ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

 

เสี่ยงค่ะ ที่ขายทิ้ง เมื่อคืนปอดเหมือนกันค่ะ เลยซื้อคืนที่ถูกลงไปสี่สิบบาทเอง ที่ตัดใจเพราะราคาที่เฟิร์สซื้อดอยสูงลิบเลยค่ะ คิดไปเลยว่าขาดทุน สะใจเลย แอบเสียดายคิดสะว่าทำกระเป๋าที่รักหายไปใบหนึ่งเลยค่ะ

ถ้าซื้อกลับได้ก็ถือว่าขาดทุนเป็นตัวเลขแต่ได้กินส่วนต่างไปแต่ทองยังอยู่ครบแต่ถ้าซื้อกลับไม่ได้นี่สิ ขาดทุนสถานเดียว

 

ปล. สามีไม่ว่าหรือคะ หรือมีแค่แดกดันเล็กๆพอแสบๆคันๆ ฮืๆๆๆๆๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ถ้าซื้อกลับได้ก็ถือว่าขาดทุนเป็นตัวเลขแต่ได้กินส่วนต่างไปแต่ทองยังอยู่ครบแต่ถ้าซื้อกลับไม่ได้นี่สิ ขาดทุนสถานเดียว

 

ปล. สามีไม่ว่าหรือคะ หรือมีแค่แดกดันเล็กๆพอแสบๆคันๆ ฮืๆๆๆๆๆ

 

จริงเลยค่ะ เสี่ยงพอสมควรเลยค่ะ ส่วนเรื่องคุณสามี ไม่ว่าหรอกค่ะ แค่บอกว่านี่เธออดหลับอดนอนเพื่อได้พันสองพันเหรอ ผมว่าทำธุรกิจอย่างผมง่ายกว่าเยอะเลย ดูพูดสิค่ะ ช่างให้กำลังใจจริงๆ 55555 ล่าสุดนี่ขาดทุนยับเยิน ก็เล่าให้พี่เค้าฟัง แกก็น่ารักค่ะ บอกว่าเอาเถอะอยากเล่นก็เอา ขาดทุนไม่ช่วยนะ แต่ได้กำไรขอแบ่งด้วยสิ เข้าทางเฟิร์สเลยค่ะ พ่อค่ะงั้นขอค่าเป๋าเอามาลงทุนเพื่อล่ะกัน ใบโน่นนี่นั่น ที่ซื้อเองอ่ะ แกถึงกับอึ้งอึ้ง ไป 555555 ขำมากเลยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อดหลับอดน้องได้มาพันสองพัน ผู้ชายบอกไม่คุ้มแต่บ่อยๆ มันก็ดีไม่ใช่หรือคะคุณพี่ ฮิๆๆๆๆๆ เหมือนกันเลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

T220212_10C.gif

สวัสดียามเช้า เพื่อนๆทุกๆคน ค่ำนี้คงจะรู้กันสักทีว่า น้องราคาทองจะเลือกแบบเทรนไหน ? จะออกหัวหรือก้อย

 

'เลห์แมน บราเธอร์ส'คืนชีพ!พ้นสภาพล้มละลาย

วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555AAAขนาดตัวอักษร| Share on email Share on print Share on twitter Share on facebook Share on myspace Share on stumbleupon Share on digg | More Sharing Services

 

"เลห์แมน บราเธอร์ส์" วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ล่มสลายลงเมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นจุดเริ่มจ้นของวิกฤติการเงินและซับไพรม์ มาในวันนี้หลุดพ้นจากภาวะล้มละลายแล้ว

 

 

เลห์แมน บราเธอร์ส ที่เคยเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐและยื่นล้มละลายเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2008 ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า บริษัทพ้นสภาพล้มละลายและกลับมาเป็นบริษัทที่มีสภาพคล่องแล้ว และจะเริ่มชำระหนี้คืนให้กับบรรดาเจ้าหนี้ในวันที่ 17 เม.ย.นี้

 

โดยขณะนี้บริษัทมีเงินสดและสินทรัพย์รวมเกือบ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์หรือเกือบ 2 ล้านล้านบาทสำหรับใช้ชำระหนี้ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 7 ของมูลค่าหนี้ที่แท้จริงราว 4.5 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าการชำระหนี้ก้อนแรกจะมีมูลค่าราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์

 

บริษัทจะดำเนินธุรกิจที่อาคารเดิมในย่านแมนฮัตตันของนครนิวยอร์ค แต่มีจำนวนชั้นลดลง เนื่องจากได้จำหน่ายทรัพย์สินไปก่อนปิดกิจการชั่วคราว ส่วนจำนวนพนักงานที่เคยจ้างไว้มากถึง 25,000 คนก่อนล้มละลาย เหลือเพียง 433 คนในเดือน ม.ค.ปีนี้ จากที่เคยมีราว 735 คนในช่วงการล้มละลาย

 

ก่อนการล้มละลาย เลห์แมน บราเธอร์ส มีทรัพย์สินรวม 6.39 แสนล้านดอลลาร์และมีสาขาในกว่า 40 ประเทศ แต่สถานะการเงินเริ่มสั่นคลอนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 เนื่องจากการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือต่ำและการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ต่อมาประสบปัญหาฟองสบู่แตก หรือวิกฤติซับไพรม์

 

ทำให้ขาดทุนติดต่อกันหลายไตรมาส จนในที่สุดในวันที่ 15 ก.ย.2008 ธุรกิจเก่าแก่ที่มีอายุ 158 ปีต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเป็นการล้มละลายครั้งประวัติศาสต์ของสหรัฐ และต้องอยู่ในสภาพล้มละลายนานถึง 3 ปีครึ่ง

 

การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ สร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก จนรัฐบาลสหรัฐต้องทุ่มเงินมหาศาลเพื่ออุ้มสถาบันการเงินต่างๆ และทำให้รัฐบาลสหรัฐและทั่วโลกต่างเคลื่อนไหว เพื่อออกกฎหมายปฏิรูปข้อบังคับควบคุมการประกอบธุรกิจการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลงทุนแบบประมาทและไร้การตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง

 

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ไปอ่านในห้องกาแฟน้องรี กัปตันตอบเหมือนนั่งอยู่ในใจเจ้เลย เพราะเจ้ก็ไม่กล้าขายขาดทุน

ถ้าขาดทุน 50 -100 พอทำเนา กลัวซื้อกลับไม่ได้

ไอ้ช่วงหลังที่เจ้กล้าเพราะตัวที่ขายมาเล่นมันกำไรนิดหน่อย

ตอนนี้ต่ำสุดของเจ้ 25019 พอดีเครียส์พอทไม่ทันเลยไม่ได้ตัดใจขาย 24850

 

บ่ายนี้ลุ้นต่อไปทำงานบ้านก่อนนะจ๊ะ :bye

ว่าถึงเรื่องนี้นะเจ้เกี้ยมอี่ ! เด็กขายของยังเจ็บใจบรรดาขาใหญ่ไม่หาย ในกรณีของเรื่องที่ผ่านมา อาแปะรับซื้อเข้า 25,600 บาท ตอนราคา Spot. $1,786 ขาดทุน 400-500 บาท/บาททอง เดาแล้วว่า เฉียดๆ $1,800 จะยอมตัดขาดทุนครึ่งหนึ่งของตัวโดมิโน เพราะคิดว่าระดับราคาขาดทุน 400-500 บาท สามารถหมุนเงินกลับมาทำกำไรได้โดยใช้เวลาไม่นาน พอมาถึงขณะนี้ กลับกลายมาเป็นขาดทุน 1,700 บาท/บาททอง กว่าจะเล่นซื้อขายพลิกกลับมาทำกำไร ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ จึงต้องอดทนและทนอดต่อการกำดอยรอต่อไป กำดอยมา 6 เดือนแล้ว

ส่วนตัวคิดว่า การตัดขายขาดทุน เขาคงเขียนไม่เคลียร์ เขาคงอยากจะเขียนตามแนวทางของ คุณพี่ซีซาร์ ( ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม ) ซื้อเท่าไหร่ ลืมราคาให้หมด แล้วมาตั้งราคาทองใหม่หมด ให้มีหลายราคาไล่ราคาจากต่ำสุดถึงสูงเวอร์ แล้วค่อยๆ ทยอยขายในก้อนที่กำไร ( จากการตั้งราคาใหม่แล้ว ) แล้วค่อยๆ ทยอยซื้อเข้าเมื่อราคาต่ำกว่าที่ขายออกไป เพื่อไปลดต้นทุนในพอร์ตรวมทั้งหมดที่ถือครองทองแท่งอยู่ คงไม่ใช่การขายทิ้งทั้งหมด แล้วจึงมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งวิธีการที่กล่าวมาข้างต้น ต้องทำตารางซื้อเข้าขายออกให้ครบถ้วน โดยจุดมุ่งหมายคือ ปริมาณทองเท่าเดิม แต่ราคาดอยลดลง

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

จริงเลยค่ะ เสี่ยงพอสมควรเลยค่ะ ส่วนเรื่องคุณสามี ไม่ว่าหรอกค่ะ แค่บอกว่านี่เธออดหลับอดนอนเพื่อได้พันสองพันเหรอ ผมว่าทำธุรกิจอย่างผมง่ายกว่าเยอะเลย ดูพูดสิค่ะ ช่างให้กำลังใจจริงๆ 55555 ล่าสุดนี่ขาดทุนยับเยิน ก็เล่าให้พี่เค้าฟัง แกก็น่ารักค่ะ บอกว่าเอาเถอะอยากเล่นก็เอา ขาดทุนไม่ช่วยนะ แต่ได้กำไรขอแบ่งด้วยสิ เข้าทางเฟิร์สเลยค่ะ พ่อค่ะงั้นขอค่าเป๋าเอามาลงทุนเพื่อล่ะกัน ใบโน่นนี่นั่น ที่ซื้อเองอ่ะ แกถึงกับอึ้งอึ้ง ไป 555555 ขำมากเลยค่ะ

 

พอกับสามีของ Pasaya. เลยค่ะที่ไม่ว่ากลับบอกว่าดีแล้วไม่ต้องออกไปข้างนอก ง่วงก็นอนกลางวันได้ แถมยังได้ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยแม้จะได้น้อยกว่าตอนทำง่นเยอะก็เถอะ

ถือเป็นค่าขนมส่วนเพิ่ม เพราะตอนทำงานก็หามรุ่งหามค่ำอย่างนี้เหมือนกัน แล้วต้องออกแต่เช้ากลับดึกขับรถไกล โรคตรึมทั้งปวดหัวปวดท้อง เข้ารพ ทุกปี ตอนนี้หายเกลี้ยงแค่

หายเครียดเท่านั้น ตอนนี้ก็ลัลลา ดอยบ้างกำไรบ้างโดยรวมแล้วโอเคนะคะ ดีกว่าอยู่เฉยๆ สมองจะได้ไม่ฝ่อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระแสiPad3ดันดาวโจนส์บวก-น้ำมัน-ทองขยับตาม

วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555AAAขนาดตัวอักษร

 

หุ้นเอเชีย-แปซิฟิคเปิดตลาดเช้าวันนี้ฟื้นตัวบวกทั้งนิคเคอิปรับตัวขึ้น 1.01% ออสซี่ขยับขึ้น 0.21% ขานรับการเปิดตัวเปิด iPad3 คึกคักและมาแรงในสหรัฐเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นปัจจัยหลักที่หนุนนำดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกไม่ถึง 1% รวมทั้งแรงหนุนจากข้อมูลจ้างงานสหรัฐ และสัญญาณบวกว่ากรีซอาจแก้ปัญหาหนี้ได้ทันกำหนดเส้นตาย หลังเจ้าหนี้สถาบันการเงินและเจ้าหนี้เอกชนราว 30 แห่งยอมจะเข้าร่วมทำการสวอปหนี้ให้กับกรีซ ด้านหุ้นยุโรปขยับบวกช่วงท้ายตลาดปิดบวกราว 0.5% ราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐปิดตลาดบวก 1.46 ดอลลาร์มาปิดที่ 106.16 ดอลลาร์ต่อลาร์เรล จากข่าวดีข้อมูลจ้างงานสหรัฐและปริมาณน้ำมันดิบสำรองของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนราคาทองปิดตลาดขยับขึ้น 11.80 ดอลลาร์ปิดที่ 1,683 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังมีข่าวเฟดคิดซื้อพันธบัตรประเภทใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขยับขึ้น 78.18 จุดหรือ 0.61% ปิดที่ 12,837.33 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 9.27 หรือ 0.69%ปิดที่ 1,352.63 และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 25.37 จุดหรือ 0.87% ปิดที่ 2,935.69

 

ด้านฟากฝั่งยุโรปปิดในแดนบวกได้ หลังจากผันผวนในช่วงเปิดตลาดในแดนลบ จากความกัวลในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แต่เมื่อถึงช่วงท้ายตลาดเริ่มีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการสวอปหนี้เพิ่มขึ้นของเจ้าหนี้เอกชน โดยล่าสุด ซอคเจนของฝรั่งเศส เป็นหนึ่ง 30 เจ้าหนี้ที่ตกลงลงจะสวอปหนี้กรีซ ดันดัชนี FT100 พลิกยืนบวก 0.44% เช่นเดียวกับ CAC40 ฝรั่งเศส บวก 0.89% และ DAX เยอรมันบวก 0.57%

 

การดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของดัชนีสำคัญๆในตลาดหุ้นสหรัฐ มีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการณ์การจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนก.พ. ที่เพิ่มขึ้นสูงเกินคาด สะท้อนว่า อุตสาหกรรมการผลิตในระบบเศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่งขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว

 

นอกจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์ยังมีความมั่นใจมากขึ้นว่า กรีซจะได้รับความช่วยเหลือในระดับที่จำเป็นจากบรรดานักลงทุนเอกชนในการสว็อปหนี้จำนวน 107 พันล้านยูโร(1.4 พันล้านดอลลาร์)ได้ทันกำหนดเส้นตายวันพฤหัสบดีนี้ ตามเวลาท้องถิ่น

 

น้ำมันปิดเหนือ106ดอลล์

 

ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 106.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากวันก่อนหน้านี้ ที่ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง 2.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นการดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ราครา 123.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

โดยนอกเหนือจากปัจจัยเรื่องข้อมูลจ้างงานในสหรัฐที่สะท้อนว่า อุตสาหกรรมภาคการผลิตของประเทศมีความแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์และปริมาณน้ำมันดิบสำรองเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่าที่คาดแล้ว บรรดาเทรดเดอร์ ยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาปริมาณน้ำมันในตลาดที่อาจจะเกิดปัญหาตึงตัวจากกรณีความตึงเครียดระหว่างประเทศในอ่าวเปอร์เซีย และชาติตะวันตกที่มีสาเหตุมาจากโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน

 

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) จะเปิดเผยปริมาณน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้นประมาณ 8 แสนบาร์เรล หรือ 0.2% เป็น 345.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าระดับปีที่แล้ว 0.9%

 

ทองปิดบวกเกือบ12ดอลล์

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดทะยานขึ้นเมื่อวันพุธ (7 มี.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังพิจารณาเรื่องโครงการซื้อพันธบัตรประเภทใหม่ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 11.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,683.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,685.80-1,675.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ดอลลาร์อ่อนเทียบสกุลหลัก

 

เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆรับข่าวเฟดกำลังทำโครงการซื้อพันธบัตรประเภทใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังพิจารณาเรื่องโครงการซื้อพันธบัตรประเภทใหม่ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนแอลง

 

ทั้งนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.27% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9166 ฟรังค์ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9191 ฟรังค์ และดิ่งลง 0.24% เมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ระดับ 1.3146 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3114 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.11% แตะที่ 1.5736 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5718 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 81.17 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 80.86 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.38% แตะที่ 1.0587 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0547 ดอลลาร์ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.49% แตะที่ 0.8158 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8118 ดอลลาร์

 

ที่มา สุทธิชัยหยุ่น

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ว่าถึงเรื่องนี้นะเจ้เกี้ยมอี่ ! เด็กขายของยังเจ็บใจบรรดาขาใหญ่ไม่หาย ในกรณีของเรื่องที่ผ่านมา อาแปะรับซื้อเข้า 25,600 บาท ตอนราคา Spot. $1,786 ขาดทุน 400-500 บาท/บาททอง เดาแล้วว่า เฉียดๆ $1,800 จะยอมตัดขาดทุนครึ่งหนึ่งของตัวโดมิโน เพราะคิดว่าระดับราคาขาดทุน 400-500 บาท สามารถหมุนเงินกลับมาทำกำไรได้โดยใช้เวลาไม่นาน พอมาถึงขณะนี้ กลับกลายมาเป็นขาดทุน 1,700 บาท/บาททอง กว่าจะเล่นซื้อขายพลิกกลับมาทำกำไร ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ จึงต้องอดทนและทนอดต่อการกำดอยรอต่อไป กำดอยมา 6 เดือนแล้ว

ส่วนตัวคิดว่า การตัดขายขาดทุน เขาคงเขียนไม่เคลียร์ เขาคงอยากจะเขียนตามแนวทางของ คุณพี่ซีซาร์ ( ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม ) ซื้อเท่าไหร่ ลืมราคาให้หมด แล้วมาตั้งราคาทองใหม่หมด ให้มีหลายราคาไล่ราคาจากต่ำสุดถึงสูงเวอร์ แล้วค่อยๆ ทยอยขายในก้อนที่กำไร ( จากการตั้งราคาใหม่แล้ว ) แล้วค่อยๆ ทยอยซื้อเข้าเมื่อราคาต่ำกว่าที่ขายออกไป เพื่อไปลดต้นทุนในพอร์ตรวมทั้งหมดที่ถือครองทองแท่งอยู่ คงไม่ใช่การขายทิ้งทั้งหมด แล้วจึงมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งวิธีการที่กล่าวมาข้างต้น ต้องทำตารางซื้อเข้าขายออกให้ครบถ้วน โดยจุดมุ่งหมายคือ ปริมาณทองเท่าเดิม แต่ราคาดอยลดลง

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาครับ

 

น่านสิคะ ส่วนตัวตอนนี้เริ่มใช้วิธีนี้ตัดดอยเหมือนกัน ดูราคาสูงแต่ละวันและทยอยขาย คิดต้นทุนใหม่รายวันแล้วก็ซื้อราคาต่ำ ทำกำไรตามรอบเก็บเล็กผสมน้อยไป

เดี๋ยวดอยที่สูงก็ลดเอง ตัวดอยสูง 25900 นั้นเจ็บใจเหมือนคุณเด็กขายของเลย sales. โทรมาถามขายมั้ยตอนขาดทุนประมาณ 300 บาทแต่ตอนนั้นเทรนน่าจะขึ้นต่อได้เลย

ไม่ขายปรากฏว่าคืนนั้นโดนทิ้งบอมหงายเก๋งเลย แล้วยังมาไล่ซื้อตอนลงไปเรื่อยๆ อีกเฮ้อ เลยมาลองเริ่มวิธีใหม่เนี่ยแหละค่ะ บริหารสมอง อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

images_1331156812the-new-ipad-017.jpg

 

"The New iPad (iPad 3) หน้าจอแบบ Retina Display ละเอียดขึ้นกว่าเดิม ชิป Apple A5X แบบ Dual-core Processor และประมวลผลภาพเร็วขึ้นด้วย GPU แบบ Quad-core Processor พร้อมกล้องละเอียดขึ้น 5 ล้านพิกเซล"

 

[8-มีนาคม-2555] สิ้นสุดการรอคอยเสียทีครับ กับการเปิดตัว ไอแพด (iPad) รุ่นใหม่ ของปี 2012 ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการแบบสั้นๆ ว่า ไอแพด iPad 3 (The new iPad) ซึ่ง ไอแพด iPad 3 (The new iPad) ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2012 ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือเวลาประมาณ ตีหนึ่ง ตามเวลาในประเทศไทย

 

สำหรับรูปลักษณ์การออกแบบ ไอแพด iPad 3 (The new iPad) นั้น สิ่งแรกที่เราสังเกตเห็นก็คือ หน้าตาของ ไอแพด iPad 3 (The new iPad) นั้น มีหน้าตาเหมือนกับ ไอแพด 2 (iPad 2) แทบจะทุกประการ อีกทั้ง ไอแพด iPad 3 (The new iPad) ยังมีหน้าตาคล้ายกับ ภาพหลุด จากเว็บ MIC GADGET ที่มาเป็นคลิปวิดีโอ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้อีกด้วย เรามาดูกันว่า ไอแพด iPad 3 (The new iPad) มีความโดดเด่นในด้านใดบ้าง และ ไอแพด iPad 3 (The new iPad) จะเหนือกว่า ดีกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) อย่างไร มาดูกันครับ

 

หน้าจอแบบ Retina Display ชัดขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

สำหรับใครที่เคยคิดว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ก็ชัดอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนใจ เมื่อเจอ The new iPad (iPad 3) ครับ เนื่องจาก The new iPad (iPad 3) ใช้หน้าจอแบบ Retina Display ที่มีความละเอียดมากกว่าบน ไอแพด 2 (iPad 2) ถึง 4 เท่า ทำให้ The new iPad (iPad 3) มีระดับความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 2048 x 1536 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซลที่ 264 ppi ให้สีที่คมชัดขึ้น 44% ซึ่งละเอียดกว่า ความละเอียดระดับ HDTV เสียอีก และทำให้มุมมองของภาพกว้างขึ้นอีกด้วยครับ

 

ไอแพด 2 (iPad 2) ราคาลดลง 3,000 บาท ส่วนราคา ไอแพด 3 ก็จะเท่ากับราคาเดิมๆ ที่เคยซื้อ ไอแพด 2

ตามธรรมเนียมครับ เมื่อมีการออก iPad รุ่นใหม่ iPad รุ่นก่อนหน้า จะมีการปรับราคาลง รุ่นละ $100 หรือประมาณ 3,000 บาท ทำให้ ไอแพด 2 (iPad 2) นั้น จำหน่ายที่ราคา $399 หรือประมาณ 12,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ $529 หรือประมาณ 15,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + 3G และเหลือเฉพาะความจุ 16 GB อีกด้วยครับ

 

ดังนั้น ใครจะซื้อ รุ่น 2 ตอนนี้ หยุดก่อนเลย เพื่อรอรุ่น 3 เร็วๆนี้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

น่านสิคะ ส่วนตัวตอนนี้เริ่มใช้วิธีนี้ตัดดอยเหมือนกัน ดูราคาสูงแต่ละวันและทยอยขาย คิดต้นทุนใหม่รายวันแล้วก็ซื้อราคาต่ำ ทำกำไรตามรอบเก็บเล็กผสมน้อยไป

เดี๋ยวดอยที่สูงก็ลดเอง ตัวดอยสูง 25900 นั้นเจ็บใจเหมือนคุณเด็กขายของเลย sales. โทรมาถามขายมั้ยตอนขาดทุนประมาณ 300 บาทแต่ตอนนั้นเทรนน่าจะขึ้นต่อได้เลย

ไม่ขายปรากฏว่าคืนนั้นโดนทิ้งบอมหงายเก๋งเลย แล้วยังมาไล่ซื้อตอนลงไปเรื่อยๆ อีกเฮ้อ เลยมาลองเริ่มวิธีใหม่เนี่ยแหละค่ะ บริหารสมอง อิอิ

55555555 แต่ต้องบอกไว้เลยว่า พวกเราเล่นซื้อขายทองแท่ง ใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมฯ บ้าง ไอแพด บ้าง แต่ก็รับรู้ข่าวสารภายในประเทศ และ ต่างประเทศ ตลอด อิอิ เพราะอย่างที่บ้านของเด็กขายของ กล่าวว่า วันๆ นั่งดูกราฟฯ ไม่เบืี่อเหรอ หุหุหุ เขาไม่รู้หรอกว่า มีหมวดวิชา : ความรู้ทั่วไปสอดแทรกอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่ เย้ เย้ เย้ แท่งเขียว ยี้ ยี้ ยี้ แท่งแดง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

น้ำมันขึ้นแรงหลังคาดเฟดอาจกระตุ้นศก.-หุ้นมะกันปิดบวก

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2555 05:20 น.

 

       เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันโลกเมื่อวันพุธ(7) ขยับขึ้นแรง นักลงทุนเมินข้อมูลที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์พลังงานอันอ่อนแอในสหรัฐฯและไปให้ความสำคัญกับข่าวเฟดเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่ข้อมูลภาคแรงงานและสถานการณ์หนี้ที่ดีขึ้นของกรีซ ก็ช่วยส่งให้วอลล์สตรีท ปิดตัวในแดนบวก

       

       สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 124.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

       

       เดวิด มอร์ริสสัน นักวิเคราะห์จากจีเอฟที มาร์เก็ต ให้ทัศนะว่า "ราคาน้ำมันดิบได้แรงหนุนจากรายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่ระบุว่าเฟด(ธนาคารกลางสหรัฐฯ) กำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงโปรแกรมซื้อพันธบัตร ซึ่งก่อแรงคาดเดาขึ้นมาอีกครั้งต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของเฟด"

       

       ราคาน้ำมันปิดบวกอย่างแรง แม้รายงานประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯจะระบุถึงอุปสงค์อันอ่อนแอในประเทศ หลังคลังน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้นถึง 800,000 บาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 มีนาคม

       

       ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(7) ดีดกลับขึ้นมาปิดในแดนบวกอีกครั้ง จากแรงหนุนของข้อมูลภาคแรงงานและสัญญาณที่บ่งชี้ว่ากรีซจะบรรลุข้อตกลงลดหนี้กับเจ้าหน้าที่ได้ทันเส้นตายของวันพฤหัสบดีนี้(8)

       

       ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 78.63 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,837.78 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 25.37 จุด (0.87 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,935.69 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.28 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,352.64

       

       ด้วยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนอันแข็งแกร่งในเดือนกุมภาพันธ์และข้อมูลที่เผยให้เห็นถึงผลิตภาพทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วที่แข็งแกร่งเกินคาดหมาย ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในแดนบวกพอประมาณ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

‘จีน’ประณามกม.การค้ามะกันฉบับใหม่ที่มุ่งเล่นงานสินค้าแดนมังกร

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2555 02:35 น.

 

       เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีพาณิชย์ เฉิน เต๋อหมิง ของจีน แถลงในวันพุธ(7) ว่า ร่างรัฐบัญญัติการค้าของสหรัฐฯที่เพิ่งผ่านการอนุมัติของรัฐสภาอเมริกันมาหมาดๆ โดยมุ่งเล่นงานสินค้าจีนที่เข้าสู่สหรัฐฯนั้น เป็นกฎหมายที่ขัดต่อกฎระเบียบระหว่างประเทศ นอกจากนั้นเขายืนยันว่าปักกิ่งจะไม่ปรับค่าเงินหยวนเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้า พร้อมกับระบุว่า การที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าอย่างมาหศาลนั้น เป็นปัญหาที่วอชิงตันจะต้องเป็นผู้ลงมือแก้ไข

       

       ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ แสดงท่าทีแล้วว่าจะลงนามผ่านร่างรัฐบัญญัตินี้ให้เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ โดยที่เนื้อหาสำคัญของร่างรัฐบัญญัติฉบับนี้ จะเปิดทางให้ขึ้นภาษีพิเศษเอากับสินค้าที่ได้รับการอุดหนุนจากพวกประเทศที่ใช้ “ระบบเศรษฐกิจซึ่งมิใช่แบบตลาด” ทั้งนี้ประเทศพวกนี้รายสำคัญๆ ที่เป็นคู่ค้าของสหรัฐฯ ได้แก่ จีน และเวียดนาม โดยที่รัฐสภาอเมริกันและทำเนียบขาวต่างเห็นพ้องกันว่า กฎหมายเช่นนี้จะช่วยปกป้องคุ้มครองตำแหน่งงานของชาวอเมริกัน

       

       รัฐมนตรีเฉิน กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมประจำปีของรัฐสภาจีนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ โดยเขาบอกว่า จีนพร้อมทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) แต่จีนไม่มีพันธกรณีที่จะต้องทำตามกฎหมายภายในประเทศ หรือระเบียบกฎเกณฑ์ในประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งเกินเลยไปกว่ากฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ

       

       เขากล่าวว่าจีนประสบความสำเร็จมากกว่าสหรัฐฯในการทำให้การค้าที่ตนมีอยู่กับทั่วโลกเกิดความสมดุลมากขึ้น กล่าวคือ จีนได้เปรียบดุลการค้าต่อทั่วโลกลดต่ำลงมาเหลือเท่ากับ 2.1% ของจีดีพีแล้วในปี 2011 ทว่าสหรัฐฯกลับยังคงขาดดุลการค้าต่อทั่วโลกในระดับ 4.8% ของจีดีพี

       

       เฉินระบุว่า ตัวเลขสถิติเช่นนี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯนั้นมีความรับผิดชอบที่จะต้องลดการขาดดุลของตนลงมา

       

       “ทำไมสหรัฐฯจึงมีการขาดดุลการค้าโดยรวมสูงถึง 700,000 ล้านดอลลาร์? ทำไมจีนจึงมีการเกินดุลการค้าโดยรวมเพียงแค่ 150,000 ล้านดอลลาร์ แต่มีการเกินดุลการค้าสหรัฐฯสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์” เฉินตอบ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถาม

       

       “ทุกๆ คนที่ปราศจากอคติ และติดอาวุธด้วยหลักเศรษฐศาสตร์แบบสามัญสำนึก ย่อมสามารถที่จะหาข้อสรุปอันถูกต้องได้กันทั้งนั้น” เขากล่าว

       

       การแถลงของเฉินคราวนี้ บังเกิดขึ้น 1 วันหลังจากรัฐสภาสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวที่โอบามาบอกว่าจะลงนามประกาศใช้ ก่อนการออกกฎหมายฉบับนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯอาศัยมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาด มาขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เก็บจากสินค้าของ “ระบบเศรษฐกิจซึ่งมิใช่แบบตลาด” ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากรัฐจนทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา แต่ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯพิพากษาว่า กระทรวงไม่มีอำนาจกระทำเรื่องนี้

       

       การที่ 2 สภาของสหรัฐฯอนุมัติร่างรัฐบัญญัติฉบับนี้ เท่ากับให้อำนาจตามกฎหมายในเรื่องนี้แก่กระทรวงพาณิชย์นั่นเอง เมื่อโอบามาลงนามให้เป็นรัฐบัญญัติที่มีผลบังคับใช้ ย่อมหมายความว่า คำสั่งให้เก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงขึ้นจากสินค้านำเข้าของจีนและเวียดนาม ซึ่งทางกระทรวงออกไปแล้วจำนวน 24 ฉบับ ตลอดจนเรื่องที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 6 เรื่อง จะยังคงมีผลต่อไป ทั้งนี้ในจำนวนคำสั่ง 24 ฉบับดังกล่าว มีถึง 23 ฉบับซึ่งมุ่งลงโทษเล่นงานสินค้านำเข้าที่ได้รับการอุดหนุนจากจีน

       

       รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์จีนของสหรัฐฯนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริง

       

       “รัฐบาลสหรัฐฯก็เคยอุดหนุนพวกบริษัทของตน อย่างเช่น ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ... แต่จีนก็ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ หรือเริ่มต้นใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดอย่างขนานใหญ่เอากับความเคลื่อนไหวดงกล่าว” เฉินบอก

       

       เขากล่าวอีกว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนของจีนในเวลานี้ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับมูลค่าที่ยุติธรรมแล้ว และจีนไม่มีเจตจำนงที่จะปล่อยให้เงินหยวนปรับตัวแข็งค่าขึ้นแรงๆ แต่อย่างใด

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ร้ายอย่างที่กลัว

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2555 05:43 น.

 

       ตลาดหุ้นวันพุธปิดทำการ 1 วัน เนื่องในวันพระใหญ่ วันมาฆบูชา ซึ่งถือเป็นโชคช่วยของนักลงทุน เพราะหากเปิดซื้อขาย มีหวังระเนระนาด ดัชนีหุ้นมีสิทธิทรุดลงระดับตัวเลข 2 หลัก หลุดระดับ1150 ขุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญแน่นอน เนื่องจากปัจจัยภายนอกเลวร้าย ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงฉาน

 

       ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันอังคารรูดลง 201 จุด ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงเหว ตลาดหุ้นย่านเอเชียฟุบต่อเนื่องเป็นแถว ราคาทองคำร่วงผลอยกว่า 30 ดอลลาร์ต่อออนส์ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงหลายดอลลาร์ต่อบาเรลล์ ปัจจัยลบหนักเช่นนี้ ตลาดหุ้นไทยต้านไม่ไหวแน่

       แต่สถานการณ์ตลาดหุ้นวันพุธกระเตื้องขึ้นแล้ว หุ้นยุโรปบวกกันถ้วนหน้า ระดับครึ่งค่อนเปอร์เซนต์ ดาวโจนส์ฟื้นขึ้นมา 78 จุด ราคาทองคำโงหัวขึ้นมาที่ระดับ1,685 ดอลลาร์ต่อออนส์ ขณะที่ราคาน้ำมันขยับขึ้นที่ระดับ 106 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ ส่วนตลาดหุ้นย่านเอเชียวันนี้ คงลืมต้าอ้าปากได้บ้าง หลังจากมุดลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นสัปดาห์

 

       อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการลงทุนวันนี้ คงไม่คึกคักมากนัก เพราะไม่มีปัจจัยในเชิงบวกกระตุ้น และความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงวันหยุด ยังมีผลกระทบเชิงจิตวิทยาอยู่ หรืออาจฉุดให้หุ้นปรับตัวลง ชดเชยวันที่ปิดทำการได้ นอกจากนั้น แรงหนุนจากต่างชาติ เริ่มแสดงความอ่อนล้า เพราะเมื่อวันอังคาร ยอดซื้อสุทธิของต่างชาติเหลือเพียง 500 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นยอดซื้อสุทธิที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับการซื้อในรอบหลายสัปดาห์

       ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมแล้ว ไม่มีข่าวดีชิ้นใหม่เข้ามาเสริม มีแต่ความแปรปรวนของปัจจัยภายนอก โดยความกังวลวิกฤตการณ์หนี้ของยุโรปยังไม่หมดไป ส่วนปัจจัยภายใน ไม่มีอะไรที่เป็นบวก และช่วงปลายสัปดาห์นี้ จะมีความเคลื่อนไหวต่อต้านแก้รัฐธรรมนูญของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้สถานการณ์การเมืองร้อนขึ้น ซึ่งแม้นักลงทุนยังไม่ให้น้ำหนักต่อสถานการณ์ทางการเมืองมากนัก แต่ต้องให้ความสำคัญต่อปัจจัยการเมืองไว้บ้าง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะอาจนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงได้

 

       ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ควรจะเน้นการปักหลักรอคอย แม้หุ้นจะอ่อนตัวลงมา ก็ไม่ควรรีบร้อนเข้าไปช้อนเก็บ เพราะไม่มีสัญญาณการดีดตัวกลับ ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า ตลาดจะกลับสู่ความร้อนแรง และท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน ประคับประคองตัวได้ ดัชนีติดลบเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเก่งแล้ว

       สิ่งที่ต้องจับตาใกล้ชิดคือ นักลงทุนต่างชาติ หมดแรงซื้อหรือยัง ถ้าหมดแรงซื้อ และเริ่มเทขาย ต้องชิงทิ้งหุ้นหนีตามฝรั่งให้ทัน อย่าซื้อสวน

       ส่วนสิ่งที่ต้องระวังคือ หุ้นที่กำลังเปิดกลยุทธ์ล่อแมลงเม่า โดยสร้างข่าวมายั่วกิเลศนักเก็งกำไร ไม่ว่าการเพิ่มทุน การแจกวอแร้นท์ หรือสร้างประเด็นเชิงบวกอื่นๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับหุ้นตัวเล็กๆ จะตามแห่เก็งกำไรตามข่าวอะไร ต้องยับยั้งชั่งใจให้ดี

       หลักลงทุนโดยรวมแล้ว ช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง ควรเน้นการลดน้ำหนัก ไม่ใช่เพิ่มน้ำหนักการลงทุน มีกำไรก็ทยอยปล่อยของออกมาบ้าง

       เพราะจุดสูงสุดของหุ้นในรอบนี้ น่าจะผ่านพ้นไปแล้วที่ดัชนี1173 จุด

       

       หมายเหตุ... คอลัมน์เกาะติดชีพจรหุ้น จะมีรายงานวันละ 3 เวลา โดยก่อนเปิดตลาดช่วงเช้า ระหว่างเวลาประมาณ 9.00น.-9.30 น. หลังปิดตลาดภาคเช้า รายงานเวลาประมาณ 13.00น. และหลังปิดตลาดภาคบ่าย เวลาประมาณ18.00น.

       ส่วนคอลัมน์พูดจาประสาคน(อยาก)รวยหุ้น เป็นการสอบถามปัญหาหุ้นโดยทั่วไป โดยจะพยายามตอบคำถามให้เร็วที่สุด มีคำถามอะไร ตั้งไว้ในคอลัมน์ได้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มิทท์ รอมนีย์คาดหวังจะได้รับชัยชนะเป็นตัวแทนพรรครีพับลีกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

 

คณะรณรงค์หาเสียงเป็นตัวแทนพรรครีพับลีกัน ในการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ของนายมิทท์ รอมนีย์ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่านายรอมนีย์จะถือเป็น “เหตุสุดวิสัย” หากคู่แข่งในพรรคของเขาได้รับชัยชนะเหนือเขา เป็นตัวแทนเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ใน “ซูเปอร์ ทีวสเดย์” ซึ่งกำลังมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงภายในพรรค

นายรอมนีย์ได้รับชัยชนะขั้นต้นใน 6 รัฐจาก 10 รัฐ รวมทั้งมลรัฐโอไฮโอ สมรภูมิสำคัญซึ่งเขาสามารถเอาชนะนายริค ซันโตรัม ในฐานะตัวแทนพรรครีพับลีกันได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เขายังไม่อาจได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดเหนือนายซันโตรัม ซึ่งได้รับชัยชนะใน 3 รัฐทางภาคตะวันตกและภาคใต้ของสหรัฐ ได้.

 

 

สหรัฐขึ้นบัญชีดำอาร์เจนตินาในฐานะประเทศหลักที่เป็นแหล่งฟอกเงิน

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐประกาศในวันนี้ ขึ้นบัญชีดำประเทศอาร์เจนตินา ประเทศคิวราเคา และเซนต์ มาร์เทน ในฐานะ 3 ประเทศหลักที่เป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นการยกระดับจากประเทศที่ถูกจับตามอง ว่าเป็นแหล่งฟอกเงิน โดยในรายงานประจำปีเรื่อง “กลยุทธ์การควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ” ได้เลื่อนอาร์เจนตินา และประเทศเกาะอีก 2 ประเทศในแถบทะเลแคริบเบียน ให้อยู่ในบัญชี “ความน่าวิตกกัวลหลักต่อการที่ขอบเขตอำนาจที่ศาลและกฎหมายควบคุมไปถึง” จากบัญชี “ความน่าวิตกกังวล” ซึ่งถือว่าเป็นบัญชีที่มีความรุนแรงน้อยกว่าก่อนหน้านี้.

 

 

 

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องจีนแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมต่อประโยชน์ที่โลกจะได้รับในการก้าวขึ้นมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก

 

นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้องเมื่อวานนี้ ให้จีนแสดง “ให้เห็นเป็นรูปธรรม” ต่อการก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ว่าการยกระดับดังกล่าว เป็นผลประโยชน์ต่อโลกทั้งมวล พร้อมกล่าวเสริมว่า จีนจำเป็นที่จะต้องมีความรับผิดชอบต่อโลกมากขึ้น

ในการกล่าวสุนทรพจน์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มประเทศในแถบแปซิฟิก เธอยังกล่าวเรียกร้องให้จีนปกป้องสิทธิของธุรกิจต่างชาติในจีน รวมทั้งปรับค่าเงินหยวนของจีน ให้มีค่าที่สะท้อนความเป็นจริง และปรับปรุงทางด้านสิทธิมนุษยชนในจีนด้วย รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังกล่าวปฏิเสธว่า สหรัฐไม่ได้พยายามยับยั้งการเติบโตของจีน พร้อมยืนยันว่า ประเทศจีนที่มีความเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ในที่สุดแล้ว จะเป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสหรัฐและจีน.

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : ถนอม พิพิธยากร / สวท.   Rewriter : ถนอม พิพิธยากร / สวท.

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 08 มีนาคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ว่าถึงเรื่องนี้นะเจ้เกี้ยมอี่ ! เด็กขายของยังเจ็บใจบรรดาขาใหญ่ไม่หาย ในกรณีของเรื่องที่ผ่านมา อาแปะรับซื้อเข้า 25,600 บาท ตอนราคา Spot. $1,786 ขาดทุน 400-500 บาท/บาททอง เดาแล้วว่า เฉียดๆ $1,800 จะยอมตัดขาดทุนครึ่งหนึ่งของตัวโดมิโน เพราะคิดว่าระดับราคาขาดทุน 400-500 บาท สามารถหมุนเงินกลับมาทำกำไรได้โดยใช้เวลาไม่นาน พอมาถึงขณะนี้ กลับกลายมาเป็นขาดทุน 1,700 บาท/บาททอง กว่าจะเล่นซื้อขายพลิกกลับมาทำกำไร ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ จึงต้องอดทนและทนอดต่อการกำดอยรอต่อไป กำดอยมา 6 เดือนแล้ว

ส่วนตัวคิดว่า การตัดขายขาดทุน เขาคงเขียนไม่เคลียร์ เขาคงอยากจะเขียนตามแนวทางของ คุณพี่ซีซาร์ ( ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม ) ซื้อเท่าไหร่ ลืมราคาให้หมด แล้วมาตั้งราคาทองใหม่หมด ให้มีหลายราคาไล่ราคาจากต่ำสุดถึงสูงเวอร์ แล้วค่อยๆ ทยอยขายในก้อนที่กำไร ( จากการตั้งราคาใหม่แล้ว ) แล้วค่อยๆ ทยอยซื้อเข้าเมื่อราคาต่ำกว่าที่ขายออกไป เพื่อไปลดต้นทุนในพอร์ตรวมทั้งหมดที่ถือครองทองแท่งอยู่ คงไม่ใช่การขายทิ้งทั้งหมด แล้วจึงมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งวิธีการที่กล่าวมาข้างต้น ต้องทำตารางซื้อเข้าขายออกให้ครบถ้วน โดยจุดมุ่งหมายคือ ปริมาณทองเท่าเดิม แต่ราคาดอยลดลง

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาครับ

 

ถูกต้องที่สุดค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...