ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สวัสดีเช้าวันพุธครับ เพื่อนๆทุกๆท่าน

 

จากเมื่อวานที่อากาศอุ่นขึ้นก็กลับมาเย็นๆ อีกครั้งพร้อมกับราคาที่หล่นมาอีกนิดหน่อย US$1,590

 

แต่ก็ยังมีค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาช่วยเติมเพิ่มราคาไม่ให้ราคาประกาศสมาคมฯ ลดราคาลงมามาก อ๊ะๆๆ ไม่ใช่ค่าเงินดอลล์แข็ง หรือ ค่าเงินยูโรอ่อนค่านะครับ แต่เป็นด้วยเรื่องสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเอง ที่ภาคอุตสาหกรรมลดลง จากปัญหาวิกฤติอุทกภัยน้ำท่วม 2554 และการวางแผนลงทุน (กู้เงิน) ครั้งยิ่งใหญ่มหึมาที่จะเกิดขึ้นในปี 2555

( ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเล่าฯเป็นเรื่องจริง เด็กชายปลาบู่ก่อน ในเวลา 4 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน ของวันที่ 1 มกราคม 2555 )

 

การประชุม คณะกรรมนโยบายทางการเงิน (กบง) ครั้งต่อไป เดือนมกราคม 55 ที่อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก 1 สลึง ( ดอกเบี้ยขึ้น > ค่าเงินแข็ง , ดอกเบี้ยลด > ค่าเงินอ่อน ) อ๊ะๆๆๆ ไม่ใช่ดอกเบี้ยเงินฝาก จะเป็นขาลง ตามดอกเบี้ยนโยบายฯนะครับ ก็ยังมีการแข่งขันในภาคธนาคารฯ ดอกเบี้ยเงินฝาก ไม่ได้ลงง่ายๆ หรอก เพราะ ความต้องการเงินจากการกู้มีมาก พร้อมกับ หนี้เสียก็จะมีมากยิ่งขึ้น พร้อมกับ การใช้เงินจากภาครัฐฯ มีมากขึ้น แต่เมื่อเงินคลังของภาครัฐฯ ยังมีไม่พอ หรือ ไม่มี เพราะต้องรอ ประชาชนชาวไทยมาเสียภาษีเงินได้ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 55 ดังนั้น ก็ต้องหยิบยืม จากภาคธนาคารฯ ของรัฐฯ ไปก่อน เช่น กรุงไทย / ออมสิน / เกษตรและสหกรณ์ / อาคารสงเคราะห์ / เอ็กซ์ซิมแบงค์ / อิสลาม ไอแบงค์ เป็นต้น การเร่งระดมเงินฝากย่อมต้องเกิดขึ้น เพื่อนำมาใช้ในกิจการหยิบยืมล่วงหน้าจ่ายทีหลัง จากภาครัฐ วิธีง่ายๆ ก็แข่งขันเรื่องดอกเบี้ยเงินฝาก

 

มาว่ากันต่อจากบ่นแล้ว ก็เรื่องข่าวสาร

 

โชคชะตาย้อนศร-ยุโรปอับเฉาอิเหนาศิษย์เก่าไอเอ็มเอฟอู้ฟู่

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 ธันวาคม 2554 23:26 น.

 

       เอเจนซี - ขณะที่คำขู่ลดอันดับประกาศก้องเต็มสองหูยุโรป สถานการณ์ของตลาดเกิดใหม่บางชาติกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน

       

       ตัวอย่างที่บ่งชี้ความแตกต่างชัดเจนที่สุดคืออินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมา ฟิตช์ประกาศเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ภาครัฐแดนอิเหนาสู่สถานะน่าลงทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี

       

       ย้อนกลับไปในปี 1997 ตอนที่วิกฤตการเงินเอเชียระเบิด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ต้องเข้ามาแทรกแซงด้วยเงินกู้ระยะ 3 ปีมูลค่า 10,100 ล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า ภาคการธนาคารของอินโดนีเซียไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือความปั่นป่วนทางการเงินที่แผลงฤทธิ์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนั้น

       

       มาถึงปี 2011 จุดที่น่าเป็นห่วงกลับกลายเป็นแบงก์ยุโรป เนื่องจากวิกฤตยูโรโซนยังไม่เห็นทางออกที่ยอมรับได้ทางการเมือง

       

       บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำทั้งสามแห่งของโลกพร้อมใจเตือนชาติยุโรปว่า อาจถูกลดเรตติ้งถ้าไม่สามารถแก้ไขวิกฤตได้ วันที่ 16 ที่ผ่านมา ฟิตช์แถลงว่า ทางออกจะต้องครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคและการเมือง

       

       กลับมาที่อินโดนีเซีย การสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เศรษฐกิจแดนอิเหนาปีหน้าจะขยายตัวถึง 6.4% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของปีปัจจุบันเพียง 0.1% แต่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับยุโรปที่ถูกคาดหมายว่า ปีหน้าเศรษฐกิจจะถดถอย ขณะที่อัตราการเติบโตของอเมริกาอาจได้แค่ 1 ใน 3 ของอินโดนีเซียเท่านั้น

       

       บทเรียนที่เอเชียได้รับจากวิกฤตการเงินปลายทศวรรษ 1990 คือ ต้องแน่ใจว่ามีหลักประกันที่ดีพอ

       

       ปัจจุบัน เอเชียถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดในโลก เฉพาะจีนและญี่ปุ่นรวมกันมีถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ประเทศอื่นๆ อย่างอินเดีย อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ก็มีทุนสำรองมหาศาลเช่นกัน

       

       ทุนสำรองเหล่านี้สามารถเป็นฉนวนปกป้องความปั่นป่วนในตลาดเงินได้ ปีนี้อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย และอีกหลายประเทศ ต่างใช้ทุนสำรองปกป้องไม่ให้ค่าเงินของตนผันผวนเกินไป

       

       ตัวไอเอ็มเอฟเองดูเหมือนได้รับบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ จากประสบการณ์ในเอเชียเช่นกัน โดยเฉพาะบทเรียนที่ว่า การให้ประเทศที่ประสบปัญหาตัดลดงบประมาณจำนวนมาก อาจกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและพลเมืองของประเทศนั้นๆ อย่างรุนแรง

       

       คำแถลงของกองทุนฯ ในเดือนพฤศจิกายน 1997 ระบุว่าข้อตกลงช่วยเหลืออินโดนีเซียอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า จาการ์ตาจะต้องใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินและการคลังเพื่อให้งบประมาณอยู่ในสภาวะเกินดุล

       

       ไอเอ็มเอฟในขณะนั้นคาดว่าการเติบโตของอินโดนีเซียที่เคยอยู่ที่ราว 8% ก่อนวิกฤต จะชะลอลงอยู่ที่ 5% ในปีแรกหลังเข้าโปรแกรม และ 3% ในปีที่ 2 แต่กลับกลายเป็นว่าเศรษฐกิจแดนอิเหนาหดตัว 13.1% ในปี 1998 และขยายตัวแค่ 0.8% ในปีต่อมา

       

       โดมินิก สเตราส์-คาห์น อดีตกรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ยอมรับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่า มาตรการปฏิรูปของกองทุนฯ สร้างความเจ็บปวดและทำร้ายคนอินโดนีเซีย

       

       นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกังวลว่า มาตรการรัดเข็มขัดของยุโรปในขณะนี้ที่คล้ายกับที่อินโดนีเซียเคยเจอมา จะจบลงที่เศรษฐกิจเสียหายหนักกว่าเดิมและปัญหาหนี้รุนแรงขึ้น

       

       โอลิวิเยร์ บลองชาร์ด อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ วิจารณ์ว่านักลงทุนมีอาการจิตเสื่อมกับมาตรการรัดเข็มขัดและการเติบโตทางเศรษฐกิจ กล่าวคือมีปฏิกิริยาแง่บวกต่อข่าวการรวมตัวทางการคลังของชาติยูโรโซน แต่ไม่นานกลับคัดค้านเมื่อการรวมตัวนั้นทำให้การเติบโตลดลง ทั้งๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

       

       ประเทศยุโรปคือตัวเก็งที่จะถูกดาวน์เกรดในอีกไม่ช้าไม่นาน การประกาศของเอสแอนด์พีนั้นอาจมีขึ้นได้ทุกเมื่อ ขณะที่มูดี้ส์เผยเมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมาว่า จะทบทวนเรตติ้งของยุโรปในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า

       

       แม้ตลอดปีนี้การลดอันดับและการขู่ลดอันดับเป็นข่าวที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ แต่สำหรับฟิตช์บอกว่า เท่าที่ดำเนินการมาจนถึงขณะนี้บริษัทมีทั้งอัปเกรดและดาวน์เกรดประเทศเป้าหมาย

       

       นับจากวันที่ 5 สิงหาคม เมื่อเอสแอนด์พีหั่นเรตติ้ง AAA ของอเมริกา ประเทศอย่างอินโดนีเซีย บราซิล เอสโตเนีย สาธารณรัฐเช็ก ปารากวัย เปรู คาซัคสถาน และอิสราเอล กลับได้รับการเลื่อนอันดับขึ้นโดยบริษัทจัดอันดับชั้นนำของโลกอย่างน้อย 1 ใน 3 แห่ง

       

       ประเทศต่อไปที่จะได้อัปเกรดอาจเป็นฟิลิปปินส์

       ผู้นำแดนตากาล็อกแสดงความผิดหวังที่อินโดนีเซียได้เลื่อนขั้นจากฟิตช์ก่อน แม้เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา เอสแอนด์พีจะทบทวนเรตติ้งมะนิลาเป็นบวกแล้วก็ตาม

       

       สำหรับสถานการณ์ปีหน้านั้น ประเทศก้าวหน้าในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) จะต้องกู้ยืมเงินราว 10.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง

       

       ในรายงานของโออีซีดีว่าด้วยหนี้ภาครัฐระบุว่า พวกผู้บริหารจัดการหนี้ของชาติโออีซีดีกำลังเผชิญความท้าทายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในการระดมทุนเพื่อตอบรับความต้องการกู้ยืมที่สูงเกินคาด

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

       เอเจนซี/เอเอฟพี -ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร(27) พุ่งขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ หลังอิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางขนส่งเชื้อเพลิงอันสำคัญของภูมิภาค ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดผสมผสาน แม้มีปัจจัยหนุนจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคอันสดใส

       

       สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

       

       ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีขึ้นจากกรณีที่อิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญจากซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวตและอิรัก ไปยังทั่วทุกมุมโลก หลังเตหะรายเสี่ยงเจอมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากสหภาพยุโรปต่อโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา

       

       ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(27) ปิดผสมผสาน หลังตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งถูกฉุดรั้งไว้โดยหุ้นของเซียร์ส บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่แถลงเตรียมปิดสาขาหลายแห่งจากยอดขายในช่วงวันหยุดที่ไม่เป็นไปตามเป้า

       

       ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 2.65 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,291.35 แนสแดค เพิ่มขึ้น 6.56 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,625.20 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.10 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,265.43

       

       ตลาดหุ้นขยับลงในช่วงเปิดตลาด หลังราคาบ้านในสหรัฐฯ เดือนตุลาคมร่วงลงเกินคาด อย่างไรก็ตามดัชนีก็ดีดตัวกลับขึ้นมาเมื่อสำนักงานคอนเฟรนซ์บอร์ด เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนนี้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยขยับขึ้นมาอยู่ที่ 64.5 จุด จาก 55.2 จุดในเดือนพฤศจิกายน

       

       กระนั้นก็ดีความคึกคักจากข้อมูลดังกล่าวก็มีอันต้องซบเซาลงไป หลังเซียร์ส บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ประกาศเตรียมปิดสาขา 100-120 แห่ง เพื่อลดต้นทุน หลังยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

สหรัฐกล่าวประณามเหตุการณ์รุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในซีเรีย

 

เมื่อวานนี้สหรัฐกล่าวว่าซีเรียได้กระทำการปราบปรามประชาอย่างรุนแรงก่อนที่คณะสังเกตการณ์ของกลุ่มประเทศอาหรับจะเดินทางมาถึงเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อยุติเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตที่เกิดขึ้นนาน 4 เดือนในซีเรีย นายมาร์ค โทเนอร์ รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า สถานการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้นเป็นเวลานานหลายวันและขอประณามเหตุการณ์รุนแรงที่ขยายตัวออกไปที่ เมืองฮอมส์และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองก่อนที่คณะสังเกตการณ์จะเข้ามาตรวจสอบ การกระทำเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับข้อตกลงที่ซีเรียได้ทำไว้กับสันนิบาตอาหรับเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาหรือข้อตกลงกับคณะผู้สังเกตการณ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา การปฏิบัติภารกิจสังเกตการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของกลุ่มประเทศอาหรับที่ซีเรียให้การสนับสนุนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ต้องการให้ซีเรียถอนกองกำลังรักษาความมั่นคงออกจากเมืองต่างๆและเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน ยุติการก่อเหตุการรุนแรงต่อประชาชนและปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับตัวไป 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : รักษ์ธานินทร์ ทองประเสริฐ   Rewriter : รักษ์ธานินทร์ ทองประเสริฐ

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 28 ธันวาคม 2554

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซาอุดิอาระเบียต้องการให้น้ำมันมีราคาอยู่ที่ 74 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้เกิดการสมดุลต่องบประมาณ

 

“จัดวา อินเวสต์เมนท์” กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียต้องการให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพื่อสร้างกองทุนให้สอดคล้องกับการใช้จ่ายที่กำลังเพิ่มขึ้นในปีหน้า และว่า ระดับราคาน้ำมันจำเป็นต่อภาษีเพื่อทำให้เกิดความสมดุลต่อระดับการใช้จ่ายของรัฐบาล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชาวกรุงมอสโกของรัสเซียเพลิดเพลินกับอุณหภูมิที่อบอุ่นในฤดูหนาว

 

สำนักงานอุตุนิยมวิทยารัสเซียบันทึกอุณหภูมิที่อบอุ่นที่สุดในรอบ 113 ปีในเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ที่ 4.1 องศาเซลเซียสวันนี้ โฆษกศูนย์พยายกรณ์อากาศกล่าวว่า เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ ตามเวลาประเทศไทย กรุงมอสโกมีอุณหภูมิอยู่ที่ 4.1 องศาเซลเซียส ซึ่งอบอุ่นกว่า 3.3 องศาเซลเซียส ที่เคยบันทึกไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2441 และว่า ในช่วงเช้าอุณหภูมิจะต่ำลงเล็กน้อย แต่พยากรณ์ว่า ระหว่างวันจะมีอุณหภูมิระหว่าง 3-4 องศาเซลเซียส

 

 

อิหร่านลงนามข้อตกลงด้านเชื้อเพลิงกับอัฟกานิสถาน

 

สื่อทางการอิหร่านรายงานวานนี้ว่า อิหร่านได้ลงนามข้อตกลงกับอัฟกานิสถาน เพื่อจัดส่งน้ำมัน และเชื้อเพลิงด้านการบินหลายล้านตันให้กับอัฟกานิสถาน โดยการลงนามมีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และเป็นการลงนามระหว่างรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของอัฟกานิสถานกับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งกระทรวงน้ำมันของอิหร่านเคยกล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า หวังว่าอัฟกานิสถานจะซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันทั้งหมดที่อัฟกานิสถานต้องการจากอิหร่าน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เช้านี้ มีรายงานเศรษฐกิจ จากประเทศญี่ปุ่น คือ

 

Japan's November household spending fell more than expected, while price levels and the jobless rate printed in line with forecasts.

 

November spending by households of two or more people fell 3.2% from a year earlier, the Finance Ministry reported Wednesday, with the result well below a 1.1% drop forecast in a Reuters survey and a 1.2% fall tipped by Dow Jones Newswires. A more-than-21% tumble in culture and recreation spending led the decline.

รายจ่ายภาคครัวเรือน ลดลง 3.2%

 

As a measure of the change in the price of goods and services purchased by consumers in Tokyo, excluding fresh food, according to the Statistics Bureau, Tokyo Core CPI (yoy) in December came in better than expected at -0.3% versus the anticipated -0.4%; this reading in an improvement from last month’s at -0.5%. The Tokyo CPI in December (including fresh food) came in at -0.4% from -0.8% in the previous month; economists anticipated an improvement in the reading, but to only -0.6%.

 

 

The unemployment rate in November came in as expected at a steady 4.5%

อัตราคนว่างงานคงเดิมที่ 4.5%

 

The Japanese yen was weaker following the data, with the dollar USDJPY -0.1156% edging up to ¥77.89 from ¥77.85 earlier.

ค่าเงินเยน อ่อนค่าลง

 

 

Japanese industrial production fell 2.6% in November, swinging from a 2.4% gain the previous month, with drops in transport equipment and electronics leading the fall, the government reported Wednesday. The result was well below median expectations for a 0.8% fall, according to a Dow Jones Newswires survey. However, the production forecasts accompanying the data showed expectations for a sharp 4.8% rise in December, followed by a 3.4% gain in January.

ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลง 2.6 % ในเดือน 11 จากที่เดือน 10 ลดลง 2.4%

 

Retail sales for November were also lower, falling 2.3% from a year ealier.

ภาคค้าปลีกของเดือน 11 ลดลง 2.3%

 

Japanese stocks inched higher after a flat opening Wednesday, with strength in retail shares helping to offset a mixed bag of economic data. The Nikkei Stock Average JP:NIK +0.10% rose 0.1% to 8,447.79

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Italy to Sell 20B This Week, Highlight in European Bond Markets

 

The key event this week therefore in European bond markets will be Italy attempting to sell about €20 billion of debt.

 

From Bloomberg: “German notes rose, pushing the rate on two-year notes to less than 0.2 percent for the first time, as investors sought the safest assets before Italy auctions as much as 20 billion euros ($26.2 billion) of debt.

 

Italy plans to sell 9 billion euros of 179-day bills and as much as 2.5 billion euros of zero-coupon notes due in 2013 tomorrow. It will offer bonds due between 2014 and 2022 on Dec. 29.”

 

With thin liquidity we’ll see what appetite there is for those bonds following the LTRO action by the ECB.

 

From CNBC: “The 10-year is the area where Italy has to rely more on foreign investors and it will be very tough to sell especially at this point in the year, so I expect further cheapening of the bond going into the auction,” ING rate strategist Alessandro Giansanti said.

 

“The three-year would be easier to sell, there is some demand from the domestic investors. If they see really weak demand in the 10-year … they may sell more short-term (debt).”

 

“(The Italian auction) is the main event this week,” one trader said. “There’s almost no liquidity out there, (investors) are just getting their books ready for next year, it’s going to be very thin all week.”"

 

122711-italy-10-year-yield-today.png

 

A drop in the yield that Italy has to pay would be a positive sign and we should be looking to see if we can get a better bid-to-cover ratio. However if we see higher yields and weaker demand that it shows that banks do not have any appetite for Italian bonds even after if it means positive carry trade as a result. Still, with liquidity thin we shouldn’t give too much weight to the auction, though it may have an immediate impact on European markets and therefore the EUR/USD in this week’s trading.

ราคาพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีปรับตัวลดลงในวันนี้ ก่อนที่อิตาลีจะเปิดการประมูลขายพันธบัตรที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร (2.62 หมื่นล้านดอลลาร์) ในอีก 2 วันข้างหน้านี้

 

ณ เวลา 11.49 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ ราคาพันธบัตรซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค. 2565 ปรับตัวลดลง 0.5% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น 0.09% แตะที่ 7.07%

 

รัฐบาลอิตาลีจะประมูลขายตั๋วเงินคลังมูลค่า 9 พันล้านยูโร และตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะประมูลขายพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้

 

นักเศรษฐศาสตร์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาดูสถานการณ์ในตลาดพันธบัตรของยุโรปอย่างใกล้ชิด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีและสเปนปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ นอกจากนี้ รัฐบาลสเปนจะเปิดประมูลตราสารหนี้ระยะสั้นในวันพุธ และจะเปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 3 ปี และ 10 ปีในวันพฤหัสบดีนี้

 

ธนาคารกลางอิตาลีได้เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของอิตาลีพุ่งทะลุระดับ 1.9 ล้านล้านยูโร (ประมาณ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์) ในเดือนตุลาคม ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.3% ในเดือนพฤศจิกายน

 

b5e9b4f86ce43ca65bd79c894c4a924c_1224045371.gif

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Japan: Large Retailer's Sales (Nov): -2.5% vs -1.4%

Japan Nov Retail Trade (YoY) declines to -2.3% vs 1.9%

Japan: Tokyo core CPI better than expected at -0.3%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของดัชนีความเชื่อมั่นผู้ริโภคสหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประมูลพันธบัตรและตั๋วเงินคลังของอิตาลีในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% เมื่อวานนี้

 

ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.09% แตะระดับ 1.3070 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของศุกร์ที่ 23 ธ.ค.ที่ 1.3058 ดอลลาร์ (หมายเหตุ: ที่เทียบกับวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค.เพราะตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส)

 

ขณะที่เงินปอนด์ดีดขึ้น 0.26% แตะระดับ 1.5667 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.5627 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 77.870 เยน จากระดับ 77.950 เยน และอ่อนตัวลง 0.17% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9339 ฟรังค์ จากระดับ 0.9355 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.12% แตะที่ 1.0154 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0166 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.23% แตะที่ 0.7723 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7741 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงดอลลาร์ หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 58.3 จุด เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงานมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดค่อนข้างผันผวน เมื่อสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 1.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.5% บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงซบเซา

 

นักลงทุนจับตาดูการประมูลพันธบัตรและตั๋วเงินคลังของอิตาลีอย่างใกล้ชิด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น 0.09% แตะที่ 7.07% เมื่อวานนี้ ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะประมูลขายตั๋วเงินคลังมูลค่า 9 พันล้านยูโร, ตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) มูลค่า 2 หมื่นล้านยูโร (2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้

 

นอกจากนี้ รัฐบาลสเปนจะเปิดประมูลตราสารหนี้ระยะสั้นในวันพุธ และจะเปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 3 ปี และ 10 ปีในวันพฤหัสบดีนี้

 

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. และดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์กเดือนธ.ค.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน ขอขอบคุณคุณเด็กขายของ และขาใหญ่ทุกท่านที่ให้ความรู้ (ขาใหม่แอบอ่านมานานละ)

วันนี้มีปัญหาคาใจ อยากเรียนถามคุณเด็กขายของและกูรูทุกท่านว่า

1. เหงเค้าบอกว่าถ้าแบงค์ล้ม เค้ารับประกันเงินฝากรายละ1ล้าน แล้วถ้าเปงเงินกู้ล่้ะ(พอดีผ่อนบ้านอยู่จาเกิดไรขึ้นคับ) เราจาไปผ่อนต่อกะใคร

หรือ เค้าจายึดของเราปะ รวมถึงแนวโน้มของดอกเบี้ยเงินกู้ถ้าเกิดวิกฤต ใันจาขึ้น/ลงคับ (ลองพยายามหาในกูเกิ้ลก็มะมีใครตอบ สงสัยมาก ๆ ๆ ๆคับ รบกวนตอบด้วย)

ขอบคุณล่วงหน้าคับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน ขอขอบคุณคุณเด็กขายของ และขาใหญ่ทุกท่านที่ให้ความรู้ (ขาใหม่แอบอ่านมานานละ)

วันนี้มีปัญหาคาใจ อยากเรียนถามคุณเด็กขายของและกูรูทุกท่านว่า

1. เหงเค้าบอกว่าถ้าแบงค์ล้ม เค้ารับประกันเงินฝากรายละ1ล้าน แล้วถ้าเปงเงินกู้ล่้ะ(พอดีผ่อนบ้านอยู่จาเกิดไรขึ้นคับ) เราจาไปผ่อนต่อกะใคร

หรือ เค้าจายึดของเราปะ รวมถึงแนวโน้มของดอกเบี้ยเงินกู้ถ้าเกิดวิกฤต ใันจาขึ้น/ลงคับ (ลองพยายามหาในกูเกิ้ลก็มะมีใครตอบ สงสัยมาก ๆ ๆ ๆคับ รบกวนตอบด้วย)

ขอบคุณล่วงหน้าคับ

สวัสดีครับ คุณ Yokaman. ยินดีต้อนรับ และ ดีใจ ที่แอบอ่านมาตลอด จนกระทั่ง สมัครสมาชิกบ้านไทยโกลด์

เรื่องที่ถามมา ! สมัยหนึ่ง มีธนาคารชื่อว่า ธนาคาร กรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด เมื่อล้มแล้ว รัฐฯ มาช่วยอุ้ม แล้วตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อดำเนินการต่อเกี่ยวกับบรรดาลูกหนี้ทั้งหลาย ส่วนเงินฝาก ไม่มีปัญหา รับประกันคืนเงินครบทุกบัญชี มาปัจจุบัน เรื่องเงินฝาก รับประกันตามกฎหมาย 1 ล้านบาท ท่านมีมากกว่านั้น ก็ต้องตระเวนเปิดมันทุกธนาคารฯ ยี่ห้อธนาคารฯ ละ 1 บัญชี ไม่เกินช่วงเวลาที่การคุ้มครองมีผลบังคับใช้

 

ส่วนเงินที่ธนาคารฯ ปล่อยกู้ ให้กับลูกหนี้ เพื่อนำมาใช้ บริหารธุรกิจ / สินเชื่อบ้าน รถยนต์ และอื่นๆ เด็กขายของต้องกล่าวว่า " จ้าวอย่าหวัง " ที่จะชักดาบออกจากฝักได้เลย เพราะยังไง บรรดาหนี้ต่างๆ ที่ธนาคารปล่อยกู้ จะถูกขายทอดตลาดออกไปให้คนอื่นมาบริหาร ไล่ทวงหนี้แทนเขา อย่างพวกหนี้ NPL หนี้ไม่เกิดรายได้ ธนาคารบางแห่งจะมีประมูลถ่ายออกไปให้ บริษัทอื่นๆ คนกันเอง ในราคาต่ำกว่าหนี้ ( กำขี้ดีกว่ากำตด ) เพื่อให้ไปตามทวงหนี้กันอีกทอดหนึ่ง

 

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในระยะยาว ยังไม่มีใครทราบได้ หรือบอกได้ตอนนี้ ถ้าให้เดาว่า ช่วงวิกฤติทางการเงิน จะเกิดดอกเบี้ยฝั่งไหน ? ก็ต้องบอกว่า " ฝั่งลดลง " แต่ในประเทศไทยแล้วไซร้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีคำว่า MLR กับ MRR บวก อีกกี่ % ก็แล้วแต่ ไม่มีโอกาศต่ำกว่า 6% อย่างแน่นอน เพราะธุรกิจธนาคารฯ มีรายจ่าย + ค่าประกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้

 

วิกฤติการเงินเกิดขึ้น จะหมายถึงรายได้ของคุณที่จะต้องเกิดอาการลดลงด้วยนะครับ หรือไม่ ถ้ารายได้เท่าเดิม แต่รายจ่ายการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานจะสูงขึ้น

 

เรื่องกู้ซื้อบ้าน ยังไง ก็ต้องธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะถือเป็น Deal ที่น่าสนใจมาก แต่ผ่อนชำระช่วงแรกๆ ต้องทำใจ เพราะ เงินงวดที่ชำระไป แม่ง ! หักแต่ดอกเบี้ย เงินต้นลดนิดเดียว

 

เรื่องของวิกฤติเศรษฐกิจ : ประเทศไทยก็เจอมาตอน วิกฤติที่เรียกว่า " ต้มยำกุ้ง " แล้วเกิดอะไรขึ้นมาบ้างล่ะ มาดูกันนะครับ

http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=51611.50

เล่าเรื่อง ช่วงปี 2540  เพื่อให้คนที่ไม่ผ่านได้รู้ ผลกระทบ

1. รถหายติด เพราะ คนตกงาน + ไม่มีเงินเดือนมาเติมน้ำมัน

2. ร้านก๊วยเตี๋ยว ข้าวแกง + ร้านขายของสะสม เกิดขึ้นมากมาย (เอาสมบัติมาขาย เอาตัวรอด)

3. ยอดขายรถยนต์หายไป เกือบครึ่ง รถที่ยังมียอดขาย ส่วนมากเป็นรถเพื่อการพาณิชย์(กระบะ)

4. ราคาบ้าน+ที่ดิน ตกต่ำ เป็นครั้งแรกๆ ในประเทศไทย ที่ราคาที่ดิน ต่ำลง ราคาซื้อขายจริง ต่ำกว่าประเมิน  (อันนี้ ให้คิดเรื่อง Overdemand ได้เลย)

5. อุปโภคบริโภค ยอดขายหายไปบางส่วน แต่ไม่มากนัก ราวๆ 20% สิ่งหนึ่งที่เตือนคือ อพาร์ตเม้นท์+บ้านเช่าใน กทม. อาจว่าง เนื่องจาก ผู้เช่าเดิม ย้ายถิ่นกลับบ้านเกิด

6. ก่อสร้าง บูม รัฐหันมาส่งเสริมการจ้างงานแทนเอกชน เพื่อกระตุ้นเสดกิจ

7. ราคาทองในประเทศ ทรงตัว (ราคาทองปีนั้นในรูปดอลล์ ลดลง แต่ อัตราแลกเปลี่ยนสูงมาก) (ปีนี้อัตราแลกเปลี่ยนต่ำ ราคาทองสูง)

8. อ่างฯ (ไม่ได้เข้าไปดู เพราะเป็นคนรักเดียวใจเดียว) เอ๊ยยยยย ไม่ได้ เด๋วไม่ครบ เท่าที่ถามจาก ผู้ใช้ประจำ ปริมาณการใช้(ความถี่)ลดลง เด็กๆมานั่งตบยุงเป็นส่วนใหญ่ แต่หน้าใหม่ ก็ต่อแถวเหมือนเดิม อิอิ 

9. นักศึกษาที่ศึกษาอยู่ ตปท. ถูกเรียกตัวกลับ เนื่องจาก ค่าเงินสูงมาก งบประมาณการศึกษา ที่วางแผนจาก ผู้ปกครองไว้ไม่พอ ที่ยังอยู่ต้องหางานใน ตปท.เช่น เสริฟ หรือ ล้างจานไปด้วย (ปีนี้ บาทแข็ง อาจไม่เกิด หรือมีแต่ไปเพิ่ม)

10. บ.ขนส่ง เท่าที่จำได้ มีหลายแห่งที่ ออกสิบล้อ+รถตู้มาใหม่ แล้วไม่มีงานวิ่ง ต้องแข่งราคาสุดฤทธิ์ เพื่อหาค่าผ่อนรายเดือน สุดท้ายก็โดนยึด

11. มอไซค์ โดนยึดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจาก เมื่อไม่มี เงินเดือน ก็ไม่มีเงินผ่อน บ.เปิด เงินผ่อน ทุนไม่หนา ถึงขั้นล้มละลาย(บนฟูก) ไปหลายแห่ง

12. บ.สินเชื่อบุคคล โดนเบี้ยวหนี้ เป็นเรื่องปกติ อิอิ จนทุกวันนี้ หนี้บางราย ยังหาตัวไม่เจอเลย (คดีหมดอายุ)

13. เครดิตบูโร มีงานทำ ขึ้นแบล็คลิสต์ ลูกค้ารายใหม่ๆ อีกบานแน่ๆ

14. รอช้อนอสังหา ทำเลดี เจ้าของเก่า ผ่อนไม่ไหว โดนยึด กันได้แล้วครับ 555+

15. รอคนมาช่วยเติมส่วนที่ขาดครับ

16. ไปห้าง เดินสะดวกไม่ต้องแออัด แถมหาที่จอดรถง่าย

17. รถรอยูเทิร์นและติดไฟแดงไม่นาน เพราะรถมีน้อย โดนยึดหมด หรือไม่ก็ไม่มีตังค์เติมน้ำมัน

18. ที่ดินว่างเปล่าบ้านนอก เริ่มเห็นคนมาถางหญ้าปลูกผัก

19.ตลาดเปิดท้าย มีเป็นดอกเห็ด ของบางอย่างผมซื้อมา ยังเก็บไว้จนปัจจุบันนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าของมันเจ๊งถาวร หรือกลับมารวยใหม่

20.ทีวีโฆษณาน้อย ยิ่งโรงหนังไม่ต้องพูดถึง

21.คนรักครอบครัวมีเพิ่มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ เพราะไม่มีเงินออดไปแรด..

22.มีคนเข้าวัดมากขึ้น ไม่รู้ไปปลงหรอเปล่า

23.เริ่มเห็นคนทำงานไม่ตรงกับสาขาวิชาชีพของตน เช่นจบบัญชีแต่ไปขายน้ำเต้าหู้ บางคนก็ประสบความสำเร็จกับอาชีพใหม่ในเวลาต่อมา

24.มีคนพบศพเจ้าของธุรกิจบ้านจัดสรร นอนตายแบบไร้ญาตอยู่ในวัดแถวอยุธยา

และ

24. มีคนไปยิงตัวตายที่ตลาดหุ้น

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อินเดียเป็นประเทศนำเข้าทองคำรายใหญ่สุดของโลก ปีที่แล้วนำเข้าถึง 960 ตัน ส่วนใหญ่ถูกนำไปทำเป็นทองรูปพรรณ ซึ่งสำหรับคนอินเดียเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต ทุกคนจะต้องมีทองมากน้อยตามฐานะ ทำให้มีการประเมินว่าคนประเทศนี้น่าจะถือครองทองคำมูลค่าสูงถึง 921,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือครึ่งหนึ่งของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

 

เห็นตัวเลขแล้วคนที่รู้เรื่องต่างเสียดายที่อินเดียไม่ได้พัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองทองคำอย่างที่ควร ทั้งๆที่สมัยโบราณประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องการมีบ่อทอง และสมัยอังกฤษปกครองก็ยังมีการทำเหมืองทองคำพอสมควร หลักฐานดูได้จากสิ่งปรักหักพังที่ยังหลงเหลือตามเหมืองทองคำเก่า อย่างเช่นตู้รถไฟที่ใช้ลำเลียง

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมเหมืองทองคำอินเดียไม่เจริญคือ รัฐบาลรวบงานไปทำเอง ดูได้จากการสำรวจทรัพยากรแร่ในประเทศ ซึ่งอินเดียทำมานานแต่ยังทำได้แค่ 9% เทียบกับเกือบ 100% ของออสเตรเลีย จึงไม่แปลกที่แต่ละปีอินเดียจะขุดทองคำได้แค่ 3 ตัน เทียบกับออสเตรเลียที่ขุดได้ 280 ตัน

 

ทั้งนี้ การรวบงานยังหมายถึงการไม่สนใจทิศทางอุตสาหกรรม อย่างขณะนี้ที่วิทยาการสมัยใหม่เปิดให้มีการขุดทองในเหมืองร้าง ซึ่งอินเดียมีไม่น้อย แต่แทนที่จะออกไปทาบทามบริษัทมีความรู้ให้เข้าไปลงทุนกลับไม่ทำ ยิ่งกว่านั้นถ้าบริษัทจะเข้าไปยังต้องประสบปัญหาเรื่องระเบียบพิธีการที่อินเดียมีชื่อเสียงมานาน

 

เรื่องนี้เป็นที่เสียดาย เพราะนี่เป็นโอกาสที่อินเดียจะสร้างงาน ซึ่งยังเป็นงานในชนบทที่กำลังประสบปัญหาคนอพยพออกไปหางานทำในเมืองใหญ่ อย่างที่คงทราบกันดีว่าการทำเหมืองไม่ว่าจะเป็นเหมืองอะไรก็ต้องใช้คนอย่างน้อยหลายร้อยคน และที่น่าเสียดายกว่านั้นคือ โอกาสที่จะฟื้นฟูเมืองร้างที่เคยอยู่รายรอบเหมือง ซึ่งครั้งหนึ่งคนเคยอยู่กันอย่างผาสุก แต่ปัจจุบันกลับต้องอยู่แบบแร้นแค้น

 

อย่างไรก็ตาม คงไม่ถูกนักถ้าจะบอกว่าไม่มีบริษัทไหนเข้าไปลงทุนขุดทองในอินเดีย เพราะมีแล้วและเป็นบริษัทชื่อโคลาร์ โกลด์ (Kolar Gold) ตามชื่อทุ่งทองคำอมตะ Kolar Gold Fields ในรัฐคารนะทะกะ ทางตอนใต้ของประเทศ

 

ทั้งนี้ บริษัทโคลาร์ โกลด์ เป็นบริษัทสมัยใหม่ที่เกิดจากการรวมตัวของนักลงทุนหุ้นจากนานาประเทศที่มองเห็นโอกาสการใช้เทคโนโลยีใหม่ไปค้นหาทองคำตามเหมืองร้าง มีการนำหุ้นไปจดทะเบียนซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ทางเลือก Alternative Investment Market (AIM) แห่งกรุงลอนดอน เพื่อระดมเงินสำหรับใช้จ่าย

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ (วันที่ 27 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...