ่อน

เนื้อติดมันส์

เนื้อจำแลง

เนื้อสามศอก...NEW

กุ้งแม่น้ำ

หมูหินอ่อน

หมูติดมันส์

ซี่โครงหมูกูรู...NEW

ไส้กรอกหมูญี่ปุ่น...NEW

สะโพกไก่

ปลาหมึก

ปลาโดริ

ปลาไข่ย่างเกลือ...NEW

เห็ดเออรินจิ

ซุปสาหร่าย

ผักยำน้ำมันงา

กิมจิ

ชุดผักสด

ชุดผักสำหรับย่าง

ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น

ข้าวญี่ปุ่นผัดกระเทียม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

 

 

 

คำแนะนำการลงทุนตลอดปี 2555 ตอนที่ 1

 

 

 

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ

CEO บลจ. บัวหลวง

 

1 มกราคม 2555

 

 

มัน เป็นธรรมเนียมไปทั่วโลกเลย ที่พอสิ้นปีก็จะมีคำทำนายเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อให้พอใช้เป็นเข็มทิศชีวิตและการลงทุนของเรา แต่ของไทยและเอเชียจะมีโหราศาสตร์มาเพิ่มเติมพอเป็นสีสรร

 

บรรดา “กูรู” ด้านการลงทุนก็จะออกมาแนะนำการจัดพอร์ตรับความเสี่ยงในปีมะโรง นับเป็นวิทยาทานแก่ผู้คนที่ยังเป็น “กูไม่รู้ แต่กูอยากรวยอ่ะ” กันไม่น้อย

 

หากจะให้เราออกมาแนะนำการจัดพอร์ต ก็อึดอัดและไม่สบายใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเหมือน “ดวงโหล” หมายถึงคล้ายๆ เปิดนิตยสาร เปิดหนังสือพิมพ์ อ่านคำทำนายดวงตามราศี ปีเกิด เดือนเกิด ซึ่งมันโหลมากๆ เพราะไม่ได้มีเวลาตกฟากไปผูกดวง จึง ไม่แนะนำให้ทำตามโดยปราศจากการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่ตนเองแต่ละคนจะรับได้ และมันจำเป็นที่สุดที่จะต้องพิจารณาข้อมูลอื่นๆ เช่น อายุ ทรัพย์สินที่มี หนี้สิน กำลังการหารายได้ แผนค่าใช้จ่าย แผนการเงิน จำนวนคนที่ต้องอุปการะ ฯลฯ

 

ดังนั้น คำแนะนำเรื่องการจัดพอร์ตลงทุนต้อนรับปีมะโรงก็คือ ใครไม่เคยทำตามย่อหน้าข้างบน ก็ให้ไปทำซะ

 

และเมื่อเรามีโมเดลพอร์ตที่เราจัดสัดส่วนไว้ล่วงหน้าแล้ว เราก็มีความอุ่นใจในระดับหนึ่งละ

 

อุ่นใจไงว้า มันก็แค่ตัวเลข

 

เย้ยยย... ยังจะมาเถียง ก็อย่าหยุดแค่ตัวเลขสิฟะ เดี๋ยวพั่ด..!!

 

ให้ เริ่มทำบัญชีรายได้ รายจ่าย ทำบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน และแผนการเงินการลงทุนซะ มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ เหมือนเรามีแผนที่ชีวิต ทำให้เรารู้ตัว และมีสติที่จะคิดถึงอนาคตเสมอไง แล้วก็ทำตามแผนที่เรากำหนด

 

มันไม่ยากเลย และเมื่อเวลาผ่านไปโดยเราเก็บออมได้ทุกเดือน เราจะมีกำลังใจเวลาหยิบสมุดลงทุนไปอัพเดท แล้วเอามาเปิดดู หัวใจจะพองโตเลยละรู้ไหม

 

ทองตก หุ้นเตี้ย นี่นะ หัวใจพองโต บ้าป่ะเนี๊ยะ !!

เย้ย .... มันอยู่ที่ว่าเราลงทุนเงินส่วนนั้นได้ยาวไหม หากไม่ยาว ไม่กี่ปี ก็ไม่ค่อยดีหรอก เพราะช่วงต่อไปนี้มันลำบากหน่อย คาดการยากด้วย

 

ก็ น้าจิม โรเจอร์ บอกว่า ...

 

“ใน 2-3 ปีข้างหน้านี้หรืออาจจะยาวกว่านั้น เราไม่อาจมองโลกในแง่ดีได้เลย เรา มีปัญหาหนักมาก เพราะอเมริกาเจอกับเศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2002 ซึ่งก็แย่แล้ว แต่มันก็เกิดอีกในปี 2008 ในระดับที่เลวร้ายกว่าเดิมมากเพราะมีหนี้เพียบ และปัญหาที่จะเกิดในรอบหน้าในขณะที่จำนวนหนี้จะยิ่งพุ่งขึ้นมหาศาลทำให้เรา คาดเดาได้ว่ามันจะยิ่งสาหัสสากรรจ์กว่าปี 2008 ไปอีกมาก ปัญหานี้จะแก้ยังไงๆ ก็ไม่ได้ จนกว่าจะไปแก้ที่ต้นตอของมัน ซึ่งก็คือการใช้จ่ายเกินกำลังตนและการกู้หนี้ยืมสินจำนวนมหาศาล ด้านยุโรปทำผิดมหันต์ เพราะแทนที่จะปล่อยให้กรีซล้มละลายเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ใหม่ ยุโรปกลับไปเลือกทางที่ง่ายกว่า”

 

ลุงมาร์ค ฟาเบอร์ ยอดดวงใจของ น้องมาร์ค เอี่ยมอมรพันธุ์ ก็บอกว่า ...

“ลุง กำลังมองในแง่ร้ายสุดๆ ลุงคิดว่าคนจะโชคดีมากถ้าใน 5 ปีข้างหน้านี้เงินที่เขาสะสมมาทั้งหมดจะเหลือค่าเพียงครึ่งเดียว เราต้องกระจายการลงทุนบางส่วนไปในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในชนบท บางส่วนในทองคำ และบางส่วนในหุ้น ตัวอย่างก็คือเยอรมันนีตั้งแต่ ปี 1900 จนถึงวันนี้ มีสงครามโลกครั้งที่ 1 มีเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) และมีสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่ง ทำให้ผู้ฝากเงินกับผู้ลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้สูญเสียเงินลงทุนไปหมด เลยถึง 3 ครั้ง แต่ผู้ถือหุ้นรอด นี่ก็เพราะโดยทั่วไปแล้วผู้ลงทุนในหุ้นจะไม่เจ๊งจนสูญเสียเงินไปทั้งหมด เว้นแต่ดันไปลงทุนในหุ้นตัวเดียวแล้วบริษัทนั้นมันล้มละลาย”

 

จ๊าก ..... เราจะตายไหมนี่

 

“เออ ช่างแกดิ เนี่ ยะ กรีซน่ะน่าจะเจ๊งไปชาตินึงแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงไม่ให้ข้อมูลเตือนผู้ลงทุนว่าอนุพันธุ์ทุกชนิดเสี่ยง ไม่เท่ากัน เพราะมันขึ้นกับความเสี่ยงของแบงค์คู่ค้าด้วย แล้วแบงค์ในยุโรปหลายแห่งก็กำลังแย่เพราะกู้ยืมมากเหลือเกิน แบงค์ในอเมริกาก็ด้วย แถมยังเป็นการกู้ในตลาดอนุพันธุ์ไม่น้อยนะ นี่มันบ้าจริงจริ๊ง ที่ตอนตั้งสหภาพยุโรปและกลุ่มยูโรโซนขึ้นมา กฏ Maastricht treaty กำหนดไว้ว่าสมาชิกทุกประเทศต้องไม่ขาดดุลงบประมาณเกิน 3% ของ GDP และหนี้ต่อ GDP ก็ ต้องไม่เกิน 60% ด้วย แต่ในที่สุดก็ไม่มีใครรักษาสัญญานี้เลย คอยดูนะ ลุงขอทายล่วงหน้าเลยว่าวันหนึ่งข้างหน้า หนี้สินต่างๆ จะทำให้ทั้งระบบล่มสลาย”

 

ลุงอ่ะ ลุงพูดจาหยาบคายมากเลยที่ไปทำนายอย่างนี้

“เออ หยาบก็ช่างหัวแก ... แต่ เรายังไปไม่ถึงวันนั้นหรอก สัญญาณเตือนก็คือเมื่อการ พิมพ์แบงค์กงเต็กมันไปถึงจุดที่ทำให้คนโกรธแค้นเพราะเงินเฟ้อจะพุ่งปรี๊ดและ ไม่มีค่าอีกต่อไป แล้วมันมีคนไม่กี่คนหรอกที่ได้ประโยชน์จากการพิมพ์แบงค์ ซึ่งไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของอเมริกาแน่ๆ”

 

โอ้กกกกก....

 

ยัง ยังมีอีก .... น้า Nouriel Rubini เจ้าเก่า บอกว่า ...

 

Recession ในกลุ่มยูโรโซนเกิดแน่ แต่ยังทำนายไม่ได้ว่าจะอยู่นานแค่ไหนและจะสาหัสปานใด ไม่เกินปี 2013 เราจะได้เห็นเศรษฐกิจถดถอยแบบ Double Dip Recession ใน สหรัฐที่สมบูรณ์แบบ ได้เห็นแผนแก้ปัญหาที่สับสนยุ่งเหยิงและไม่เป็นผลดีในกลุ่มยูโรโซน และอาจจะได้เห็นเศรษฐกิจจีนฟองสบู่แตกจนหัวทิ่มแบบ Hard Landing ด้วยเว่ยเฮ่ย”

 

เอา เฮ้ย น้ารู บอกกันดีๆ ก็ได้นิ ทำไม่ต้องมี เว่ยเฮ่ย ด้วยล่ะ

 

“ต้องมีดิ ไม่งั้นไม่จ๊าบ มา ... น้าจะอธิบายเพิ่มให้เข้าใจ .. อเมริกา เลื่อนการแก้ไขปัญหาทางการคลังออกไปอีกแล้ว แถมยังทะลึ่งเลี่ยงการปฏิรูปที่ต้องทำอย่างการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา การฝึกฝนความชำนาญ และ ยังไม่ยอมเปลี่ยนนโยบายพลังงาน ทั้งที่มันจะช่วยคืนอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกนักการเมืองเฮงซวย มันไม่คิดจะแก้ปัญหายังไม่พอ ยังจะเพิ่มปัญหาซะอีกเว่ย เฮ่ย”

 

เว่ย เฮ่ย อีกแล้วนะ น้ารู

 

“เออดิ รูบินี ตัวจริง ต้องมีเว่ย เฮ่ย ดิว้า ... เนี่ยะ ยุโรป ก็ยังปฏิเสธความจริงที่ว่าบางประเทศล้มละลายจนไปกันไม่ไหวกับระบบเงินยูโรแล้ว จีน ก็ดื้อด้านไม่ยอมให้หยวนอ่อนค่า เพราะอยากได้เปรียบในการส่งออกตามโมเดลเศรษฐกิจที่ ไอ้เหา จิ่นทู เฮ้ย .. หู จิ่นเทา มันใช้ แถมยังออมมากไปแต่บริโภคในประเทศน้อยไปด้วย เฮ้อ...”

 

ทำไมถึงเป็นอย่างนี้กันไปหมดล่ะ น้ารู

 

“เฮอะ .. ก็ทุกเรื่องนี้มันไปติดที่การเมืองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมาถึงในเดือนพฤศจิกาหน้า การถ่ายโอนอำนาจไปให้ผู้นำคนใหม่ของจีนในช่วงนี้ กับความล้มเหลวของรัฐบาล 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรที่ไม่อาจใช้นโยบายร่วมกันทั้งกลุ่ม เพราะไปติดที่การเลือกตั้งในหลายประเทศกำลังจะมาถึง”

 

แล้วนักการเมืองมันปัญญาอ่อนรึไงลุง ถึงได้ไม่ทำสิ่งที่ถูกต้องแบบนี้น่ะ

 

“ไม่ ได้ปัญญาอ่อนร้อก แต่พวกนักการเมืองมันไม่มีวันแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เพราะมันกลัวว่าจะทำให้ผู้เลือกตั้งมันเจ็บปวดและผิดหวังแม้ว่าเป็นแค่ระยะ สั้น และแม้ว่ามันจะดีต่อคนทั้งประเทศในภายหลังก็ตาม เพราะนักการเมืองจะทำเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อคนทั้งชาติอย่างที่โม้กันมาตลอดเว่ย เฮ่ย ฮ่วย”

 

โอ้ย ... แล้วเราจะกระทบไหมละนี่

 

“ก็คอยตามไปอ่านต่อตอนสองสิฟะ ถามอยู่ได้ รำคาญเว่ย เฮ่ย”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

 

คำแนะนำการลงทุนตลอดปี 2555 ตอนที่ 2

 

 

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ

CEO บลจ. บัวหลวง

 

4 มกราคม 2555

 

 

วันนี้เรามาดูเรื่องทองคำกันก่อน

ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา คนที่เป็น Gold Bug (พวกคลั่งไคล้หลงไหลในทองคำ) ในสหรัฐ เขาขายหุ้นออกเมื่อหุ้นขึ้น และซื้อทองคำเมื่อมันราคาตกลงมา และมันก็เวิร์คมาตลอด 12 ปี เขาบอกว่า วันนี้เขาก็ไม่เปลี่ยนใจไปจากทองคำ เพราะยังไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องสำคัญเปลี่ยนไปสักอย่าง

ใช่ เลย ก็ยังไม่เห็น ลุงเบน เบอร์นานเก้ หรือประธานธนาคารกลางคนไหนที่กลับใจหันมารักษาค่าของดอลลาร์และตลาดพันธบัตร เลยสักคน และสภาคองเกรสก็ยังคงให้รัฐบาลอเมริกันใช้เงินเกินตัวต่อไปเรื่อยๆ

เอ ... แต่ถ้าราคาทองคำตกลงไปถึง 1,400 หรือ 1,200 ดออลาร์ต่อออนซ์ล่ะ จะทำไงดี

เรื่องนี้พวก Gold Bug จะตอบเหมือนกันทุกคนว่า

“ซื้อสิฟะ เพราะนั่นคือโอกาสที่จะซื้อทองคำ ไม่ใช่ไปซื้อรองเท้าอีกนะยัยโง่”

เอ๊ะ แต่ตอนนี้ใครๆ หลายคนบอกว่าระวังทองคำให้ดี มันจะซ้ำรอยปี 1980 ที่หกคะเมนตีลังกาลงมาลึกมากเป็นสิบปีไม่โงหัวเลยนี่นา ยังจะซื้ออีกเหรอ

“ใช่ พระเจ้าจอร์ชมันยอดมากที่หลายคนมองไม่เหมือนพวกเรา คนพวกนั้นเขาคิดว่าทองคำมาไกลเกินไปแล้ว มันต้องเดี้ยงจนลึกเหมือนปี 1980 แหงๆ กลายเป็นตลาดหมีตกฮวบๆ ไปเลย แต่หุ้นจะขึ้นปรี๊ดๆ เป็นตลาดกระทิง”

อ๋อ ทองคำจะเป็นกระเทย ส่วนหุ้นจะเป็นกระทิงปีนี้ แล้วทำไมเรามองไม่เหมือนเขาล่ะ

 

“มันจะเหมือนกันไปได้ยังไงล่ะ อ้อ อาจจะเหมือนกันกับปี 1980 อย่างนึง คือ ลุงเบนมี 2 ขาเหมือนประธานธนาคารกลางสหรัฐสมัย 1980 ไง แล้วเธอบ้าหุ้นใช่ไหมล่ะ”

อ่ะ ก็นิดหน่อยนะ

 

“จำได้ไหม ลุงบัฟเฟต สอนว่า ถ้ากำลังเล่นโป๊กเกอร์ แล้วเธอมองหาผู้เล่นที่เธอจะหลอกไม่ได้ มันก็แปลว่าตัวเธอนั้นแหละที่จะโดนคนอื่นเขาหลอกต้อนเอา แล้วคนที่พูดเรื่องทองคำจะเป็นตลาดหมี หุ้นเป็นตลาดกระทิง อะไรๆ จะเป็นอย่างปี 1980 น่ะ มันแปลว่าเขาเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวและบูมขึ้นมาอีก พวกนี้ละที่จะเป็นผู้เล่นโป๊กเก้อร์ที่โดนคนมือเหนือกว่ามาหลอกต้อนได้ พวกเขาจะขายทองคำแล้วซื้อหุ้น แต่เราทำตรงกันข้าม แต่ถ้าเขาคิดถูก เราเองก็จะเป็นเหยื่อนะ”

 

อ้าว ไรฟะ พูดงี้มีต่อยดิ

“โห ... นักเลงนี่หว่า เป็นมวยไทยด้วยป่ะล่า”

ก็นิโหน่ย ท่าตั๊กแตนเบ่งอึน่ะ รู้จักป่ะ

“ไม่รู้ รู้จักแต่ตั๊กแตนทอด กินมาเยอะแล้วด้วย ... มา ... มาฟังเรื่อง Mayer Amschel Rothschild ดีกว่า”

ไม่เอ๊า จะฟังเรื่องทองคำต่อ

“เดี๋ยวดิ ฟังเรื่องนี้ก่อน ตาคนนี้เขามีชีวิตช่วงปี 1744-1812 เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรของครอบครัวในธุรกิจธนาคาร Rothschild ซึ่งเป็นกิจการธนาคารระหว่างประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จนในปี 2005 เขาได้รับการยกย่องให้เป็นนักธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา โดยได้เป็นอันดับ 7 จัดโดยนิตยสาร Forbes และนิตยสารธุรกิจต่างๆ ก็ยกย่องให้ Mayer Amschel Rothschild เป็นบิดาแห่งศาสตร์การเงินระหว่างประเทศด้วย”

แล้วไงอีกล่ะ

“เนี่ยะ ที่นี้ใครๆ ก็รู้จักตาแก่ Rothschild แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเมียเขา”

อ้าว ใครเป็นชู้กับเมียเขาเหรอ

“ฮ้วย ฆ่าไอ้เด็กบ้านี่มันจะบาปไหมฟะ”

บาปดิ บาปมหันต์เลย ไม่ดีหรอก ฟังต่อกะได้

“เออ เมียตาแก่ชื่อ Gutle Rothschild เนี่ยะไม่เหมือนตาแก่เลย เพราะทั้งๆ ที่รวยจนสะกดคำว่าไม่หรูไม่เป็น แต่หล่อนกลับใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในบ้านเล็กหลังเก่าใน Frankfurt ที่เคยอยู่ในช่วงหลังแต่งงานใหม่ๆ กับตาแก่และในขณะที่ตาแก่ Rothschild กำลังทำงานหนักเพื่อสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง เมียตาแก่กลับต้องทำงานหนักกว่ามากเพราะต้องเลี้ยงดูลูกๆ 10 คนให้สามารถรับช่วงอาณาจักรธุรกิจธนาคารของพ่อให้ได้ดี ไม่มีผู้หญิงอื่นอีกแล้วที่จะเลี้ยงลิง 10 ตัวจนมีความสามารถที่จะบริหารอาณาจักรธุรกิจธนาคารได้ดีอย่างหล่อน ต่างกับปัจจุบันนี้ที่เรารู้ว่าใครๆ ก็บริหารธนาคารในวันนี้ได้ แค่โง่เท่านั้นก็เป็นนายธนาคารใหญ่ได้แบบที่เราเห็นใน Wall Street ไง ความโง่นี่เป็นคุณสมบัติหลักของการเป็นนายธนาคารที่ Wall Street ในวันนี้เลยนะ”

ปากจัดชะมัดเลย ที่เล่านี่ก็เพื่อด่านายแบงค์ช่ายปะ

“เออ ... ทีนี้กลับมาเรื่องทองคำกันต่อนะ เราคิดว่าทองคำจะราคาตกลงไปอีกและพันธบัตรสหรัฐก็จะยังขึ้นต่อได้อีกช่วงนึง แต่เราก็ยังเชื่อว่าอเมริกาจะต้องทรุดฮวบๆ แบบญี่ปุ่นเป็นสิบปี”

เอ .... ถึงจะมีตัวบ่งชี้หลายตัวที่ทำให้เห็นว่าอเมริกากำลังจะเป็นญี่ปุ่น มันก็ยังต่างกันตรงที่วันนี้โครงสร้างประชากรญี่ปุ่นกำลังแก่ลงไปเป็นจำนวน มาก และมีคนน้อยลงไปทุกที แต่อเมริกายังค่อนข้างเด็กและจำนวนประชากรก็ยังเพิ่มอยู่นี่นา

“ก็ใช่ แต่ ... แต่ ... แต่ .....”

แต่อะไรล่ะฟะ เดี๋ยวก็ เว่ยเฮ่ย ใส่หรอก

“แต่ ช้า แต่”

โว้ย ... ฆ่าผู้ใหญ่นี่บาปไหม

“ฮ่าๆๆๆๆๆ เดี๋ยวดิ มาดูนี่สิ นี่ไง ตัวเลขประชากรล่าสุดในสหรัฐที่เพิ่งรายงานออกมามันบอกว่าจำนวนผู้อพยพเข้า สหรัฐลดลงต่ำสุดไปรอบ 20 ปี จำนวนคนเกิดใหม่ก็ลดลงเหลือเพียง 0.7% แล้ว นี่เป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ก่อนพวกเบบี้บูมเกิดอีกนะ”

อา ฮ่ะ อย่างนี้อเมริกาก็แย่อะดิ เอาไวอะกร้าทัดหูไว้หรือไงถึงไม่ค่อยมีเด็กเกิดใหม่ ท่าทางกำลังจะกลายเป็นประเทศที่ไม่มีพลังหนุ่มสาวมาสร้างชาติแล้ว ช่ายมะ

“อืม ... เริ่มฉลาดแล้วใช่ไหม เรากำลังจะกลายเป็นญี่ปุ่นละ”

พูดจาดีๆ ก็เป็นด้วยแฮะ

“และนายธนาคารกลาง กับนายธนาคารพานิชย์ทุกวันนี้ก็ไม่เก่งเหมือนลูกๆ ของ Rothschild เราถึงยังเชื่อเรื่องทองคำในระยะยาวไงล่ะ เว่ย เฮ่ย”

ฮู้ย ... จบดีๆ กะด้าย จะไปเลียนแบบ เว่ย เฮ่ย ของน้ารูบินี ทำแป๊ะไรนี่ ห๊า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

 

คำแนะนำการลงทุนตลอดปี 2555 ตอนที่ 3 (ตอนจบ)

 

 

 

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ

CEO บลจ. บัวหลวง

 

9 มกราคม 2555

 

 

คำถามที่เข้ามาบ่อยๆ คือ ประเทศไทย จะเป็นยังไงปีนี้

 

เอากำปั้นทุบดินตอบก็คือ ก็ยังทะเลาะกันไม่หยุดในหลายส่วนแบบเดิมแหละ เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ของพวกเราไปแล้วละมั้ง วันไหนขาประจำตื่นมาไม่ได้ด่าใครน่าจะเกิดอาการท้องอืดไปตามๆ กัน

 

ทำใจให้ชินกับสิ่งแวดล้อมท่วมน้ำลายที่ไม่ฟังเหตุผลกัน และเอาแต่ดึงดันตามใจตนซะ มันไม่หายไปจากบ้านเราง่ายๆ หรอก

 

ส่วน จะน้ำท่วม แผ่นดินจะไหว ตึกจะถล่ม ไฟจะไหม้ ระเบิดจะผุด คนจะตีกันไปจนตายหมดแผ่นดิน รัฐธรรมนูญจะโดนแก้ อำนาจจะโดนยึด รัฐบาลจะโดนล้ม โลกจะล้อมประเทศ กองทัพจะโดนบอนไซ หรืออะไรก็แล้วแต่ เราควรปล่อยให้น้องปลาบู่กับกูรูโหราศาสตร์ว่ากันไป เพราะมันยังคาดเดาไม่ได้สำหรับเรา เราจะดูแค่การลงทุนไปก่อน

 

ป้าๆ หยุดบ่นแล้วเข้าเรื่องสักทีสิ

 

เออ ลืมตัวอ่ะ ขอบใจนะที่เตือน เอ้า มาสรุปสั้นๆ เรื่องเมืองไทยละ

 

ไทยจะฟื้นตัวแบบ V Shape ในปีนี้หากเทียบกับปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วอัตราการเติบโตของ GDP มีฐานต่ำ และจะเติบโตสูงสุดในไตรมาส 4 ปี นี้ ด้วยแรงส่งของการใช้งบประมาณฟื้นฟูประเทศจากน้ำท่วม และงบประมาณผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งผลักดันการเติบโตจากภายในประเทศด้วย “ทักษิโนมิคโมเดล” อย่างที่เคยประสบความสำเร็จในปี 2003 โดย บริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้น่าจะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่ง ต่อเนื่องจากปีก่อน แม้ประเทศจะกระทบจากน้ำท่วมและปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปก็ตาม ซึ่งจะได้แรงส่งจากการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐ การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ฯลฯ และสิ่งที่เราจะพบเห็นมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศก็คือการรวมกิจการ กันเพื่อความแข็งแกร่งและอยู่รอด การรวมกันจะทำให้ผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงภาคธุรกิจหลักทรัพย์

 

อ้าว ป้าพูดงี้แสดงว่าชอบ ทักษิโนมิคส์ อะดิ

 

ปั้ดโธ่ เจ้าหนอนน้อย การมองภาพที่กระจ่างที่สุด จะต้องไม่สนใจเชียร์ฝ่ายไหนนะยะหล่อน เพราะเงินไม่เคยเลือกข้างทางการเมือง

 

เนี่ยะ เราน่ะรู้จักประชาคมอาเซียนป่ะ

 

รู้ๆ ก็ที่ลุงแขกดำ เอ้ย ลุงสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นประธานเก่านั่นใช่ไหม

 

เออๆ อะไรประมาณนั้นน่ะ ประชาคมอาเซียน ในปีนี้จะค่อยๆ เดินไปสูความเป็นรูปธรรมและทวีความสำคัญขึ้น ที่จริงแล้วประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกไปยังอาเซียนมากกว่าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีนรวมกันอยู่แล้วด้วยซ้ำ เราจึงมีโอกาสที่การค้าในกลุ่มอาเซียนที่จะทวีขึ้นนั้นส่งประโยชน์กับประเทศ ไทยอีกมาก โดยอาจจะเกิดพื้นที่สำคัญในหัวเมืองชายแดนสำหรับเป็นจุดทำการค้ากับประเทศ เพื่อนบ้าน

 

โห .. เพิ่งรู้นะป้า ว่าเราส่งออกให้เพื่อนบ้านเรามากกว่าสหรัฐกับจีนรวมกันเสียอีก

 

เออ หน้าตาฉลาดๆ อย่างนี้ ไม่รู้ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก

 

ป้าๆ อย่างนี้ถ้าจีนได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจภายนอกกับฟองสบู่ภายใน อาเซียนก็ยังไปไปไหวใช่ไหม

 

ใช่ แล้ว เราจึงควรเน้นที่ภูมิภาคนี้เป็นสำคัญ แต่มองว่าอุปสรรคในจีนยังอยู่ในช่วงต้นๆ ซึ่งท้าทายความสามารถของรัฐบาลปักกิ่งไม่น้อยว่าจะ “เอาอยู่” ได้ไหม

 

“เอาอยู่ “ เนี่ยนะ น่ากลัวอ้ะ

 

เออๆ มันติดปาก ก็ชอบคำนี้นี่นา ทีนี้ส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาคมอาเซียนรุ่งเรืองคือต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน กันละ ดังนั้น ในทศวรรษนี้จึงน่าจะมีการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับการก่อสร้างจุดคมนาคม เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอีกมากเลย อย่างเช่น ทางรถไฟ ถนน ท่าเรือ และโทรคมนาคม เนี่ยะ แล้วรู้ไหมล่ะว่าบริษัทไทยหลายแห่งที่มีความชำนาญและช่องทางทำธุรกิจกับพม่า อยู่แล้ว จะเป็นหัวจักรการลงทุนในพม่าอีกด้วยนะ

 

อ๋อ ... เข้าใจละป้า ... ไทยจะได้ประโยชน์จากประชาคมอาเซียนในอนาคตได้ขนาดไหน มันก็ขึ้นอยู่กับนโยบายและกลยุทธ์ของรัฐที่จะช่วยผลักดันกันใช่ไหม แต่ เท่าที่ดูความพร้อมของบริษัทเอกชนทั่วๆ ไป ยกเว้นบริษัทใหญ่มากๆ แล้ว น่าจะยังไม่พร้อมเอาเสียเลย ไม่รู้จักด้วยซ้ำ แล้วคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี

 

ใช่ แล้วเจ้าหนอนน้อย ... ก็แค่บทความเกี่ยวกับเรื่องอาเซียนที่ลง นสพ. กันโครมๆ นั้น สงสัยจริงๆ ว่ามีคนอ่านกันสักกี่คน ทั้งๆ ที่มันมีประโยชน์มาก

 

หนอนน้อยก็ไม่เคยอ่านเหมือนกันแหละ ป้าอย่าด่ากันนะ

 

เออๆ ขี้เกียจด่าแล้ว ด่าแล้วเจ็บนิ้ว

 

ไรว้า ด่าแล้วเจ็บนิ้ว เกิดมาไม่เคยเจอ

 

เอ๊า .. ก็คนทันสมัยเขาเป็นนักรบจิ้มแป้นกันไม่ใช่เหรอ เวลารบกันเขาก็ด่ากันผ่านแป้นพิมพ์ไง ด่ามากเลยเจ็บนิ้วมากไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

 

แล้วอัตราดอกเบี้ยละ จะขึ้นหรือจะลง

 

ถามทำไมล่ะ

 

ไม่รู้ มันดูเท่ ก็เลยถามอ่ะ

 

เออ เท่ ก็ เท่ เจ้า หนอนเน่า ... ตอนนี้น่ะ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อมันทุเลาไปมากแล้ว โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศจะเป็น "ขาลง" ต่อไปสักพักก็เลยมีเพราะเขาคงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย

 

เย้ยยยย .... หนอนน้อย ไม่ใช่ หนอนเน่า นะป้า ... อย่าง นี้ช่วงครึ่งแรกของปี ถ้าหนอนน้อย เอาเงินที่ต้องใช้ลงทะเบียนเรียนกลางปีไปลงทุนในกองทุนพันธบัตรระยะยาว หรือฝากเงินระยะยาว มันน่าจะดีใช่ไหม เพราะได้ล็อคอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูงเอาไว้ก่อน

 

เออ ฉลาดขึ้นละ สินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท จะคงความผันผวนสูง เพราะเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้อีกจนกว่าปัญหายุโรปจะคลี่คลาย หากไม่ใช่เงินยาวๆ แล้วอย่าไปยุ่งกับความเสี่ยง เงินลงทะเบียนเรียนมันช่วงสั้นแค่ 6 เดือนเอง อยู่กับอะไรที่ปลอดภัยกว่าก็ดีแล้ว

 

 

ครับๆ ความเสี่ยงที่ยังมีในโลก เราจะจัดการยังไงละป้า

 

ไม่มีอะไรดีไปกว่าการประเมินเป็นเรื่องๆ แล้วเตรียมแผนรับมือล่วงหน้าว่าหากเกิดแล้ว เราจะทำอะไรกับพอร์ตลงทุน ไม่ว่าจะเรื่องไฟไหม้ น้ำท่วม ยูโรแตก สงครามยิว-อาหรับ อิหร่าน-สหรัฐ หรือฆ่ากันตายในประเทศ-นอกประเทศ อุกกาบาตตกลงบนหัว โอ้ย .. สาระพัด

 

เอ๊า .. อุกกาบาตจะตกลงมาบนหัวใครอ่ะ

 

หัวแกไง เจ้าหนอนเน่า ให้เตรียมตัว เตรียมใจ แต่ต้องไม่ลืมกฏที่ว่า ความเสี่ยงมันมีทุกวัน เราไม่รู้หรอกว่า “ตลาด” จะเป็นอย่างไร แต่เรารู้อยู่แล้วว่าการลงทุนระยะยาวมันต้องผ่านวงจรที่มีทั้งขาขึ้นและขาลง การสนองตอบแบบดีสุดขั้ว หรือมั่วสุดขีด จึงทำร้ายพอร์ตลงทุนของเราได้

 

ป้าๆ จะเล่นกายกรรมเหรอ ขาขึ้น ขาลง อั๊พแอ่นด๋าว น่ะ

 

เย้ย .... ชั้นจะได้เล่าจบก่อนฆาตกรรมเด็กไหมนี่

ป้าอ่ะ หนอนน้อยจะบวชเณร หน้าร้อนนี้แล้วนะ

 

เออๆ บวชแล้วไง

 

ก็ฆ่าแมวตัวก็เหมือนฆ่าเณรองค์นึงนะป้า

 

เกี่ยวไรกะแมวว้า ... แต่ก็นั่นแหละ งั้นชั้นฆ่าเณรองค์นึง ก็เท่ากับฆ่าแมวตัวนึงเองไง

 

โห ..... โหดที่สุด

 

เอ้า เจ้าหนอนบูด จำไว้นะว่า “กุญแจของความสำเร็จในการลงทุนอยู่ที่การจัดสรรเงินลงทุนของเราไปในสินทรัพย์ต่างๆ ที่ทำให้เราหัวถึงหมอนนอนหลับสบาย เพราะเรามั่นใจว่าสัดส่วนการลงทุนแบบนั้นจะนำพาเราผ่านพ้นวิกฤติทางเศรษฐกิจ หรืออะไรอื่น ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ในขณะที่จะทำให้เรายิ้มได้เมื่อตลาดขึ้นในรอบต่อไป”

 

ค้าบ จำแล้วค้าบ ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...