ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ แบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์โค และซิตี้กรุ๊ป อิงค์ เนื่องจากความกังวลที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนนธนาคารรายใหญ่ภายในประเทศ

 

มูดีส์เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่ให้การสนับสนุนสถาบันการเงินรายใหญ่ หากธนาคารเหล่านี้ประสบปัญหาในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านการเงิน

 

ทั้งนี้ มูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้บุริมสิทธิ์ระยะยาวของแบงก์ ออฟ อเมริกา ลงมาอยู่ที่ระดับ Baa1 จากระดับ A2 และลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้บุริมสิทธิ์ระยะสั้นลงสู่ระดับ Prime 2 จากระดับ Prime 1

 

นอกจากนี้ มูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ระยะยาวของเวลส์ ฟาร์โก ลงสู่ระดับ A1 จากระดับ Aa3 และลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ระยะสั้นของซิตี้กรุ๊ปลงสู่ระดับ Prime 1 จากระดับ Prime 2 โดยมูดีส์ให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือของธนาคารทั้ง 3 แห่งเป็นเชิงลบ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"อียู-ไอเอ็มเอฟ "เพิ่มกังวลฐานะการเงินแบงก์ยุโรปแนะเพิ่มทุน 4.6 แสนล้านยูโร ภายในปี 2562

 

สหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับฐานะการเงินของธนาคารยุโรป ขณะที่วิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรปเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแนะภาคธนาคารยุโรป เพิ่มเงินทุน 4.6 แสนล้านยูโร ภายในปี 2562

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการด้านการแข่งขันของยุโรป เตือนว่าธนาคารกว่า 9 แห่ง ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ความแข็งแกร่งของสถาบันการเงิน จำเป็นต้องระดมเงินทุนเพิ่ม พร้อมทั้งเสนอให้มีการเพิ่มกฏระเบียบต่างๆเพื่อรับมือกับวิกฤติ เพื่อช่วยให้รัฐบาลประเทศต่างๆเข้าไปเยียวยาบรรดาธนาคารที่ขาดสภาพคล่องได้ง่ายมากขึ้น

 

ขณะที่ ไอเอ็มเอฟ ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกว่า ธนาคารต่างๆจำเป็นต้องเพิ่มเงินทุนเพื่อเป็นกันชนตั้งรับวิกฤติเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมากขึ้น และเพิ่มเงินทุนให้สูงกว่าระดับเพดานขั้นต่ำ ที่กำหนดไว้ให้มีผลบังคับใช้ในปี 2562

 

ความวิตกกังวลของอียูและไอเอ็มเอฟ มีขึ้นในช่วงที่ตลาด มีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับธนาคารต่างๆหากกรีซผิดนัดชำระหนี้ หรือจากการที่ตลาดเงินในประเทศต่างๆที่กำลังดิ้นรนแก้ปัญหาหนี้ ดิ่งลงอย่างรุนแรง

 

ที่มา : Ds news (วันที่ 22 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิกฤตหนี้มะกัน-ยุโรปสุดแย่เศรษฐกิจเกิดใหม่ต้านไม่อยู่

 

ไอเอ็มเอฟเตือน เศรษฐกิจโลกเข้าสู่แดนอันตราย พร้อมกับปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและยุโรป

 

โอลิเวอร์ บลองชาร์ด หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในงานแถลงข่าวที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่แดนอันตรายครั้งใหม่ โดยที่การฟื้นตัวเป็นไปอย่างอ่อนแอที่สุด อีกทั้งความเสี่ยงจากปัจจัยลบต่างๆ ก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด

 

บลองชาร์ด ระบุว่า การคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกทั้งในปี 2554 และ 2555 นั้นจะอยู่ที่ 4% เท่านั้น นอกจากนั้นบรรดาเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งจีนและอินเดีย ที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลกนั้น ก็จะไม่สามารถหลีกหนีผลกระทบจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วได้อีกด้วย โดยการแก้ปัญหาจำเป็นที่แต่ละประเทศจะต้องใช้นโยบายเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และจะต้องเร่งหาทางลดความเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน

 

ในรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟ ยังคาดการณ์ด้วยว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะเชื่องช้าลงทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา โดยปัจจัยเสี่ยงหลักๆ เป็นผลมาจากปัญหาหนี้และปัญหาการขาดดุลงบประมาณในประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐและกลุ่มยูโรโซน

 

“ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างความแข็งแกร่งในด้านงบประมาณของตัวเองให้พร้อมก่อนที่ปัญหาจากประเทศพัฒนาแล้วจะส่งผลกระทบมาถึง” บลองชาร์ด กล่าว

 

หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ กล่าวด้วยว่า ในช่วงเดือน ส.ค.ผ่านมานั้น ความไม่แน่นอนในภาคการเงินและปัญหาด้านงบประมาณ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างรุนแรง โดยที่นักลงทุนต่างจับตาความเคลื่อนไหวปัญหาหนี้ในสหรัฐและในยุโรป ซึ่งตลาดทุนกำลังตั้งคำถามถึงความสามารถของหลายประเทศว่า จะสามารถฟื้นเสถียรภาพในปัญหาหนี้สาธารณะของตัวเองได้หรือไม่

 

ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า ในปีนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะอยู่ที่ 1.5% เท่านั้น และในปีหน้าจะเติบโตอยู่ที่ 1.8% ส่วนกลุ่มประเทศยูโรโซน 17 ชาติ ที่กำลังถูกปัญหาหนี้รุมเร้าอย่างหนัก จะมีอัตราการเติบโตที่ 0.5% เท่านั้นในปีนี้ และ 1.1% ในปีหน้า

 

ขณะที่ทางด้านเศรษฐกิจญี่ปุ่น แม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างนับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยในปีนี้ก็ยังจะติดลบอยู่ที่ 0.5% ก่อนที่จะมาขยับตัวได้อีกครั้งที่ 2.3% ในปีหน้า

 

ด้านกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียนั้น จะประสบปัญหาความต้องการสินค้าในตลาดตะวันตก ทำให้การเติบโตเชื่องช้าลงโดยจะเห็นผลในปีหน้า ซึ่งการเติบโตจะอยู่ที่ 6.1% โดยจีนจะยังคงเป็นประเทศที่มีการเติบโตมากทีสุดที่ 9% ในปีหน้า

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 22 กันยายน 2554)

 

 

ถึงวินาทีนี้ เชื่อแน่ว่าบรรดานักลงทุนในตลาดทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นคงได้ลิ้มรสวิกฤต

 

ถึงวินาทีนี้ เชื่อแน่ว่าบรรดานักลงทุนในตลาดทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นคงได้ลิ้มรสวิกฤต ทั้งจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปและสหรัฐ ตลอดจนการเดินหน้าเข้าสู่ยุคภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของโลกจนกระอักไปตามๆ กัน  ขณะเดียวกันก็ต้องตกอยู่ในสภาพแบบเสือติดจั่น ที่ดิ้นรนแสวงหาทางรอดเพื่อรักษาผลประโยชน์ที่ได้ลงทุนลงแรงไป เรียกว่า แม้จะได้กำไรน้อยลง หรือเสมอตัว ก็ยังดีกว่าปล่อยให้สูญ

 

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โลกจะได้เห็นสภาพตื่นตัวของนักลงทุนที่แห่โยกย้ายหนีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นตลาดอนุพันธ์ ตราสารหนี้ หรือแม้กระทั่งกองทุนรายใหญ่อย่างเฮดจ์ฟันด์ของสหรัฐ ขาใหญ่ของตลาดทุนโลก รองจากกองทุนมั่งคั่งและกองทุนบำเหน็จบำนาญต่างๆ

 

ทั้งนี้ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนเอาแน่เอานอนไม่ได้นี้ ส่งผลให้นักลงทุนมักได้ยินข่าวคราวการขาดทุนของบรรดากองทุนยักษ์ใหญ่อย่างเฮดจ์ฟันด์อยู่เนืองๆ เช่น การขาดทุนของกองทุนอัลฟา โกลบอล หนึ่งในเครือข่ายของกองทุนเฮดจ์ฟันด์อย่างโกลด์แมน แซคส์ ที่เพิ่งจะประกาศปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้นักลงทุนในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์พากันวิ่งเข้าหาแหล่งพักพิงที่ปลอดภัยอย่างทองคำ จนเป็นผลให้ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดรอบแล้วรอบเล่า จนมีสิทธิพุ่งถึง 2,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ภายในสิ้นปีนี้

 

ขณะที่สกุลเงินปลอดภัยอย่างฟรังก์สวิสก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจนรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ต้องงัดมาตรการเข้มมาคุมเพื่อไม่ให้กระทบกับภาคการส่งออกของประเทศ  ตลาดการเงินหรือบรรดากองทุนที่นักลงทุนโดดหนีก็จำต้องรับสภาพซบเซา ร่วงหนัก หรือปิดตัวลงไปตามระเบียบ ไม่เว้นแม้แต่กองทุนยักษ์ใหญ่อย่างเฮดจ์ฟันด์ ที่นักลงทุนต่างพากันเบือนหน้าหนี จนเป็นเหตุให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์บางกองทุน เช่น กองทุนอัลฟา โกลบอล ของโกลด์แมน แซคส์ ต้องประกาศปิดตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ เฮดจ์ฟันด์ก็คือกองทุนประเภทหนึ่งที่มุ่งหมายในการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนหรือกำไรให้ได้มากที่สุด ดังนั้นการลงทุนในเฮดจ์ฟันด์จึงมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมทั่วๆ ไป โดยที่คนส่วนใหญ่มักรู้จักกันในฐานะกองทุนเพื่อการลงทุนด้วยความเสี่ยง เพราะผลตอบแทนก้อนโตที่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเอาเรื่อง เฮดจ์ฟันด์จึงจำกัดผู้ลงทุนไว้ที่นักลงทุนสถาบัน หรือนักลงทุนที่เป็นบุคคลฐานะดี ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนของเฮดจ์ฟันด์อย่างเพียงพอ โดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องเปิดเผยนาม เพียงแค่ส่งเงินให้กองทุนนำไปบริหาร แต่ต้องยอมรับกับความเสี่ยงสูงที่จะขาดทุนจากการลงทุนได้

 

นอกจากนี้ ด้วยเป้าหมายเพื่อกำไรสูงสุดในระยะเวลาน้อยสุด กลยุทธ์การลงทุนของเฮดจ์ฟันด์จึงมักจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น และนิยมหมุนเวียนลงทุนแต่เฉพาะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ทองคำ อัตราแลกเปลี่ยน พันธบัตร และหุ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยกองทุนที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ก็เช่น เจ.พี.มอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ เพราะการลงทุนที่มีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง นักลงทุนที่ลงทุนในเฮดจ์ฟันด์จึงหนีหาย โดยกองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักค้ารายใหญ่ได้ปรับลดสถานะการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ลง 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการลดสถานะซื้อสุทธิลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี

 

นอกจากนี้ ข้อมูลจากคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐ ระบุว่า นักลงทุนลดการถือครองสัญญาของตลาดต่างๆ ลง 18.5% สู่ 1.18ล้านสัญญา

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเฮดจ์ฟันด์จะเป็นการลงทุนที่เล่นกับความเสี่ยง แต่นักลงทุนส่วนหนึ่งก็ยังคงมองว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาส และในเมื่อไม่ว่าจะหันไปลงทุนทางไหนก็หนีไม่พ้นความเสี่ยงที่ว่า จึงเป็นเรื่องดีกว่าที่จะฝากเงินลงทุนกับเฮดจ์ฟันด์ต่อไปในฐานะผู้ที่มีความชำนาญในการบริหารความเสี่ยง เพราะเอาเข้าจริงแล้ว กลยุทธ์ที่เฮดจ์ฟันด์ถนัดใช้มากที่สุดก็คือ การทำกำไรที่ปราศจากความเสี่ยง โดยอาศัยส่วนต่างของดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลในแต่ละประเทศ

 

ข้อมูลของโกบอล ออบ ที่สำรวจความเห็นของผู้ลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ระบุว่า แม้จำนวนผู้ลงทุนที่ต้องการถอนเงินคืนจากเฮดจ์ฟันด์จะเพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 3.11% ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นช้าที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มจัดทำในเดือน ม.ค. 2549 และดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของเงินทุนยังพบอีกว่า มีการย้ายทุนออกนอกกองทุนลดลง 0.57%  ตัวเลขข้างต้นล้วนแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มมีมุมมองเป็นบวกกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์มากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากผลตอบแทนกองทุนที่เริ่มกลับมาอู้ฟู่อีกครั้ง

 

ทั้งนี้ แม้ว่ากลยุทธ์การลงทุนในหุ้นระยะยาวและระยะสั้นของเฮดจ์ฟันด์จะไม่ประสบความสำเร็จนักในช่วงที่ผ่านมา แต่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องอย่างอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินต่างๆ โดยหลีกเลี่ยงตลาดในประเทศที่มีปัญหาหนี้สาธารณะกลับได้กำไรดีขึ้น เช่น กองทุนเบรแวน โฮเวิร์ด มาสเตอร์ ฟันด์ ที่มีผลกำไรในช่วงเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 6.2%

 

นอกจากนี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์อย่าง แมน กรุ๊ป เอเอชแอล กลับมีผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ  ประกอบกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์บางส่วนเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายการลงทุนไปในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามากขึ้น เช่น ข้าวโพด หรือข้าวสาลี ท่ามกลางราคาอาหารในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่แพง และภัยธรรมชาติที่ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในตลาด ยิ่งส่งผลให้นักลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ โดยเฉพาะกองทุนที่มีเงินลงทุนอยู่มากยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในตลาดที่จะถือครองการลงทุนในกองทุนต่อไป

 

ทว่า ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และสถานะของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ส่วนใหญ่ที่ยังคงติดลบอยู่คำว่า เฮดจ์ฟันด์ ก็ยังคงเป็นของแสลงอยู่ดี

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 22 กันยายน 2554)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วคุณ Aiya คิดว่า อาแปะคิดอย่างไร ?

กรณีเราอยากซื้อ

1. เร่ เข้ามา เร่ เข้ามา ราคาทองตลาดโลกกำลังจะขึ้นนะ ทุกอย่างลงหมด ทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อยากซื้อ

ตอนนี้ ก็ต้องจ่ายแพง ของแพงคือของดี ครับ เดี๋ยวตั้งถูกไป นักลงทุนก็ไม่กล้าซื้อ เกรงว่าจะลงต่อ เลยยืนรอ

นอกร้านฯ กันหมด

2. ช่วยมาซื้อราคานี้ด้วยคับ ต้นทุนทองแท่งอั้วสูง เพราะไอ้ตอน 26,700-27,100 อั้วนำเข้าทะลัก เพราะคนจองกันเยอะ

แต่กลับกลายเป็นว่า นักลงทุนกลับไม่เอาของ ขอขายเอาเงินคืน อั้วเลยมีสต็อคทองแท่งพอสมควร ตอนนี้

มาช่วยแบ่งเบาภาระด้วยคับ

 

กรณีเราอยากขาย

1. ถือเป็นโอกาสดี ที่ให้ราคาดี ใจดี อะไรๆ ก็ดีไปหมด ไม่ดีอย่างเดียว " ก็กูยังตัดใจขายขาดทุนไม่ได้ "

 

 

กร๊ากชอบๆๆๆๆๆๆ

 

ก็กูยังตัดใจขายขาดทุนไม่ได้ "

 

อัยยาคิดแบบนี้หุหุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลการสำรวจจากการประชุมประจำปีของสมาคมตลาดทองแท่ง ลอนดอน ระบุว่า ราคาทองมีแนวโน้มพุ่งขึ้นถึงระดับ 2,019 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบันประมาณ 12%

 

ขณะที่คาดว่า ตลาดการเงินจะยังเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อไป ซึ่งหนุนให้มีการลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

มุมมองเกี่ยวกับราคาทองในที่ประชุมแห่งนี้คล้ายคลึงกับที่ประชุมผู้ประกอบการเหมืองทองรายใหญ่ในโคโลราโด สปริงส์ ซึ่งผู้บริหารจากบริษัท ต่างๆ อาทิ นิวมอนต์ ไมนิ่ง คอร์ป และแองโกลโกลด์ อาชานติ ลิมิเต็ด คาดว่า ราคาทองจะปรับตัวขึ้นถึง 2,200 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือสูงกว่านั้น

 

ที่มา : money channel (วันที่ 22 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

FRANKFURT (MarketWatch) — Activity across the euro-zone manufacturing and service sectors contracted in September, according to a closely followed survey of purchasing managers released Thursday, stoking fears the 17-nation region could slip into recession as it struggles with a sovereign debt crisis and an uncertain global economic outlook.

 

Markit Economics said its preliminary composite purchasing managers index dropped to 49.2 from 50.7 in August, marking the first time since July 2009 the index came in below the 50 level. A reading of less than 50 indicates a contraction in activity, while a reading of more than 50 signals growth.

 

“The fall in the euro-zone composite PMI below the theoretical 50 ‘no-change’ barrier provides the strongest sign yet that the region is on the cusp of a recession,” said Ben May, European economist at Capital Economics.

 

The PMI reading for the services sector plunged to 49.1 from a reading of 51.5 in August, while manufacturing PMI dropped to 48.4 from 49.0.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วคุณ Aiya คิดว่า อาแปะคิดอย่างไร ?

กรณีเราอยากซื้อ

1. เร่ เข้ามา เร่ เข้ามา ราคาทองตลาดโลกกำลังจะขึ้นนะ ทุกอย่างลงหมด ทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อยากซื้อ

ตอนนี้ ก็ต้องจ่ายแพง ของแพงคือของดี ครับ เดี๋ยวตั้งถูกไป นักลงทุนก็ไม่กล้าซื้อ เกรงว่าจะลงต่อ เลยยืนรอ

นอกร้านฯ กันหมด

2. ช่วยมาซื้อราคานี้ด้วยคับ ต้นทุนทองแท่งอั้วสูง เพราะไอ้ตอน 26,700-27,100 อั้วนำเข้าทะลัก เพราะคนจองกันเยอะ

แต่กลับกลายเป็นว่า นักลงทุนกลับไม่เอาของ ขอขายเอาเงินคืน อั้วเลยมีสต็อคทองแท่งพอสมควร ตอนนี้

มาช่วยแบ่งเบาภาระด้วยคับ

 

กรณีเราอยากขาย

1. ถือเป็นโอกาสดี ที่ให้ราคาดี ใจดี อะไรๆ ก็ดีไปหมด ไม่ดีอย่างเดียว " ก็กูยังตัดใจขายขาดทุนไม่ได้ "

 

ที่อาเปะไม่ยอมลง คงจะต้นทุนสูงอย่างที่คุณเด็กขายของว่า

 

และอีกอย่างแกคงมองว่าพรุ่งนี้น่าจะรีบราวน์ขึ้นด้วยละมั้ง อยากได้ก็ต้องจ่ายอั้วแพงหน่อย :ph34r:

 

ผมว่า 175x นี่ก็น่าจะสุดๆแล้วนะ ได้เวลาทำ new high ซะที รอมานานแล้ว สาธุคืนนี้ไอ้กันทำพุ่ง :upstrong: ทีเถอะ อึดอัดแล้ว !061

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คงปิดราคาสุดท้ายของสมาคมฯ ในราคานี้

 

4 15:39:00 รับซื้อ 25700 ขายออก 25800 อ้างอิง ราคาโลก 1766.00. ค่าเงินบาท 30. 76

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขึ้นได้แล้ว ขึ้นซะที หลับตาเก็บเพิ่มมาอีกหน่อย เดี๋ยวลืมตา พุ่งๆๆๆๆๆๆ

 

!57 !_06 !K2 !gvme :upstrong: :upstrong:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรียนถาม คุณเด็กขายของหน่อยนะคะ จะขึ้นรถช่วงไหนดี จะมีโอกาสซื้อแท่งที่ราคาต่ำกว่า สองหมื่นห้าพัน ไหมคะ เพื่อนฯฝากถามคะ -_-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วคุณ Aiya คิดว่า อาแปะคิดอย่างไร ?

กรณีเราอยากซื้อ

1. เร่ เข้ามา เร่ เข้ามา ราคาทองตลาดโลกกำลังจะขึ้นนะ ทุกอย่างลงหมด ทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อยากซื้อ

ตอนนี้ ก็ต้องจ่ายแพง ของแพงคือของดี ครับ เดี๋ยวตั้งถูกไป นักลงทุนก็ไม่กล้าซื้อ เกรงว่าจะลงต่อ เลยยืนรอ

นอกร้านฯ กันหมด

2. ช่วยมาซื้อราคานี้ด้วยคับ ต้นทุนทองแท่งอั้วสูง เพราะไอ้ตอน 26,700-27,100 อั้วนำเข้าทะลัก เพราะคนจองกันเยอะ

แต่กลับกลายเป็นว่า นักลงทุนกลับไม่เอาของ ขอขายเอาเงินคืน อั้วเลยมีสต็อคทองแท่งพอสมควร ตอนนี้

มาช่วยแบ่งเบาภาระด้วยคับ

 

กรณีเราอยากขาย

1. ถือเป็นโอกาสดี ที่ให้ราคาดี ใจดี อะไรๆ ก็ดีไปหมด ไม่ดีอย่างเดียว " ก็กูยังตัดใจขายขาดทุนไม่ได้ "

 

วลีสุดท้ายในเครื่องหมายคำพูด ถูกใจ กรู ด้วยขอรับกระผม :0eeeff42:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรียนถาม คุณเด็กขายของหน่อยนะคะ จะขึ้นรถช่วงไหนดี จะมีโอกาสซื้อแท่งที่ราคาต่ำกว่า สองหมื่นห้าพัน ไหมคะ เพื่อนฯฝากถามคะ -_-

ถ้า ไม่มีทองแท่งในพอร์ต ซื้อเลยครับ ( ในกรณี Online ) คิดเสียว่า ซื้อถูกกว่า คนอื่นๆ ตั้ง 1,500 บาท แต่ถ้าติดดอย ก็คงจะชวน

มาเล่นโดมิโนกัน ครับ

 

ถามว่า จังหวะมีไหม ต่ำกว่า 25,000 บาท ยากส์ครับช่วง 1 เดือน ซื้อทองที่ตู้แดง อย่างเก่ง 25,350 บาท ( อาแปะ คงยอมแค่นี้ ครับ )

 

ปล. โปรดใช้วิจารณญานในการตัดสินใจ ด้วยตนเองนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามค่ำอีกแล้วครับ เฮียนายห้างฯ และ เพื่อนๆ ทุกๆ ท่าน

 

วันนี้ ตั้งกล้อง Dummy CCTV ที่ตลาดหุ้นฯ เลยส่งมาให้ดูว่า สถานการณ์ของวันนี้เป็นอย่างไร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...