ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

อุตฯยักษ์ญี่ปุ่น-US-ยุโรป-จีน'อ่วม' 'น้ำท่วมไทย'กระทบโซ่อุปทานโลก

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 ตุลาคม 2554 22:28 น.

 

Share

13

 

 

 

 

สภาพของนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี ที่ถูกน้ำท่วม อุทกภัยใหญ่ในประเทศไทยคราวนี้ทำให้บริษัทอุตสาหกรรมรายยักษ์ๆ ทั่วโลกขาดแคลนชิ้นส่วน จนต้องลดการผลิตลง

 

       วอลล์สตรีท เจอร์นัล - ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบอุทกภัยครั้งใหญ่ในไทยกำลังแพร่ลามไปสู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่ๆ ของโลกมากขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานสินค้าและชิ้นส่วนอะไหล่หยุดชะงัก ทั้งนี้จากรายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล หนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลของสหรัฐฯ ฉบับวันพฤหัสบดี (27)

       

       ในรายงานข่าวดังกล่าว ระบุว่า บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ รวมถึงมิชลิน ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลก ได้ดำเนินรอยตามบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป โดยสั่งระงับการผลิตในโรงงานบางส่วนที่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวันพุธ (26) ที่ผ่านมา

       

       ฟอร์ด ยักษ์อุตสาหกรรมยานยนต์สัญชาติอเมริกัน ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตน้ำท่วมในไทยเป็นต้นมา พวกเขาผลิตรถยนต์ได้น้อยลงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ตอนแรกถึง 17,000 คันแล้ว และคาดว่าจำนวนที่จะขาดหายไปทั้งหมดอาจสูงถึง 30,000 คัน

       

       ฟอร์ด กล่าวว่า “กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับบรรดาซัปพลายเออร์ที่ได้รับผลกระทบ โดยหวังจะให้พวกเขารีบกลับไปดำเนินการผลิตชิ้นส่วนหรืออะไหล่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ตลอดจนลดความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่ส่วนกิจการอื่นๆ” ขณะที่โฆษกหญิงของมิชลิน กล่าวว่า ทางบริษัทได้สั่งระงับการผลิตในโรงงานหลายแห่งบนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมกับคาดการณ์ว่า ยอดขายยางรถยนต์ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ตลอดจนจำนวนผลผลิตโดยรวมน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก

       

       ด้าน เลอโนโว กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สัญชาติจีน กล่าวเมื่อวันพุธว่า พวกเขาคาดว่าจะขาดแคลนอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ในขณะที่มวลน้ำก้อนมหึมาขนาดเท่ากับมลรัฐคอนเนตทิคัตของสหรัฐฯ กำลังถาโถมเข้าใส่บรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนของเลอโนโว โดยที่ทะลักเข้าท่วมหลายเขตทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ แล้ว

       

       ไอเอชเอส ไอซัปพลาย บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี เตือนว่า ผลผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์ทั่วโลกอาจลดฮวบลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จากผลกระทบน้ำท่วมในไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ป้อนตลาดโลกด้วยสัดส่วนสูงถึงราว 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้พิษน้ำท่วมได้ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งของบริษัทเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ป ในไทย ต้องปิดสายการผลิตลงชั่วคราว ขณะที่บริษัทซีเกต เทคโนโลยี พีแอลซี ก็ระบุว่า พวกเขาอาจประสบภาวะขาดแคลนชิ้นส่วนอะไหล่ในอีกไม่ช้านี้

       

       เมื่อเร็วๆ นี้ ทิม คุก ซีอีโอคนใหม่ของแอปเปิล อิงค์ บอกกับนักวิเคราะห์วอลล์สตรีทว่า ตัวเขาเองก็คาดการณ์ไว้เช่นกันว่า จะเกิดภาวะขาดแคลนอุปกรณ์ดิสก์ ไดร์ฟ ขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้ โดยที่บริษัทคอมพอล อิเล็กทรอนิกส์ อิงค์ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของไต้หวัน กล่าวเมื่อวันพุธว่า พวกเขามีชิ้นส่วนประกอบเพียงพอไว้สำหรับสายการผลิตจนถึงแค่เดือนพฤศจิกายนเท่านั้น

       

       เวลานี้ ภัยพิบัติในไทยซึ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ กำลังจุดชนวนให้เกิดการถกเถียง เกี่ยวกับแนวคิดและวิธีปฏิบัติของบริษัทจำนวนมาก ที่พยายามบริหารห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาให้เหลือสินค้าคงคลังน้อยที่สุดเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแข่งขันและประสิทธิภาพการผลิตระยะสั้น ทว่านั่นกลับทำให้เกิดปัญหาหนักในยามที่สถานการณ์ไม่ปกติ โดยเฉพาะเมื่อเกิดภัยพิบัติที่ไม่คาดคิดขึ้นจนทำให้สินค้าขาดตลาด

       

       “เท่าที่เราได้เห็นจากทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น และตอนนี้ก็น้ำท่วมในไทยนั้น แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์หายนะ ตลอดจนผลกระทบอันกว้างขวางของมัน กำลังกลายเป็น 'บรรทัดฐานใหม่' และไม่ใช่เหตุการณ์พิเศษที่นานๆ จะเกิดขึ้นอีกต่อไป” ผู้เชี่ยวชาญด้านโซ่อุปทานในเอเชีย ให้ทัศนะโดยที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ

       

       พอล มาร์ติน รองประธานฝ่ายยุทธศาสตร์ห่วงโซ่อุปทานแห่งบราโวโซลูชัน สปา (BravoSolution SpA) ในมิลาน ให้ทัศนะว่า หลายๆ บริษัทมีปัจจัย 3 ประการที่จะพิจารณาว่าเกี่ยวกับการจัดระบบห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา ซึ่งประกอบด้วย ปัจจัยด้านกำลังการผลิตสูงสุด, สินค้าคงคลัง และระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการปรับเปลี่ยนการผลิตในช่วงที่อยู่ในสถานการณ์ยุ่งเหยิง

       

       ทางด้าน ตชิบา คอร์ป ระบุว่า พวกเขาเริ่มทำการผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์ในฟิลิปปินส์แทนแล้วตั้งแต่วันอังคาร (25) หลังจากที่ต้องระงับการผลิตในโรงงานไทยรวม 9 แห่ง ส่วนมาสดา มอเตอร์ ก็บอกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาเตรียมพิจารณานำเข้าชิ้นส่วนมาจากส่วนกิจการของพวกเขาในจีนและญี่ปุ่น เพื่อนำมาป้อนสายการผลิตในโรงงานไทยอีกครั้ง

       

       ขณะที่นิเดก คอร์ป (Nidec Corp.) ผู้ผลิตมอเตอร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟ ก็บอกว่า จะเพิ่มเพดานการผลิตในโรงงานฟิลิปปินส์และจีนมากขึ้น

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อียูผ่านข้อตกลงฝ่าวิกฤตยูโรโซน กล่อมแบงก์สำเร็จลดหนี้กรีซ 50%

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 ตุลาคม 2554 20:07 น.

 

Share

4

 

 

 

 

นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี กำลังแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิตของสหภาพยุโรป(อียู) เมื่อคืนวันพุธ(26)

 

       เอเจนซีส์ - ยุโรปตกลงกันได้ในนาทีสุดท้ายเพื่อถอดชนวนวิกฤตหนี้ ขยายกองทุนฟื้นฟู อัดฉีดเงินก้อนใหม่ให้กรีซ และผลักดันให้บรรดาแบงก์ร่วมรับภาระมากขึ้น ระหว่างการประชุมสุดยอดในวันพุธ (26) ที่ทรงความสำคัญถึงขั้นสามารถชี้ชะตาทิศทางเศรษฐกิจโลกโดยรวม

       

       หลังจากหารือกันมาหลายนัด รวมทั้งประชุมสุดยอดสองรอบ (ในวันอาทิตย์ที่ 22 และพุธที่ 26 ตุลาคม) ที่ใช้เวลาทั้งสิ้นร่วม 10 ชั่วโมง และท่ามกลางการรอคอยด้วยความกังวลของตลาดและผู้นำทั่วโลก เฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานสหภาพยุโรป (อียู) ก็ออกมาประกาศในคืนวันพุธว่าที่ประชุมได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญลุล่วงแล้ว

       

       นอกจากจะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียบวกกันทั่วหน้าและอียูแข็งค่าขึ้นแล้ว คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังออกมาแสดงความยินดีกับความคืบหน้านี้ ทว่า ด้านฌอง-โคลด ทริเชต์ ที่กำลังจะอำลาตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่ายังมีงานมากมายรอให้ดำเนินการให้ลุล่วงและอย่างรวดเร็ว

       

       **'ข้อเสนอสุดท้าย'**

       

       ส่วนสุดท้ายและอาจเป็นส่วนที่ยากที่สุดในแผนการที่ผู้นำอียูโอเคกันได้ในคราวนี้ คือ การตกลงระหว่างผู้นำยูโรโซนกับอินสติติวท์ ออฟ อินเตอร์เนชันแนล ไฟแนนซ์ (ไอไอเอฟ) หรือกลุ่มล็อบบี้ของแบงก์และสถาบันการเงินระดับยักษ์ใหญ่ของโลก เพื่อบีบให้ฝ่ายนักลงทุนเอกชนยอมลดหนี้ให้กรีซ 50%

       

       ประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ขอตัวจากที่ประชุมเพื่อจับเข่าคุยกับชาร์ลส์ ดัลลารา ประธานไอไอเอฟ โดยผู้นำเมืองเบียร์ยืนกรานว่า นี่คือข้อเสนอสุดท้าย

       

       ทั้งนี้ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แบงก์ยอมถอยด้วยการตกลงลดหนี้เพิ่มจากเดิมที่ตกลงไว้ 21% เป็น 40% แต่ภาครัฐยืนกรานที่ตัวเลข 50%

       

       ข้อตกลงนี้มีเป้าหมายในการลดหนี้ 100,000 ล้านยูโร จาก 350,000 ล้านยูโรให้แก่กรีซ ที่ในวันเดียวกันนั้นอียูก็อนุมัติเงินกู้ก้อนใหม่ก้อนที่สองที่มูลค่า 130,000 ล้านยูโร

       

       **ต่อลมหายใจกรีซ**

       

       นายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู กล่าวว่า นี่คือยุคใหม่และบทใหม่สำหรับกรีซ พร้อมระบุว่าเอเธนส์จะไม่มีการขาดดุลงบประมาณหลักอีกต่อไปนับจากปีหน้า นอกจากนี้ หากปฏิรูปเร็วพอ กรีซอาจกลับสู่ตลาดได้ก่อนปี 2012 ตามที่ไอเอ็มเอฟคาดไว้ กระนั้น ธนาคารและกองทุนบำนาญของรัฐบางแห่งอาจขาดทุนจากการลดหนี้ และแบงก์บางแห่งต้องถูกโอนเป็นของรัฐชั่วคราว

       

       ภายใต้ข้อตกลงล่าสุด กรีซจะได้รับเงินล่วงหน้า 30,000 ล้านยูโรจากประเทศอื่นๆ เพื่อรับประกันกับธนาคารที่จะร่วมลดหนี้โดยสมัครใจ

       

       ปาปันเดรอูคาดว่า ข้อตกลงนี้ที่จะดำเนินการผ่านการแลกเปลี่ยนพันธบัตร จะได้ข้อสรุปสุดท้ายก่อนสิ้นปี

       

       กรีซนั้นเป็นต้นตอวิกฤตที่เริ่มต้นเมื่อสองปีที่แล้ว และแพร่เชื้อไปยังไอร์แลนด์และโปรตุเกส รวมถึงมีแววว่าจะลามต่อไปยังประเทศเศรษฐกิจอันดับ 3 และ 4 ของยูโรโซนคือ อิตาลีและสเปนในขณะนี้

       

       **เพิ่มกระสุนอีเอฟเอสเอฟ**

       

       และเพื่อรับมือความเสี่ยงดังกล่าว ผู้นำยูโรโซนจึงตกลงขยายกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงิน (อีเอฟเอสเอฟ) เป็น 1 ล้านล้านยูโร

       

       การขยายกองทุนอีก 4-5 เท่าจะใช้แนวทางที่ชาญฉลาดเพื่อให้ภาครัฐไม่ต้องรับประกันเพิ่มเติม โดยล่าสุดมหาอำนาจตลาดเกิดใหม่ จีนและรัสเซีย เสนอตัวให้ความช่วยเหลือแล้วเพื่อร่วมปกป้องเศรษฐกิจโลก

       

       ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้มีขึ้นขณะที่มหาอำนาจโลกอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น รวมถึงจีน กดดันผู้นำยุโรปให้หาวิธีแก้ปัญหาระยะยาวก่อนการประชุมสุดยอดจี 20 ที่ฝรั่งเศสวันที่ 3-4 เดือนหน้า

       

       ผู้นำยุโรปนั้นเห็นด้วยกับทางเลือกสองข้อในการขยายอีเอฟเอสเอฟโดยไม่ต้องสมทบเงินเพิ่ม ในภาวะที่ผู้เสียภาษีในหลายประเทศสมาชิก ไม่พอใจมากขึ้นกับการอัดฉีดเงินอย่างไม่รู้จบ

       

       ทางเลือกแรกคือ อนุญาตให้อีเอฟเอสเอฟรับประกันความเสี่ยงสำหรับพันธบัตรที่รัฐบาลชาติยูโรโซนที่มีปัญหา จะนำออกระดมทุน เพื่อโน้มน้าวให้นักลงทุนซื้อพันธบัตรดังกล่าวโดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

       

       ทางเลือกที่สองคือ การตั้งกองทุนพิเศษที่เชื่อมโยงกับอีเอฟเอสเอฟ เพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประเทศนอกยูโรโซน กองทุนนี้ยังอาจเชื่อมโยงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งเป็นแนวทางที่รัสเซียเห็นด้วย

       

       ทั้งนี้ ซาร์โคซีเผยว่า จะหารือกับประธานาธิบดีหูจิ่นเทาในวันสองวันนี้ เพื่อชักชวนให้เข้าลงทุน โดยจีนนั้นเป็นผู้ซื้อรายใหญ่สำหรับพันธบัตรที่อีเอฟเอสเอฟนำออกระดมทุนก่อนหน้านี้

       

       ขณะเดียวกัน เคลาส์ เร็กลิง ประธานบริหารอีเอฟเอสเอฟ จะเดินทางเยือนปักกิ่งวันศุกร์นี้ (28) และบินต่อไปยังญี่ปุ่นในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งแม้ไม่มีการเปิดเผยว่าเร็กลิงจะพบกับใครหรือไปทำไม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การเดินทางนี้มีขึ้นขณะที่ผู้นำยุโรปกำลังทบทวนแนวคิดในการขอให้จีน บราซิล และตลาดเกิดใหม่ชั้นนำอื่นๆ มีส่วนร่วมในการกู้วิกฤตยูโรโซน

       

       นอกจากนั้น ด้วยความกังวลว่าวิกฤตหนี้จะบานปลายกลายเป็นวิกฤตการธนาคาร ที่ประชุมผู้นำ 27 ชาติสมาชิกอียูจึงตกลงบังคับให้แบงก์พาณิชย์เพิ่มทุน ซึ่งสำนักงานการธนาคารยุโรประบุว่า ต้องการเงินทุนทั้งสิ้น 106,000 ล้านยูโร

       

       **โรมลั่นปฏิรูป**

       

       ขณะเดียวกัน ด้วยความกลัวว่าวิกฤตจะลามถึงอิตาลี นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี จึงเข้าร่วมประชุมพร้อมแผนการโดยละเอียดในการลดหนี้ที่มีอยู่ถึง 1.9 ล้านล้านยูโร หรือ 120% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเท่ากับว่า หากประสบชะตากรรมเดียวกับกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส อีเอฟเอสเอฟจะมีทุนไม่พอช่วยเหลือโรม

       

       ในจดหมายที่ส่งถึงที่ประชุมในบรัสเซลส์ โรมระบุว่าจะจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อกระตุ้นการเติบโตภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน พร้อมให้สัญญาขยายอายุการปลดเกษียณเป็น 67 ปี ลดกระบวนการทำงานของรัฐที่ซับซ้อนเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการทำธุรกิจ ตลอดจนสร้างรายได้ปีละ 5,000 ล้านยูโรผ่านการขายอสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ

       

       ฟาน รอมปุย กล่าวว่า ผู้นำยุโรปยินดีกับความคืบหน้านี้ และเรียกร้องให้โรมยึดมั่นในพันธะสัญญาดังกล่าว

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“ปาปันเดรอู” ชี้ชาติพ้นวิกฤตหลังEU-ธนาคารบรรลุข้อตกลงลดหนี้กรีซ 50%

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 ตุลาคม 2554 12:22 น.

 

Share

 

 

 

 

นายกรัฐมนตรี จอร์จ ปาปันเดรอู แห่งกรีซ

 

       เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี จอร์จ ปาปันเดรอู แห่งกรีซชี้ประเทศกำลังเข้าสู่ “ยุคใหม่, บทใหม่” หลังผู้นำชาติยูโรปบรรลุข้อตกลงสำคัญที่จะช่วยควบคุมวิกฤตหนี้ยูโรโซน

       

       ธนาคารเอกชนยินยอมลดหนี้กรีซลง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายถึงการปลดภาระหนี้สินให้แก่เอเธนส์ประมาณ 100,000 ล้านยูโร จากเดิม 350,000 ล้านยูโร

       

       “นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของเรา แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก” ปาปันเดรอู ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำยูโรโซนที่กรุงบรัสเซลส์

       

       “เราพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้แล้ว” นายกฯกรีซระบุ โดยเสริมว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นสิ่งชี้เป็นชี้ตายสำหรับกรีซเลยทีเดียว

       

       แถลงการณ์จากยูโรโซนระบุว่า ข้อตกลงระหว่างผู้นำยูโรโซนกับธนาคารจะทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีของกรีซที่สูงถึง 160 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเหลือ 120 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2020

       

       ยูโรโซนยังพร้อมที่จะวางวงเงิน 30,000 ล้านยูโรเพื่อรับประกันหนี้สินของกรีซ และภายในปลายปีนี้ก็จะอนุมัติวงเงินช่วยเหลือก้อนที่ 2 มูลค่า 100,000 ล้านยูโร ที่จะครอบคลุมไปถึงปี 2014

       

       ผู้นำยูโรโซนยังเรียกร้องให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการสนับสนุนแพ็จเกจช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ด้วย

       

       ด้าน คริสติน ลาการ์ด ผอ.ไอเอ็มเอฟ ก็กล่าวแสดงความชื่นชมข้อตกลงใหม่ โดยระบุว่า การลดหนี้สินภาคเอกชนของกรีซลง “เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การบริหารหนี้สินสาธารณะเป็นไปอย่างยั่งยืน”

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

รูปภาพ : ราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2011 ส่งผลจีดีพีซาอุดิอาระเบียโตแบบก้าวกระโดด

 

ที่มาภาพ : Bloomberg

 

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของประเทศซาอุดิอาระเบียซึ่งยังไม่มีการปรับตัวเลขเงินเฟ้อเข้าไปพุ่งขึ้นกว่า 26.1% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2011 จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 1.0222 ล้านล้านริยัลหรือ 273,000 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนมาจากปริมาณการผลิตและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ตัวเลขจากทางการระบุ

 

ในส่วนของจีดีพีในภาคน้ำมันอย่างเดียวได้ทะยานขึ้นกว่า 38.9% มาอยู่ที่ 573,400 ล้านริยัล กรมสิถิตและข่าวสารกลางของซาอุดิอาระเบียแถลงวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2011) ทางการซาอุฯไม่ได้แถลงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้ว ขณะที่เงินเฟ้อจากดัชนีผู้บริโภคของซาอุดิอาระเบียอยู่ที่ 5.3% ในเดือนกันยายน

 

"ราคาน้ำมันเบรนท์อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2010 ซึ่งในช่วงนั้นราคาอยู่ที่ราว 80 ดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2011 ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่แถวๆ 115-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล" นายเจมส์ รีฟ (Kames Reeve) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากแซมบ้า ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในลอนดอนกล่าวกับรอยเตอร์

 

"การขึ้นมาโดยมากของจีดีพีที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) จะเป็นในส่วนของราคาน้ำมันและการผลิต" เขากล่าว โดยเสริมว่า ผลผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 8.5% ในช่วงครึ่งแรกของปีเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2010

 

ข้อมูลผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของซาอุดิอาระเบียระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศสูญเสียแรงขับเคลื่อนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยกิจกรรมทางธุรกิจภาคเอกชนนอกภาคน้ำมันชะลอลงมาอยู่ ณ จุดต่ำสุดนับแต่ข้อมูลชุดนี้มีการเริ่มเก็บนับแต่สิงหาคม 2009

 

ลิส มาร์ตินส์ (Liz Martins) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือจากเอชเอสบีซีในดูไบกล่าวว่า เธอคาดว่าจะมีการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ "แต่การเติบโตในปีนี้โดยรวมก็จะยังคงสูงที่สุดในภูมิภาค"

 

ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์ในเดือนกันยายนทำนายว่า เศรษฐกิจของซาอุดิอาระเบียจะขยายตัวในอัตราที่ปรับเงินเฟ้อนแล้วที่ 6.2% ในปีนี้ และ 4.5% ในปี 2012

 

ที่มา ข่าว Real Time จากโปรแกรม Reuters 3000 Xtra

 

ไอดีข่าว nL5E7LK2PZ

 

แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก.ล.ต.ซาอุถกหารือเตรียมเปิดกว้างตลาดทุนให้ต่างชาติ

 

 

รูปภาพ : คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดทุนซาอุดิอาระเบียหรือ CMA (Capital Market Authority)

 

ที่มาภาพ : CMA Official Web

 

คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดทุนซาอุดิอาระเบียหรือ CMA (Capital Market Authority) อยู่ในระหว่างการหารือกับธนาคารของต่างประเทศในเรื่องการเปิดกว้างตลาดหุ้นของประเทศให้นักลงทุนต่างชาติมากขึ้นในช่วงต้นปีหน้า นายธนาคาร 3 คนที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ระบุ

 

CMA กำลังทำงานร่วมกับธนาคารต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดกว้างตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคต่อนักลงทุนต่างประเทศให้ทันไตรมาสแรกของปี 2012 แหล่งข่าวจากนายธนาคารระบุโดยปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวตนเพราะการหารือนี้เป็นการหารือในวงปิด

 

ปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศที่มิได้อยู่ในภูมิภาคอ่าวไม่สามารถลงทุนในหุ้นซาอุได้โดยตรง ซาอุดิอาระเบียบได้อนุญาตให้นักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอ่าวสามารถซื้อและขายหุ้นได้เสรีในปี 2007 ชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักในประเทศได้รับอนุญาตให้ซื้อขายหุ้นผ่านธุรกรรมการสวอปหุ้น (share-swap) และกองทุน ETF เท่านั้น โดย CMA ได้อนุมัติ ETF กองแรกไปเมื่อเดือนมีนาคม 2010

 

"เราพบว่าตลาดซาอุดิอาระเบียน่าดึงดูดใจมากๆและจะเป็นที่สนใจในการเข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน ทั้งนี้เนื่องจากมันเป็นตลาดที่ทั้งใหญ่และลึกกว่าตลาดอื่นๆในภูมิภาค" นายสเวน ริชเตอร์ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายตลาดชายขอบ (Frontier Markets) ของบริษัทเรเนส์ซอง แอ็สเสท เมเนจอร์สในลอนดอนซึ่งบริหารเงินกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์กล่าวกับบลูมเบิร์ก "ในอดีตที่ผ่านมาเราลงทุนในซาอุดิอาระเบียมาตลอด แต่ข้อห้ามต่างๆสร้างความซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม"

 

โฆษก CMA ไม่สามารถออกมาให้ความเห็นได้ทันทีและฝ่ายสื่อสัมพันธ์ของตลาดหุ้นซาอุดิอาระเบียก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้หลังจากบลูมเบิร์กนิวส์ติดต่อไป

 

รวมเข้าใน MSCI

 

ดัชนี Tadawul All Share Index ลดลงไม่ถึง 0.1% ปิดที่ 6,132.25 จุด เมื่อช่วงตลาดปิดเวลา 20.30 น. ในกรุงริยาดวานนี้ (จันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2011) ดัชนีดังกล่าวปรับลดลง 7.4% ปีนี้ ขณะที่ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ลดลง 18% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

การเปิดกล้างต่อนักลงทุน "จะเป็นพัฒนาการในเชิงบวกและน่าสนใจหากว่ามันเปิดจริงๆ" นายโมฮัมหมัด อาลี ยาซิน ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุนของบริษัทแคปเอ็ม อินเวสต์เมนต์ พีเจเอสซี บริษัทการเงินในอาบูดาบีกล่าวกับบลูมเบิร์ก "มันอาจช่วยได้ด้วยการที่ซาอุดิอาระเบียได้รวมเข้าในดัชนี MSCI และจากนั้นจะช่วยให้ตลาดซาอุมีสภาพคล่องมากขึ้น"

 

บริษัท MSCI อิงค์ ซึ่งดัชนีของ MSCI ติดตามโดยนักลงทุนทีมีสินทรัพย์รวมกันกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ได้จัดประเภทให้ตลาดหุ้นในอ่าวเปอร์เซีย 7 ชาติยกเว้นซาอุดิอาระเบียเป็นตลาดชายขอบ

 

ตลาดหุ้นซาอุดิอาระเบียซึ่งไม่ได้รับการจัดประเภทโดย MSCI นั้นกำลังอยู่ในระหว่างพูดคุยกับ MSCI ถึงความเป็นไปได้ในการรวามเอาตลาดหุ้นซาอุลงไปในดัชนี MSCI นายอับดุลเลาะห์ อัลซูเวลมี (Abdullah Al-Suweilmy) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของตลาดหุ้นซาอุดิอาระเบียกล่าวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา  

 

น่าดึงดูดที่สุด

 

ตลาดหุ้นในภูมิภาคกำลังเดินหน้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการจัดประเภทใหม่ให้ได้สถานะเป็นตลาดเกิดใหม่หรือ Emerging Market MSCI จะทำการประเมินสถานะตลาดชายขอบอีกครั้งในส่วนของกาตาร์และ UAE ในเดือนธันวาคมนี้ การจัดสถานะของตลาดชายขอบโดยปกติแล้วจะขึ้นกับสภาพเศรษฐกิจและตลาดการเงินซึ่งมีพัฒนาการน้อยกว่าตลาดเกิดใหม่และมีการจำกัดการถือครองหุ้นโดยต่างชาติมากกว่า

 

ซาอุดิอาระเบีย "สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าดึงดูดที่สุดในภูมิภาคสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ" นายริชเตอร์จากเรเนส์ซองกล่าว

 

ETFs คือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อิงกับดัชนีซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อหรือขายหุ้นของทั้งกลุ่มการลงทุนของหุ้นได้ในหนึ่งหลักทรัพย์ ETFs มีเอกลักษณ์ที่มันรวมเอาโอกาสของการทำดัชนีเข้ากับความได้เปรียบในการซื้อขายหุ้นเข้าด้วยกัน

 

ที่มา Bloomberg

 

http://www.bloomberg.com/news/2011-10-24/saudi-regulator-said-to-discuss-opening-market-in-early-2012.html

 

แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ค้าทอง เผย นักลงทุนแห่ขายทองทำกำไรหลังราคาเด้งขึ้นแรง รับน้ำท่วมทำตลาดทองซบ 40% ด้านฮั่วเซ่งเฮง มองราคาปลายปีอาจไปถึง 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แม่ทองสุก แนะทยอยซื้อสะสม

 

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า จากราคาทองคำที่ดีดตัวขึ้นแรงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับขึ้นถึงบาทละ 600-700 บาท รวมจากต้นสัปดาห์ราคาทองแท่งปรับขึ้นประมาณ 1,000 บาท ทำให้มีนักลงทุนนำทองออกมาขายทำกำไรจำนวนมาก ในส่วนของฮั่วเซ่งเฮงได้รับซื้อทองจากนักลงทุนและส่งออกไปประมาณ 5 ตัน เทียบเป็นมูลค่าเงินที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปกติที่จะมีการซื้อขายทองคำแท่งเฉลี่ยตกวันละ 1-2 ตันเท่านั้น ส่วนทองรูปพรรณช่วงนี้มีการซื้อขายกันอย่างเบาบาง

 

 

ธนรัชต์ พสวงศ์

 

นายธนรัชต์ กล่าวต่อว่า ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก คาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกหลังจากต้นปีถึงปัจจุบันราคาทองขึ้นมา 20% โดยประเด็นที่ต้องติดตาม คือ การแก้ไขปัญหาหนี้ในยูโรโซน ซึ่งอาจจะออกมาตรการ QE หรือการอัดฉีดเงินสภาพคล่องเข้ามาในระบบเช่นเดียวกับสหรัฐฯ และหากเป็นตามนั้นจริงจะทำให้ดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงตัว ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ทองคำมากขึ้น ทั้งนี้ประเมินราคาทองคำสิ้นปีนี้จะขึ้นไปได้ที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ทำให้ราคาทองในประเทศอยู่ที่ 26,000 บาท

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในทองคำสำหรับระยะกลางถึงยาว แนะนำให้ลงทุนในทองคำแท่งและกองทุน ETF ทองคำ ส่วนสินทรัพย์ทองคำอย่าง Gold Futures หรือสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ช่วงนี้ยังซบเซา เนื่องจากราคาทองผันผวน และน้ำท่วมในประเทศทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการลงทุนระยะสั้น

 

 

"แม้จะมีเหตุน้ำท่วม แต่สาขาของฮั่วเซ่งเฮงยังคงเปิดซื้อขายได้ตามปกติทั้ง 4 สาขา ที่อยู่เยาวราช และอีก 1 สาขาที่ซีคอนสแควร์ โดยนักลงทุนที่ไม่สะดวกในการนำเงินสดมาซื้อขาย ทางบริษัทมีบริการหักเงินผ่านบัญชี รวมถึงยังมีการซื้อ-ขายทองคำผ่าน Call Center ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางมาซื้อ-ขายด้วยตนเอง"

 

ด้านนายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มทีเอช โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของการซื้อขายทองคำแท่งในระบบซบเซาลงไปถึง 40% จากช่วงปกติตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ราคาทองดีดตัวขึ้นแรง ทำให้นักลงทุนที่ถือทองคำแท่งอยู่เข้ามาขายทำกำไรกันเป็นจำนวนมาก โดยอัตราการซื้อทองคำแท่งตอนนี้อยู่ที่ 1% เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่นำทองออกมาขายมากถึง 99%

 

 

"ช่วงก่อนหน้านี้ราคาทองคำยืนในระดับต่ำมานาน พอราคาเด้งขึ้นในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนรีบนำทองออกมาขายทำกำไร โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ทำให้บริษัทต้องเตรียมเงินสำรองเพิ่มขึ้น แต่ด้วยปัญหาน้ำท่วมจึงทำให้การเบิกเงินและนำส่งเงินจากธนาคารมาล่าช้า ใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมง จากปกติแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ลูกค้าต้องรอเงินและบริษัทต้องเลื่อนเวลาปิดทำการจากปกติ 17.00 น. เป็น 21.00 น. เพราะรอรับเงิน แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้ง 4 สาขา"

 

นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าวต่อว่า ทิศทางราคาทองคำจากปัจจุบันถึงปลายปีนี้ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นจนถึงระดับ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในไทยคาดว่าอยู่ที่ระดับ 27,000 บาท จากปัจจุบันทองโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนทองไทยอยู่ที่ 25,000 บาท เนื่องจากภาพรวมของปัญหาหนี้ในยูโรโซนมีแนวโน้มดีขึ้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนระยะกลางถึงยาวยังสามารถเข้าซื้อสะสมได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Home Breaking News ข่าวต่างประเทศ EUเห็นชอบลดภาระหนี้สินของกรีซลง50 %

Air conditioners

EUเห็นชอบลดภาระหนี้สินของกรีซลง50 %

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2011 เวลา 05:25 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

 

     สื่อต่างประเทศรายงานว่า บรรดาผู้นำชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (European Union : EU) มีมติเห็นชอบอย่างเป็นทางการให้ธนาคารและสถาบันการเงินทั่วยุโรปมีมาตรการเพิ่มทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของประเทศสมาชิกอียู ในการรับมือกับปัญหาวิกฤติหนี้สิน พร้อมเห็นชอบให้มีการลดภาระหนี้สินของกรีซลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์           ทั้งนี้ การประกาศลดภาระหนี้สินของกรีซลงถึงครึ่งหนึ่ง ถือเป็นข่าวดีที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกปรับตัวขึ้นมาอยู่ในแดนบวก เนื่องจากบรรดานักลงทุนคลายความกังวลต่อปัญหาวิกฤติหนี้สินยูโรโซนที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน.

 

 

รายการโปรด Bookmark ส่งให้เพื่ิอน จำนวนผู้เข้าชม:

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

BOJประชุมหารือผ่อนคลายผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่า

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2011 เวลา 23:23 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

 

ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เปิดฉากการประชุมซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 1 วันในวันนี้ เพื่อหารือว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่า และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง นอกจากนั้น ธนาคารกลางยังจะพิจารณาเรื่องการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีงบประมาณ 2554 และ 2555 ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรอบครึ่งปีที่มีกำหนดจะเผยแพร่ในวันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เปิดใช้มอเตอร์เวย์กทม.-พัทยาฟรีถึง 31 ต.ค.นี้

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2011 เวลา 22:56 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงนี้ จึงให้กรมทางหลวง งดเว้นค่าผ่านทางของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 กทม.-พัทยา ตั้งแต่ 16.00 น.ของวันนี้เป็นต้นไป จนถึงเวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 31 ต.ค.นี้ และหากในช่วงดังกล่าว สถานการณ์น้ำยังไม่คลี่คลาย ก็พร้อมขยายเวลาออกไปอีก

 

 

รายการโปรด Bookmark ส่งให้เพื่ิอน จำนวนผู้เข้าชม: 167[/size]

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

นอกเมืองนครสวรรค์ ยังมีน้ำอีกมหาศาล เป็นทะเลสาปน้ำจืดสุดตา ในตัวเมืองแห้ง เตรียมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ยุบศูนย์อพยพ

 สถานการณ์น้ำท่วมที่นครสวรรค์ ในเขตเศรษฐกิจตลาดปากน้ำโพแห้งสนิท ล้างร้านค้าทั่วตลาด ขยะเต็มเมือง นายจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีระดมกำลังคน รถตัก รถบรรทุกเก็บขยะล๊อตใหญ่ ส่วนนายชัยโรจน์ มีแดง ผวจ.นครสวรรค์ นัดส่วนราชการระดมกำลังบิ๊กคลีนนิ่งเดย์วันนี้ (28 ตุลา)โดยมีพิธีเปิดที่หน้าป้ายอุทยานสวรรค์

 

 

 ส่วนศูนย์อพยพทั้งหลายยังมีผู้อพยพที่ตกค้างอยู่อีก แต่มีรายงานว่าทางจังหวัดสั่งยุบศูนย์อพยพ พร้อมทั้งตัดงบประมาณรายจ่าย ทำให้หลายศูนย์ที่ยังมีผู้อพยพยอยู่ ต้องบริหารจัดการเอง โดยไม่สามารถผลักดันผู้อพยพออกไปได้ เนื่องจากยังมีพื้นที่ลุ่มต่ำอีกหลายแห่งที่มีน้ำท่วมขังอยู่ ไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้ ผู้อพยพต้องพึ่งตนเอง ประกอบอาหารเองด้วยถุงยังชีพที่ได้รับ

 

 

 สำหรับปริมาณน้ำท่วมที่จังหวัดนครสวรรค์ นอกจากเขตเศรษฐกิจตลาดปากน้ำโพและศูนย์ราชการที่น้ำแห้งด้วยการสูบออก แต่ในส่วนอื่นๆตามตำบล อำเภอต่างๆยังมีน้ำท่วมขังอยู่อีกปริมาณมหาศาล มองสุดตาคล้ายทะเลสาบน้ำจืด หลายแห่งน้ำลึกไม่น้อยกว่า 3-4 เมตรประชาชนถูกน้ำท่วมมานานกว่า 2-3 เดือน ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม ต้องใช้น้ำที่ท่วมอยู่มาแกว่งสารส้ม ใส่ปูนกินหมาก เพื่อนำมาดื่ม มาประกอบอาหาร เช่น ต.เกรียงไกร ต.บางพระหลวง ต.บึงเสนาท ต.บึงน้ำใส อ.เมือง ต.ยางตาล อ.โกรกพระ ต.ยางขาว อ.พยุหะคีรี ต.พนมเศษ ต.พนมรอก ต.สายลำโพง อ.ท่าตะโก ต.ทับกฤช ต.คลองปลากด ต.ฆะมัง ต.ท่าไม้ อ.ชุมแสง

 

 

 ด้านการช่วยเหลือประชาชนผู้เดือนร้อน ทางศูนย์อพยพที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 6 ยังต้องรับภาระผู้อพยพอีกประมาณ 150 คน ที่ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ไว้ในศูนย์ฯ โดยช่วยจัดหาข้าวสาร อาหารแห้งและยังตั้งโรงครัวประกอบอาหารเลี้ยงต่อไป ส่วนด้านน้ำดื่มนั้น พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ พร้อมด้วย พตอ.โกมินทร์ สิงห์ขาว ผกก.สภ.โกรกพระ ลงเรือนำน้ำดื่มจำนวน 1,000 ชุด ไปแจกจ่ายให้ประชาชนที่หมู่ 1 หมู่ 4 หมู่ 5 และหมู่ 6 ต.ยางตาล อ.โกรกพระ

 

Tags : นครสวรรค์ • น้ำท่วม

ถูกแก้ไข โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กทม.แจ้งอพยพ 4 เขต ทวีวัฒนา บางพลัด สายไหม และดอนเมือง

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 ตุลาคม 2554 06:14 น.

 

Share

 

 

 

       (27 ต.ค.54) เวลา 21.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า วันที่ 27 ต.ค.ระดับน้ำเจ้าพระยาทำลายสถิติระดับน้ำเจ้าพระยาสูงสุดอีกครั้งที่ระดับ 2.42 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ขณะที่ในช่วงเวลาเย็นระดับน้ำลดลงเล็กน้อยเหลืออยู่ที่ระดับ 2.38 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ ในวันที่ 28 ต.ค.นี้น้ำทะเลจะหนุนสูงสุดที่ระดับ 1.28 เมตร และเป็นไปได้ที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงกว่า 2.50 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ทั้งในแนวป้องกันและนอกแนวป้องกันน้ำท่วมถาวรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดย กทม.ได้กำชับให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จาก 13 สำนักงานเขตที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเตรียมความพร้อมในการดูแลประชาชนให้ดีที่สุด

       

       ในส่วนของระดับน้ำคลองสอง เขตสายไหม เปรียบเทียบกับเมื่อวันที่ 26 ต.ค. เวลา 17.00 น. ระดับน้ำสูงขึ้น 15 ซม. หรือคิดเป็น 2.69 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระดับน้ำในคลองทวีวัฒนา เวลาเดียวกัน 17.00 น. ระดับน้ำสูงขึ้น 16 ซม. หรือคิดเป็น 2.45 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ยังโชคดีที่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เขตลาดพร้าวและวังทองหลาง

       

       นอกจากนี้ ระดับน้ำในคลองทวีวัฒนายังมีระดับเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง บวกกับปัญหาระดับน้ำในคลองมหาสวัสดิ์ อันเนื่องจากจุดอ่อน 2 จุด ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา กทม.พยายามเข้าไปแก้ไขปัญหา โดยการเข้าไปก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมถาวร แต่ประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอม ส่งผลให้น้ำจากคลองมหาสวัสดิ์ เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน อีกทั้งแนวป้องกันน้ำท่วมบริเวณวัดปุรณาวาส ที่กทม.เข้าไปดำเนินการร่วมกับกองทัพเรือก็มีปัญหาน้ำทะลักเข้ามาในพื้นที่ด้วย ซึ่งในช่วงเย็นที่ผ่านมา กทม.ได้ประกาศให้แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา เป็นพื้นที่ประสบภัย โดยขอให้ประชาชนเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวโดยเร็ว เนื่องจากระดับน้ำที่สูงขึ้นอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

       

       กทม.พยายามดูแลพื้นที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศปภ. เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเข้าออกและปลอดภัยต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่การรักษาพื้นที่ดังกล่าว แต่ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมสำนักงานเขตดอนเมือง บริเวณชั้น 1 ซึ่งส่งต่อระบบไฟฟ้าภายในสำนักงาน ทำให้สำนักงานเขตไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ ดังนั้นจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายงานบริการประชาชนบางส่วนของสำนักงานเขตดอนเมืองไปยังสำนักงานเขตเขตหลักสี่ เพื่อให้บริการประชาชนได้ต่อไป

       

       จากปัญหาภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ วันนี้มีประชาชนเข้าพักยังศูนย์พักพิงของกทม. จากวานนี้ 7,503 คน เพิ่มเป็น 7,783 คน และจำนวนผู้เข้าพักจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขณะนี้ได้ประกาศเขตประสบภัยน้ำท่วมแล้ว 4 เขต ได้แก่ เขตทวีวัฒนา บางพลัด สายไหม และดอนเมือง ขณะเดียวกันจำนวนผู้พักพิงในศูนย์พักพิงเพิ่มมากขึ้น จำนวนสัตว์เลี้ยงที่ต้องดูแลก็ยิ่งมากขึ้น ดังนั้น กทม.ขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาบริจาคอาหารและกรงให้แก่สุนัขและแมวในศูนย์พักพิง โดยบริจาคได้ที่ สำนักงานสัตวแพทย์ สำนักอนามัย กทม. โทร. 083 178 4242, 0 2248 3415 นอกจากนี้ ยังต้องการอาสาสมัครแพทย์และพยาบาลดูแลและให้การรักษาประชาชนในศูนย์พักพิง ด้วย

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บล็อกเกอร์ฝรั่งหัวใส ใช้ “กูเกิ้ลเอิร์ธ” อ้างอิงฐานข้อมูล “นาซ่า” คำนวณพื้นที่น้ำท่วมทั่วโลก คนไทยตื่นตัวแห่เช็กข้อมูล เปิดลิงก์ในเฟซบุ๊ก เปิดฮอทไลน์ ศูนย์รู้ทันน้ำเช็กข้อมูล

 

วันที่ 27 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดภาวะอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย ได้มีความตื่นตัวเรื่องเตือนภัยน้ำท่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในสังคมโลกออนไลน์ หรือ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่มีคนจำนวนมาก ใช้ช่องทางสื่อสารผ่านทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก หรือเว็บเพจต่างๆ

 

“เดลินิวส์” พบข้อมูลที่น่าสนใจ เมื่อพบว่ามีบล็อกเกอร์ชาวต่างชาติ การนำแผนที่โลกในโปรแกรม “กูเกิ้ลเอิร์ธ” มาคำนวณการหาค่าพื้นที่ที่คาดว่าจะถูกน้ำท่วมทั่วโลก  อ้างว่าใช้ฐานข้อมูลจาก “นาซ่า” โดยใช้ลิงก์ตามที่ปรากฏคือ http://flood.firetree.net/ ทำให้มีคนไทยที่กำลังตื่นตัวเรื่องน้ำท่วมบางกลุ่มนำโปรแกรมดังกล่าว มาใช้เปรียบเทียบระดับน้ำทะเลที่คาดว่าจะเข้าท่วมกรุงเทพมหานครในพื้นที่ของตนเอง อย่างเช่นแฟนเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ภาพถ่ายดาวเทียม คาดการณ์น้ำท่วมฝั่งธน (ทุ่งครุ-กรุงธน)” เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ หรือมีความแม่นยำเพียงใด แต่คาดว่าจะมีประโยชน์ในการอ้างอิงให้ประชาชนช่วยตัดสินใจ ว่าจำเป็นต้องอพยพหรือไม่หากน้ำท่วมเข้าพื้นที่ตัวเอง

 

ทั้งนี้ บล็อกเกอร์ฝรั่งผู้คิดโปรแกรมดังกล่าว ได้อ้างว่า ตนเองได้ใช้ฐานข้อมูล หรือดาต้าเบส จากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ องค์การนาซา ในการคำนวณพื้นที่ที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤติโลกร้อนในขณะนี้

 

ส่วนอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการรับทราบข้อมูลน้ำท่วม คือ โทรฯเช็กข้อมูลจากศูนย์รู้ทันน้ำ ที่หมายเลข 08-1702-2999 ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น.  โดยบอกพิกัดสถานที่ตั้งบ้านพักอาศัยกับเจ้าหน้าที่ จะได้ข้อมูลว่าพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมมากน้อยเพียงใด.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าทุกๆ ท่านครับ

 

เป็นอีกวันที่ต้องติดตาม หนทางระบายน้ำอย่างใกล้ชิดว่า จะเลือกวิธีใด

ซึ่งต้องมีการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน งานนี้ ต้องมี เจ้าภาพเฉพาะกิจ เพื่อฝ่าฟันในสิ่งที่ต้องทำ ในสิ่งที่เชื่อว่า

เป็นสิ่งที่จะย่นเวลาความเสียหายให้ลดน้อยลง ในระยะเวลาของการท่วมขัง แล้วเพื่อนๆ จะต้อง " งง "

ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า " อ้าว ! ไหนบอกว่าไม่ท้อ ทำไม เจ้าภาพฯ ที่จะแก้ไข เปลี่ยนไป " แล้วคำต่อมา

" อ๋อ ! เขารอจัด การเยียวยา ดีกว่า เพราะ สามารถเรียกคะแนนเสียง คืนมาได้ง่ายกว่า "

1-2 วันนี้แหละ ตั้งใจฟังในคำแถลงนะครับ แล้วจะเหมือนท่านอยู่หน้าร้านทำเบรคตรงสนามเป้า

ที่ชื่อร้านว่า " อึ้ง กิม กี่ "

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

LOS ANGELES (MarketWatch) -- Japan's September unemployment rate and household spending came in better than expected, ตัวเลขคนว่างงาน และ อัตราการใช้จ่ายผู้บริโภค ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์

 

while consumer inflation matched forecasts, ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อ ตรงตามคาด painting a mostly upbeat picture.

 

The Ministry of Internal Affairs said Friday that the jobless rate slid to 4.1% from 4.3% อัตราคนว่างงานในญี่ปุ่น ปรับดีขึ้นจาก 4.3%. เป็น 4.1%. ในขณะที่โพลฯ คาดว่า จะถึง 4.4% the previous month, even as the government resumed including unemployed people in three earthquake-damaged prefectures that had been stripped out of the data since March. Economists had on average expected the rate to rise to 4.4%, according to a survey reported by Dow Jones Newswires.

 

Spending for households of two or more people fell by an inflation-adjusted 1.9% from a year earlier, easing from August's 4.1% drop and beating a median forecast for a decrease of 3.3%. Core consumer inflation, which strips out volatile fresh food prices, was 0.2%, matching expectations and unchanged from the previous month. Including all prices, the consumer price index was flat on both a month-on-month and year-on-year basis.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MarketWatch-- Australian stocks jumped in early trading on Friday, extending gains made in the previous session following news that Europe has agreed a plan designed to stem the region's debt crisis. The S&P/ASX 200 index AU:XJO +1.33% rose 1.5% to 4,414.50

 

ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เปิดมาอยู่ในแดนบวก ก็จากเหตุผลเดิมๆ ยอดฮิตช่วงนี้ คือ การบรรลุข้อตกลงแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...