ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เปิดฉากการประชุมซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 1 วันในวันนี้ เพื่อหารือว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่า และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง นอกจากนั้น ธนาคารกลางยังจะพิจารณาเรื่องการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีงบประมาณ 2554 และ 2555 ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรอบครึ่งปีที่มีกำหนดจะเผยแพร่ในวันนี้

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

 

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เผยเศรษฐกิจของประเทศโต 0.7% ในไตรมาส 3 จากช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะที่ตัวเลขการส่งออกคึกคัก โดยการประเมินล่วงหน้าของ BOK  ระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยชี้วัดผลประกอบการทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมที่สุด ขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบไตรมาส ซึ่งน้อยกว่าอัตราการเติบโต 0.9% ในไตรมาส 2 ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวเมื่อเทียบรายไตรมาสถือว่าชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีก่อน ขณะที่จีดีพีที่แท้จริงโต 0.5% ทั้งนี้ จีดีพีที่แท้จริงทะยาน 3.4% ในช่วงระหว่างเดือนก.ค. – ก.ย. จากปีก่อน ซึ่งตัวเลขไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจาก 3 เดือนก่อน

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงกว่า 2% ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป (อียู) ลงมติให้เพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เพื่อเป้าหมายควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปทุ่มซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากว่า รวมถึงสกุลเงินยูโร

          สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้น 2.06% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4187 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3900 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.81% แตะที่ 1.6099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5969 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.30% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 75.950 เยน จากระดับ 76.180 เยน และดิ่งลง 2.31% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8601 ฟรังค์ จากระดับ 0.8808 ฟรังค์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 3.03% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0713 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0398 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 2.54% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8210 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8007 ดอลลาร์สหรัฐ

          นักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปทุ่มซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากว่า รวมถึงสกุลเงินยูโร หลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูมีมติให้ใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่มีความสำคัญในเชิงระบบของยูโรโซน เช่นอิตาลี โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการเพิ่มขนาดให้กับกองทุน EFSF เป็น 1 ล้านล้านยูโร (1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) และปรับลดมูลค่าพันธบัตร หรือการทำ haircut ของรัฐบาลกรีซซึ่งถือครองโดยธนาคารเอกชนลงในสัดส่วน 50%

          สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่า ปริมาณการปล่อยกู้ให้กับภาคเอกชนในยูโรโซนมีอัตราการเติบโตทรงตัวที่ 2.5 % ต่อปี สู่ระดับ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ระดับ 2.6% ต่อปี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกังวลว่าปริมาณการปล่อยกู้อาจลดลงในขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัว

          ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ ด้วยขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์ ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญกับแนวโน้มที่ไม่แน่นอน เนื่องจากเยนแข็งค่าและผู้นำยุโรปดำเนินการล่าช้าในการคลี่คลาย วิกฤติหนี้ยูโรโซน

          คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.1 % ตามความคาดหมายด้วย คะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ แต่การตัดสินใจขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์นี้ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน  8-1 จากสมาชิกบอร์ดบีโอเจ เนื่องจากนายเรียวโซะ มิยาโอะ คัดค้านมตินี้เพราะ เขาต้องการให้ขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์มากกว่านี้

          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีที่แท้จริงประจำไตรมาส 3 ปี 2554 ขยายตัวขึ้นแตะ 2.5% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค

          นักลงทุนจับตาดูดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในช่วงท้ายเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ 58.0 จุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 57.5 จุดในช่วงต้นเดือนต.ค.

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

55555 คุณ Donjuan เขาใจดี ให้ 350 บาท หุหุ ต้องรีบ ต้องรีบ 5555

 

กราบขอบพระคุณ คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา แทนลูกพี่ผมด้วยครับ อิอิ(เป็นผลดีต่อน้องทองกองใหญ่ของผมด้วย)

 

แต่รีบหน่อยนะครับ แรงขายมากอาจะมีลด 50 บาท ได้ผล 2 ต่อคือ 1 ไม่ตองจ่ายเงินไปมาก 2 ได้ส่วนลดของคนที่จะซื้อ อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้นำยูโรโซนบรรลุข้อตกลงกับธนาคารเอกชนและบริษัทประกันภัย ยอมรับการขาดทุน 50% ของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลกรีซที่สถาบันเหล่านี้ถืออยู่ มุ่งลดภาระหนี้ของกรีซ และจำกัดวงวิกฤติเขตสกุลเงินของยุโรปที่ดำเนินมานาน 2 ปี

ภายหลังการเจรจาอย่างเคร่งเครียดระหว่างบรรดานายธนาคาร หัวหน้ารัฐบาล ผู้ว่าการธนาคารกลาง และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้บรรลุข้อตกลงดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาหนี้ที่ลุกลามซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่แผนการเงินตราสกุลเดียวของยุโรปได้

ตามข้อตกลงนี้ ภาคเอกชนตกลงที่จะยอมรับการลดมูลค่าพันธบัตรของตนลง 50% เพื่อลดภาระหนี้ของกรีซลง 100,000 ล้านยูโร ซึ่งจะลดหนี้ของกรีซให้เหลือ 120% ของจีดีพีภายในปี 2563 จากระดับ 160% ในปัจจุบัน

    ขณะเดียวกัน ยูโรโซนจะเสนอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมแก่ภาคเอกชนจำนวน 30,000 ล้านยูโร โดยตั้งเป้าที่จะเจรจาให้ได้ข้อตกลงภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้กรีซมีข้อเสนอความช่วยเหลือทางการเงินอยู่ในมือก่อนที่จะถึงปี 2555

         แหล่งข่าวในอียูเผยว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวจะมีมูลค่า 130,000 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นจาก 109,000 ล้านยูโร ตามข้อตกลงเมื่อเดือนกรกฎาคม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นิโกลาส์ ซาร์โกซี บอกกับผู้สื่อข่าวภายหลังการเจรจาว่า ที่ประชุมระดับผู้นำในครั้งนี้เป็นการตอบสนองที่มีน้ำหนักต่อวิกฤตการณ์ที่กำลังลุกลามไปทั่วยูโรโซน

    นอกจากแผนการที่จะเปิดให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมมากขึ้นในกรีซ ซึ่งมีขึ้นหลังจากซาร์โกซีกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล ได้เจรจากับบรรดานายธนาคาร เหล่าผู้นำของยูโรโซนยังได้ตกลงกันที่จะเพิ่มวงเงินของกลไกรักษาเสถียรภาพทางการเงินของยุโรป ซึ่งมีเงินทุน 600,000 ล้านยูโรที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

   เงินก้อนดังกล่าวได้ถูกใช้นำไปช่วยไอร์แลนด์ โปรตุเกส และกรีซ ซึ่งตอนนี้มีเงินที่จะใช้ได้ราว 290,000 ล้านยูโร บรรดาผู้นำหวังว่า เงินจำนวนนี้จะเพียงพอที่จะปัดเป่าปัญหาหนี้สินที่กำลังรุนแรงขึ้นในอิตาลีกับสเปน ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สามและสี่ของยุโรปตามลำดับ

    หลังจากมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่างมีราคาพุ่งขึ้นทั่วเอเชีย โดยหุ้นในตลาดต่างๆ นอกเหนือจากญี่ปุ่นได้ขยับขึ้น 3% เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย ขณะที่ค่ายูโรได้แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นในสหรัฐได้เพิ่มขึ้นหลังมีข่าวว่าเงินกองทุนที่จะช่วยยุโรปได้มีมากขึ้น

         ญี่ปุ่นกับแคนาดาตอบรับข้อตกลงของยูโรโซนฉบับนี้ ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของจีนบอกว่า ผลการเจรจาดังกล่าวเป็นไปในทางบวก แต่มีความยากลำบากหลายประการ 

บรรดาผู้นำของยูโรโซนได้เรียกร้องอิตาลีให้เร่งมือปฏิรูปกองทุนบำเหน็จบำนาญ และดำเนินมาตรการเชิงโครงสร้างต่างๆ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจของอิตาลีเดินตามรอยกรีซ นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี ได้ให้คำมั่นที่จะเพิ่มอายุเกษียณเป็น 67 ปีภายในปี 2569 และปรับปรุงแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ.

 

ที่มา : ไทยโพสต์ (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น ชี้ เงินเยน แข็งค่า และวิกฤติหนี้ยูโรโซน เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศ

 

นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ บีโอเจ เปิดเผย ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายของธนาคารกลางว่า เงินเยนที่แข็งค่าเป็นประวัติการณ์และวิกฤตหนี้ยูโรโซน เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น

 

โดยหลังจากที่ คณะกรรมการกำหนดนโยบาย ได้ลงมติให้เพิ่มวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ของธนาคาร เป็น 55 ล้านล้านเยน จากระดับ

50 ล้านล้านเยน นายมาซาอากิ ชิรากาว่า กล่าวว่า ญี่ปุ่นได้พิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงในอนาคตมากขึ้น และตัดสินใจผ่อนคลายนโยบาย

 

ทั้งนี้ ผู้นำยูโรโซนและประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป เห็นชอบมาตรการแก้ปัญหาด้านการคลังในกรีซ และเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าว กลายเป็นวิกฤติภาคธนาคารในระดับภูมิภาค และลุกลามไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น อิตาลี และ สเปน

 

ผู้ว่าบีโอเจ กล่าวว่า ข้อตกลงของผู้นำยุโรป มีความสำคัญอย่างมาก แต่ก็ย้ำว่า ข้อตกลงนี้อาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดที่นานาประเทศ กำลังเผชิญอยู่ ในส่วนของเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นนั้น นายชิรากาว่า กล่าวว่า เงินเยนที่แข็งค่ามีอิทธิพลด้านลบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทรายใหญ่ ๆ รวมทั้ง ผลประกอบการและการส่งออกของบริษัทเหล่านี้

 

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา(27ต.ค.) ดัชนีพุ่งขึ้นแรงหลังตลาด ขานรับข่าวการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป หรืออียู ที่ลงมติเห็นพ้องร่วมกันในการที่จะแก้ปัญหาหนี้กลุ่มประเทศยูโรโซน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)

 

หลังปิดตลาดดาวโจนส์บวกเพิ่ม 339.51 จุด หรือ 2.86% ปิดตลาดที่ระดับ 12,208.55 จุด ดัชนี เอส แอนด์ พี 500 เพิ่มขึ้น 42.59 จุด หรือ 3.43% ปิดตลาดที่ระดับ 1,284.59 จุด และดัชนีแนสแดค เพิ่มขึ้น 87.96 จุด หรือ 3.32% ปิดตลาดที่ระดับ 2,738.63 จุด

 

ด้านราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ค(NYMEX)งวดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นถึงขึ้น 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4.17% ปิดที่ 93.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดได้แรงหนุนจากตัวเลขจีดีพี ของสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาดในไตรมาส 3 ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 

 

เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ตลาดนิวยอร์ค(COMEX)ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 24.2 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,747.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา : มติชนออนไลน์ (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเปิดเผยในรายงานเบื้องต้นว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของญี่ปุ่น หดตัวลง 4% จากเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

          ส่วนดัชนีผลผลิตในโรงงานและเหมืองแร่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 89.9 จุด เทียบกับฐาน 100 จุดของปี 2548 ส่วนดัชนีการขนส่งในภาคอุตสาหกรรมร่วงลง 2.6% แตะที่ 92.1 จุด และดัชนีสต็อกสินค้าในภาคอุตสาหกรรมทรงตัวที่ระดับ 102.8 จุด สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การประชุมฉุกเฉินของบรรดาผู้นำสหภาพยุโรป หรืออียูเมื่อคืนนี้ มีความคืบหน้าที่ถือเป็นข่าวดีที่ต้องจับตามองต่อไป โดย

ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นว่าต้องการให้ขยายกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป หรือ EFSF อีกสี่เท่าตัว เป็น 1 ล้านล้านยูโร

 

โดยมี 2 แนวทางสำหรับการขยายวงเงินคือ

1.การค้ำประกันพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสมาชิก

2.การตั้งกลไกการลงทุนที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ หรือ SPIV เพื่อระดมทุน

 

ซึ่งนางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีบอกว่าที่ประชุมมีการหารือกันนานและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และคิดว่ายุโรปได้ดำเนินมาตรการที่ถูกต้อง เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าสามารถปกป้องตนเองจากวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงได้

 

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการเสริมสถานะเงินทุนแก่ธนาคาร โดยขอให้แบงก์พาณิชย์เพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจากเดิม 5% เป็น 9% ภายในสิ้นปีหน้า

 

นอกจากนี้ บรรดาผู้นำอียูยังมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป โดยบรรลุข้อตกลงกับภาคธนาคารที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซ ที่ยอมปรับลดหนี้ หรือทำ haircut 50% ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของกรีซลดลงเหลือ 120% ของ จีดีพีในปี 2563 ซึ่งแม้จะยังเป็นตัวเลขที่สูง แต่ก็มีเสถียรภาพมากขึ้นสำหรับประเทศที่ตกอยู่ในภาวะถดถอยเพราะใช้มาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มข้น

 

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี่ ของฝรั่งเศสจะหารือกับนายหู จิ่นเทา ผู้นำของจีนเพื่อขอให้จีนเข้ามาสนับสนุนกองทุน EFSF ของยุโรป ซึ่งอาจเป็นการเข้ามาลงทุนโดยตรงในกลไกพิเศษอย่าง SPIV หรือการลงขันเพิ่มในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่จะปล่อยกู้เงินให้ยุโรปด้วย

 

โดยล่าสุด นักการทูตของจีนบอกกับผู้สังเกตการณ์ของอียูเมื่อวานนี้ว่า จีนสนับสนุนความพยายามของอียูในการแก้ปัญหาวิกฤต และจะเดินหน้าช่วยเหลือยุโรปต่อไป

 

ขณะที่หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของทางการจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในอียูว่า รัฐบาลจีนเห็นชอบที่จะเข้าร่วมในแผนกู้วิกฤตยูโรโซน

 

ที่มา : money channel (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3 ปี 2554 ขยายตัวขึ้นแตะ 2.5%

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อัตราการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาส 3 นั้นถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส นับตั้งแต่ต้นปี และยังช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้

 

จังหวะของการขยายตัวนั้น สอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ และยังขยายตัวขึ้นมากจากอัตราการขยายตัวในไตรมาส 2 ที่ 1.3%

 

ทั้งนี้ การบริโภคภาคครัวเรือน และการลงทุนที่แข็งแกร่งขึ้นมีส่วนช่วยหนุนจีดีพีในไตรมาส 3

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงินจากธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.74/77 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.78/80 บาท/ดอลลาร์ หลังได้รับปัจจัยบวกจากผลประชุมผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรปเรื่องแนวทางการแก้ไข วิกฤตหนี้

 

"หลังเปิดตลาดแล้วค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30.77/81 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยรับข่าว EU Meeting" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ตลาด ตอบรับข่าวบวกกรณีผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรปให้เพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพฯ เป็น 4 เท่า และกดดันให้เจ้าหนี้ของกรีซยอมรับผลขาดทุนมากกว่า 50% ของการถือครองพันธบัตร ส่วนปัญหาวิกฤตการณ์น้ำท่วมภายในประเทศนั้นน่าจะเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป แล้ว ซึ่งคงต้องตามดูแนวทางการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายหลังน้ำลด

 

สำหรับ ความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 76.02/07 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 75.85/87 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3961/3962 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 1.3938/3940 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.70-30.90 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

 

วันที่ 28 ตุลาคม 2554

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยังไม่ทันขาดคำเลยครับ ลูกพี่ ลดลง 50 บาทแระ สงสัยคนมาขายเยอะ อิอิ แล้วเป็นแผนที่แยลยลว่า ประกาศราคาแพงๆ แล้วมาลดให้นิดหน่อย คนรอซื้อ(พวกขายหมูไป 2-3 วันก่อน ก้จะ เข้าซื้อ ครับผม !54

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราบขอบพระคุณ คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา แทนลูกพี่ผมด้วยครับ อิอิ(เป็นผลดีต่อน้องทองกองใหญ่ของผมด้วย)

 

แต่รีบหน่อยนะครับ แรงขายมากอาจะมีลด 50 บาท ได้ผล 2 ต่อคือ 1 ไม่ตองจ่ายเงินไปมาก 2 ได้ส่วนลดของคนที่จะซื้อ อิอิ

ทันเวลา เพราะเดินแค่ 50 ก้าว ก็ถึงร้านทองฯ ครับ

 

ลดแล้วล่ะ. 2 09:59:00. รับซื้อ 25050 ขายออก. 25150 อ้างอิง 1743.00 30.52 -50

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใจคิดแบบเดียวกันเลย โพสต์เวลาเฉียดฉิวแค่เสี้ยววินาที ขอบคุณครับ คุณ Donjuan

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แบงก์ชาติญี่ปุ่นลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจปี54เหลือ 0.3%และ 2.2% ในปี55 (28/10/2554)

ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศลงเหลือ 0.3% ในปีงบประมาณ 2554 และ 2.2% สำหรับปีงบประมาณ 2555 จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 0.4% และ 2.9% ตามลำดับ  นอกจากนี้ ในรายงานรอบครึ่งปีที่เผยแพร่วานนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังได้ประเมินว่า เศรษฐกิจของประเทศในปีงบประมาณ 2556 จะขยายตัวในอัตรา 1.5%           พร้อมกันนี้ ธนาคารกลางระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของประเทศ ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดที่ผันผวน จะทรงตัวในปีงบประมาณ 2554 และขยายตัว 0.1% ในปีงบประมาณ 2555 ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อน สำหรับปีงบประมาณ 2556 นั้น ธนาคารกลางคาดว่า CPI พื้นฐานจะขยายตัว 0.5%

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 28 ตุลาคม 2554)

 

ข่าวยางพาราล่าสุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: คลายวิตกเศรษฐกิจโลก หนุนนิกเกอิปิดเช้าพุ่ง 121.81 จุด

 

 

 

          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดภาคเช้าพุ่งขึ้น 121.81 จุด หรือ 1.36% แตะที่ 9,048.35 จุดในวันนี้ (28 ต.ค.) โดยดชนีทะยานขึ้นเหนือระดับ 9,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลหลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป (อียู) ลงมติใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)

          ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเกือบทุกกลุ่มจากทั้งหมด 33 กลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มประกัน กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า และกลุ่มสารสนเทศ พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด ขณะที่หุ้นกลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ กลุ่มขนส่งทางอากาศ กลุ่มไฟฟ้าและก๊าซ ปรับตัวลดลง

          โบรกเกอร์กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 339.51 จุด หรือ 2.86% ปิดที่ 12,208.55 จุดเมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูมีมติให้ใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่มีความสำคัญในเชิงระบบของยูโรโซน เช่นอิตาลี โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการเพิ่มขนาดให้กับกองทุน EFSF เป็น 1 ล้านล้านยูโร (1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) และปรับลดมูลค่าพันธบัตร หรือการทำ haircut ของรัฐบาลกรีซซึ่งถือครองโดยธนาคารเอกชนลงในสัดส่วน 50%

          นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัว 2.5% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัวเพียง 1.3%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...