ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

วันที่ 22 กันยายน 2554 13:29

หุ้นทรุดตามตลาดทั่วโลก ผวาศก.สหรัฐเดี้ยง!

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงค่อนข้างมากในช่วงเช้าวันนี้ เป็นไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่ปรับลงแรงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไม่ได้ออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ (QE3) ตามที่ตลาดคาดหวังไว้ จึงกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างชาติขายหุ้นในมือต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลมากนัก เพราะปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มาตรการภาครัฐที่ออกมาก็กระตุ้นและสร้างบรรยากาศในการลงทุนดีชึ้น

 

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนไทยก็มีความแข็งแกร่งจากบทเรียนที่ผ่านมาในอดีตทำให้สามารถรองรับผลกระทบต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ แต่ก็แนะติดตามสถานการณ์ต่างประเทศใกล้ชิด

 

"ที่ตลาดหุ้นร่วงวันนี้ผมมองว่าไม่น่ากังวล ผลกระทบคงมี แต่ไม่มาก ส่วน Fund flow จะออกมากแค่ไหนคงต้องดูภาพใหญ่ แต่ที่ผ่านมาก็เห็นการคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากตลาดหุ้นไปพันธบัตรค่อนข้างมาก ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะยังไม่ถึงจุด และก็เชื่อว่าบจ.ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนดังกล่าว เนื่องจากมีบทเรียนและมีการบริหารธุรกิจที่ดีคงปรับตัวได้ และผลประกอบการ บจ.ที่ผ่านมาก็เติบโต"นายจรัมพร กล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดภาคเช้าร่วง 22.86 จุดมูลค่าซื้อขาย 14,730.05 ลบ. จับตาหลุด 1,000 จุดวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2011 เวลา 12:36 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

หุุุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้าร่วง 22.86 จุด ( - 2.22% ) ดัชนี 1,006 .73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,730.05 ล้านบาท ดัชนีปรับสูงสุด 1,014.75 จุด ต่ำสุด 1,003.85 จุด

 

5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่

 

PTT มูลค่าการซื้อขาย 983,361 พันบาท ราคาล่าสุด 304.00 บาท เปลี่ยนแปลง -8.00 บาท (-2.56%)

 

SCC มูลค่าการซื้อขาย 900,278 พันบาท ราคาล่าสุด 300.00 บาท เปลี่ยนแปลง -6.00 บาท(-1.96%)

 

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 894,400 พันบาท ราคาล่าสุด 119.50 บาทเปลี่ยนแปลง -4.00 บาท (-3.24%)

 

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 869,168 พันบาทราคาล่าสุด 125.00 บาทเปลี่ยนแปลง -1.50 บาท (-1.19%)

 

BBL มูลค่าการซื้อขาย 747,402 พันบาทราคาล่าสุด 149.00 บาท เปลี่ยนแปลง -4.50 บาท (-2.93%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศอส.เตือน 15จ.ระวังฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน 22-23 ก.ย.

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2011 เวลา 13:48 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 22 - 23 กันยายน 2554 จะมีฝนตกหนักใน 15 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่านระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

 

โดยพื้นที่ที่ยังต้องเฝ้าระวังดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 1-2 วันนี้ ได้แก่ อุบลราชธานี (อำเภอนาจะหลวย บุณฑริก น้ำยืน น้ำขุ่น) ศรีสะเกษ (อำเภอภูสิงห์ ขุนหาญ )

 

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ ลุ่มน้ำยม ที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอสามง่าม อำเภอโพทะเล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่อำเภอกบินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ลุ่มน้ำมูล ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา อำเภอตระการพืชผล อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเมือง อำเภอราษีไศล อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ลุ่มน้ำชี ที่อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ อำเภอจังหาร ทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี

 

ลุ่มน้ำโขง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ลุ่มน้ำท่าจีน ที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 4,128 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,715 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ 8 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี มีน้ำล้นตลิ่งเพิ่มขึ้น

 

ในส่วนของสถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำร้อยละ 89 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 97 ของความจุอ่างฯ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำร้อยละ 99 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณมากเกินความจุ ร้อยละ 116 ของความจุอ่างฯ ซึ่งต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งระบายน้ำ ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนและชุมชนริมฝั่งแม่น้ำได้รับกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าวให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและเสริมแนวกระสอบทรายกั้นน้ำ

 

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 23 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ชัยภูมิ ยโสธร ขอนแก่น มหาสารคาม ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี รวม 144 อำเภอ 1,075 ตำบล 8,031หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 563,010 ครัวเรือน 1,877,106 คน ผู้เสียชีวิต 136 ราย สูญหาย 2 ราย พื้นที่การเกษตร 5,110,327 ไร่ พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อปลา 60,124 ไร่ สัตว์ได้รับผลกระทบ 4,727,694 ตัว น้ำท่วมเส้นทางไม่สามารถสัญจรผ่านได้ แยกเป็น ทางหลวง 27 สาย ใน 10 จังหวัด ทางหลวงชนบท 76 สาย ใน 19 จังหวัด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บลจ.ไทยพาณิชย์ เผยกองพันธบัตรเกาหลีใต้กลับมาฮอต เตรียมออกกอง 1 ปี ชูยิลด์ 4%

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2011 เวลา 14:08 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึง นโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของบริษัทฯในขณะนี้ว่า ได้เริ่มกลับเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อีกครั้ง เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการถือครองเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐของประเทศเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดการขาดสภาพคล่องและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีใต้เมื่อแปลงมาเป็นสกุลเงินดอลลาร์แล้วทำให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น

 

ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y45 ที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ อายุ 1 ปี ซึ่งสามารถปิดขายได้ก่อนกำหนด

 

ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้เตรียมออกเสนอขายเพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุนเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่มีเข้ามาอย่างล้นหลาม คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y46 (SCB Foreign Note 1Y46 Open End Fund) มูลค่า 750 ล้านบาท อายุ 1 ปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ 99% อันดับความน่าเชื่อถือ A+(Fitch) ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ คาดผลตอบแทนประมาณ 4% ต่อปี ซึ่งอัตราผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าว ได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เรียบร้อยแล้ว ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ระหว่างวันที่ 26-27 กันยายนศกนี้

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเสนอขายพร้อมกัน 2 กองทุน มีให้เลือกตราสารหนี้ในประเทศ และเงินฝากต่างประเทศ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท คาดให้ผลตอบแทน 3.36-3.53% ต่อปี ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำแต่ละกองทุน 10,000 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 26 กันยายน 2554 ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ในประเทศ 3M14 (SCB Local Fixed Income 3M14) ) อายุ 3 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 3.36% ต่อปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 56% ตั๋วแลกเงินธนาคารธนชาต ในสัดส่วน 22% ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ F1+ (Fitch) thai และเงินฝากธนาคารออมสิน 22% และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M36 (SCB Fixed Income Fund 6M36 ) อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 3.53% ต่อปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 55.50% เงินฝากธนาคาร Bank of China (BOC) สาขามาเก๊า 24.50% อันดับความน่าเชื่อถือ A-2 (S&P) และเงินฝากธนาคารออมสิน 20% อันดับความน่าเชื่อถือ F1+ (Fitch) thai ซึ่งอัตราผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าว ได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging)

เรียบร้อยแล้วสำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2011 เวลา 14:13 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

บลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 (TGOV3M3) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี รับคำสั่งซื้อ-ขาย วันนี้ถึง 30 กันยายน 2554

 

นายสุธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จะเสนอขาย กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 (TGOV3M3) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 99.80% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.20% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.4361% โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน 0.1861% ต่อปี รับคำสั่งซื้อ-ขาย วันนี้ถึง 30 กันยายน 2554

 

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทร 0-2126-8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร.1770 หรือ ผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง หรือ www.thanachartfund.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรุงไทยจำหน่ายตั๋วแลกเงิน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2011 เวลา 14:14 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

ธนาคารกรุงไทย เปิดจองซื้อตั๋วแลกเงินอายุ 9 เดือนของ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค อัตราดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท ระหว่างวันที่ 26 - 29 กันยายนนี้ ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง

 

นายวิภูธา ตระกูลฮุน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจขนาดใหญ่ 2 ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 26 - 29 กันยายนนี้ ธนาคารจะเปิดให้ประชาชน นักลงทุนสถาบัน สหกรณ์ และมูลนิธิ จองซื้อตั๋วแลกเงินระยะสั้นของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) โดยจองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท และซื้อเพิ่มทวีคูณของ 1 แสนบาท ไม่กำหนดขั้นสูง ที่สาขาของธนาคารกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

 

ตั๋วแลกเงินระยะสั้นของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่เปิดจองซื้อในครั้งนี้ มีวงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท อายุ 9 เดือน นับจากวันที่ 30 กันยายน 2554 ซึ่งเป็นวันออกตั๋วแลกเงิน ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 26 มิถุนายน 2555 จ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด ในอัตรา 4.95% ต่อปี โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อที่ BBB- / Stable จากบริษัททริส เรทติ้ง (TRIS) ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการ ซึ่งบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย 27 โครงการ และมีแผนเปิดอีก 4 โครงการในไตรมาสสุดท้าย โดยเน้นทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำวันนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2554 14:05:48 น.

กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์

ข้อมูลทองคำวันนี้

- ราคาสมาคม เปิดที่ 25,750-25,850

- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,777

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.99-30.02

- GFV11 Hi- Low 26,440-26,030 ปิดที่ 26,380

Gold & Silver Insight

สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 0.055% ปิดที่ 1,808.1 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดขึ้น 33.20 เซนต์ ปิดที่ 40.469 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรสัญญาทองคำ เพราะผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ตามที่ได้มีการคาดการณ์ไว้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 283.82 จุด หรือ 2.49% ปิดที่ 11,124.84 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 35.33 จุด หรือ 2.94% ปิดที่ 1,166.76 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 52.05 จุด หรือ 2.01% ปิดที่ 2,538.19 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่ามาตรการ Operation Twist ที่เฟดประกาศใช้ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ อาจไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้

 

สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 85.92 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.80-87.99 ดอลลาร์ เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการ Operation Twist เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

 

กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 22 กันยายน ขายออก 0.30 ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1252.51 ตัน เข้าสู่ระดับ 1252.21 ตัน

 

USD/EU ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจใช้มาตรการ Operation Twist เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แทนการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) เนื่องจากมาตรการ QE3 จะส่งผลให้สภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์สูงขึ้น และจะฉุดมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนแอลงด้วย ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.77% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3599 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.3704 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3573 ดอลล่าร์ต่อยูโร

 

USD/JPY

ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.640 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับของวันอังคารที่ 76.390 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.78 เยนต่อดอลลาร์

 

USD/THB

ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 30.41-30.44 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.99-30.02 บาทต่อดอลล่าร์

 

ข่าวเศรษฐกิจโลก

- มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ แบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์โค และซิตี้กรุ๊ป อิงค์ เนื่องจากความกังวลที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนนธนาคารรายใหญ่ภายในประเทศ มูดีส์เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่ให้การสนับสนุนสถาบันการเงินรายใหญ่ หากธนาคารเหล่านี้ประสบปัญหาในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านการเงิน ทั้งนี้ มูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้บุริมสิทธิ์ระยะยาวของแบงก์ ออฟ อเมริกา ลงมาอยู่ที่ระดับ Baa1 จากระดับ A2 และลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้บุริมสิทธิ์ระยะสั้นลงสู่ระดับ Prime 2 จากระดับ Prime 1 นอกจากนี้ มูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ระยะยาวของเวลส์ ฟาร์โก ลงสู่ระดับ A1 จากระดับ Aa3 และลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ระยะสั้นของซิตี้กรุ๊ปลงสู่ระดับ Prime 1 จากระดับ Prime 2 โดยมูดีส์ให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือของธนาคารทั้ง 3 แห่งเป็นเชิงลบ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (21 ก.ย.) และประกาศใช้มาตรการ Operation Twist ด้วยการใช้เงินมูลค่า 4 แสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุการไถ่ถอน 6-30 ปี พร้อมกับขายพันธบัตรอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่า ในวงเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์เท่ากัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมิ.ย. 2555 โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ต่ำลง เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 3 ให้ใช้มาตรการ Operation Twist ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เฟดเชื่อมั่นว่ามีประสิทธิภาพ พร้อมกับยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2556

 

- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษเดือนส.ค.ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากชาวอังกฤษมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในแง่ลบเพิ่มมากขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลง 1 จุดจากเดือนก่อนหน้านี้มาอยู่ที่ 48 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ส่วนดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตช่วง 6 เดือนข้างหน้าลดลง 1 จุด สู่ระดับ 65 จุดในแง่ของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจนั้นอาจสะท้อนถึงภาวะความเชื่อมั่นที่ซบเซามากกว่าภาวะฟื้นตัวในภาคครัวเรือน ซึ่งความเชื่อมั่นมีแนวโน้มว่าจะยังคงอ่อนแอในระยะนี้ ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความท้าทาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ราคาทองยังฮอต!ปลายปีมีลุ้นพุ่งบาทละ 3 หมื่น

 

 

หากย้อนกลับไปในช่วงเกิดวิกฤติ “เลห์แมน บราเธอร์ส” ทำให้ราคาทองคำปรับลดลงไป 30% และใช้เวลา 1 เดือน จึงกลับสู่ภาวะ ปกติ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ สถานการณ์ในยุโรปเริ่มมีความคล้ายคลึงสถานการณ์ในสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์จะกลับไปเหมือน “เลห์แมน บราเธอร์ส” ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ลดสัดส่วนการถือครองพันธบัตรสหรัฐลดลงและขยับไปลงทุนในทองคำเป็นสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น ดังนั้น ในช่วงที่เศรษฐกิจหลัก ของโลกยังมีปัญหาอยู่ทองคำก็ยังมีความน่าสนใจลงทุนอยู่

 

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์ตลาดทองคำว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทองได้ปรับขึ้นจากเหตุการณ์สำคัญมาแล้ว 6 ครั้ง ซึ่งมีปัจจัยจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออก กลางรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและ ยุโรป และแต่ละครั้งทำให้ราคาทองคำ ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 100-200 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นแล้วกว่า 27% จากต้นปี

 

โดยขณะนี้ราคาทองกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน ดังนั้นการลงทุนระยะสั้นจึงควรลงทุนภายในกรอบ ระหว่าง 1,700-1,950 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งแนวโน้มจากนี้จนถึงสิ้นปี บริษัทมองว่าราคาทองคำยังคงมีความผันผวนสูงมาก แต่ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่ทำให้ราคาน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยนั้น ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ยังเปราะบาง ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป ในกลุ่ม PIIGS ประกอบไปด้วย โปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลี กรีซ และสเปน ตลอดจนการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนจากการถือสกุลเงินไปถือทองคำ และลดความผันผวนของเงินสกุลดอลลาร์ โดยวายแอลจีได้ประเมินราคาปลายปีไว้ที่ 2,000-2,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ ประมาณ 28,000-30,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจำเป็นต้องติดตามประเด็นข่าวสารอย่างใกล้ชิดเนื่องจากราคาทองคำอ่อนไหวต่อข้อมูลข่าวสารค่อนข้างมาก โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

 

นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มวายแอลจีในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก โดยในส่วนธุรกิจทองคำแท่ง บริษัทยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ไว้ได้ โดยมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 250,000 ล้านบาท คิดเป็น 83% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ประมาณ 300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำในตลาดโลกที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าใหม่ที่มีเข้าถึง 3-4 เท่าตัว จากเดิม 250 ราย มาเป็น 1,000 กว่าราย

 

ทั้งนี้ ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการขยายบริการรับซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% ไปจนถึงเวลา 02.00 น. โดยอ้างอิงราคา spot ทองคำโลกเพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความเสี่ยงจากความผันผวนของ ราคาทองคำในตลาดโลก และการออกบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้ปรับปรุงการใช้งานบนเว็บไซต์ และการ update ราคาทองคำแบบ Real time พร้อมให้บริการผ่าน ipad, iphone รวมถึงยังเตรียมเปิดตัวบริการใหม่ คือ Gold Online เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อขายทองคำแท่งผ่านระบบอินเตอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง ทดลองระบบ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบภายในสิ้นปีนี้

 

ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจโกลด์ฟิวเจอร์สในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 393,450 สัญญา สามารถมีอัตราเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 15% ทำให้บริษัทได้มีการปรับเป้าหมายอัตราเติบโตในปีนี้ใหม่ที่ 20% เนื่องจากมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากเป็นเกือบ 2,000 ราย จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 1,100 ราย ซึ่งเป็นผลมาจากจากการให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายเวลาซื้อขายในช่วงกลางคืนจนถึงเวลา 22.30 น. ส่วนธุรกิจซิลเวอร์ ฟิวเจอร์ส ยังไม่มียอดการซื้อขายมากนัก เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นและถือว่าเป็นสินค้าใหม่สำหรับนักลงทุน บริษัทจึงเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจเป็นสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงเพราะราคา โลหะเงินในตลาดโลกมีความผันผวนสูงกว่าราคาทองคำถึง 2 เท่า

 

อย่างไรก็ตาม จากนี้จนถึงสิ้นปีทาง กลุ่มวายแอลจียังมีนโยบายบริหารเชิงรุกเพื่อรักษาฐานลูกค้าและมาร์เก็ตแชร์ท่ามกลางการแข่งขันธุรกิจที่รุนแรง โดยใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบทั้งการทำตลาดที่เน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ลูกค้าใหม่ การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า รวมทั้งการว่าจ้างที่ปรึกษามืออาชีพ มาทำ Branding เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร และเตรียมพร้อมกับการแข่งขัน ที่สูงมากขึ้นในปีหน้าด้วย

 

ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวถึงกลยุทธ์การลงทุนในทองคำว่า ในช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนเช่นนี้เป็นไปได้ว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวผันผวนขึ้นลงสลับกันตามการเคลื่อนไหวของค่าเงิน แต่หลังจากมีความชัดเจนเกิดขึ้นไม่ว่าจะบวกหรือลบ คาดว่าราคาทองคำจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นได้อีกครั้ง โดยถ้าชัดเจนแล้วว่ากรีซไม่ล้มเงินสกลุยูโรจะแข็งและ Dollar Index จะลง ซึ่งเป็นผลดีกับราคา ทองคำทางอ้อม แต่ถ้ากรีซล้มเงินจะไหลกลับหาดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงในช่วงสั้นๆ แต่สุดท้ายจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพราะ Safe Haven ณ ปัจจุบันมีจำกัด เพราะฉะนั้น หากราคา ทองคำปรับตัวย่อลงมามากๆ ยังเป็นโอกาสดีในการเข้าทยอยซื้อทองคำเพื่อลงทุนระยะกลางถึงยาว

ที่มาสยามธุรกิจ ฉบับที่ 1239 ประจำวันที่ 24-9-2011 ถึง 27-9-2011

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ข่าว(การเงิน-ลงทุน) จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้

ปีที่ 12 ฉบับที่ 3147 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน 2011

โดย -เอ็มเอฟซีขายLTF-RMFแจกทอง

 

กรุงเทพฯ : เอ็มเอฟซีเปิด MFC Smile Gold รุก LTF-RMF ช่วงปลายปี มอบหน่วยลงทุน I-GOLD สูงสุด 8,000 บาท หากลงทุน 1 ล้านบาทขึ้นไป รับสร้อยคอทองคำมูลค่า 12,500 บาท เริ่มแล้วถึงวันที่ 31 ต.ค. นี้

 

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่เหลือของปีนี้บริษัทมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวม 10 กองทุน ให้เลือกลงทุนตามความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง และพิจารณาคัดเลือกจากแนวโน้มผลการดำเนินงานของกองทุน โดยเปิดแคมเปญใหม่ “MFC Smile Gold ยิ้มรับทอง เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ต.ค. 54

 

ผู้ที่ลงทุนใน LTF และ RMF ของเอ็มเอฟซี ตั้งแต่ 50,000-99,999.99 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MMM มูลค่า 300 บาท และ 100,000-199,999.99 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MMM มูลค่า 600 บาท และมีสิทธิรับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด I-GOLD ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทองคำ SPDR Gold Trust สูงสุดมูลค่า 8,000 บาท หรือสร้อยคอทองคำมูลค่า 12,500 บาท

 

ทั้งนี้ เอ็มเอฟซีมีกองทุนเปิด LTF และ RMF ที่มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย โดยกองทุน LTF 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (MV-LTF) ซึ่งได้รับรางวัลกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยมปี 2009 และปี 2010 ประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ จาก Morningstar Award Thailand กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มทรัพย์หุ้นระยะยาว (MA-LTF) ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล คัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีโกลบอลหุ้นระยะยาว (MG-LTF) ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ไม่เกิน 35% และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีอิสลามิกหุ้นระยะยาว (MIF-LTF) คัดเลือกหุ้นตามหลักศาสนาอิสลาม

 

สำหรับกองทุน RMF 6 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีคุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-CR) กองทุนคุ้มครองเงินต้นและผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนครบแต่ละรอบการลงทุน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (I-GOLDRMF) ที่เน้นลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust ที่ลงทุนในทองคำเป็น ETF ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีออมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (M-SAVING) ที่ลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเงิน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-BOND) ที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (M-FIX) ที่เน้นลงทุนในตราสารภาคเอกชนที่มีคุณภาพ และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเงินทุนสร้างค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-VALUE) กองทุนผสมที่เน้นลงทุนในตราสารทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GBX ลุ้นยอดขายทะลุเป้า 1.2 หมื่นลบ.หากช่วงที่เหลือปีนี้ราคาทองผันผวน

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2554 11:43:35 น.

นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท(GBX)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทรับผลพลอยได้จากธุรกิจค้าทองคำช่วงไตรมาส 3/54 ที่ดีทั้งอุตสาหกรรม ทำให้มีความเชื่อมั่นว่ายอดขายทองคำของบริษัทในปี 54 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท/เดือน เป้าทั้งปี 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดขายทองคำประมาณ 10,000 ล้านบาท

 

"ธุรกิจทองคำของบริษัทฯถือว่าดีในไตรมาส 3/54 แต่ก็ไม่ได้ถือว่าดีที่สุดในอุตสาหกรรม เพราะมีพวกร้านค้าทองคำที่มีหน้าร้าน retail แต่ที่ว่าดีมันดีทั้งอุตสาหกรรมเลย ผมก็ได้รับผลพลอยได้มาด้วย ส่วนเป้าหมายยอดขายทองคำของบริษัทฯตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ไม่ได้พูดถึงรายได้รวม ที่ผ่านมาก็ทำได้ตามเป้าหมายไม่ได้มีปัญหาอะไร ไตรมาส 3/54 ก็ทำได้ตามเป้าหมาย ซึ่งทำได้ตามเป้าเราก็ happy แล้ว เพราะปีที่แล้ว(2553)ทั้งปี เราทำยอดขายได้ 10,000 ล้านบาท ถ้าตรงตามเป้าของปีนี้ก็จะได้ 12,000 ล้านบาท ถ้าเกินมาก็อาจจะเล็กน้อยเท่านั้น

 

แต่ว่าผู้ค้าทองคำรายใหญ่ในตลาด เขาใหญ่กว่าผมมาก พวกแม่ทองสุข, YLG โดยเฉพาะฮั่วเซ็งเฮง ที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 80% ของทองคำในตลาดไทย ใหญ่ที่สุด ของผมไม่ใหญ่เท่าไร แม้จะติด TOP 10 แต่ก็อยู่ระดับท้าย ๆ"นายทรงวุฒิ กล่าว

 

กรรมการผู้จัดการ GBX กล่าวว่า แนวโน้มยอดขายทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้(ก.ย.-ธ.ค.)ถ้าธุรกิจค้าทองคำมีความผันผวนเหมือนเช่นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็อาจจะทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ แต่ตอนนี้หวังแค่ทำได้ตามเป้าหมายก็เพียงพอแล้ว

 

"ของผมช่วงกลางปีจะซบเซาไปหน่อยหนึ่ง แต่พอเดือนที่แล้ว(ส.ค.)มันดี ทำให้กลบความซบเซาไปได้นิดหนึ่ง ถ้าแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีนี้ ดีเหมือนเดือนที่แล้วอีก ก็จะ meet target ถ้า 4 เดือนหลัง(ก.ย.-ธ.ค.)เหมือนเดือน 8(ส.ค.)ที่ผ่านมาคือขึ้น/ลงผันผวนมาก มันจะทำให้เกิดวอลุ่มกับผม ไม่ว่าจะฝั่งซื้อหรือฝั่งขาย ถ้าผันผวนมากปุ๊บ ผมจะสามารถทำยอดขายได้เกินเป้า แต่ ณ ตอนนี้ก็หวังได้แค่ทำได้ตามเป้าหมาย"กรรมการผู้จัดการ GBX กล่าว

 

*เจอ Double Surprise จากธุรกิจหลักทรัพย์ที่ยังดี-ธุรกิจค้าทองคึกคัก

นายทรงวุฒิ กล่าวต่อว่า ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ภายหลังจากที่ทีมมาร์เก็ตติ้งส่วนหนึ่งได้ลาออกไป ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ลดลงเหลือเฉลี่ย 1.75% จากเดิม 2.5% แม้รายได้ของบริษัทจะลดลง แต่รายจ่ายลดลงไปมากกว่า และภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ก็ยังอยู่ในทิศทางที่เดินหน้าต่อไปได้ดี ขณะที่ธุรกิจค้าทองคำก็คึกคักด้วย จึงทำให้กลายเป็น Double Surprise สำหรับบริษัทฯ

 

"ภาพ ณ ตอนนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ หลังจากที่มีมาร์เก็ตติ้งบางส่วนจากไป ทำให้มาร์เก็ตแชร์ของเราลดลงนิดหน่อย เหลือตอนนี้ประมาณเฉลี่ย 1.75% จากเดิมที่มี 2.5% แต่บางวันดี ๆ ก็ได้ 2% แล้วแต่วัน ซึ่งเหตุที่ทำให้กำไรของบริษัทฯเพิ่มขึ้น เพราะตัวที่ออกไปเป็นตัวบิ๊ก ๆ เขาได้ intensive ได้ cost ในส่วน Fix เยอะกว่าคนอื่น

 

รายรับของบริษัทฯลดลงจริง แต่รายจ่ายของบริษัทลดลงมากกว่า เพราะฉะนั้นธุรกิจหลักทรัพย์ของผมจึงสบายไม่มีปัญหาครับ แล้วดูจากเดือน 8 คาดว่ารายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์สามารถยืนอยู่ได้ หลังจากที่มาร์เก็ตติ้งทีมหนึ่งได้ออกไป แล้วตัวโฮลดิ้งก็สามารถยืนได้ด้วยตัวเองด้วย เพราะว่าทองมันมา ก็เลยกลายเป็น Double Surprise สำหรับเราเหมือนกัน"นายทรงวุฒิ กล่าว

 

กรรมการผู้จัดการ GBX กล่าวต่อว่า สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯที่มาจากธุรกิจหลักทรัพย์ ณ ตอนนี้น่าจะมีสัดส่วน 75% จากเดิมประมาณ 80% ขณะที่ธุรกิจค้าทองคำสัดส่วนรายได้ ณ ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ประมาณ 25% สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งนี้ปีที่แล้ว(2553)รายได้รวมของบริษัทฯ 9,387 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% คาดว่าจะมีรายได้จากทองเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องรอดูอีก 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ก่อน ดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

 

*เป็นรายเดียวที่ให้ลูกค้าเล่นทองคำทำ"Full Arbitrage"

กรรมการผู้จัดการ GBX กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯเป็นรายเดียวที่สามารถให้ลูกค้าทำ full arbitrage ได้ในการเทรดทองคำ ซึ่งเป็นการทำอย่างถูกต้องและไม่ผิดกฎแต่อย่างใด ซึ่งยอดขายของบริษัทฯในเดือนที่แล้ว(ส.ค.)ที่ราคาทองมีความผันผวนมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลของการทำ arbitrage ซึ่งไม่ได้มาจากนักลงทุนที่เทรดทองคำโดยเฉพาะเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงทำให้ยอดขายของบริษัทฯสามารถทำได้ตามเป้าหมาย

 

"ผมเป็นโบรกฯเดียวที่สามารถให้ลูกค้าที่เล่นทองสามารถทำ full arbitrage ได้ ซึ่งไม่ผิดกฎ วิธีการก็คือสมมติลูกค้าเล่นทองด้วยการทำ short future อยู่ แต่ลูกค้ากลัวว่าจะขึ้นต่อ วิธีการก็คือ ด้วยราคาตอนที่เขา short มันเป็น Future ที่โก่งตัวสูงกว่าราคาทองคำจริง เหตุที่เขาทำ short ก็เป็นเพราะเขาเห็นว่าราคา future มันแพงเกินไป เขาถึงได้ทำ short แต่วิธีที่จะปิดความเสี่ยงของเขาคือ การเข้ามาซื้อทองคำกับผมในจำนวนที่เท่ากัน ซึ่งลูกค้าก็จะได้มีทองจริงด้วยในขา long ซึ่งถ้าราคาทองมันขึ้นลูกค้าก็จะเสียในขา short ใน future แต่จะได้ในส่วนของราคาทองคำจริง ๆ ที่มันขึ้นมา แต่ถ้าราคามันลง การเล่นใน future ก็ได้ ขณะที่ราคาทองจริงก็จะลดลงไปแค่เล็กน้อย ถัวกันไปถัวกันมาบริษัทฯก็จะได้รับสเปรดตรงนี้ เพราะในวันสุดท้ายราคา future และราคาทองจริงควรจะเท่ากัน ลูกค้าก็จะได้สเปรดเป็นผลกำไรเลย

 

จังหวะหนึ่งในตลาดไทยสามารถทำกำไรได้ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซนต์ถึง 20 เปอร์เซนต์ต่อปีเลย เพราะว่าด้วยความที่คนไปทำ long กันมาก แล้วทำให้ราคาทองใน future สูงเกินจริง แล้วผมเป็นเจ้าเดียวที่เป็น Fully Broker ที่มีบริษัทลูกเป็นหน้านายขาย future แล้วตัวโฮลดิ้งผมก็ขายทอง ก็เลยจับ match ได้เลย ไม่มีปัญหา แล้วลูกค้าผมก็จับ match อย่างนี้เยอะมากในเดือนที่แล้ว(ส.ค.)"กรรมการผู้จัดการ GBX กล่าว

 

*กำลังเตรียมความพร้อมด้าน IT หวังสู้ศึกเปิดเสรีโบรกฯปีหน้า

นายทรงวุฒิ กล่าวว่า การเปิดเสรีโบรกเกอร์ในปีหน้า(2555)ในตอนนี้บริษัทฯก็มีการเตรียมความพร้อมในการศึกษาด้าน IT ที่จะทำให้ระบบมีความพร้อมมากขึ้น ในการแข่งขันในปีหน้า ตอนนี้ก็พยายามดำเนินการอยู่

 

"ส่วนการหาพันธมิตร Strategic Partner ก็ยังคงเปิดทางอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอะไรกับใคร ซึ่งตรงไหนที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจหลักทรัพย์ ผมก็จะเพิ่มธุรกิจ ดูความเป็นไปได้แล้วดูว่าพอจะมีแนวโน้มทำได้ ก็จะร่วมมือกัน"นายทรงวุฒิ กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แกะกระปุกคนดัง ตั้งเป้าดีมีวินัยมีเงินใช้หลังเกษียณ ไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายป้องกันการทุจริตบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

 

การออมเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะไม่มีใครที่จะรู้ว่าในอนาคต เรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นแล้วเงิน ที่ได้มาจากการทำงาน จะต้องรู้จักแบ่งเป็นสัดส่วนให้ดี ดูถึงความสำคัญในการใช้จ่าย ทุกคนควรมีแผนในการออม แต่ก็ไม่ควรไปยึดติดกับการออมแบบเดียว การออมควรจะต้อง มีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง ในการที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเป็น สุข ในขณะเดียวกันอนาคตเรา ก็จะได้ไม่ลำบาก เก่ง-ไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้จัดการ อาวุโส ฝ่ายป้องกันการทุจริต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้มา แนะนำถึงเคล็ดลับการออม และเปิดเผยการลงทุนในรูปแบบต่างๆของเขา

 

เก่งเล่าว่า “เมื่อมีรายรับเข้ามา จะจัดการ ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และให้คุณพ่อ คุณแม่ก่อน จากนั้นก็กันเงินส่วนหนึ่งออกจาก บัญชีเงินเดือนเพื่อแยกออกมาออมไว้ เหลือเงินในบัญชีให้พอที่จะใช้จ่ายภายในเดือนนั้น หลักในการออมของผมคือ ผมจะตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับหนึ่ง แล้วออมไปให้ ถึงระดับนั้น พอทำได้แล้วก็มาดูว่าพอใจกับ วิธีการออมนี้หรือไม่ ถ้าพอใจแล้วก็ตั้งเป้า ต่อไปอีก แล้วค่อยๆทยอยเก็บไป การตั้งเป้าหมายในการออมก็เพื่อที่วันหนึ่งเมื่อทำ ได้ตามเป้า ก็จะรู้สึกดีใจ ภูมิใจ แต่ถ้าไม่มีการตั้งเป้าหมายไว้ การออมก็จะเลื่อนลอย ออมแบบที่เหลือเท่าไหร่ก็ออมเท่านั้น ก็จะไม่มีทางออมได้สำเร็จ เพราะว่าระหว่าง นั้นเราก็ใช้ไปเรื่อยๆ ถ้าใช้หมดก็ไม่ได้ออม เดือนหน้าเหลือนิดหน่อยก็ค่อยออม มันจะ ไม่มีวินัยในการออม

 

เมื่อออมเงินได้ระยะหนึ่งแล้ว ก็จะมองในเรื่องของการลงทุนเพื่อการออม เพราะคิดว่าการลงทุนเป็นสิ่งที่ดี มีอัตราผลตอบแทน ณ วันนี้การฝากเงินกับธนาคาร ไม่ได้ช่วย 100% เงินที่ออมไว้จะโตไม่ทันกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยิ่งพออายุมากขึ้น อาจจะต้องมีเรื่องของการ ดูแลสุขภาพ หรือไม่มีกำลังพอในการทำ งาน ฉะนั้นจึงต้องดูช่องทางการลงทุนอื่นๆไว้บ้าง ยิ่งถ้ายังเป็นคนหนุ่มคนสาว ที่สามารถรับความเสี่ยงได้มาก ควรจะหันมาสนใจเรื่องการลงทุนให้มากขึ้น อีกทั้ง ในปัจจุบันสถาบันทางการเงินมีผลิตภัณฑ์ ทางการลงทุนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ

 

โดยสิ่งที่ลงทุนในสัดส่วนที่มากที่สุดจะเป็นการลงทุนในทองคำ จะดูช่วงที่ราคา ดีๆ ก็ซื้อเก็บไว้ เป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ได้มองแค่ 2-3 ปี คือถ้าไม่ได้รีบร้อนจริงๆ ก็ออมไปเรื่อยๆ เป็น 10-20 ปีเลย และเหตุผลที่ลงทุนทองในสัดส่วนที่มากเพราะมองว่า สมัยคุณพ่อคุณแม่ซื้อทองบาทละ 3,000 บาท ก็เห็นภาพว่า ถ้าในระยะยาวน่าจะมีแนวโน้มที่ดีแน่ อีกทั้งทอง ยังมีสภาพคล่องสูง เมื่อเรามีความจำเป็น ต้องใช้ก็สามารถขายได้”

 

เก่งเล่าต่อว่า “นอกจากนี้ก็มีลงทุนในพันธบัตรบ้าง ประกันชีวิตเล็กน้อย และกำลังศึกษาในเรื่องของตลาดหุ้น เพราะตอนนี้อายุยังไม่มาก ยังพอรับความเสี่ยงได้ เพราะถ้าอายุมากกว่านี้วิธีการออมการ ลงทุนอาจจะต้องเปลี่ยนไป ลดระดับความ เสี่ยงให้น้อยลง จริงๆ แล้วผมคิดว่า การออมกับการ ลงทุนมีความใกล้เคียงกัน แต่ถ้าพูดถึงการ ออม คนส่วนใหญ่ก็จะมองว่าอะไรที่ไม่เสี่ยง คือการออม ก็จะนึกถึงการฝากธนาคาร แต่ การซื้อทองกลายเป็นการลงทุน ซึ่งจริงๆแล้วเราจะออมทองก็ได้ มันก็คือการเก็บเงิน ในรูปแบบต่างๆ และผลตอบแทนที่ได้ ก็ไม่ เท่ากันแค่นั้นเอง ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะชอบ แบบไหน รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และการลงทุนผมมองว่าเป็นการหวังผลกำไร เพื่อเพิ่มปริมาณการออมให้มีมากขึ้น

 

ในเรื่องของการใช้บัตรเครดิตก็มีส่วนในเรื่องการออม เพราะถ้าใช้อย่างไม่ ระวังอาจจะทำให้เสียระบบการออมได้ สำหรับ ตัวผมเองถือแค่ 2 ธนาคาร เพื่อไว้ใช้จ่าย หลัก และเผื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน และจะหมั่นตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ ถ้าเห็นว่ายอดค่าใช้จ่ายเริ่มมากแล้ว ก็จะเปลี่ยน มาใช้เงินสดแทน จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นหนี้ บัตรเครดิตส่วนมากมีสาเหตุมาจากการ ใช้จ่ายเกินวงเงิน และไม่สามารถคุ้มยอดการใช้จ่ายได้ เพราะไม่ได้ตรวจ สอบยอดการใช้จ่ายของตัวเอง

 

สุดท้ายอยากจะแนะ นำสำหรับผู้ที่ยังไม่มีการออม โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่ม ทำงานมีรายได้ แต่ยังไม่เริ่ม ออม ผมเคยผ่านมาก่อน เวลา มีเงินเป็นของตัวเอง เห็นอะไร ก็อยากได้ไปหมด ยิ่งถ้ามีการใช้ บัตรเครดิต ควรรู้จักใช้ให้เป็น อย่าเอาเงินในอนาคตไปผูกกับหนี้ ต้องยับยั้งชั่งใจไว้บ้าง เพราะฉะนั้นการออมควร จะเริ่มตั้งแต่แรกๆ จะออมมาก หรือน้อยไม่เป็นไร แต่ขอให้มีวินัยในการออม พยายามตั้งเป้าไว้ เมื่อทำได้ตามเป้าแล้วจะรู้สึกภูมิใจ แล้วจะสามารถขยับเป้าไปได้เรื่อยๆ”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สถิติของบอร์ดเรา

รวมบทความ 159,120

สมาชิกทั้งหมด4,801

สมาชิกล่าสุดvee34

ออนไลน์พร้ิอมกันมากที่สุด1,894

28 กรกฎาคม 2010 - 10:16

 

ชวนเพื่อนสมัครสมาชิกบ้าน THAI GOLD มุ่งสู่ความเป็น 1 เวปบอร์ด ราคาทองคำที่มีสมาชิกสูงสุดในประเทศไทย

เป็นของขัวญแทนคำขอบคุณ อ.Kumponys ที่เป็นผู้ให้ที่ยิ่งให้ยิ่งได้กันเถอะครับเชิญครับ

 

เป้าหมายแรกสมาชิกสูงถึง 10,000 คน

ท่านที่ยังไม่สมัครสมาชิก เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน ขอเชิญด้วยนะครับ

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่

 

ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ โดยการขายพันธบัตรคลังระยะสั้นมูลค่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อไปถือครองพันธบัตรคลังระยะยาวมูลค่าเท่ากัน ซึ่งการเปลี่ยนแผนถือครองพันธบัตรคลังของสหรัฐ จากระยะสั้นซึ่งมีอายุไถ่ถอนคืนน้อยกว่า 3 ปี เป็นพันธบัตรระยะยาวที่มีอายุการไถ่ถอนคืน 6-30 ปี สามารถทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงและกระตุ้นธนาคารที่มีเงินสดให้นำเงินสำรองออกมาใช้ประโยชน์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของเฟดที่จะกระตุ้นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจตลอดครึ่งปีแรก.

 

 

ราคาน้ำมันดิบเอเชียดิ่งลง หลังเฟดเตือนเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในช่วงขาลง

 

ราคาน้ำมันดิบซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์วันนี้ ปรับตัวลดลงกว่า 1 ดอลลาร์ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากแรงซื้อหนาแน่น หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด เตือนว่าเศรษฐกิจอเมริกา ยังคงมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส นัดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ดิ่งลง 1 ดอลลาร์ 21 เซนต์ ซื้อขายอยู่ที่บาร์เรลละ 84 ดอลลาร์ 71 เซนต์ ส่วนเบรนท์ ทะเลเหนือ นัดส่งมอบเดือนเดียวกัน ขยับลงมา 1 ดอลลาร์ 26 เซนต์ อยู่ที่บาร์เรลละ 109 ดอลลาร์ กับอีก 10 เซนต์ ทั้งนี้ “เฉิน ซินยี” นักวิเคราะห์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอล ในสิงคโปร์ ชี้ว่าคำเตือนจากเฟดส่งผลกดดันตลาดน้ำมันโลกไม่น้อย ท่ามกลางคำถามของนักลงทุนที่หวั่นว่ามาตรการกระตุ้นรอบใหม่ของเฟดอาจไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้มากนัก.

 

 

ไอเอ็มเอฟ ชี้ระบบการเงินโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงมากกว่าครั้งใดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2551

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานว่าด้วยเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก ระบุว่าขณะนี้ระบบการเงินโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงมากกว่าครั้งใดๆ นับตั้งแต่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2551 ไอเอ็มเอฟ เตือนว่าตอนนี้ธนาคารหลายแห่งของยุโรปกำลังมีสถานะอ่อนแอและจำเป็นต้องเพิ่มทุนอย่างเร่งด่วน ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่าปัญหาหนี้ยูโรโซนได้พ่นพิษทำให้ธนาคารในสหภาพยุโรปต้องสูญเงินไปแล้วกว่า 2 แสนล้านยูโร นับตั้งแต่วิกฤติเริ่มต้นเมื่อปลายปี 2552 ก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟ เพิ่งประกาศหั่นตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจยุโรปลง จากผลกระทบของวิกฤติหนี้สินที่กำลังรุมเร้า พร้อมกับแนะว่าถึงเวลาแล้วที่ยุโรปต้องก้าวข้ามความไม่ลงรอยและหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนเตือนว่าข้อตกลงด้านอาวุธระหว่างสหรัฐกับไต้หวันจะทำลายความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ

 

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายจาง จื้อจุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศจีนได้เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐเข้าพบ เพื่อเป็นการประท้วงต่อกรณีที่สหรัฐกับไต้หวันประกาศข้อตกลงด้านอาวุธมูลค่าเกือบ 6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงเครื่องบินรบเอฟ-16 ของไต้หวันให้ทันสมัยด้วย โดยนายจางกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวของสหรัฐจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศรวมถึงการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางทหารและความมั่นคง.

 

ผู้นำสหรัฐแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในประเด็นที่ปาเลสไตน์จะขอเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในประเด็นที่ปาเลสไตน์จะขอเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติเมื่อวานนี้ว่า ปาเลสไตน์สมควรได้สิทธิเป็นรัฐอิสระและมีที่นั่งในสหประชาชาติ แต่สันติภาพที่จะบังเกิดขึ้นในตะวันออกกลางไม่ควรมาจากแถลงการณ์หรือญัตติในที่ประชุมสหประชาชาติ และไม่มีทางลัดใด ๆ ที่นำไปสู่สันติภาพนอกจากการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งโดยตรงกับอิสราเอล อย่างไรก็ตามผู้นำสหรัฐไม่ได้เรียกร้องให้ปาเลสไตน์ล้มเลิกความพยายามดังกล่าว.

 

หุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนัก หลังธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ประกาศจะดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว

 

หุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนัก หลังธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการบริหารเป็นเวลา 2 วัน ว่าจะดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัว โดยปิดตลาดดัชนี ดาวโจนส์ ปิดที่ 11,124.84 จุด ลดลง 283.82 จุด หรือ ร้อยละ2.49 ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,538.19 จุด ลดลง 52.05 จุด หรือ ร้อยละ 2.01และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,166.76 จุด ลดลง 35.33 จุด หรือ ร้อยละ 2.94.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐ ยืนยันจะยกมือวีโต้ขวางปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกใหม่ยูเอ็น

 

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยืนยันกับประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ว่าสหรัฐจะใช้สิทธิ์ยับยั้ง หรือ วีโต้ ความพยายามของปาเลสไตน์ในการเสนอตัวเป็นสมาชิกใหม่องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น พร้อมกล่าวย้ำอีกครั้งว่าการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอลบรรลุผล ด้านประธานาธิบดีอับบาส แม้จะถูกกดดันอย่างหนักจากผู้นำสหรัฐ แต่ยังคงยืนกรานจะเดินหน้าแผนการขอเป็นสมาชิกใหม่ยูเอ็นต่อไป ขณะที่ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศส ออกโรงเตือนว่าการออกเสียงวีโต้ของสหรัฐอาจนำมาซึ่งวงจรความรุนแรงรอบใหม่ในภูมิภาคตะวันออก

 

ทั้งนี้ ผู้นำปาเลสไตน์ มีกำหนดจะยื่นเรื่องต่อนายบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็น เพื่อขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ลำดับที่ 194 ของสหประชาชาติ ในวันพรุ่งนี้ เมื่อนายบันอนุมัติคำร้องของปาเลสไตน์แล้ว จะส่งเรื่องต่อให้คณะมนตรีความมั่นคง หรือ ยูเอ็นเอสซี พิจารณาและลงคะแนนโหวตตัดสินต่อไป ความฝันของปาเลสไตน์จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อได้เสียงสนับสนุน 9 เสียงจากทั้งหมด 15 เสียง และไม่ถูกวีโต้โดยสมาชิกถาวรชาติหนึ่งชาติใดของยูเอ็นเอสซีในบรรดา 5 ชาติอันได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐ.

 

พายุไต้ฝุ่นโรคีเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งหน้าสู่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น หลังพัดขึ้นฝั่งที่เกาะฮอนชูเมื่อวานนี้

 

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นโรคีกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่านจังหวัดฟูกูชิมะมุ่งหน้าสู่กรุงโตเกียว แต่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้วหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และคลื่นสึนามิซัดถล่มเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โดยเมื่อเวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พายุลูกนี้มีศูนย์กลางอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว 60 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้พายุโรคีได้พัดเข้าถล่มเกาะฮอนชูทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 คน และทางการเตือนให้ประชาชน 1 ล้านคนอพยพออกจากบ้านเรือน เนื่องจากเกรงว่าฝนที่ตกหนักจะทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ขณะที่เที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวถูกยกเลิก รวมไปถึงการเดินรถไฟและเรือโดยสารข้ามฟากก็ต้องระงับการให้บริการชั่วคราวด้วย.

 

 

เศรษฐกิจนิวซีแลนด์ ชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

 

สำนักงานสถิติของนิวซีแลนด์ รายงานว่าช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ขยายตัวอยู่ที่เพียงร้อยละ 0.1 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ร้อยละ 0.5 หลังจากช่วงไตรมาสแรกของปี เติบโตอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ทั้งนี้ สำนักสถิติชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างมากเป็นผลมาจากความซบเซาของภาคการก่อสร้าง ที่เติบโตติดลบถึงร้อยละ 4.3 สวนทางกับสถานการณ์ของภาคเกษตรและการเงินที่สามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 4.3 และ 1.5 ตามลำดับ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...