ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[สนใจ 91]

อรุณสวัสดิ์คุณเด็กขายของ

[Pete 15,187]

 

ครับ คุณขาใหม่ อรุณสวัสดิ์ เช่นเดียวกัน และ กับเพื่อนทุกๆคน

 

หุ้นมะกันร่วงหนัก หลังเฟดยอมรับเศรษฐกิจสหรัฐฯหดหู่

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2554 05:05 น.

 

ตลาดหุ้นอเมริกาวานนี้(22) ก็ปิดลบอย่างแรง เหตุนักลงทุนกระหน่ำเทขายตามหลังทัศนะที่ไม่สดใสของ เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เตือนถึงสถานะอ่อนแอของเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกแห่งนี้

       

        ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 390.03 จุด (3.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,734.81 จุด แนสแดค ลดลง 82.52 จุด (3.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,455.67 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 37.09 จุด (3.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,129.67 จุด

ถูกแก้ไข กันยายน 23, 2011 โดย เด็กขายของ

[นายธนันชัย 3]

!thk !57

[Pete 15,187]

สหรัฐฯนำยุโรปวอล์คเอาต์ ทนไม่ได้ถูกผู้นำอิหร่านใช้เวทีUNโจมตี

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2554 02:02 น.

 

Share

11

 

 

 

 

สหรัฐฯนำวอล์คเอาท์หมู่ ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี(22)

 

       เอเอฟพี - สหรัฐฯนำวอล์คเอาท์หมู่ ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี(22) หลังมะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวสุนทรพจน์โจมตีชาติตะวันตกอย่างเผ็ดร้อน

       

       ผู้แทนของสหรัฐฯซึ่งเข้าสังเกตุการณ์ ณ ห้องประชุมสมัชชาใหญ่ ลุกออกจากห้องหลัง อะห์มาดิเนจัด กล่าวสุนทรพจน์ไปได้เพียงครึ่งทาง และจากนั้นไม่นานสมาชิก 17 ชาติของสหภาพยุโรป ก็พากันวอล์คเอาต์ร่วมประท้วงคำกล่าวที่ก่อความขุ่นเคืองของผู้นำอิหร่านด้วย

       

       แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศออกมาตรงๆ แต่ผู้นำอิหร่านก็กล่าวสุนทรพจน์โจมตีอย่างรุนแรงต่อบทบาทของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรในสงครามต่างๆและวิกฤตการเงินโลก รวมทั้งยังเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจเหล่านั้นชดใช้สำหรับพฤติกรรมอันกดขี่ข่มเหง

 

 

มะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวสุนทรพจน์โจมตีชาติตะวันตกอย่างเผ็ดร้อน ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

 

       "พวกเขาสนับสนุนการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นทางการ" อะห์มาดิเนจัดกล่าว "พวกเขาทำให้หลายประเทศอ่อนแอลงผ่านทางการเข้าแทรกแซงทางทหารและทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้เพื่อปล้นชิงทรัพยากร พวกเขาก็กำลังทำให้ชาติอื่นๆต้องพึ่งพาพวกเขามากขึ้น"

       

       แต่โฆษกของคณะผู้แทนสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ ตอบโต้คำกล่าวสุนทรพจน์นี้ว่า "แทนที่ มิสเตอร์อะห์มาดิเนจัด จะใช้โอกาสนี้กล่าวสุนทรพจน์ถึงความปรารถนาของประชาชนชาวอิหร่านต่อเสรีภาพและเกียรติภูมิ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาหันเหเข้าสู่คำพูดต่อต้านยิวที่น่ารังเกียจและทฤษฎีสมคบคิดอันน่าชัง"

 

[Pete 15,187]

       เอเอฟพี - บิ๊กบอสทั้งของธนาคารโลก และไอเอ็มเอฟ ออกมากล่าวเตือนยุโรปและสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(22)ว่า จะต้องควบคุมวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเลวร้ายลงทุกทีของพวกเขาเอาไว้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็เสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกถึงขั้น “หายใจไม่ออก”

       

       ในคำปราศรัยที่บิ๊กบอสทั้งสองกล่าวในพิธีเปิดการประชุมประจำปีในฤดูใบไม้ร่วงของเวิลด์แบงก์และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน พวกเขายังพูดเตือนบรรดาประเทศกำลังพัฒนาว่า จะต้องทำความสะอาดจัดแจงบ้านเรือนของพวกเขาให้เรียบร้อย เพื่อให้สามารถรับมือกับผลพวงต่อเนื่องซึ่งมาจากวิกฤตของเหล่าชาติเศรษฐกิจก้าวหน้าเหล่านี้

       

       “ยุโรป, ญี่ปุ่น, และสหรัฐฯ จะต้องลงมือปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ทางเศรษฐกิจของพวกเขา ก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับประเทศอื่นๆ ของโลก … การไม่ลงมือทำสิ่งที่ว่ามานี้คือการไร้ความรับผิดชอบ” ประธานธนาคารโลก โรเบิร์ต เซลลิก กล่าว

       

       “พวกเจ้าหน้าที่ของประเทศพัฒนาแล้วบางราย ยังแสดงท่าทีเหมือนกับมองเห็นว่า ความลำบากเลวร้ายต่างๆ ของพวกเขาถือเป็นธุระของพวกเขาเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่เช่นนั้นเลย” เขากล่าวต่อ

       

       ทางด้าน คริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ บอกว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดที่กำลังฉุดลากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกให้ตกต่ำลงมา ก็คือ การที่ภาครัฐบาลและภาคครัวเรือนมีภาระหนี้สินหนักหน่วง และพวกธนาคารในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วทั้งหลายก็มีฐานะเงินทุนที่อ่อนแอ

       

       ทั้งหมดเหล่านี้ถึงขั้น “สามารถที่จะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในสภาพอึดอัดหายใจไม่ออกได้จริงๆ” เธอกล่าว

       

       ถึงแม้เซลลิกบอกว่าโลกเรากำลังอยู่ “ในพื้นอันตราย” แต่เขาก็ยังคงเชื่อว่าทั้งสหรัฐฯ, ยุโรป, และญี่ปุ่น ยังไม่น่าที่จะถอยกลับไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย “ทว่าความมั่นอกมั่นใจในความเชื่อดังกล่าวของผมก็กำลังสึกกร่อนลงไปทุกเมื่อเชื่อวัน จากข่าวความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่ยังคงปรากฏออกมาอยู่เรื่อยๆ”

       

       “ในปี 2008 ผู้คนจำนวนมากกล่าวว่าพวกเขาไม่ทันมองว่าความวุ่นวายยุ่งเหยิงกำลังเคลื่อนเข้ามาแล้ว แต่มาถึงเวลานี้ ผู้นำทั้งหลายจะหันไปใช้คำแก้ตัวเช่นนั้นอีกย่อมไม่ได้แล้ว” เขากล่าวต่อ

       

       เพื่อให้สามารถฝ่าข้ามวิกฤตแห่งหนี้สินและการขาดดุลอันมหาศาลนี้ไปให้ได้ ลาการ์ดเสนอแนะว่า พวกประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้า จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ แก่เรื่องการทำให้งบประมาณของพวกเขาเป็นงบประมาณแบบสมดุล โดยที่ “เรื่องเวลาคือเรื่องสำคัญมาก ทั้งนี้ไม่ใช่สำคัญเฉพาะต่อสหรัฐฯเท่านั้น แต่สำหรับพวกเศรษฐกิจก้าวหน้าทุกๆ รายเลย”

       

       ทว่าเธอก็เสริมด้วยว่า หลายๆ ประเทศ โดยอย่างน้อยที่สุดก็คือสหรัฐฯรายหนึ่งแหละ ที่ไม่ควรหั่นลดการขาดดุลของพวกเขาอย่างรุนแรงเกินไป จนกระทั่งกลายเป็นการไปฆ่าความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ “การกระชับการขาดดุลอย่างรวดเร็วเกินไป และอย่างหนักหน่วงเกินไปนั้น สำหรับบางประเทศแล้ว มันจะกลายเป็นการสร้างความเสียหายให้แก่การเติบโตขยายตัวที่ทำท่าอาจจะเกิดขึ้นมาได้”

       

       “บางประเทศนั้นยังสามารถที่จะรองรับให้มีการเจริญเติบโตภายในช่วงระยะสั้นได้ … แน่นอนค่ะ สหรัฐฯคือประเทศหนึ่งที่แว่บเข้ามาในสมองเลย” เธอบอก พร้อมกับเน้นย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการปฏิบัติการอย่างละเอียดอ่อนคำนึงถึงความสมดุล

       

       ลาการ์ดย้ำว่า สำหรับธนาคารต่างๆ ของยุโรปแล้ว จำเป็นที่จะต้องทำให้ฐานทุนของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ จึงจะทำให้ประเทศยุโรปอยู่ในฐานะที่จะเจริญเติบโตได้อย่างมีพลัง ทั้งนี้เนื่องจากสถาบันธนาคารเป็นผู้ที่ปล่อยเงินทุนให้แก่ระบบเศรษฐกิจ จึงเหมือนกับเป็นผู้เติมเชื้อเพลิงสำหรับการเจริญเติบโต

       

       บิ๊กบอสไอเอ็มเอฟยังเรียกร้องบรรดาเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ให้ร่วมมีส่วนเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจโลก ด้วยการ “ปรับสมดุลเสียใหม่” ซึ่งเธอหมายถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพวกเขาที่เวลานี้เต็มไปด้วยเม็ดเงินสด ไปสู่ทิศทางที่ทำให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอิงอยู่กับการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น และสำหรับพวกประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าและการลงทุนมากๆ ก็ควรเปิดช่องเปิดโอกาสมากขึ้นให้แก่พวกประเทศที่ยังเผชิญปัญหาขาดดุล

       

       เธอย้ำว่า พวกประเทศตลาดเกิดใหม่ทั้งหลาย ยังไม่ได้ขยับตัวไปในเส้นทางดังกล่าวนี้อย่างรวดเร็วเพียงพอ

 

ปล. เรื่องนี้ ควรอ่านอย่างละเอียดครับ

[Pete 15,187]

ผู้นำโลก'เตือน'ชาติยูโรโซนเร่งแก้วิกฤตหนี้

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2554 03:04 น.

 

       เอเจนซี/เอเอฟพี - ผู้นำของ 7 ประเทศที่ร่วมอยู่ในกลุ่ม จี-20 ออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันพฤหัสบดี(22) ซึ่งมีเนื้อหาเรียกร้องให้ยุโรปปฏิบัติการอย่างเด็ดขาดยิ่งขึ้นในการแก้ไขวิกฤตหนี้สินของพวกเขา ในช่วงใกล้ๆ กันนั้นก็มีการเผยแพร่รายงานการศึกษาของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งเตือนว่าเ วลานี้สกุลเงินยูโรโดยรวมกำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง

       

       ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับท็อปทางด้านการเงินจากทั่วโลก กำลังชุมนุมกันอยู่ในกรุงวอชิงตัน เพื่อร่วมการประชุมทั้งของ กลุ่ม 20 ประเทศพัฒนาแล้วและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่รายใหญ่ (จี-20) ตลอดจนการประชุมประจำปีภาคฤดูใบไม้ร่วงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก บรรดาผู้นำของ ออสเตรเลีย, แคนาดา, อินโดนีเซีย, อังกฤษ, เม็กซิโก, แอฟริกาใต้, และเกาหลีใต้ ก็ได้ร่วมกันจัดทำจดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่ง ส่งถึงประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม จี-20 ปีนี้ โดยมีเนื้อหาเน้นหนักถึงเรื่องที่ภัยคุกคามจากวิกฤตยูโรโซนกำลังแพร่กระจายออกไปทั่วโลก

       

       “ทั้งรัฐบาลต่างๆ และสถาบันต่างๆ ของยูโรโซน ต้องลงมือปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว เพื่อคลี่คลายวิกฤตเงินยูโร นอกจากนั้นชาติยุโรปทั้งหมดต้องหันมาเผชิญหน้ากับปัญหาหนี้สินที่กำลังขยายตัว เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้มันแพร่ระบาดไปสู่เศรษฐกิจโลกในวงกว้าง” ผู้นำของ 7 ประเทศซึ่งล้วนเป็นสมาชิกของ จี-20 กล่าวในจดหมายเปิดผนึก

       

       “ยูโรโซนต้องพิจารณาถึงทางเลือกที่เป็นไปได้ทุกๆ ทาง เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะบังเกิดเสถียรภาพระยะยาวในสกุลเงินตราระหว่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกสกุลนี้”

       

       ทางด้านรัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ก็ออกมาส่งเสียงเตือนยุโรปเช่นกัน โดยบอกว่าการสกัดกั้นวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการใช้ความพยายามเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรป รวมทั้งเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะจัดหาทรัพยากรเอาไว้ให้เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้กรีซถึงกับต้องประกาศการหยุดพักชำระหนี้ แต่พร้อมกันนั้นเขาก็แสดงความเชื่อมั่นว่า ยุโรปจะลงมือปฏิบัติการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

       

       การออกโรงของบรรดาผู้นำโลกเหล่านี้ บังเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกพากันตกฮวบฮาบเมื่อวันพฤหัสบดี สืบเนื่องจากนักลงทุนกังวลกับการที่ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกดูไร้ความสดใส โดยเฉพาะการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ระบุภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ในวันอังคาร(20) และวันพุธ(21) ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเผชิญความเสี่ยงในทางขาลงอย่างร้ายแรงในหลายๆ ด้าน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นของลอนดอน, ปารีส, แฟรงเฟิร์ต, และมาดริด ต่างดำดิ่งลงมากว่า 5% ระหว่างการซื้อขายช่วงหนึ่งในวันพฤหัสบดี

       

       **ธ.กลางยุโรปเตือน'ยูโร'อยู่ในอันตราย**

       

       ทางด้านธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ได้เผยแพร่รายงาการศึกษาวิจัยฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุว่า “ความไม่สมดุลทางการคลังซึ่งกำลังเพิ่มทวีขึ้นอย่างใหญ่หลวงในระดับทั่วทั้งเขตยูโรโดยรวม และสถานการณ์อันเลวร้ายในประเทศสมาชิกรายประเทศ มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพ, การเจริญเติบโต, และการจ้างงาน, ตลอดจนความสามารถที่จะดำรงคงอยู่อย่างยั่งยืนของอีเอ็มยู (สหภาพเงินตรายุโรป) เอง”

       

       รายงานวิจัยฉบับนี้ ผู้เขียนร่วมคนหนึ่ง คือ เจอร์เกน สตาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี ผู้ยื่นใบลาออกในเดือนที่แล้ว ภายหลังจากคัดค้านนโยบายของอีซีบีที่ออกรับซื้อพันธบัตรของพวกชาติยูโรโซนที่ประสบวิกฤตหนี้สินภาคสาธารณะหนักหน่วง

       

       ในรายงานการวิจัยฉบับนี้ ได้เสนอแนะให้พวกประเทศยูโรโซนยอมรับกฎเกณฑ์ใหม่ทางด้านหนี้สินที่มีความเข้มงวด, ยินยอมให้ปัญหาการขาดดุลของแต่ละชาติสมาชิก ถูกกำกับตรวจสอบในระดับยูโรโซน โดยที่ถ้าหากชาติใดยังละเมิดไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ก็จะต้องถูกลงโทษด้วยการปรับโดยอัตโนมัติ

[Pete 15,187]

       กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานว่าด้วยเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก ระบุว่า ขณะนี้ระบบการเงินโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงมากกว่าครั้งใดๆ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2551 ไอเอ็มเอฟ เตือนว่าตอนนี้ธนาคารหลายแห่งของยุโรปกำลังมีสถานะอ่อนแอและจำเป็นต้องเพิ่มทุนอย่างเร่งด่วน

        ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่าปัญหาหนี้ยูโรโซนได้พ่นพิษทำให้ธนาคารในสหภาพยุโรปต้องสูญเงินไปแล้วกว่า 2 แสนล้านยูโร นับตั้งแต่วิกฤติเริ่มต้นเมื่อปลายปี 2552

        ก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟ เพิ่งประกาศหั่นตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจยุโรปลง จากผลกระทบของวิกฤติหนี้สินที่กำลังรุมเร้า พร้อมกับแนะว่าถึงเวลาแล้วที่ยุโรปต้องก้าวข้ามความไม่ลงรอยและหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

 

[or_1147 0]

สวัสดียามเช้าคะ คุณเด็กขายของ

ติดตามอ่านข่าวมาทั้งคืน

ขอบคุณสำหรับข่าวเนื้อหาดีๆนะคะ

!thk !10

[Pete 15,187]

ตลาดหุ้นทั่วโลกถล่มหนัก ส่วนหุ้นไทยหลุดพันจุด หรือนิวโลว์ ในรอบเกือบ 6 เดือน หลังเฟดออกมาเตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอ่อนแอ เผชิญกับความเสี่ยงช่วงเศรษฐกิจขาลง ส่วนรองผู้ว่าการ ธปท. ระบุ ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะนักลงทุน ทำสกุลเงินอื่นในเอเชียอ่อนค่าหมด…

 

 

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง รวมทั้งตลาดหุ้นไทย หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณเตือน โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแออยู่แล้ว กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่สำคัญในช่วงเศรษฐกิจขาลง ขณะที่การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ Operation Twist ในการกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ต่ำลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เติบโตอย่างเชื่องช้า โดยที่เฟดไม่ได้ออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ หรือการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบรอบที่ 3 (QE3) สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักในตลาดหุ้นทุกแห่งทั่วโลก

 

โดยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวดิ่งลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่องตลอดทั้งวัน นักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก ด้วยความตื่นตระหนก กดดัชนีหุ้นทรุดตัวลงหลุดระดับ 1,000 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญลงมาอย่างง่ายดาย โดยดัชนีมาปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดของวัน ที่ 990.59 จุด ลดลง 39 จุด หรือลดลง 3.79% ทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน นับจากเดือนมี.ค. ที่เกิดเหตุภัยพิบัติสึนามิในญี่ปุ่น ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 32,473.99 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,700.53 ล้านบาท ขณะราคาหุ้นที่ร่วงลง ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ต แคป) ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งถือเป็นตัวสะท้อนความมั่งคั่งของนักลงทุน ได้หดหายไปทันที 3.1 แสนล้านบาท ภายในเวลาเพียงวันเดียว

 

ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย ต่างปรับตัวลงหนักเช่นกัน โดยตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ทรุดตัวลง 912.22 จุด มาที่ 17,911.95 จุด หรือลดลง 4.85% ตลาดหุ้นไต้หวันลดลง 3.06% มาที่ 7,305.50 จุด เกาหลีใต้ลดลง 2.9% มาที่ 1,800.55 จุด อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวการปัญหากลับพบว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ปรับตัวลง ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันที่ 22 ก.ย. ปรับตัวลงแทบทุกตลาด แต่ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าวันที่ 22 ก.ย. ยังคงปรับตัวลงต่อเช่นกัน

 

ทั้งนี้ เฟดระบุในแถลงการณ์ว่า มีสัญญาณบ่่งชี้ในระยะนี้ว่า ตลาดแรงงานโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ และแนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงในช่วงขาลงเป็นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงภาวะตึงเครียดในตลาดการเงินโลก ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ที่เรียกว่า Operation Twist ระบุว่า เฟดจะขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะสั้น 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาวในวงเงินที่เท่ากัน ซึ่งการที่เฟดเพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรระยะยาวนี้ เพื่อกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ลดลง ซึ่งหวังผลให้ผู้บริโภครีไฟแนนซ์ (กู้เงินใหม่เพื่อมาชำระหนี้เก่า) มากขึ้น และกระตุ้นให้ภาคธุรกิจ และผู้บริโภคกู้ยืมเงินมากยิ่งขึ้น และหลังเฟดออกมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาวพุ่งขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ดิ่งลงแตะระดับ 1.856% ในระหว่างวัน ต่ำสุดในรอบ 60 ปี และผลของมาตรการ นอกจากทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นในตลาดทั่วโลกแล้ว ยังขายสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งน้ำมัน ทองคำ รวมทั้งค่าเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยนักลงทุนโยกเงินลงทุนเข้าถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง ส่งผลให้ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งค่าเงินในประเทศเอเชียอ่อนค่าลงทั้งหมด จากเงินทุนที่ไหลออกจำนวนมาก

 

ขณะที่นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง เพราะเฟดสร้าง Surprise หรือความประหลาดใจให้นักลงทุน คือการแสดงความเห็นในเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการสร้างความผิดหวังให้นักลงทุน เพราะคนคาดหวังว่าจะได้เห็นสหรัฐฯออกมาตรการ QE3 เพื่ออัดฉีดสภาพคล่อง เพราะช่วงที่สหรัฐฯออกมาตรการ QE1-QE2 ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นและค่าเงินสหรัฐฯอ่อนค่าลง เมื่อครั้งนี้ไม่มี QE3 จึงทำให้ค่าเงินสหรัฐฯแข็งค่าขึ้น แต่ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่กลับอ่อนค่าลง บรรดาเฮดจ์ฟันด์ หรือกองทุนเก็งกำไรข้ามชาติ จึงป้องกันผลกระทบของสินทรัพย์จากการถดถอยของค่าเงินเอเชีย พากันเทขายหุ้นในตลาดเอเชียออกมาเพื่อล็อกกำไรที่เหลือ ทั้งจากราคาหุ้นและค่าเงิน เพราะหากยิ่งปล่อยไว้ค่าเงินที่อ่อนค่าลงจะยิ่งทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลดลง ดังนั้นจึงเห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวการปัญหา กลับปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดหุ้นเอเชีย

 

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะปรับลงต่อมากแค่ไหนนั้น นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ต้นทุนของต่างชาติในรอบ 2 ปี ถัวเฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีระดับ 970 จุด ดังนั้นดัชนีที่ระดับดังกล่าวน่าจะพอรับไหว หากไม่เกิดกรณีเลวร้ายสุด เช่น วิกฤติหนี้ยุโรป เกิดภาวะเครดิตครันช์ คือสถาบันการเงินและประเทศต่างๆ ในยุโรป ไม่ยอมปล่อยกู้ให้กัน ถือเป็นจุดอันตรายที่สุด แต่มีประเด็นที่ต้องติดตามว่า ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ รัฐบาลเยอรมนีจะยอมอัดฉีดเงินเข้าสู่กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรปหรือไม่ หากผ่านก็จะทำให้สถานการณ์ยุโรปดีขึ้น โอกาสที่จะเกิดเครดิตครันช์จะลดลง นอกจากนี้ต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป ช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ ว่าจะลดดอกเบี้ยหรือไม่ หากลดดอกเบี้ยก็จะเป็นการลดต้นทุนการกู้ยืืมของธนาคารยุโรปลงมา และจับตาว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินของสหรัฐฯนำมาหาผลตอบแทนจากเฟดหรือไม่ หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง จะทำให้เงินส่วนนี้้ ที่มีจำนวนมหาศาล ถูกนำออกมาหาผลตอบแทนในแหล่งอื่น รวมทั้งปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจเรียลเซ็คเตอร์ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น

[Anna 567]

สวัสดีทุกท่าน

 

ดูราคาแล้วเช้านี้คงไม่ได้ของ sale สงสัยราคาใกล้เคียงเมื่อวานแหงๆ.

 

งั้นวันนี้ลุ้นให้พุ่งเป็นจรวดใช้กระทิงแดงเป็นเชื้อเพลิงเลยหุหุ

[Pete 15,187]

ขอบคุณ คุณแก้มป่องครับ ติติงแนะนำได้นะครับ ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร

ถามอะไรก็ได้ ? ยกเว้น ยืมทองแท่ง ไปจำนำ ไม่ให้ หุหุ

 

หนุ่ม​สาวชาวอเมริกัน​ ปักหลัก​ชุมนุม​ประท้วงบริเวณ​หัว​มุม​ถนน​วอ​ลล์​สตรี​ท​ ใกล้กับตลาดหลักทรัพย์​นคร​นิวยอร์ก ต่อต้าน​ความ​แตก​ต่าง​ทาง​ชน​ชั้น แต่​ไม่​มี​รายงาน​การ​เกิด​เหตุ​ปะทะ​หรือ​ใช้​กำลัง...

 

ชาวอเมริกัน​หนุ่ม​สาว​อายุ​ราว 20 ต้นๆ ประมาณ 200 คน ปักหลัก​ชุมนุม​ประท้วง​เป็น​วัน​ที่ 5 บริเวณ​หัว​มุม​ถนน​วอ​ลล์​สตรี​ทบ​น​เกาะแมน​ฮัต​ตัน ไม่​ห่าง​จาก​ตลาดหลักทรัพย์​นคร​นิวยอร์ก (เอ็น​วาย​เอส​อี) ของ​สหรัฐฯ เมื่อ 22 ก.ย. หลัง​ผู้​ชุมนุม​ราว 1,500 คน ​รวม​ตัว​กัน​ใน​วัน​แรก​เมื่อ 18 ก.ย. ​เพื่อ​ต่อต้าน​ความ​แตก​ต่าง​ทาง​ชน​ชั้น แต่​ผู้​ชุมนุม​บาง​ราย​ระบุ​ว่า​ออก​มา​ชุมนุม​เพราะ​ไม่​พอใจ​ที่​ประสบ​ภาวะ​ว่างงาน ขณะ​ที่​บาง​ราย​ระบุ​ว่า​เป้าหมาย​การ​ชุมนุม​คือ​การ​ลด​ภาวะ​โลก​ร้อน พร้อม​ระบุ​ว่า​จะ​ปักหลัก​ไป​จนกว่า​ชาวอเมริกัน​ส่วน​ใหญ่​จะ​ลุก​ขึ้น​มา​ต่อสู้​กับ​ความ​ไม่​เป็น​ธรรม

 

อย่างไรก็ดี การ​ชุมนุม​ได้​รับ​ความ​สนใจ​จาก​ประชาชน​ที่​เดิน​ผ่าน​ไป​มา และ​มี​ผู้​บริจาค​เงิน​สนับสนุน รวม​ถึง​ซื้อ​พิซ​ซ่า​มูลค่า​กว่า 10,000 ดอลลาร์ (ราว 300,000 บาท) เพื่อ​เลี้ยง​ผู้​ชุมนุม​ทั้งหมด ขณะ​ที่​ตำรวจ​ตรึง​กำลัง​เฝ้า​ดู​ผู้​ชุมนุม​อยู่​ห่างๆ แต่​ไม่​มี​รายงาน​การ​เกิด​เหตุ​ปะทะ​หรือ​ใช้​กำลัง รวม​ถึง​ยัง​ไม่​มี​ผู้​ถูก​จับกุม​ข้อหา​ก่อ​ความ​ไม่​สงบ

 

ขณะ​เดียวกันมี​รายงาน​ด้วย​ว่า ​เครือ​ข่าย​ภาค​ประชา​สังคม​ใน​ประเทศ​มาลาวี ทวีป​แอฟริกา ประกาศ​จัด​ชุมนุม​ใหญ่​ใน​กรุง​ลิ​ลอง​เว เมืองหลวง​ของ​มาลาวี รวม​ถึง​เมือง​แบ​ลน​ไท​ร์ ศูนย์กลาง​ทาง​เศรษฐกิจ และ​เมือง​เอ็ม​ซูซู ทาง​เหนือ​ของ​ประเทศ เพื่อ​เรียก​ร้อง​ให้​ประธานาธิบดี​ บิ​ง​กู มู​ทาริกา ปฏิรูป​ระบบ​เศรษฐกิจ​และ​แก้ไข​ปัญหา​ขัดแย้ง​ทางการ​เมือง แต่​นัก​วิเคราะห์​เกรง​ว่าการ​ชุมนุม​ครั้ง​นี้​จะ​นำ​ไป​สู่​เหตุการณ์​นองเลือด​ซ้ำ​รอย​กับ​ที่​เคย​เกิด​ขึ้น​ใน​เดือน ก.ค. ซึ่ง​ตำรวจ​ใช้​อาวุธ​สลาย​การ​ชุมนุม และ​มี​ผู้​ถูก​ยิง​เสีย​ชีวิต​ถึง 19 ศพ.

ถูกแก้ไข กันยายน 23, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

สวัสดีทุกท่าน

 

ดูราคาแล้วเช้านี้คงไม่ได้ของ sale สงสัยราคาใกล้เคียงเมื่อวานแหงๆ.

 

งั้นวันนี้ลุ้นให้พุ่งเป็นจรวดใช้กระทิงแดงเป็นเชื้อเพลิงเลยหุหุ

สวัสดีครับ คุณ อัยยา

เตรียมตัวแวะร้านทองตอนเช้าหรือเปล่าครับ 25,500/25,600 ลดลงอีก 200 บาท น่าจะเห็นเช้านี้

เช้าๆนักลงทุนยัง Wait & See ซื้อสะดวก คิวไม่เยอะนะครับ

 

ปล. แล้วหมอดิสทัต รู้จักไหมครับ

[Titi 1]

ขอบคุณทุกท่านสำหรับข่าว และข้อมูล และอยู่เป็นเพื่อนกัน

[Pete 15,187]

สหรัฐ-ยุโรปเดินประท้วงออกจากที่ประชุมขณะผู้นำอิหร่านกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสหประชาชาติ

 

ประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดิเนจ๊าด ของอิหร่าน ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ ก่อนถูกประท้วงด้วยการเดินออกจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กของสหรัฐของผู้แทนสหรัฐและชาติยุโรปเนื่องกล่าวโจมตีมหาอำนาจตะวันตกโดยประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจ๊าด ของอิหร่าน ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์และกล่าวหาชาติมหาอำนาจตะวันตกเป็นกลุ่มชาติชั่วร้ายผิดศีลธรรม ส่วนสหรัฐเป็นมหาอำนาจผู้หยิ่งยโส ข่มขู่จะคว่ำบาตรและใช้กำลังทหารจัดการทุกคนที่ตั้งคำถามถึงเรื่องเหตุฆ่าหมู่ชาวยิว หรือโฮโลคอสต์ และเหตุวินาศกรรม 9/11 ผู้นำอิหร่านยังกล่าวหาสหรัฐยกเอาปริศนาเหตุการณ์ 9/11 เป็นข้ออ้างทำสงครามโจมตีอิรักและอัฟกานิสถาน พร้อมประณามการบุกสังหารนายอุซามะห์ บิน ลาดิน อดีตหัวหน้าเครือข่ายอัลกออิดะห์ แทนที่จะนำตัวมาไต่สวนคดี อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้กล่าวถึงโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ประเทศต่างในโลกต่างตั้งข้อสงสัย และเหตุประท้วงเรียกร้องปฏิรูปในโลกอาหรับ รวมทั้งในซีเรีย ชาติพันธมิตรเหนียวแน่น แต่อย่างใด.

 

สหรัฐเปิดสถานทูตในลิเบียใหม่อีกครั้ง

 

ทูตสหรัฐร่วมพิธีเชิญธงชาติขึ้นเสาหน้าอาคารที่ตั้งสถานทูตชั่วคราวที่ตริโปลี เปิดศักราชใหม่กับรัฐบาลลิเบีย เจน เครตซ์ ทูตสหรัฐประจำลิเบีย ผู้เพิ่งเดินทางกลับไปยังกรุงตริโปลีของลิเบีย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังหลบออกมาตั้งหลักอยู่สหรัฐร่วม 8 เดือน สืบเนื่องจากเหตุสู้รบขับไล่โค่นอำนาจ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำซึ่ง ณ ตอนนี้ยังหลบซ่อนตัวลอยนวล ร่วมพิธีเชิญธงชาติสหรัฐขึ้นเสา เปิดที่ทำการสถานทูตขึ้นมาอีกครั้งที่กรุงตริโปลีของลิเบีย แม้ยังต้องตั้งอยู่บนสถานที่ตั้งชั่วคราวไปก่อน โดยนายเครตซ์ยังตั้งความหวังเปิดศักราชใหม่ด้านความสัมพันกับรัฐบาลลิเบียด้วย แม้สถานการณ์สู้รบยังไม่ยุติดี.

 

ถูกแก้ไข กันยายน 23, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ไต้ฝุ่นพัดกระหน่ำญี่ปุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน แต่ไม่สร้างความเสียหายต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

 

ไต้ฝุ่น “โรคี” ที่พัดกระหน่ำญี่ปุ่น และคาดว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ทำให้ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน รวมทั้งหญิงชราวัย 101 ปี สื่อรายงานว่า ไต้ฝุ่น “โรคี” พัดกระหน่ำทั่วทั้งเกาะฮอนชูและทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติสึนามิและแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มตามมา ซ้ำเติมพายุที่พัดกระหน่ำช่วงต้นเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนราว 100 คน อย่างไรก็ตาม ไต้ฝุ่น “โรคี” ไม่สร้างความเสียหายต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขณะที่สำนักข่าวเอ็นเอชเค.รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 11 คน สูญหาย 4 คน และอีก 367 คนได้รับบาดเจ็บ

ถูกแก้ไข กันยายน 23, 2011 โดย เด็กขายของ